ผมเป็น1 ในแนวร่วมของกลุ่มชนคนเสื้อเหลือง
ผมติดตามดูช่อง9เมืองไทยรายสัปดาห์ทุกครั้งที่ออกอากาศ
แนวคิดมนขณะนั้นมันไช่ โดนใจผม
เช่น การไปนั่งในที่ไม่สมควรนั่งในโบษถ์วัดพระแก้ว
หรือการแต่งตั้งสังราช การที่ปล่อยให้ใครบางคนได่าหลวงตามหาบัวผู้ที่ค้ำจุลประเทศเป็นต้น
จากการติดตามดูเรื่อยๆจนโดนหมาตัวไหนไม่รู้ปลดรายการกลางอากาศ จนต้องหยุดดูไป
จนมารู้ว่ามีการจัดปราศัยตามที่ต่างๆ ผมก็ไม่ได้ไป
มาจัดอย่างใหญ่ที่ธรรมศาสตร์ ผมก็ไม่ได้ไป
มาดูอีกทีก็อีตอนที่ผม ดูจากจานดาวเทียม เพราะผมเป็นช่างติดจานดาวเทียมนี่แหละ
แนวคิดในขณะนั้น (แป๊ะ) ถูกใจผมมาก
แฉความไม่ชอบมาพากลทุกอย่าง ไม่ว่าขจะเป็นการขายหุ้น
ไม่ว่าจะเป็นการแก้สัญญาทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์
ไม่ว่าจะแทรกแซงสื่อหรือโกงกินต่างๆโดนใจทั้งหมด
จากที่มีการชุมนุมผมก็เป็นมวลชน
และจากมวลชนก็กลายเป็นการ์ด อยู่ประตู5บ้าง มัฆวานบ้าง ประตู่1บ้าง
จนมีการประทะกับพวก นปช บ้างหลายครั้งผมสู้ไม่เคยถอย
สุดท้ายผมก็เป็นแกนนำระดับอำเภอ
หากมีการขอกำลังก็จะติดต่อมาที่ผม
การต่อสู้ในครั้งนั้น ทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ประโยชน์ของประเทศชาติ ปกป้องสถาบัล ต่อสู้จนนายกฯในขณะนั้น ตกเก้าอี้ไปหลายคน
จนพวก นปช ในขณะนั้น ประณามพวกเสื้อเหลืองว่า เป็นพวกนักเลงข้างถนน
ทำไมไม่เข้าไปสู้กันในสภา
สุดท้าย 5แกนนำในขณะนั้น ก็ปรึกษาหารือกันว่า จะตั้งพรรคการเมืองกันไหม
มีการปรึกษากันในระดับจังหวัด โหวดกันภายในจังหวัดตัวเอง
อย่างที่เพชรบุรีโหวดว่า ให้ตั้งพรรค80เปอร์เซ็น
อีก10เปอร์เซ็น ไม่เอา เหตุผลคือกลัวว่า หากตั้งพรคการเมืองแล้ว จะเลวเหมือนกันหมด
และ10เปอร์เซ็นสุดท้าย บอกว่า ตั้งก็เป็นเสื้อเหลือง
ไม่ตั้งพรรคก็เป็นเสื้อเหลือง เอายังไงก็ได้
สุดท้าย มีการเรียกสาวกเสื้อเหลืองทั่วประเทศไปโหวดกันว่า
ตกลง จะตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเองไหม
ผมก็ไปเป็น1ในจำนวนนั้นด้วย
คันนี้รถคลาสสิคของ
วันนั้น มีการโหวดกันอย่่างเป็นเอกฉัน นั้นก็คือ ตั้งพรรคการเมืองครับ
ไม่มีใครคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว
การโหวดก็คือ ถามผ่านไมค์โครโฟร์น และหากเห็นด้วยให้ลุกขึ้น
หากไม่เห็นด้วยให้ลุกขึ้นยืน เป็นต้น
หลังจากนั้นก็มีการโหวดจัดตั้งพรรค เลือกกรรมการพรรค ลือหหัวหน้าพรรค(ชั่วคราว)
ผมก็เป็น1ในจำนวนนั้นอีกเพราะผมเป็นแกนนำระดับอำเภอ
สรุป
วันที่จะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่นั้น
มีการถาม มีการระดมความคิดจากคนหมู่มาก
มีการแสดงวิถีประชาธิปไตยด้วยการโหวด
มีการถามสมาชิกทั่วประเทศ
เมื่อมีการตั้งพรรคการเมืองกันแล้ว ตามกฏหมาย พรรค ต้องมีสมาชิกอย่างต่ำ5000คน
ต้องมีสาขาพรรคอย่างต่ำตามที่กฏหมายระบุไว้
ซึ่งเมื่อมีการตั้งสาขาพรรค หมู่สมาชิกก็ต้องออกค่าไช้จ่ายกันเอง
ไม่ว่าจะเสมียน ค่าไฟ ค่าไช้จ่ายทั้งหมด ทุกคนอดทนรอ
ส่งคนเข้าไปลงสนามการเลือกตั้งกันมานานปี
หมดกันไปหลายบาทในการเสียค่าไช้จ่าย
จนมาวันนึงก็มีการเลือกตั้งจนได้
แต่วันลงสนาม แกนนำ พธม บอกว่าไง ??
