Jump to content


Photo
- - - - -

ตะลึง!!!ภาพชัดๆ "อ.มิตซูโอะ"คลอเคลียคู่สาว-เผยหลักฐานมัดสึกเพราะ"สีกา"???


  • Please log in to reply
128 replies to this topic

#51 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

Posted 28 June 2013 - 07:37

กายาคตาสติ คือ พิจารณา อวัยภายนอก และ ภายใน

ภายนอกมี ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง

ภายในมี ตับ ไต ใส้ พุง อาหาร เก่า ใหม่ เอ็น กระดูก และอีกหลายอย่าง

รวมทั้งนอกในแล้วมี 32 อย่าง

 

อสุภะ พิจารณาศพ มีลักษณะของศพ แบบต่างๆ 10 แบบ เช่น ขึ้นอืด อวัยวะฉีกขาด  ถูกสัตว์กัดแทะ

ช้ำเลือดช้ำหนอง ซากแห้งเลือแต่หนังหุ้ม เหลือแต่โครงกระดูก ประมาณนี้

 

จำได้ลางๆ ขี้เกียจค้น ฮ่าๆๆ

 

ในกัมมัฏฐานทั้ง 40 กอง พระพุทธเจ้ายกให้ อาณาปานสติ กับ กายาคตาสติ เป็นเลิศ


Edited by phoosana, 28 June 2013 - 07:37.

We love fender.

#52 ชายน้ำ

ชายน้ำ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,256 posts

Posted 28 June 2013 - 08:05

ผมว่าแกก็โอเคนะ

 

รักษาเพศพรหมจรรย์ไม่ได้ก็ออกมาอยู่อย่างฆราวาส

 

ยังไงก็ยังแมนกว่าคนที่จะเอา Best of both worlds

 

เสพย์กามแต่ก็ยังอยากให้คนกราบไหว้อยู่



#53 awhile

awhile

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,606 posts

Posted 28 June 2013 - 08:25

แต่จากรูป ผู้หญิง ผมยาวผมสั้นนี่
คนเดียวกันใช่ไหมอ่ะ ข่าวสึกยังไม่ถึงเดือนเลย
หรือว่าเธอตัดผมอ่ะ
คิดมากไปเนาะผม

#54 คนสับปรับ

คนสับปรับ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,410 posts

Posted 28 June 2013 - 08:37

สมัยผมบวช มีพระหลายท่าน เล่าว่า มีสำนักสงฆ์หนึ่งแถวกาญ มีผู้หญิงมาบวชชีพรหมเยอะมาก แต่ละคนขับเก๋งหรูๆมาเกือบทั้งนั้น มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เรียกได้ว่าไฮโซนานาชาติ พอมีพระไปเทศนาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ รูปใดดีแต่ปาก จิตไม่แข็งพอ ก้อจะเกิดอาการจิตตก หลงรูปแม่ชีจนต้องสึกออกไปเยอะแล้ว (คิดดูสิว่าคนมีกระตังส่วนใหญ่ผิวดี รูปงาม นามเพราะ) เรื่องนี้ผมได้ฟังมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ผมเชื่อไม่เต็ม100  ตอนนี้มีgoogleแล้ว เลยลองค้นหาดู!!! เอ๊รย.....มีจริงๆด้วย



#55 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

Posted 28 June 2013 - 08:39

ยังไงท่านก็ ลาสิกขา ออกมาแล้ว


ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#56 จูกัดขงเบ้ง

จูกัดขงเบ้ง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,226 posts

Posted 28 June 2013 - 08:44

 

เขาเป็นใครเหรอครับ ทำไมมีข่าวออกมาเยอะจัง 

เท่าที่ทราบเป็นคนญี่ปุ่นเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและมาบวชเป็นเวลาหลายปี อีกทั้งได้เป็นเจ้าอาวาสด้วย

 

แต่สุดท้ายท่านก็สึกอย่างเร่งด่วนโดยไม่มีใครคาดคิด ก็ยังดีนะดีกว่าอาศัยผ้าเหลืองทำในสิ่งที่ไม่ดี หรือปกปิดในกิเลสที่ตัวเองไม่สามารถตัดได้

 

หลวงพ่อมิตซูโอะ คเวสโก

ท่านเป็นพระสายกรรมฐานวัดป่า ลูกศิษย์ของ หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง

เป็นผู้มีปัญญาอันชอบ คำสอนของท่านเป็นคำสอนที่ดี ทำให้คนคิดได้เยอะเหมือนกัน

ท่านไปสร้างวัดอยู่ที่กาญจนบุรี โน่นแน่ะ เคยไปไหว้ท่านบ่อย

มีคนนิยมชมชอบและศรัทธาท่านอย่างมากมายล้นหลาม จัดเป็นพระดังองค์นึงเลยแหละ

 

ท่านสึกแล้ว ก็คงเหลือแต่ความทรงจำและคำสอนดีๆที่เอาไว้เพื่อเป็นแนวทางแห่งการดำเนินชีวิต

และเป็นอนุสติ เตือนใจให้เห็นความเป็นอนิจจังทั้งปวง

กิเลส ตัณหา อุปาทาน เป็นเครื่องร้อยรัดมนุษย์ให้วิ่งวนอยู่ในวัฏฏะสงสารตลอดกาล


แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทั้งกษัตริย์ยังทรงคุณธรรมอันสูงส่ง

จำคำนี้ไว้ไปบอกยมบาลเวลาเจ้าลงนรกก็แล้วกัน


#57 สิงห์สนามซ้อม

สิงห์สนามซ้อม

    คนดีไม่กลัวการตรวจสอบ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,757 posts

Posted 28 June 2013 - 08:46

ความน่าจะแตกแล้วจึงสึก ไม่งั้นคงไม่รีบแบบนี้หรอก

ที่ต้องสึกก่อนความแตก เพราะเงินบริจาคเข้าวัด -_-


" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก  กรูไม่ดู !!! "


#58 A Better Tomorrow

A Better Tomorrow

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 333 posts

Posted 28 June 2013 - 09:05

เฮ้อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

นานวัน ก็เหลือแต่พระธรรม อย่างเดียวเท่านั้นแล้ว



#59 จูกัดขงเบ้ง

จูกัดขงเบ้ง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,226 posts

Posted 28 June 2013 - 09:12

*
POPULAR

แต่ก่อน พระพุทธเจ้า ท่าน ไม่ยอมรับสตรีเพศ เข้าบวชเลยด้วยซ้ำ

จิตใจของสตรีเพศ คือ จิตใจของความเป็น แม่ เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ยึดติด ยึดถือเป็นหลัก เหมือนไม้เลื้อยนั่นแหละ

เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องอิจฉาริษยา นินทา ในหมู่สตรีเพศจึงเป็นเรื่อง ปกติ ครับ

เรียกว่า ถ้าถือหางข้างไหนแล้วข้าไม่ฟังใครทั้งนั้น คนของข้าไม่มีวันผิด

จิตนี้ไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่มันไปด้วยกันไม่ได้กับศาสนาที่ต้องปล่อยวาง และ สงบ

แต่สิ่งที่ดีของสตรีก็คือ ความอดทน มุ่งมั่น อย่างสูงสุด จนทำให้พระองค์ต้องยินยอมให้สตรีเพศเข้ามาบวชได้

 

ถึงกระนั้นก็ตามยังคงวางระเบียบเข้มงวดมากในการจะบวชแต่ละครั้ง

 

ที่เขียนมานี่ไม่ได้ด่าสตรีเพศ แต่สภาพพื้นฐานเป็นอย่างนี้เอง

จิตใจแบบนี้แหละที่พาไปเกิดเป็นสตรี อาศัยในเพศสตรี เราทั้งหลายพึงพิจารณา

มิใช่อธิษฐานแล้วจะได้ไปเกิดเป็นชายเป็นหญิง 

หากแต่เหตุปัจจัยในจิตใจนี้ต่างหากเล่า ที่สร้างรูปเพศชายหญิงขึ้นมาหลังจากปฏิสนธิ

 

เรื่องการครองเรือน การเป็นผัวเป็นเมีย ก็เป็นเรื่องของกิเสสในส่วนละเอียดมากๆ

มันเหมือนเป็นพื้นฐานแห่งจิตมนุษย์ จะมีกิเลสส่วนนี้อยู่เป็นฐานเลยแหละ

ความรักใคร่ ชอบพอ และ สืบพันธุ์ เป็นกิเลสที่อยู่ส่วนลึกมากของจิต

เพราะเราต่างเกิดมาจาก กิเลสและตัณหาของพ่อแม่ ที่ร่วมกันจึงเกิดชีวิตขึ้นมา

กิเลสส่วนนี้จึงเป็นส่วนฐานของจิต ที่ทำให้มนุษย์ต้องสืบพันธุ์มีลูกหลานต่อไป

การกำจัด ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย เพราะมันเหมือนกำจัดจิตตัวเองทิ้งนั่นแหละ

 

ดังนั้น การที่พระจะเป็นพระที่เสพกาม ทั้งในผ้าเหลืองหรือสึกมา  ก็เป็นเรื่องปกติ

เป็นปกติแห่งจิต

ยิ่งครองอยู่ในสมณเพศ ยิ่งไม่สามารถเสพกามได้ ยิ่งนานไป กิเลสที่นอนก้นอยู่ยิ่งรุ่มร้อน

เหมือนน้ำมันเดือด ที่ รอแค่เพียง สะเก็ดไฟเล็กๆ เท่านั้น

เจ้าตัวเองไม่มีทางรู้หรอก ถ้าไม่ได้ฝึกจิตจริงๆ ไม่เห็นหรอก

จนเมื่อเจอสะเก็ดไฟ เข้ามานั่นแหละ เห็นโยมผู้หญิงเข้ามาหน่อย มองยังไม่ทันละเอียด แค่ตรงจริตแค่ส่วนเดียว

เท่านี้ กิเลสก็ขี่หัวแล้ว มันก็ขยายออกไปอีก รุ่มร้อนมากขึ้น อยากครองเรือน อยากอยู่ข้างร่างกายแห่งสตรีเพศนี้ตลอดไป

 

เพียงแต่ใครจะหน้าด้าน โลภในลาภสักการะ มากกว่า การครองเรือน หรือจะเอาทั้งคู่

ต่างเป็นวิถีแห่งจิตและวิถีแห่งกรรมที่ผูกพันร่วมกันมา

 

จะว่าหญิงว่าเป็นนักล่า ก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะหลักฐานไม่มี และ มันสามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง

เราเพียงแต่มองแล้วน้อมนำมาที่เราเองว่า นี่แหละคือจิตแห่งมนุษย์ทั้งหลาย เราเองก็เป็นเหมือนกัน

เพียงแต่เราจะมองเห็นมันชัดแค่ไหนเท่านั้น


แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทั้งกษัตริย์ยังทรงคุณธรรมอันสูงส่ง

จำคำนี้ไว้ไปบอกยมบาลเวลาเจ้าลงนรกก็แล้วกัน


#60 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

Posted 28 June 2013 - 09:14

ถือเป็นอีกหนึ่ง บททดสอบ ของผู้เดินทาง สู่มรรคาเเห่งนิพาน

สงบนิ่งในที่ๆสงบเเล้ว ยังถือเป็นเรื่องยาก ใครสงบนิ่งในที่ๆเชี่ยวกราก จึงถือสงบจริง...



เเต่ยังไงผมก็ให้เครดิตท่าน เเละเคารพการตัดสินใจ ตรงที่

เมื่อสำนึกรู้ว่า จะพ่ายเเพ้ต่อจิตเสน่หา ก็รีบสึกออกมา ไม่ให้มัวหมองต่อ พระศาสนา

#61 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

Posted 28 June 2013 - 09:16

... ภิกษุทั้งหลาย! บรรพชิตรูปใด จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม, แม้จะทุกข์กายทุกข์ใจ ถึงน้ำตานองหน้า ร้องให้อยู่ ก็ยังสู้ประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่ได้ ก็มี ข้อที่น่าสรรเสริญเธอให้เหมาะสมแก่ธรรมที่เธอมี ในบัดนี้ห้าอย่าง. ห้าอย่างอะไรบ้างเล่า ? ห้าอย่างคือ :-

(๑) ธรรมที่ชื่อว่า ศรัทธาในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็ได้มีแล้วแก่เธอ.
(๒) ธรรมที่ชื่อว่า หิริในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็ได้มีแล้วแก่เธอ.
(๓) ธรรมที่ชื่อว่า โอตตัปปะในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็ได้มีแล้วแก่เธอ.
(๔) ธรรมที่ชื่อว่า วิริยะในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็ได้มีแล้วแก่เธอ.
(๕) ธรรมที่ชื่อว่า ปัญญาในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็ได้มีแล้วแก่เธอ.

ภิกษุทั้งหลาย! บรรพชิตรูปใด จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม, แม้จะทุกข์กายทุกข์ใจ ถึงน้ำตานองหน้า ร้องไห้อยู่ ก็ยังสู้ประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่ได้ก็มี. ข้อที่น่าสรรเสริญเธอให้เหมาะสมแก่ธรรมที่เธอมีในบัดนี้ห้าอย่างเหล่านี้แล...

 

... ถูกแล้ว ถูกแล้ว สารีบุตร ! สารีบุตร ! อริยสาวกใด มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว, เขาย่อมไม่สงสัยหรือลังเลในตถาคตหรือคำสอนในตถาคต. สารีบุตร ! เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธาแล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย. สารีบุตร ! ความเพียรเช่นนั้นของอริยสาวกนั้นย่อมเป็น วิริยินทรีย์ ของเธอนั้น....
 


Edited by wat, 28 June 2013 - 09:16.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#62 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

Posted 28 June 2013 - 09:16

พระก็คือคนแบบเราๆท่านๆนี่แหละ...เพียงแต่ว่าจะทนได้แค่ไหนกับสิ่งยั่วยวน...เจอขาวๆอวบๆก็แย่เหมือนกันนะท่าน...


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#63 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

Posted 28 June 2013 - 09:28

ผิดมั้ย ไม่ผิดนี่ครับ แค่หักมุมจบแบบไม่สวยงาม

#64 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

Posted 28 June 2013 - 09:30

เพื่อนโยคี มันจึงต้องเป็นมังสวิรัต กินถั่ว กินเต้าหู้ ไม่กินกระเทียม เเละ อาหารที่มี ความเป็นหยางสูง "เพื่อลดเเรงกระตุ้น" ตามกฎเเห่ง "ยามา นิยามา"

ถึงอย่างนั้น มันก็ยังทนไม่ไหว หนีออกไปเเต่งงานจนได้ :lol: จิตไม่นิ่ง จริงๆ :lol:

#65 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

Posted 28 June 2013 - 09:40

“สุทธิรัตน์ มุตตามระ” หวานใจ “อดีตพระมิตซูโอะ”

444EA4A655F84ECF94993F1BE324C438.jpg

 

พลิกแผ่นดินหาเพื่อขจัดสิ้นข้อสงสัย “หญิงปริศนา” ที่ปรากฏกายเคียงข้างอดีตพระปฏิบัติชื่อดัง มิตซูโอ คเวสโก คือพี่สาวแท้ๆ ของอดีตเลขานุการรัฐมนตรียุครัฐบาลประชาธิปัตย์ วิทเยนทร์ มุตตามระ

 

แอน – สุทธิรัตน์ มุตตามระ คือชื่อของเธอ

 

ใช่ใครอื่นไกล, หากแต่เป็นที่คุ้นชินในแวดวงสังคมชั้นสูง, “สุทธิรัตน์” ในวัย 52 ปี ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือเดอะควอลิตี้ กรุ๊ป และประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้นำเทคโนโลยีศูนย์ต่อต้านความชราครบวงจรภายใต้แบรนด์ คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์

 

เมื่อปี 2554 เธอ กร้าวประกาศทุ่มงบราว 800-1,000 ล้านบาท ก่อตั้งเป็นโรงพยาบาลแพทย์ต่อต้านความชรา หรือโรงพยาบาลแอนไทน์เอจจิง (Anti-Aging Hospital) เพื่อผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจความงาม มาในวันนี้ ... เธอพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง

 

“สุทธิรัตน์” จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ในปี 2522 จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพียงชั่วข้ามคืน, เธอกลายมาเป็นจุดรวมของสายตานับล้านคู่ ภาพที่แสดงในเฟซบุ๊ก “Suttirat Muttamara” เรียกความสนใจปนข้อเคลือบแคลงนานัปการ ลึกเข้าไปในอัลบั้มส่วนตัวของ “สุทธิรัตน์” ปรากฏ 11 รูปคู่กับอดีต “พระมิตซูโอะ” ในอิริยาบถเปี่ยมสุข

 

รูปแรกของเธอและคู่ โพสต์ขึ้นประจักษ์ต่อสาธารณะ เมื่อเวลา 17.47 น. ของวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นรูปขี่ม้าในประเทศฟิลิปปินส์ โดยรูปดังกล่าวถูกโพสต์ภายหลังที่เธอเขียนข้อความ เพียง 11 นาที “ขอบคุณสำหรับผู้ที่ไม่หวังดีต่อดิฉัน ที่กล่าวหาว่าดิฉันวางยา Blackmail อาจารย์มิตซูโอะ โดยมีเจตนาทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงทำให้อาจารย์มิตซูโอะผู้ที่มีเมตตา และความรักต่อดิฉัน จะต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของดิฉัน ด้วยการเปิดเผยความจริงต่อสังคมเร็วๆ นี้ ขอบคุณอีกครั้ง” คือข้อความที่เธอเขียนขึ้น ก่อนตัดสินใจโพสต์รูปคู่ใน 11 นาทีให้หลัง จากนั้น “สุทธิรัตน์” ใช้เวลาอีก 6 นาที โพสต์รูปจนครบ

 

สำหรับสาเหตุที่เธอตัดสินใจต้องโพสต์รูป คาดการณ์กันว่าเป็นเพราะมีกระแสข่าวว่าพระมิตซูโอะจำใจลาสิกขา เพราะถูกผู้หญิงวางยาและถ่ายคลิปข่มขู่ ซึ่งรูปคู่ที่แสดงต่อสาธารณะชนนั้นเป็นไปในลักษณะตรงกันข้าม กล่าวคือทั้งคู่ดูมีความสุข สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดในเฟซบุกส์ของ “สุทธิรัตน์” ก่อนมีการโพสต์รูปคู่ คือเรื่อง “กำไรชีวิต” โดยต้องย้อนกลับไปถึงวันที่ 11 มี.ค. และความเคลื่อนไหวก่อนหน้าต้องย้อนกลับไปถึงวันที่ 25 ก.พ.

 

เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจและได้ข้อคิดจากเฟซบุ๊กของ “สุทธิรัตน์” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 15 ก.พ. ภายหลังวันวาเลนไทน์เพียง 1 วัน ความว่า ‘ความรัก..ที่ถูกหลักวิชา ก่อนจะรักใครให้รักตัวเองก่อน รักตัวเองไม่ใช่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวคือการเติมความไม่บริสุทธิ์ให้ตัวเอง รักตัวเองจะปรารถนาให้ตัวเองมีความสุข จึงต้องสร้างเหตุจะเติมแต่ความดี รักตัวเองอย่างถูกวิชชาต้องคลายความผูกพัน หยุดนิ่งอยู่ภายใน แล้วจะเป็นสุขด้วยตัวของตัวเอง รักตัวเองได้ฉันใด เราก็จะรักเพื่อนมนุษย์ได้ฉันนั้น”

 

วันที่ 13 ธ.ค.2554 “สุทธิรัตน์” โพสต์ความจากภาพยนตร์เรื่อง Notting Hill (1999) ความว่า “การพบกันเป็นความบังเอิญ .. การยิ้มให้กันเป็นความตั้งใจ”

 

นอกจากนี้ ในเฟซบุกส์ “Suttirat Muttamara” ยังมีการโพสต์รูปเกี่ยวกับการตักบาตรทำบุญร่วมกับครอบครัวและบุตรชาย รวมทั้งรูปตัวเองนุ่งชุดขาวอีกเป็นจำนวนมาก สะท้องถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า

 

สำหรับ “พระมิตซูโอะ” ตามกระแสข่าวได้ลาสิกขาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีผู้ใดสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของการตัดสินใจครั้งนี้ และไม่มีความชัดเจนว่าท่านลาสิกขา ณ วัดใด ถัดมาอีก 2 วัน คือวันที่ 10 มิ.ย. มูลนิธิมายาโคตรมี ได้ประชุมคณะกรรมการและแถลงข่าวยืนยันการลาสิกขาจริง อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าวพบว่า ทั้งคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิมายาโคตรมี ไม่ยินดีเปิดเผยข้อมูลถึงสาเหตุที่แท้จริงของการลาสิกขา

 

พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ลงนามในแถลงการณ์เรื่องการลาสิกขาของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนในเวลา 20.30 น. ความว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ ว่า พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ลาสิกขานั้น วัดสุนันทวนาราม ขอยืนยันว่าเป็นความจริง ขณะนี้ท่านเดินทางไปต่างประเทศแล้ว โดยมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดของท่าน โดยจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะของฆราวาสต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของมูลนิธิฯ และโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ คณะทำงานจะยังคงดำเนินงานไปตามปกติ เนื่องจากพระอาจารย์ได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนรักเมตตาต่อกัน และดำเนินงานประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันดังความประสงค์ของพระอาจารย์ไว้ให้จงดี

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่ได้บอกในคำแถลงการณ์ก็คือ ก่อนหน้านี้มูลนิธิมายาโคตมีได้ร่างแถลงการณ์มาแล้ว 1 ฉบับ ซึ่งมีการระบุไว้ว่าสาเหตุของการลาสิกขามาจากปัญหาด้านสุขภาพ แตกต่างกับแถลงการณ์ฉบับที่เผยแพร่ซึ่งไม่ได้ระบุสาเหตุแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่และกรรมการมูลนิธิฯ ท่าทีประหยัดถ้อยคำและจำกัดคำถามของสื่อมวลชน โดยจะตอบเพียง 3 ประเด็นเท่านั้น คือ 1.พระอาจารย์ลาสิกขาแล้วหรือไม่ 2.สาเหตุจากอะไร 3.การดำเนินการของมูลนิธิฯ หลังจากนี้

 

 ดารณี บุญช่วย กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิฯ ระบุในวันแถลงข่าวว่า พระอาจารย์ได้ลาสิกขาจริงและได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลและไม่มีใครทราบว่าท่านลาสิกขาที่วัดใด ทั้งนี้ ระหว่างการซักถามรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวหยุดสัมภาษณ์ และเชิญให้ร่วมรับฟังคำชี้แจงจากพระอาจารย์หนูพรม แต่ไม่ให้บันทึกภาพโดยเด็ดขาด

 

สำหรับการชี้แจงของพระอาจารย์หนูพรม ระบุว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าพระอาจารย์มิตซูโอะจะลาสิกขา โดยเพิ่งทราบเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 

เมื่อผู้สื่อข่าวซักว่า ท่านทราบถึงการลาสิกขาได้อย่างไร พระอาจารย์หนูพรม มีท่าทีครุ่นคิดก่อนตอบว่า ทางเราก็... (นิ่งคิด 3 วินาที) ลักษณะที่ท่านเดินทางกะทันหัน ท่านก็ไปนั่น จะให้ตอบยังไงดี

 

ถามย้ำว่า ทำไมท่านถึงทราบว่าพระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขา พระอาจารย์หนูพรม ตอบว่า อันนี้ก็ ... (เงียบ) อาจารย์ถามไปทางวัดป่านานาชาติ จ.อุบลราชธานีจึงได้คำตอบ

 

ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงสาเหตุการลาสิกขาและความเป็นมา รวมถึงการติดต่อกับพระอาจารย์มิตซูโอะหลายครั้ง แต่พระอาจารย์หนูพรม ยืนยันเพียงว่า เป็นไปตามแถลงการณ์ “คนไทยกับคนต่างชาติมีมุมมองต่างกัน เป็นธรรมดาของคนไทยที่ยึดติดตัวบุคคล ส่วนท่านก็อยากเผยแพร่คำสอนของศาสนาให้เป็นสากล คำสอนของท่านจะไม่ยึดติดกับพระพุทธเจ้า เพื่อให้ศาสนาอื่นสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาได้ และบางทีการเป็นฆารวาสก็เผยแพร่ศาสนาได้มากกว่า เพราะต่างชาติก็ไม่ได้ยอมรับพระ” พระอาจารย์หนูพรม ให้เหตุผล

 

ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน /วิทยา ปะระมะ

 

http://www.posttoday...อดีตพระมิตซูโอะ

 


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#66 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

Posted 28 June 2013 - 10:09

การเป็นผู้มองเฉยๆ โดยไม่เอาอารมณ์เข้าไปร่วมไปจับ ในบางกรณีมันก็ไม่ง่ายนัก...เเม้เเต่นักฝึกฝนทางจิต

เพราะข้อมูลกรรมเเละจริต มันก็ติดมาเป็น"สัญญา"

กรรมปัจจุบันช่วยได้ก็จริง(ถึงต้องคิดดี ทำดี เจริญสติ + สร้างบุญทานบารมี)

เเต่ในบางจังหวะ วิบากกรรมเก่า+จริตในสัญญา มันก็หนักหนาอยู่นิ...

#67 โคนัน

โคนัน

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,836 posts

Posted 28 June 2013 - 10:14

ปัญหาคือ รูปที่ออกมานั้น  มีก่อนลาสิกขา หรือหลังลาสิกขา 



#68 YELLOW SHIRT

YELLOW SHIRT

    ห้ามรบกวน กำลังเอาอยู่

  • Members
  • PipPipPip
  • 811 posts

Posted 28 June 2013 - 10:23

 

 

ดูยังไงอ่ะครับว่าเป็นรูปหลังสึกแล้ว

 

 

ผมเดาเอา เพราะเป็นพระดังมากๆๆๆๆๆๆๆ

คงเป็นไปได้ยากที่ไปไหนมาไหนตามลำพัง

(เป็นเจ้าอาวาสด้วย)

จากรูป ก็ไม่คิดว่าเป็นประเทศไทย

 

อ๋อครับ ถามดูเพราะไม่ได้สนใจวงการพระเลยครับ

ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น

 

สึก แล้ว ก็สึกชิครับ ไม่น่าจะสงสัยอะไร ไม่ไช่คนหน้าคล้าย น้องชายหน้าเหมือน อีกอย่างท่านก็สึกไปแล้ว เราควรยินดีที่ท่านรู้ตัวว่าไม่ใหว ไม่ฝืน ก็ลาสิขาออกมา ครับ



#69 RiDKuN_user

RiDKuN_user

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,167 posts

Posted 28 June 2013 - 10:34

เฮ้อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

นานวัน ก็เหลือแต่พระธรรม อย่างเดียวเท่านั้นแล้ว

 

พระพุทธยังอยู่ที่แดนนิพพานครับ

ท่านทำมะไชโย กล่าวไว้  -_-


" ชีวิตผมไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ผมกลัวอย่างเดียว...กลัวจะถูกมองว่า 'ขายชาติ' " - The Last Tycoon

~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~

#70 nat1019

nat1019

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

Posted 28 June 2013 - 10:36

 เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป



#71 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

Posted 28 June 2013 - 10:38

 

เฮ้อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 

นานวัน ก็เหลือแต่พระธรรม อย่างเดียวเท่านั้นแล้ว

 

พระพุทธยังอยู่ที่แดนนิพพานครับ

ท่านทำมะไชโย กล่าวไว้  -_-

 

 

-_-  ตถาคตกล่าวไว้ว่า นิพพานไม่ใช่ที่เที่ยวไป ท่องไปของปุถุชน... ทำโม๊ะไชตูดทราบได้ไง... งั้นแสดงว่า...

 

:blink:  โอ้ววววว... ก๊อตตตตตแด๊มมมมมม...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#72 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

Posted 28 June 2013 - 10:40

สึก แล้ว ก็สึกชิครับ ไม่น่าจะสงสัยอะไร ไม่ไช่คนหน้าคล้าย น้องชายหน้าเหมือน อีกอย่างท่านก็สึกไปแล้ว เราควรยินดีที่ท่านรู้ตัวว่าไม่ใหว ไม่ฝืน ก็ลาสิขาออกมา ครับ

 
 
ผมไม่เห็นจะยินดีเลย ออกจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ บวชมาตั้งหลายพรรษา

อายุก็มากแล้ว ยังละเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะมัวเมาอะไรใน "ราคะ" ขนาดนั้น

ถ้าอายุ 40 กว่าๆ ก็ยังพอว่านะ นี่ 60 กะ 50 

 

เฮ้อ............ มนุษย์หนอมนุษย์



#73 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

Posted 28 June 2013 - 10:41

ผมมีซีดีบรรยายธรรมของท่านนะ

 

ท่านบรรยายธรรมได้ดีคนหนึ่งเลยที่เดียว

 

เสียหายครับ ที่ท่านสึกออกมาเป็นฆราวาสครับ

 

ยินดีด้วยแล้วกันครับ


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#74 คนสับปรับ

คนสับปรับ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,410 posts

Posted 28 June 2013 - 11:17

นายหนังตะลุงคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า คนที่บวชมี6ประการคือ อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เลื่อมใส ไข่ตาย



#75 iba

iba

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 281 posts

Posted 28 June 2013 - 11:31

แต่จากรูป ผู้หญิง ผมยาวผมสั้นนี่
คนเดียวกันใช่ไหมอ่ะ ข่าวสึกยังไม่ถึงเดือนเลย
หรือว่าเธอตัดผมอ่ะ
คิดมากไปเนาะผม

ยังผมยาวแต่เกล้าผมค่ะ



#76 Lemon_sweetie

Lemon_sweetie

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,299 posts

Posted 28 June 2013 - 11:35

คนเสียความรู้สึกกันเยอะ เรา อ่ะ ไม่เคยติดตามผลงานท่าน แต่ก็ เข้าใจนะที่ท่านสึกออกมา ดีกว่าเณรคำที่มีคนมาแฉว่ามีภรรยาแต่ยังหากินในคราบพระอยู่ 

 

 


People have to really suffer before they can Risk doing what they Love.....^_^

#77 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

Posted 28 June 2013 - 11:44

>>> ผมไม่ตำหนิหรอก...ที่ อยาก แล้ว สึกหาลาเพศ..

แต่กลับไปตำหนิ  ไอ้พวกที่ ..ยังห่อผ้าเหลืองแล้วอยาก

ไอ้พวกนี้ซิ.เลว.ร้าย.เหลือ. และก็มีให้เห็น โดยที่ ..ม ส..

ไม่กล้าแตะ.( ศาสนา ไม่เสื่อมนะ อย่าเข้าใจผิด) ศาสนา

คำสอน อยู่ยงตลอดกาล.แต่ ตัวบุคคลซิ ที่แฝงตัวเข้าไป

เกาะกินโดยอาศัยหลักธรรม ที่ผิดเพี้ยนจากความจริง

ไปแนะนำชาวบ้าน เพื่อ ลาภ.ได้ลาภ ก็ยิ่งโลภ กลายเป็น

อลัชชี...หมัดหมากลุ่มนี้ เกาะผ้าเหลืองหากิน...น่าสังเวช..



#78 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

Posted 28 June 2013 - 11:46

คนเสียความรู้สึกกันเยอะ เรา อ่ะ ไม่เคยติดตามผลงานท่าน แต่ก็ เข้าใจนะที่ท่านสึกออกมา ดีกว่าเณรคำที่มีคนมาแฉว่ามีภรรยาแต่ยังหากินในคราบพระอยู่ 

 

^_^  อนิจจังตามเหตุปัจจัยขอรับ... บังเอิญเป็นพระมีชื่อเสียงแห่งยุค ถ้าเป็นพลวงพ่อ หลวงพี่อื่นๆดาษดื่น... ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาๆของผู้ยังตัดกิเลสไม่ขาด...

 

;)  แต่รู้ตัวแล้วออกมาก่อนก็ยังดีกว่าให้ฉาวโฉ่ แล้วก็ต้องด้านทนอยู่อย่างพระดังๆตามข่าวหลายรูปทุกวันนี้...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#79 เพื่อนร่วมชาติ

เพื่อนร่วมชาติ

    พรานล่าปูไปรยา

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,788 posts

Posted 28 June 2013 - 11:50

ทำไมคนอีกเป็นพันเป็นหมื่น ทำตามสำนวน "บวชก่อนเบียด" ไม่เห็นมีใครว่า


ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง


#80 isa

isa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 447 posts

Posted 28 June 2013 - 11:51

หมายเหตุ : คัดลอกมาจากข้อความในเฟซบุ๊คของน้องคนหนึ่ง

 

พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินสีเขียว ฝีมือช่างลาวล้านนาบริเวณเชียงราย-พะเยา ราวหลัง พ.ศ. 1900

 

มีตำนานเล่าว่าพบครั้งแรกโดยบังเอิญขณะฝนตกใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 1979 ฝังอยู่ในเจดีย์วัดป่าเยียะ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระแก้ว) อ. เมือง จ. เชียงราย (ไม่ใช่พบในลาว)

 

สาธุชนยุคนั้นเลื่อมใส เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากับฝน ทำให้มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร เจ้าเมืองใหญ่ๆยุคนั้นจึงอาราธนาไปประดิษฐานบ้านเมืองของตนหลายเมือง (เช่น เมืองลำปาง, เมืองเชียงใหม่, เมืองหลวงพระบาง, เมืองเวียงจัน, ฯลฯ) ด้วยหวังว่าจะบันดาลให้มีฝนอุดมสมบูรณ์ตกต้องตามฤดูกาล

 

นี่แหละศาสนาไทย ของไทย ในไทย คือศาสนาผี ที่ดึงเอาศาสนาพราหมณ์และพุทธมาคลุมให้ดูดี

 

อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยเขียนอธิบายศาสนาผีเรื่องนี้ไว้นานแล้ว (มติชนสุดสัปดาห์ ตุลาคม 2554) ว่าศาสนาผีเปิดพื้นที่ให้พุทธศาสนามากขึ้นตั้งแต่ยุคโบราณ ดังนั้นหลวงพ่อที่เป็นพระพุทธรูปต่างๆเป็นที่นับถือไม่ใช่ฐานะ“เจดีย์”ของพุทธ แต่เป็นที่สิงสถิตของผีที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่

 

ศาสนาผีเป็นฐานรากอันแข็งแกร่งมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์นานหลายพันปีของไทยและอุษาคเนย์(อาเซียน) ต่อมาจึงรับสิ่งละอันพันละน้อยของศาสนาพราหมณ์กับพุทธ โดยเลือกเอาส่วนที่ไม่ขัดกับหลักผี เข้ามาประดับประดาศาสนาผี เพื่อให้ดูดีมีสง่าราศี และทันสมัย น่าเลื่อมใสศรัทธาขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงควรทำความเข้าใจตามพฤติกรรมที่เป็นจริง ว่าไทยนับถือศาสนาผี-พราหมณ์-พุทธ (ไม่ใช่พุทธ-พราหมณ์-ผี)

 

ศาสนาพุทธแท้ๆตามอุดมคติมีในพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ที่เห็นในไทยเป็นศาสนาไทย คือศาสนาผี คลุมไว้ด้วยพราหมณ์กับพุทธ

 

ถ้าเข้าใจตามที่เก็บความจาก อ. นิธิมาบอกนี้ โดยไม่หลงคิดแล้วเชื่อไปเองว่าไทยนับถือศาสนาพุทธแท้ๆ ทุกคนก็ย่อมเข้าใจปรากฏการณ์หลวงปู่, หลวงตา, หลวงพ่อ ทั้งหลายได้ โดยไม่เป็นทุกข์กับอะไรต่อมิอะไรที่มีข่าวแพร่หลายตามสื่อต่างๆขณะนี้

 

 

อันนี้เป็นข้อความที่น้องผมคนหนึ่งเอามาเผยแพร่ในเฟซบุ๊ค ที่เอามาโพสต์ในที่นี้ก็เพื่อสกัดดาวรุ่งไม่ให้ความคิด “ผิดๆ” แบบนี้แพร่หลายออกไปสร้างความเข้าใจผิดแก่บุคคลทั่วไปที่ไม่เข้าใจในศาสนาพุทธอย่างแท้จริง

 

คิดว่าหลายๆคนในที่นี้คงรู้จักอ.นิธิ ดีอยู่แล้ว และรู้เนื้อแท้ของนักเขียนมติชนส่วนใหญ่ในปัจจุบันดีอยู่แล้ว

ว่าเอียงซ้ายกันกระเท่เร่มากเช่นไร

 

ความเลวร้ายของข้อเขียนนี้คือส่วนที่กล่าวหาว่าพุทธในไทยคือ "ศาสนาพุทธแท้ๆตามอุดมคติมีในพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ที่เห็นในไทยเป็นศาสนาไทย คือศาสนาผี คลุมไว้ด้วยพราหมณ์กับพุทธ" แสดงว่านิธิไม่เคยสัมผัสกับพระวัดป่า หรือนักศึกษาศาสนาจริงๆ แต่ไปสุ่มตัวอย่างมาจากวิถีชาวบ้านทั่วๆไป แล้วเหมาเข่งเอาว่าพุทธในไทยทั้งหมดต้องเป็นแบบนั้น

 

ถ้านิธิศึกษาพระไตรปิฎกบ้าง ก็ควรจะรู้ว่าพุทธไม่ได้ปฏิเสธผี ตัวอย่างอย่างในเรื่องเปตวัตถุ หรือการกล่าวถึงการทำบุญให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพุทธถึงอยู่กับผีได้ พุทธไม่ได้ปฏิเสธผี แต่สอนให้รู้วิธีที่จะปฏิบัติกับผีอย่างถูกต้อง นั่นคือไม่ใช่เชื่อผี นับถือผีเป็นสรณะอย่างศาสนาผี แต่รู้จักอุทิศส่วนกุศลให้ผีเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และปฏิบัติตัวให้ดีเพื่อชีวิตที่มีสุขในสัมปรายภพ และสำหรับผู้ปฏิบัติระดับสูง กลับจะตรงกันข้าม "ผี"จะต้องเป็นฝ่ายเข้ามาเคารพ "พระ" เสียด้วยซ้ำ

 

และอีกอย่างก็คือความคิด "ดูหมิ่น" การกราบไหว้พระพุทธรูป หาว่าเป็นการนับถือแบบเดียวกับการนับถือผี อุเทสิกเจดีย์อย่างพระพุทธรูปนั้น แม้จะไม่มีในสมัยพุทธกาล แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ "จิตใจของผู้เคารพโอนอ่อน ไม่แข็งกระด้าง" ซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกริยาวัตถุสิบ สำหรับผู้มีปัญญานั้น สามารถจะฝึกจิตตนให้โอนอ่อนเองได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือ แต่สำหรับคนทั่วไป จำเป็นต้องอาศัย "ศรัทธา" มาเป็นเครื่องช่วย และจิตใจคนในสังคมที่โอนอ่อนอย่างเหมาะสมนั้นแหละที่จะเป็นเครื่องมือดึงดูดสิ่งดีๆมาสู่สังคม ไม่ว่าจะเป็นความสงบสุขในสังคม ไปจนถึงกระแสดีๆที่จะทำให้ดินฟ้าอากาศไม่แปรปรวน ฝนฟ้าตกถูกต้องตามฤดูกาล ในแง่นี้ พระพุทธรูปที่มีผู้ศรัทธาสูง จึงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจอย่างหนึ่งที่ช่วยอำนวยผลให้เกิดขึ้นนั่นเอง และสำหรับผู้ที่เชื่อในชีวิตต่างมิติ พระพุทธรูปที่เป็นศูนย์การนับถือมากๆ ก็จะมี Being ต่างมิติระดับสูงมาคอยดูแลรักษา ซึ่งส่งผลดีต่อสังคมนั้นอีกขั้น เป็นเหมือนกระแสของพลังงานดีๆที่จะเป็นตัวขวางไม่ให้พลังงานลบเข้ามาส่งผลร้ายต่อชุมชน ตามหลักของการแทนที่

 

ในทางตรงกันข้าม การปฏิเสธการกราบไหว้ หาว่าเป็นกริยาที่ไร้ปัญญาต่างหาก ที่ส่งเสริมอีโก้ ความเย่อหยิ่ง ไม่ยอมรับในความเห็นต่างของผู้อื่น เห่อเหิมในความรู้อย่างเดียว หรือน้อยนิดของตัวเอง เที่ยวไล่ข่มคนอื่นเขาไปทั่วอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน



#81 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

Posted 28 June 2013 - 12:00

หมายเหตุ : คัดลอกมาจากข้อความในเฟซบุ๊คของน้องคนหนึ่ง

 

พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินสีเขียว ฝีมือช่างลาวล้านนาบริเวณเชียงราย-พะเยา ราวหลัง พ.ศ. 1900

 

มีตำนานเล่าว่าพบครั้งแรกโดยบังเอิญขณะฝนตกใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 1979 ฝังอยู่ในเจดีย์วัดป่าเยียะ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระแก้ว) อ. เมือง จ. เชียงราย (ไม่ใช่พบในลาว)

 

สาธุชนยุคนั้นเลื่อมใส เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากับฝน ทำให้มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร เจ้าเมืองใหญ่ๆยุคนั้นจึงอาราธนาไปประดิษฐานบ้านเมืองของตนหลายเมือง (เช่น เมืองลำปาง, เมืองเชียงใหม่, เมืองหลวงพระบาง, เมืองเวียงจัน, ฯลฯ) ด้วยหวังว่าจะบันดาลให้มีฝนอุดมสมบูรณ์ตกต้องตามฤดูกาล

 

นี่แหละศาสนาไทย ของไทย ในไทย คือศาสนาผี ที่ดึงเอาศาสนาพราหมณ์และพุทธมาคลุมให้ดูดี

 

อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยเขียนอธิบายศาสนาผีเรื่องนี้ไว้นานแล้ว (มติชนสุดสัปดาห์ ตุลาคม 2554) ว่าศาสนาผีเปิดพื้นที่ให้พุทธศาสนามากขึ้นตั้งแต่ยุคโบราณ ดังนั้นหลวงพ่อที่เป็นพระพุทธรูปต่างๆเป็นที่นับถือไม่ใช่ฐานะ“เจดีย์”ของพุทธ แต่เป็นที่สิงสถิตของผีที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่

 

ศาสนาผีเป็นฐานรากอันแข็งแกร่งมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์นานหลายพันปีของไทยและอุษาคเนย์(อาเซียน) ต่อมาจึงรับสิ่งละอันพันละน้อยของศาสนาพราหมณ์กับพุทธ โดยเลือกเอาส่วนที่ไม่ขัดกับหลักผี เข้ามาประดับประดาศาสนาผี เพื่อให้ดูดีมีสง่าราศี และทันสมัย น่าเลื่อมใสศรัทธาขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงควรทำความเข้าใจตามพฤติกรรมที่เป็นจริง ว่าไทยนับถือศาสนาผี-พราหมณ์-พุทธ (ไม่ใช่พุทธ-พราหมณ์-ผี)

 

ศาสนาพุทธแท้ๆตามอุดมคติมีในพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ที่เห็นในไทยเป็นศาสนาไทย คือศาสนาผี คลุมไว้ด้วยพราหมณ์กับพุทธ

 

ถ้าเข้าใจตามที่เก็บความจาก อ. นิธิมาบอกนี้ โดยไม่หลงคิดแล้วเชื่อไปเองว่าไทยนับถือศาสนาพุทธแท้ๆ ทุกคนก็ย่อมเข้าใจปรากฏการณ์หลวงปู่, หลวงตา, หลวงพ่อ ทั้งหลายได้ โดยไม่เป็นทุกข์กับอะไรต่อมิอะไรที่มีข่าวแพร่หลายตามสื่อต่างๆขณะนี้

 

 

อันนี้เป็นข้อความที่น้องผมคนหนึ่งเอามาเผยแพร่ในเฟซบุ๊ค ที่เอามาโพสต์ในที่นี้ก็เพื่อสกัดดาวรุ่งไม่ให้ความคิด “ผิดๆ” แบบนี้แพร่หลายออกไปสร้างความเข้าใจผิดแก่บุคคลทั่วไปที่ไม่เข้าใจในศาสนาพุทธอย่างแท้จริง

 

คิดว่าหลายๆคนในที่นี้คงรู้จักอ.นิธิ ดีอยู่แล้ว และรู้เนื้อแท้ของนักเขียนมติชนส่วนใหญ่ในปัจจุบันดีอยู่แล้ว

ว่าเอียงซ้ายกันกระเท่เร่มากเช่นไร

 

ความเลวร้ายของข้อเขียนนี้คือส่วนที่กล่าวหาว่าพุทธในไทยคือ "ศาสนาพุทธแท้ๆตามอุดมคติมีในพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ที่เห็นในไทยเป็นศาสนาไทย คือศาสนาผี คลุมไว้ด้วยพราหมณ์กับพุทธ" แสดงว่านิธิไม่เคยสัมผัสกับพระวัดป่า หรือนักศึกษาศาสนาจริงๆ แต่ไปสุ่มตัวอย่างมาจากวิถีชาวบ้านทั่วๆไป แล้วเหมาเข่งเอาว่าพุทธในไทยทั้งหมดต้องเป็นแบบนั้น

 

ถ้านิธิศึกษาพระไตรปิฎกบ้าง ก็ควรจะรู้ว่าพุทธไม่ได้ปฏิเสธผี ตัวอย่างอย่างในเรื่องเปตวัตถุ หรือการกล่าวถึงการทำบุญให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพุทธถึงอยู่กับผีได้ พุทธไม่ได้ปฏิเสธผี แต่สอนให้รู้วิธีที่จะปฏิบัติกับผีอย่างถูกต้อง นั่นคือไม่ใช่เชื่อผี นับถือผีเป็นสรณะอย่างศาสนาผี แต่รู้จักอุทิศส่วนกุศลให้ผีเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และปฏิบัติตัวให้ดีเพื่อชีวิตที่มีสุขในสัมปรายภพ และสำหรับผู้ปฏิบัติระดับสูง กลับจะตรงกันข้าม "ผี"จะต้องเป็นฝ่ายเข้ามาเคารพ "พระ" เสียด้วยซ้ำ

 

และอีกอย่างก็คือความคิด "ดูหมิ่น" การกราบไหว้พระพุทธรูป หาว่าเป็นการนับถือแบบเดียวกับการนับถือผี อุเทสิกเจดีย์อย่างพระพุทธรูปนั้น แม้จะไม่มีในสมัยพุทธกาล แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ "จิตใจของผู้เคารพโอนอ่อน ไม่แข็งกระด้าง" ซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกริยาวัตถุสิบ สำหรับผู้มีปัญญานั้น สามารถจะฝึกจิตตนให้โอนอ่อนเองได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือ แต่สำหรับคนทั่วไป จำเป็นต้องอาศัย "ศรัทธา" มาเป็นเครื่องช่วย และจิตใจคนในสังคมที่โอนอ่อนอย่างเหมาะสมนั้นแหละที่จะเป็นเครื่องมือดึงดูดสิ่งดีๆมาสู่สังคม ไม่ว่าจะเป็นความสงบสุขในสังคม ไปจนถึงกระแสดีๆที่จะทำให้ดินฟ้าอากาศไม่แปรปรวน ฝนฟ้าตกถูกต้องตามฤดูกาล ในแง่นี้ พระพุทธรูปที่มีผู้ศรัทธาสูง จึงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจอย่างหนึ่งที่ช่วยอำนวยผลให้เกิดขึ้นนั่นเอง และสำหรับผู้ที่เชื่อในชีวิตต่างมิติ พระพุทธรูปที่เป็นศูนย์การนับถือมากๆ ก็จะมี Being ต่างมิติระดับสูงมาคอยดูแลรักษา ซึ่งส่งผลดีต่อสังคมนั้นอีกขั้น เป็นเหมือนกระแสของพลังงานดีๆที่จะเป็นตัวขวางไม่ให้พลังงานลบเข้ามาส่งผลร้ายต่อชุมชน ตามหลักของการแทนที่

 

ในทางตรงกันข้าม การปฏิเสธการกราบไหว้ หาว่าเป็นกริยาที่ไร้ปัญญาต่างหาก ที่ส่งเสริมอีโก้ ความเย่อหยิ่ง ไม่ยอมรับในความเห็นต่างของผู้อื่น เห่อเหิมในความรู้อย่างเดียว หรือน้อยนิดของตัวเอง เที่ยวไล่ข่มคนอื่นเขาไปทั่วอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน

 

^_^  เห็นด้วยขอรับ... พระตถาคตกล่าวถึงภพภูมิไว้ชัดแจ้ง กล่าวถึงเหล่าเทวดาเคารพอะไร หากตายแล้วอยากไปไหน จำแนก "สัตตะ" ไว้อย่างชัดแจ้งบริบูรณ์แล้ว... ในเรื่องกับการกราบไหว้ เคารพเพื่อน้อมจิตให้เลื่อมใส ศรัทธา แล้วเกิดความตั้งมั่นตามปฏิปทาของพระตถาคตก็เป็นสิ่งที่ดี ที่ควรสรรเสริญ... หากแต่ไม่ใช่กราบกรานขอพรเทพเทวดา อ้อนวอนให้สมปารถนาใดขอรับ...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#82 คุณหนูจีน่า

คุณหนูจีน่า

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 364 posts

Posted 28 June 2013 - 12:29

เคสนี้เรียกได้ว่าเป็น "วิบากกรรม" รึเปล่าคะ?

เคยได้ยินมาว่าทุกคนเกิดมามีกรรมดีกรรมชั่วติดตัวมา ถือเป็นวิบากกรรมของแต่ละคน
รวมกับกรรมที่ทำขึ้นระหว่างดำเนินชีวิตปัจจุบันด้วย
ทั้งหมดจะส่งผลให้ชีวิตเป็นไปในรูปแบบที่บางครั้งคาดไม่ถึง
ตามความหนักเบาแห่งกรรมจะนำไป
เหมือนที่พูดกันว่า กรรมเป็นเครื่องกำหนด กรรมเป็นสิ่งชี้นำ และกรรมเป็นที่สิ้นสุด
(ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ จำได้ว่าคล้ายๆแบบนี้)

ท่านมิตซูโอะกับผู้หญิงของท่านคงเข้าข่ายมีวิบากกรรมร่วมกัน
เราไม่เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการสึกนั้นผิด ยกเว้นแต่มีอะไรผิดพลาดระหว่างการเป็นสงฆ์
แต่ถือว่าท่านเลือกทำในสิ่งที่เหมาะสมแล้ว ตัดสินใจไม่ทำให้ศาสนามัวหมอง
นับจากนี้จะเป็นอย่างไร ท่านคงต้องเป็นไปตามวิบากนั้นเอง

ผู้ที่นับถือท่านกันมานานคงไม่ได้ว่าท่านทำผิด แต่น่าจะเสียความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ความรู้สึก judge ไม่ได้เหมือนขาวกับดำ ขึ้นอยู่กับมุมมองและใจของคนที่รู้สึก
ถ้าไม่คาดหวังมาก ก็ไม่เสียความรู้สึกมาก
ลูกศิษย์ลูกหาจึงควร "ละวาง" ด้วย หากจะมุ่งสู่ทางธรรมจริงๆไม่ควรยึดติดในสิ่งใด
ในส่วนของประเทศไทย เราไม่ขออะไรมากไปกว่า "แผ่นดินของเรา" - ท่านทูตวีรชัย พลาศรัย / คำแถลงปิดคดีปราสาทพระวิหาร

#83 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

Posted 28 June 2013 - 12:46

 

สึก แล้ว ก็สึกชิครับ ไม่น่าจะสงสัยอะไร ไม่ไช่คนหน้าคล้าย น้องชายหน้าเหมือน อีกอย่างท่านก็สึกไปแล้ว เราควรยินดีที่ท่านรู้ตัวว่าไม่ใหว ไม่ฝืน ก็ลาสิขาออกมา ครับ

 
 
ผมไม่เห็นจะยินดีเลย ออกจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ บวชมาตั้งหลายพรรษา

อายุก็มากแล้ว ยังละเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะมัวเมาอะไรใน "ราคะ" ขนาดนั้น

ถ้าอายุ 40 กว่าๆ ก็ยังพอว่านะ นี่ 60 กะ 50 

 

เฮ้อ............ มนุษย์หนอมนุษย์

 

 

เฮอ คุณกิน ใช่ว่ามันจะตัดง่ายๆเหมือนพูดนะ อนาคามี ขึ้นไป นะ แค่โสดาบันยังยาก เลย มันมีทั้งราคะมันมาทั้งใน รูปกาม และ กามไม่มีรูป (กามของเทวดา) แม้สำเฐ็จ อนาคามี ก็สามารถ ครองเรือนอยู่ได้ นะ


บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#84 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

Posted 28 June 2013 - 12:59


 

 

ปล. อันนี้ผมไม่เข้าใจสีกาครับ

คือสีการู้แล้วว่าพระคือพระ จะปล่อยใจไปชอบพอพระได้อย่างไร  มันไม่สมควรคิดกตั้งแต่แรกแล้ว

 

ปล.2 เล่าเป็นเกร็ดเฉยๆ

หลวงปู่พุทธอิสระที่ท่านกำลังมีเคสโต้วาทีธรรมกับพระเกษมอยู่ขณะนี้

ผมไม่ได้บอกว่าท่านประพฤติไม่เหมาะ เพราะตัวท่านเองไม่มีอะไรครับ

แต่ผมเจอเองกับตัวจังๆ  จนเป็นสาเหตุให้ไม่ได้กราบขอเป็นศิษย์หลวงพ่ออ้อน้อยท่าน

คือสีกาที่เป็นโยมอุปัฎฐากท่าน เต็มไปหมด ที่หึงหวงกัน อิจฉาริษยากัน

กระทั่งตอนจัดดอกไม้ถวายท่าน ก็แย่งกันจะเป็นแจกันที่ตั้งหน้าท่าน

ทั้งๆที่ตัวก็นุ่งขาวห่มขาว อาศัยอยู่ในวัดนั้นแล

 

แถมวันเกิดของสีกา  หลวงปู่ท่านจำไม่ได้  สีกาน้อยใจ "งอนพระ" ครับพี่น้อง!!

งอนว่าทำไมหลวงปู่ไม่ใส่ใจทั้งที่ตนถวายตัวรับใช้พระขนาดนี้

 

เจอแบบนี้ผมเลิกเลยครับ

 

แม้แต่วัดป่าบ้านตาด ก็เป็นครับ หลวงตามหาบัวท่านเทศน์ออกบ่อย(ออกแนวรำคาญ ประมาณเอาเรื่องร้อนมาให้พระ วุ่นวาย(ทะเลาะกัน)) ส่วนหลวงพ่อสายทองแก้ปัญหาคือ ไม่ต้องมี   มีครัว ให้ เครื่องใช้ให้ ไม่มีชี ไม่สอน ใช้การสนทนาธรรมเอา กับผู้มาปฏิบัติ ใครจะมา ก็ได้ มีสถานที่พักให้ อยากกินทำเอาเอง ของที่เขาถวายมามีไว้ให้ด้วย ต่างคนต่างจัดการ ไม่ต้องมีใครเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ถ้ามาอาศัยวัดท่านแล้วทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ ท่านไล่หมด จบ คนมาปกิบัติธรรมหรือตั้งใจจะมาใส่บาตร(แบบอยู่ไกล)ก็จัดการในครัวตามสบาย 


Edited by ter162525, 28 June 2013 - 13:02.

บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#85 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

Posted 28 June 2013 - 13:10

 

 

สึก แล้ว ก็สึกชิครับ ไม่น่าจะสงสัยอะไร ไม่ไช่คนหน้าคล้าย น้องชายหน้าเหมือน อีกอย่างท่านก็สึกไปแล้ว เราควรยินดีที่ท่านรู้ตัวว่าไม่ใหว ไม่ฝืน ก็ลาสิขาออกมา ครับ

 
 
ผมไม่เห็นจะยินดีเลย ออกจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ บวชมาตั้งหลายพรรษา

อายุก็มากแล้ว ยังละเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะมัวเมาอะไรใน "ราคะ" ขนาดนั้น

ถ้าอายุ 40 กว่าๆ ก็ยังพอว่านะ นี่ 60 กะ 50 

 

เฮ้อ............ มนุษย์หนอมนุษย์

 

 

เฮอ คุณกิน ใช่ว่ามันจะตัดง่ายๆเหมือนพูดนะ อนาคามี ขึ้นไป นะ แค่โสดาบันยังยาก เลย มันมีทั้งราคะมันมาทั้งใน รูปกาม และ กามไม่มีรูป (กามของเทวดา) แม้สำเฐ็จ อนาคามี ก็สามารถ ครองเรือนอยู่ได้ นะ

 

 

มันตัดกันไม่ได้ง่ายๆ แต่คิดง่ายๆ ครับ คนปกติอายุ 60

แล้วแต่งงาน มันก็ดูแปลกๆ ไหมล่ะครับ 60 นี่เลยเกษียณแล้วนะ

ขนาดงานยังเลิกทำ แล้วอ้ายเรื่องพรรค์อย่างนี้ ยังเริ่มทำกันใหม่หรือ?

มันแปลกมากๆ สำหรับพระอายุปูนนี้ครับ ผมถึงได้สมเพชเวทนาเอานะครับ

คนไม่ว่าอายุเท่าไหร่ "ไฟราคะ" มันไม่เคยมอด ข่าวปกติเจอแต่พวก

"นักการเมืองหื่น" นี่มาเจอแบบนี้ ได้แต่ "ปลงสังเวช" นะครับ

 

 

 

 

หรือว่าอาหารการกินทุกวันนี้ มันมีแต่ยา "โด๊ป"

อย่างกระเทียมนี่ ใส่ให้กินทุกวัน "ราคะ" มันเลยเดือดปุๆ



#86 จูกัดขงเบ้ง

จูกัดขงเบ้ง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,226 posts

Posted 28 June 2013 - 13:15

สิ่งที่ทำให้ผมเข้าไปกราบท่านหลวงปู่พุทธอิสระ เพราะอย่างนี้ครับ

ผมเคยฟังวิทยุ ท่านเทศน์ เรื่องของนรกว่า

 

คนที่เข้าไปอยู่ในนรกนี่ไม่ใช่ใครผลักไปนะ แต่ตัวเองนั่นแหละไปอยู่เอง

ในนรกเนี่ย มันอดอยาก หิวโหยกันอย่างมาก

ต้นงิ้วในนรกก็เหมือนต้นไม้ปกติ อยู่ๆมันก็ออกดอกที่ปลายยอด ดอกใหญ่สีสวยงามหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว

บรรดาผู้อยู่ในนรก ทั้งหลายด้วยความหิวก็วิ่งใต่ขึ้นต้นงิ้วนั้นเองด้วยความหิวโหยและอยาก

ต่างก็แย่งกันปีนขึ้นไปบนต้นหนามนั่นแหละ ไม่ต้องมีใครคอยเอาไม้กระทุ้งให้ขึ้นไปหรอก

เพราะหิวโหย และอดอยากจิตใจแห่งความร้อนรุ่มไปด้วยตัณหาฝ่ายต่ำนั่นแหละ ที่ทำให้ผู้อยู่ในนรกหล่านี้วิ่งเข้าไปหาต้นงิ้วเอง

 

ท่านเทศน์ตรงกับที่ผมได้รู้โดยการปฏิบัติมา

 

ผมฟังแล้วสะดุ้ง เพราะไม่เคยได้ยินใครเคยเทศน์แบบนี้มาก่อน

คนตกนรก ไม่ใช่ว่าถูกไล่ไป แต่เพราะจิตเขาต่างหากที่พาเขาไป

แล้วเขาไม่รู้หรอกว่า นี่ตัวข้าอยู่ในนรกนะ เขาไม่รู้ และไม่มีสติพอที่จะรับรู้ด้วย

ก็มันหิว มันร้อนรุ่ม มันวุ่นวายกันไปหมด ไม่มีสติพอที่จะคิดหรอก ว่านี่เราอยู่ที่ไหน หรือ เรามาจากที่ไหน

ก็เหมือนที่เราเกิดบนโลกมนุษย์นี่แหละ เราก็ไม่รู้ว่าก่อนมาเป็นมนุษย์เราเป็นอะไรมาก่อน

 

สิ่งที่ท่านตรงกับผมก็คือ

เมื่อไหร่ก็ตาม ผู้อยู่ในนรกเหล่านี้ "รู้ตัว" ว่าอยู่ในนรก จิตเขาจะหลุดจากนรกนั้นขึ้นมา

 

ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยไปหาฟังธรรมท่านตลอด


Edited by จูกัดขงเบ้ง, 28 June 2013 - 13:16.

แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทั้งกษัตริย์ยังทรงคุณธรรมอันสูงส่ง

จำคำนี้ไว้ไปบอกยมบาลเวลาเจ้าลงนรกก็แล้วกัน


#87 คนทุกที่

คนทุกที่

    ชนชั้นกลาง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,480 posts

Posted 28 June 2013 - 13:17

 

คุณตาผึ้งเคยบวชเรียนตั้งแต่เป็นเด็ก พออายุถึงก็บวชเป็นพระ แต่ภายหลังก็สึกออกมาแต่งงานกับยายผึ้ง สามสิบปีต่อมา ท่านก็หนียายไปบวช แฮะๆ

 

จะว่าไปผมยังไม่รู้จักพระมิตซุโอะเลยครับ ก็งงเหมือนกันว่าคือใคร  :huh:  แต่สึกออกมาแล้วจะใช้ชีวิตแบบฆราวาสก็เป็นเรื่องธรรมดา 

ที่อ่านๆมาดูเหมือนว่าตอนยังเป็นพระก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ครับ? เพราะงั้นสึกออกมามีคู่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องรายแรง แต่ญาติธรรมคงผิดหวังมากทีเดียว

 

ประเด็นคือ พอมีลูกมีหลานแล้วท่านก็เกิดดวงตาเห็นธรรมว่ารู้งี้ชั้นไม่สึกออกมาตั้งแต่แรกดีกว่า  <_< คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าอ่ะนะ



#88 ter162525

ter162525

    มหาอำมาตย์ใต้พระบาทตลอดกาล

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,077 posts

Posted 28 June 2013 - 13:26

 

 

 

สึก แล้ว ก็สึกชิครับ ไม่น่าจะสงสัยอะไร ไม่ไช่คนหน้าคล้าย น้องชายหน้าเหมือน อีกอย่างท่านก็สึกไปแล้ว เราควรยินดีที่ท่านรู้ตัวว่าไม่ใหว ไม่ฝืน ก็ลาสิขาออกมา ครับ

 
 
ผมไม่เห็นจะยินดีเลย ออกจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ บวชมาตั้งหลายพรรษา

อายุก็มากแล้ว ยังละเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะมัวเมาอะไรใน "ราคะ" ขนาดนั้น

ถ้าอายุ 40 กว่าๆ ก็ยังพอว่านะ นี่ 60 กะ 50 

 

เฮ้อ............ มนุษย์หนอมนุษย์

 

 

เฮอ คุณกิน ใช่ว่ามันจะตัดง่ายๆเหมือนพูดนะ อนาคามี ขึ้นไป นะ แค่โสดาบันยังยาก เลย มันมีทั้งราคะมันมาทั้งใน รูปกาม และ กามไม่มีรูป (กามของเทวดา) แม้สำเฐ็จ อนาคามี ก็สามารถ ครองเรือนอยู่ได้ นะ

 

 

มันตัดกันไม่ได้ง่ายๆ แต่คิดง่ายๆ ครับ คนปกติอายุ 60

แล้วแต่งงาน มันก็ดูแปลกๆ ไหมล่ะครับ 60 นี่เลยเกษียณแล้วนะ

ขนาดงานยังเลิกทำ แล้วอ้ายเรื่องพรรค์อย่างนี้ ยังเริ่มทำกันใหม่หรือ?

มันแปลกมากๆ สำหรับพระอายุปูนนี้ครับ ผมถึงได้สมเพชเวทนาเอานะครับ

คนไม่ว่าอายุเท่าไหร่ "ไฟราคะ" มันไม่เคยมอด ข่าวปกติเจอแต่พวก

"นักการเมืองหื่น" นี่มาเจอแบบนี้ ได้แต่ "ปลงสังเวช" นะครับ

 

 

 

 

หรือว่าอาหารการกินทุกวันนี้ มันมีแต่ยา "โด๊ป"

อย่างกระเทียมนี่ ใส่ให้กินทุกวัน "ราคะ" มันเลยเดือดปุๆ

 

pin.gif ฝรั่งมันบ้าจริงๆ บอกสาวใดทำให้ตายคาอกได้ จะให้ตั้ง 10 ล้าน

ข่าวบ้องๆ มติชนหน้า 1 วันนี้
บอกว่า เศรษฐี เพลย์บอยวัย
72 ปี (น่าจะวัยพอๆกับ ป๋าหนั่นชั้น 28)
อีตาคนนี้แกเป็นมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน
ท้าสาวทั่วโลก ใครทำให้ตายตาอกได้ รับไปเลย 250,000 ยูโร หรือราว 10 ล้านบาท
ข่าวบอกว่า ทุกวันนี้ยังมีคนมาให้บริการ ประเภทจะทำแจ๊กพ้อตแตกให้ได้ ราว7-8 คน
หมุนเวียนมาให้บริการอยู่แล้ว (แม่เจ้าโวย...มันเอาแรงมาจากไหน วุ้ย)

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา บอกหลับนอนมาแล้วกับสาวๆ ราว 3000 คน
โห..นี่แสดงว่า เป็นนักสถิติ เล่นจดข้อมูลอย่างละเอียดกันเลย สงสัยจะมีเครื่อง Counter แบบอัตโนมัติ
ถ้าเป็นหยอดกระปุกออมสินทีละ 1 บาท(แบบบางคน)คงล้นกระปุกแน่

เอาละ..พอก่อน แค่นี้ก่อน อ่านแค่นี้ก็หนาวสั่นจะแย่อยู่แล้ว
สาวใดใจเด็ดคนไหนจะชิงแช็มป์โลกคว้าเงินรางวัล 10 ล้านบาทก็เชิญ 

 

อยากคิดว่า แก่แล้วราคะจะเล่นงาน ไม่ได้ ไอ้เป็ดเหลิม ไอ้แม้ว เป็นตัวอย่าง :D :D

ราคะมันไม่สนหรอกว่า อายุเท่าไหร ทำคนกลายเป็นหมา ก็ได้ (เอาลูกตัวเองเป็นเมีย)

แก่ 90-100 ขยับไม่ไว้ น้องแข็งไม่ขึ้นก็ใช่ว่า ราคะหมดแล้ว


Edited by ter162525, 28 June 2013 - 13:29.

บรรพชนเป็นพยาน ข้าลูกหลานแผ่นดินท่าน ขอสาปส่ง มันผู้ใด ทรยศ คดโกงชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันบรรลัย อย่าได้มีสุขในแผ่นดินนี้ เดินเหยียบไปในถิ่นใด ขอให้มันร้อนรนดังถูกเพลิงเผา มันผู้ใด คิดล้มล้างกษัตริย์ผู้ทรงทศพิธ ของให้มันผู้นั้นเกิดเป็นคนอนาถทุกชาติไป

#89 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

Posted 28 June 2013 - 14:15

เจริญ PORN

 

โชคชวย 

 

 

ปล.

ไม่หนักหัวใคร


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#90 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

Posted 28 June 2013 - 14:16

เยอะแยะ เด็กแถวบ้าน บวชแป็ปๆ สึกเอาเมีย


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#91 kim

kim

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,724 posts

Posted 28 June 2013 - 14:23

ท่านก็ทำถูกแล้วนิครับ

 

สึกแล้วจะไปทำอะไรก็ทำ ดีกว่าบางคนอาศัยผ้าเหลืองบังกิน



#92 pinkpanda

pinkpanda

    คุ้กกี้เกลียดควายแดงค่ะ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,600 posts

Posted 28 June 2013 - 14:30

 

 

 

 

สึก แล้ว ก็สึกชิครับ ไม่น่าจะสงสัยอะไร ไม่ไช่คนหน้าคล้าย น้องชายหน้าเหมือน อีกอย่างท่านก็สึกไปแล้ว เราควรยินดีที่ท่านรู้ตัวว่าไม่ใหว ไม่ฝืน ก็ลาสิขาออกมา ครับ

 
 
ผมไม่เห็นจะยินดีเลย ออกจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ บวชมาตั้งหลายพรรษา

อายุก็มากแล้ว ยังละเรื่องแบบนี้ไม่ได้ จะมัวเมาอะไรใน "ราคะ" ขนาดนั้น

ถ้าอายุ 40 กว่าๆ ก็ยังพอว่านะ นี่ 60 กะ 50 

 

เฮ้อ............ มนุษย์หนอมนุษย์

 

 

เฮอ คุณกิน ใช่ว่ามันจะตัดง่ายๆเหมือนพูดนะ อนาคามี ขึ้นไป นะ แค่โสดาบันยังยาก เลย มันมีทั้งราคะมันมาทั้งใน รูปกาม และ กามไม่มีรูป (กามของเทวดา) แม้สำเฐ็จ อนาคามี ก็สามารถ ครองเรือนอยู่ได้ นะ

 

 

มันตัดกันไม่ได้ง่ายๆ แต่คิดง่ายๆ ครับ คนปกติอายุ 60

แล้วแต่งงาน มันก็ดูแปลกๆ ไหมล่ะครับ 60 นี่เลยเกษียณแล้วนะ

ขนาดงานยังเลิกทำ แล้วอ้ายเรื่องพรรค์อย่างนี้ ยังเริ่มทำกันใหม่หรือ?

มันแปลกมากๆ สำหรับพระอายุปูนนี้ครับ ผมถึงได้สมเพชเวทนาเอานะครับ

คนไม่ว่าอายุเท่าไหร่ "ไฟราคะ" มันไม่เคยมอด ข่าวปกติเจอแต่พวก

"นักการเมืองหื่น" นี่มาเจอแบบนี้ ได้แต่ "ปลงสังเวช" นะครับ

 

 

 

 

หรือว่าอาหารการกินทุกวันนี้ มันมีแต่ยา "โด๊ป"

อย่างกระเทียมนี่ ใส่ให้กินทุกวัน "ราคะ" มันเลยเดือดปุๆ

 

pin.gif ฝรั่งมันบ้าจริงๆ บอกสาวใดทำให้ตายคาอกได้ จะให้ตั้ง 10 ล้าน

ข่าวบ้องๆ มติชนหน้า 1 วันนี้
บอกว่า เศรษฐี เพลย์บอยวัย
72 ปี (น่าจะวัยพอๆกับ ป๋าหนั่นชั้น 28)
อีตาคนนี้แกเป็นมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน
ท้าสาวทั่วโลก ใครทำให้ตายตาอกได้ รับไปเลย 250,000 ยูโร หรือราว 10 ล้านบาท
ข่าวบอกว่า ทุกวันนี้ยังมีคนมาให้บริการ ประเภทจะทำแจ๊กพ้อตแตกให้ได้ ราว7-8 คน
หมุนเวียนมาให้บริการอยู่แล้ว (แม่เจ้าโวย...มันเอาแรงมาจากไหน วุ้ย)

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา บอกหลับนอนมาแล้วกับสาวๆ ราว 3000 คน
โห..นี่แสดงว่า เป็นนักสถิติ เล่นจดข้อมูลอย่างละเอียดกันเลย สงสัยจะมีเครื่อง Counter แบบอัตโนมัติ
ถ้าเป็นหยอดกระปุกออมสินทีละ 1 บาท(แบบบางคน)คงล้นกระปุกแน่

เอาละ..พอก่อน แค่นี้ก่อน อ่านแค่นี้ก็หนาวสั่นจะแย่อยู่แล้ว
สาวใดใจเด็ดคนไหนจะชิงแช็มป์โลกคว้าเงินรางวัล 10 ล้านบาทก็เชิญ 

 

อยากคิดว่า แก่แล้วราคะจะเล่นงาน ไม่ได้ ไอ้เป็ดเหลิม ไอ้แม้ว เป็นตัวอย่าง :D :D

ราคะมันไม่สนหรอกว่า อายุเท่าไหร ทำคนกลายเป็นหมา ก็ได้ (เอาลูกตัวเองเป็นเมีย)

แก่ 90-100 ขยับไม่ไว้ น้องแข็งไม่ขึ้นก็ใช่ว่า ราคะหมดแล้ว

 

 

 

 

จิตคิดแบบไหนก่อนตายก็เกิดไปเป็นแบบนั้นค่ะ

 

 

นี่แสดงว่าเต็มไปด้วยราคากำหนัดถึงได้เกิดมามักมากแบบนี้



#93 มาหยารัศมี

มาหยารัศมี

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,502 posts

Posted 28 June 2013 - 14:38

 

ภาพตอนสึกแล้วนี่ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ

 ใช่ค่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย
แสดงว่าท่านยังเคารพผ้าเหลือง
ไม่อยากให้พระศาสนา ต้องมัวหมอง
ไม่เหมือนพระบางรูป ที่เป็นข่าวมั่วสีกา
ทั้งที่ยังครองผ้าเหลืองด้วยซ้ำ

#94 nunoi

nunoi

    เด็กข้างถนน

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,745 posts

Posted 28 June 2013 - 15:00

พระ คือ ผู้บวชเพื่อศึกษา เผยแพร่ศาสนา

 

พระ คือ มนุษย์ ที่ยังไม่ได้ละกิเลสทั้งหมด แค่กำลังพยายามละ

 

จริงๆ ก็แค่เพราะท่านดังนั้นเอง เลยเป็นที่จับตาของคนทั่วไป

 

การกระทำของท่านผมว่าก็อยู่ในกรอบที่ควรเป็นอย่างดี ในเมื่อตัวเองรู้ตัวแล้วว่าไม่สามารถ คงอยู่ในสถานะ พระ 

 

ก็สึกออกมาเพื่อใข้ชีวิตปกติ 

 

อาจเป็นเพราะข่าวเกี่ยวกับพระที่ไม่ค่อยดีๆ ช่วงนี้ เลยทำให้ กลายเป็นประเด่นสังคม 


กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่ 

 

 


#95 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

Posted 28 June 2013 - 15:32

>>> ผมก็ยังยึดถือคำเดิมที่เคยพูดไว้ว่า

 

....( ศาสนาไม่เคยเสื่อม ) พระพุทธเจ้า-

สอนอย่างไรก็คงอยู่อย่างนั้น..เป็นแต่-

คน.มนุษย์. ที่เสื่อม ( ความเสื่อมเกิดจาก-

ใจเชื่อในสิ่งที่ผิดหลักธรรม โดยที่ไม่รู้-

บ้าง.รู้บ้าง แต่ไม่ต้องอารมณ์ตน.) .....



#96 จีรนุช

จีรนุช

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,934 posts

Posted 28 June 2013 - 15:39

ไม่เห็นเกี่ยวกับผู้หญิงเลย  ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง   ส่วนเรื่องเป็นยังไงต่อไปก็รอฟังคุณมิซุโอะดีกว่าว่าท่านจะเปิดเผยอะไร  เพราะไม่ชอบเดาเเบบมีตรรกะ


รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ

เอียนวะ   เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง


#97 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

Posted 28 June 2013 - 16:50

http://breakingnews....6933&lang=&cat=

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟส จากกรณีที่มีภาพอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะและสุภาพสตรีคนหนึ่งปรากฏและเป็นที่ พูดถึงในวงกว้างอยู่ในขณะนี้ ผมได้รับคำถามจำนวนมากว่าสตรีท่านนี้เป็นอะไรกับผม ผมจึงขอตอบตรงๆเพื่อความชัดเจนตรงนี้ว่า เป็น พี่สาว ผมครับ

ทั้งพี่ สาวผมและอาจารย์มิตซูโอะทั้งสองเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อาจารย์ท่านก็ศึกษาธรรมะปฏิบัติมานานไม่เคยมีเรื่องมัวหมอง ตอนนี้ท่านก็ลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสแล้ว ผมเชื่อว่าท่านมีสติรู้ว่าท่านทำอะไรอยู่และกำลังจะทำอะไรต่อไปในอนาคต

ผม เชื่อว่าคนสองคนที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ คนทั้งสองต้องทำบุญทำกรรมร่วมชาติกันมามากอย่างที่เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส และการตัดสินใจของคนทั้งสองก็อยู่ในกฏเกณฑ์กติกาทั้งทางโลกและทางธรรม

หาก จะถามผมว่าอนาคตของทั้งสองจะอยู่กันที่ไหนอย่างไร ผมตอบตรงๆว่าไม่ทราบครับ เพราะถึงเราจะเป็นพี่น้องกันเราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน เขาจะอยู่เมืองนอกหรือเมืองไทยคือการตัดสินใจของเขาทั้งสองครับ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรผมจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#98 OsirisEyeInSky

OsirisEyeInSky

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 260 posts

Posted 28 June 2013 - 18:23

สังคมไทย เป็นอะไรกันไปก็ไม่ทราบ  คือใครก็ตามที่เคยเป็นคนดี  ยี่สิบปีสามปีที่ผ่านมาดีตลอด  แต่หากเขาจะเขวไปในตอนแก่

ก็กลายเป็นคนเลวไปทันทีในสายตาสังคมส่วนใหญ่ตัดสิน  ทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาทำ  คือค้านกับสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติตัวดีเยี่ยมมาก่อน

ไม่ใช่เลวร้ายถึงขนาดฆ่าคนตายหรือขายชาติ  ยกตัวอย่างอดีตพระเควสโกผู้นี้  เขาทราบว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติตนต่อไปได้

ในฐานะพระ  เขาก็สึกออกมาใช้ชีวิตอย่างฆราวาส  หากสงสัย เรื่องทรัพย์สินเงินทองที่เขาได้มาในขณะบวช มูลนิธิของเขาก็

ยังมีอยู่ ตรวจสอบได้  หากกังขาทำไมไม่ยื่่นร้องต่อกรมศาสนาให้เข้าไปตรวจสอบล่ะ

ต่างกัน  ที่ใครก็ตาม  ที่เป็นคนเลว  สิบปี ยี่สิบปีที่แล้วมา เลวได้ตลอด ทำแต่เรื่องชั่่วๆ ปั่นป่วน ยุยง สร้างความแตกแยกให้ประเทศ

เจตนารมย์เป็นที่โจ่งแจ้ง ชัดเจน  แม้แต่ศาล ยังตัดสินให้เป็นคนผิด ต้องรับโทษ ตอนนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้ว 

กลายเป็นที่เคารพ กราบไหว้  เชื่อฟัง ประหนึ่งเขาเป็นคนดีที่ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่เทียบความดีที่เขาทำนั้นเป็นเพียงผักชีที่โรยหน้า

แต่คนส่วนใหญ่ก็หาได้สนใจในความเลวของเขาไม่

ตรรกะคนไทยส่วนใหญ่ในด้านความดี ความชั่ว  มันพิกลพิการไปแล้ว ในสายตาของผม!!!



#99 เหล่าฮู

เหล่าฮู

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 993 posts

Posted 28 June 2013 - 18:27

ดู Blue Sky มาก ระวังลูกหลาน มีพฤติกรรมเลียนแบบ

 

ผอ.บลูสกายรับพี่สาวพบรักพระอาจารย์มิตซูโอะ

 

ผอ.บลูสกายยอมรับพี่สาวเป็นคู่รักพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เชื่อว่าเป็นบุพเพสันนิวาสลั่นพระอาจารย์ฯไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย

วันนี้(28มิ.ย.56)นายวิทเยนทร์ มุตตามระ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์บลูสกาย อดีตผู้สมัครส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยผ่านทางfacebook ว่า ผู้หญิงที่ถ่ายรูปคู่กับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพี่สาวซึ่งเป็นคู่รักกัน โดยพี่สาวคือนางสาวสุทธิรัตน์ มุตตามระ และอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ต่างก็เป็นผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้ศึกษาธรรมและปฏิบัติมานานไม่มีเรื่องมัวหมอง ตอนนี้ท่านลาสิกขาออกไปเป็นฆารวาส เชื่อว่าท่านมีสติรู้ว่าทำอะไร และจะทำอะไรในอนาคต 

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าทั้งคู่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ ต้องทำบุญทำกรรมร่วมชาติกันมามากอย่างที่เรียกว่าบุพเพสันนิวาส และการตัดสินในของทั้งคู่อยู่ในกฎเกณฑ์กติกาทั้งทางโลกและทางธรรม ส่วนอนาคตของพี่สาวและอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะจะเป็นอย่างไร และจะอยู่ต่างประเทศรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสองคน 

สำหรับน.ส.สุทธิรัตน์ อายุ 52 ปี เป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีศูนย์ต่อต้านความชราครบวงจร ภายใต้ แบรนด์ "คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์" ตั้งอยู่ย่านอโศก ซึ่งช่วงหัวค่ำวานนี้นางสาวสุทธิรัตน์ได้ นำภาพคู่ของเธอกับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะมาลงบนเฟสบุ๊ค และ ข้อความ ระบุว่า ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ไม่หวังดี และกว่าหาว่าวางยา แบล็คเมล์อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ โดยมีเจตนาให้ตัวเธอเสื่อมเสีย จึงทำให้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะผู้ที่มีเมตตาและความรักต่อเธอ ต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของเธอด้วยการเปิดเผยความจริงต่อสังคมเร็วๆนี้ 

ก่อนหน้านี้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้ลาสิกขา ซึ่งลูกศิษย์ที่วัดสุนันทวนารามได้ออกแถลงการณ์ว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่นแล้วและจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะฆราวาสต่อไป นอกจากนี้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะยังโทรศัพท์มาแจ้งให้ลูกศิษย์ทราบว่า จะเปิดคอร์สปฏิบัติธรรมที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกันยายนนี้ 

อ้างอิงสำนักข่าว tnn

 

1372418146-photo-o.jpg



#100 เพื่อนร่วมชาติ

เพื่อนร่วมชาติ

    พรานล่าปูไปรยา

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,788 posts

Posted 28 June 2013 - 18:33

ดู Blue Sky มาก ระวังลูกหลาน มีพฤติกรรมเลียนแบบ

 

ผอ.บลูสกายรับพี่สาวพบรักพระอาจารย์มิตซูโอะ

 

ผอ.บลูสกายยอมรับพี่สาวเป็นคู่รักพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เชื่อว่าเป็นบุพเพสันนิวาสลั่นพระอาจารย์ฯไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย

วันนี้(28มิ.ย.56)นายวิทเยนทร์ มุตตามระ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์บลูสกาย อดีตผู้สมัครส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยผ่านทางfacebook ว่า ผู้หญิงที่ถ่ายรูปคู่กับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพี่สาวซึ่งเป็นคู่รักกัน โดยพี่สาวคือนางสาวสุทธิรัตน์ มุตตามระ และอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ต่างก็เป็นผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้ศึกษาธรรมและปฏิบัติมานานไม่มีเรื่องมัวหมอง ตอนนี้ท่านลาสิกขาออกไปเป็นฆารวาส เชื่อว่าท่านมีสติรู้ว่าทำอะไร และจะทำอะไรในอนาคต 

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าทั้งคู่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ ต้องทำบุญทำกรรมร่วมชาติกันมามากอย่างที่เรียกว่าบุพเพสันนิวาส และการตัดสินในของทั้งคู่อยู่ในกฎเกณฑ์กติกาทั้งทางโลกและทางธรรม ส่วนอนาคตของพี่สาวและอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะจะเป็นอย่างไร และจะอยู่ต่างประเทศรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสองคน 

สำหรับน.ส.สุทธิรัตน์ อายุ 52 ปี เป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีศูนย์ต่อต้านความชราครบวงจร ภายใต้ แบรนด์ "คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์" ตั้งอยู่ย่านอโศก ซึ่งช่วงหัวค่ำวานนี้นางสาวสุทธิรัตน์ได้ นำภาพคู่ของเธอกับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะมาลงบนเฟสบุ๊ค และ ข้อความ ระบุว่า ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ไม่หวังดี และกว่าหาว่าวางยา แบล็คเมล์อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ โดยมีเจตนาให้ตัวเธอเสื่อมเสีย จึงทำให้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะผู้ที่มีเมตตาและความรักต่อเธอ ต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของเธอด้วยการเปิดเผยความจริงต่อสังคมเร็วๆนี้ 

ก่อนหน้านี้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้ลาสิกขา ซึ่งลูกศิษย์ที่วัดสุนันทวนารามได้ออกแถลงการณ์ว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่นแล้วและจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะฆราวาสต่อไป นอกจากนี้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะยังโทรศัพท์มาแจ้งให้ลูกศิษย์ทราบว่า จะเปิดคอร์สปฏิบัติธรรมที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกันยายนนี้ 

อ้างอิงสำนักข่าว tnn

 

1372418146-photo-o.jpg

 

คคห. นี้ สะท้อนวิธีคิดแบบควายนับถือศาสนาชินวัตรได้ชัดเจนมาก

 

:D  :D  :D


Edited by เพื่อนร่วมชาติ, 28 June 2013 - 18:38.

ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง





1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users