Jump to content


Photo
- - - - -

ระบบการศึกษาไทย ห่วยจนต่างชาติทนไม่ไหว


  • Please log in to reply
68 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:11

>>> อยากเล่า  แต่ ลูก ๒ ก็จบหมดแล้ว. ทำงานแล้ว. แต่จะเล่าเรื่อง

..คาใจ. สมัยที่ นังตัวเล็ก เข้า สุรศักดิ์มนตรี. ม.๑ ในเขต ก็จับฉลาก.

..แต่จับไม่ได้ เขาก็ให้โอกาศ สอบ.. ผลสอบ ขาดไป ๒ คะแนน ..เขา
..จะส่งไปเรียน ร.ร  ที่เป็นสาขา เช่น โรงเรียนกุณนที. เข้าใจว่าอยู่แถว

..ห้วยขวาง..( ไม่แน่ใจนะ) แต่เราอยากให้เรียนสุรศักดิ์ฯ เพราะเหตุว่า

..ใกล้บ้าน คือจักรยานเข้าประตูหลังกรมทหารฯ ไปจอดหน้ากรมติด-

..ถนนวิภาวดีฯ มีสะพานข้ามไปสุรศักดิ์ฯ ใกล้  เผอิญมีคนรู้จักเข้าไปขอ

..ก็ได้ความว่า ต้องจ่าย  บริจาค ( อย่าบอกตัวเลขเลยนะ) เหตุการณ์

..ผ่านมา ๑๐ ปีกว่าแล้ว  ตกลงมีชื่อติดห้องสมทบ..คือห้องเสียเงิน..

..นั่นแหละ..เด็กที่เข้าห้องนี้เป็นที่รู้กันว่าต้องบริจาคช่วยโรงเรียน......

..เขาได้เข้าเรียนจนจบ ม.๖ มาต่อ ราชมงคลพระนคร. ตอนนี้ก็จบเมื่อ

..เดือน กุมภาฯนี้เอง  แต่เขาก็ได้งานทำ ที่โรงเรียนสอนภาษา ที่พารากอน

..จึ่งก็หมดห่วง.( ระบบบริจาค มีมานานแล้ว) ตอนนี้โล่งหมดกังวล..

..เช้าก็นั่งเข้าเฟสฯ  เข้าเสรีไทย..ม็อบที่ไหนก็แอบย่องไปดู..เป็นกรรมกร

..ว่างงานไปแล้ว.....
 



#52 Tatiana

Tatiana

    แทนคุณแผ่นดินเกิด

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,063 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:17

 

 

ที่ลูกเราเรียนอนุบาล 1 ห้อง มีเด็กสามสิบคนต่อครูสองคน  เข้า 9.20เลิกบ่าย2 ป1-6 เลิกบ่าย3    จน รวย เรียน รร เดียวกันหมด   ไม่มีแยกชั้นวรรณะ ไม่มีเรียนพิเศษ     นอกจากกิจกรรมบางอย่างต้องไปเรียนข้างนอกกับเอกชนเป็นคอร์สๆไป     เวลายืนคุยกับครูใหญ่ก็ไม่ต้องเอามือกุมไว้ ชิวๆสบายๆ    หมู่บ้านที่อยู่มี รร เด็กสามรร อีกหนึ่งเป็นมัธยมมีเด็กไทยมาเรียนด้วย    รรแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันไม่ถึงสิบห้านาที    บ้านเรากระเตงเข้าเมืองกันแต่้เช้ามืด ครูมาตรฐานเดียวกัน    ว่าไปก็ชินกับ รร ที่นี่ ถ้าลูกไปเรียนเมืองไทยคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ากิจกรรม ค่าเรียนพิเศษ เพราะจิปาถะเยอะ แข่งกันเกินความจำเป็น  ความเห็นส่วนตัวค่ะ

ที่ลูกชายเรียน ก็คล้ายๆกันค่ะ ไม่ต้องขับรถ รับ-ส่ง เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากเด็กจะต้องเข้าเรียนในเขตที่บ้านตั้งอยู่ หรือที่พ่อแม่ทำงาน (ตั้งแต่เด็กเล็กก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถม จนจบมัธยมปลาย) ทำให้แก้ปัญหารถติด และเด็กไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เศรษฐีกับพวกอพยพเรียนรวมกัน ห้องหนึ่งน่าจะมีนักเรียนตั้งแต่ 20-35 คน

พอระดับมหาลัย ถ้าจะเลือกมหาลัยของรัฐ ถ้าเลือกในเขตก็จะได้สิทธิก่อน แต่เขตจะขยายกว้างกว่าเดิม เพราะเด็กโตสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้เองไม่ต้องให้พ่อแม่คอยรับส่ง

เรื่องกวดวิชาแทบไม่มี อาจมีบ้างตอนสอบ ม.6 สำหรับเด็กที่แย่จริงๆ  

 

ตามนั้นค่ะแสดงว่าเราอยู่นอกเมืองไทยเหมือนกัน หุๆๆๆ เราอยู่ยุโรปตะวันตก

 

เหมือนกันค่ะ อาจจะประเทศเดียวกันหรือติดกันก็ได้นะคะ


กราบหัวใจพี่น้องที่เสียสละออกมาทวงอำนาจคืนจากระบอบทักษิณ


#53 dTone

dTone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 418 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:26

 

 

 

 

 

สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง

ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า

ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ

พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ

อย่างฮา

 

อัตนัยหรือปรนัยครับ

 

ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว

เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้

 

เอาเถอะ  มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ  ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......

ระบบนี้งี้เง่ามาก

 

พอจะเข้าใจครับว่า ประเทศนี้มันเป็นอะไร เคร่งเรื่องพิธีการเอามากๆ แม้ว่าคำตอบจะถูกต้องแล้วก็ตาม

 

มันอยู่ที่อาจารย์ด้วยครับ

เหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดจากการหมั่นไส้ในรอบแรกคือไม่เข้าเรียนการบ้านไม่ส่งคือคะแนนเก็บไม่มี

เสือกทำข้อสอบได้ 55555

รอบ 2 แกอาจจะช่างมันเถอะถือว่าทำบุญ

 

เรื่องระบบการศึกษาผมว่าเอาระบบการตกซ้ำชั้นกลับมาและก็ไม่ต้องมีนโยบายเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนก็ได้ครับ

จบช่างมาเงินเดือนสูงกว่าจบปริญญาเยอะแยะ

บางคนอาจจะไม่ถนัดการคิดวิเคราะห์ด้วยการอ่านแต่คิดวิเคราะห์จากประสบการณ์และการจินตนาการมีถมไปครับ



#54 คุณนายนอกบ้าน

คุณนายนอกบ้าน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:42

>>> อยากเล่า  แต่ ลูก ๒ ก็จบหมดแล้ว. ทำงานแล้ว. แต่จะเล่าเรื่อง

..คาใจ. สมัยที่ นังตัวเล็ก เข้า สุรศักดิ์มนตรี. ม.๑ ในเขต ก็จับฉลาก.

..แต่จับไม่ได้ เขาก็ให้โอกาศ สอบ.. ผลสอบ ขาดไป ๒ คะแนน ..เขา
..จะส่งไปเรียน ร.ร  ที่เป็นสาขา เช่น โรงเรียนกุณนที. เข้าใจว่าอยู่แถว

..ห้วยขวาง..( ไม่แน่ใจนะ) แต่เราอยากให้เรียนสุรศักดิ์ฯ เพราะเหตุว่า

..ใกล้บ้าน คือจักรยานเข้าประตูหลังกรมทหารฯ ไปจอดหน้ากรมติด-

..ถนนวิภาวดีฯ มีสะพานข้ามไปสุรศักดิ์ฯ ใกล้  เผอิญมีคนรู้จักเข้าไปขอ

..ก็ได้ความว่า ต้องจ่าย  บริจาค ( อย่าบอกตัวเลขเลยนะ) เหตุการณ์

..ผ่านมา ๑๐ ปีกว่าแล้ว  ตกลงมีชื่อติดห้องสมทบ..คือห้องเสียเงิน..

..นั่นแหละ..เด็กที่เข้าห้องนี้เป็นที่รู้กันว่าต้องบริจาคช่วยโรงเรียน......

..เขาได้เข้าเรียนจนจบ ม.๖ มาต่อ ราชมงคลพระนคร. ตอนนี้ก็จบเมื่อ

..เดือน กุมภาฯนี้เอง  แต่เขาก็ได้งานทำ ที่โรงเรียนสอนภาษา ที่พารากอน

..จึ่งก็หมดห่วง.( ระบบบริจาค มีมานานแล้ว) ตอนนี้โล่งหมดกังวล..

..เช้าก็นั่งเข้าเฟสฯ  เข้าเสรีไทย..ม็อบที่ไหนก็แอบย่องไปดู..เป็นกรรมกร

..ว่างงานไปแล้ว.....
 

 

สำหรับลูกที่บ้าน อนุบาล-ม.6 โรงเรียนเดียวกัน เด็กไม่รู้สภาพการแข่งขันข้างนอก พ่อขอร้องให้ไปสอบเตรียมฯ มารู้ภายหลังไปนั่งหลับในห้องสอบ เพราะรู้ว่าถ้าไม่ได้ก็มีที่เรียนอยู่แล้ว

 

แต่ขยันเรียนพิเศษถึง 3 ทุ่มทุกวัน เพื่อเข้าถาบันที่อยากเรียน

 

เกือบได้ว่างงานเหมือนท่านพระฤๅษีแล้วค่ะ อีกไม่กี่ปี......



#55 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:26

 

 

 

 

 

 

สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง

ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า

ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ

พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ

อย่างฮา

 

อัตนัยหรือปรนัยครับ

 

ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว

เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้

 

เอาเถอะ  มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ  ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......

ระบบนี้งี้เง่ามาก

 

พอจะเข้าใจครับว่า ประเทศนี้มันเป็นอะไร เคร่งเรื่องพิธีการเอามากๆ แม้ว่าคำตอบจะถูกต้องแล้วก็ตาม

 

มันอยู่ที่อาจารย์ด้วยครับ

เหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดจากการหมั่นไส้ในรอบแรกคือไม่เข้าเรียนการบ้านไม่ส่งคือคะแนนเก็บไม่มี

***ทำข้อสอบได้ 55555

รอบ 2 แกอาจจะช่างมันเถอะถือว่าทำบุญ

 

เรื่องระบบการศึกษาผมว่าเอาระบบการตกซ้ำชั้นกลับมาและก็ไม่ต้องมีนโยบายเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนก็ได้ครับ

จบช่างมาเงินเดือนสูงกว่าจบปริญญาเยอะแยะ

บางคนอาจจะไม่ถนัดการคิดวิเคราะห์ด้วยการอ่านแต่คิดวิเคราะห์จากประสบการณ์และการจินตนาการมีถมไปครับ

 

 

ผมเห็นด้วยครับถ้าให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ

 

จะสายอาชีพหรือสายวิชาการก็ได้ อย่ามุ่งสนใจและให้ความสำคัญกับปริญญามากไป

 

ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ(ด้านดีนะครับ) ชีวิตก็มีความสุขแล้วละครับ



#56 dTone

dTone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 418 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:37

 

 

 

 

 

 

 

สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง

ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า

ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ

พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ

อย่างฮา

 

อัตนัยหรือปรนัยครับ

 

ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว

เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้

 

เอาเถอะ  มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ  ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......

