Jump to content


Photo
- - - - -

แฉกลโกงโครงการข้าวของรัฐบาล


  • Please log in to reply
73 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:39

 

 

นี่ ๆ ๆ ๆ ๆ ถามจริง ๆ นะ โครงการจำนำ ดีกับชาวนา ยังไง 

 

ทุกวันนี้ ชาวนา ***จะฆ่าตัวตายอยู่ละ

 

เมือวาน ม๊อบชาวนาก้อประท้วง

 

ชาวนาได้อะไร จำนำข้าวก้อไม่ได้เต็มเม็ตเต็มหน่วย หักค่านั่นค่านี่

 

แถมบางพื้นที่ ชาวนายังไม่ได้ รับเงิน จำนำรอบแรกปีนี้ 

 

บางคน จำนำรอบที่ 2 ปีที่แล้วยังไมไ่้ด้เลย

 

ส่วนโรงสี นะ มีแต่ได้กับได้ นำข้าวไปเวีัยนขายอีกรอบ จนตอนนี้ เงินใช้ในโครงการจำนำ ไปกี่แสนล้านละ 

 

นักการเมือง หรือพวกบริษัทข้าวก้อ รวยเอา ๆ 

 

ชาวนาได้อะไร มิทราบ 

 

แถมทุกวันนี้ยังต้องมาผวา กับข้าวจะเน่า จะมีสารปนเปื้อน หรือไม่

 

ถ้าญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลุงป้าน้าอา กินข้าวไปละ จะเป็นไง

 

 

ตรรกะ ของ*คุณ* นะ พิการไปละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

โง่แล้ว***ภูมิใจ เงิบไปกีี่กระทู้ละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 

 

อ้าว ตกลงเลิกคุยเรื่องโกงแล้วรับได้แล้วเหรอครับ?   :D
 
กระทู้นี้คุยเรื่องโกงอยู่นะครับ ส่วนเรื่องโครงการจำนำมันดีกับชาวนายังไง มันต้องรอดูกันระยะยาว 
ตราบใดที่ชาวนาเขาไม่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ ผมก็ยังเชื่อว่ามันดีกับเขาแน่
ส่วนคุณ นั่งอยู่หน้าจอ จะบอกว่ามันไม่ดีกับเขา ผมก็ไม่ว่าครับ แต่อย่าใส่ร้ายโครงการเขาด้วยข่าวลือที่ไม่มีมูล เพื่อให้เขายกเลิกโครงการ
และคุณจะอ้างว่าก็คุณเป็นผู้เสียภาษี จึงมีสิทธิไม่เอาโครงการจำนำได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลครับ
เพราะไม่ใช่คุณที่เสียภาษีคนเดียว ผมก็เสีย ยิ่งลักษณ์ก็เสีย ไอ้เต้นก็เสีย ผมและคนอีกหลายล้านคน ยอมให้เอาเงินภาษีของผมไปใช้ในโครงการจำนำได้ครับ
ผู้เสียภาษีทุกคนก็ได้โหวตกันแล้ว และผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ก็ตกลงกันแล้วว่าจะเอาตามนี้ 
ทีนี้มีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่ง เช่นคุณ ไม่เห็นด้วยกับการจำนำ จะให้กลับไปใช้การประกัน ก็ต้องทำให้ผู้เสียภาษีอีกกลุ่มที่เขาเห็นด้วยกับการจำนำเขาไม่พอใจอยู่ดี
คุณจึงอ้างไม่ได้ว่ามีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่งไม่พอใจการจำนำ
 
สิ่งที่คุณทำได้คือการแสดงให้เห็นว่าการประกันที่คุณสนับสนุนมันดีกว่าการจำนำอย่างไร
ไม่ใช่ไปช่วยกระพือข่าวลือใน social media เพื่อทำลายโครงการเขาเพื่อเอาชนะ
ส่วนหน้าที่การตัดสินใจ เป็นของทุกคนในวันเลือกตั้งครับ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว
หากผ่านไป 4 ปี ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่เขายังเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เขาก็เลือกเพื่อไทยต่อ
หากเขาเห็นว่ามันจะทำให้เขาพินาศ เขาก็เปลี่ยนไปเลือกพรรคใหม่
คุณจะไปบอกว่าเขามองไม่เห็นความพินาศจองตัวเอง แต่คุณมองเห็น พวกเขาจึงต้องเชื่อคุณ เพราะคุณรู้ดีมากกว่าเขา อันนั้นมันเรื่องที่คุณคิดเอาข้างเดียวแล้วครับ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
 
ส่วนเรื่องโกง ก็ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์
ไม่ใช่บอกว่าชาวนาโกงนิดโกงหน่อย รับได้ โรงสีโกงเยอะ รับไม่ได้
ปชป โกงนิดหน่อยรับได้ ทักษิณโกงเยอะ รับไม่ได้
อันนั้นมันตรรกะเดียวกับโกงได้ถ้ามีผลงานไงครับ
 
ถูกไหม พอลคุง?  :D

 

 

 

กรุณาแยกออกมาให้เห็นตัวเลขชัดๆ

 

เช่นตอนคุณกอร์ปศักดิ์ มีStock อยู่กี่ตันและ ทาง ปชป.ใช้เงินไปในโครงการรับประกัน ไปเท่าไร ขายและส่งออกไปเท่าไร รัฐ ขาดทุนไปเท่าไร

 

เช่น ตอน สมัคร สมชาย บวก นังยก มีStock อยู่กี่ตัน และ พท.+พปช ใช้เงินไปในโครงการจำนำ ไปเท่าไร ขายและส่งออกไปเท่าไร รัฐ ขาดทุนไปเท่าไร

 

ไบกอนเหลืองแน่จริงเอาข้อมูลมาโชว์กันดีกว่า

 

อย่ามาทำเป็นกระเทย


ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว

#52 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:40

 

:lol:  :lol:  :lol: ข้าวเก็บไว้ 2 ปีจะเน่า ไตรรงค์ขายข่าวเก่าของ สมัคร สมชาย เก็บไว้ตั้งกว่า 2 ปี ตอนขายกลายเป็น ข้าวหอมมะลิชั้นดีซะงั้น

ควายลีมันแถ จนข้อมูลของมัน ตบหน้ามันเองครับ  :lol:

 

 

:D ตัวเลขมันเปลี่ยนแปลงได้ ตามจินตนาการครับ...


“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai


#53 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:50

 

 

 

นี่ ๆ ๆ ๆ ๆ ถามจริง ๆ นะ โครงการจำนำ ดีกับชาวนา ยังไง 

 

ทุกวันนี้ ชาวนา ***จะฆ่าตัวตายอยู่ละ

 

เมือวาน ม๊อบชาวนาก้อประท้วง

 

ชาวนาได้อะไร จำนำข้าวก้อไม่ได้เต็มเม็ตเต็มหน่วย หักค่านั่นค่านี่

 

แถมบางพื้นที่ ชาวนายังไม่ได้ รับเงิน จำนำรอบแรกปีนี้ 

 

บางคน จำนำรอบที่ 2 ปีที่แล้วยังไมไ่้ด้เลย

 

ส่วนโรงสี นะ มีแต่ได้กับได้ นำข้าวไปเวีัยนขายอีกรอบ จนตอนนี้ เงินใช้ในโครงการจำนำ ไปกี่แสนล้านละ 

 

นักการเมือง หรือพวกบริษัทข้าวก้อ รวยเอา ๆ 

 

ชาวนาได้อะไร มิทราบ 

 

แถมทุกวันนี้ยังต้องมาผวา กับข้าวจะเน่า จะมีสารปนเปื้อน หรือไม่

 

ถ้าญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลุงป้าน้าอา กินข้าวไปละ จะเป็นไง

 

 

ตรรกะ ของ*คุณ* นะ พิการไปละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

โง่แล้ว***ภูมิใจ เงิบไปกีี่กระทู้ละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 

 

อ้าว ตกลงเลิกคุยเรื่องโกงแล้วรับได้แล้วเหรอครับ?   :D
 
กระทู้นี้คุยเรื่องโกงอยู่นะครับ ส่วนเรื่องโครงการจำนำมันดีกับชาวนายังไง มันต้องรอดูกันระยะยาว 
ตราบใดที่ชาวนาเขาไม่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ ผมก็ยังเชื่อว่ามันดีกับเขาแน่
ส่วนคุณ นั่งอยู่หน้าจอ จะบอกว่ามันไม่ดีกับเขา ผมก็ไม่ว่าครับ แต่อย่าใส่ร้ายโครงการเขาด้วยข่าวลือที่ไม่มีมูล เพื่อให้เขายกเลิกโครงการ
และคุณจะอ้างว่าก็คุณเป็นผู้เสียภาษี จึงมีสิทธิไม่เอาโครงการจำนำได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลครับ
เพราะไม่ใช่คุณที่เสียภาษีคนเดียว ผมก็เสีย ยิ่งลักษณ์ก็เสีย ไอ้เต้นก็เสีย ผมและคนอีกหลายล้านคน ยอมให้เอาเงินภาษีของผมไปใช้ในโครงการจำนำได้ครับ
ผู้เสียภาษีทุกคนก็ได้โหวตกันแล้ว และผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ก็ตกลงกันแล้วว่าจะเอาตามนี้ 
ทีนี้มีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่ง เช่นคุณ ไม่เห็นด้วยกับการจำนำ จะให้กลับไปใช้การประกัน ก็ต้องทำให้ผู้เสียภาษีอีกกลุ่มที่เขาเห็นด้วยกับการจำนำเขาไม่พอใจอยู่ดี
คุณจึงอ้างไม่ได้ว่ามีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่งไม่พอใจการจำนำ
 
สิ่งที่คุณทำได้คือการแสดงให้เห็นว่าการประกันที่คุณสนับสนุนมันดีกว่าการจำนำอย่างไร
ไม่ใช่ไปช่วยกระพือข่าวลือใน social media เพื่อทำลายโครงการเขาเพื่อเอาชนะ
ส่วนหน้าที่การตัดสินใจ เป็นของทุกคนในวันเลือกตั้งครับ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว
หากผ่านไป 4 ปี ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่เขายังเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เขาก็เลือกเพื่อไทยต่อ
หากเขาเห็นว่ามันจะทำให้เขาพินาศ เขาก็เปลี่ยนไปเลือกพรรคใหม่
คุณจะไปบอกว่าเขามองไม่เห็นความพินาศจองตัวเอง แต่คุณมองเห็น พวกเขาจึงต้องเชื่อคุณ เพราะคุณรู้ดีมากกว่าเขา อันนั้นมันเรื่องที่คุณคิดเอาข้างเดียวแล้วครับ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
 
ส่วนเรื่องโกง ก็ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์
ไม่ใช่บอกว่าชาวนาโกงนิดโกงหน่อย รับได้ โรงสีโกงเยอะ รับไม่ได้
ปชป โกงนิดหน่อยรับได้ ทักษิณโกงเยอะ รับไม่ได้
อันนั้นมันตรรกะเดียวกับโกงได้ถ้ามีผลงานไงครับ
 
ถูกไหม พอลคุง?  :D

 

 

 

กรุณาแยกออกมาให้เห็นตัวเลขชัดๆ

 

เช่นตอนคุณกอร์ปศักดิ์ มีStock อยู่กี่ตันและ ทาง ปชป.ใช้เงินไปในโครงการรับประกัน ไปเท่าไร ขายและส่งออกไปเท่าไร รัฐ ขาดทุนไปเท่าไร

