ถามแดงว่า มีใครเคยนั่ง รถไฟความเร็วสูงจริงๆบ้าง เคยรู้ราคาจริงๆบ้างหรือเปล่า เคยใช้งานจริงบ้างมั๊ย หรือ จินตนาการน้ำแตกเอา
ถามแดงว่า เคยดูผลประกอบการ ของบริษัทรถไฟความเร็วสูงบ้างหรือเปล่า
ถามแดงว่า เห็นช้างขรี้ อยากขรี้ตามช้่างหรือเปล่า ประเทศที่ทำไปแล้ว ก็เห็นจะมีแต่
ถามแดงว่า ถ้าคิดว่ามันดีจริง ทำไมต้องกู้ซะขนาดนั้น ในเมื่อเพื่อก็เสนอ แนวทางที่ใช้เงินน้อยกว่า
ถามแดงว่า ถ้าอยากลดต้นทุน logistic ทำรางคู่ให้รอดก่อนดีกว่ามั๊ย เพราะ ต้นทุนถูกที่สุด แถมใช้งานได้จริงมากกว่า แต่ไม่ทำ เพราะอะไร
ถามแดงว่า พอใจกับรถไฟจีนราคาถูก แต่ซื้อแพง หรือไม่(โดนอยู่แล้ว เพราะจ่ายดี)
ปล แค่จาก ฮัมบวัก มา มิวนิค ยังขึ้นเครื่องมากกว่าใช้รถไฟ เพราะ ราคาเครื่องถูกกว่าพอสมควร
ไม่ได้เป็นแดงแต่ขออนุญาตตอบนะครับ
๑ เรื่องราคา ก็แล้วแต่ต้นทุนของแต่ละที่ครับ ส่วนใหญ่แล้วใกล้เคียงกับเครื่องบิน
๒ ผลประกอบการ ก็แล้วแต่บริษัท ถ้าบริหารดีๆ หารายได้เสริม ของญี่ปุ่น เท่าที่ผมรู้ กำไรทุกบริษัทนะครับ
๓ ผมคิดว่า สำหรับคนที่พอมีกำลังซื้อ รถไฟความเร็วสูงนั้นเพิ่มคุณภาพชีวิตนะครับ ถ้าคิดว่าเลียนแบบ ก็มองว่าเป็นการเอาอย่างในสิ่งทีดีครับ
๔ เรื่องเงินกู้ ยอมรับว่าเป็นห่วงเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้ ไม่ได้กู้ตูมเดียว แต่ทยอยๆ ภายในงบที่กำหนด ที่น่าห่วงคือเรื่องการตรวจสอบ
๕ เรื่องรถไฟรางคู่นั้น อยู่ในวงเงินกู้ด้วยครับ รถไฟความเร็วสูงเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่สองล้านล้าน ทั้งหมด
๖ รถไฟจีน ถ้าผมจำไม่ผิด ก็ใช้เทคโนโลยีของ TGV ผมว่ารับได้นะ
๗ เส้นทางฮัมบวร์ก-มิวนิค นั้นค่อนข้างไกล วิ่งเหนือ-ใต้ แถมไม่ค่อยตรง เวลาเดินทางเลยไม่น่าดึงดูดเท่าไหร่ ผมว่าไม่นาแปลกนะครับ ที่คนเดินทางด้วยเครื่องบินมากกว่า
ยินดีครับที่มีความเห็นแบบนี้ครับ
ว่ากันด้วยเรื่องราคาก่อน เนื่องจากต้นทุนสูงมาก และ ด้วยรายได้ต่อหัวของบ้านเรา และ ปริมาณกลุ่มลูกค้า คงจะเทียบไม่ได้ กับกลุ่ม ญี่่ปุ่น ยุโรบ หรือ จีน
แต่ถ้าเป็นการเดินทางระยะสั้น สักไม่เกิน 500 km รถไฟความเร็วสูงสะดวกกว่าจริง เพราะลงรถไฟ ต่อรถไฟ ของเค้าเป็นระบบเลย
แต่พอเกินกว่านี้ เครื่องบิน จะได้รับความนิยมมากกว่า และ อีกอย่าง บ้านเค้าน้ำมันแพงมาก ที่จอดรถแพงมาก จักยาน และ ระบบขนส่ง จึงเป็นทางเลือกที่ดี
แต่บ้านเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น ถ้าเราพร้อม เงินมีเยอะ จะไม่ว่าเลย แต่นี่ต้องกู้ล้วนๆ ไม่รู้จักจบ เป็นเช่นนี้ สู้ให้เอกชนประมูล ทำเองดีกว่า เหมือนทางด่วนรุ่นแรกๆ
จึงเป็นที่มาของคำว่า เห็นช้างขี้ อยากจะขี้ตามช้างหรือเปล่า
ทำเสร็จแล้วเกรงว่า จะขาดทุน เพราะผู้ใช้บริการน้อย ผสมกับเงินทุนที่สร้าง ที่ว่าจะกู้กันห้าสิบปี อาจจะต้องกู้มาเพื่อบริหารต่ออีกห้าสิบปี ไม่จบไม่สิ้น เพราะโครงการ ทำมาเหมือนกับไม่ได้ศึกษาผลกระทบระยะยาวให้ดี
ที่อยากเห็นรถไฟรางคู่สำเร็จ เพราะ นอกจากราคาจะถูกกว่า และ ให้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดในบรรดาการขนส่งทั้งหลาย (ไม่นับเรือ) น่าจะคุ้มเงินภาษีที่สุด แต่เห็นทำมานานแล้ว ก็ไม่ค่อยจะคืบหน้า (รู้กันอยู่ว่าเป็นเพราะ) สู้เอาเงินไปทุ่มทำให้เสร็จ แล้วค่อยมาประเมินผลต่อจะดีกว่าหรือเปล่า ว่าต้องการรถไฟความเร็วสูงจริงหรือเปล่า
ส่วนรถไฟจีน ราคาไม่แพง วิ่งได้ ไม่ขอวิจาร์ณ แต่แนวทางการได้ประมูล จีนมักจะถึงลูกถึงคนกว่า แต่ทำธุรกิจต้องมีกำไร ถ้ายัดไปเยอะ ของที่ได้ ก็คงจะต้องลด qc ลง เป็นธรรมดา
เกรงว่าจะได้ของแพงไม่สมราคา มากกว่าอ่ะนะ