บอก โหวดโน
ไม่ให้พรรคการเมืองไหม่ ที่จัดตั้งขึ้นมาเองลงสนามซะงั้น
มันเกิดอะไรขึ้น
ทำไมไม่เล่นตามกฏิกา
ก่อนที่จะบอกโหวดโน มะึรึง ถามสมาชิกทั้งประเทศหรือยัง???
สุดท้าย แป๊ะ ก็ไม่ต่างจากแม้ว
และมันก็เข้าสู่ยูคของความเสื่อมของชาวเสื้อเหลืองในที่สุด
วันนั้น ผมไม่เคยหันหลังกลับไปร่วมกับแปะอีกเลย
สาวกหลายคน ยกเลิก ไม่สนใจอีกแล้ว แม้แต่สินค้าที่แพงแสนแพงก็เลิกซื้อ
สาวกของเสื้อเหลืองหายไปเกินครึ่ง
หลายคนบอกว่า แนวทางของแปะเปลี่ยนไปเพราะ รับเงินแม้ว
หลายคนไม่เชื่อ
แต่มาวันนี้ หลายคนคงจะพอดูออกว่า
อุดมการณ์ของแป๊ะ ไม่ต่างไปจากคนกระหายเงินทั่วไป
หุหุ
ไม่เสียใจเลยที่ผมถอดเสื้อเหลืองมาหลายปี
ผมเป็น1 ในแนวร่วมของกลุ่มชนคนเสื้อเหลือง
ผมติดตามดูช่อง9เมืองไทยรายสัปดาห์ทุกครั้งที่ออกอากาศ
แนวคิดมนขณะนั้นมันไช่ โดนใจผม
เช่น การไปนั่งในที่ไม่สมควรนั่งในโบษถ์วัดพระแก้ว
หรือการแต่งตั้งสังราช การที่ปล่อยให้ใครบางคนได่าหลวงตามหาบัวผู้ที่ค้ำจุลประเทศเป็นต้น
จากการติดตามดูเรื่อยๆจนโดนหมาตัวไหนไม่รู้ปลดรายการกลางอากาศ จนต้องหยุดดูไป
จนมารู้ว่ามีการจัดปราศัยตามที่ต่างๆ ผมก็ไม่ได้ไป
มาจัดอย่างใหญ่ที่ธรรมศาสตร์ ผมก็ไม่ได้ไป
มาดูอีกทีก็อีตอนที่ผม ดูจากจานดาวเทียม เพราะผมเป็นช่างติดจานดาวเทียมนี่แหละ
แนวคิดในขณะนั้น (แป๊ะ) ถูกใจผมมาก
แฉความไม่ชอบมาพากลทุกอย่าง ไม่ว่าขจะเป็นการขายหุ้น
ไม่ว่าจะเป็นการแก้สัญญาทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์
ไม่ว่าจะแทรกแซงสื่อหรือโกงกินต่างๆโดนใจทั้งหมด
จากที่มีการชุมนุมผมก็เป็นมวลชน
และจากมวลชนก็กลายเป็นการ์ด อยู่ประตู5บ้าง มัฆวานบ้าง ประตู่1บ้าง
จนมีการประทะกับพวก นปช บ้างหลายครั้งผมสู้ไม่เคยถอย
สุดท้ายผมก็เป็นแกนนำระดับอำเภอ
หากมีการขอกำลังก็จะติดต่อมาที่ผม
การต่อสู้ในครั้งนั้น ทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ประโยชน์ของประเทศชาติ ปกป้องสถาบัล ต่อสู้จนนายกฯในขณะนั้น ตกเก้าอี้ไปหลายคน
จนพวก นปช ในขณะนั้น ประณามพวกเสื้อเหลืองว่า เป็นพวกนักเลงข้างถนน
ทำไมไม่เข้าไปสู้กันในสภา
สุดท้าย 5แกนนำในขณะนั้น ก็ปรึกษาหารือกันว่า จะตั้งพรรคการเมืองกันไหม
มีการปรึกษากันในระดับจังหวัด โหวดกันภายในจังหวัดตัวเอง
อย่างที่เพชรบุรีโหวดว่า ให้ตั้งพรรค80เปอร์เซ็น
อีก10เปอร์เซ็น ไม่เอา เหตุผลคือกลัวว่า หากตั้งพรคการเมืองแล้ว จะเลวเหมือนกันหมด
และ10เปอร์เซ็นสุดท้าย บอกว่า ตั้งก็เป็นเสื้อเหลือง
ไม่ตั้งพรรคก็เป็นเสื้อเหลือง เอายังไงก็ได้
สุดท้าย มีการเรียกสาวกเสื้อเหลืองทั่วประเทศไปโหวดกันว่า
ตกลง จะตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเองไหม
ผมก็ไปเป็น1ในจำนวนนั้นด้วย
คันนี้รถคลาสสิคของ
วันนั้น มีการโหวดกันอย่่างเป็นเอกฉัน นั้นก็คือ ตั้งพรรคการเมืองครับ
ไม่มีใครคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว
การโหวดก็คือ ถามผ่านไมค์โครโฟร์น และหากเห็นด้วยให้ลุกขึ้น
หากไม่เห็นด้วยให้ลุกขึ้นยืน เป็นต้น
หลังจากนั้นก็มีการโหวดจัดตั้งพรรค เลือกกรรมการพรรค ลือหหัวหน้าพรรค(ชั่วคราว)
ผมก็เป็น1ในจำนวนนั้นอีกเพราะผมเป็นแกนนำระดับอำเภอ
สรุป
วันที่จะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่นั้น
มีการถาม มีการระดมความคิดจากคนหมู่มาก
มีการแสดงวิถีประชาธิปไตยด้วยการโหวด
มีการถามสมาชิกทั่วประเทศ
เมื่อมีการตั้งพรรคการเมืองกันแล้ว ตามกฏหมาย พรรค ต้องมีสมาชิกอย่างต่ำ5000คน
ต้องมีสาขาพรรคอย่างต่ำตามที่กฏหมายระบุไว้
ซึ่งเมื่อมีการตั้งสาขาพรรค หมู่สมาชิกก็ต้องออกค่าไช้จ่ายกันเอง
ไม่ว่าจะเสมียน ค่าไฟ ค่าไช้จ่ายทั้งหมด ทุกคนอดทนรอ
ส่งคนเข้าไปลงสนามการเลือกตั้งกันมานานปี
หมดกันไปหลายบาทในการเสียค่าไช้จ่าย
จนมาวันนึงก็มีการเลือกตั้งจนได้
แต่วันลงสนาม แกนนำ พธม บอกว่าไง ??
บอก โหวดโน
ไม่ให้พรรคการเมืองไหม่ ที่จัดตั้งขึ้นมาเองลงสนามซะงั้น
มันเกิดอะไรขึ้น
ทำไมไม่เล่นตามกฏิกา
ก่อนที่จะบอกโหวดโน มะึรึง ถามสมาชิกทั้งประเทศหรือยัง???
สุดท้าย แป๊ะ ก็ไม่ต่างจากแม้ว
และมันก็เข้าสู่ยูคของความเสื่อมของชาวเสื้อเหลืองในที่สุด
วันนั้น ผมไม่เคยหันหลังกลับไปร่วมกับแปะอีกเลย
สาวกหลายคน ยกเลิก ไม่สนใจอีกแล้ว แม้แต่สินค้าที่แพงแสนแพงก็เลิกซื้อ
สาวกของเสื้อเหลืองหายไปเกินครึ่ง
หลายคนบอกว่า แนวทางของแปะเปลี่ยนไปเพราะ รับเงินแม้ว
หลายคนไม่เชื่อ
แต่มาวันนี้ หลายคนคงจะพอดูออกว่า
อุดมการณ์ของแป๊ะ ไม่ต่างไปจากคนกระหายเงินทั่วไป
หุหุ
ไม่เสียใจเลยที่ผมถอดเสื้อเหลืองมาหลายปี
Edited by arun sound, 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:35.