 

เช่น ตอน สมัคร สมชาย บวก นังยก มีStock อยู่กี่ตัน และ พท.+พปช ใช้เงินไปในโครงการจำนำ ไปเท่าไร ขายและส่งออกไปเท่าไร รัฐ ขาดทุนไปเท่าไร

 

ไบกอนเหลืองแน่จริงเอาข้อมูลมาโชว์กันดีกว่า

 

อย่ามาทำเป็นกระเทย

 

 

 

ใครที่บอกสมัย ปชป ไม่มีสต็อกข้าวก็ลองไปหาข้อมูลดูสิครับ  :D

ผมไม่ทราบเหมือนกันว่ามีหรือเปล่า



#54 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:52

 

 

 

 

นี่ ๆ ๆ ๆ ๆ ถามจริง ๆ นะ โครงการจำนำ ดีกับชาวนา ยังไง 

 

ทุกวันนี้ ชาวนา ***จะฆ่าตัวตายอยู่ละ

 

เมือวาน ม๊อบชาวนาก้อประท้วง

 

ชาวนาได้อะไร จำนำข้าวก้อไม่ได้เต็มเม็ตเต็มหน่วย หักค่านั่นค่านี่

 

แถมบางพื้นที่ ชาวนายังไม่ได้ รับเงิน จำนำรอบแรกปีนี้ 

 

บางคน จำนำรอบที่ 2 ปีที่แล้วยังไมไ่้ด้เลย

 

ส่วนโรงสี นะ มีแต่ได้กับได้ นำข้าวไปเวีัยนขายอีกรอบ จนตอนนี้ เงินใช้ในโครงการจำนำ ไปกี่แสนล้านละ 

 

นักการเมือง หรือพวกบริษัทข้าวก้อ รวยเอา ๆ 

 

ชาวนาได้อะไร มิทราบ 

 

แถมทุกวันนี้ยังต้องมาผวา กับข้าวจะเน่า จะมีสารปนเปื้อน หรือไม่

 

ถ้าญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลุงป้าน้าอา กินข้าวไปละ จะเป็นไง

 

 

ตรรกะ ของ*คุณ* นะ พิการไปละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

โง่แล้ว***ภูมิใจ เงิบไปกีี่กระทู้ละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 

 

อ้าว ตกลงเลิกคุยเรื่องโกงแล้วรับได้แล้วเหรอครับ?   :D
 
กระทู้นี้คุยเรื่องโกงอยู่นะครับ ส่วนเรื่องโครงการจำนำมันดีกับชาวนายังไง มันต้องรอดูกันระยะยาว 
ตราบใดที่ชาวนาเขาไม่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ ผมก็ยังเชื่อว่ามันดีกับเขาแน่
ส่วนคุณ นั่งอยู่หน้าจอ จะบอกว่ามันไม่ดีกับเขา ผมก็ไม่ว่าครับ แต่อย่าใส่ร้ายโครงการเขาด้วยข่าวลือที่ไม่มีมูล เพื่อให้เขายกเลิกโครงการ
และคุณจะอ้างว่าก็คุณเป็นผู้เสียภาษี จึงมีสิทธิไม่เอาโครงการจำนำได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลครับ
เพราะไม่ใช่คุณที่เสียภาษีคนเดียว ผมก็เสีย ยิ่งลักษณ์ก็เสีย ไอ้เต้นก็เสีย ผมและคนอีกหลายล้านคน ยอมให้เอาเงินภาษีของผมไปใช้ในโครงการจำนำได้ครับ
ผู้เสียภาษีทุกคนก็ได้โหวตกันแล้ว และผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ก็ตกลงกันแล้วว่าจะเอาตามนี้ 
ทีนี้มีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่ง เช่นคุณ ไม่เห็นด้วยกับการจำนำ จะให้กลับไปใช้การประกัน ก็ต้องทำให้ผู้เสียภาษีอีกกลุ่มที่เขาเห็นด้วยกับการจำนำเขาไม่พอใจอยู่ดี
คุณจึงอ้างไม่ได้ว่ามีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่งไม่พอใจการจำนำ
 
สิ่งที่คุณทำได้คือการแสดงให้เห็นว่าการประกันที่คุณสนับสนุนมันดีกว่าการจำนำอย่างไร
ไม่ใช่ไปช่วยกระพือข่าวลือใน social media เพื่อทำลายโครงการเขาเพื่อเอาชนะ
ส่วนหน้าที่การตัดสินใจ เป็นของทุกคนในวันเลือกตั้งครับ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว
หากผ่านไป 4 ปี ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่เขายังเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เขาก็เลือกเพื่อไทยต่อ
หากเขาเห็นว่ามันจะทำให้เขาพินาศ เขาก็เปลี่ยนไปเลือกพรรคใหม่
คุณจะไปบอกว่าเขามองไม่เห็นความพินาศจองตัวเอง แต่คุณมองเห็น พวกเขาจึงต้องเชื่อคุณ เพราะคุณรู้ดีมากกว่าเขา อันนั้นมันเรื่องที่คุณคิดเอาข้างเดียวแล้วครับ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
 
ส่วนเรื่องโกง ก็ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์
ไม่ใช่บอกว่าชาวนาโกงนิดโกงหน่อย รับได้ โรงสีโกงเยอะ รับไม่ได้
ปชป โกงนิดหน่อยรับได้ ทักษิณโกงเยอะ รับไม่ได้
อันนั้นมันตรรกะเดียวกับโกงได้ถ้ามีผลงานไงครับ
 
ถูกไหม พอลคุง?  :D

 

 

 

กรุณาแยกออกมาให้เห็นตัวเลขชัดๆ

 

เช่นตอนคุณกอร์ปศักดิ์ มีStock อยู่กี่ตันและ ทาง ปชป.ใช้เงินไปในโครงการรับประกัน ไปเท่าไร ขายและส่งออกไปเท่าไร รัฐ ขาดทุนไปเท่าไร

 

เช่น ตอน สมัคร สมชาย บวก นังยก มีStock อยู่กี่ตัน และ พท.+พปช ใช้เงินไปในโครงการจำนำ ไปเท่าไร ขายและส่งออกไปเท่าไร รัฐ ขาดทุนไปเท่าไร

 

ไบกอนเหลืองแน่จริงเอาข้อมูลมาโชว์กันดีกว่า

 

อย่ามาทำเป็นกระเทย

 

 

 

ใครที่บอกสมัย ปชป ไม่มีสต็อกข้าวก็ลองไปหาข้อมูลดูสิครับ  :D

ผมไม่ทราบเหมือนกันว่ามีหรือเปล่า

 

 

ตูว่าเอาตัวเลขมาโชว์กัน

 

ระหว่าง ปชป กับ พท+พปช ใครอย่างไง


ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว

#55 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:52

ส่งออกข้าวทุบสถิติ 6เดือนทำเงินแสนล.
วันที่ 28 ก.ค. 2554 )
สขร.สปข.4

 

       ครึ่งปีแรกไทยส่งออกข้าว 6.3 ล้านตัน ทำเงินกว่าแสนล้าน สูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ครึ่งปีหลังส่อแผ่ว เจอทั้งค่าบาทแข็ง อินเดียแย่งตลาด รวมทั้งนโยบายจำนำข้าวรัฐบาลใหม่ ดันข้าวไทยแพงขายลำบาก หวั่นปี55 ออร์เดอร์หายกว่าครึ่ง วอนทางการเร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออก

       นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย แถลงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยใน 6 เดือนแรกของปี 2554 มีปริมาณทั้งสิ้น 6.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 107,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในด้านปริมาณ 58.26% และเพิ่มขึ้นในด้านมูลค่า 37.3% สูงสุดในรอบ 6 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยที่ทำให้ส่งออกข้าวไทยได้มากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากอินโดนีเซียและบังคลาเทศประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้เร่งนำเข้าเพื่อสำรองข้าวในประเทศ สำหรับประเทศผู้นำเข้าข้าวไทย 5 ลำดับแรกได้แก่ ไนจีเรีย บังคลาเทศ อินโดนีเซีย อิรักและอิหร่าน

       ส่วนสถานการณ์ด้านราคาข้าวตลาดโลกขณะนี้ ราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 545-550 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาข้าวไทยอยู่ที่ 535 เหรียญสหรัฐ โดยปีนี้ข้าวไทยส่งออกเฉลี่ยเกินเดือนละ 1 ล้านตัน นับว่าสูงเป็นประวัติการณ์ แต่มั่นใจว่า ปริมาณข้าวในประเทศมีเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศและการส่งออก เท่าที่ประเมินเบื้องต้นเชื่อว่า ไทยจะส่งออกทั้งปีได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10 ล้านตัน แต่ต้องรอดูผลกระทบจากโครงการรับจำนำด้วย เพราะจะทำให้ราคาข้าวครึ่งปีหลังปรับตัวสูงขึ้นจาก ตันละ 500 เหรียญสหรัฐไปเป็น 840 เหรียญสหรัฐ ทำให้แข่งขันได้ยากขึ้น 

      สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการส่งออกข้าวช่วงครึ่งปีหลังมี 3 ปัจจัยได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน,คู่แข่งในตลาดเพิ่มขึ้น และโครงการรับจำนำ ทำให้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ยอดส่งออกปีนี้จะอยู่ที่เท่าไหร่ จากเดิมช่วงต้นปีคาดการณ์ไว้ว่าจะส่งออกได้ 10 ล้านตัน ทั้งนี้ อินเดียประกาศส่งออกข้าวอย่างเป็นทางการในเดือนหน้าราคาถูกกว่าไทย โดยราคาข้าวขาว 5% ของอินเดียอยู่ที่ 450 เหรียญสหรัฐต่อตัน ห่างจากราคาข้าวไทยประมาณ 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ ความไม่ชัดเจนของนโยบายรับจำนำข้าว และเงินบาทที่แข็งค่า ก็ทำให้ราคาข้าวไทยแพงขึ้น ส่งผลให้ปีนี้การแข่งขันด้านราคาเป็นไปได้ยากขึ้น

       อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวโดยเฉพาะโครงการรับจำนำ มองว่าหากรัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือด้านการส่งออกคาดว่า ตลาดส่งออกข้าวไทยในปี 2555 อาจจะหายไปกว่าครึ่งเนื่องจากราคาข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงหวังให้รัฐบาลมีนโยบายดูแลผู้ส่งออกด้วย เนื่องจากนโยบายขณะนี้รัฐบาลดูเพียงต้นทางและทางสมาคมฯเองก็ยังไม่ทราบถึงนโยบายดังกล่าวด้วย

       ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นากยกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เชื่อว่าหลังเริ่มโครงการรับจำนำ ราคาข้าวจะสูงขึ้นอีกหลายร้อยเหรียญ ซึ่งยังต้องรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ในการส่งเสริมการส่งออกด้วยว่า จะช่วยเหลือผู้ส่งออกอย่างไรได้บ้าง เช่น การนำข้าวออกมาขายในราคาตลาด เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

       สำหรับนโยบายการขึ้นค่าแรงนั้นน ายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการ   ข้าวถุงไทยคาดว่า จะกระทบต่อโครงสร้างราคาข้าวถุงให้ปรับขึ้น 2% เนื่องจากขณะนี้ค่าแรงขั้นต่ำของธุรกิจข้าวถุงอยู่ที่คนละ 230-240 บาทต่อวัน ถ้าปรับขึ้นก็จะกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตามขณะนี้ถือว่าโครงสร้างราคาข้าวถุงอยู่ในเกณฑ์ปกติ อีกทั้งการปรับขึ้นราคาข้าวถุงยังขึ้นอยู่กับกลไกตลาดด้วย

       นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าว กรมฯได้เตรียมความพร้อมแนวทางการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลใหม่ที่รัฐบาล จะประกาศแนวทางในเร็วๆนี้อย่างไรก็ตาม การที่ราคาข้าวโดยรวมของประเทศปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากแนวทางที่รัฐบาลชุดใหม่จะเปิดรับจำนำข้าวเปลือก ประกอบกับประเทศคู่ค้าของไทย เห็นว่าประเทศไทย จะปรับราคารับจำนำเข้าเป็น 15,000 บาทต่อตัน ทำให้ในอนาคตราคาสูงขึ้น จึงรีบสั่งซื้อข้าวจากไทยตอนนี้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้ราคาข้าวโดยรวมในประเทศปรับตัวสูงขึ้น

       ขณะเดียวกัน ทำให้ผู้ประกอบการข้าวถุง เตรียมที่จะปรับราคา แต่เท่าที่มีการหารือกับทุกฝ่าย แม้ว่าราคาข้าว จะปรับตัวสูงขึ้นแต่เชื่อว่า ผู้ประกอบการข้าวถุงยังสามารถ ปรับแนวทางบริหารจัดการได้ แทนการปรับขึ้นราคาข้าวถุง
ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว

#56 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 16:51

เอา ไบกอนเหลือง ช่วยเอาตัวเลขการขายข้าว ยุด พท.และ พปช.มาให้ดูสักนิด

 

ว่า อยู่มา 2 ปี ขายข้าวไปเท่าไร

 

ไบกอนเหลือง อย่ามาแต่โม้หรือด่าแต่คนอื่น เอาตัวเลขชัดๆมาซัดกันแบบเห็น


Edited by ppneer, 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 16:51.

ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว

#57 nnnn43

nnnn43

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,771 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 17:04

 

 

นี่ ๆ ๆ ๆ ๆ ถามจริง ๆ นะ โครงการจำนำ ดีกับชาวนา ยังไง 

 

ทุกวันนี้ ชาวนา ***จะฆ่าตัวตายอยู่ละ

 

เมือวาน ม๊อบชาวนาก้อประท้วง

 

ชาวนาได้อะไร จำนำข้าวก้อไม่ได้เต็มเม็ตเต็มหน่วย หักค่านั่นค่านี่

 

แถมบางพื้นที่ ชาวนายังไม่ได้ รับเงิน จำนำรอบแรกปีนี้ 

 

บางคน จำนำรอบที่ 2 ปีที่แล้วยังไมไ่้ด้เลย

 

ส่วนโรงสี นะ มีแต่ได้กับได้ นำข้าวไปเวีัยนขายอีกรอบ จนตอนนี้ เงินใช้ในโครงการจำนำ ไปกี่แสนล้านละ 

 

นักการเมือง หรือพวกบริษัทข้าวก้อ รวยเอา ๆ 

 

ชาวนาได้อะไร มิทราบ 

 

แถมทุกวันนี้ยังต้องมาผวา กับข้าวจะเน่า จะมีสารปนเปื้อน หรือไม่

 

ถ้าญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลุงป้าน้าอา กินข้าวไปละ จะเป็นไง

 

 

ตรรกะ ของ*คุณ* นะ พิการไปละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

โง่แล้ว***ภูมิใจ เงิบไปกีี่กระทู้ละ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

 

 

อ้าว ตกลงเลิกคุยเรื่องโกงแล้วรับได้แล้วเหรอครับ?   :D
 
กระทู้นี้คุยเรื่องโกงอยู่นะครับ ส่วนเรื่องโครงการจำนำมันดีกับชาวนายังไง มันต้องรอดูกันระยะยาว 
ตราบใดที่ชาวนาเขาไม่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ ผมก็ยังเชื่อว่ามันดีกับเขาแน่
ส่วนคุณ นั่งอยู่หน้าจอ จะบอกว่ามันไม่ดีกับเขา ผมก็ไม่ว่าครับ แต่อย่าใส่ร้ายโครงการเขาด้วยข่าวลือที่ไม่มีมูล เพื่อให้เขายกเลิกโครงการ
และคุณจะอ้างว่าก็คุณเป็นผู้เสียภาษี จึงมีสิทธิไม่เอาโครงการจำนำได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลครับ
เพราะไม่ใช่คุณที่เสียภาษีคนเดียว ผมก็เสีย ยิ่งลักษณ์ก็เสีย ไอ้เต้นก็เสีย ผมและคนอีกหลายล้านคน ยอมให้เอาเงินภาษีของผมไปใช้ในโครงการจำนำได้ครับ
ผู้เสียภาษีทุกคนก็ได้โหวตกันแล้ว และผู้เสียภาษีส่วนใหญ่ก็ตกลงกันแล้วว่าจะเอาตามนี้ 
ทีนี้มีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่ง เช่นคุณ ไม่เห็นด้วยกับการจำนำ จะให้กลับไปใช้การประกัน ก็ต้องทำให้ผู้เสียภาษีอีกกลุ่มที่เขาเห็นด้วยกับการจำนำเขาไม่พอใจอยู่ดี
คุณจึงอ้างไม่ได้ว่ามีผู้เสียภาษีกลุ่มหนึ่งไม่พอใจการจำนำ
 
สิ่งที่คุณทำได้คือการแสดงให้เห็นว่าการประกันที่คุณสนับสนุนมันดีกว่าการจำนำอย่างไร
ไม่ใช่ไปช่วยกระพือข่าวลือใน social media เพื่อทำลายโครงการเขาเพื่อเอาชนะ
ส่วนหน้าที่การตัดสินใจ เป็นของทุกคนในวันเลือกตั้งครับ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว
หากผ่านไป 4 ปี ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่เขายังเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เขาก็เลือกเพื่อไทยต่อ
หากเขาเห็นว่ามันจะทำให้เขาพินาศ เขาก็เปลี่ยนไปเลือกพรรคใหม่
คุณจะไปบอกว่าเขามองไม่เห็นความพินาศของตัวเอง แต่คุณมองเห็น พวกเขาจึงต้องเชื่อคุณ เพราะคุณรู้ดีมากกว่าเขา อันนั้นมันเรื่องที่คุณคิดเอาข้างเดียวแล้วครับ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย
 
ส่วนเรื่องโกง ก็ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์
ไม่ใช่บอกว่าชาวนาโกงนิดโกงหน่อย รับได้ โรงสีโกงเยอะ รับไม่ได้
ปชป โกงนิดหน่อยรับได้ ทักษิณโกงเยอะ รับไม่ได้
อันนั้นมันตรรกะเดียวกับโกงได้ถ้ามีผลงานไงครับ
 
ถูกไหม พอลคุง?  :D

 

ไปว่าเขาคิดเอาเองข้างเดี่ยว ใครหว่า :lol:

25636.JPG


ผู้ที่ขาดคุณธรรม ย่อมไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ผู้ที่ขาดความรู้ ย่อมไม่มีสายตาอันกว้างไกล พูดคนฉลาดหนี่งคำ พูดคนโง่ร้อยคำ

#58 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:25

556000009358601.JPEG


การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#59 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:48

"ธาริต"สรุปผลสอบคดีทุจริตระบายข้าว โยง"ไตรรงค์-พรทิวา" ส่อผิดฮั้วประมูลเอื้อประโยชน์ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 ราย ทำรัฐเสียหาย

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติม

"สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่านายอภิสิทธิ์มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายซึ่งวิธีการดังกล่าวต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมานายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกบีบให้ลาออก และมีการประกาศยกเลิกการประกวดราคา โดยอ้างว่ามีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง ต่อมานายมนัส สร้อยพลอย เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแทนนายวิจักร และเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมากยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่งออกเป็นรายๆไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน"นายธาริต กล่าว

นายธาริต กล่าวต่อว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรคิดเป็นปริมาณมากกว่า 900,000 ตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่น้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชนที่ผิดสัญญา ในส่วนของการระบายข้าวค้างสต๊อกเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้มีการพิจารณาจำหน่ายให้บริษัท หนองลังกาฟาร์ม รายเดียวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ในราคาตันละ 5,400 บาท มูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท โดยผู้แทนบริษัท หนองลังกาฟาร์ม คือ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันถูกร้องเรื่องทุจริตการรับจำนำข้าว นายธาริต กล่าวว่า การรับจำนำข้าวมีหลายมิติ ที่ผ่านมาจากการสืบสวนพบมีการทุจริตในระดับพื้นที่และสต๊อกข้าว 4-5 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินคดีมีการดำเนินคดีเป็นรายย่อยและมีการส่งสำนวนให้ป.ป.ช.ไปแล้ว ระหว่างนี้ดีเอสไอร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินสายให้ความรู้ประชาชนและเกษตกรให้รู้เท่าทันกลโกงของโรงสี

ด้านพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.มีความเกี่ยวโยงถึงนายไตรรงค์ เนื่องจากการสอบสวนพบหลักฐานข้อมูลเป็นคำสั่งอนุมัติ เอกสารสัญญาและมติเห็นชอบของนายไตรงรงค์ซึ่งดีเอสไอได้สอบปากคำไว้แล้ว โดยนายไตรรงค์ให้การยอมรับว่าไม่มีการเปิดประมูลเพราะต้องการให้เสนอซื้อในทางลับเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำแต่ดีเอสไอมองว่าราคาซื้อขายต้องอ้างอิงกับราคาตลาดโลก รัฐบาลจึงต้องเปิดเผยการขาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าขาดความเป็นธรรม ที่สำคัญการเจรจาขายในทางลับไม่ช่วยให้รัฐขายข้าวได้ราคาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานกขช.เกี่ยวข้อง เพราะมีการตัดตอนให้เป็นอำนาจของรองประธานกขช.และรมว.พาณิชย์



#60 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:51

ภรรยารองหัวหน้าพรรคมัชฺฌิมา เป็นที่ปรึกษาให้ รมต.พาณิชย์ ทุจริตขายข้าว 
โดยมี รองนายกฯ ไตรรงค์ และ นายกฯ อภิสิทธิ์ 
ให้ความเห็นชอบการทุจริตขายสต็อคข้าวกระทรวงพาณิชย์  
อ้างข้าวดีขายเป็นข้าวเก่า จากราคาตลาด 12,800 บาท/ตัน 
ขายเหลือแค่ราคา  5,400 บาท/ตัน 


วันที่ 21 ธันวาคม 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 
ได้ยื่นคำร้องของส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 
ตรวจสอบกรณีการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์รวม 4 หน้ากระดาษ 
ระบุว่า การดำเนินการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลในช่วงปี 2552-2553 
มีการดำเนินการเป็นความลับ ไม่เปิดประมูลเป็นการทั่วไป 
มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการเพียงบางราย 
เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่นไม่ให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม 
มีการอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบในการจำหน่ายโดยมิชอบ 
และจำหน่ายในราคาต่ำกว่าราคาที่ควรจำหน่ายได้ 
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.
ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐหรือ ฮั้วประมูล 
และความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ 
โดยมีรายละเอียดดังนี้

1 .เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2553 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ
มติกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) 
โดยเห็นชอบในหลักการให้พิจารณาระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล
ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยให้ระบายไปยังตลาดต่างประเทศ
ที่นอกเหนือตลาดปกติของผู้ส่งออกข้าว 
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้พิจารณาจำหน่ายข้าวสารในรูปแบบจีทูจี 
ด้วยความระมัดระวัง มิให้กระทบต่อระบบตลาดครั้งละไม่เกิน 300,000 ตัน 
และจำหน่ายแก่เอกชนเพื่อการส่งออกจำนวนไม่เกิน 100,000 ตัน 
แล้วรายงานให้กขช.ทราบก่อนลงนามสัญญากับคู่สัญญาต่อไป

2 .เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2553 ครม.ได้มีมติรับทราบกรอบยุทธศาสตร์
การดำเนินการระบายข้าวตามโครงการแทรกแซงของรัฐบาลที่กขช.เสนอ 
และเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบาบข้าวกำหนดหลักเกณฑ์และกรอบยุทธศาสตร์ 
รวมถึงปริมาณการจำหน่ายด้วยความระมัดระวัง 
โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาวะราคาตลาด 
และให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารเป็นผู้ดำเนินการ
และนำเสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารพิจารณาอนุมัติ 
แล้วเสนอประธานกขช.หรือรองประธานกขช.พิจารณาให้ความเห็นสอบก่อนลงนามสัญญา 
โดยมีข้อสังเกตว่า มติครม. 29 มิ.ย.2553 ได้แก้ไขมติครม.วันที่ 18 พ.ค. 2553 
ในประเด็นสำคัญ คือ 
การเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจในการให้ความเห็นชอบจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาล 
จากคณะกรรมการกขช. เป็นประธาน หรือรองประธานกขช.

