Jump to content


Photo
- - - - -

ช้าไป 3 ปี : กสม.ชี้ชัด นปช.ชุมนุมเกินขอบเขต รธน.ใช้เด็ก-สตรีโล่มนุษย์ “อภิสิทธิ์” บกพร่องดูแลประชาชน


  • Please log in to reply
19 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:49

 http://www.manager.c...D=9560000098567

 

วันนี้ (8 ส.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม.ที่มี นางอมรา พงศาพิชญ์ เป็นประธาน ได้มีการเผยแพร่ผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. 53 - 19 พ.ค. 53 หลังใช้เวลาการตรวจสอบเกือบ 2 ปี โดยรายงานดังกล่าวมีทั้งสิ้น 92 หน้า เนื้อหาแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1.ความเป็นมา 2.บทบาท อำนาจ หน้าที่ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อจำกัดในการทำงาน 3.รัฐธรรมนูญ กฎหมายไทย พันธกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งประกาศ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง 4.การดำเนินการตรวจสอบ พร้อมความเห็นในแต่ละเหตุการณ์ 5.บทสรุป และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

       
       ทั้งนี้ สาระสำคัญของรายงานดังกล่าว อยู่ในส่วนที่ 4 การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในแต่ละเหตุการณ์ พร้อมความเห็นใน 8 กรณี คือ 1.กรณีสถานการณ์ก่อนวันที่ 7 เม.ย. 2553 ที่กลุ่ม นปช.ได้มีการเคลื่อนขบวนออกจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ไปยังสถานีดาวเทียมไทยคม ปิดล้อมและบุกเข้าอาคารรัฐสภา กสม.เห็นว่าการชุมนุมของ นปช.ตั้งแต่วันที่ 12-16 มี.ค. 53 เป็นการชุมนุมโดยสงบ อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีการขยายพื้นที่ชุมนุม มีการเคลื่อนตัวไปยังบริเวณราชประสงค์ พร้อมแสดงแนวโน้มการชุมนุมที่ไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด ความเดือดร้อนปรากฏโดยทั่วเป็นเวลาเนิ่นนานเกินความจำเป็น ส่งผลต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การใช้กำลังความรุนแรงเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้อง การชุมนุมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการชุมนุมที่อยู่นอกเหนือขอบเขตที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองคุ้มครองไว้
       
       2.กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.ในวันที่ 7 เม.ย. 2553 และกรณี ศอฉ.สั่งระงับการออกอากาศสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนล และสั่งระวังการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเทอร์เน็ตบางส่วน กสม.เห็นว่าภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ได้เกิดเหตุหลายครั้ง โดยเฉพาะการระเบิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง ตลอดเดือนมีนาคม ไปถึง เดือนเมษายน 35 อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข เป็นเหตุให้รัฐต้องขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ออกไปอีก 2 ช่วง และกลุ่ม นปช.เริ่มขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณราชประสงค์ และพื้นที่ต่างๆ จึงเห็นว่าการที่นายกฯโดยความเห็นชอบของ ครม.ใช้อำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขต กทม.และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมออกประกาศคำสั่งต่างๆ เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงเป็นกากรระทำที่อยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ และเมื่อพิจารณาเจตนารมณ์การใช้มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดผลต่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลกระทบที่มีต่อบุคคลที่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ จึงถือว่าเป็นความจำเป็นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นการใช้อำนาจตามขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สามารถทำได้
       
       ส่วนการสั่งระงับการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนล และสั่งระงับสื่อสิ่งพิมพ์และอินเทอร์เน็ต นั้น เห็นว่าการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของสื่อ อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายให้ไว้ โดยก่อนหน้าที่จะมีการสั่งระงับการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวได้มีการเผยแพร่สัญญาณ ภาพ เสียง การชุมนุมของกลุ่ม นปช.มาก่อนที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ลักษณะการถ่ายทอด การปราศรัยของแกนนำเป็นการยั่วยุปลุกระดมมวลชนให้ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งรัฐไม่ได้มีมาตรการใดๆ เพื่อระงับเหตุหรือแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว จึงถือว่ารัฐมีความบกพร่องในการควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขาดการวางแผนที่ดีพอ และป้องกันแก้ไขสถานการณ์ ส่วนการปิดเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์นั้น เห็นว่าเป็นการกระทำละเมิดเสรีภาพในการเสนอข่าว หรือแสดงความคิดเห็นของบุคคลหรือสื่อมวลชนเกินกรณีจำเป็น เพราะแม้รัฐจะใช้วิธีการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเขาถึงข้อมูล แต่ไม่ถึงขั้นปิดกิจการสื่อมวลชน แต่รัฐก็ไม่มีการแยกแยะเนื้อหาสาระว่าเนื้อหาใดในเว็บไซต์มีผลกระทบหรือไม่กระทบต่อความมั่นคง ทำให้ข้อมูลบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องถูกปิดกั้นไปด้วย แม้เมื่อมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว บางเว็บไซต์ยังถูกปิดกั้นอยู่
       
      (ต่อ)


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#2 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:50

 3.กรณีการชุมนุมและการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับ นปช.เห็นว่าการชุมนุมของ นปช.เป็นการชุมนุมเกินขอบเขต แสดงออกถึงพฤติกรรมที่ไม่ใช่วิธีการปกติ เช่น บุกยึดรัฐสภา ปิดถนน ค้นรถประชาชน ขู่ บุก ยึดและเผาศาลากลางจังหวัด และมีการปรากฏตัวของชายชุดดำฉวยโอกาสทำให้สถานการณ์วุ่นวายด้วยการใช้อาวุธสงคราม เครื่องยิงระเบิด มีคนบาดเจ็บล้มตาย ทรัพย์สินราชการเสียหาย ซึ่งแกนนำมีหน้าที่ต้องระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาแทรกแซงใช้ความรุนแรง เพื่อให้การชุมนุมกลายเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ ลุกลามไปสู่ความรุนแรง แต่กลับพบว่ามีการใช้อาวุธสงครามที่ร้ายแรง และจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถาการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการใช้และปิดกั้นพื้นที่เป็นการกระทำที่เกินกว่าความจำเป็น จึงถือเป็นการใช้สิทธิเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญประกาศไว้ และในบางสถานที่มีการใช้เด็ก สตรี เป็นโล่มนุษย์ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ขาดความระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก สตรี จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่อยู่นอกเหนือที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ส่วนการสลายการชุมนุม การสั่งยุติการชุมนุม การขอคืนพื้นที่ของรัฐนั้น เบื้องต้นรัฐบาลได้ดำเนินการตามที่ประกาศไว้ก่อนที่จะมีการรุกคืบเข้าปิดล้อมพื้นที่ โดยใช้การเจรจาประกาศเตือน ใช้มาตรการที่ประกาศไว้ คือ โล่ กระบอง น้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนดไว้
       
       แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มชุมนุมใช้เด็ก สตรี เป็นโล่มนุษย์ ใช้ไม้ปลายแหลม ก้อนอิฐตัวหนอน โดยพยานยืนยันว่าผู้ชุมนุมใช้อาวุธปืนทำการต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ มีกลุ่มชายชุดดำที่มีอาวุธพร้อมใช้ความรุนแรงได้ตลอดเวลาปะปนอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ทหารจึงมีความจำเป็นป้องกันตนเอง และผู้อื่นให้พ้นจากภยันตรายที่จะเกิดขึ้น โดยไม่สามารถใช้วิธีป้องกันอย่างอื่นได้

 

     แต่แม้จะรับฟังได้ว่าเป็นการป้องกันตนเองและบุคคลอื่นให้พ้นจากภยันตรายต่อชีวิตและร่างกาย และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดอาญาร้ายแรงเพื่อกระทำการจับกุมผู้กระทำอันตราย หรือต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานก็ตาม แต่ต้องไม่ทำเกินกว่าเหตุ นอกเสียจากไม่สามารถใช้มาตรการอื่นแทนได้ แต่การกระทำที่เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก การกระทำของรัฐจึงเป็นการกระทำโดยประมาท ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดที่รับไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และเมื่อรัฐมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน ตามรัฐธรรมนูญและกกหมายอื่นจึงต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากความประมาณนั้น ตลอดจนดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามความเหมาะสมแก่ผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวให้ครบถ้วน ทั่วถึงอย่างแท้จริง ทั้งในส่วนผู้ชุมนุมเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนบาดเจ็บเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ที่เป็นผลมาจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งรัฐมีหน้าที่ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
       
       นอกจากนี้เหตุระเบิดในที่ชุมนุมในพื้นที่เขตทหาร ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงจากภาพและพยานว่ามีการชี้เป้าก่อนนั้น แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนเพื่อฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในที่ประชุมในวันนั้นเป็นผลให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และสิบโทภูริวัฒน์ ประพันธ์ ถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำผิดอาญาฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งรัฐจะต้องดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมถึงสอบสวนหาที่มาของอาวุธร้ายแรงต่างๆ ที่ใช้ในการชุมนุมเพื่อดำเนินการต่อไป 

 

     ส่วนการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น สำนักข่าวรอยเตอร์ กสม.ไม่ได้มีการวินิจฉัย เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับไปสอบสวนแล้ว เช่นเดียวกับกรณีการเสียชีวิตของกลุ่ม นปช.ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย อย่างไรก็ตามกรณีชายชุดดำ กรณีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้สื่อข่าว และประชาชนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทุกราย รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินได้รับความเสียหายรัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้หลักวิชาตามกำลังความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่ไม่เลือกปฏิบัติ โดยควรดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้สังคมได้รับรู้ พร้อมลงโทษคนผิดตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อนำมาซึ่งความเป็นธรรมให้สังคม
       
       


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#3 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:52

4.กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตจากการยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่แยกศาลาแดงวันที่ 22 เม.ย.53 ซึ่งในจำนวนนี้มี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง รวมอยู่ด้วย เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการปฏิบัติดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณศาลาแดง แต่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรง จนเกิดเหตุยิ่งลูกระเบิดเอ็ม79 จนมีผู้เสียชีวิตนั้นเห็นว่าการปฏิบัติน้าที่โดยรัฐและเจ้าหน้าฝ่ายปฏิบัติไม่มีการวางแผนที่ดีพอในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และมีลักษณะที่อาจทำให้ถูกมองได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือได้ว่ารัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติเหตุการณ์ละเลยการละเมิดสิทธิมนุยชน ซึ่งรัฐบาลควรดำเนินการป้องกันสิทธิของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมให้มากกว่านี้ โดยจากเหตุความรุนแรงดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต1 ราย บาดเจ็บ 100 คน ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีการกระทำความผิดตามกกหมายอาญาเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอยสวนคดีพิเศษ มีหน้าที่ต้องสืบสวน สอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีและรับโทษตามกฎหมาย
       
       ส่วนการชุมนุมของผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิ์เกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีพยานหลักฐานแสดงให้เชื่อได้ว่าการชุมนุมของกลุ่มนปช.เป็นการชุมนุมให้เกิดผลความรุนแรง บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย โดยในคืนวันที่ 22 เม.ย.53 มีพยานบุคคลที่เห็นว่าลูกระเบิกเอ็ม79 ถูกยิงมาจากทิศทางและบริเวณที่กลุ่มนปช.ใช้เป็นที่ชุมนุม  และยังมีพยานบุคคลได้ยินแกนนำกลุ่มนปช.ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงในทำนองที่ทำให้เข้าใจได้ว่าแกนนำของกลุ่มนปช.รับรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีเหตุการณ์อันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวในช่วงระยะเวลาอันใกล้  ซึ่งภายหลังปรากฏว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการจับกุม นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ คนสนิท ของเสธแดง โดยที่คดีดังกล่าวนายเจ็มส์ไม่รับสารภาพ และคดียังอยู่ระหว่างศาลอาญา จึงเห็นได้ว่าในเหตุการณ์นี้การชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่แยกศาลาแดง มีกาการกระทำ ร่วมมือ ให้การสนับสนุนให้มีกากรระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลในชีวิต ร่างกาย และสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อสิทธิเสรีภาพต่อบุคคลที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ

 

    การชุมนุมของกลุ่มนปช.ในเหตุการณ์นี้จึงเป็นการชุมนุมที่เกินกว่าสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง เพราะไม่ได้เป็นการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธ ทั้งยังเป็นการชุมนุมที่มีการกระทำผิดกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องหลายประการ ตลอดจนผลของความเดือดร้อนเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ถือได้ว่าการชุมนุมของกลุ่มนปช.มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม
       
