มาอีก ข่าวหน้าหนึ่งครับ
‘ยิ่งลักษณ์’จนตรอก! หนีตายจำนำข้าวเจ๊ง-หักดิบชาวนาหั่นเหลือ1.2หมื่น/ตัน
http://www.thaipost....ws/190613/75240
จำนนแล้ว หลังยอดจำนำข้าวทุกเมล็ดเจ๊งกระฉูด หั่นนาปรังปี 2556 เหลือแค่ 12,000 บาท/ตัน พร้อมให้ชาวนาเข้าโครงการได้แค่ 5 แสนตัน “บุญทรุด” ปัดถังแตก แต่ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง ฟุ้งเกษตรกรยังกำไร 40% นายกฯ โอ๊คลั่นทำบุญภาษีอากรเป็นไรไป “ยิ่งลักษณ์” ร้อนเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษด่วน ยอมรับมึนตัวเลขสต็อก ซื้อเวลาตั้งกรรมการสอบ แต่รองอธิบดีกรมการค้าภายในรับคา กมธ.วุฒิสภา “ยิ่งลักษณ์” รู้ตัวเลขแท้จริง ปชป.จัดหนักสต็อกเน่า-ข้าวล่องหน
เมื่อวันอังคารยังคงมีความต่อเนื่องในโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้รายงานข้อมูลของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) รวมถึงความเห็นของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ ครม.ได้รับทราบ และให้นำรายละเอียดทั้งหมดให้ กขช.พิจารณารายละเอียดต่อ
เมื่อถามว่า ตกลงจะลดราคาการรับจำนำข้าวจาก 1.5 หมื่นบาทต่อตันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีมติจาก กขช.เข้ามาอย่างชัดเจน แต่คงรับข้อเสนอและความคิดเห็นต่างๆ ไปหารือถึงทิศทางที่ชัดเจนจาก กขช. มายัง ครม.อีกครั้ง ซึ่งคงต้องรอผลก่อน
ซักต่อว่า รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ได้สั่งงานเพิ่มเติมใน ครม. โดยฝากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ให้ตั้งคณะเซอร์เวเยอร์ที่เป็นตัวกลางเพิ่มขึ้นมาอีกทีมในการตรวจสอบทุกโกดัง และในทีมเซอร์เวเยอร์จะมีทีมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าไปตรวจสอบด้วยให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว และกลับมารายงาน ครม. หากพบว่ามีปัญหาในสต็อก เซอร์เวเยอร์ก็คงต้องชดใช้ตามราคาต้นทุน
“ตัวเลขที่ผ่านมา ณ วันที่ 31 ม.ค.ตรงกัน แต่สิ่งที่ไม่ตรงกันคือตัวเลขสต็อกคงค้าง ซึ่งนายบุญทรงได้รายงานว่า กขช.ได้ให้คณะทำงานบวกกับทีมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีลงไปตรวจสอบในรายละเอียดถึงสต็อกจริงๆ ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงการคำนวณมูลค่าสต็อกคงค้าง” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวตอบคำถามเรื่องกระทรวงพาณิชย์รายงานหรือไม่ว่าขายไปกี่ตัน ราคาเท่าไหร่ และขายให้ใคร
เมื่อย้ำถามว่า ขายให้บริษัทอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า อันนี้คงไม่ไปทราบอะไรตรงนั้น เพราะเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่
ในขณะที่นายวราเทพกล่าวว่า ครม.รับทราบตัวเลขผลการดำเนินการในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในปีการผลิต 2554/55 ซึ่งใช้ข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ณ วันที่ 31 ม.ค.2556 ที่ระบุว่ามีผลขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 1.36 แสนล้านบาท โดยมีข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 21.78 ล้านตัน และสีแปรสภาพเหลือเป็นข้าวสารทั้งสิ้น 13.42 ล้านตัน จ่ายเงินให้เกษตรกรไปแล้ว 3.37 แสนล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการอยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านบาท หรือ 6% ค่าโรงสี และค่าสีแปรสภาพ 1.08 หมื่นล้านบาท หรือ 8% โดยส่วนนี้ยังมีมูลค่าข้าวคงเหลือในสต็อก ซึ่งใช้การคำนวณโดยใช้ราคาต่ำที่สุดอยู่ที่ 1.55 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าข้าวที่ได้ระบายแล้วอยู่ที่ 5.91 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2554/55 มีการใช้วงเงินไปทั้งสิ้น 3.52 แสนล้านบาท
