โดยปกติ การถกเถียง หมายถึงการนำข้อมูล เหตุผล มาประชันกัน
รวมถึงความเชื่อด้วย
แพ้ชนะ อาจวัดกันด้วยความถูกต้องของข้อมูลนั้นๆ ที่ได้ผ่านการพิสูจน์
หลายครั้ง ที่ข้อมูลใดๆ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์
จึงยังผลให้เรายังสามารถถกเถียงกันต่อไป จนกว่าจะจนด้วยหลักฐาน
หรือหลบหายกันไป เมื่อไปต่อด้วยสิ่งที่เราเชื่อไม่ได้
ดังเช่นเหล่ากากบางตน ที่ตั้งกระทู้แล้วหาย
เมื่อเพื่อนสมาชิกนำข้อมูลมาหักล้างไปได้
เว้นแต่นายลี
การต้องการเอาชนะ เพียงเพื่อหวังชนะ หวังความสะใจ
และมักนำเสนอด้วยข้อมูลด้านเดียว และัเป็นด้านเดียวจริงๆ
คือการไม่ยอมรับ ไม่รับรู้ใดๆ กับข้อมูลอีกด้าน
ต่างกับแดงบางคน ที่เหมือนจะได้อ่านและจนด้วยหลักฐาน จึงหายไป
แต่นายลี ทำได้แค่แต่เถียงเอาตัวเองเข้าว่า
เอาสีข้างเข้าถู โดยหาได้สนใจในการตอบโต้ใดๆ เว้นแต่เรื่องที่ตนเองกำลังพูด
ซึ่งแม้หัวข้อกระทู้จะไม่ตรงกับเรื่องของเขา เขาก็ยังคงตะแบบงไปสู้เรื่องของเขาแต่เพียงอย่างเดียว
บึคคลที่เป็นเช่นนี้ ผมคิดว่ามีอาการทางจิตครับ
คนพวกนี้ หวังที่จะเอาชนะผู้อื่นเสมอ
โดยเฉพาะกลุ่มที่เขาดูแคลนเอาไว้
เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อคนกลุ่มนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
(นิสัยนี้ จะคล้ายอีกลอคอินนึง ที่พวกคุณก็รู้ว่าใคร)
จึงต้องพยายามหาทางถกเถียงอย่างไรก็ได้ ให้ตนเองได้ชนะ
โดยแท้แล้ว เขาแทบไม่ได้สนใจประเด็นใดๆ ที่ถกกันเสียด้วยซ้ำ
หากแต่เพียงเพื่อชนะเท่านั้น
น่าขำเพิ่มเติมไปอีก ตรงที่ว่า
เมื่อเขามองว่าเขาเหนือกว่า เขาจะไม่มีวันที่จะกลับเข้ามาอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
เพราะนั่น เท่ากับเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ ยอมรับความผิดที่ได้กระทำ
ครั้งแรกๆ เขาจึงเข้ามาด้วยอวตารเดิมๆ คือหมาป่า (คล้ายอีกลอคอินนึง ที่คุณก็รู้ว่าใคร)
แม้หลังๆ จะไม่ได้ใช้ แต่ก็ยังคงรูปแบบความคิด การสื่อสาร
รวมถึงอีโม ที่ใช้เป็นประจำ
เพื่อคงแสดงตัวตนของเขาอยู่ ให้ได้รู้ว่าเป็นเขา และที่กลับมา เพราะฉันไม่ได้พ่ายแพ้นะ
ทีนี้ จะทำอย่างไรได้ล่ะ
จะหายไปเลย ที่นี่ก็คงจะยังพูดถึงในฐานะคนขี้แพ้
ถ้าเข้ามา แต่แปลงเปลี่ยนวิธีการเพื่อให้คนจำไม่ได้
เขาก็ยังคงจะรู้สึกถึงความพ่ายแพ้นั้นได้อยู่ดี
จึงจำใจต้องประกาศความเป้นตัวเองกลายๆ ด้วยคำพูดบ้าง อีโมบ้าง
โดยต้องยอมลำบากสมัครใหม่มาเรื่อยๆ โดนแบนไปครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อโอกาสจะได้เป็นผู้ชนะสักครั้งนึง
แม้จะเป็นการเปิดตัวว่าเชียร์ฝ่ายทักษิณ เอาข้อมูลมาจากแหล่งเสื้อแดง
ก็ต้องเอามา เพื่อให้ได้ชัยชนะกลับไป
นี่คือลักษณะนิสัยของคนที่มองตัวเองเป็นดวงอาทิตย์โดยแท้จริง
หรืออาจวิเคราะห์ได้ว่า เด็กๆ อาจเคยเป็นระดับออทิสติกส์เล็กๆ
เพราะเด็กที่เป็นเกือบๆ ออทิสติกส์หลายคนที่ผมเคยเห็น
มักมีวิีธีการคิดเช่นนี้ วิธีการเช่นนี้ ในสเกลที่เด็กลง
และเชื่อเถอะ
เดี๋ยวมันก็กลับมา