ระบบนี้งี้เง่ามาก

 

พอจะเข้าใจครับว่า ประเทศนี้มันเป็นอะไร เคร่งเรื่องพิธีการเอามากๆ แม้ว่าคำตอบจะถูกต้องแล้วก็ตาม

 

มันอยู่ที่อาจารย์ด้วยครับ

เหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดจากการหมั่นไส้ในรอบแรกคือไม่เข้าเรียนการบ้านไม่ส่งคือคะแนนเก็บไม่มี

***ทำข้อสอบได้ 55555

รอบ 2 แกอาจจะช่างมันเถอะถือว่าทำบุญ

 

เรื่องระบบการศึกษาผมว่าเอาระบบการตกซ้ำชั้นกลับมาและก็ไม่ต้องมีนโยบายเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนก็ได้ครับ

จบช่างมาเงินเดือนสูงกว่าจบปริญญาเยอะแยะ

บางคนอาจจะไม่ถนัดการคิดวิเคราะห์ด้วยการอ่านแต่คิดวิเคราะห์จากประสบการณ์และการจินตนาการมีถมไปครับ

 

 

ผมเห็นด้วยครับถ้าให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ

 

จะสายอาชีพหรือสายวิชาการก็ได้ อย่ามุ่งสนใจและให้ความสำคัญกับปริญญามากไป

 

ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ(ด้านดีนะครับ) ชีวิตก็มีความสุขแล้วละครับ

 

ยากครับ

 

ถ้าผมเป็นพ่อคนมีลูกแล้วคงไม่อยากให้ไปเรียนสายช่างหรอกครับ ถึงแม้ว่าลูกจะถนัดด้านนั้นก็เถอะ

 

มัน"อันตราย"เกินไป ผมกลัวลูกผมตายครับ

 

และผมเชื่อว่าความคิดอย่างนี้มีหลายคนครับที่คิด

 

แมร่งเห็นมีเรื่องออกล่าแต้มกันทุกปีอย่างนี้



#57 คนสับปะหลี้

คนสับปะหลี้

    สูงสุดแดนสยาม

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,262 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:00

ความคิดผม ที่มันห่วยเพราะคนสมัยใหม่เหยียบย่ำคนสมัยเก่า เหยียบย่ำความรู้ครูบาอาจารย์ คนที่เป็นอาจารย์มหาลัยบางคนที่อายุ 40 ขึ้นไป น่าจะรู้ดี ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะอะไร ที่ระบบมันห่วยเนื่องจากคนไทยไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง เรียนตามแบบเมืองนอก เพราะคิดว่าทันสมัย เลยไม่ดูบริบทบ้านเมืองของเราเอง แม้แต่ภาษาไทยที่เป็นภาษาเกิดของเราเองก็ยังไม่สนใจเลย ต่างจากเมืองนอก รัฐบาลเองก็ไม่สนใจที่จะสานต่อหรือเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ห่วงแต่ว่าได้เป็นรัฐบาลแล้วจะมีผลงานอะไรบ้าง หาผลงานให้เป็นชิ้นไว้ตอนสรุปปลายปีแค่นั้น ดูอย่างหลักสูตรการศึกษาที่กำลังจะเปลี่ยนในปีนี้ ผมเห็นร่างแล้วอดนึกถึงหลักสูตรสมัยที่ผมเรียนไม่ได้ (มานี มานะ ปิติ ชูใจ) อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้ทำงานรับราชการอยู่ทุกวันนี้ อีกอย่างหนึ่งการประสานงานของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็เหมือนต่างคนต่างทำงาน โดยเฉพาะรัฐบาลนางยก ที่เห็นพูดบรูณาการๆ แต่ไม่เห็นรมต.กระทรวงทำงานอย่างที่ว่าเลย ผมอยากเห็นกระทรวงวัฒนธรรมสนับสนุนส่งเสริมความเป็นไทยให้มากกว่านี้ อย่างน้อยจะได้ช่วยปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่เห็นคุณค่าบ้าง เช่น รายการทีวีที่สอนทำอาหารน่าจะมีรายการสอนทำอาหารไทย แข่งประดิษฐ์อะไรที่เป็นไทยๆ ทุกวันนี้เห็นแต่สอนทำอาหารเมืองนอก อาหารเกาหลี แล้วแบบนี้จะสอนให้เด็กรักวัฒนธรรมไทย ผมว่ามันสวนทางเหมือนกันกับระบบการศึกษาที่มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมานะแหละครับ


"ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ" - หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

"คนเราสามารถเปลี่ยนต้นไม้ประหลาด ให้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนคนผิดให้เป็นพระเจ้า เปลี่ยนสีขาวให้เป็นสีดำ เพียงเพราะความเชื่อของตัวเองเพียงเท่านั้น"


#58 ครูคณิตศาสตร์

ครูคณิตศาสตร์

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 22 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:39