       


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#4 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:52

5.กรณีผู้ได้รับการบาดเจ็บเสียชีวิต บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติวันที่ 28 เม.ย.53 เห็นว่า การที่รัฐใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสกัดกั้นขบวนของกลุ่ม นปช.ที่เคลื่อนขบวนจากสี่แยกราชประสงค์เพื่อไปรวมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่ตลาดไท แม้ ศอฉ.จะชี้แจงว่าเป็นการกระทำที่กฎหมายให้อำนาจไว้ โดยมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และการดำเนินการใช้กฎหมายแบบเบาไปหาหนักก็ตาม แต่ผลการปะทะกันระหว่าง นปช.กับเจ้าหน้าที่ทหารในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 ราย จากอาวุธปืน ประชาชน 16 รายและทหารอีก 3 นายได้รับบาดเจ็บ ก็ถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชนของประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
       
       ส่วนกรณีการเสียชีวิตของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละนั้น เมื่อกรณีเป็นการไตร่สวนในชั้นศาลแล้วว่า พลทหารณรงค์ฤทธิ์ ถูกยิงด้วยกระสุปืนความเร็วสูงที่ยิงจากอาวุธของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนั้น โดยผลของกระสุนปืนทำลายเนื้อเยื่อสมองเป็นเหตุให้ถึงความตาย กสม.จึงไม่อาจก้าวล่วงไปในประเด็นนี้ นอกจากนี้ความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นความผิดกฎหมายอาญาที่รัฐ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องสืบสวนหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษและรัฐต้องดำเนินการเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป
       
       6.กรณีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.บริเวณรอบโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และการเข้าไปค้นโรงพยาบาลจุฬาเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2553 กสม. เห็นว่า จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เป็นพยานกลางไม่มีส่วนได้เสียในการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่ม นปช.ระบุว่า กลุ่ม นปช.มีการขยายพื้นที่การชุมนุมจากแยกราชประสงค์มาถึงถนนราชดำริ บริเวณสวนลุมพินีและข้างโรงพยาบาลจุฬา ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ได้รับผลกระทบ ต่อมามีการตรวจค้นกระเป๋าผู้ที่เดินทางเข้าออกของโรงพยาบาล มีการใช้พื้นทีด้านหน้าตึก ภปร.เพื่อชุมนุมในเวลาค่ำคืน เป็นเหตุให้โรงพยาบาลต้องย้ายผู้ป่วย ออกจากอาคาร ภปร. และอาคาร สก. ดังนั้นการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในบริเวณที่ติดกับโรงพยาบาลจุฬา เป็นการใช้สิทธิในการชุมนุมที่มีขอบข่ายกว้างขวางเกินควร ทั้งที่ย่อมเล็งเห็นอยู่แล้วว่าการชุมนุมจะเป็นการบกวนความเป็นอยู่และอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วย อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิ เสรีภาพ ในชีวิตและร่างกาย สิทธิในการรับการบริการจากสาธารณสุข สร้างความหวาดกลัวความรู้สึกไม่ปลอดภัยในการเดินทางและปฏิบัติหน้าที่บุคคลากรทางการแพทย์ที่มีหน้าช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่นอันเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมด้วย
       
       ขณะที่เมื่อผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.บางส่วนบุกเข้าไปในโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นสิทธิและเสรีภาพในลักษณะก้าวล่วงบุคคลอื่น ซึ่งรัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งการที่รับปล่อยให้ผู้ชุมนุมเข้าไปก่อความเดือดร้อนภายในโรงพยาบาลส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าของบุคคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ถือได้ว่ารัฐละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย โดยการที่กลุ่ม นปช.ภายใต้การนำของนายภายัพ ปั้นเกตุ นายจตุพร พรมพันธ์ น.พ.เหวง โตจิราการ ที่ได้ขอเข้าไปตรวจค้นภายในโรงพยาบาล โดยอ้างว่ามีกลุ่มทหารซ่อนตัวอยู่ในอาคาร ภปร.ทั้งที่ผู้บริหารโรงพยาบาลได้พยายามชี้แจงยืนยันแล้วว่าไม่มีกลุ่มทหารมาแอบซ่อนตัวแต่อย่างใด และเมื่อได้เข้าไปตรวจค้นก็ไม่มีการปฏิบัติการตามที่ได้ตกลงกันไว้ การตรวจต้นมีการทำลายประตูกระจก จนอาคาร สก.ได้รับความเสียหาย เพราะฉะนั้นการกระทำของ นปช.มีลักษณะร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาล ละเมิดสิทธิในทรัพย์สินราชการที่ใช้และมีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ อีกทั้งเมื่อผู้บริหารโรงพยาบาลไม่มั่นใจในความปลอดภัยของผู้ป่วยจนต้องมีการย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นนั้น การกระทำของนปช.ดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ไม่เคาระสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น อีกทั้งยังเป็นการละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมที่เป็นกติกาสากลที่สังคมอารยะพึงยึดถือ เพราะแม้ในยามสงครามหรือมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการคุ้มครองจากทุกฝ่ายให้มีความปลอดภัยสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามหลักมนุษยธรรมได้ โดยทุกฝ่ายยังต้องเคาระเครื่องหมายกาชาดที่เป็นสัญลักษณ์สากล อันหมายถึงการช่วยเหลือด้านการแพทย์ และมนุษยธรรมอย่างเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติ การกระทำของกลุ่ม นปช.ในกรณีนี้จึงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและยังควรมีการสืบสวนตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญาต่อไป
       
      


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#5 อิสระเสรีชน

อิสระเสรีชน

    ทักษิณ เมื่อไหร่ตาย 5555

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,244 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:53

ช้าไปก็ยังดีกว่าไม่มาครับ ใครผิดถูกจะได้รู้กันซักที


"ไม่มีพระราชาองค์ใด ยิ่งใหญ่เทียบเท่าเสมอเหมือน พระราชาของพวกเราปวงชนชาวไทย"

 

 Long Live My King

 

....................................................


#6 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:54

 7.กรณีการเกิดเหตุจลาจล ปะทะและทำลายทรัพย์สินของราชการและเอกชนระหว่าง วันที่ 13-19 พ.ค. 2553 กสม.เห็นว่าการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของกลุ่ม นปช.บางส่วนเป็นเหตุที่สามารถส่งผลโดยตรงหรือโดยอ้อมให้เกิดการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บและทรัพย์สินราชการและเอกชนให้เสียหาย เห็นได้ชัดว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ ใช้อาวุธโดยข้อเท็จจริงปรากฏมีบุคคลใช้อาวุธยิงปะทะกับเจ้าหน้าทีททหารเป็นระยะ แม้ปัจจุบันยังไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นฝ่ายใด แต่ลักษณะของการใช้อาวุธเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ของการชุมนุม ซึ่งผลของการชุมนุมได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตร่างกาย และการประกอบอาชีพ ตลอดจนทรัพย์สินของบุคคลอื่น การใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
       
       ส่วนมาตรการต่างๆ ของรัฐที่ใช้ในการกระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์และพื้นที่โดยรอบ ซึ่ง ศอฉ. อ้างว่ามีความมุ่งหมายเพื่อจำกัดพื้นที่การชุมนุมและปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อาจถูกคุกคามต่อชีวิต เห็นว่าการที่รัฐใช้อำนาจจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมเป็นการใช้อำนาจตามบทบัญญัติตามกกหมายเฉพาะกรณีการชุมนุมสาธารณะและเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 63 บัญญัติให้กระทำได้ แต่เมื่อมีผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานดังกล่าวของรัฐ รัฐย่อมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเยียวยา

 

   ส่วนประเด็นสิทธิในทรัพย์สินนั้นจากข้อเท็จจริงที่มีการเผาอาคาร สถานที่ต่างๆ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีพยานยืนยันว่าเกิดการปะทะกันระหว่างพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างและการ์ดนปช.และชายชุดดำ แล้วจึงเกิดการเผาห้าง การเขาไปลักทรัพย์ในศูนย์การค้าดังกล่าว การเผาและทำลายทรัพย์สินดังกล่าวเป็นลักษณะการกระทำที่แกนนำเคยปราศรัยยั่วยุกับผู้ชุมนุมก่อนหน้านี้แล้ว และต่อมาพฤติกรรมการเผาทรัพย์สินขยายวงกว้างไปสู่การเผาทรัพย์สินไปหลายจังหวัด แสดงให้เห็นว่าการกระทำของกลุ่มนปช.ในกรณีนี้เป็นการละเมิดสิทธิทรัพย์สินผู้อื่น
       
       อย่างไรก็ตามสำหรับความมีอยู่จริงของชายชุดดำนั้น มีพยาน 5 คน ให้การสอดคล้องต้องกันว่ามีกลุ่มชายชุดดำอยู่ในพื้นที่ชุมนุมจริง โดยพยานบุคคลรายหนึ่งให้ข้อเท็จจริงว่ากลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงกลุ่มชายชุดดำจะมีการติดต่อสื่อสารกันโดยใช้วิทยุคลื่นความถี่ต่ำ มีการส่งเสบียงอาหาร รวมถึงยางรถยนต์ที่จะทำมาใช้เป็นบังเกอร์ และเชื้อไฟ มีการว่าจ้างให้เยาวชนจากนอกพื้นที่เป็นผู้เผายางรถยนต์และยิงพลุ สังเกตแล้วเห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนการทำงานเป็นอย่างดี นอกจากนี้พยานบุคคลอีกรายให้ข้อเท็จจริงว่าก่อนเกิดเหตุเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้นปรากฏมีการปะทะกันระหว่างพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างกับกลุ่มชายชุดดำโดยมีการโยนระเบิดเข้าไปในกลุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย
       
       


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#7 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:55

8. กรณีมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บบริเวณวัดปทุมวนาราม ภายหลังจากแกนำกลุ่มนปช.ประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจากลักษณะทิศทางของกระสุนที่ปรากฏบนศพบางศพในจำนวน 6 ศพ ที่เสียชีวิตบริเวณนี้ มีลักษณะถูกยิงจากบนลงล่าง น่าจะสันนิษฐานได้ว่าผู้ยิงอยู่ในตำแหน่งสูงกว่า เมื่อปรากฏเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า หน้าวัดปทุมวนาราม รวมถึงภาพถ่ายร่องรอยกระสุนปืนบนรถยนต์ และพื้นถนนภายในวัด จึงน่าเชื่อได้ว่าความเสียหายกรณีการเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้นส่วนหนึ่งย่อมเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ปฏิบัติการกระชับพื้นที่ในที่เกิดเหตุบริเวรวัดปทุมในบริเวณดังกล่าว
       
       ดังนั้นเมื่อมาตรการที่รัฐกำหนดปฏิบัติเป็นกรณีจำเป็นสมควรตามกกหมาย แต่เมื่อปฏิบัติแล้วเกิดความเสียหายขึ้น และความเสียส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของรัฐ จึงถือว่าการดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพต่อร่างกาย ซึ่งรัฐมีหน้าที่ในการประกันและคุ้มครองดูแล แต่กลับไม่สามารถมีมาตรการ หรือใช้วิธีการในการประกันความปลิดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลได้ รัฐบาลจึงไม่อาจปฏิเสธการที่จะเยียวยาความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้รัฐยังมีหน้าที่ในการที่จะสอบสวนหาข้อเท็จจริงและผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรับผู้ใดผู้หนึ่งหรือไม่ที่ได้กระทำเกินขอบเขตของมาตรการที่รัฐ โดยศอฉ.กำหนดไว้ ส่วนการดำเนินคดีกรณีเสียชีวิต6 ศพในวันปทุมนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการกกหมาย ซึ่งกสม.ไม่อาจไปก้างล่วงมีคำวินิจฉัยในประเด็นนี้ได้
       
       บทสรุป คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา จะต้องพิจารณาและสร้างบทเรียนให้สังคมได้รับทราบและเข้าใจคือ..


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#8 อาบังคนเหนือ

อาบังคนเหนือ

    สมาชิกระดับรากหญ้า

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,535 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:56

หากต้องใช้เวลาวิเคราะห์เนิ่นนานซะขนาดนี้ก้ออย่าทำออกมาเลยครับ ออกมาตอนนี้คงมีคนสนใจน้อยมาก คนไทยชอบติดตามเหมือนไฟลามทุ่งมากกว่า หากถามถึงเหตุการช่วงนั้น เผลอๆอาจตอบว่าลืมไปแล้ว

"ดาบวิเศษแสนคมอยู่ในมือลิงย่อมไร้ประโยชน์_กลับกัน_ยอดฝีมือที่บรรลุแล้ว ใช้กิ่งไม้ไผ่ก็ฆ่าคนได้ "


#9 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:56

สุดท้ายแล้วครับ
       
       1.ผู้จัดการชุมนุมต้องสร้างเจตจำนงร่วมกันในการชุมนุมโดยสงบสันติ และดูแลให้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องในการรักษาระบอบประชาธิปไตย เพราะเห็นได้ชัดว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นในระยะต้นแกนนำจะสามารถควบคุมฝูงชนได้ แต่ในระยะหลังมีการแยกกันดำเนินการจนแกนนำไม่สามารถควบคุมได้จนเป็นเหตุให้รัฐบาลใช้เป็นเหตุผลในการควบคุมสถานการณ์ได้
       
       2.ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องมีหน้าที่ร่วมกัน ทำให้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ยึดแนวทางสันติวิธีและเจรจาไกล่เกลี่ย ไม่ปลุกระดม หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
       
       3.ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องชุมนุมในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วไป หรือให้เกิดน้อยที่สุด และจะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการชุมนุมด้วย อาทิ การชุมนุมของคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ จนก่อให้กระทบกับประชาชนในพื้นที่ทั้งในเรื่องการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ส่วนตัว
       
       ในส่วนของภาครัฐนั้นรัฐจะต้องดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบ เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อสาระสำคัญแห่งเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงกรอบกฎหมาย มาตรฐานสากล รวมถึงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ นอกจากนี้รัฐควรหลีกเลี่ยงการประกาศใข้กฎหมายพิเศษเพื่อดูแลความสงบและความเรียบร้อยในการชุมนุม เพราะไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการกฎหมายที่เหมาะสมหรือกลไกเฉพาะเพื่อดูแลการชุมนุม เพราะที่ผ่านมาการใช้กฎหมายพิเศษอย่าพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในนั้นยังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกันอยู่ จนหลายเกิดก่อให้เกิดความรุนแรงตามมา ทั้งนี้รัฐควรจะต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นการเฉพาะในการดูแลการชุมนุม ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวต้องมีแผนปฏิบัติการและขั้นตอนที่ชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ๆมีทักษะในการทำงานด้านมวลชน รวมถึงเครื่องมือที่เหมาะสมด้วย โดยจะต้องคำนึงเสมอว่าวิธีการใช้กำลังและอาวุธจะต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียหายให้น้อยที่สุด
       
       ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า การใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมของผู้ชุมนุมบางส่วนยังมีการใช้สิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขตที่ได้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ แม้รัฐบาลจะมีหน่วยงานเพื่อเข้าควบคุมความสงบแต่ก็ยังไม่สามารถรักษาความสงบเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายได้ ซึ่งในสถานการณ์ปกติรัฐไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนได้ แต่รัฐสามารถควบคุมการชุมนุมให้อยู่ภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองและคุ้มครอง รวมทั้งกรอบกฎหมายอื่นๆที่บัญญัติไว้เท่านั้น โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและนำมาสู่ความแตกแยกทางสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงมีข้อเสนอเป็นแนวทางการดำเนินการ คือ
       
       1.คณะรัฐมนตรีควรหลีกเลี่ยงการประกาศใช้กฏหมายพิเศษ ได้แก่ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เว้นแต่การชุมนุมจะแปรเปลี่ยนไปสู่สถานการณ์วิกฤต หรือการจลาจลที่กระทบต่อความมั่นคง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ควรจะต้องมีการกำหนดกรอบการใข้อำนาจของเจ้าหน้าที่ที่ชัดเจน และมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นการกระทำต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
       
       2.คณะรัฐมนตรีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทบทวนถึงแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 63 ที่ต้องส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
       
       3.คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการเผยแพร่เพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นตามรายงานฉบับนี้มีข้อค้นพบที่เป็นปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องร่วมกันหาทางออก โดยการลดการเอาชนะกันของพรรค กลุ่ม ครอบครัว บุคคล มาเป็นผลประโยขน์โดยรวม
       
       4.คณะรัฐมนตรีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงและติดตามผู้กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ชุมนุม หรือบุคคลใดก็ตาม มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
       
       5.คณะรัฐมนตรีควรตระหนักและหาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่จะนำไปสู่การเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
       
       6.คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการสร้างความเป็นธรรมในระยะการเปลี่ยนผ่านของสังคม โดยต้องทำความจริงในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ปรากฏ และมีมาตรการในการลงโทษผู้กระทำความผิดโดยยึดหลักกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงการชดเชย เยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
       
       7.คณะรัฐมนตรีต้องไม่สกัดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารตามสิทธิในกฎหมาย หรือเป็นการแทรกแซงหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน
       
       ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าว กสม. ยังได้ระบุถึงแนวทางการตรวจสอบว่า มาจากการเชิญพยานบุคคลทีได้รับบาดเจ็บทั้งฝ่ายผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ทั่วไป จำนวน 1,036 คน แต่ก็มีผู้มาให้ถ้อยคำเพียง 184 คน โดยผู้ที่เชิญมาเล่ายงที่จะให้ข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญ หรือมีการกล่าวถึงเพียงเล็กน้อย เช่นกรณีกองกำลังติดอาวุธ ชายชุดดำ การเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น ผู้สื่อข่าวชาวอิตาลี พล.ต.ขัตติยะ พล.อ.ร่มเกล้า การเผาทำลายหลักฐานทางราชการ ขาดประจักษ์พยานในเหตุการณ์ทั้งที่มีผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก ขณะที่การเดินทางไปตรวจข้อเท็จจริงในพื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง รวมถึงไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ บางเหตุการณ์ไม่อาจชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิ

 

    การเชิญแกนนำนปช.มาให้ข้อมูลก็มีเพียงนายจรัล ดิษฐาอภิชัย คนเดียวที่มาให้ข้อเท็จจริง แต่เป็นการให้ข้อมูลภาพรวมที่ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเหตุการณ์ ซึ่งการดำเนินการของ กสม. ในการพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คระกรรมการได้ใช้เวลาในการปรึกษาหารือและให้ความเห็นกันอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 มิ.ย. 56 จึงได้มีมติให้เสนอรายงานและผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนยายไปยังคระรัฐมนตรี หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตามกรอบหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 257 และ พ.ร.บ.คระกรรมการสิทธิมนุษยชน มาตรา 15 บัญญัติไว้ โดยคำนึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชนประกอบด้วย


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#10 พิราบขาว เมืองพรหม

พิราบขาว เมืองพรหม

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 17 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 22:19

ถือว่าออกมาใด้จังหวะที่สังคมกำลังสนใจการเมืองเลยครับ



#11 Tikki

Tikki

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 32 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 22:27

ถามแบบโง่ๆนะครับ แบบนี้ DSI หน้าจะแหกไปถึงปลายตีนเลยไหมครับ  :)



#12 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 23:09

กสม = การสืบทอดอำมาต์ย


ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว

#13 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 16:17

เด็กสตรีโล่มนุษย์ ‘กสม.’เปิดผลสรุปเผาเมือง ม็อบขัดรธน.วางแผนฆ่า!

http://www.thaipost....ws/090813/77589

 

Ruangrong Dasananda ·  Top Commenter · ม. รามคำแหง

กสมเพิ่งตื่นเหรอเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองตั้งแต่ไอ้จตุพรไอ้นัฐวุฒิไอ้อริสมันต์มันสั่งเผาบ้านเผาเมืองแล้ว
 
Amorn Yimyam · Follow ·  Top Commenter · -
กฏหมายออกมาชี้ตามหลังโจร เปรียบเหมือนวัวหายล้อมคอก
 
ประเสริฐ ขุนพรรณราย ·  Top Commenter
ทำไมไม่เผยแพร่ก่อนสภาโจร เปิดประชุมพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม(โจร)ละครับ ใครๆได้อ่านวันนี้ วันที่สภาโจรรับหลักการ ผ่านวาระ ๑ ก็ยังดีเผยแพร่ช้า ดีกว่าไม่ได้อ่าน /แสงรวี-สงขลา/.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#14 ฟังทั้งสองฝ่าย

ฟังทั้งสองฝ่าย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,261 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 16:25

สุดท้ายแล้วครับ
       
       1.ผู้จัดการชุมนุมต้องสร้างเจตจำนงร่วมกันในการชุมนุมโดยสงบสันติ และดูแลให้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องในการรักษาระบอบประชาธิปไตย เพราะเห็นได้ชัดว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นในระยะต้นแกนนำจะสามารถควบคุมฝูงชนได้ แต่ในระยะหลังมีการแยกกันดำเนินการจนแกนนำไม่สามารถควบคุมได้จนเป็นเหตุให้รัฐบาลใช้เป็นเหตุผลในการควบคุมสถานการณ์ได้
       
       2.ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องมีหน้าที่ร่วมกัน ทำให้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ยึดแนวทางสันติวิธีและเจรจาไกล่เกลี่ย ไม่ปลุกระดม หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
       
       3.ผู้จัดการชุมนุมและผู้ร่วมชุมนุมต้องชุมนุมในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วไป หรือให้เกิดน้อยที่สุด และจะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการชุมนุมด้วย อาทิ การชุมนุมของคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ จนก่อให้กระทบกับประชาชนในพื้นที่ทั้งในเรื่องการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ส่วนตัว
       
       ในส่วนของภาครัฐนั้นรัฐจะต้องดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบ เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อสาระสำคัญแห่งเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงกรอบกฎหมาย มาตรฐานสากล รวมถึงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ นอกจากนี้รัฐควรหลีกเลี่ยงการประกาศใข้กฎหมายพิเศษเพื่อดูแลความสงบและความเรียบร้อยในการชุมนุม เพราะไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการกฎหมายที่เหมาะสมหรือกลไกเฉพาะเพื่อดูแลการชุมนุม เพราะที่ผ่านมาการใช้กฎหมายพิเศษอย่าพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในนั้นยังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกันอยู่ จนหลายเกิดก่อให้เกิดความรุนแรงตามมา ทั้งนี้รัฐควรจะต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นการเฉพาะในการดูแลการชุมนุม ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวต้องมีแผนปฏิบัติการและขั้นตอนที่ชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ๆมีทักษะในการทำงานด้านมวลชน รวมถึงเครื่องมือที่เหมาะสมด้วย โดยจะต้องคำนึงเสมอว่าวิธีการใช้กำลังและอาวุธจะต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียหายให้น้อยที่สุด
       
       ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า การใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมของผู้ชุมนุมบางส่วนยังมีการใช้สิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขตที่ได้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ แม้รัฐบาลจะมีหน่วยงานเพื่อเข้าควบคุมความสงบแต่ก็ยังไม่สามารถรักษาความสงบเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายได้ ซึ่งในสถานการณ์ปกติรัฐไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนได้ แต่รัฐสามารถควบคุมการชุมนุมให้อยู่ภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองและคุ้มครอง รวมทั้งกรอบกฎหมายอื่นๆที่บัญญัติไว้เท่านั้น โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและนำมาสู่ความแตกแยกทางสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงมีข้อเสนอเป็นแนวทางการดำเนินการ คือ
       
       1.คณะรัฐมนตรีควรหลีกเลี่ยงการประกาศใช้กฏหมายพิเศษ ได้แก่ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เว้นแต่การชุมนุมจะแปรเปลี่ยนไปสู่สถานการณ์วิกฤต หรือการจลาจลที่กระทบต่อความมั่นคง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ควรจะต้องมีการกำหนดกรอบการใข้อำนาจของเจ้าหน้าที่ที่ชัดเจน และมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นการกระทำต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
       
       2.คณะรัฐมนตรีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทบทวนถึงแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 63 ที่ต้องส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
       
       3.คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการเผยแพร่เพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นตามรายงานฉบับนี้มีข้อค้นพบที่เป็นปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องร่วมกันหาทางออก โดยการลดการเอาชนะกันของพรรค กลุ่ม ครอบครัว บุคคล มาเป็นผลประโยขน์โดยรวม
       
       4.คณะรัฐมนตรีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงและติดตามผู้กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ชุมนุม หรือบุคคลใดก็ตาม มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
       
       5.คณะรัฐมนตรีควรตระหนักและหาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่จะนำไปสู่การเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
       
       6.คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการสร้างความเป็นธรรมในระยะการเปลี่ยนผ่านของสังคม โดยต้องทำความจริงในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ปรากฏ และมีมาตรการในการลงโทษผู้กระทำความผิดโดยยึดหลักกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงการชดเชย เยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
       
       7.คณะรัฐมนตรีต้องไม่สกัดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารตามสิทธิในกฎหมาย หรือเป็นการแทรกแซงหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน
       
       ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าว กสม. ยังได้ระบุถึงแนวทางการตรวจสอบว่า มาจากการเชิญพยานบุคคลทีได้รับบาดเจ็บทั้งฝ่ายผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ทั่วไป จำนวน 1,036 คน แต่ก็มีผู้มาให้ถ้อยคำเพียง 184 คน โดยผู้ที่เชิญมาเล่ายงที่จะให้ข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญ หรือมีการกล่าวถึงเพียงเล็กน้อย เช่นกรณีกองกำลังติดอาวุธ ชายชุดดำ การเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น ผู้สื่อข่าวชาวอิตาลี พล.ต.ขัตติยะ พล.อ.ร่มเกล้า การเผาทำลายหลักฐานทางราชการ ขาดประจักษ์พยานในเหตุการณ์ทั้งที่มีผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก ขณะที่การเดินทางไปตรวจข้อเท็จจริงในพื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง รวมถึงไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ บางเหตุการณ์ไม่อาจชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิ

 

    การเชิญแกนนำนปช.มาให้ข้อมูลก็มีเพียงนายจรัล ดิษฐาอภิชัย คนเดียวที่มาให้ข้อเท็จจริง แต่เป็นการให้ข้อมูลภาพรวมที่ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเหตุการณ์ ซึ่งการดำเนินการของ กสม. ในการพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คระกรรมการได้ใช้เวลาในการปรึกษาหารือและให้ความเห็นกันอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 มิ.ย. 56 จึงได้มีมติให้เสนอรายงานและผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนยายไปยังคระรัฐมนตรี หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตามกรอบหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 257 และ พ.ร.บ.คระกรรมการสิทธิมนุษยชน มาตรา 15 บัญญัติไว้ โดยคำนึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชนประกอบด้วย

ทั้งสามช้อ ผู้จัดการชุมนุม ไม่ทำอะไรเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!



#15 ParaDon

ParaDon

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,946 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 16:40

ไม่ให้ราคา เมื่อก่อนทำไม่ไม่คิดแบบนี้กลับให้ท้ายพวกเสื้อแดง

 

กสม.ก็หากินกับซากปรักหักพังของสังคม

 

เหมือนโรงงานสร้างอาวุธบริจาคเงินสร้างวัด

 

ปากว่าอย่างพฤติกรรมอีกอย่าง


" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "


#16 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 17:46

^

^

ผมว่าบ้านเราให้ท้าย "คนจน คนชนชั้นล่าง" จนเสียนิสัย

อะไรที่เป็นการเรียกร้องจากชนชั้นล่าง ต่อให้ผิดกม.ก็ให้ท้ายหมด

ไม่แยกแยะถูกผิด

 

 

ปล. ที่พูดนี่พื้นเพผมมาจากชนชั้นล่างนะครับ  แม่ผมเป็นลูกชาวนา พ่อผมขับแท็กซี่

แต่เผอิญความที่พ่อเป็นคนจีนแท้ๆ เลยไม่สอนเรื่องชนชั้น สอนว่าขอให้ขยันและสุจริต ก็จะดีได้แน่ๆ

ผมก็เลยไม่ซื้อมุก "คนชนชั้นล่างทำถูกทุกอย่าง" น่ะครับ

ผิดก็ว่าตามผิด ถูกก็ว่าตามถูก อย่าไบแอส


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#17 เหล่าฮู

เหล่าฮู

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 993 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 17:48

ยังมีคนมอง นังอมรา เป็น กสม อยู่อีกเหรอ ฮาา..ทะเล็ดอ่ะ แค่หมาเห่าใบตองแห้ง



#18 phoebus

phoebus

    คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,636 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 17:50

ยังมีคนมอง นังอมรา เป็น กสม อยู่อีกเหรอ ฮาา..ทะเล็ดอ่ะ แค่หมาเห่าใบตองแห้ง

 

 

อ้าว แอร๊ยยยย วันนี้เหล่าฮูเข้าเวรหรออออ

 

 

แร้วไอ้หมื่นไปไหนแระ ?

 

 

:lol:  :lol: 


ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย 


#19 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:38

http://www.manager.c...D=9560000099039

กสม.ยันรายงานสลายแดงไม่ชี้ใครผิด “นิชา” โวยมีคนหนีความจริง “ก่อแก้ว” เหน็บเคยให้ดอกไม้ “มาร์ค”

 

ประธาน กสม.ยืนยันรายงานสลาย นปช.ไม่ได้ชี้ใครถูกใครผิด มองแค่มุมกระทำละเมิดสิทธิ ภรรยา “ร่มเกล้า” ชี้มีคนหนีความจริง เร่งนิรโทษฯ เผยนายกฯ ได้รับรายงานล่วงหน้าหลายวันแล้ว “ก่อแก้ว” ซัดเคยให้ดอกไม้อภิสิทธิ์ เหน็บตอนสลายพันธมิตรฯ ออกตัวแรง แต่ตอน นปช.ชุมนุมกลับไม่ห้าม ตะแบงไม่มีอาวุธ-ไร้ชายชุดดำ “หมอเชิดชัย” จี้ “อมรา” ลาออก
       
       วันนี้ (9 ส.ค.) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวชี้แจงกรณีที่ กสม.เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. 53 ถึง 19 พ.ค. 53 ว่า รายงานดังกล่าว กสม.เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กสม.ไม่ได้ทำหน้าที่ชี้ว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นคนกระทำ เพียงแต่ระบุว่าการกระทำใดเป็นการละเมิดสิทธิบ้าง ซึ่งโดยหน้าที่ของ กสม.คือทำรายงานและเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย แต่หลังจากนั้นนายกฯ หรือคณะรัฐมนตรี จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการอย่างไรก็เป็นเรื่องภายใน กสม.ไม่ได้เกี่ยวข้องในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามทาง กสม.จะคอยติดตามว่าหลังจากที่ส่งข้อเสนอแนะไป รัฐบาลได้นำข้อมูลนั้นไปปรับใช้อย่างไรบ้าง
       
       ด้าน นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเก้า ธุวธรรม นายทหารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 เผยแพร่ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “พี่เปา ความจริงเริ่มปรากฏแล้วค่ะ พี่คงรู้แล้วว่าใครทำร้ายพี่ แต่พวกเรายังไม่รู้ เพราะมีคนกลัวความจริง เร่งนิรโทษกรรมหนีความจริง” ขณะเดียวกัน ยังกล่าวว่ารอคอยรายงานมาแสนนาน ออกหลังกฎหมายเข้าสภาเพียงวันเดียว แต่นางอมราบอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับล่วงหน้าหลายวันแล้ว นอกจากนี้ ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รายงานฉบับนี้น่าจะออกมาก่อนกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา
       
       ขณะที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงความผิดหวังต่อรายงานของ กสม.ฉบับดังกล่าว ระบุว่าไม่แปลกใจเพราะในช่วงการชุมนุม นางอมราได้มอบดอกไม้ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ถึงกระนั้นตนมองว่า นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ทำงานได้สมหน้าที่ แม้จะเคยร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้เอาจุดยืนทางการเมืองมาทำให้การปฏิบัติหน้าที่บิดเบือน
       
       นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งที่มีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากการพิสูจน์ไม่ได้เกิดจากแก๊สน้ำตา กสม.ได้ออกมากล่าวหาโจมตีรัฐบาลอย่างรุนแรง แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สลายการชุมนุมมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กสม.ไม่ได้ออกมาแสดงบทบาทในการยับยั้งขัดขวางรัฐบาลในการออกคำสั่งสั่งหารชีวิตคน ซึ่งหากออกมาทำหน้าที่อาจทำให้การสูญเสียน้อยลงก็ได้ และฮิวแมนไรท์วอทช์ เคยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กสม.ว่าน่าจะมีปัญหา
       
       “ถึงขนาดนี้ได้มีการพิสูจน์จากหลายองค์กรว่า การเสียชีวิตเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ ไม่มีชายชุดดำ กสม.ไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นในการกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งสังคมจะเห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้น ครั้งนี้ทำให้สังคมคลางแคลงใจ และไม่เชื่อมั่นในการทำงานของ กสม.ภายใต้การนำของนางอมรา” นายก่อแก้ว กล่าว
       
       นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ช่วงเหตุการณ์ เม.ย.ถึง พ.ค. 2553 กล่าวว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เป็นการโยนความผิดให้คนเสื้อแดงว่าฆ่ากันเอง โยงประเด็นชายชุดดำ กรรมการสิทธิฯชุดนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ไปเลือกเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์และคณะปฏิวัติ อยากให้ไปดูรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติที่ปกป้องสิทธิประชาชนผู้มาชุมนุม การออกมาชุมนุมแล้วเกิดการฆ่ากัน ไม่ว่าฝ่ายไหน ควรที่ต้องออกมาปกป้องประชาชน ไม่ใช่ออกมาให้ความเห็นทำนองคนที่มาชุมนุมก่อความวุ่นวายสมควรแล้วที่ถูกฆ่า การออกมาระบุมีการใช้อาวุธ ก็เป็นหน้าที่ตำรวจไปสอบสวนจริงหรือไม่ ไปตามจับ หรือจะไปเอาผิดแกนนำคนจัดชุมนุมบอกทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็ว่ากันไป จะไปจะไปแจ้งจับก็ได้ แต่จะมาเหมารวมคนที่มาชุมนุมเป็นแสนเป็นล้านคนเหมือนกันหมดไม่ได้ เขามาด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ได้พกอาวุธมา
       
       นพ.เชิดชัย กล่าวว่า กรรมการสิทธิฯ ชุดนี้ที่มี นางอมรา เป็นประธาน และคณะกรรมการสิทธิฯ ควรพิจารณาตัวเองลาออกไป หน้าที่ที่ควรทำไม่ทำ ไม่ได้แบ่งแยกประชาชนที่มาด้วยใจบริสุทธิ์แล้วมาเหมาเข่ง ไม่ละอายบ้างหรือ ไม่รู้จะว่าอย่างไร การตายของคนไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรควรที่ต้องปกป้อง กรรมการชุดนี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เลย เขาตายด้วยสาเหตุอะไรไปสืบสิ เขาก็เป็นคนไทย สรุปอย่างนี้แสดงว่าคนที่มาชุมนุมสมควรตายใช่หรือไม่ การชุมนุมของประชาชนเมื่อปี 53 คนมาชุมนุมเจ็บจริง ตายจริง คนตายไม่มีอาวุธ นางอมรา ที่เป็นประธาน ยังเคยถูกนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เมื่อ 19 พ.ค. 53 ยังเคยออกมาตำหนิถึงการทำหน้าที่
       
       “กรรมการชุดนี้ไม่รู้สึกละอายบ้าง หรือว่าไม่มีความรู้สึก มีแต่โมหะจริต ลืมคิดถึงบทบาทหรือที่มาของตัวเอง อย่างนี้ในรัฐธรรมนูญควรลบทิ้งคณะกรรมการสิทธิฯออกไปดีหรือไม่ เพราะมีก็ไม่มีประโยชน์ ทำอะไรให้เป็นการเมืองไปหมด เรื่องควรทำไม่ทำ เสียดาย จริงอยู่เรามีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ตนก็มีสิทธิ์วิจารณ์และรู้สึกเสียดายถึงการทำหน้าที่ กรรมการสิทธิฯ รวมถึง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม.ที่เป็นรุ่นน้องสมัยเรียนแพทย์ เข้าใจว่าหลังจากนี้จะมีกลุ่มที่ไม่พอใจ หรือรักความเป็นธรรมจะไปจัดการกรรมการสิทธิฯ ส่วนช่องทางกฎหมายก็จะดู ส.ส.หรือประชาชนพอจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อนำไปสู่การถอดถอน ไม่อยากให้ผลสรุปของกรรมการสิทธิฯที่ออกมา เหมาเข่งคนที่มาชุมนุมสมควรถูกฆ่าแล้ว ทำอย่างนี้ไม่ได้ มันผิดหลักเกณฑ์” นพ.เชิดชัย กล่าว
       


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#20 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 20:39

 นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า 
       “ถึงขนาดนี้ได้มีการพิสูจน์จากหลายองค์กรว่า การเสียชีวิตเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ ไม่มีชายชุดดำ"

 

 

เอ่อ มันไปสรุปมาจากไหนครับ????? :blink: 


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน