http://www.isranews....09-1_23609.html
ซื้อ “นาฬิกาแพง” อาจเข้าข่ายฮั้ว-เผย 2 บริษัทรับงานไขว้ไปมาในสภา
“สุวิจักขณ์” เลขาสภาฯ เข้าแจง กมธ.ป.ปช.ปมซื้อ “นาฬิกาแพง” ยันจำเป็นต้องใช้ “วิลาศ” เผย 2 บริษัทรับงานไขว้ไปมาในสภา อาจเข้าข่ายฮั้ว อดีตผู้ว่า สตง.ติงเดินต่อเสี่ยงผิด กม.
วานนี้ (5 ก.ย.2556) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน มีวาระสำคัญ คือการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2556 หรือกรณีจัดจ้างจัดจ้างโครงการต่างๆ ที่อาจไม่โปร่งใส มีราคาแพงผิดปกติ อาทิ การจัดซื้อนาฬิกา 15 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้ นายสุวิจักขณ์เดินทางมาชี้แจงต่อ กมธ.ด้วยตัวเอง
นายสุวิจักขณ์เริ่มต้นชี้แจง โดยกล่าวถึงความเป็นมาของโครงการจัดซื้อนาฬิกาว่า ตั้งแต่สภาฯ เปิดใช้เมื่อปี 2517 นาฬิกาทุกตัวในสภาฯ จะใช้ระบบไฟฟ้า เพราะในสภาฯ เรื่องเวลาสำคัญมาก ต่อการประชุม การนัดหมาย รวมถึงการบันทึกรายงานการประชุม ที่เป็นเอกสารสำคัญของทางราชการ แต่ต่อมาก็เริ่มเสียไปทีละตัว จึงต้องไปซื้อนาฬิกาใส่ถ่านมาทดแทน กระทั่งนาฬิกา 2 เรือนในห้องประชุมใหญ่ก็ยังเดือนไม่ตรงกัน ปี 2548 กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร สภาฯ ที่มี ส.ส.สมัยนั้น อาทิ นายโสภณ เพชรสว่าง นายเอกพร รักความสุข ฯลฯ อยู่ใน กมธ.ด้วย ก็ไปดูงานต่างประเทศ และเห็นว่าควรเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอล เพราะจะทำให้เดินตรงกันทุกเรือน จึงมีการเชิญตัวแทนจากสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกิจกรรมการวัดต่างๆ รวมถึงเวลา มาเป็นผู้ยกร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์)
นายสุวิจักขณ์ กล่าวว่า สำหรับวิธีจัดซื้อจัดจ้างใช้การประกวดราคา ไม่ได้ใช้การจัดซื้อวิธีพิเศษ มีการตั้งกรรมการยกร่างทีโออาร์ กรรมการจัดซื้อจัดจ้าง และกรรมการตรวจรับ เรื่องนี้มีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นคนอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย โดยใช้งบค้างท่อของงบปี 2554 มาจัดซื้อ มีผู้ซื้อซองประกวดราคา 6 ราย ยื่นซองเข้ามา 3 ราย ไม่ผ่านคุณสมบัติ 1 ราย จึงเหลือผู้เข้าประกวด เพียง 2 ราย ทั้งนี้ การจัดซื้อนาฬิกาอยู่ระหว่างตรวจสอบ ยังไม่มีการจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้อีอ็อกชั่น ตาม “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิคส์ พ.ศ.2549” ก็เนื่องจากสภามี “ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2555” เป็นของตัวเอง
“การจัดซื้อนาฬิกาไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดราคากลาง จึงไม่มีการกำหนดราคากลาง เนื่องจากให้คนนอกมาร่างทีโออาร์ และเรื่องนี้ไม่ต้องมีราคากลาง เพราะไม่ใช่การก่อสร้าง ใช้วิธีสืบราคาจากท้องตลาด ว่าควรมีราคาเท่าไร” นายสุวิจักขณ์กล่าว
นายสุวิจักขณ์ยังกล่าวว่า ส่วนที่ต้องใช้งบประมาณถึง 15 ล้านบาท เพราะเราไม่ได้ซื้อแค่นาฬิกา แต่ซื้อระบบด้วย เพื่อให้เวลาทั้งสภาฯ เดินตรงกัน มี 4 ระบบใหญ่ๆ แต่ตนจำไม่ได้ว่ามีระบบอะไรบ้าง ขอส่งมาเป็นเอกสารเพิ่มเติม ราคาที่เป็นข่าวว่าถูกกว่า คือราคาที่ซื้อที่ประเทศฝรั่งเศส หากนำเข้ามายังประเทศไทย จะต้องบวกภาษีต่างๆ อีกไม่รู้เท่าไร ทั้งนี้ คำถามว่าเหตุใดถึงต้องใช้ระบบต่างๆ อยากให้เชิญคนจากสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติมาชี้แจงเองจะดีกว่า
นายนุกูล สัญฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า ระบบการทำงานของนาฬิกา จะส่งสัญญาจากสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ มายังตัวแม่ที่ชั้นล่างอาคารรัฐสภา 3 จากนั้นจะกระจายสัญญาไปยังตัวลูกที่ติดตั้งตามห้องต่างๆ ทั้งห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมกมธ. ห้องทำงาน ฯลฯ ผ่านทางสายเคเบิลหรือไวร์เลส เหตุที่ต้องมีการติดตั้งห้องละ 2 เรือน เพื่อให้สะดวกในการมอง ไม่ต้องเอี้ยวตัวไปมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสุวิจักขณ์ชี้แจง กมธ.ได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆ อย่างหนัก ทั้งเหตุใดถึงไม่มีราคากลางและไม่ใช่ระเบียบอีอ็อกชั่น กรรมการสืบราคามีใครบ้างและเหตุใดถึงสืบราคาได้เท่านี้ ความจำเป็นที่จะต้องซื้อนาฬิกาทั้งๆ ที่จะย้ายไปยังสภาฯ ใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแล้ว ใครเป็นผู้เดือดร้อนอยากให้เปลี่ยนนาฬิกา ฯลฯ ซึ่งนายสุวิจักขณ์ก็พยายามชี้แจงหลายๆ คำถามด้วยตัวเอง บางคำถามก็ให้ผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงแทน
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า เอกสารที่นายสุวิจักขณ์นำมาให้ในวันเดียวกันมีแต่น้ำแทบไม่มีเนื้อ แทบไม่มีรายละเอียดที่สำคัญ เอกสารจัดซื้อก็มีแค่ 4-5 แผ่น ที่เหลือเป็นโบชัวร์ของบริษัทต่างๆ จึงอยากให้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อนาฬิกาทั้งหมดมาให้ภายในสัปดาห์หน้า
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษา กมธ. กล่าวว่า เท่าที่ตนตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ รวมถึงการจัดซื้อนาฬิกา พบว่ามี 2 บริษัทที่สลับกันรับงาน และการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ของราชการ ทั้ง 2 บริษัทกลับทำในวันเดียวกันทั้งหมด จึงสงสัยว่าจะมีการฮั้วเกิดขึ้น ทั้งนี้ได้ยินมาว่า ถ้าต้องการได้งานในสภาฯ ต้องติดตามผ่าน คนชื่อ “ป.” ไม่ก็คนชื่อ “อ.”
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.กล่าวว่า เท่าที่ดูข้อมูลเบื้องต้น ตนเห็นว่าถ้าสภาฯ เดินหน้าต่อไปอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) ผู้รับเหมา 2 รายนี้เดินมาได้อย่างไร กรณีการจัดซื้อนาฬิกา สามารถตรวจรับไม่ผ่านโดยอ้างเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ได้ เช่นนาฬิกาทั้ง 2 ตัวในห้องประชุม กมธ.นี้ก็บอกอุณหภูมิต่างกันถึง 3 องศา ซึ่งถือว่าผิดปกติ
“ผู้รับเหมาทั้ง 2 ราย อาจมีพฤติกรรมเป็นการสมยอมกัน” นายพิศิษฐ์กล่าว.