สวัสดีครับ ทุกท่าน จริง ๆ ก็ตามอ่านบอร์ดนี้มานานนะครับ แต่ไม่ค่อยได้ log in (จำรหัสไม่ได้ด้วย) เข้ามาแสดงความคิดเห็นเลย พอดีเห็นเกี่ยวกับการศึกษา ก็เลยอยากแสดงความคิดเห็นบ้าง เคยได้ยิน ท่าน สว. ท่านนึงเคยพูดไว้ว่ามีคนพยายามทำให้คนไทยโง่ ผมในฐานะคนนึงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ฟัง ก็ต้องตกใจกับการกระทำของคนบางกลุ่ม (ถ้าเป็นจริง) การศึกษาไทยเข้าไปข้องเกี่ยวโดยการเมืองมากเกินไป ใครอยากทำไรไม่ได้มากนัก ต่อให้วิธีการไหนดี พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่ยอมทำต่อหรือไม่ก็เปลี่ยนชื่อ เช่น ครูพันธุ์ใหม่ เปลี่ยนเป็น ครูมืออาชีพ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ต่างกันเลย เพราะเป็นผมผลิตของหลักสูตร 5 ปี (ครูพันธุ์ใหม่) การศึกษาไทยเน้นผลลัพธ์โดยไม่ได้ดู กระบวนการก่อนที่จะมาเป็นผลลัพธ์เป็นอย่างไร เด็กเราไม่ได้ถูกฝึกให้คิด ครูเรายังขาดเครื่องมือเพื่อที่จะให้นักเรียนคิดเป็น อีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา แต่ยังไงคนในการศึกษาบางคนก็พยายามเปลี่ยนแปลง มันอาจจะช้าหน่อย แต่ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำไรเลย อาจจะ 40 ปี 50 ปี ก็คงต้องรอวันนั้นกันหละครับ คนรุ่นหลังอย่างพวกเรา



#59 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:42

 

 

 

 

 

 

 

 

สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง

ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า

ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ

พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ

อย่างฮา

 

อัตนัยหรือปรนัยครับ

 

ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว

เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้

 

เอาเถอะ  มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ  ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......

ระบบนี้งี้เง่ามาก

 

พอจะเข้าใจครับว่า ประเทศนี้มันเป็นอะไร เคร่งเรื่องพิธีการเอามากๆ แม้ว่าคำตอบจะถูกต้องแล้วก็ตาม

 

มันอยู่ที่อาจารย์ด้วยครับ

เหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดจากการหมั่นไส้ในรอบแรกคือไม่เข้าเรียนการบ้านไม่ส่งคือคะแนนเก็บไม่มี

***ทำข้อสอบได้ 55555

รอบ 2 แกอาจจะช่างมันเถอะถือว่าทำบุญ

 

เรื่องระบบการศึกษาผมว่าเอาระบบการตกซ้ำชั้นกลับมาและก็ไม่ต้องมีนโยบายเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนก็ได้ครับ

จบช่างมาเงินเดือนสูงกว่าจบปริญญาเยอะแยะ

บางคนอาจจะไม่ถนัดการคิดวิเคราะห์ด้วยการอ่านแต่คิดวิเคราะห์จากประสบการณ์และการจินตนาการมีถมไปครับ

 

 

ผมเห็นด้วยครับถ้าให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ

 

จะสายอาชีพหรือสายวิชาการก็ได้ อย่ามุ่งสนใจและให้ความสำคัญกับปริญญามากไป

 

ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ(ด้านดีนะครับ) ชีวิตก็มีความสุขแล้วละครับ

 

ยากครับ

 

ถ้าผมเป็นพ่อคนมีลูกแล้วคงไม่อยากให้ไปเรียนสายช่างหรอกครับ ถึงแม้ว่าลูกจะถนัดด้านนั้นก็เถอะ

 

มัน"อันตราย"เกินไป ผมกลัวลูกผมตายครับ

 

และผมเชื่อว่าความคิดอย่างนี้มีหลายคนครับที่คิด

 

***เห็นมีเรื่องออกล่าแต้มกันทุกปีอย่างนี้

 

 

อีม...ปัจจัยภายนอกเรื่องนักเรียนนักเลงผมลืมอะ

 

พอดีคิดมุ่งแต่อยากให้เด็กเรียนแล้วมีความสุข มีความหวังในอนาคต



#60 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:54

สวัสดีครับ ทุกท่าน จริง ๆ ก็ตามอ่านบอร์ดนี้มานานนะครับ แต่ไม่ค่อยได้ log in (จำรหัสไม่ได้ด้วย) เข้ามาแสดงความคิดเห็นเลย พอดีเห็นเกี่ยวกับการศึกษา ก็เลยอยากแสดงความคิดเห็นบ้าง เคยได้ยิน ท่าน สว. ท่านนึงเคยพูดไว้ว่ามีคนพยายามทำให้คนไทยโง่ ผมในฐานะคนนึงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ฟัง ก็ต้องตกใจกับการกระทำของคนบางกลุ่ม (ถ้าเป็นจริง) การศึกษาไทยเข้าไปข้องเกี่ยวโดยการเมืองมากเกินไป ใครอยากทำไรไม่ได้มากนัก ต่อให้วิธีการไหนดี พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่ยอมทำต่อหรือไม่ก็เปลี่ยนชื่อ เช่น ครูพันธุ์ใหม่ เปลี่ยนเป็น ครูมืออาชีพ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ต่างกันเลย เพราะเป็นผมผลิตของหลักสูตร 5 ปี (ครูพันธุ์ใหม่) การศึกษาไทยเน้นผลลัพธ์โดยไม่ได้ดู กระบวนการก่อนที่จะมาเป็นผลลัพธ์เป็นอย่างไร เด็กเราไม่ได้ถูกฝึกให้คิด ครูเรายังขาดเครื่องมือเพื่อที่จะให้นักเรียนคิดเป็น อีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา แต่ยังไงคนในการศึกษาบางคนก็พยายามเปลี่ยนแปลง มันอาจจะช้าหน่อย แต่ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำไรเลย อาจจะ 40 ปี 50 ปี ก็คงต้องรอวันนั้นกันหละครับ คนรุ่นหลังอย่างพวกเรา

 

ดีใจครับที่คุณครู มาให้ความรู้จากประสพการณ์ตรง

 

พ่อผมเป็นครู พี่สาวก็เป็นครู สามคน แต่ละคนเป็นครูโบราณสอนพิเศษก็สอนฟรี

 

ตอนนี้ยังเป็นครูอยู่คนเดียว เฮี๊ยบมาก นักเรียนไม่มาเรียนจะตามถึงบ้านเลย

 

เพราะเป็นครูในหมู่บ้าน รู้จักผู้ปกครองเด็กเกือบทุกคน



#61 dTone

dTone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 418 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:56

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สมัยผมเรียน ม.ปลาย มี อ. ที่ไม่ตรวจการบ้านเลย ถ้าสมุดมีรอยฉีก,ลิขวิดหรือขีดเส้นขั้นหน้าไม่ตรง

ไม่รู้สมัยนี้มีเปล่า

ผมเคยได้ 0 เพราะเขียนดินสอในข้อสอบ ตอนปริญญาเนี่ยแหละ

พิสูจน์แล้วจากการเอาปากกาเขียนตอนลงรอบ 2 ความรู้เท่าเดิม ผ่านแฮะ

อย่างฮา

 

อัตนัยหรือปรนัยครับ

 

ผมจำไม่ได้ว่าเรียกแบบไหน มันนานมากแล้ว

เป็นข้อเขียนครับ แบบกาข้อสอบผมว่ามันพอมั่วได้

 

เอาเถอะ  มีหนหนึ่งในวิชาคณิตศาสตร์ข้อสอบ 5 ข้อ ทั้งชั้นปี(รวมห้องคิง)ผมคนเดียวทำถูกทุกข้อ  ถูกหัก 1/2 คะแนนเพราะเขียนเครื่องหมายเท่ากับไม่ตรงกัน......

ระบบนี้งี้เง่ามาก

 

พอจะเข้าใจครับว่า ประเทศนี้มันเป็นอะไร เคร่งเรื่องพิธีการเอามากๆ แม้ว่าคำตอบจะถูกต้องแล้วก็ตาม

 

มันอยู่ที่อาจารย์ด้วยครับ

เหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดจากการหมั่นไส้ในรอบแรกคือไม่เข้าเรียนการบ้านไม่ส่งคือคะแนนเก็บไม่มี

***ทำข้อสอบได้ 55555

รอบ 2 แกอาจจะช่างมันเถอะถือว่าทำบุญ

 

เรื่องระบบการศึกษาผมว่าเอาระบบการตกซ้ำชั้นกลับมาและก็ไม่ต้องมีนโยบายเด็กทุกคนต้องมีที่เรียนก็ได้ครับ

จบช่างมาเงินเดือนสูงกว่าจบปริญญาเยอะแยะ

บางคนอาจจะไม่ถนัดการคิดวิเคราะห์ด้วยการอ่านแต่คิดวิเคราะห์จากประสบการณ์และการจินตนาการมีถมไปครับ

 

 

ผมเห็นด้วยครับถ้าให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ

 

จะสายอาชีพหรือสายวิชาการก็ได้ อย่ามุ่งสนใจและให้ความสำคัญกับปริญญามากไป

 

ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ(ด้านดีนะครับ) ชีวิตก็มีความสุขแล้วละครับ

 

ยากครับ

 

ถ้าผมเป็นพ่อคนมีลูกแล้วคงไม่อยากให้ไปเรียนสายช่างหรอกครับ ถึงแม้ว่าลูกจะถนัดด้านนั้นก็เถอะ

 

มัน"อันตราย"เกินไป ผมกลัวลูกผมตายครับ

 

และผมเชื่อว่าความคิดอย่างนี้มีหลายคนครับที่คิด

 

***เห็นมีเรื่องออกล่าแต้มกันทุกปีอย่างนี้

 

 

อีม...ปัจจัยภายนอกเรื่องนักเรียนนักเลงผมลืมอะ

 

พอดีคิดมุ่งแต่อยากให้เด็กเรียนแล้วมีความสุข มีความหวังในอนาคต

 

ผมเคยรู้จักคนที่จบมาจากอริอุเทนนะครับ

เขาบอกว่าแม้แต่อาจารย์ที่เป็นศิษย์เก่ายังยุเลยครับ

ถ้าจะแก้ปัญหานี้ต้องยกกระบิกันเลยทีเดียว

 

แต่ผมกับเพื่อนๆในนี้เป็นแค่พลังเล็กๆที่จะแก้ปัญหานี้

ส่วนคนที่มีอำนาจสามารถกระทำได้กลับเกรงกลัวอะไรบางอย่าง

 

ผมคงต้องทำใจครับที่อยู่ในประเทศที่ผู้มีอำนาจจ้องแต่จะหาประโยชน์ส่วนตัว



#62 dTone

dTone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 418 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:03

ความคิดผม ที่มันห่วยเพราะคนสมัยใหม่เหยียบย่ำคนสมัยเก่า เหยียบย่ำความรู้ครูบาอาจารย์ คนที่เป็นอาจารย์มหาลัยบางคนที่อายุ 40 ขึ้นไป น่าจะรู้ดี ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะอะไร ที่ระบบมันห่วยเนื่องจากคนไทยไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง เรียนตามแบบเมืองนอก เพราะคิดว่าทันสมัย เลยไม่ดูบริบทบ้านเมืองของเราเอง แม้แต่ภาษาไทยที่เป็นภาษาเกิดของเราเองก็ยังไม่สนใจเลย ต่างจากเมืองนอก รัฐบาลเองก็ไม่สนใจที่จะสานต่อหรือเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ห่วงแต่ว่าได้เป็นรัฐบาลแล้วจะมีผลงานอะไรบ้าง หาผลงานให้เป็นชิ้นไว้ตอนสรุปปลายปีแค่นั้น ดูอย่างหลักสูตรการศึกษาที่กำลังจะเปลี่ยนในปีนี้ ผมเห็นร่างแล้วอดนึกถึงหลักสูตรสมัยที่ผมเรียนไม่ได้ (มานี มานะ ปิติ ชูใจ) อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้ทำงานรับราชการอยู่ทุกวันนี้ อีกอย่างหนึ่งการประสานงานของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็เหมือนต่างคนต่างทำงาน โดยเฉพาะรัฐบาลนางยก ที่เห็นพูดบรูณาการๆ แต่ไม่เห็นรมต.กระทรวงทำงานอย่างที่ว่าเลย ผมอยากเห็นกระทรวงวัฒนธรรมสนับสนุนส่งเสริมความเป็นไทยให้มากกว่านี้ อย่างน้อยจะได้ช่วยปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่เห็นคุณค่าบ้าง เช่น รายการทีวีที่สอนทำอาหารน่าจะมีรายการสอนทำอาหารไทย แข่งประดิษฐ์อะไรที่เป็นไทยๆ ทุกวันนี้เห็นแต่สอนทำอาหารเมืองนอก อาหารเกาหลี แล้วแบบนี้จะสอนให้เด็กรักวัฒนธรรมไทย ผมว่ามันสวนทางเหมือนกันกับระบบการศึกษาที่มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมานะแหละครับ

ผมคิดต่างนะครับเรื่องนี้

 

บังเอิญผมยึดคำนี้ครับ

 

สิ่งใดที่คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ สิ่งใดที่คนอื่นทำไม่ได้เรายิ่งต้องพยายามทำให้ได้

 

เหยียบย่ำกับความรู้เก่าครับ แต่ต้องเคารพกับคนที่คิดมาก่อนถึงแม้มันจะผิดก็ตาม

 

ลองสังเกตุสิครับ ทุกวันนี้มีวิทยาการใหม่ๆออกมาทำลายวิทยาการเก่าๆเสมอไป

 

เช่น Harddisk เมื่อก่อนเราเชื่อว่าไม่มีทางทำได้เร็วกว่านี้ ปัจจุบันใช้เทคโนโลยี Solid State เข้าช่วย เร็วมหาโหด แต่แพงบรรลัย T_T


Edited by dTone, 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:04.


#63 ครูคณิตศาสตร์

ครูคณิตศาสตร์

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 22 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:05

 

สวัสดีครับ ทุกท่าน จริง ๆ ก็ตามอ่านบอร์ดนี้มานานนะครับ แต่ไม่ค่อยได้ log in (จำรหัสไม่ได้ด้วย) เข้ามาแสดงความคิดเห็นเลย พอดีเห็นเกี่ยวกับการศึกษา ก็เลยอยากแสดงความคิดเห็นบ้าง เคยได้ยิน ท่าน สว. ท่านนึงเคยพูดไว้ว่ามีคนพยายามทำให้คนไทยโง่ ผมในฐานะคนนึงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ฟัง ก็ต้องตกใจกับการกระทำของคนบางกลุ่ม (ถ้าเป็นจริง) การศึกษาไทยเข้าไปข้องเกี่ยวโดยการเมืองมากเกินไป ใครอยากทำไรไม่ได้มากนัก ต่อให้วิธีการไหนดี พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่ยอมทำต่อหรือไม่ก็เปลี่ยนชื่อ เช่น ครูพันธุ์ใหม่ เปลี่ยนเป็น ครูมืออาชีพ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ต่างกันเลย เพราะเป็นผมผลิตของหลักสูตร 5 ปี (ครูพันธุ์ใหม่) การศึกษาไทยเน้นผลลัพธ์โดยไม่ได้ดู กระบวนการก่อนที่จะมาเป็นผลลัพธ์เป็นอย่างไร เด็กเราไม่ได้ถูกฝึกให้คิด ครูเรายังขาดเครื่องมือเพื่อที่จะให้นักเรียนคิดเป็น อีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา แต่ยังไงคนในการศึกษาบางคนก็พยายามเปลี่ยนแปลง มันอาจจะช้าหน่อย แต่ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำไรเลย อาจจะ 40 ปี 50 ปี ก็คงต้องรอวันนั้นกันหละครับ คนรุ่นหลังอย่างพวกเรา

 

ดีใจครับที่คุณครู มาให้ความรู้จากประสพการณ์ตรง

 

พ่อผมเป็นครู พี่สาวก็เป็นครู สามคน แต่ละคนเป็นครูโบราณสอนพิเศษก็สอนฟรี

 

ตอนนี้ยังเป็นครูอยู่คนเดียว เฮี๊ยบมาก นักเรียนไม่มาเรียนจะตามถึงบ้านเลย

 

เพราะเป็นครูในหมู่บ้าน รู้จักผู้ปกครองเด็กเกือบทุกคน

 

จริง ๆ ครูเกือบทุกคนก็หวังให้ลูกศิษย์ตัวเองได้ดีกันทั้งนั้นครับ แต่ รัฐบาลต่างหากที่ไม่ยอมจริงจังกับการศึกษา อันไหนทำแล้วไม่เป็นผลงานเขาไม่เอา ต้องเห็นผลงาน แต่การศึกษาไม่ได้ออกดอกเร็วขนาด สองปีสามปี เห็นผล เป็นไปไม่ได้ เหนื่อยกับคนกลุ่มนี้ ขนาดอาจารย์ผมพยายามทำอะไรบางอย่าง คนในกระทรวงยังบอกว่าทำไปเถอะเดี๋ยวก็เลิกทำเอง



#64 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:24

>> คนสับปะหลี้  ครับ  คุณพูดถูก  แบบนั้นเลย.ภาษาไทยเดี๋ยวนี้

..ผมโทษอยู่ ๒ แห่งใหญ่  ๆ ที่เอาแต่ประโยชน์เข้าตัว  ไม่สนใจ
..หลักภาษาเลย  ตัวร้ายคือ ( ค่ายเพลง ต่างๆ) ทำภาษาเสียหายหมด
..ทั้ง..ร้อยกรอง..ทั้งเสียง.ทั้งคำ. หมดเลยครับ..อีก ๑ ที่ร้ายมากคือ

..เจ้ากระทรวงฯครับ..แต่ละราย ๆ ที่เข้าไปนั่งเป็น รมต.. โอย  นอกจาก

..พัฒนา แย่  แล้วยัง ยัดเยียด ความไร้สาระให้ทำกันอีก ก.พ ก็ ล้าหลัง

..แห่งเงินจาก  คุรุสภา..ก็จ้องกันตาเป็นมัน  เฮ้ออออ   ...........

>>>>> เรื่องความเคารพนบนอบ  ระหว่างครูกับศิษย์   มันเกือบไม่มีแล้ว

..สมัยนี้ เอา ช๊อคขว้างหัวมันได้รึเปล่า... มันได้ดักตีกบาลเอาซิ....

..สถาบันกวดวิชา  เกลื่อนเมือง..ครูอาจารย์ก็ห่วงแต่ สอนพิเศษ ทุกอย่าง

..ไปหมดแล้ว....คิดถึงความหลัง  มันก็ผ่านไปแล้ว...ก็ได้แต่ ถอนใจ...
 



#65 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:44

>> คนสับปะหลี้  ครับ  คุณพูดถูก  แบบนั้นเลย.ภาษาไทยเดี๋ยวนี้

..ผมโทษอยู่ ๒ แห่งใหญ่  ๆ ที่เอาแต่ประโยชน์เข้าตัว  ไม่สนใจ
..หลักภาษาเลย  ตัวร้ายคือ ( ค่ายเพลง ต่างๆ) ทำภาษาเสียหายหมด
..ทั้ง..ร้อยกรอง..ทั้งเสียง.ทั้งคำ. หมดเลยครับ..อีก ๑ ที่ร้ายมากคือ

..เจ้ากระทรวงฯครับ..แต่ละราย ๆ ที่เข้าไปนั่งเป็น รมต.. โอย  นอกจาก

..พัฒนา แย่  แล้วยัง ยัดเยียด ความไร้สาระให้ทำกันอีก ก.พ ก็ ล้าหลัง

..แห่งเงินจาก  คุรุสภา..ก็จ้องกันตาเป็นมัน  เฮ้ออออ   ...........

>>>>> เรื่องความเคารพนบนอบ  ระหว่างครูกับศิษย์   มันเกือบไม่มีแล้ว

..สมัยนี้ เอา ช๊อคขว้างหัวมันได้รึเปล่า... มันได้ดักตีกบาลเอาซิ....

..สถาบันกวดวิชา  เกลื่อนเมือง..ครูอาจารย์ก็ห่วงแต่ สอนพิเศษ ทุกอย่าง

..ไปหมดแล้ว....คิดถึงความหลัง  มันก็ผ่านไปแล้ว...ก็ได้แต่ ถอนใจ...
 

 

สมัยประถมพอเปิดเทอม วันแรกหลังเคารพธงชาติ ครูใหญ่จะถามว่าช่วงปิดเทอมใครเล่นการพนันบ้าง(สมัยนั้นเล่นพนันยางวง)

 

เด็กๆเดินออกมาเป็นแถว(ผมด้วย) โดนตีก้นหน้าเสาธงเลยละครับ นึกแล้วยังขำไม่หาย(ที่ไม่มีใครกล้าโกหก)

 

สมัยนั้นโดนครูตี ผู้ปกครองจะสมน้ำหน้าซ้ำ ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่ครูอาจโดนฟ้องฐานทำร้ายร่างกาย

 

ไม่รู้จะโทษใครดี เพราะสมัยนี้ทั้งครูทั้งเด็ก ทั้งผู้ปกครอง ล้วนไม่มีใครกล้ารับผิดชอบในหน้าที่ตัวเอง



#66 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 10:13

>>> จริงอีก  คุณ kokkai   พูดทำให้คิดถึงสมัยเด็กประถม..

..เรียกว่าอยู่ในยุค กระดานชนวน+ ดินสอหิน.. ผมยังจำได้

..ทุกวันนี้ โดนทำโทษที่เรียกว่า ๓ ประสาน.. คือโดนครูตี.

..หนีไปวัดโดนพระตี ไล่กลับบ้าน โดนแม่ตี. นึกทีไรก็อดขำ

..ไม่ได้ จริง ๆ  ผมมันเป็นเด็ก ซนมาก.กับเพื่อนๆ ผมไปทั่ว

..หมด แต่ไม่ค่อยกล้าผ่าน..วัดบางสะแก..เพราะว่า ที่วัดนี้

..เขาเอาศพ..เจ้าแม่นิยม.. เป็นศพแห้งไม่เน่า.เขาเอาใส่

..แบบตู้กระจกใหญ่..มีเครื่องเซ่นของถวายมากมาย..ศพก็

..มีผ้าสีต่างๆห่มสวยๆ  เพียงแต่เราเด็ก ก็เลยกลัวผี. คนอยู่แถว 

..แถว ตลาดพลู-บางขุนเทียน  ยุคนั้น จะรู้จักวัดบางสะแกเจ้า-

..แม่นิยม..เรียกแบบนี้เป็นที่รู้กัน...



#67 meeboon

meeboon

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 180 posts

ตอบ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:01

นักวิชาการในกระทรวงก็บอกว่านโยบายจะดีแค่ไหน ถ้าครุููสอนไม่นำสู่การปฏิบัติให้ถึงแก่นแท้ นโยบายนั้นก้ไม่มีประโยชน์ อันนี้ก้เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่วันนี้ภาระครูไม่มีแค่การสอน วันๆต้องไปอบรมรับนโยบายจนไม่มีเวลาอยู่กับนักเรียน และงานพิเศษที่ครูได้รับอีก อย่างงานพัสดุ การเงิน บัยชี  ทุ่มเททำงานหลังการสอน จัดซื้อจัดจ้างพลาดพลั้งโดนฟ้อง รับเต็มๆ 3 เด้ง  วินัย  อาญา  แพ่ง  ถ้าจะพัฒนาจริงๆ ก็ควรตัดภาระส่วนนี้ออกไปให้ครูสอนได้เต็มที่



#68 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:39

>>> จริงอีก  คุณ kokkai   พูดทำให้คิดถึงสมัยเด็กประถม..

..เรียกว่าอยู่ในยุค กระดานชนวน+ ดินสอหิน.. ผมยังจำได้

..ทุกวันนี้ โดนทำโทษที่เรียกว่า ๓ ประสาน.. คือโดนครูตี.

..หนีไปวัดโดนพระตี ไล่กลับบ้าน โดนแม่ตี. นึกทีไรก็อดขำ

..ไม่ได้ จริง ๆ  ผมมันเป็นเด็ก ซนมาก.กับเพื่อนๆ ผมไปทั่ว

..หมด แต่ไม่ค่อยกล้าผ่าน..วัดบางสะแก..เพราะว่า ที่วัดนี้

..เขาเอาศพ..เจ้าแม่นิยม.. เป็นศพแห้งไม่เน่า.เขาเอาใส่

..แบบตู้กระจกใหญ่..มีเครื่องเซ่นของถวายมากมาย..ศพก็

..มีผ้าสีต่างๆห่มสวยๆ  เพียงแต่เราเด็ก ก็เลยกลัวผี. คนอยู่แถว 

..แถว ตลาดพลู-บางขุนเทียน  ยุคนั้น จะรู้จักวัดบางสะแกเจ้า-

..แม่นิยม..เรียกแบบนี้เป็นที่รู้กัน...

 

ฮิ...ฮิ...ถูกใจจัง มีคนเป็นสว.มากกว่าผม

 

เพราะผมไม่ทันกระดานชนวนอะ



#69 ploychanpen

ploychanpen

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 198 posts

ตอบ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 02:52

>> คนสับปะหลี้  ครับ  คุณพูดถูก  แบบนั้นเลย.ภาษาไทยเดี๋ยวนี้

..ผมโทษอยู่ ๒ แห่งใหญ่  ๆ ที่เอาแต่ประโยชน์เข้าตัว  ไม่สนใจ
..หลักภาษาเลย  ตัวร้ายคือ ( ค่ายเพลง ต่างๆ) ทำภาษาเสียหายหมด
..ทั้ง..ร้อยกรอง..ทั้งเสียง.ทั้งคำ. หมดเลยครับ..อีก ๑ ที่ร้ายมากคือ

..เจ้ากระทรวงฯครับ..แต่ละราย ๆ ที่เข้าไปนั่งเป็น รมต.. โอย  นอกจาก

..พัฒนา แย่  แล้วยัง ยัดเยียด ความไร้สาระให้ทำกันอีก ก.พ ก็ ล้าหลัง

..แห่งเงินจาก  คุรุสภา..ก็จ้องกันตาเป็นมัน  เฮ้ออออ   ...........

>>>>> เรื่องความเคารพนบนอบ  ระหว่างครูกับศิษย์   มันเกือบไม่มีแล้ว

..สมัยนี้ เอา ช๊อคขว้างหัวมันได้รึเปล่า... มันได้ดักตีกบาลเอาซิ....

..สถาบันกวดวิชา  เกลื่อนเมือง..ครูอาจารย์ก็ห่วงแต่ สอนพิเศษ ทุกอย่าง

..ไปหมดแล้ว....คิดถึงความหลัง  มันก็ผ่านไปแล้ว...ก็ได้แต่ ถอนใจ...
 

สมัยหนูเรียนมัธยมยังไม่มี รร สอนกวดวิชา ถ้าจะเรียนครูจะมาสอนในวันเสาร์ให้ฟรี  ทุกวันนี้ยังติดต่อทั้งครูที่สอนประถมและมัธยม ถ้าไม่มีครูในวันนั้น  ต้องบอกว่าหนูคงไม่ได้ดีในวันนี้ ยังจำภาพเก่าๆที่มีความทรงจำระหว่างศิษย์กับครูได้ถึงทุกวันนี้     ขอคารวะคุณครูทุกท่านด้วยดวงใจค่ะ สักวันหนูคงได้มีโอกาสไปกราบพระเจ้าตานะคะ






ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน