โคตรโกง เดอะซีรี่ย์ 1…เปิดเส้นทางโกง ปชป.-ภูมิใจไทย ร่วมมือร่วมใจ ทุจริต “ข้าว” !
สถานการณ์การตรวจสอบเรื่องการระบายข้าว กำลังเข้มข้น โดย “พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” ที่ขึงขังทำต่อเนื่องมาตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นหัวหอกนำ “ฝ่ายการเมือง”
แนวรุกด้านสื่อ ก็มี “สำนักข่าวเนชั่น-สถาบันอิศรา” และเครือข่าย ปชป. ที่พยายามกระพรือโหม
แต่ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่พยายามเร่งเร้าว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ปัจจุบัน แต่ดูเหมือนจะลืมไปว่า “สมัย ปชป.” เป็น “รัฐบาล” ก็สร้างวีรกรรม กินนิ่มกับ “การระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล” ไว้เอาไว้มากกว่าเสียอีก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 เว็บไซด์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ของเครือเนชั่น ลงข่าวพาดหัวว่า “เปิดคำร้องเพื่อไทย ฮั้วประมูลข้าวรัฐบาล ปชป.” แล้วบรรยายข่าว เป็นเนื้อหาคำร้องของ ส.ส.เพื่อไทย ที่ยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบกรณีการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงปี 2552-2553 ซึ่งมีการดำเนินการเป็นความลับ และส่อว่าจะมีการทุจริต ทั้งสิ้น 7 ประเด็น
ซึ่งถ้าพี่น้อง สนใจก็สารมารถลองไปค้นหา ติดตามอ่านกันรายละเอียดกันได้
แต่ที่ Siamleaks สนใจในคำร้อง 7 ประเด็น ที่มีการยื่นไปที่ดีเอสไอไป คือข้อมูลการจำหน่ายข้าวให้กับ “หนองลังกาฟาร์ม” ที่มีการระบุว่า “น.ส.เสาวลักษณ์ เย็นใส” เป็นลูกจ้างของ “นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของ “พรทิวา นาคาศัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายข้าว ครั้งนั้น
โดยการขายข้าว ครั้งนั้นเป็นการขายที่ถูกมาก ในราคาเพียง 5,400 บาทต่อตัน (ในขณะที่ราคาข้าวในขณะนั้นน่าจะขายได้สูงถึงประมาณ 12,000 บาทต่อตัน)
Siamleaks อ่านแล้วหมั่นเขี้ยวในใจ เพราะข้อมูลที่มีอยู่ในมือนั้นชัดเจนเห็นว่า “ใคร” เป็น “ใคร” ที่เข้ามาระทำการ “ทุจริต” อย่างไร ???
จึงขอนำเรื่องนี้มาเสนอให้ พี่-น้อง ได้เห็นตื้นลึกหนาบางว่ากระบวนการ โกง-กิน กระทั่ง “ข้าว” ของชาวนากระดูกสันหลังของชาติ ที่แท้จริง
และเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า มีการกระทำการ “ทุจริต” กันอย่างไร จึงขอนำเสนอเป็นครั้งๆ และแต่ละครั้ง ก็เป็นแต่ละรายกรณีไป
โดยครั้งนี้ Siamleaks ขอนำเสนอ กรณีศึกษาการระบายข้าวสารให้กับ “หนองลังกาฟาร์ม” ซึ่งถือเป็นเพียง “เศษเสี้ยวหนึ่ง” ในการ “ทุจริตครั้งมโหฬาร” !!
“หนองลังกาฟาร์ม” นั้นจดทะเบียนจดตั้งบริษัทกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ประกอบกิจการเลี้ยงหมู อยู่ในจังหวัดราชบุรี มากว่า 15 ปี แบบไม่มีบทบาทางการเมือง
แต่ “หนองลังกาฟาร์ม” กลับกลายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทใน “โครงการระบายพืชผลทางการเกษตร ของกระทรวงพาณิชย์” ในสมัย”รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” ที่มี “พรทิวา นาคาศัย” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (พรรคร่วมรัฐบาล) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แทบทุกรายการ
โดยงานที่ “หนองลังการฟาร์ม” เข้าไปมีบทบาทก็คือ การระบายมันเส้น จำนวน 250,251.26 ตัน ซึ่งเอกชนที่ได้รับอนุมัติให้ เข้ามารับซื้อสินค้า จำนวน 3 ราย คือ หนองลังกาฟาร์ม และไพรสะเดาฟาร์ม จำนวน 7.4 หมื่นตัน และบริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด จำนวน 175,989.92 ตัน รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท ครั้งหนึ่งแล้ว
จากนั้น ฟาร์มหนองลังกาฟาร์ม ก็กลายเป็นเอกชนเพียงรายเดียว ที่ยื่นขอเสนอซื้อ “ข้าวสารเก่าในสต็อกรัฐบาล” ซึ่งประกอบด้วยข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ นาปี 2544/45 ข้าวหอมมะลิ 100 เปอร์เซ็นต์ชั้น 2 นาปีปี 2547/48 และข้าวขาว 25 เปอร์เซ็นต์ นาปรัง ปี 2548 รวมทั้งสิ้น 8,953 ตัน โดยเสนอขอซื้อข้าวสารทุกชนิด ในราคา 5,400 บาทต่อตัน ในวันที่ 5 สิงหาคม 2553
ให้หลังเพียง 1 วัน ก็มีการส่งเรื่องให้นางพรทิวา รับทราบในวันที่ 6 สิงหาคม 2553 และนางพรทิวา ได้อนุมัติให้มีการจำหน่าย ในวันที่ 9 สิงหาคม 2553 จากนั้นนำเสนอต่อไปยังนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี และรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) )ให้เห็นชอบ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553
เบ็ดเสร็จ “หนองลังกาฟาร์ม” ทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า ซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล รวมทั้งสิ้น 8,882 ตัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 47,963,395.62 บาท
ซึ่งถ้าคิดเอาว่า ขายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลได้ในราคา 12,000 บาทต่อตัน จะทำให้ “รัฐ” มีรายได้ 106,584,000 บาท
เมื่อหักลบกลบหนี้ จากตัวเลขทั้งหมด ก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่า การระบายข้าวครั้งนี้ เฉพาะในส่วนของ “หนองลังกาฟาร์ม” ก็ทำให้สูญไปประมาณ 58 ล้านบาท !!!
โดย “หลังฉาก” ความเสียหายมโหฬาร จากเหตุการณ์ระบายข้าวที่สวยหรู ครั้งนี้ Siamleaks พบตรวจสอบพบว่า “หนองลังกาฟาร์ม” เป็นบริษัท ในเครือบริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด ซึ่งมี “นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา” และ “นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
จุดสำคัญของเรื่องทั้งหมด อยู่ที่ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” นั้นได้รับการแต่งตั้งจาก “คณะรัฐมนตรี” ที่มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั่งหัวโต๊ะเป็น “นายกรัฐมนตรี” เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 ให้เป็น “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พรทิวา นาคาศัย)”
ในส่วนของ “วิวัฒน์ นิติกาญจนา” นั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลในทางการเมือง เพราะรู้จักกันในนาม “กำนันตุ้ย” มือขวา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา ใน “พรรคภูมิใจไทย”
โดยครั้งหนึ่ง “กำนันตุ้ย” คนนี้ เคยนั่งในตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย” ที่มี “อนงค์วรรณ เทพสุทิน” ภรรยาของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นหัวหน้าพรรค
นอกจากนี้ “วิวัฒน์” หรือ “กำนันตุ้ย” ยังเป็นสามีของ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย !!!
พูดมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคนบอกว่า แล้วมันเกี่ยวข้องกับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นและพรรคประชาธิปัตย์ ตรงไหน ???
คำตอบก็คือ มติ ครม. เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 ที่รับทราบกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินการระบายข้าวตามโครงการแทรกแซงของรัฐบาลที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เสนอ และเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวกำหนดหลักเกณฑ์และกรอบยุทธศาสตร์ รวมถึงปริมาณการจำหน่ายด้วยความระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาวะราคาตลาด และให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารเป็นผู้ดำเนินการและนำเสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารพิจารณาอนุมัติ แล้วเสนอ ประธาน กขช. (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี)หรือ รองประธาน กขช. (ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี) พิจารณาให้ความเห็นสอบก่อนลงนามสัญญา
ซึ่งชัดเจนว่า “อำนาจ” ในการให้ความเห็นชอบจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาล นั้นไม่ใช่เพียงแค่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” จาก “พรรคภูมิใจไทย” ที่สามารถตัดสินใจได้ตามอำเภอใจ
แต่ทั้งหมด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี จาก “พรรคประชาธิปัตย์” ในฐานะประธาน กขช. และ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” รองนายกรัฐมนตรี จาก “ประชาธิปัตย์” ในฐานะ “รองประธาน กขช.” รู้เห็นด้วยในทุกขั้นตอน !
จึงไม่น่าจะมีทางที่ “ประชาธิปัตย์” จะปล่อยให้ “ภูมิใจไทย” อิ่มหนำสำราญ ไปคนเดียวแน่ๆ !!!