-------------------
โดย ประชาไท ธนณรงค์
จากคลิปบทสนทนาระหว่าง ชายอายุ 76 ปี กับชายอายุ 64 ปี ย่าง 65 ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 คนหลังคือ ทักษิณ ชินวัตร ส่วนคนแรก หากเกิดวันที่ 8 มกราคม 2480 ปีนี้อายุครบ 76 ปี ก็คงไม่พ้น “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม
...
ผมไม่จะเอ่ยถึงรายละเอียดและเนื้อหาสาระ ที่ “บิ๊กอ๊อด”สนทนากับ ทักษิณ แต่จะพูดเฉพาะสิ่งที่ ทักษิณ ต้องการคือ ตำแหน่ง ที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งผมและอีกหลายคนแปลกใจว่าทำไม ทักษิณ จึงเจาะจงตำแหน่งนี้
คงไม่เพียงแค่ว่า เมื่อ ทักษิณ กลับเมืองไทยแล้ว ให้ตั้งเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แล้วทุกอย่างจะจบจะได้ไม่ต้องแก้แค้นหรือหวาดระแวงกันเพียงแค่นั้น แต่ทักษิณ ต้องมองถึงธุรกรรมและมองถึงการเข้าไปอยู่ในจุดสำคัญของพระมหากษัตริย์ เพราะคนธรรมดาทั่วไปจะไม่มองเรื่องนี้แต่ ทักษิณ กลับคิดถึงเรื่องนี้
ตามข้อมูล สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดตั้งโดย พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 และมีการปรับปรุงแก้ไขเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดำเนินการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้น 2 แห่ง เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ โดยชำระภาษีอากรเช่นเดียวกับบริษัททั่วไป ได้แก่ บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ทำหน้าที่บริหารการลงทุนในหุ้นอื่นๆ และบริษัท วังสินทรัพย์ จำกัด ทำหน้าที่ดูแลการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (กิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และมีกรรมการ อาทิ เชาวน์ ณศีลวันต์ สุธี สิงห์เสน่ห์ พนัส สิมะเสถียร เสนาะ อูนากูล นายแพทย์เกษม วัฒนชัย โดยมี ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงาน
ปัจจุบัน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ใน 3 บริษัท คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บจก.ทุนลดาวัลย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
นี่กระมังที่ทักษิณต้องการเป็นที่ปรึกษาเพื่อทุบหม้อข้าวสถาบันไม่ใช่เพียงแค่เป็นหลักประกันว่าจะไม่แก้แค้นและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ที่มา.. http://goo.gl/6AJfMดูเพิ่มเติม
..................................................................................................
คิดว่า มันคงอยากมีส่วนในทรัพย์สินด้วยกระมัง
คนโลภแบบนี้ พูดอย่าง ทำอย่าง
อยากเป็นคนสายวัง ต่อไปมันก็คงอยากจะเป็นคนในวัง
เป็นเจ้าของวังไปโน่น