นักวิชาการของกระทรวงศึกษารู้จักอายบ้างไหม
Posted 14 June 2013 - 17:55
นักวิชาการของกระทรวงศึกษารู้จักอายบ้างไหม
Posted 14 June 2013 - 17:58
POPULAR
เอาง่ายๆแค่เด็กอนุบาลยังต้องเรียนพิเศษ.....ห่วยขนาดหนักแล้วละครับ
Posted 14 June 2013 - 18:28
Posted 14 June 2013 - 18:56
หลายๆอย่างที่บรรดานักวิชาการไทย พวกที่มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย(ของรัฐบาล ทุกรัฐบาล)
ชอบลอกเลียนต่างประเทศมา โดยไม่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสังคมไทย
และของต่างประเทศก็ใช่ว่าดีทุกอย่าง
ดูตอนนี้ก็ได้ อาการน่าเป็นห่วงกี่ประเทศเข้าไปแล้ว
ถ้าไม่มีการค้าสงคราม ขโมยทรัพยากรประเทศอื่น หลายประเทศคงเจ๊งไปนานแล้ว
Posted 14 June 2013 - 19:04
ปัญหาคือ การรื้อระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบ
โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กอนุบาลไปเลย
คือ ประเทศเราถูกสอนให้เด็กไม่กล้าแสดงออกเวลาอยู่ในชั้น เพราะถ้าทำผิด จะโดนหัวเราะ จะโดนทำโทษ
แทนที่จะให้กำลังใจเหมือนในต่างประเทศ
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
Posted 14 June 2013 - 19:23
ปัญหาคือ การรื้อระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบ
โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กอนุบาลไปเลย
คือ ประเทศเราถูกสอนให้เด็กไม่กล้าแสดงออกเวลาอยู่ในชั้น เพราะถ้าทำผิด จะโดนหัวเราะ จะโดนทำโทษ
แทนที่จะให้กำลังใจเหมือนในต่างประเทศ
พอเข้ามหาลัยได้ ก็เจอรุ่นพี่บ้าอำนาจ อาจารย์แดงแจ๋อีก
Posted 14 June 2013 - 19:30
ปัญหาคือ การรื้อระบบการศึกษาใหม่ทั้งระบบ
โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กอนุบาลไปเลย
คือ ประเทศเราถูกสอนให้เด็กไม่กล้าแสดงออกเวลาอยู่ในชั้น เพราะถ้าทำผิด จะโดนหัวเราะ จะโดนทำโทษ
แทนที่จะให้กำลังใจเหมือนในต่างประเทศ
พอเข้ามหาลัยได้ ก็เจอรุ่นพี่บ้าอำนาจ อาจารย์แดงแจ๋อีก
อย่าเสียดสีมหาลัยฯ ที่ผมเรียนมาซิ
Posted 14 June 2013 - 20:06
Posted 14 June 2013 - 21:21
สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง
ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า
Posted 14 June 2013 - 22:01
Posted 14 June 2013 - 22:12
แม่ผมเป็นครูจวนเกษียรณ์แล้ว
ยังบ่นปอดแปดเลยว่า
ยุคนี้ คัดครูได้แจ่มมาก
เด็กจบที่ดีๆ สอบไม่ได้
ไหนจะทุจริตสอบเข้า
รอบแรกยังไม่เท่าไหร่
รอบสอง ยังมีอีกเหมือนเดิม
กระทรวงศึกษาครับ
ครูยังโกงเข้ามา แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปสอนเด็กๆ
ประเทศชาติ
Posted 14 June 2013 - 22:25
มันคล้ายกับการดูแลของโรงพยาบาลรัฐกับโรงพยาบาลเอกชนนะครับ
โรงพยาบาลเอกชนหายาดีๆ ตรวจละเอียดยิบ มีพยาบาลดูแลตลอด
โรงพยาบาลรัฐ เอายาพาราเป็นหลัก(อยากได้ยาดีเสียเงินเพิ่มเอง) ตรวจละเอียดเฉพาะใกล้ตายหรือโคม่า ดูแลตัวเองหรือให้ญาติมาเฝ้าแล้วคอยไปเรียกพยาบาล
ผมว่า 2 เรื่องนี้สำคัญพอกันในเรื่องการพัฒนาคุณภาพประชากรไทย ควรจะปรับปรุงได้แล้ว
ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย
Posted 14 June 2013 - 22:33
เล่าให้ฟังนิด บ้านผมเปิด รร อนุบาลและได้คุยกันและตัดสินใจจะใช่หนังสือเรียนภาษาไทย
มานะ มานี ชูใจ
ไม่ใช่แบบเรียนรุ่นใหม่ที่พิสูนจต์ตัวเองแล้วว่าล้มเหลว
การศึกษาพักหลังกลายเป็นของทดลองไงไม่รู้ เด็กๆน่าสงสารที่เป็นหนูทดลองของนักวิชาการ
Posted 15 June 2013 - 00:28
เล่าให้ฟังนิด บ้านผมเปิด รร อนุบาลและได้คุยกันและตัดสินใจจะใช่หนังสือเรียนภาษาไทย
มานะ มานี ชูใจ
ไม่ใช่แบบเรียนรุ่นใหม่ที่พิสูนจต์ตัวเองแล้วว่าล้มเหลว
การศึกษาพักหลังกลายเป็นของทดลองไงไม่รู้ เด็กๆน่าสงสารที่เป็นหนูทดลองของนักวิชาการ
มานะ มานี สอนการอ่านได้ดีคะ
มานีดูปู ปูอยู่ในรู
You can't fix stupid - Ron White
You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan
"A society is judged by how it treats its animals and elderly"
Posted 15 June 2013 - 00:32
ไม่แน่ใจว่าห้องเรียนต่างประเทศเป็นอย่างไร
แต่ห้องเรียนเด็กไทยอัดเข้าไป50-60 คน
ครูจัดการชั้นเรียนอย่างไร อยากรู้จริงๆ
