http://www.dailynews...th/crime/229278
ชี้กระท่อมอ่อนกว่าคาเฟอีน
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกกระท่อมจากยาเสพติดประเภท 5 และนำมาใช้ทดแทนหรือบำบัดผู้ติดยาเสพติดว่า หากจะมีการแก้กฎหมายยกเลิกกระท่อมจากพ.ร.บ.ยาเสพติด จะต้องมีข้อมูลงานวิจัยทางวิชาการที่ชัดเจนสนับสนุน ที่สำคัญคือการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หากมีข้อมูลสนับสนุนและสังคมให้การยอมรับก็สามารถผลักดันให้เป็นจริงได้ เบื้องต้นจากการหารือกับผู้เชี่ยวชาญพบว่าใบกระท่อมมีสารอัลคาลอยด์ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดมีทราไกไน แต่ออกฤทธิ์ในการเสพติดน้อยมากเมื่อเทียบกับการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ จะพบว่าคาเฟอีนในกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มกันเป็นประจำทุกวันออกฤทธิ์เป็นสารเสพติดมากกว่าใบกระท่อม แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถนำใบกระท่อมมาใช้ทดแทนยาบ้าได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นทางออกหนึ่งให้กับผู้ที่มีความเครียดหรือผู้ที่ต้องการเลิกเสพยาเสพติด ดังนั้น จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเหตุใดจึงมีการกำหนดให้กระท่อมเป็นยาเสพติด เพราะส่วนตัวเห็นว่าการยกเลิกจะเป็นประโยชน์มากกว่า
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า คนที่ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังทุกเช้า เมื่อไม่ดื่มก็บอกว่าไม่สดชื่น หรือคนที่สูบบุหรี่บอกว่าสูบแล้วสบายใจ ถ้าผู้เสพยาบ้า ยาไอซ์หันมาใช้ใบกระท่อมแล้วสบายใจก็น่าจะดีกว่า ไม่ต้องไปพึ่งยาเสพติดถือเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า เพราะเรื่องเหล่านี้มีผลทางจิตวิทยาว่ากินแล้วสบายตัวคลายเครียด ทำงานได้ดีขึ้น
เมื่อถามถึงข้อกังวลของฝ่ายความมั่นคงที่เกรงว่าหากยกเลิกจะทำให้มีการนำใบกระท่อมไปผสมเป็นยาสี่คูณร้อย รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า แนวคิดที่จะมีการยกเลิกใบกระท่อมมีมานานแล้ว แต่ต้องหยุดไปเพราะมีข้อคัดค้านของฝ่ายความมั่นคง กรณีสี่คูณร้อยอยากให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าสี่คูณร้อยคือการนำใบกระท่อมไปผสมกับยาเสพติดอื่นคือยาแก้ไอที่มีสารเสพติดเป็นยาต้องห้าม ลำพังตัวใบกระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดแต่เมื่อไปผสมกับยาเสพติดก็คือยาเสพติด หากไม่ใช้ใบกระท่อมไปผสมกับยาแก้ไอ แต่ใช้ยาบำรุงไปผสมก็จะไม่มีผลให้กลายเป็นยาเสพติดไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการนำใบกระท่อมมาทดแทนต้องมีการวิจัยอย่างจริงจังและจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา
“ผมโตมาในสวนฝั่งธนเห็นการปลูก และใช้ใบกระท่อม แต่ไม่เคยเห็นคนเมาคลั่งเหมือนผลข้างเคียงจากการใช้ยาเสพติดอื่น เราไม่ได้สนับสนุนให้คนเสพกระท่อม อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าเห็นว่าใช้แล้วเกิดประโยชน์ ลดการเสพยาบ้าหรือเลิกไปได้เลย ส่วนตามท้องถิ่นที่เคยใช้ใบกระท่อมเป็นยาก็สามารถใช้ได้ตามปกติ ไม่ใช่การสนับสนุนให้มาลองเพราะดีอย่างโน่นอย่างนี้ แม้แต่กาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังเราก็ไม่ควรสนับสนุนเพราะไม่ใช่สิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต” รมว.ยุติธรรม กล่าว
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า การใช้อะไรก็ตามที่มีสารเสพติดน้อยเช่น ใบกระท่อมไปใช้ทดแทนสิ่งที่มีสารเสพติดมาก ถือเป็นยาที่ใช้รักษาผู้ติดยาบ้าเช่นเดียวกับการใช้เมทาโดน ใช้รักษาผู้ติดเฮโรอีน ซึ่งเป็นการใช้สารที่รุนแรงน้อยกว่าไปบำบัดดูแลอาการติดยาเสพติด จากข้อมูลประเทศมาเลเซียไม่จัดให้กระท่อมเป็นยาเสพติด ส่วนกรณีที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ใช้กระท่อมบำบัดผู้ติดมอร์ฟีนยังไม่สามารถนำมาเทียบเคียงได้ เพราะจะต้องรอให้มีผลการวิจัยอย่างเป็นทางการออกมาก่อน แต่ในประเทศเนเธอร์แลนด์สามารถใช้กัญชาในร้านกาแฟได้ แต่ประเทศไทยคงไม่ยอมถึงขนาดนั้น
ด้านพ.ท.นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรมว.ยุติธรรม ให้ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) เพื่อบูรณาการพร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือจริงจัง ทั้งนี้ จากการศึกษาเบื้องต้นมีเพียงประเทศไทยที่จัดให้ใบกระท่อมเป็นยาเสพติดประเภท 5 ทั้งนี้ พบว่าหลายประเทศทั่วโลก เช่น นิวซีแลนด์นำใบกระท่อมไปสกัดเป็นยาแก้ปวด และยาปฏิชีวะอื่น ๆ แต่ในไทยกลับมีการนำใบกระท่อมไปผสมเพื่อเป็นยาเสพติดทำให้มีฤทธิ์รุนแรงเป็นโทษมากว่าเป็นคุณ ทั้งที่จริงแล้วโดยตัวของใบกระท่อมมีสรรพคุณเป็นพืชชนิดหนึ่งที่เป็นยาได้
--------------------------------------------------------------
ถ้าจะปลดกระท่อมออกจากยาเสพติดจริง คงมีเสียงค้านหนักหน่วงเลย
ผมได้ยินจากข่าวเก็บตกจากเนชั่น บอกว่าไทยเราออกกฎหมายควบคุมกระท่อมเมื่อ 70 ปีก่อน
ส่วนตัว คิดว่า อยากให้ลดขั้นให้เป็นยารักษาโรคที่ต้องควบคุมการใช้นะครับ ไม่ใช่ปล่อย free เป็นยาธรรมดา ใครจะคิดต่างจากผมก็ได้
ขอดักคอนิดนึง เดี๋ยวจะมีคนโพสต์ว่านักรบเสื้อเหลือง กินน้ำใบกระท่อม ในกระทู้นี้แน่ๆ
Edited by อู๋ ฮานามิ, 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 14:04.