ให้ปิดบัญชีทุก 3 เดือน
นายวราเทพกล่าวต่อว่า ครม.ยังเห็นชอบให้ใช้แนวทางคำนวณผลการดำเนินงานของโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้วิธีคำนวณจากมูลค่าข้าวในสต็อกที่ยังคงเหลืออยู่ตามราคาตลาดที่ต่ำที่สุด ณ วันปิดบัญชี พร้อมสั่งให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวทุกๆ 3 เดือน และรายงานให้ ครม.รับทราบด้วย รวมทั้งยังมอบหมายให้ กขช.กลับไปทบทวนแนวทางและหลักเกณฑ์สำหรับปรับปรุงในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่ โดยให้นำข้อเสนอแนะของสภาพัฒน์ และข้อมูลของตนเองไปพิจารณาหาแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการในอนาคต
“ผมยังยืนยันว่าตัวเลขต่างๆ ไม่ได้ตกแต่ง และคงไม่มีใครกล้าไปเปลี่ยนแปลงตัวเลย เพราะทำไปก็เหมือนกับการเอาอนาคตของตัวเองไปเสี่ยง” นายวราเทพกล่าวและว่า ครม.ยังได้มอบหมายให้ กขช.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวในสต็อกที่เหลืออยู่ โดยให้เร่งสรุปและนำข้อมูลทั้งหมดมาเสนอให้ ครม.รับทราบภายใน 30 วัน
มีรายงานข่าวจาก ครม.แจ้งว่า ในช่วงพิจารณาตัวเลขขาดทุนจากโครงการรับจำนำ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการขาดทุนว่า ควรเปลี่ยนมาใช้คำว่า ภาระทางบัญชี หรือภาระงบประมาณจะดีกว่า เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านนำไปสร้างวาทกรรม แต่นายวราเทพแย้งว่าไม่ควรเปลี่ยนแปลง เพราะอาจทำให้คนสงสัยว่ารัฐบาลพยายามไปปรับแก้อะไร ซึ่งที่ประชุมก็เห็นว่าควรใช้คำว่าขาดทุนเหมือนเดิม
ต่อมาในช่วงเย็น ได้มีการประชุม กขช.นัดพิเศษ โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ปรับปรุงรายละเอียดโครงการรับจำนำฤดูการผลิตนาปรังปี 2556 ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ โดยให้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% จากราคา 1.5 หมื่นบาท/ตัน เหลือ 1.2 หมื่นบาท/ตัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2556 เป็นต้นไป และจำกัดวงเงินเข้าสู่โครงการไม่เกินรายละ 5 แสนบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. โดย กขช.ยังได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาหาแนวทางและมาตรการช่วยเหลือลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร
“การลดรายละเอียดโครงการไม่ใช่เงินไม่พอ แต่เรามีภาระต้องรับผิดชอบต่องบประมาณในภาพรวม และต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้เป้าหมายทำงบประมาณสมดุลเกิดขึ้นในปี 2560 ซึ่งแต่ละปีได้ตั้งเป้าหมายว่าจะจำกัดวงเงินภาระค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนโครงการไม่เกินปีละ 1 แสนล้านบาท” นายบุญทรงกล่าวและว่า ราคารับจำนำที่ลดลงมา กระทรวงเกษตรฯ ได้คำนวณแล้วว่าเกษตรกรยังมีกำไรประมาณ 40% เพราะต้นทุนการผลิตอยู่ที่กว่า 8,000 บาท/ตัน ซึ่งราคาดังกล่าวเหมาะสมกับราคาตลาดปัจจุบัน และราคาตลาดโลก
Edited by ผึ้งน้อย For Vendetta, 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 06:44.