3 .ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการระบายข้าวจากเดิม 
มาเป็นการให้เอกชนผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในปริมาณมาก 
ยื่นคำเสนอขอซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวน 
เนื่องจากนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ในฐานะรองประธาน กขช. 
ระบุว่าการจำหน่ายข้าวในสต็อกต้องทำเป็นความลับ 
ทั้งนี้เมื่อเอกชนผู้ส่งออกข้าวยื่นคำขอซื้อแล้ว คณะทำงานพิจารณาระบายข้าว
จะนำเสนอผลการเจรจาให้รมว.พาณิชย์อนุมัติแล้วเสนอรองประธาน กขช. ให้ความเห็นชอบ 
จากนั้นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจะมีหนังสือแจ้ง
ให้เอกชนที่ผ่านการพิจารณาเข้าทำสัญญากับอตก.หรืออคส. 
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องส่งออกข้าวไปต่างประเทศภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น 
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีเอกชนเข้าทำสัญญาเพียง 9 ราย จากจำนวนผู้ส่งออก
ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 317 ราย 
โดยที่ผู้ส่งออกรายอื่นไม่ได้รับสิทธิเป็นคู่สัญญาเนื่องจากไม่ทราบเรื่อง 
ซึ่งวิธีการดังกล่าวมีปริมาณข้าวที่ระบายออกจากสต็อกจำนวน 4,126,656 ตัน 
คิดเป็นมูลค่า 53,070,216,395 บาท

4 .ราคาจำหน่ายข้าวขาวชนิด 5% ที่จำหน่ายจากวิธีระบายข้าวดังกล่าว 
มีราคาเฉลี่ยตันละ 12,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดมากกว่า 10% 
และต่ำกว่าราคาที่ควรจะขาย 
โดยมีราคาต่างจากการระบายข้าวของรัฐบาลปัจจุบันตันละ 4,300 บาท 
จึงก่อให้เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท 

5 .การที่กขช.และครม.กำหนดนโยบายระบายข้าว
โดยปล่อยให้มีการใช้วิธีระบายโดยให้เอกชนที่มีคำสั่งซื้อในปริมาณมาก
ยื่นคำเสนอขอซื้อในสต็อกรัฐบาล 
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวสามารถเลือกช่องทาง
แสวงหาผลประโยชน์ได้โดยง่าย แม้จะกำหนดให้เป็นการขายแบบจีทูจี 
แต่ท้ายที่สุดไม่ได้มีการขายแบบจีทูจี แต่ขายให้เอกชนในประเทศ
เพื่อส่งออกแทน นอกจากนี้ในการทำสัญญา
มีการจำหน่ายข้าวมากกว่าสัญญาละ 100,000 ตัน ซึ่งไม่ตรงตามมติกขช.
และมติครม. จึงเป็นการดำเนินการที่เกินอำนาจ

6 .พบว่าไม่มีการตรวจสอบคำสั่งซื้อข้าวของเอกชน 
เป็นผลให้เอกชนหลายรายที่เป็นคู่สัญญาไม่ส่งออกข้าวออกนอกประเทศ
ภายในเวลาที่กำหนด มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 25% ของสัญญาส่งออกข้าว 
และมีการคืนหลักประกันเนื่องจากเอกสารการส่งออกไม่ครบถ้วน 
ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย 

7 .มีการจำหน่ายข้าวให้กับหนองลังกาฟาร์ม 
โดยทำสัญญาในนาม น.ส.เสาวลักษณ์ เย็นใส โดยน.ส.เสาวลักษณ์เป็นลูกจ้างของ
นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ 
โดยเมื่อได้รับข้าวสารแล้วได้นำส่งให้บริษัทกาญจนาอาหารสัตว์ 
ซึ่งเป็นบริษัทของนางบุญยิ่ง 
โดยมีข้อสังเกตว่ามีการจำหน่ายในราคาถูกมากเพียง 5,400 บาท/ตัน 
ต่ำกว่าราคาที่ควรจำหน่ายได้ในราคาตันละ 12,800 บาท 
ซึ่งทำให้ขาดทุนไปถึงตันละ 7,400 บาท

มีข้อน่าสังเกตว่า บริษัท หนองลังกาฟาร์ม  
มีกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่  เป็นรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย  
และนางบุญยิ่ง เป็นภรรยาของรองหัวหน้าพรรคฯ คนดังกล่าว  
ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

โดยมีประกาศราชกิจจานุเบกษาลงวันที่  18 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นหลักฐาน

 

 

ร่วมกันตรวจสอบการโกงกินครับ

อย่าทำเฉย



#61 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:59

โคตรโกง เดอะซีรี่ย์ 1…เปิดเส้นทางโกง ปชป.-ภูมิใจไทย ร่วมมือร่วมใจ ทุจริต “ข้าว” !

สถานการณ์การตรวจสอบเรื่องการระบายข้าว กำลังเข้มข้น โดย “พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” ที่ขึงขังทำต่อเนื่องมาตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นหัวหอกนำ “ฝ่ายการเมือง”

แนวรุกด้านสื่อ ก็มี “สำนักข่าวเนชั่น-สถาบันอิศรา” และเครือข่าย ปชป. ที่พยายามกระพรือโหม

แต่ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่พยายามเร่งเร้าว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ปัจจุบัน แต่ดูเหมือนจะลืมไปว่า “สมัย ปชป.” เป็น “รัฐบาล”  ก็สร้างวีรกรรม กินนิ่มกับ “การระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล” ไว้เอาไว้มากกว่าเสียอีก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 เว็บไซด์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ของเครือเนชั่น ลงข่าวพาดหัวว่า “เปิดคำร้องเพื่อไทย ฮั้วประมูลข้าวรัฐบาล ปชป.” แล้วบรรยายข่าว เป็นเนื้อหาคำร้องของ ส.ส.เพื่อไทย ที่ยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบกรณีการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงปี 2552-2553 ซึ่งมีการดำเนินการเป็นความลับ และส่อว่าจะมีการทุจริต ทั้งสิ้น 7 ประเด็น

13100087801310008828l-300x220.jpgซึ่งถ้าพี่น้อง สนใจก็สารมารถลองไปค้นหา ติดตามอ่านกันรายละเอียดกันได้

แต่ที่ Siamleaks สนใจในคำร้อง 7 ประเด็น ที่มีการยื่นไปที่ดีเอสไอไป คือข้อมูลการจำหน่ายข้าวให้กับ “หนองลังกาฟาร์ม” ที่มีการระบุว่า “น.ส.เสาวลักษณ์ เย็นใส” เป็นลูกจ้างของ “นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของ “พรทิวา นาคาศัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายข้าว ครั้งนั้น

โดยการขายข้าว ครั้งนั้นเป็นการขายที่ถูกมาก ในราคาเพียง 5,400 บาทต่อตัน (ในขณะที่ราคาข้าวในขณะนั้นน่าจะขายได้สูงถึงประมาณ 12,000 บาทต่อตัน)

Siamleaks อ่านแล้วหมั่นเขี้ยวในใจ เพราะข้อมูลที่มีอยู่ในมือนั้นชัดเจนเห็นว่า “ใคร” เป็น “ใคร” ที่เข้ามาระทำการ “ทุจริต” อย่างไร ???

จึงขอนำเรื่องนี้มาเสนอให้ พี่-น้อง ได้เห็นตื้นลึกหนาบางว่ากระบวนการ โกง-กิน กระทั่ง “ข้าว” ของชาวนากระดูกสันหลังของชาติ ที่แท้จริง

และเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า มีการกระทำการ “ทุจริต” กันอย่างไร จึงขอนำเสนอเป็นครั้งๆ และแต่ละครั้ง ก็เป็นแต่ละรายกรณีไป

โดยครั้งนี้ Siamleaks ขอนำเสนอ กรณีศึกษาการระบายข้าวสารให้กับ “หนองลังกาฟาร์ม” ซึ่งถือเป็นเพียง “เศษเสี้ยวหนึ่ง” ในการ “ทุจริตครั้งมโหฬาร” !!

“หนองลังกาฟาร์ม” นั้นจดทะเบียนจดตั้งบริษัทกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ประกอบกิจการเลี้ยงหมู อยู่ในจังหวัดราชบุรี มากว่า 15 ปี แบบไม่มีบทบาทางการเมือง

แต่ “หนองลังกาฟาร์ม” กลับกลายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทใน “โครงการระบายพืชผลทางการเกษตร ของกระทรวงพาณิชย์” ในสมัย”รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” ที่มี “พรทิวา นาคาศัย” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (พรรคร่วมรัฐบาล) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แทบทุกรายการ

eco01130953p2-300x170.jpgโดยงานที่ “หนองลังการฟาร์ม” เข้าไปมีบทบาทก็คือ การระบายมันเส้น จำนวน 250,251.26 ตัน ซึ่งเอกชนที่ได้รับอนุมัติให้ เข้ามารับซื้อสินค้า จำนวน 3 ราย คือ หนองลังกาฟาร์ม และไพรสะเดาฟาร์ม จำนวน 7.4 หมื่นตัน และบริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด จำนวน 175,989.92 ตัน รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท ครั้งหนึ่งแล้ว

จากนั้น ฟาร์มหนองลังกาฟาร์ม ก็กลายเป็นเอกชนเพียงรายเดียว ที่ยื่นขอเสนอซื้อ “ข้าวสารเก่าในสต็อกรัฐบาล” ซึ่งประกอบด้วยข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ นาปี 2544/45 ข้าวหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ชั้น 2 นาปีปี 2547/48 และข้าวขาว 25 เปอร์เซ็นต์ นาปรัง ปี 2548 รวมทั้งสิ้น 8,953 ตัน โดยเสนอขอซื้อข้าวสารทุกชนิด ในราคา 5,400 บาทต่อตัน ในวันที่ 5 สิงหาคม 2553

ให้หลังเพียง 1 วัน ก็มีการส่งเรื่องให้นางพรทิวา รับทราบในวันที่ 6 สิงหาคม 2553 และนางพรทิวา ได้อนุมัติให้มีการจำหน่าย ในวันที่ 9 สิงหาคม 2553 จากนั้นนำเสนอต่อไปยังนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี และรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) )ให้เห็นชอบ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553

เบ็ดเสร็จ “หนองลังกาฟาร์ม” ทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า ซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล รวมทั้งสิ้น 8,882 ตัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 47,963,395.62 บาท

ซึ่งถ้าคิดเอาว่า ขายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลได้ในราคา 12,000 บาทต่อตัน จะทำให้ “รัฐ” มีรายได้ 106,584,000 บาท
เมื่อหักลบกลบหนี้ จากตัวเลขทั้งหมด ก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่า การระบายข้าวครั้งนี้ เฉพาะในส่วนของ “หนองลังกาฟาร์ม” ก็ทำให้สูญไปประมาณ 58 ล้านบาท !!!

โดย “หลังฉาก” ความเสียหายมโหฬาร จากเหตุการณ์ระบายข้าวที่สวยหรู ครั้งนี้ Siamleaks พบตรวจสอบพบว่า “หนองลังกาฟาร์ม” เป็นบริษัท ในเครือบริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด ซึ่งมี “นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา” และ “นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

จุดสำคัญของเรื่องทั้งหมด อยู่ที่ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” นั้นได้รับการแต่งตั้งจาก “คณะรัฐมนตรี” ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั่งหัวโต๊ะเป็น “นายกรัฐมนตรี” เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 ให้เป็น “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พรทิวา นาคาศัย)”
ในส่วนของ “วิวัฒน์ นิติกาญจนา” นั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลในทางการเมือง เพราะรู้จักกันในนาม “กำนันตุ้ย” มือขวา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา ใน “พรรคภูมิใจไทย”

2012-12-21_151739-221x300.jpgโดยครั้งหนึ่ง “กำนันตุ้ย” คนนี้ เคยนั่งในตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย” ที่มี “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” ภรรยาของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นหัวหน้าพรรค

นอกจากนี้ “วิวัฒน์” หรือ “กำนันตุ้ย” ยังเป็นสามีของ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย !!!

พูดมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคนบอกว่า แล้วมันเกี่ยวข้องกับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นและพรรคประชาธิปัตย์ ตรงไหน ???

คำตอบก็คือ มติ ครม. เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 ที่รับทราบกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินการระบายข้าวตามโครงการแทรกแซงของรัฐบาลที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เสนอ และเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวกำหนดหลักเกณฑ์และกรอบยุทธศาสตร์ รวมถึงปริมาณการจำหน่ายด้วยความระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาวะราคาตลาด และให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารเป็นผู้ดำเนินการและนำเสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารพิจารณาอนุมัติ แล้วเสนอ ประธาน กขช. (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี)หรือ รองประธาน กขช. (ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี) พิจารณาให้ความเห็นสอบก่อนลงนามสัญญา

ซึ่งชัดเจนว่า “อำนาจ” ในการให้ความเห็นชอบจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาล นั้นไม่ใช่เพียงแค่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” จาก “พรรคภูมิใจไทย” ที่สามารถตัดสินใจได้ตามอำเภอใจ

แต่ทั้งหมด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี จาก “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะประธาน กขช. และ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” รองนายกรัฐมนตรี จาก “ประชาธิปัตย์” ในฐานะ “รองประธาน กขช.” รู้เห็นด้วยในทุกขั้นตอน !

จึงไม่น่าจะมีทางที่ “ประชาธิปัตย์” จะปล่อยให้ “ภูมิใจไทย” อิ่มหนำสำราญ ไปคนเดียวแน่ๆ !!!



#62 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:00

โคตรโกง เดอะซีรี่ย์ 2…แฉเทคนิคพิสดาร ระบายข้าวแบบ “ลับๆ” แบบฉบับ รบ.อภิสิทธิ์ !

 

ตอนที่แล้ว Siamleaks หยิบยกกรณี “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โดยกระทรวงพาณิชย์ แอบระบายข้าวให้กับ“ฟาร์มเลี้ยงหมู” หนองลังกาฟาร์ม ซึ่งมีเจ้าของเป็นถึง “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ของ “พรทิวา นาคาศัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มาจาก “พรรคภูมิใจไทย (ภท.)”
โดยผ่านการรับรู้ รับทราบและเห็นชอบจาก “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” รองนายกรัฐมนตรี จาก “พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)” ในฐานะ “รองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)” ที่ “อภิสิทธิ์” แต่งตั้งให้เป็นผู้มีอำนาจในการให้ความเห็นชอบ
ซึ่งความเสียหาย หลัก 50-60 ล้านบาท อาจจะแค่จิ๊บๆ แต่นั่นคือ “หนังตัวเอง” ของอภิมหาโกง “ระบายข้าว” ของ “รัฐบาลประชาธิปัตย์” ที่ถ้านั่งนับความเสียหายทั้งหมด อาจจะสูงนับหมื่นล้านบาท !!!
ก็อย่างที่บอก “มติ ครม. 29 มิถุนายน 2553” นั้น มอบหมายให้ “คณะทำงานดำเนินการระบายข้าว” เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาขายข้าวให้กับ “เอกชน” แล้วนำเสนอต่อ “ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสาร (พรทิวา นาคาสัย รมว.พาณิชย์)” พิจารณาอนุมัติ
จากนั้น “พรทิวา” ก็ต้องเสนอให้ประธาน กขช. (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี) หรือรองประธาน กขช. (ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี) พิจารณา ก่อนลงนามในสัญญา !
ดังนั้น ปชป.จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “กระบวนการ (โคตร)โกงข้าว” สมัยนั้นเป็นฝีมือของ “ภท.” เจ้าของโควตา “รมว.พาณิชย์” เพียงฝ่ายเดียว !
เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่าชัดเจนว่า “รับทราบ” ร่วมกัน ในทุกขั้นตอน
ซึ่งถ้าอ่านเนื้อหาเรื่อง “โคตรโกง เดอะซีรี่ย์ 1ฯ” ที่ Siamleaks ได้เขียนเอาไว้ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การพิจารณาระบายข้าวสารใสต็อกรัฐบาลให้กับ “หนองลังกาฟาร์ม” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ
จากข้อมูลปรากฏว่า “หนองลังกาฟาร์ม” ที่ยื่นขอเสนอซื้อ “ข้าวสารเก่าในสต็อกรัฐบาล” ซึ่งประกอบด้วยข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ข้าวหอมมะลิ และข้าวขาว 25 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งสิ้น 8,953 ตัน ในราคาเดียวกัน ทุกชนิด 5,000 บาทต่อตัน มายัง“คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร” พิจารณาในวันที่ 5 สิงหาคม 2553
ให้หลังเพียง 1 วัน “คณะทำงานฯ” ก็ส่งเรื่องให้ “พรทิวา” รมว.พาณิชย์ รับทราบใน วันที่ 6 สิงหาคม 2553
พร้อมแนบเนื้อหา ที่ระบุว่า คณะทำงานฯ สามารถต่อรอง ราคาขายข้าวสาร จำนวนดังกล่าว ให้กับ “หนองลังกาฟาร์ม” ได้ในราคาตันละ 5,400 บาท
ไม่น่าเชื่อว่า “คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร” ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งขึ้นมา จะใช้เวลาในการต่อรองราคาและตกลงซื้อขายข้าวกับ “หนองลังกา” ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็สามารถ “ทุบโต๊ะ-เคาะราคา” ได้เบ็ดเสร็จ !!!
เบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้ ก็คือ “กระบวนการระบายข้าวสาร” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั้น “ถูกสั่ง” ให้ดำเนินการ “ลับ” ทั้งหมด !!!
โดยหลังจากที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 17 ธันวาคม 2551 ก็เข้ามาแสดงฝีมือในการบริหารราคาสินค้าเกษตร จนตกต่ำแทบทุกประเภท
โดยเฉพาะ “ราคาข้าว” ที่เคยถีบตัวสูงสุดในสมัย “รัฐบาลพรรคพลังประชาชน” ถึง 15,000-20,000 บาทต่อตัน กลับลดลงฮวบฉาบมาอยู่ที่ราคา 7,000-9,000 บาทต่อตัน

%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%84%E0กระทั่ง “รัฐบาลอภิสิทธิ์” จำเป็นต้องกำหนดให้มี “แนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ” อยู่เป็นระยะ
ซึ่ง Siamleaks ได้ตรวจสอบจากเว็บไซด์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็พบ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ แนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำอยู่หลายวาระ
แต่ที่น่าสนใจคือ มติ ครม.เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2553 “รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า “ราคาข้าว” ในช่วง “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ตกต่ำอย่างหนัก จนต้องสั่งการให้หน่วยงานรัฐ เปิดโต๊ะรับซื้อข้าวเอง ในแต่ละจังหวัด
และด้วยเหตุผล “ราคาข้าวตกต่ำ” ทำให้  “ครม.อภิสิทธิ์”  มีมติ ครม.ในเวบาต่อไป ให้ “อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ” ในฐานะ “ประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร” ให้ดำเนินการระบายข้าว เป็นการ “ลับ” ทุกขั้นตอน
โดยอ้างว่า “หากมีการประกาศว่ารัฐบาลจะระบายข้าว และปล่อยให้เอกชนยื่นซองประกวดราคา ประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาลตามระบบ จะทำให้ “เอกชน” รวมหัวกันฮั้วประมูล จนรัฐบาลขายข้าวไม่ได้ราคา” !!!

%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%ซึ่งช่วงนั้นก็มีรายงานข่าวจากเว็บไซด์ managerชัดเจนว่า “ครม.มีมติให้ดำเนินการเป็นการ “ลับ” ทั้งหมด”
โดยวิธีการที่ดีที่สุด ที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” เชื่อมั่นว่า สุจริต-โปร่งใส ก็คือการ “สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูว่ามีบริษัทไหนบ้างที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ แล้วเรียกมาตกลงราคา” !!!
ซึ่งข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า “ประธานคณะทำงานฯ” ได้เลือกใช้วิธี “ต่อรองราคา” ซื้อ-ขายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลผ่านการ “โทรศัพท์” ไปหาผู้เสนอซื้อ !!!
โดยตรงนี้ จึง “จุดสำคัญ” ของเรื่องทั้งหมด เพราะเป็นจุดที่ “เปิดช่อง” ให้เกิดการทุจริต
โดย 1.เมื่อไม่ได้มีการประกาศเชิญชวนให้ “เอกชน” ผู้สนใจ ได้รับทราบ และส่งคำเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ก็เท่ากับปิดโอกาสบุคคลภายใน และเหลือเพียงบุคคลภายในและใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในการระบายข้าวสารของรัฐบาลเท่านั้นที่ทราบข่าวและสามารถเสนอซื้อได้ 
2. เมื่อ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ให้อำนาจ“ประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร” เป็นผู้มีอำนาจ ในการพิจารณาเลือก “เอกชน” ที่เสนอซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล (มีแต่พวกตัวเอง) รายใดก็ได้ ก็อาจจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ล็อคสเปค” เอื้อประโยชน์เฉพาะ “เอกชน” บางราย อย่างคำที่ ปชป. มักพูดบ่อยครั้ง 
และ 3. การ “ต่อรองราคา” ทาง “โทรศัพท์” นั้น นับเป็นเทคนิควิธีการ สุดแสนจะพิสดาร ในการระบายข้าวสารในยุค “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” !!!
ผลจึงปรากฏ ในท้ายที่สุดว่า “หนองลังกาฟาร์ม” กลายเป็น “เอกชนรายเดียว” ที่เสนอซื้อ “ข้าวสารในสต็อกรัฐบาล” ล็อตนั้น
ซึ่งก็เป็น “หนองลังกาฟาร์ม” ที่มีเจ้าของชื่อ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และไม่เพียงแค่ “หนองลังกาฟาร์ม” เท่านั้น ที่มี “อภิสิทธิ์” ในการ “เสนอซื้อ” และได้รับอนุมัติให้ เข้าซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ปชป.
แต่ “หนองลังกาฟาร์ม” เป็นเพียง 1 ใน 10 กว่าบริษัท ที่มีเข้ามาทำมาค้าขาย เรื่องสินค้าเกษตร สมัย “รัฐบาลประชาธิปัตย์” ในลักษณะเดียวกันนี้
กระทั่ง “ผู้รู้” หลายคน ถึงกับออกปากว่า ความเสียหาย อาจจะสูงถึง หมื่นล้าน !