แถมวิชาเรียนก็เยอะ วันนึงเรียนแปดชั่วโมง
เกือบแปดวิชา เรียนจนไม่ช่ำชองสักสิ่ง
เห็นนร.อนุบาลแบกกระเป๋าเรียนแล้วสงสารจริงๆ
Posted 15 June 2013 - 00:37
ครูสมัยนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปสอนเด็ก แค่เวลาทำผลงานเลื่อนขั้นยังไม่พอเลย ต้องทำเอกสารเป็นปึกๆ ทำนู้น แก้นี้ ทำไปทำมาปิดเทอมพอดี
Posted 15 June 2013 - 01:22
ที่ลูกเราเรียนอนุบาล 1 ห้อง มีเด็กสามสิบคนต่อครูสองคน เข้า 9.20เลิกบ่าย2 ป1-6 เลิกบ่าย3 จน รวย เรียน รร เดียวกันหมด ไม่มีแยกชั้นวรรณะ ไม่มีเรียนพิเศษ นอกจากกิจกรรมบางอย่างต้องไปเรียนข้างนอกกับเอกชนเป็นคอร์สๆไป เวลายืนคุยกับครูใหญ่ก็ไม่ต้องเอามือกุมไว้ ชิวๆสบายๆ หมู่บ้านที่อยู่มี รร เด็กสามรร อีกหนึ่งเป็นมัธยมมีเด็กไทยมาเรียนด้วย รรแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันไม่ถึงสิบห้านาที บ้านเรากระเตงเข้าเมืองกันแต่้เช้ามืด ครูมาตรฐานเดียวกัน ว่าไปก็ชินกับ รร ที่นี่ ถ้าลูกไปเรียนเมืองไทยคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากิจกรรม ค่าเรียนพิเศษ เพราะจิปาถะเยอะ แข่งกันเกินความจำเป็น ความเห็นส่วนตัวค่ะ
Posted 15 June 2013 - 15:18
มันห่วยมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ปัจุบันตั้งแต่ไอ้....นั่น มันเริ่มปฎิรูปการศึกษา
ดึงไอ้พวกหัวก้าวหน้าลงคลองเข้ามามีบทบาท ทุกอย่างก็ยิ่ง ดิ่งเหว
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
Posted 15 June 2013 - 15:36
ไม่แน่ใจว่าห้องเรียนต่างประเทศเป็นอย่างไร
แต่ห้องเรียนเด็กไทยอัดเข้าไป50-60 คน
ครูจัดการชั้นเรียนอย่างไร อยากรู้จริงๆ
แถมวิชาเรียนก็เยอะ วันนึงเรียนแปดชั่วโมง
เกือบแปดวิชา เรียนจนไม่ช่ำชองสักสิ่ง
เห็นนร.อนุบาลแบกกระเป๋าเรียนแล้วสงสารจริงๆ
เล่าให้ฟังนิด เพื่อนผมได้ออกแบบ รร แห่งหนึ่งดังมากทางใต้
แกบอกเจ้าของสั่งมาให้ระหว่างห้องสามารถเปิดผนังรวมเป็นห้องเดียวกันได้ คือจากห้องละ 40 คน รวม 2 ห้องเป็น 90 คน
เพราะเวลาจ้างครูพิเศษมาสอน ได้สอนทีเดียวพร้อมกัน 2 ห้องได้...........
เอวัง
Posted 15 June 2013 - 18:57
มันคล้ายกับการดูแลของโรงพยาบาลรัฐกับโรงพยาบาลเอกชนนะครับ
โรงพยาบาลเอกชนหายาดีๆ ตรวจละเอียดยิบ มีพยาบาลดูแลตลอด
โรงพยาบาลรัฐ เอายาพาราเป็นหลัก(อยากได้ยาดีเสียเงินเพิ่มเอง) ตรวจละเอียดเฉพาะใกล้ตายหรือโคม่า ดูแลตัวเองหรือให้ญาติมาเฝ้าแล้วคอยไปเรียกพยาบาล
ผมว่า 2 เรื่องนี้สำคัญพอกันในเรื่องการพัฒนาคุณภาพประชากรไทย ควรจะปรับปรุงได้แล้ว
เล่าให้ฟังนิด บ้านผมเปิด รร อนุบาลและได้คุยกันและตัดสินใจจะใช่หนังสือเรียนภาษาไทย
มานะ มานี ชูใจ
ไม่ใช่แบบเรียนรุ่นใหม่ที่พิสูนจต์ตัวเองแล้วว่าล้มเหลว
การศึกษาพักหลังกลายเป็นของทดลองไงไม่รู้ เด็กๆน่าสงสารที่เป็นหนูทดลองของนักวิชาการ
ไอ้พวกนักวิชาการข้างในมันอยู่แต่ในห้องแอร์ขยันแก้ขยันเปลี่ยน สองสามปีเปลี่ยนจนครูปรับตัวไม่ทัน ให้วัดห่าเหวอะไรมากมาย สมัยก่อนไม่เห็นต้องมีอะไรยุ่งยากขนาดนี้ หลังหลักสูตร 2521 มาจนถึงปัจจุบันแย่มาก
ระบบมันแย่ ต้องแก้ที่ระบบ
เห็นด้วยทุกคำตอบครับ ไม่รู้โชคดีหรือร้าย ที่ผมไม่มีลูก ไม่งั้นคงเศร้าใจกว่านี้
ระบบต่างๆของประเทศเรา อาการน่าเป็นห่วงเกือบทั้งหมด
***การศึกษา
***การรักษาพยาบาล
***ยุติธรรม
ที่น่ากลัวที่สุดคือระบบเลือกตั้ง ปัจจุบันซื้อกันทุกระดับการเลือกตั้ง
Posted 15 June 2013 - 19:06
มันคล้ายกับการดูแลของโรงพยาบาลรัฐกับโรงพยาบาลเอกชนนะครับ
โรงพยาบาลเอกชนหายาดีๆ ตรวจละเอียดยิบ มีพยาบาลดูแลตลอด
โรงพยาบาลรัฐ เอายาพาราเป็นหลัก(อยากได้ยาดีเสียเงินเพิ่มเอง) ตรวจละเอียดเฉพาะใกล้ตายหรือโคม่า ดูแลตัวเองหรือให้ญาติมาเฝ้าแล้วคอยไปเรียกพยาบาล
ผมว่า 2 เรื่องนี้สำคัญพอกันในเรื่องการพัฒนาคุณภาพประชากรไทย ควรจะปรับปรุงได้แล้ว
เล่าให้ฟังนิด บ้านผมเปิด รร อนุบาลและได้คุยกันและตัดสินใจจะใช่หนังสือเรียนภาษาไทย
มานะ มานี ชูใจ
ไม่ใช่แบบเรียนรุ่นใหม่ที่พิสูนจต์ตัวเองแล้วว่าล้มเหลว
การศึกษาพักหลังกลายเป็นของทดลองไงไม่รู้ เด็กๆน่าสงสารที่เป็นหนูทดลองของนักวิชาการ
ไอ้พวกนักวิชาการข้างในมันอยู่แต่ในห้องแอร์ขยันแก้ขยันเปลี่ยน สองสามปีเปลี่ยนจนครูปรับตัวไม่ทัน ให้วัดห่าเหวอะไรมากมาย สมัยก่อนไม่เห็นต้องมีอะไรยุ่งยากขนาดนี้ หลังหลักสูตร 2521 มาจนถึงปัจจุบันแย่มาก
ระบบมันแย่ ต้องแก้ที่ระบบ
เห็นด้วยทุกคำตอบครับ ไม่รู้โชคดีหรือร้าย ที่ผมไม่มีลูก ไม่งั้นคงเศร้าใจกว่านี้
ระบบต่างๆของประเทศเรา อาการน่าเป็นห่วงเกือบทั้งหมด
***การศึกษา
***การรักษาพยาบาล
***ยุติธรรม
ที่น่ากลัวที่สุดคือระบบเลือกตั้ง ปัจจุบันซื้อกันทุกระดับการเลือกตั้ง
ผมนึกถึงทฏษฐีมาสโลว์ ไอ้เรื่อง ความต้องการทั้ง 5
http://th.wikipedia....องการของมาสโลว์
ผมรู้สึกว่า
ประเทศเรา ณ วันนี้ แค่ขั้นที่1กับขั้น2 มันยังไม่น่าไว้วางใจเลยเลย
Posted 15 June 2013 - 19:34
สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง
ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า
ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ
พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ
อย่างฮา
Posted 15 June 2013 - 19:56
สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง
ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า
ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ
พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ
อย่างฮา
อัตนัยหรือปรนัยครับ
Posted 15 June 2013 - 20:01
ขนาด "ด็อกเตอร์" ยังกากอย่างเห็นได้ชัด การศึกษาไม่แย่ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
Invoke ExitWindowsEx, EWX_SHUTDOWN | EWX_POWEROFF | EWX_FORCEIFHUNG, SHTDN_REASON_MAJOR_SYSTEM
Posted 15 June 2013 - 20:43
ขนาด "ด็อกเตอร์" ยังกากอย่างเห็นได้ชัด การศึกษาไม่แย่ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
ดร.ด้านกฏหมาย......ไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แค่ทำในสิ่งที่กฏหมายห้ามใว้
Posted 15 June 2013 - 21:17
การศึกษาไทยห่วยจริงเหรอ ทำไมประเทศเจริญก้าวหน้าขนาดนี้ คนไทยได้รางวัลทางวิชาการแทบทุกปี ที่ห่วยเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งหรือเปล่า แต่ญี่ปุ่นก็พูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่ประเทศก็พัฒนาได้ดีเหมือนกัน
ถ้าการสอนในระบบดีจริง ทำไมโรงเรียนกวดวิชาบานเหมือนดอกเห็ด
และคุณคิดว่าด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่ประเทศไทยตั้งอยู่
เราเจริญได้แค่นี้ สมควรแล้วหรือ
(ขอโทษด้วยที่ต้องตอบ แม้รู้ว่าคุณไม่มีทางเห็นด้วย)
Posted 15 June 2013 - 22:46
การศึกษาไทยห่วยจริงเหรอ ทำไมประเทศเจริญก้าวหน้าขนาดนี้ คนไทยได้รางวัลทางวิชาการแทบทุกปี ที่ห่วยเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งหรือเปล่า แต่ญี่ปุ่นก็พูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่ประเทศก็พัฒนาได้ดีเหมือนกัน
คนเก่งมีแค่หยิบมือ แต่คนส่วนใหญ่......
นักวิชาการแทนที่จะช่วยพัฒนาประเทศ แต่ปัจจุบันที่ เย้วๆ กันอยู่...... มันมีสาระมั๊ย คิดเอา
แล้วการศึกษาไทย มันดีหรือแย่......
หากมันดี บ้านเมืองเรา จะเป็นแบบนี้หรือ?
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
Posted 16 June 2013 - 00:47
ไปอ่านเจอคำตอบข้างล่างนี้มา มิน่า ทักษิณถึงได้ด่าว่าพวกควายแดงอ่านหนังสือปีละ ๓ บรรทัด !!!
ข้าว ๓๐ ล้านตัน x ตันละ ๑๕,๐๐๐ บาท = สี่หมื่นล้านบาท .. สงสัยไอ้หมอนี่เองที่เป็นคนคิด
ตัวเลขขาดทุนให้ไอ้พวกเ หี้ยรัฐมนตรีหัวคูณ
(พวกควายแดงที่โพสต์ในกระทู้ก็โง่พอกันที่ไม่ช่วยมันแก้ตัวเลข)
http://pantip.com/topic/30610618
Edited by สมชายสายชม, 16 June 2013 - 00:49.
ชาวนา เกษตรกร กรรมกร และประชาชน เป็นเจ้าของประเทศ
แต่ หลงจู๊ ผู้รับเหมา นายทุน และนักการเมือง เป็นเจ้าของโฉนด
คนชั่วที่ชอบใช้ประชาธิปไตยเป็นข้ออ้างว่า "มาจากการเลือกตั้ง"
ก็ไม่ต่างกับพระปลอมที่นำ "จีวร" มาห่มเพื่อหลอกชาวบ้าน
Posted 16 June 2013 - 01:08
การศึกษาไทยห่วยจริงเหรอ ทำไมประเทศเจริญก้าวหน้าขนาดนี้ คนไทยได้รางวัลทางวิชาการแทบทุกปี ที่ห่วยเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งหรือเปล่า แต่ญี่ปุ่นก็พูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่ประเทศก็พัฒนาได้ดีเหมือนกัน
ถ้าการสอนในระบบดีจริง ทำไมโรงเรียนกวดวิชาบานเหมือนดอกเห็ด
และคุณคิดว่าด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่ประเทศไทยตั้งอยู่
เราเจริญได้แค่นี้ สมควรแล้วหรือ
(ขอโทษด้วยที่ต้องตอบ แม้รู้ว่าคุณไม่มีทางเห็นด้วย)
ผมงงนะอาจารย์ที่สอนกวดวิชาบางคนก็สอนในโรงเรียนต่างๆ แต่วิชาที่สอนในโรงเรียนมันไม่เห็นเข้มเท่าที่โรงเรียนกวดเลย ทั้งที่ถ้าจะทำจริงก็ทำได้ เลยมาคิดเล่นๆ หากครูที่ต้องการพิเศษ ก็สอนที่โรงเรียนแบบอ่อนๆ และบอกผู้ปกครองอยากได้หลักสูตรเข้มๆก็ไปโรงเรียนนั้น นี่ ตามที่ตัวเองรับจ๊อบอยู่หรือเปล่า
หรืออีกมุมเป็นเพราะโครงสร้างหลักสูตรอ่อนอยู่แล้ว ครูเลยสอนตามหลักสูตรที่อ่อน ครูเลยได้ช่องต่าง เพื่อไปสอนกวดวิชา ถ้าอย่างนี้ต้องปรับโครงสร้างหลักสูตรให้เข้มงวดไปเลย ประมาณว่าสอนกวดวิชายังไง ผลลัพธ์ลูกศิษย์ต้องได้ความรู้แบบเดียวกัน
ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย
Posted 16 June 2013 - 02:28
การศึกษาไทยห่วยจริงเหรอ ทำไมประเทศเจริญก้าวหน้าขนาดนี้ คนไทยได้รางวัลทางวิชาการแทบทุกปี ที่ห่วยเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งหรือเปล่า แต่ญี่ปุ่นก็พูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่ประเทศก็พัฒนาได้ดีเหมือนกัน
ถ้าการสอนในระบบดีจริง ทำไมโรงเรียนกวดวิชาบานเหมือนดอกเห็ด
และคุณคิดว่าด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่ประเทศไทยตั้งอยู่
เราเจริญได้แค่นี้ สมควรแล้วหรือ
(ขอโทษด้วยที่ต้องตอบ แม้รู้ว่าคุณไม่มีทางเห็นด้วย)
ผมงงนะอาจารย์ที่สอนกวดวิชาบางคนก็สอนในโรงเรียนต่างๆ แต่วิชาที่สอนในโรงเรียนมันไม่เห็นเข้มเท่าที่โรงเรียนกวดเลย ทั้งที่ถ้าจะทำจริงก็ทำได้ เลยมาคิดเล่นๆ หากครูที่ต้องการพิเศษ ก็สอนที่โรงเรียนแบบอ่อนๆ และบอกผู้ปกครองอยากได้หลักสูตรเข้มๆก็ไปโรงเรียนนั้น นี่ ตามที่ตัวเองรับจ๊อบอยู่หรือเปล่า
หรืออีกมุมเป็นเพราะโครงสร้างหลักสูตรอ่อนอยู่แล้ว ครูเลยสอนตามหลักสูตรที่อ่อน ครูเลยได้ช่องต่าง เพื่อไปสอนกวดวิชา ถ้าอย่างนี้ต้องปรับโครงสร้างหลักสูตรให้เข้มงวดไปเลย ประมาณว่าสอนกวดวิชายังไง ผลลัพธ์ลูกศิษย์ต้องได้ความรู้แบบเดียวกัน
กวดวิชา มันมี 2 เป้าหมายคือ
1.เพื่อให้สอบปลายภาคผ่าน
2.เพื่อเอาไปสอบแข่งขันให้ผ่าน
สิ่งที่คุณเสนอ แก้ปัญหาประเภทแรกได้
แต่ประเภทที่ 2 คงแก้ไม่ได้ เพราะคนออกข้อสอบแข่งขัน เขาออกเนื้อโดยไม่คำนึงหรอกว่า เด็กที่มาสอบเขาเคยเรียนอะไรมาบ้าง
ยกตัวอย่างที่สมัยผมเจอ
ข้อสอบ Entrance วิชาเลข มีถามเรื่องสมการ ODE ด้วย ซิ่งเป็นเนื้อหาที่เขาเริ่มสอนกันใน มหาลัย
แต่เด็ก ม6 จะรู้แค่ ดิฟ อินทีเกรต เท่านั้น
พวกไปสอบแข่งขันที่ถูกฝึกมาจากติวเตอร์ยังไงก้มีแต้มต่อที่เหนือกว่า
ตรงที่ ติวเตอร์มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายและตรงเป้า และการนำโจทย์ยากๆมาอธิบายให้เป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย
ซึ่งการที่เด็กคนนึงจะพยายามทำแบบนั้น โดยทั่วไป ถึงแม่ว่าจะทำสำเร็จ แต่ก้ใช้เวลานานกว่า หรืออาจจะหลงทางเพราะยังหาวิธีที่ไปถึงเป้ามหายยังไม่เจอ
Posted 16 June 2013 - 05:37
เล่าให้ฟังนิด บ้านผมเปิด รร อนุบาลและได้คุยกันและตัดสินใจจะใช่หนังสือเรียนภาษาไทย
มานะ มานี ชูใจ
ไม่ใช่แบบเรียนรุ่นใหม่ที่พิสูนจต์ตัวเองแล้วว่าล้มเหลว
การศึกษาพักหลังกลายเป็นของทดลองไงไม่รู้ เด็กๆน่าสงสารที่เป็นหนูทดลองของนักวิชาการ
มานะ มานี สอนการอ่านได้ดีคะ
มานีดูปู ปูอยู่ในรู
ว๊าย สว.
ผมคงเป็นรุ่นหลังกว่านับ10 ปี เวลาเรียนใช้ตำรา "หนังสือจดการ" เล่มเดียว ตั้งแต่พี่ชาย, พี่สาว มาขาดเอารุ่นผม
มานะ มานี ผมไม่ทันแฮะ รู้จักแต่
เด็กชายใหม่ รักหมู่ เป็นเด็กดี .....
กับ ...หนูหล่อ พ่อชื่อหมอหลำ อยู่แพที่สำเหร่ .....
************
รุ่นยาย ป้า ลุง แม่ผม จบแค่ป.4 ถ้านับยายก็ตกร้อยกว่าปีมาแล้ว ไม่รู้เรียนหลักสูตรไหน ทุกคนอ่านนสพ.ไทย ได้ทั้งฉบับ แม้เแต่ ส ว อิ ส วิต ...สวิสเซอร์แลน, อ่าน7ตำนานได้ทุกบท ถ้ามาเขียนโพสท์ในเวบบ์ จะเขียนผิดน้อยกว่าหลายคนที่จบปริญญามา
สมัยนี้ จบป.6 ภาคบังคับ เขียนเดือนได้ไม่ครบ12 เดือน
Edited by IFai, 16 June 2013 - 05:58.
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
Posted 16 June 2013 - 08:28
การศึกษาไทยห่วยจริงเหรอ ทำไมประเทศเจริญก้าวหน้าขนาดนี้ คนไทยได้รางวัลทางวิชาการแทบทุกปี ที่ห่วยเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งหรือเปล่า แต่ญี่ปุ่นก็พูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่ประเทศก็พัฒนาได้ดีเหมือนกัน
ถ้าการสอนในระบบดีจริง ทำไมโรงเรียนกวดวิชาบานเหมือนดอกเห็ด
และคุณคิดว่าด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่ประเทศไทยตั้งอยู่
เราเจริญได้แค่นี้ สมควรแล้วหรือ
(ขอโทษด้วยที่ต้องตอบ แม้รู้ว่าคุณไม่มีทางเห็นด้วย)
ผมงงนะอาจารย์ที่สอนกวดวิชาบางคนก็สอนในโรงเรียนต่างๆ แต่วิชาที่สอนในโรงเรียนมันไม่เห็นเข้มเท่าที่โรงเรียนกวดเลย ทั้งที่ถ้าจะทำจริงก็ทำได้ เลยมาคิดเล่นๆ หากครูที่ต้องการพิเศษ ก็สอนที่โรงเรียนแบบอ่อนๆ และบอกผู้ปกครองอยากได้หลักสูตรเข้มๆก็ไปโรงเรียนนั้น นี่ ตามที่ตัวเองรับจ๊อบอยู่หรือเปล่า
หรืออีกมุมเป็นเพราะโครงสร้างหลักสูตรอ่อนอยู่แล้ว ครูเลยสอนตามหลักสูตรที่อ่อน ครูเลยได้ช่องต่าง เพื่อไปสอนกวดวิชา ถ้าอย่างนี้ต้องปรับโครงสร้างหลักสูตรให้เข้มงวดไปเลย ประมาณว่าสอนกวดวิชายังไง ผลลัพธ์ลูกศิษย์ต้องได้ความรู้แบบเดียวกัน
กวดวิชา มันมี 2 เป้าหมายคือ
1.เพื่อให้สอบปลายภาคผ่าน
2.เพื่อเอาไปสอบแข่งขันให้ผ่าน
สิ่งที่คุณเสนอ แก้ปัญหาประเภทแรกได้
แต่ประเภทที่ 2 คงแก้ไม่ได้ เพราะคนออกข้อสอบแข่งขัน เขาออกเนื้อโดยไม่คำนึงหรอกว่า เด็กที่มาสอบเขาเคยเรียนอะไรมาบ้าง
ยกตัวอย่างที่สมัยผมเจอ
ข้อสอบ Entrance วิชาเลข มีถามเรื่องสมการ ODE ด้วย ซิ่งเป็นเนื้อหาที่เขาเริ่มสอนกันใน มหาลัย
แต่เด็ก ม6 จะรู้แค่ ดิฟ อินทีเกรต เท่านั้น
พวกไปสอบแข่งขันที่ถูกฝึกมาจากติวเตอร์ยังไงก้มีแต้มต่อที่เหนือกว่า
ตรงที่ ติวเตอร์มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายและตรงเป้า และการนำโจทย์ยากๆมาอธิบายให้เป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย
ซึ่งการที่เด็กคนนึงจะพยายามทำแบบนั้น โดยทั่วไป ถึงแม่ว่าจะทำสำเร็จ แต่ก้ใช้เวลานานกว่า หรืออาจจะหลงทางเพราะยังหาวิธีที่ไปถึงเป้ามหายยังไม่เจอ
ยุคก่อนจะเป็นการสอนแบบกวดวิชา ซึ่งโรงเรียนแบบนี้มีไม่มาก และมีเฉพาะเมืองใหญ่ๆ
ปัจจุบันมีทั้งสองแบบ
1.ต้องเรียนพิเศษเพื่อให้สอบผ่านในแต่ละชั้น เพราะครูประจำชั้นจะเน้นที่การสอนพิเศษมากกว่าที่สอนในชั้นเรียน
2.ต้องเรียนกวดวิชาด้วยเมื่อจะสอบเข้าโรงเรียนอื่น และครูโรงเรียนนั้นๆจะเปิดติว
ตอนนี้ทั้งการเรียนพิเศษและการกวดวิชา จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น
และเป็นช่องทางหาเงินของคุณครู แต่เป็นภาระของผู้ปกครอง และเด็กต้องเรียนหนักมาก
Posted 16 June 2013 - 08:53
ผมไม่วิจารณ์ การศึกษาไทย สมัยนี้ นะครับ
เพราะ ไม่ได้ลงเรียน มานานแล้ว
ส่วนหลาน ก็อยู่ถึง หนองคาย ไกลเกินจะถาม
แต่อยากบอกว่า ณ ขณะ ที่เรียนเอง อยู่ตอนนี้
อยากบอกว่า การเอาใจใส่ของครู และ การทำแบบฝึกหัด
สำคัญมาก ๆ ครับ
อย่างผม ถ้าไม่มีเพื่อน สมาชิก คอยตอบข้อซักถาม
ผมคงติดในหลาย ๆ จุด
และถ้าไม่นั่งทำแบบฝึกหัด ยกตัวอย่างแล้วกัน
ตอนนี้ ผมกำลังเรียน เรื่อง ตรีโกณมิติ อยู่
บอกได้เลยว่า ยาก สำหรับผมมาก
ผมอ่านจาก ข้อมูล ที่อาจารย์ ebook สรุปให้
ยอมรับ ว่า เข้าใจ เพียง 1 ใน 10 เท่านั้น (ผมตำหนิ สติปัญญา ตัวเอง)
แต่การได้ทำแบบฝึกหัด มันก็ช่วยได้มาก ๆ เลย
มันทำให้เรา รู้จุดผิดของตัวเอง ได้ดีขึ้น (แม้ไม่ทั้งหมด ยอมรับ ยังเข้าใจ ไม่ถึงครึ่ง)
ผมคิดว่า ผมจะนั่งทำแบบฝึกหัด ทุกข้อ และ จะไม่ข้าม
ในจุดที่ อ่านเฉลย วิธีคิด แล้ว ไม่เข้าใจ
ก็จะนำมาถาม เพื่อนสมาชิกที่นี่ ด้วยครับ
ผมว่า การเรียน ที่บังคับให้เรา ขยัน
มันก็มีส่วนดี ของมัน คือ การฝึกหัดมาก
จากคนเข้าใจน้อยนิด ก็เข้าใจมากขึ้น แม้ไม่ทั้งหมด
แต่ก็นำรากฐาน ของเนื้อหา ไปใช้ได้บ้าง
(อย่างตรีโกณมิติ ตอนนี้ เวลาผมนึกถึงมัน ผมจะพา วงกลม 360 องศา ไปด้วย ทุกครั้ง
เพราะมองภาพ จากวงกลม ดีกว่า มองภาพ จากสูตร เยอะ)
สรุป ให้เพื่อน ๆ รู้ว่า ความคิดของผม (ไม่บังอาจ ว่าเป็นแนวทางให้ใคร)
คือ อยากให้ ยังคง การสอน แบบ " เอาใจใส่ "
อยากให้ครู ดุ บังคับ นักเรียน ทำการบ้าน เยอะ ๆ
อยากให้ ครู ตี เวลา นักเรียน ไม่ทำการบ้าน หรือ คุยในเวลาเรียน
เพราะ หากครู ไม่ใส่ใจ ทำโทษ
นักเรียน จะมาใส่ใจ เรียนเอง คงยาก
โดยเฉพาะ เด็ก เล็ก ๆ ที่ยัง ไม่มีสมาธิ เพียงพอ
(ผมเอง บางที พอการ์ตูนมา โดยเฉพาะ นินจา นารุโตะ หรือ หน้ากากเสือ
จะวาง แบบฝึกหัด ทันที ฮะ ๆ )
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
Posted 16 June 2013 - 09:00
ไปอ่านเจอคำตอบข้างล่างนี้มา มิน่า ทักษิณถึงได้ด่าว่าพวกควายแดงอ่านหนังสือปีละ ๓ บรรทัด !!!
ข้าว ๓๐ ล้านตัน x ตันละ ๑๕,๐๐๐ บาท = สี่หมื่นล้านบาท .. สงสัยไอ้หมอนี่เองที่เป็นคนคิด
ตัวเลขขาดทุนให้ไอ้พวกเ หี้ยรัฐมนตรีหัวคูณ
(พวกควายแดงที่โพสต์ในกระทู้ก็โง่พอกันที่ไม่ช่วยมันแก้ตัวเลข)
โอ้วววววววววววววว
เจอแบบนี้เข้าไป
อึ่งกิมกี้ กันที่เดียว
ห้าาาาาาาาาาาาาาาา
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
Posted 16 June 2013 - 11:37
ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการที่นักวิชาการในกระทรวงศึกษาฯ ชอบเปลี่ยนรูปแบบการสอนของครู พยายามจะให้เหมือนฝรั่งตะวันตก ไม่สนใจการสอนแบบเก่าซึ่งได้ผลดี ไม่ได้ดูบริบทของสังคมไทยเลย ผลคือเด็กอ่านหนังสือไม่ออกมากขึ้น สมัยที่เรียนประถมได้เรียนในหลักสูตร 2503 ปรากฏว่าแม้เด็กจะเรียนอ่อนอย่างไรก็จะอ่าน เขียนหนังสือได้คล่องกว่าเด็กในหลักสูตรปัจจุบัน เรื่องหลักสูตรนี้ทำให้นึกย่าตัวเอง ย่าอายุ 70 กว่า(ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่) ย่ายังอ่านเรื่องเพชรพระอุมาของพนมเทียนได้คล่องอยู่เลย ย่าติดเรื่องนี้งอมเลยล่ะ ก็ไม่รู้ว่าสมัยย่าเรียนหนังสือ ครูเค้าสอนแบบไหนถึงได้ผลดีขนาดนั้น
ถ้านักวิชาการในกระทรวงศึกษาฯลดอีโก้ตัวเองลงบ้างการศึกษาไทยน่าจะดีกว่านี้
Posted 16 June 2013 - 11:44
นักวิชาการของกระทรวงศึกษารู้จักอายบ้างไหม
มาตรฐานนี้อาจจะผลิตนายกรัฐมนตรี'เพศแม่'คนที่สอง คนที่สามได้นะ จะบอกให้.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ปล.ประชดประชันแล้วรู้สึกเศร้าสลดในใจ.....ฮา
Edited by ปุถุชน, 16 June 2013 - 11:44.
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
Posted 16 June 2013 - 12:23
>>> ผมไม่รู้จะคุยไร.นึกตั้งนาน.ลูก-หลาน
..ก็ไม่มีเรียนแล้ว..ปลอดโปร่งโล่งใจ เดี๋ยว
..ไปเที่ยว CTW ดีกว่า....( ก.พ ยี๊ ) !!!!!!
.. ( คุรุสภา แย่ ) !!!!!!
Posted 16 June 2013 - 12:29
ปัญหาอย่างนึงก็คือคนมักมองข้ามเพิ้นฐาน เเละสังคมยังให้คุณค่าครูเเต่เพียงนามธรรมอย่างเดียว เเม้จะเพิ่มรายได้จากค่าวิทยฐานะ ก็เเลกมาด้วยการใช้เวลาอย่างมากมาย เเทนที่จะยกคุณครูให้สูงกว่าครูระดับต่อๆไป
มันก็อยู่เเค่นี้เเหละ ที่โรงเรียนไหนมีชื่อเสียง ส่วนหนึ่งเพราะมันมีโอกาสรับเด็กเก่งๆจากระดับพิ้นฐานไปเรียนด้วย ไม่รู้การสอนมีผลเเค่ไหน ก็เลยไม่รู้จะว่ามันดีจริงหรือเปล่า ที่เเน่ๆคือส่วนใหญ่มันเเย่ลง
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
Posted 16 June 2013 - 13:18
ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการที่นักวิชาการในกระทรวงศึกษาฯ ชอบเปลี่ยนรูปแบบการสอนของครู พยายามจะให้เหมือนฝรั่งตะวันตก ไม่สนใจการสอนแบบเก่าซึ่งได้ผลดี ไม่ได้ดูบริบทของสังคมไทยเลย ผลคือเด็กอ่านหนังสือไม่ออกมากขึ้น สมัยที่เรียนประถมได้เรียนในหลักสูตร 2503 ปรากฏว่าแม้เด็กจะเรียนอ่อนอย่างไรก็จะอ่าน เขียนหนังสือได้คล่องกว่าเด็กในหลักสูตรปัจจุบัน เรื่องหลักสูตรนี้ทำให้นึกย่าตัวเอง ย่าอายุ 70 กว่า(ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่) ย่ายังอ่านเรื่องเพชรพระอุมาของพนมเทียนได้คล่องอยู่เลย ย่าติดเรื่องนี้งอมเลยล่ะ ก็ไม่รู้ว่าสมัยย่าเรียนหนังสือ ครูเค้าสอนแบบไหนถึงได้ผลดีขนาดนั้น
ถ้านักวิชาการในกระทรวงศึกษาฯลดอีโก้ตัวเองลงบ้างการศึกษาไทยน่าจะดีกว่านี้
นอกจากนักวิชาการที่จบมาใหม่ๆจะมาลองวิชาปรับโน่นเปลี่ยนนี้แล้ว รัฐบาลชุดนี้ยังแจกแท็บเล็ต ให้เด็ก ป.1ซึ่งเป็นวัยกำลังอยู่ในพัฒนาการการอ่านการเขียน เลยต้องมาจิ้มแล้วฟัง จิ้มแล้วฟัง
Edited by meeboon, 16 June 2013 - 13:30.
