ถ้าประเทศชาติ คือรถคันหนึ่ง ที่นำพาประชาชนไปสู่เป้าหมาย ที่เรียกกันว่า "ความเจริญ"
เราก็จะมีภาพของความเจริญที่ไม่เหมือนกันเลย ทั้ง 70 ล้านคน
ความเจริญของ ลุงบุญสิน คือ ลูกของแกได้ทำงานมีเงินเดือนดีๆ
ความเจริญของ ป้าน้อย คือ ร้านส้มตำของแกมีลูกค้าเยอะๆ
ความเจริญของ คนวัยทำงาน คือ บริษัทให้เงินเดือนเพิ่มขึ้น และได้โบนัสก้อนงามๆ
ความเจริญของ นักเรียน ม.6 คือ การมีที่เรียนดีๆ คุณครูเก่งๆ ค่าเทอมไม่แพงมากนัก
ความเจริญของ นักอนุรักษ์ คือ ผู้คนสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ความเจริญของ นักบวช คือ ผู้คนมีศีล มีธรรม
ฯลฯ
คน 7 พันล้านคนบนโลกต้องการ "ความเจริญ" ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป วิธีควบคุมรูปแบบที่จะนำไปสู่ความเจริญจึงแตกต่างกันไปแล้วแต่ประเทศไหน มีภูมิหลัง มีประวัติศาสตร์อย่างไร
ประเทศไทยเราเคยเดินทางด้วยรถถีบ รถลาก ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน ไม่ต้องทำลายโลก แต่ปัจจุบันเราเรียกร้องรถเฟอรารี่ ที่จะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น จะได้ทันกับรถคันอื่น ไม่ให้เขาแซง ทั้งๆที่รถแต่ละคันก็ขับกันบนถนนคนละเส้น
รถแต่ละยี่ห้อที่เรานำมาใช้ มีทั้งคว่ำกลางทาง เพราะคนขับไม่ได้เรื่อง มีทั้งโดนกระชากคนขับลงมาเพราะกำลังนำผู้โดยสารไปขุดทองให้ตัวเอง และคันที่กำลังขับอยู่ตอนนี้ก็พาเราหลงไปหลงมา วนเวียนอยู่แต่เป้าหมายของคนขับทางไกล (บังคับวิทยุ) ทำให้คนในรถทะเลาะกันตาย เพราะเป้าหมายปลายทางที่ไม่เหมือนกันเลย
ผู้โดยสารเสื้อแดง : ฉันเลือกคนขับที่เก่งๆ จะได้ถึงเป้าหมายของฉันเร็วๆ ด้วยวิธีอะไรก็ได้ จะแวะไปขุดทองก่อนก็ได้ เพราะเขาจะแบ่งให้ฉันด้วย
ผู้โดยสารเสื้อฟ้า : ในเมื่อคนขับมันโกง มันพาเราหลงไปหลงมา เราจะทำการยกมือประท้วงคนขับ ให้มันเห็นเราในกระจกมองหลัง เผื่อมันจะสนใจเรา
ผู้โดยสารนั่งหลับ : ........ อืม ยังไงก็ได้ กูไม่รู้ กูขออยู่ของกูเงียบๆ *คุณ*จะพากูไปไหนก็ไป
ผู้โดยสารเสื้อเหลือง : เราหยุดรถก่อนไหม? มานั่งพักข้างทางก่อน
แนวทางของผู้โดยสารเสื้อเหลือง คือการรณรงค์ ให้เกิดการปฏิรูปการขับรถ นั่นหมายถึง ต่อไปนี้ เราจะไม่หลงไปหลงมา เราจะไม่ยอมให้คนขับพาไปแวะ เราจะไม่ยืนยกมือในรถ ตะโกนโหวกเหวกให้เมื่อยอีกต่อไปแล้ว
เราจึงต้อง "หยุดรถก่อน" แล้วมาตั้งคำถามว่า เราจะไปไหนกันเหรอ?
เป้าหมายจริงๆของพวกเราคือ ความเจริญด้านวัตถุ หรือความเจริญด้านจิตวิญญาณ ??
ถ้าผู้โดยสารส่วนใหญ่บอกว่า "ความเจริญด้านวัตถุ"
เพื่อให้คนในรถได้รับระบบบริการชั้นเยี่ยม มีหูฉลามเสริฟระหว่างทาง คนในรถต่างก็ใส่ทองเส้นเท่าโซ่ ยิ่งนั่งยิ่งรวย รถคันนี้จะไม่มีใครยอมลุกให้เด็กและสตรีนั่ง เพราะที่นั่งว่างๆหมายถึง "ช่องทางเก็งกำไร" ให้คนที่ไม่มีที่นั่งดิ้นรนหาที่นั่งกันเอาเอง รถคันนี้จะเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่คิดแต่เป้าหมายของตัวเอง และคิดว่าคนอื่นๆที่เป็น "คนส่วนใหญ่" ในรถคันนี้เลือกถูกแล้ว อย่ามากระชากคนขับของฉัน
ถ้าผู้โดยสารส่วนใหญ่บอก "ความเจริญด้านจิตวิญญาณ"
ซึ่งหมายถึง คุณธรรม จริยธรรม คนในรถจะมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และบอกคนขับว่า "ไม่ต้องรีบ" เราไม่ได้แข่งกับใคร ขอแค่คนในรถรู้สึกปลอดภัย มีความสุขในการเดินทางก็พอแล้ว คนขับก็ทำหน้าที่ขับต่อไปอย่าแวะที่ไหนก็พอ
ปัญหาคือ รถคันนี้พ่วงท้ายด้วยผู้โดยสารจำนวน 70 ล้านคน และทรัพยากรในรถเริ่มร่อยหรอลงไปทุกที น้ำดื่มเริ่มน้อยลง อากาศเริ่มร้อนขึ้น ของกินในรถเริ่มแพงขึ้น จนดูเหมือน "จำนวนคน" ที่ต้องการให้รถขับไปให้ถึงเป้าหมายแห่งความเจริญที่ว่า มีมากขึ้น มากขึ้น และต้องขับให้เร็วๆขึ้นอีก
ผู้โดยสารเสื้อเหลือง จึงบอกว่า NO! และบอกให้ผู้โดยสารเสื้อฟ้าหยุดการยกมือตะโกนโหวกเหวกทั้งคณะได้แล้ว เพราะเราควรปฏิรูปรถคันนี้ใหม่ทั้งคัน ไม่ว่าจะตะโกนยังไงคนบังคับวิทยุรถคันนี้ก็ไม่ได้ยิน เขากำลังสนุกกับการบังคับรถให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ตามทีมงานเต็มสรรพกำลัง และผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็กำลังมีความสุข (โดยไม่รู้ว่า ตั๋วโดยสารกำลังจะขึ้นราคา)
รถคันนี้เดินทางด้วยเครื่องยนต์ระบบเดิมๆมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 (81 ปี)
ถึงเวลาหรือยัง? ที่รถคันนี้ก็ควรได้ถอดอะไหล่เก่าๆ รื้อชิ้นส่วนที่เป็นสนิมออกไป แล้วเพิ่มชุดแต่งสปอยเลอร์ กันชนรอบด้าน พร้อมระบบเบรกที่ดีขึ้น ไม่ให้เป็นอันตรายกับผู้โดยสารอีกต่อไป
ชุดแต่งรถคันนี้ จึงควรเป็นชุดแต่งที่คิดค้นขึ้นมาแบบพิเศษ ไม่เหมือนใครในโลก เป็นเจ้าแรกของโลก เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ
ชุดแต่งพิเศษนี้จะมีระบบ Anti Corruption ถ้ามันพบการขับขี่ออกนอกเส้นทาง มันจะดีดคนขับให้ออกไปนั่งรถคันอื่นทันที (รถอาจจะโซเซนิดหน่อย) พอมันดีดเสร็จแล้ว มันก็จะเริ่มกระบวนการ SCAN หาพลขับคนใหม่
ผู้โดยสารบางคนจึงอยากนำเสนอ ระบบ SCAN to CLEAN VOTE เป็นระบบ "กรองผู้มีสิทธิ์เลือกพลขับ" ต่อไปนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเลือกพลขับก็ได้ ต่อไปนี้คนที่นั่งหลับ จะไม่มีสิทธิ์เลือกพลขับตามอำเภอใจ เพราะคุณไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ต่อไปนี้คนที่ถูกว่าจ้างให้เลือกพลขับจะไม่ผ่านการ SCAN เพราะคุณไม่รู้ว่าการเดินทางที่ผ่านมา ทำผู้โดยสารและรถคันนี้เสียหายมากขนาดไหน
ระบบ "กรองผู้มีสิทธิ์เลือกพลขับ" จึงเป็นระบบที่ควร Upgrade จาก "ระบบขีดบัตร version 1.0" ที่ใช้มาหลายสิบปี ด้วยนิยามว่า ใครก็ตามที่อายุเกิน 18 ปีก็เลือกพลขับได้ ระบบเก่าๆนี้ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเลือกตามเพื่อนบอก ตามพ่อแม่บอก เลือกตามคำโฆษณาในป้ายหาเสียง เลือกตามภาพที่เห็นในฟรีทีวี เลือกตามที่มีคนเอาเงินมาให้ โดยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง และไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับการเดินทางในวันต่อไป?
กระทู้นี้จึงขอนำเสนอให้ผู้โดยสารทุกคน ที่ GET IDEA ช่วยกันคิดค้นหารูปแบบ "ระบบกรองผู้มีสิทธิ์เลือกพลขับ" หรือ "บัตรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง" หรือ "ใบขับขี่ทางการเมือง" หรือจะเรียกอะไรดี? ใช้วิธีการอย่างไรกันดี?
ไม่ให้เลือกแล้วได้พลขับที่พาเราออกนอกเส้นทางอยู่ร่ำไป และยุติปัญหาผู้โดยสารเสื้อสีแดง เดินมาตบผู้โดยสารเสื้อสีอื่นอย่างถาวร
นำเสนอโดย "จิตบำบัด" 29 ส.ค. 2556 ไม่สงวนลิขสิทธิ์
บทความที่ 1 : การปฏิรูปการเมืองไทย ที่แท้จริง (27 ส.ค. 2556)
Edited by จิตบำบัด, 29 August 2013 - 04:19.