#63 nnnn43

nnnn43

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,771 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:00

"ธาริต"สรุปผลสอบคดีทุจริตระบายข้าว โยง"ไตรรงค์-พรทิวา" ส่อผิดฮั้วประมูลเอื้อประโยชน์ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 ราย ทำรัฐเสียหาย

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติม

"สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่านายอภิสิทธิ์มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายซึ่งวิธีการดังกล่าวต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมานายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกบีบให้ลาออก และมีการประกาศยกเลิกการประกวดราคา โดยอ้างว่ามีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง ต่อมานายมนัส สร้อยพลอย เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแทนนายวิจักร และเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมากยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่งออกเป็นรายๆไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน"นายธาริต กล่าว

นายธาริต กล่าวต่อว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรคิดเป็นปริมาณมากกว่า 900,000 ตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่น้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชนที่ผิดสัญญา ในส่วนของการระบายข้าวค้างสต๊อกเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้มีการพิจารณาจำหน่ายให้บริษัท หนองลังกาฟาร์ม รายเดียวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ในราคาตันละ 5,400 บาท มูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท โดยผู้แทนบริษัท หนองลังกาฟาร์ม คือ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันถูกร้องเรื่องทุจริตการรับจำนำข้าว นายธาริต กล่าวว่า การรับจำนำข้าวมีหลายมิติ ที่ผ่านมาจากการสืบสวนพบมีการทุจริตในระดับพื้นที่และสต๊อกข้าว 4-5 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินคดีมีการดำเนินคดีเป็นรายย่อยและมีการส่งสำนวนให้ป.ป.ช.ไปแล้ว ระหว่างนี้ดีเอสไอร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินสายให้ความรู้ประชาชนและเกษตกรให้รู้เท่าทันกลโกงของโรงสี

ด้านพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.มีความเกี่ยวโยงถึงนายไตรรงค์ เนื่องจากการสอบสวนพบหลักฐานข้อมูลเป็นคำสั่งอนุมัติ เอกสารสัญญาและมติเห็นชอบของนายไตรงรงค์ซึ่งดีเอสไอได้สอบปากคำไว้แล้ว โดยนายไตรรงค์ให้การยอมรับว่าไม่มีการเปิดประมูลเพราะต้องการให้เสนอซื้อในทางลับเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำแต่ดีเอสไอมองว่าราคาซื้อขายต้องอ้างอิงกับราคาตลาดโลก รัฐบาลจึงต้องเปิดเผยการขาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าขาดความเป็นธรรม ที่สำคัญการเจรจาขายในทางลับไม่ช่วยให้รัฐขายข้าวได้ราคาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานกขช.เกี่ยวข้อง เพราะมีการตัดตอนให้เป็นอำนาจของรองประธานกขช.และรมว.พาณิชย์

 

ภรรยารองหัวหน้าพรรคมัชฺฌิมา เป็นที่ปรึกษาให้ รมต.พาณิชย์ ทุจริตขายข้าว 
โดยมี รองนายกฯ ไตรรงค์ และ นายกฯ อภิสิทธิ์ 
ให้ความเห็นชอบการทุจริตขายสต็อคข้าวกระทรวงพาณิชย์  
อ้างข้าวดีขายเป็นข้าวเก่า จากราคาตลาด 12,800 บาท/ตัน 
ขายเหลือแค่ราคา  5,400 บาท/ตัน 


วันที่ 21 ธันวาคม 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 
ได้ยื่นคำร้องของส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 
ตรวจสอบกรณีการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์รวม 4 หน้ากระดาษ 
ระบุว่า การดำเนินการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลในช่วงปี 2552-2553 
มีการดำเนินการเป็นความลับ ไม่เปิดประมูลเป็นการทั่วไป 
มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการเพียงบางราย 
เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่นไม่ให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม 
มีการอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบในการจำหน่ายโดยมิชอบ 
และจำหน่ายในราคาต่ำกว่าราคาที่ควรจำหน่ายได้ 
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.
ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐหรือ ฮั้วประมูล 
และความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ 
โดยมีรายละเอียดดังนี้

1 .เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2553 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ
มติกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) 
โดยเห็นชอบในหลักการให้พิจารณาระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล
ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยให้ระบายไปยังตลาดต่างประเทศ
ที่นอกเหนือตลาดปกติของผู้ส่งออกข้าว 
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้พิจารณาจำหน่ายข้าวสารในรูปแบบจีทูจี 
ด้วยความระมัดระวัง มิให้กระทบต่อระบบตลาดครั้งละไม่เกิน 300,000 ตัน 
และจำหน่ายแก่เอกชนเพื่อการส่งออกจำนวนไม่เกิน 100,000 ตัน 
แล้วรายงานให้กขช.ทราบก่อนลงนามสัญญากับคู่สัญญาต่อไป

2 .เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2553 ครม.ได้มีมติรับทราบกรอบยุทธศาสตร์
การดำเนินการระบายข้าวตามโครงการแทรกแซงของรัฐบาลที่กขช.เสนอ 
และเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบาบข้าวกำหนดหลักเกณฑ์และกรอบยุทธศาสตร์ 
รวมถึงปริมาณการจำหน่ายด้วยความระมัดระวัง 
โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาวะราคาตลาด 
และให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารเป็นผู้ดำเนินการ
และนำเสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารพิจารณาอนุมัติ 
แล้วเสนอประธานกขช.หรือรองประธานกขช.พิจารณาให้ความเห็นสอบก่อนลงนามสัญญา 
โดยมีข้อสังเกตว่า มติครม. 29 มิ.ย.2553 ได้แก้ไขมติครม.วันที่ 18 พ.ค. 2553 
ในประเด็นสำคัญ คือ 
การเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจในการให้ความเห็นชอบจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาล 
จากคณะกรรมการกขช. เป็นประธาน หรือรองประธานกขช.

3 .ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการระบายข้าวจากเดิม 
มาเป็นการให้เอกชนผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในปริมาณมาก 
ยื่นคำเสนอขอซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวน 
เนื่องจากนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ในฐานะรองประธาน กขช. 
ระบุว่าการจำหน่ายข้าวในสต็อกต้องทำเป็นความลับ 
ทั้งนี้เมื่อเอกชนผู้ส่งออกข้าวยื่นคำขอซื้อแล้ว คณะทำงานพิจารณาระบายข้าว
จะนำเสนอผลการเจรจาให้รมว.พาณิชย์อนุมัติแล้วเสนอรองประธาน กขช. ให้ความเห็นชอบ 
จากนั้นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจะมีหนังสือแจ้ง
ให้เอกชนที่ผ่านการพิจารณาเข้าทำสัญญากับอตก.หรืออคส. 
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องส่งออกข้าวไปต่างประเทศภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น 
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีเอกชนเข้าทำสัญญาเพียง 9 ราย จากจำนวนผู้ส่งออก
ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 317 ราย 
โดยที่ผู้ส่งออกรายอื่นไม่ได้รับสิทธิเป็นคู่สัญญาเนื่องจากไม่ทราบเรื่อง 
ซึ่งวิธีการดังกล่าวมีปริมาณข้าวที่ระบายออกจากสต็อกจำนวน 4,126,656 ตัน 
คิดเป็นมูลค่า 53,070,216,395 บาท

4 .ราคาจำหน่ายข้าวขาวชนิด 5% ที่จำหน่ายจากวิธีระบายข้าวดังกล่าว 
มีราคาเฉลี่ยตันละ 12,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดมากกว่า 10% 
และต่ำกว่าราคาที่ควรจะขาย 
โดยมีราคาต่างจากการระบายข้าวของรัฐบาลปัจจุบันตันละ 4,300 บาท 
จึงก่อให้เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท 

5 .การที่กขช.และครม.กำหนดนโยบายระบายข้าว
โดยปล่อยให้มีการใช้วิธีระบายโดยให้เอกชนที่มีคำสั่งซื้อในปริมาณมาก
ยื่นคำเสนอขอซื้อในสต็อกรัฐบาล 
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวสามารถเลือกช่องทาง
แสวงหาผลประโยชน์ได้โดยง่าย แม้จะกำหนดให้เป็นการขายแบบจีทูจี 
แต่ท้ายที่สุดไม่ได้มีการขายแบบจีทูจี แต่ขายให้เอกชนในประเทศ
เพื่อส่งออกแทน นอกจากนี้ในการทำสัญญา
มีการจำหน่ายข้าวมากกว่าสัญญาละ 100,000 ตัน ซึ่งไม่ตรงตามมติกขช.
และมติครม. จึงเป็นการดำเนินการที่เกินอำนาจ

6 .พบว่าไม่มีการตรวจสอบคำสั่งซื้อข้าวของเอกชน 
เป็นผลให้เอกชนหลายรายที่เป็นคู่สัญญาไม่ส่งออกข้าวออกนอกประเทศ
ภายในเวลาที่กำหนด มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 25% ของสัญญาส่งออกข้าว 
และมีการคืนหลักประกันเนื่องจากเอกสารการส่งออกไม่ครบถ้วน 
ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย 

7 .มีการจำหน่ายข้าวให้กับหนองลังกาฟาร์ม 
โดยทำสัญญาในนาม น.ส.เสาวลักษณ์ เย็นใส โดยน.ส.เสาวลักษณ์เป็นลูกจ้างของ
นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ 
โดยเมื่อได้รับข้าวสารแล้วได้นำส่งให้บริษัทกาญจนาอาหารสัตว์ 
ซึ่งเป็นบริษัทของนางบุญยิ่ง 
โดยมีข้อสังเกตว่ามีการจำหน่ายในราคาถูกมากเพียง 5,400 บาท/ตัน 
ต่ำกว่าราคาที่ควรจำหน่ายได้ในราคาตันละ 12,800 บาท 
ซึ่งทำให้ขาดทุนไปถึงตันละ 7,400 บาท

มีข้อน่าสังเกตว่า บริษัท หนองลังกาฟาร์ม  
มีกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่  เป็นรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย  
และนางบุญยิ่ง เป็นภรรยาของรองหัวหน้าพรรคฯ คนดังกล่าว  
ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