Posted 16 June 2013 - 13:42
เชื่อว่า ผู้ปกครองที่เป็นควายแดง จะเซ็นเซอร์ตรงสองบรรทัดล่างไม่ให้ลูกหลานมันอ่านออกเขียนเป็น
Edited by สมชายสายชม, 16 June 2013 - 13:43.
ชาวนา เกษตรกร กรรมกร และประชาชน เป็นเจ้าของประเทศ
แต่ หลงจู๊ ผู้รับเหมา นายทุน และนักการเมือง เป็นเจ้าของโฉนด
คนชั่วที่ชอบใช้ประชาธิปไตยเป็นข้ออ้างว่า "มาจากการเลือกตั้ง"
ก็ไม่ต่างกับพระปลอมที่นำ "จีวร" มาห่มเพื่อหลอกชาวบ้าน
Posted 16 June 2013 - 15:10
สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง
ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า
ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ
พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ
อย่างฮา
อัตนัยหรือปรนัยครับ
ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว
เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้
Posted 16 June 2013 - 16:23
ที่ลูกเราเรียนอนุบาล 1 ห้อง มีเด็กสามสิบคนต่อครูสองคน เข้า 9.20เลิกบ่าย2 ป1-6 เลิกบ่าย3 จน รวย เรียน รร เดียวกันหมด ไม่มีแยกชั้นวรรณะ ไม่มีเรียนพิเศษ นอกจากกิจกรรมบางอย่างต้องไปเรียนข้างนอกกับเอกชนเป็นคอร์สๆไป เวลายืนคุยกับครูใหญ่ก็ไม่ต้องเอามือกุมไว้ ชิวๆสบายๆ หมู่บ้านที่อยู่มี รร เด็กสามรร อีกหนึ่งเป็นมัธยมมีเด็กไทยมาเรียนด้วย รรแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันไม่ถึงสิบห้านาที บ้านเรากระเตงเข้าเมืองกันแต่้เช้ามืด ครูมาตรฐานเดียวกัน ว่าไปก็ชินกับ รร ที่นี่ ถ้าลูกไปเรียนเมืองไทยคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากิจกรรม ค่าเรียนพิเศษ เพราะจิปาถะเยอะ แข่งกันเกินความจำเป็น ความเห็นส่วนตัวค่ะ
ที่ลูกชายเรียน ก็คล้ายๆกันค่ะ ไม่ต้องขับรถ รับ-ส่ง เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากเด็กจะต้องเข้าเรียนในเขตที่บ้านตั้งอยู่ หรือที่พ่อแม่ทำงาน (ตั้งแต่เด็กเล็กก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถม จนจบมัธยมปลาย) ทำให้แก้ปัญหารถติด และเด็กไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เศรษฐีกับพวกอพยพเรียนรวมกัน ห้องหนึ่งน่าจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-35 คน
พอระดับมหาลัย ถ้าจะเลือกมหาลัยของรัฐ ถ้าเลือกในเขตก็จะได้สิทธิก่อน แต่เขตจะขยายกว้างกว่าเดิม เพราะเด็กโตสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้เองไม่ต้องให้พ่อแม่คอยรับส่ง
เรื่องกวดวิชาแทบไม่มี อาจมีบ้างตอนสอบ ม.6 สำหรับเด็กที่แย่จริงๆ
กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ
Posted 17 June 2013 - 02:15
ที่ลูกเราเรียนอนุบาล 1 ห้อง มีเด็กสามสิบคนต่อครูสองคน เข้า 9.20เลิกบ่าย2 ป1-6 เลิกบ่าย3 จน รวย เรียน รร เดียวกันหมด ไม่มีแยกชั้นวรรณะ ไม่มีเรียนพิเศษ นอกจากกิจกรรมบางอย่างต้องไปเรียนข้างนอกกับเอกชนเป็นคอร์สๆไป เวลายืนคุยกับครูใหญ่ก็ไม่ต้องเอามือกุมไว้ ชิวๆสบายๆ หมู่บ้านที่อยู่มี รร เด็กสามรร อีกหนึ่งเป็นมัธยมมีเด็กไทยมาเรียนด้วย รรแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันไม่ถึงสิบห้านาที บ้านเรากระเตงเข้าเมืองกันแต่้เช้ามืด ครูมาตรฐานเดียวกัน ว่าไปก็ชินกับ รร ที่นี่ ถ้าลูกไปเรียนเมืองไทยคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากิจกรรม ค่าเรียนพิเศษ เพราะจิปาถะเยอะ แข่งกันเกินความจำเป็น ความเห็นส่วนตัวค่ะ
ที่ลูกชายเรียน ก็คล้ายๆกันค่ะ ไม่ต้องขับรถ รับ-ส่ง เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากเด็กจะต้องเข้าเรียนในเขตที่บ้านตั้งอยู่ หรือที่พ่อแม่ทำงาน (ตั้งแต่เด็กเล็กก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถม จนจบมัธยมปลาย) ทำให้แก้ปัญหารถติด และเด็กไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เศรษฐีกับพวกอพยพเรียนรวมกัน ห้องหนึ่งน่าจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-35 คน
พอระดับมหาลัย ถ้าจะเลือกมหาลัยของรัฐ ถ้าเลือกในเขตก็จะได้สิทธิก่อน แต่เขตจะขยายกว้างกว่าเดิม เพราะเด็กโตสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้เองไม่ต้องให้พ่อแม่คอยรับส่ง
เรื่องกวดวิชาแทบไม่มี อาจมีบ้างตอนสอบ ม.6 สำหรับเด็กที่แย่จริงๆ
ตามนั้นค่ะแสดงว่าเราอยู่นอกเมืองไทยเหมือนกัน หุๆๆๆ เราอยู่ยุโรปตะวันตก
Posted 17 June 2013 - 07:38
ที่ลูกเราเรียนอนุบาล 1 ห้อง มีเด็กสามสิบคนต่อครูสองคน เข้า 9.20เลิกบ่าย2 ป1-6 เลิกบ่าย3 จน รวย เรียน รร เดียวกันหมด ไม่มีแยกชั้นวรรณะ ไม่มีเรียนพิเศษ นอกจากกิจกรรมบางอย่างต้องไปเรียนข้างนอกกับเอกชนเป็นคอร์สๆไป เวลายืนคุยกับครูใหญ่ก็ไม่ต้องเอามือกุมไว้ ชิวๆสบายๆ หมู่บ้านที่อยู่มี รร เด็กสามรร อีกหนึ่งเป็นมัธยมมีเด็กไทยมาเรียนด้วย รรแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันไม่ถึงสิบห้านาที บ้านเรากระเตงเข้าเมืองกันแต่้เช้ามืด ครูมาตรฐานเดียวกัน ว่าไปก็ชินกับ รร ที่นี่ ถ้าลูกไปเรียนเมืองไทยคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากิจกรรม ค่าเรียนพิเศษ เพราะจิปาถะเยอะ แข่งกันเกินความจำเป็น ความเห็นส่วนตัวค่ะ
ที่ลูกชายเรียน ก็คล้ายๆกันค่ะ ไม่ต้องขับรถ รับ-ส่ง เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากเด็กจะต้องเข้าเรียนในเขตที่บ้านตั้งอยู่ หรือที่พ่อแม่ทำงาน (ตั้งแต่เด็กเล็กก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถม จนจบมัธยมปลาย) ทำให้แก้ปัญหารถติด และเด็กไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เศรษฐีกับพวกอพยพเรียนรวมกัน ห้องหนึ่งน่าจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-35 คน
พอระดับมหาลัย ถ้าจะเลือกมหาลัยของรัฐ ถ้าเลือกในเขตก็จะได้สิทธิก่อน แต่เขตจะขยายกว้างกว่าเดิม เพราะเด็กโตสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้เองไม่ต้องให้พ่อแม่คอยรับส่ง
เรื่องกวดวิชาแทบไม่มี อาจมีบ้างตอนสอบ ม.6 สำหรับเด็กที่แย่จริงๆ
ตามนั้นค่ะแสดงว่าเราอยู่นอกเมืองไทยเหมือนกัน หุๆๆๆ เราอยู่ยุโรปตะวันตก
ดีครับที่ช่วยบอกเล่าเรื่องการศึกษาของต่างประเทศให้เพื่อนๆสมาชิกได้รู้
ถ้าให้ดีกรุณาบอกด้านไม่ดีมาด้วย จะได้รู้รอบด้านมากขึ้น
Posted 17 June 2013 - 09:08
ที่ลูกเราเรียนอนุบาล 1 ห้อง มีเด็กสามสิบคนต่อครูสองคน เข้า 9.20เลิกบ่าย2 ป1-6 เลิกบ่าย3 จน รวย เรียน รร เดียวกันหมด ไม่มีแยกชั้นวรรณะ ไม่มีเรียนพิเศษ นอกจากกิจกรรมบางอย่างต้องไปเรียนข้างนอกกับเอกชนเป็นคอร์สๆไป เวลายืนคุยกับครูใหญ่ก็ไม่ต้องเอามือกุมไว้ ชิวๆสบายๆ หมู่บ้านที่อยู่มี รร เด็กสามรร อีกหนึ่งเป็นมัธยมมีเด็กไทยมาเรียนด้วย รรแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันไม่ถึงสิบห้านาที บ้านเรากระเตงเข้าเมืองกันแต่้เช้ามืด ครูมาตรฐานเดียวกัน ว่าไปก็ชินกับ รร ที่นี่ ถ้าลูกไปเรียนเมืองไทยคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากิจกรรม ค่าเรียนพิเศษ เพราะจิปาถะเยอะ แข่งกันเกินความจำเป็น ความเห็นส่วนตัวค่ะ
ที่ลูกชายเรียน ก็คล้ายๆกันค่ะ ไม่ต้องขับรถ รับ-ส่ง เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากเด็กจะต้องเข้าเรียนในเขตที่บ้านตั้งอยู่ หรือที่พ่อแม่ทำงาน (ตั้งแต่เด็กเล็กก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถม จนจบมัธยมปลาย) ทำให้แก้ปัญหารถติด และเด็กไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เศรษฐีกับพวกอพยพเรียนรวมกัน ห้องหนึ่งน่าจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-35 คน
พอระดับมหาลัย ถ้าจะเลือกมหาลัยของรัฐ ถ้าเลือกในเขตก็จะได้สิทธิก่อน แต่เขตจะขยายกว้างกว่าเดิม เพราะเด็กโตสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้เองไม่ต้องให้พ่อแม่คอยรับส่ง
เรื่องกวดวิชาแทบไม่มี อาจมีบ้างตอนสอบ ม.6 สำหรับเด็กที่แย่จริงๆ
ตามนั้นค่ะแสดงว่าเราอยู่นอกเมืองไทยเหมือนกัน หุๆๆๆ เราอยู่ยุโรปตะวันตก
ดีครับที่ช่วยบอกเล่าเรื่องการศึกษาของต่างประเทศให้เพื่อนๆสมาชิกได้รู้
ถ้าให้ดีกรุณาบอกด้านไม่ดีมาด้วย จะได้รู้รอบด้านมากขึ้น
ด้านไม่ดีเนี่ย ไม่รู้จะตอบยังงัยเพราะลูกชายจะเริ่มเข้าป1เดือนกันยาที่จะถึงนี่เอง ยังไม่เจอกับประสพการณ์ตัวเอง แต่ข้างบ้านเป็นเด็กมาจากไทยมาเรียนม.ปลายที่นี่ เด็กมันไม่เข้า รร ครูก็จะมี sms ,มาบอกทางบ้านแล้วจะมีจดหมายมาถึงผู้ปกครอง เด็กคนนี้ไม่ยอมไป รร ทำให้เรียนไม่ทันเพือน ครูเขาก็ไม่ทำโทษ บอกเด็กว่าจะสอนพิเศษให้หลังเลิกเรียนแต่เด็กไม่เอา เขาให้โอกาสสุดๆ ครูเขาพยายามดันแล้วนะ ไม่รู้จบม6ป่าวก็ไม่รู้
Posted 17 June 2013 - 09:15
สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง
ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า
ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ
พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ
อย่างฮา
อัตนัยหรือปรนัยครับ
ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว
เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้
เอาเถอะ มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......
ระบบนี้งี้เง่ามาก
Posted 17 June 2013 - 09:18
สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง
ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า
ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ
พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ
อย่างฮา
อัตนัยหรือปรนัยครับ
ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว
เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้
เอาเถอะ มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......
ระบบนี้งี้เง่ามาก
พอจะเข้าใจครับว่า ประเทศนี้มันเป็นอะไร เคร่งเรื่องพิธีการเอามากๆ แม้ว่าคำตอบจะถูกต้องแล้วก็ตาม
Edited by Maratiraj_, 17 June 2013 - 09:28.
0 members, 0 guests, 0 anonymous users