โดยมีประกาศราชกิจจานุเบกษาลงวันที่  18 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นหลักฐาน

 

 

ร่วมกันตรวจสอบการโกงกินครับ

อย่าทำเฉย

ฟ้องเอาให้ติดคุกเลยนะครับ คดีไปถึงไหนแล้ว :lol:


ผู้ที่ขาดคุณธรรม ย่อมไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ผู้ที่ขาดความรู้ ย่อมไม่มีสายตาอันกว้างไกล พูดคนฉลาดหนี่งคำ พูดคนโง่ร้อยคำ

#64 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:00

"ธาริต"สรุปผลสอบคดีทุจริตระบายข้าว โยง"ไตรรงค์-พรทิวา" ส่อผิดฮั้วประมูลเอื้อประโยชน์ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 ราย ทำรัฐเสียหาย

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติม

"สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่านายอภิสิทธิ์มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายซึ่งวิธีการดังกล่าวต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมานายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกบีบให้ลาออก และมีการประกาศยกเลิกการประกวดราคา โดยอ้างว่ามีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง ต่อมานายมนัส สร้อยพลอย เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแทนนายวิจักร และเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมากยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่งออกเป็นรายๆไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน"นายธาริต กล่าว

นายธาริต กล่าวต่อว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรคิดเป็นปริมาณมากกว่า 900,000 ตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่น้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชนที่ผิดสัญญา ในส่วนของการระบายข้าวค้างสต๊อกเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้มีการพิจารณาจำหน่ายให้บริษัท หนองลังกาฟาร์ม รายเดียวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ในราคาตันละ 5,400 บาท มูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท โดยผู้แทนบริษัท หนองลังกาฟาร์ม คือ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันถูกร้องเรื่องทุจริตการรับจำนำข้าว นายธาริต กล่าวว่า การรับจำนำข้าวมีหลายมิติ ที่ผ่านมาจากการสืบสวนพบมีการทุจริตในระดับพื้นที่และสต๊อกข้าว 4-5 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินคดีมีการดำเนินคดีเป็นรายย่อยและมีการส่งสำนวนให้ป.ป.ช.ไปแล้ว ระหว่างนี้ดีเอสไอร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินสายให้ความรู้ประชาชนและเกษตกรให้รู้เท่าทันกลโกงของโรงสี

ด้านพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.มีความเกี่ยวโยงถึงนายไตรรงค์ เนื่องจากการสอบสวนพบหลักฐานข้อมูลเป็นคำสั่งอนุมัติ เอกสารสัญญาและมติเห็นชอบของนายไตรงรงค์ซึ่งดีเอสไอได้สอบปากคำไว้แล้ว โดยนายไตรรงค์ให้การยอมรับว่าไม่มีการเปิดประมูลเพราะต้องการให้เสนอซื้อในทางลับเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำแต่ดีเอสไอมองว่าราคาซื้อขายต้องอ้างอิงกับราคาตลาดโลก รัฐบาลจึงต้องเปิดเผยการขาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าขาดความเป็นธรรม ที่สำคัญการเจรจาขายในทางลับไม่ช่วยให้รัฐขายข้าวได้ราคาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานกขช.เกี่ยวข้อง เพราะมีการตัดตอนให้เป็นอำนาจของรองประธานกขช.และรมว.พาณิชย์

 

สงสัยไอ้ริดสีดวงจะติดคุก ก่อนคนที่โดนกล่าวหาแน่ๆ :D

554934_437447273001164_1403343313_n.jpg

165216.jpg


Edited by Bookmarks, 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:01.


#65 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:07

ผมเอาข่าวเก่าๆ มาแปะไว้ก่อนนะ จะได้ช่วยกันตรวจสอบ

 

ปิดไม่มิด!ตัวเลขขายสต๊อกข้าวโผล่ "พรทิวา" ชง "ไตรรงค์" เซ็นอนุมัติเบ็ดเสร็จ(03 พ.ย.53)

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การอนุมัติขายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลตั้งแต่เดือนก.ค.-ต.ค.2553 พบว่ามีการอนุมัติขายไปแล้วทั้งสิ้น 3.16 ล้านตัน ได้แก่ วันที่ 28 ก.ค. อนุมัติขายให้บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด ปริมาณ 362,543 ตัน วันที่ 6 ส.ค. ขายให้กับบริษัท ข้าวไชยพร จำกัด 431,850 ตัน วันที่ 16 ส.ค. ขายให้กับบริษัท แคปปิตอล ซีเรียลส์ จำกัด 508,695 ตัน และหนองลังกาฟาร์ม 7,636 ตัน วันที่ 30 ส.ค. ขายให้กับบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด 286,826 ตัน บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด 845,783 ตัน บริษัท ไทยฟ้า 2511 จำกัด ปริมาณ 250,000 ตัน วันที่ 22 ก.ย ขายให้กับบริษัท เอชบีดี ฮาบิดะห์ จำกัด 83,279 ตัน บริษัท เจียเม้ง จำกัด 32,000 ตัน บริษัท เค ดับบลิว เอ็ม อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด 200,000 ตัน วันที่ 11 ต.ค. ขายให้กับบริษัท เอชบีดี ฮาบิดะห์ จำกัด อีก 8,694 ตัน บริษัท เอ็มทีฯ อีก 5,343 ตัน และล่าสุดวันที่ 27 ต.ค. ขายให้กับบริษัท เอชบีดี ฮาบิดะห์ จำกัด อีก 144,830 ตัน และบริษัท เจียเม้ง จำกัด 393 ตัน

     ทั้งนี้ จำนวนข้าวที่อนุมัติขายจำนวนดังกล่าว ถูกปิดบังมาโดยตลอด โดยอ้างว่าเป็นความลับทางราชการ จะมีก็แต่กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะคณะทำงานด้านการระบายข้าวสาร นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเป็นผู้นำเสนอผลการขาย และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี และรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในฐานะผู้เซ็นอนุมัติเท่านั้นที่รับรู้
     อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัท เอมทีฯ ที่เคยมีข่าวว่าได้รับการอนุมัติขายข้าวสูงถึง 2 ล้านตัน แต่จริงๆ ได้รับการอนุมัติขายเพียงแค่ 8 แสนกว่าตันเท่านั้น และในจำนวนนี้ เป็นที่น่าฮือฮาว่าบริษัท เฮชบีดีฯ ถือเป็นรายใหม่ที่ได้รับการอนุมัติการขายข้าวมากถึง 3 ครั้ง และยังมีหนองลังกาฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทของอดีตที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ที่เคยเสนอซื้อมันเส้นในสต๊อกรัฐบาลและมีปัญหาก่อนหน้านี้ได้รับการอนุมัติซื้อข้าวด้วย
     นอกจากนี้ ยังพบว่าการอนุมัติขายข้าวสต๊อกรัฐบาลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ขายให้กับบริษัท เอชบีดี ฮาบีดะห์ ปริมาณ 144,830 ตัน และบริษัทเจียเม้ง จำกัด 393 ตัน อาจขัดคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ระงับการระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาลไว้ก่อน เนื่องจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่และอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวนาปี 2553/54 แต่ทางกระทรวงพาณิชย์ลงนามโดยนางพรทิวาได้เสนอเรื่องการระบายข้าวดังกล่าวให้นายไตรรงค์ลงนามอนุมัติการจำหน่ายอีก
     สำหรับการซื้อข้าวทั้งหมด ทุกบริษัทได้เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวข้าวหมดแล้ว ยกเว้นบริษัท เอ็มทีฯ ที่ยกเลิกสัญญาการขายข้าวไปก่อนหน้านี้ เพราะไม่มาทำสัญญาซื้อขายตามระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งบริษัท เอชบีดี ฮาบิดะห์ ในส่วนของข้าวจำนวน 1.44 แสนตัน ที่ได้รับการอนุมัติล่าสุด ก็ยังไม่มาทำสัญญา
     รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบการอนุมัติขายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลรวมจำนวน 3.16 ล้านตัน อาจเข้าข่ายขัดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2552 ที่กำหนดให้การระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจะต้องกำหนดเป็นรายคลังสินค้าแล้วระบาย แต่ปรากฏว่าการจำหน่ายข้าวสารของกรมการค้าต่างประเทศในฐานะคณะทำงานด้านการระบายข้าวสาร กำหนดให้ผู้ส่งออกที่ได้รับการอนุมัติไปเลือกคลังสินค้าที่ต้องการเอง ซึ่งการไม่กำหนดคลังสินค้าดังกล่าว อาจทำให้รัฐบาลเสียหาย เพราะผู้ซื้อจะไปเลือกคลังที่ดีที่สุด แต่จ่ายในราคาถูก ทั้งๆ ที่รัฐบาลควรจะขายได้ในราคาสูง ไม่ใช่ราคาเฉลี่ยเหมือนทุกคลัง
     การอนุมัติขายแบบไม่ระบุคลังสินค้า เห็นได้จากหนังสือที่กรมการค้าต่างประเทศส่งถึงบริษัทเอ็มทีฯ ลงเลขที่ พณ.0307/157 วันที่ 22 ก.ย.2553 ในเนื้อหาระบุบริษัทเอ็มทีฯ ไม่ได้มีการระบุชื่อคลังสินค้าและปีการผลิตข้าวเปลือกของรัฐบาล จึงเป็นการตกลงระหว่างบริษัทและองค์การคลังสินค้า (อคส.) ในการเลือกคลังเพื่อทำสัญญาซื้อขาย ทั้งๆ ที่หน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศจะต้องระบุคลังสินค้าที่จะขายให้กับเอกชนอย่างชัดเจน
     ส่วนการขายข้าวสต๊อกรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับอินโดนีเซีย 5 หมื่นตัน ในส่วนของการปรับปรุงคุณภาพข้าวนั้น มีกระแสข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์เตรียมใช้ข้าวในสต๊อกรัฐบาลจ่ายเป็นค่าปรับปรุงคุณภาพให้กับเอกชนที่จะเข้ามารับปรับปรุงแทนการจ่ายเป็นเงิน โดยให้เลือกคลังสินค้าด้วยตนเองเช่นกัน(ผู้จัดการ 02112553)


#66 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:09

 

554934_437447273001164_1403343313_n.jpg

165216.jpg

 

 

 

คุณจะเอารูปพรทิวาไปเจอกับคนโน้นคนนี้มาให้ดู มันก็ไม่ได้ทำให้การทุจริตข้าวสมัย ปชป มันหายไปได้หรอกครับ

คุณต้องทำอย่างที่คุณชอบอ้าง คือตรวจสอบการทุจริตเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ และอย่าเลือกพรรคที่คุณพบว่าโกงเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทยหรือ ปชป

 

คนโกงมันจึงจะหายไป

 

ไม่ใช่บอกว่าพรรคนี้โกงนิดเดียว อีกพรรคโกงเยอะ 

ผมบอกแล้วว่าศักยภาพในการโกงมันไม่เท่ากัน

เขาโกงน้อยเพราะเขายังมีศักยภาพไม่พอ ไม่ใช่เพราะเขาดีกว่า

หากเขามีศักยภาพพอ และเห็นลู่ทางที่คิดว่าปลอดภัย เขาก็โกงเยอะครับ


Edited by ไบกอนเหลือง, 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:13.


#67 HiddenMan

HiddenMan

    Long Live The King

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,023 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:11

:D ดีครับ สนับสนุนให้ลงโทษคนผิดครับ... แต่สุดท้ายถ้าออกมาไม่ผิด อย่าหาว่า 2 มาตรฐานแล้วกันครับ

รอดูเรื่อยๆ รวมถึงสต๊อกข้าวหอมมะลิเน่าๆเก่ากว่า 2 ปี กลายเป็นข้าวหอมมะลิชั้นดีที่ไตรรงค์ขายได้ยังไงด้วย


“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”  - Mahatma Gandhi

 

สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด

https://www.facebook...denman.serithai


#68 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:13

 

 

554934_437447273001164_1403343313_n.jpg

165216.jpg

 

 

 

คุณจะเอารูปพรทิวาไปเจอกับคนโน้นคนนี้มาให้ดู มันก็ไม่ได้ทำให้การทุจริตข้าวสมัย ปชป มันหายไปได้หรอกครับ

ผิดก็ผิด มันไม่ได้ทำให้ทุจริตมันหายไปหรอก แต่มีคนเป่าคดีได้นะ เพราะไอ้เม้งพ่อนังพรทิวา มันเป็นเพื่อนกับไอ้แม้ว  :D



#69 ไบกอนเหลือง

ไบกอนเหลือง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 514 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:19

 

 

 

 

คุณจะเอารูปพรทิวาไปเจอกับคนโน้นคนนี้มาให้ดู มันก็ไม่ได้ทำให้การทุจริตข้าวสมัย ปชป มันหายไปได้หรอกครับ

ผิดก็ผิด มันไม่ได้ทำให้ทุจริตมันหายไปหรอก แต่มีคนเป่าคดีได้นะ เพราะไอ้เม้งพ่อนังพรทิวา มันเป็นเพื่อนกับไอ้แม้ว  :D

 

 

ถึงคุณเอาผิดทางกฎหมายเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องรับรู้พฤติกรรมการโกงกินของทุกพรรค และเลิกตรรกะปัญญาอ่อนแบบไร้เดียงสาที่ว่าพรรคนี้โกงน้อย จึงเลวน้อยกว่าพรรคโน้น แล้วใช้วิจารณญาณในการเลือกตั้ง เลิกคิดว่าคุณฉลาดกว่าคนอีกสีเสื้อเพราะคุณเลือกพรรคที่โกงน้อยกว่า



#70 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:26

 

คลิปสั้นเขาทำมาแบบเข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องฉลาดมากมายก็เข้าใจได้

 

เขาทำกันง่ายๆ อย่างงี้เลยครับ ไม่ต้องไปหาข้าวมาจากเขมรหรือจากพม่า ไม่ต้องเสียเวลาปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวเอามาจำนำ แค่บอกว่าจะเอากี่ไร่ เงินผมและเงินคุณก็ลอยไปเข้ากระเป๋าเขาแล้ว

 

ร่วมขุดคุ้ยกันครับ อย่าปล่อยให้ผ่านไปเพียงเพราะเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว

อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

 

 

ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ นพดล เยาวภา ณัฐวุฒิ จตุพร ธิดา เหวง ก่อแก้ว แกนนำไพร่เสื้อแดง เสี้ยมสอน'ไบกอนเหลือง' คิดอย่างนี้หรือ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#71 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:30

 

 

554934_437447273001164_1403343313_n.jpg

165216.jpg

 

 

 

คุณจะเอารูปพรทิวาไปเจอกับคนโน้นคนนี้มาให้ดู มันก็ไม่ได้ทำให้การทุจริตข้าวสมัย ปชป มันหายไปได้หรอกครับ

คุณต้องทำอย่างที่คุณชอบอ้าง คือตรวจสอบการทุจริตเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ และอย่าเลือกพรรคที่คุณพบว่าโกงเข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทยหรือ ปชป

 

คนโกงมันจึงจะหายไป

 

ไม่ใช่บอกว่าพรรคนี้โกงนิดเดียว อีกพรรคโกงเยอะ 

ผมบอกแล้วว่าศักยภาพในการโกงมันไม่เท่ากัน

เขาโกงน้อยเพราะเขายังมีศักยภาพไม่พอ ไม่ใช่เพราะเขาดีกว่า

หากเขามีศักยภาพพอ และเห็นลู่ทางที่คิดว่าปลอดภัย เขาก็โกงเยอะครับ

 

 

 

ไบกอนเหลืองเห็นว่าศักยภาพของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เยาวภา บุญทรง กิตติรัตน์ ณัฐวุฒิ จตุพร ......ฯลฯ ห่างชั้นจากพรทิวา สมศักดิ์ ........................ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#72 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:32

 

 

 

 

 

คุณจะเอารูปพรทิวาไปเจอกับคนโน้นคนนี้มาให้ดู มันก็ไม่ได้ทำให้การทุจริตข้าวสมัย ปชป มันหายไปได้หรอกครับ

ผิดก็ผิด มันไม่ได้ทำให้ทุจริตมันหายไปหรอก แต่มีคนเป่าคดีได้นะ เพราะไอ้เม้งพ่อนังพรทิวา มันเป็นเพื่อนกับไอ้แม้ว  :D

 

 

ถึงคุณเอาผิดทางกฎหมายเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องรับรู้พฤติกรรมการโกงกินของทุกพรรค และเลิกตรรกะปัญญาอ่อนแบบไร้เดียงสาที่ว่าพรรคนี้โกงน้อย จึงเลวน้อยกว่าพรรคโน้น แล้วใช้วิจารณญาณในการเลือกตั้ง เลิกคิดว่าคุณฉลาดกว่าคนอีกสีเสื้อเพราะคุณเลือกพรรคที่โกงน้อยกว่า

 

ใครโกง ก็ติดคุกสิคุณ แต่ไม่ใช่ มันโกงก็บอกว่า อีกพรรคก็โกง เพื่อจะแก้ต่างให้พรรคที่ตัวเองชอบ มีสิทธิ์ที่จะโกงได้ เพราะอีกพรรคก็มีคดีโกงเหมือนกัน กร๊าก :D 

 _conceal.JPG



#73 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 22:17

โอ้ววววววววววววววววว

 

ปลากินเบ็ตละ

 

แต่รอพรุ่งนี้เช้า ดีกว่า

 

อิอิ


ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#74 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:21

"ธาริต"สรุปผลสอบคดีทุจริตระบายข้าว โยง"ไตรรงค์-พรทิวา" ส่อผิดฮั้วประมูลเอื้อประโยชน์ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 ราย ทำรัฐเสียหาย

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ(กขช.)กำหนดให้ระบายสต๊อกข้าวโดยไม่ประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตลอดเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกข้าวเพียง 9 รายและการระบายข้าวเก่าค้างสต๊อกเป็นอาหารสัตว์ก็เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งถือเป็นการเจตนาไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึงดีเอสไอเคยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบและส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ไต่สวนแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะได้รวบรวมข้อมูลส่งให้ป.ป.ช.เพิ่มเติม

"สำหรับการตรวจสอบพบรายละเอียดว่านายอภิสิทธิ์มีโครงการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลโดยเลือกวิธีให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวในปริมาณมากเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายซึ่งวิธีการดังกล่าวต้องมีการประมูลหรือแข่งขันราคาอย่างเปิดเผย ต่อมานายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ถูกบีบให้ลาออก และมีการประกาศยกเลิกการประกวดราคา โดยอ้างว่ามีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางมาก หากขายข้าวจะทำให้รัฐขาดทุนสูง ต่อมานายมนัส สร้อยพลอย เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศแทนนายวิจักร และเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย อดีตรมว.พาณิชย์ และนายไตรรงค์ ให้เปลี่ยนวิธีจากการประมูลมาเป็นให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศในปริมาณมากยื่นคำเสนอขอซื้อ โดยไม่ต้องออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปการซื้อขายจะใช้วิธีเจรจากับผู้ส่งออกเป็นรายๆไป โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ซื้อต้องนำข้าวออกนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วัน"นายธาริต กล่าว

นายธาริต กล่าวต่อว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2553 มีการเจรจาทำสัญญาขายข้าวกับเอกชน 9 ราย จากบัญชีผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 199 ราย โดยมีการระบายข้าวออกจากสต๊อก 3.4 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทเอกชนคู่สัญญาหลายรายไม่นำข้าวออกไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักรคิดเป็นปริมาณมากกว่า 900,000 ตัน หรือร้อยละ 25 ของปริมาณข้าวในโครงการระบายข้าว สันนิษฐานว่ามีการนำข้าวกลับมาขายในประเทศทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ รัฐบาลควรได้รับค่าปรับจากการผิดสัญญาไม่น้อยกว่า 2,700 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดบังคับเอาค่าปรับกับเอกชนที่ผิดสัญญา ในส่วนของการระบายข้าวค้างสต๊อกเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์ก็ได้มีการพิจารณาจำหน่ายให้บริษัท หนองลังกาฟาร์ม รายเดียวจำนวนกว่า 8,000 ตัน ในราคาตันละ 5,400 บาท มูลค่าประมาณ 47 ล้านบาท โดยผู้แทนบริษัท หนองลังกาฟาร์ม คือ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันถูกร้องเรื่องทุจริตการรับจำนำข้าว นายธาริต กล่าวว่า การรับจำนำข้าวมีหลายมิติ ที่ผ่านมาจากการสืบสวนพบมีการทุจริตในระดับพื้นที่และสต๊อกข้าว 4-5 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินคดีมีการดำเนินคดีเป็นรายย่อยและมีการส่งสำนวนให้ป.ป.ช.ไปแล้ว ระหว่างนี้ดีเอสไอร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินสายให้ความรู้ประชาชนและเกษตกรให้รู้เท่าทันกลโกงของโรงสี

ด้านพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.มีความเกี่ยวโยงถึงนายไตรรงค์ เนื่องจากการสอบสวนพบหลักฐานข้อมูลเป็นคำสั่งอนุมัติ เอกสารสัญญาและมติเห็นชอบของนายไตรงรงค์ซึ่งดีเอสไอได้สอบปากคำไว้แล้ว โดยนายไตรรงค์ให้การยอมรับว่าไม่มีการเปิดประมูลเพราะต้องการให้เสนอซื้อในทางลับเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำแต่ดีเอสไอมองว่าราคาซื้อขายต้องอ้างอิงกับราคาตลาดโลก รัฐบาลจึงต้องเปิดเผยการขาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าขาดความเป็นธรรม ที่สำคัญการเจรจาขายในทางลับไม่ช่วยให้รัฐขายข้าวได้ราคาดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะประธานกขช.เกี่ยวข้อง เพราะมีการตัดตอนให้เป็นอำนาจของรองประธานกขช.และรมว.พาณิชย์

 

 

55555555555555555

 

โถ ไบกอนเหลือง

 

ถ้าไอ้ริดสีดวง มาสอบสวนเรื่องการโกงข้าวแบบนี้ตอนนี้บ้าง

 

นังยกตกเก้าอี้ไปแล้ว

 

นี้ๆๆไบกอน ที่ยกข่าวนี้มาให้อ่านไม่อายบ้างรึวะ

 

คือ แบบว่ามันเข้าตัว พท.ทั้งนั้นเลยนะ

 

พท.ขายข้าวไม่ออก

 

จึงสั่งให้ไอ้ริดสีดวง ออกมากระพือข่าวว่า ปชป โกงขายข้าว


ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว




ผู้ใช้ 3 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 3 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน