345 replies to this topic

[Stargate-1]

 

 

 

 

The worst thing that you can do in life is to reason with a stubborn cockroach. This thread, for example, they don't want to give up and you definitely won't win by arguing. They just ignore any fact and keep asking irrelevant questions again and again like an autistic child. You can't out stubborn a person who operates that way all of the time. That person simply wants to win the argument at all costs. They are overruled by their natural desire to be right just for the sake of being right.

At the end, you can give them the facts and have the whole world on your side but they won't listen to reason hence why they are called stubborn cockroach.

 

 

[แฟนคลับจ่า]

ตกลงประเด็นหลักของข้อโต้แย้ง  พี่ลีไม่แย้งแล้วนะครับ     

 

อธิบายนิดนึง  คือประเด็นหลักของกระทู้คือพี่ลีเค้าถามว่า...ทำไมสามล้อไม่ได้แบบคนอื่น...

 

ประเด็นอื่นผมขออยู่นอกวงนะครับ

Edited by แฟนคลับจ่า, 4 September 2013 - 16:20.

[DarkSwan]

 

ส.ว. ผ่าน พ.ร.ก.กู้เงินฯ

 

ที่ประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2552 มีมติอนุมัติพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 หรือ พ.ร.ก.กู้เงินฯ จำนวน 4 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 69 ต่อ 48 งดออกเสียง 11 เสียง จากนั้นที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา วันที่ 23 มิถุนายน 2552 ทันที โดยไม่หยิบยกวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทขึ้นมาพิจารณา อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 ว่า กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

 

เอ๊ง คิดว่า มันทันกับที่เข็คจะออกไหมว่ะ

 

ทางด้านนายธีระ อภัยวงศ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ผู้ดำเนินการออกเช็คช่วยชาติจำนวน 10.5 ล้านฉบับ กล่าวว่า ธนาคารได้ทยอยส่งเช็คช่วยชาติไปตามสาขาธนาคารทั่วประเทศแล้ว โดย สปส.จะรับมอบเช็คที่สาขาธนาคารเพื่อนำไปแจกจ่ายต่อไป

รอบแรกวันที่ 26 มีนาคม 52

รอบต่อไป 31 มีนาคม 52

รอบสุดท้ายคือวันที่ 3 เมษายน 52 เพื่อให้ทันเทศกาลสงกรานต์ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

 

นังแต๋ม และ ไอ้กากลี

 

เอ๊ง ช่วยดูทีว่า มันทันกับที่เช็คจะออกไหมว่ะ

 

 

เด๋วคงจะแถไปว่า นี่มันเงินกู้ 4 แสนล้านว่ะ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

ไปดีกว่า เด๋วเย็น ๆ มาใหม่ นะ ไปซื้อของก่อน

 

 

 

 

 

ถ้าดูตามนั้น แสดงว่า ไม่ใช่เงินกู้ครับ เพราะแจกเช็ครอบสุดท้ายเมษายน 52  เพิ่งอนุมัติให้กู้เมื่อมิถุนายน 52 

มันจะเป็นเงินกู้ได้ก็ต่อเมื่อ มิถุนายน มาก่อนเดือน เมษายน เท่าั้นั้นครับ

 

ตามประเด็นหัวกระทู้ที่ได้ตั้งไว้  คุณปดฯ คุณTamฯ มีข้อมูลอะไรแย้งไหมครับ? หรือจะบอกว่า ไม่ได้พูดถึงเงินกู้ก้อนหนี้ หรือคุณพูดถึงเิงินกู้ก้อนไหน ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนหน่อยนะครับ

พยายามอยู่ในประเด็นที่หัวกระทู้ตั้งไว้ด้วยนะครับ เห็นใจผู้ชมที่ติดตามมาหลายหน้าหน่อย

ขอบคุณครับ

  

Edited by DarkSwan, 4 September 2013 - 16:13.

[ben10]

ผมส่งเงินให้น้องใช้ทุกเดือนเดือนละ 5000 บาท พอมีอยู่เดือนนึงเงินผมช็อตน้องผมก็เลยกู้มาให้ผมใช้ 2000 บาท ผมถามว่าผมใช้เงินกู้ของน้องหรือไม่ สำหรับผมคำตอบคือไม่ เพราะผมใช้เงินของผมเองที่ส่งให้น้องทุกเดือนครับ กรณีที่คุณถามนั้น ถ้าลองเอากรณีใกล้ๆตัวมาคิด ก็จะรู้ว่าเงินที่เข้าและออกนั้นมันกลายเป็นเงินตัวเดียวกันหมด เมื่อรัฐบาลต้องกู้เงินมาใช้จ่าย คนที่ถือว่าใช้เงินกู้นั้นคือ คนที่จ่ายให้รัฐบาลน้อยกว่าที่ได้รับครับ ส่วนคนที่จ่ายมากกว่านั้นไม่ถือว่าได้ใช้เงินกู้นั้นๆครับถึงแม้ว่าจะเขียนวัตถุประสงค์ในการใช้เงินว่ากู้มาเพื่อใช้เฉพาะเจาะจงก็ตาม

[Tam-mic-ra.]

 

 

 

 

 

The worst thing that you can do in life is to reason with a stubborn cockroach. This thread, for example, they don't want to give up and you definitely won't win by arguing. They just ignore any fact and keep asking irrelevant questions again and again like an autistic child. You can't out stubborn a person who operates that way all of the time. That person simply wants to win the argument at all costs. They are overruled by their natural desire to be right just for the sake of being right.

At the end, you can give them the facts and have the whole world on your side but they won't listen to reason hence why they are called stubborn cockroach.

 

 

มาตรา 169 2552.JPG

 

 

คุณรถเก๋งยิงวสันต์

ดูตารางครบๆหน่อย  เลข 19139476 มันอยู่ในข้อ 4.  ที่ปรากฏในตาราง http://www.eppo.go.t...-01-13.html#123  

 

มันแยกกันอยู่แล้วคุณจะมั่วไปโยงมาหากันเพื่ออะไร 

คุณจะเซ่อซ่าบ้าบอไปถึงไหนอีก  ผมอายแทนจริงๆ

[เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง]

ขิงปลงแล้ว  ตกลงให้แต๋มแต๋มกับนังลีชนะแล้วกัน เดี๋ยวไปตลาดลองดูนะว่าจะซื้อไข่ถูกลงมั้ย ค่าแก๊ส ถูกลงรึเปล่า

[tonythebest]

เอาเรื่องเก่าๆ มาให้อ่านกันเล่นครับ

 

 

หอการค้าไทย คาดเงินสะพัดจากเช็คช่วยชาติรอบแรก 15,000 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 29 มี.ค.-นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ได้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม จาก 1,047 ตัวอย่าง ครอบคลุมทั่วประเทศ

พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 32.73 จะใช้จ่ายเต็มจำนวน 2,000 บาท ร้อยละ 56.94 ใช้จ่ายบางส่วนและเก็บออมบางส่วน และร้อยละ 10.33 เก็บออมทั้งหมด

สำหรับกลุ่มที่ใช้จ่ายเต็มจำนวน ระบุว่าจำเป็นต้องใช้อันดับแรก รองลงมาเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล และถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มที่ใช้จ่ายบางส่วนและเก็บออมบางส่วน ระบุว่าจะทยอยใช้จ่ายและจะใช้จ่ายเมื่อยามจำเป็นเป็นอันดับแรก รองลงมาเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล ส่วนกลุ่มที่เก็บออมทั้งหมดเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น จึงควรเก็บออมไว้ใช้ในยามจำเป็นมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ เก็บเป็นที่ระลึก เพราะคาดว่าจะไม่มีการจ่ายเช็คช่วยชาติอีก

อย่างไรก็ตาม หากแยกตามภูมิภาค พบว่าทุกภูมิภาคจะมีการใช้เงินบางส่วนและเก็บเงินบางส่วนมากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแจกเช็ค 2,000 บาทนั้น จะมีเงินบางส่วนที่จะถูกเก็บออมไม่ได้มีการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล นอกจากนี้ หากพิจารณาในกลุ่มรายได้ พบว่ากลุ่มที่จะเก็บออมมากที่สุด คือ กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 7,500 บาท เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ประกอบกับไม่แน่ใจในเรื่องของงาน

ส่วนพฤติกรรมการใช้เช็ค 2,000 บาทนั้น พบว่าร้อยละ 80.69 จะแลกเป็นเงินสดทันที เพราะกลัวหาย รองลงมาร้อยละ 11.29 จะซื้อสินค้าให้เหลือเงินทอนเพื่อไปซื้อของอย่างอื่นหรือออม และร้อยละ 8.01 ซื้อสินค้าทั้งหมด เนื่องจากจะได้รับส่วนลดและสามารถซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงกว่าเช็ค และเมื่อพิจารณาการใช้จ่าย พบว่าร้อยละ 92.49 จะซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รองลงมา ร้อยละ 54.49 ซื้อเสื้อผ้า และร้อยละ 32.85 ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่แยกตามระดับรายได้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท จะใช้จ่ายน้อยกว่ามูลค่าเช็คที่ได้รับ รายได้ตั้งแต่ 10,001-15,000 บาท จะใช้จ่ายเท่ากับมูลค่าเช็คที่ได้รับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ระหว่าง 12,501-15,000 บาท จะใช้จ่ายเท่ากับมูลค่าเช็ครวมกับเงินส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อคนประมาณ 1,546.77 บาท คิดเป็นร้อยละ 75 ของวงเงินที่ได้รับเช็ค 2,000 บาท และจะมีเงินสะพัดในรอบแรก (ภายใน 15 วันจนถึงช่วงสงกรานต์) ประมาณ 15,000-17,000 ล้านบาท โดยการใช้เงินจากเช็คจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3 รอบ ส่งผลให้การหมุนเวียนของเงินทั้งระบบ 45,000-60,000 ล้านบาท ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มขึ้นจากระดับที่ไม่มีมาตรการนี้ร้อยละ 0.3-0.5 และคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้นจากระดับไม่มีมาตรการนี้ร้อยละ 1.5-2.0

ที่มา     : สำนักข่าวไทย
ผู้เสนอ : กลุ่มวิเคราะห์ข่าวและฐานข้อมูล สำนักโฆษก

http://www.thaigov.g...tem/29981-.html

-----------------------

[Tam-mic-ra.]

 

 

 

 

 

 

 

ถ้าดูตามนั้น แสดงว่า ไม่ใช่เงินกู้ครับ เพราะแจกเช็ครอบสุดท้ายเมษายน 52  เพิ่งอนุมัติให้กู้เมื่อมิถุนายน 52 

มันจะเป็นเงินกู้ได้ก็ต่อเมื่อ มิถุนายน มาก่อนเดือน เมษายน เท่าั้นั้นครับ

 

ตามประเด็นหัวกระทู้ที่ได้ตั้งไว้  คุณปดฯ คุณTamฯ มีข้อมูลอะไรแย้งไหมครับ? หรือจะบอกว่า ไม่ได้พูดถึงเงินกู้ก้อนหนี้ หรือคุณพูดถึงเิงินกู้ก้อนไหน ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนหน่อยนะครับ

พยายามอยู่ในประเด็นที่หัวกระทู้ตั้งไว้ด้วยนะครับ เห็นใจผู้ชมที่ติดตามมาหลายหน้าหน่อย

ขอบคุณครับ

  

 

 

ผมเข้าใจอย่างนี้นะ  แต่ยังไม่แม่นข้อมูลวิชาการเรื่อง งบฯ  มาเสริม

 

การแจก2000น่ะ ถูกสร้างให้เป็นโครงการเร่งด่วน  จึงเอาเงินคลังจ่ายไปก่อน  แล้วกู้ตอนกลางปีมาโปะคืนทีหลัง 

 

เคยพูดไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่า Rep ไหน    

และหากพวกคุณจะหักล้าง ก็ควรเป็นฝ่ายเอาข้อมูลวิชาการมาแสดงจะดีกว่าการมาโต้ลอยๆ    ว่า...   จะเอาเงินแจกก่อนกู้ได้ยังไง    แบบนี้

[DarkSwan]

 

 

 

 

 

 

 

 

ถ้าดูตามนั้น แสดงว่า ไม่ใช่เงินกู้ครับ เพราะแจกเช็ครอบสุดท้ายเมษายน 52  เพิ่งอนุมัติให้กู้เมื่อมิถุนายน 52 

มันจะเป็นเงินกู้ได้ก็ต่อเมื่อ มิถุนายน มาก่อนเดือน เมษายน เท่าั้นั้นครับ

 

ตามประเด็นหัวกระทู้ที่ได้ตั้งไว้  คุณปดฯ คุณTamฯ มีข้อมูลอะไรแย้งไหมครับ? หรือจะบอกว่า ไม่ได้พูดถึงเงินกู้ก้อนหนี้ หรือคุณพูดถึงเิงินกู้ก้อนไหน ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนหน่อยนะครับ

พยายามอยู่ในประเด็นที่หัวกระทู้ตั้งไว้ด้วยนะครับ เห็นใจผู้ชมที่ติดตามมาหลายหน้าหน่อย

ขอบคุณครับ

  

 

 

ผมเข้าใจอย่างนี้นะ  แต่ยังไม่แม่นข้อมูลวิชาการเรื่อง งบฯ  มาเสริม

 

การแจก2000น่ะ ถูกสร้างให้เป็นโครงการเร่งด่วน  จึงเอาเงินคลังจ่ายไปก่อน  แล้วกู้ตอนกลางปีมาโปะคืนทีหลัง 

 

เคยพูดไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่า Rep ไหน    

และหากพวกคุณจะหักล้าง ก็ควรเป็นฝ่ายเอาข้อมูลวิชาการมาแสดงจะดีกว่าการมาโต้ลอยๆ    ว่า...   จะเอาเงินแจกก่อนกู้ได้ยังไง    แบบนี้

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

[DarkSwan]

อย่างเช่นวันนี้ผมมีเงิน 5,000.- บาท ผมอยากได้ HDD ตัวใหม่ ผมเลยเอาเงินผมไปซื้อ 3,200.- บาท เหลือเงินอยู่ 1,800.- บาท

ต่อมากลางเดือน ผมเงินไม่พอกินพอใช้ เลยกดบัตรเงินสดมาใช้กินใช้อยู่ก่อน 3,000.- บาท

 

เงินที่กดมาใช้ เรียกว่า ผมกดเงินมาซื้อ HDD หรือ นำมาใช้กินใช้อยู่ครับ?

[Tam-mic-ra.]

 

http://www.thairath....ontent/eco/7651

 

รมช.คลัง เผย การเบิกจ่ายงบกลางปี 52 ตั้งแต่ 9 มี.ค.จนถึงสิ้นเดือน เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 47,727 ล้านบาท คิดเป็น 40.90% ของ 116,700 ล้านบาท โครงการเช็คช่วยชาติสูงสุด ...

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ 52 หรืองบกลางปี ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างน่าพอใจ คือ ตั้งแต่ 9 มี.ค.จนถึงสิ้นเดือน เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 47,727 ล้านบาท คิดเป็น 40.90% ของ 116,700 ล้านบาท ที่เบิกจ่ายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. โครงการเช็คช่วยชาติ 16,216 ล้านบาท คิดเป็น 85.48% 2. โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี 15,071 ล้านบาท คิดเป็น 79.32% 3. โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 7,983 ล้านบาท คิดเป็น 69.97% 4. โครงการหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ 5,999 ล้านบาท คิดเป็น 66.65% 5. โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1,796 ล้านบาท คิดเป็น 59.86% สำหรับโครงการก่อสร้างยังไม่มีการเบิกจ่าย เช่น ทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน สถานที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ และการปรับปรุงสถานีอนามัยในชนบท ส่วนผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปกติจนถึงสิ้น เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 974,829 ล้านบาท หรือ 53.12% ของ 1,835,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 0.88% แต่สูงกว่าในปี 51 ที่เบิกจ่ายได้ 52.83%

 

 

มีใครจะแถว่าเป็นเงินของปี 2551 หรือเงินกองทุนประกันสังคมอีกไหม  
 

[Stargate-1]

 

 

 

 

 

 

The worst thing that you can do in life is to reason with a stubborn cockroach. This thread, for example, they don't want to give up and you definitely won't win by arguing. They just ignore any fact and keep asking irrelevant questions again and again like an autistic child. You can't out stubborn a person who operates that way all of the time. That person simply wants to win the argument at all costs. They are overruled by their natural desire to be right just for the sake of being right.

At the end, you can give them the facts and have the whole world on your side but they won't listen to reason hence why they are called stubborn cockroach.

 

 

มาตรา 169 2552.JPG

 

 

แต๋มครึ่งเดียว
ดูตารางครบๆหน่อย  เลข 19139476 มันอยู่ในข้อ 4.  ที่ปรากฏในตาราง http://www.eppo.go.t...-01-13.html#123  

 

มันแยกกันอยู่แล้วคุณจะมั่วไปโยงมาหากันเพื่ออะไร 

คุณแต๋มเซ่อซ่าบ้าบอไปถึงไหนอีก  ผมอายแทนจริงๆ

 

 

.ให้ดูว่ามาตร 169  เขาไว้ใช้ทำอะไร เขาต้องแสดงวิธีหาเงินมาเข้าคลังอย่างไรด้วย  งบที่ตั้งไว้ เขาเอาไว้ของบชดเชย เงินที่จ่ายไปแล้วจำนวน 18,970 ล้านบาทซึ่งเป็บงบปีที่แล้ว ที่ต้องเอาไปคืนคลัง แต่ดึงเอางบมาใช้ก่อน เมื่อใช้ไปแล้ว ตามที่มาร์คไว้ ก็ต้องเอาไปคืนคลัง 19,139476 ล้านบาท ให้เป็นเงินคงคลัง เนื่องจากคลังมีเงินเหลือน้อยมาก ประมาณ 5 หมื่นล้านช่วง ม.ค. 52

 

ส่วนเงิน 18,970 ล้านบาท  เป็นเงินที่ใช้จ่ายเช็คช่วยชาติไปแล้วให้คนจำนวน 9 ล้านคน โดยเอามาจากงบปีที่แล้ว ต้องหาเงินจากภาษีสรรพสามิตรน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาและรายได้ภาษีจากการกระตุ้นเศษฐกิจมาคืนคลัง ตามมาตรา 169 โดยคุณกรยืนยันว่าไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน
 

"ต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 คาดว่าช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2552 เงินคงคลังจะติดลบประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งตัวเลขเงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2551 (ก.ย. 2551) อยู่ที่ 2.29 แสนล้านบาท และเดือน ต.ค. 2551 ฐานะเงินคงคลังอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ล่าสุดเดือนม.ค. 2552 เงินคงคลังลดเหลือประมาณ 5.17 หมื่นล้านบาท เท่านั้น"

 

ถ้าไม่มีการนำเงินจากเงินคงคลังปี 2551 มาใช้ก่อน คงไม่ต้องของบตามมาตรา 169 เป็นจำนวน 19,139.476 ล้าน

Edited by Stargate-1, 4 September 2013 - 17:15.

[Tam-mic-ra.]

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ถ้าดูตามนั้น แสดงว่า ไม่ใช่เงินกู้ครับ เพราะแจกเช็ครอบสุดท้ายเมษายน 52  เพิ่งอนุมัติให้กู้เมื่อมิถุนายน 52 

มันจะเป็นเงินกู้ได้ก็ต่อเมื่อ มิถุนายน มาก่อนเดือน เมษายน เท่าั้นั้นครับ

 

ตามประเด็นหัวกระทู้ที่ได้ตั้งไว้  คุณปดฯ คุณTamฯ มีข้อมูลอะไรแย้งไหมครับ? หรือจะบอกว่า ไม่ได้พูดถึงเงินกู้ก้อนหนี้ หรือคุณพูดถึงเิงินกู้ก้อนไหน ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนหน่อยนะครับ

พยายามอยู่ในประเด็นที่หัวกระทู้ตั้งไว้ด้วยนะครับ เห็นใจผู้ชมที่ติดตามมาหลายหน้าหน่อย

ขอบคุณครับ

  

 

 

ผมเข้าใจอย่างนี้นะ  แต่ยังไม่แม่นข้อมูลวิชาการเรื่อง งบฯ  มาเสริม

 

การแจก2000น่ะ ถูกสร้างให้เป็นโครงการเร่งด่วน  จึงเอาเงินคลังจ่ายไปก่อน  แล้วกู้ตอนกลางปีมาโปะคืนทีหลัง 

 

เคยพูดไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่า Rep ไหน    

และหากพวกคุณจะหักล้าง ก็ควรเป็นฝ่ายเอาข้อมูลวิชาการมาแสดงจะดีกว่าการมาโต้ลอยๆ    ว่า...   จะเอาเงินแจกก่อนกู้ได้ยังไง    แบบนี้

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

ถ้าเอาตามตัว นส.แดงที่คุณว่า    มันก็จะไม่มีวินัยการเงินการคลังนะครับ

ไปอ่านดูลิ๊ง http://www.eppo.go.t...2-01-13.html#13 ก่อนดีกว่าครับ  

ไปดูในตารางข้อ13. นะ        ......  มติ ครม. เขาก็แยกตัวเลขชัดเจนครับ ว่าตรงไหนเอาจากไหน-ไปทำอะไร

 

มันมีหลักวิชาการเรื่องงบประมาณอยู่นะครับ  คุณจะเอาเรื่องซื้อ HDD มาเปรียบไม่ได้หรอก

Edited by Tam-mic-ra., 4 September 2013 - 17:07.

[Stargate-1]

 

http://www.thairath....ontent/eco/7651

 

รมช.คลัง เผย การเบิกจ่ายงบกลางปี 52 ตั้งแต่ 9 มี.ค.จนถึงสิ้นเดือน เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 47,727 ล้านบาท คิดเป็น 40.90% ของ 116,700 ล้านบาท โครงการเช็คช่วยชาติสูงสุด ...

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ 52 หรืองบกลางปี ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างน่าพอใจ คือ ตั้งแต่ 9 มี.ค.จนถึงสิ้นเดือน เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 47,727 ล้านบาท คิดเป็น 40.90% ของ 116,700 ล้านบาท ที่เบิกจ่ายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. โครงการเช็คช่วยชาติ 16,216 ล้านบาท คิดเป็น 85.48% 2. โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี 15,071 ล้านบาท คิดเป็น 79.32% 3. โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 7,983 ล้านบาท คิดเป็น 69.97% 4. โครงการหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ 5,999 ล้านบาท คิดเป็น 66.65% 5. โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1,796 ล้านบาท คิดเป็น 59.86% สำหรับโครงการก่อสร้างยังไม่มีการเบิกจ่าย เช่น ทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน สถานที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ และการปรับปรุงสถานีอนามัยในชนบท ส่วนผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปกติจนถึงสิ้น เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 974,829 ล้านบาท หรือ 53.12% ของ 1,835,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 0.88% แต่สูงกว่าในปี 51 ที่เบิกจ่ายได้ 52.83%

 

 

มีใครจะแถว่าเป็นเงินของปี 2551 หรือเงินกองทุนประกันสังคมอีกไหม  
 

 

กรมบัญชีกลางแจงเช็คช่วยชาติ [7 มี.ค. 52 - 04:47]

เมื่อ เสาร์, 07/03/2009 - 22:28

 

กรมบัญชีกลางแจงเช็คช่วยชาติ [7 มี.ค. 52 - 04:47]
 
       น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงเรื่องการสั่งจ่ายเช็คช่วยชาติว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคม ยังไม่ได้ตัดสินให้ธนาคารพาณิชย์รายใดเป็นผู้จัดพิมพ์และจัดส่งเช็คช่วยชาติตามนโยบายของรัฐบาล เพราะยอดพิมพ์ที่สูงถึง 9.7 ล้านฉบับ และต้องเริ่มจัดส่งให้ได้ในวันที่ 26 มี.ค. เป็นวันแรก ถึง 8 เม.ย. เป็นวันสุดท้าย ถือเป็นยอดการพิมพ์เช็คที่สูงมาก ธนาคารพาณิชย์เพียงรายเดียวคงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการจัดพิมพ์เช็คดังกล่าวมีวิธีการ และขั้นตอนที่ยุ่งยากพอสมควร

       “กระแสข่าวที่ระบุว่าธนาคารกรุงไทยจะเป็นผู้ชนะการประมูลพิมพ์เช็คนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะวันที่ 6 มี.ค. เป็นวันสุดท้ายที่ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 23 แห่ง จะยื่นเงื่อนไขและราคามายังกรมบัญชีกลาง โดยธนาคารพาณิชย์ทั้ง 23 แห่ง ทราบมาโดยตลอดว่า ธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวคงไม่สามารถพิมพ์เช็คและจัดส่งได้ตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน”

       น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าวต่อว่า การพิมพ์เช็คจำนวนดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีการตั้งเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง เพราะถือเป็นการเบิกจ่ายเงินที่จัดอยู่หมวดพัสดุ ไม่ต้องเปิดให้มีการประมูลเพียงแต่ให้แต่ละธนาคารเสนอราคาแล้วสอบทานราคาว่าอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุว่าเช็คแต่ละฉบับจะมีราคากี่บาท เพราะล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ของวานนี้ (6 มี.ค.) มีธนาคารเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่เสนอตัวเป็นผู้จัดพิมพ์เช็คคือธนาคารกรุงไทยและธนาคารกสิกรไทย

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า หลักการที่กำหนดไว้แนวทางขั้นตอนการพิมพ์การจ่ายเช็คต้องมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งน่ายินดีที่กระทรวงแรงงาน รายงานว่าต้นทุนในการดำเนินการถูกมากลดลงได้จากราคาปกติ 50% แต่กรณีที่มีข่าวว่าต้องการให้ธนาคารกรุงไทยชนะประมูลนั้น ขอไปดูรายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้ง ขณะที่แนวทางในการจ่ายเช็คช่วยชาติของรัฐบาล จะยึดหลักความยืดหยุ่นมากที่สุดเพื่อให้ผู้ได้รับเช็คนำไปใช้ตามความต้องการเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นขณะนี้จะต้องมีมาตรการช่วยเหลืออีกหลายด้านเพราะปัญหายังไม่หยุดแน่นอน.

 

 ที่มา:  http://www.thaigoodview.com/node/20487

 

การดำเนินการเตรียมเช็คใช้เวลา 20 วัน ไม่ทราบว่าเงินกู้หลังอนุมัติแล้ว ในวันที่เท่าไหร่ ใช้เวลาหาธนาคารที่จะจ่ายเช็ค เท่าไหร่   แล้วเช็คจ่ายโดยใคร ตอนเราตักบาตรตอนเช้า แม่หุ้งข้าว ทำกับข้าวให้เราตักบาตร ถามว่าผลบุญจะตกถึงใคร

[พอล คุง]

 

http://www.thairath....ontent/eco/7651

 

รมช.คลัง เผย การเบิกจ่ายงบกลางปี 52 ตั้งแต่ 9 มี.ค.จนถึงสิ้นเดือน เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 47,727 ล้านบาท คิดเป็น 40.90% ของ 116,700 ล้านบาท โครงการเช็คช่วยชาติสูงสุด ...

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ 52 หรืองบกลางปี ซึ่งเป็นมาตรการบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างน่าพอใจ คือ ตั้งแต่ 9 มี.ค.จนถึงสิ้นเดือน เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 47,727 ล้านบาท คิดเป็น 40.90% ของ 116,700 ล้านบาท ที่เบิกจ่ายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. โครงการเช็คช่วยชาติ 16,216 ล้านบาท คิดเป็น 85.48% 2. โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี 15,071 ล้านบาท คิดเป็น 79.32% 3. โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 7,983 ล้านบาท คิดเป็น 69.97% 4. โครงการหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ 5,999 ล้านบาท คิดเป็น 66.65% 5. โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1,796 ล้านบาท คิดเป็น 59.86% สำหรับโครงการก่อสร้างยังไม่มีการเบิกจ่าย เช่น ทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน สถานที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจ และการปรับปรุงสถานีอนามัยในชนบท ส่วนผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปกติจนถึงสิ้น เม.ย.52 เบิกจ่ายแล้ว 974,829 ล้านบาท หรือ 53.12% ของ 1,835,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 0.88% แต่สูงกว่าในปี 51 ที่เบิกจ่ายได้ 52.83%

 

 

มีใครจะแถว่าเป็นเงินของปี 2551 หรือเงินกองทุนประกันสังคมอีกไหม  
 

 

นังแต๋ม เอ๊ง คิดว่า เช็คช่วยชาติ จะจ่ายทันไหมละ ในเมื่อสภา กว่าจะอนุมัติ เอ๊งคิดว่า มันจะใช้เงินก้อนไหนระหว่าง

 

1.งบประมาณรายจ่ายเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท
2.งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

เอ๊งคิดว่า เป็นเงินกู้ หรือ เงินชดใช้คงคลัง นำมาใช้ละว่ะ

 

เอ๊ง ช่วยตอบที ในเมือ เช็คมันออกมาก่อน ที่ สภา จะอนุมัติเงินกู้ว่ะ

 

ทางด้านนายธีระ อภัยวงศ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ผู้ดำเนินการออกเช็คช่วยชาติจำนวน 10.5 ล้านฉบับ กล่าวว่า ธนาคารได้ทยอยส่งเช็คช่วยชาติไปตามสาขาธนาคารทั่วประเทศแล้ว โดย สปส.จะรับมอบเช็คที่สาขาธนาคารเพื่อนำไปแจกจ่ายต่อไป

รอบแรกวันที่ 26 มีนาคม 52

รอบต่อไป 31 มีนาคม 52

รอบสุดท้ายคือวันที่ 3 เมษายน 52 เพื่อให้ทันเทศกาลสงกรานต์ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

[notcomeng]

อุตสาห์ตามอ่านเรื่องสามล้อ พอเจอเรื่องแท็กซี่ไป สามล้อหลบลงข้างทางไปเงียบๆเลย     

[แดงแสงเทียน]

อุตสาห์ตามอ่านเรื่องสามล้อ พอเจอเรื่องแท็กซี่ไป สามล้อหลบลงข้างทางไปเงียบๆเลย     

แท็กซี่เดี๋ยวก็หลบ

มันยังมีข้าวมันไก่อยู่ ตามไปเดี๋ยวก็ถึงเรื่องชั่งไข่

ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ล้วนเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ ชั่งไข่

[พอล คุง]

 

อุตสาห์ตามอ่านเรื่องสามล้อ พอเจอเรื่องแท็กซี่ไป สามล้อหลบลงข้างทางไปเงียบๆเลย     

แท็กซี่เดี๋ยวก็หลบ

มันยังมีข้าวมันไก่อยู่ ตามไปเดี๋ยวก็ถึงเรื่องชั่งไข่

ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ล้วนเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ ชั่งไข่

 

 

ผมว่าต้องวนไปเรื่องหนีทหารก่อน

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

ผมว่า เร็ว ๆ นี้ละ จะมีทู้หนีทหารเกิดขึ้นแน่นวล

[Bookmarks]

 ชื่อกระทู้บอกว่าเป็นเงินกู้ เจอหลักฐานว่าเบิกจ่ายก่อนจะกู้ ก็แถไปอีกเรื่องว่า เป็นเงินงบประมาณ ไม่ใช่เป็นเงินที่มาจากกองทุนทดแทน 

[Tam-mic-ra.]

จากหลักฐาน มันก็เป็นเงินกู้นั่นแหล่ะ   แต่แจก2000น่ะ เขาสร้างว่าเป็นเรื่องด่วน ก็เลยเบิกงบจ่ายก่อน 

แล้วก็กู้เงินทีหลังตามมติ ครม.    ...   เอามาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ  

 

ไม่รู้คนบางคนมันจะแถกันไปถึงไหน 

[พอล คุง]

จากหลักฐาน มันก็เป็นเงินกู้นั่นแหล่ะ   แต่แจก2000น่ะ เขาสร้างว่าเป็นเรื่องด่วน ก็เลยเบิกงบจ่ายก่อน 

แล้วก็กู้เงินทีหลังตามมติ ครม.    ...   เอามาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ  

 

ไม่รู้คนบางคนมันจะแถกันไปถึงไหน 

 

หรือ เอ๊ง จะเถียง กะ มติ ครม วันที่ 3 มีนา 2552 ว่ะ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

[มึนดีจัง]

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

 

มั่วแล้วครับ

มันไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยอาแปีะนะครับ อันนี้มันการบริการราชการ แต่ละโครงการมันต้องมีที่มาของเงิน

เขาก็ระบุไว้ในมติครมที่ จขกท เขาเอามาให้ดูชัดเจนถึงที่มาของเงินแล้ว

 

อันที่พอลคุงเอามานั่น มันต้นปีงบประมาณ เขายังไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไดน เขาก็เอาเงินที่เหลือมาจ่ายไปก่อน แล้วมาออกมติทีหลังเพื่อระบุที่มาของเงินที่ใช้ให้ถูกต้อง

 

แล้วหากใช้ตรรกะแบบคุณ ทุกโครงการก็สามารุอ้างได้หมดสิครับว่าไม่ได้ใช้เงินกู้ อ้างว่าใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีเก็บสะสมมา แล้วโยนไปให้โครงการอื่นว่าเป็นเงินกู้กันหมด

 

มันใช่อย่างนั้นเหรอครับ?

 

ทุกโครงการเขาต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ครับ

 

อย่ามามั่ว

[ID007]

มัวแต่ไปบ้าตาม ควายแดงหลอกคุยเรื่องเก่าๆ ทำไม

 

มันก็แค่เบี่ยงประเด็นชั่วๆของรัฐบาลอิปูโง่ ในขณะนี้เท่านั้น

 

ยิ่งไปตอบมัน มันก็ลากยาวไปไถนากะมันโน่นเลย ปิดกระทู้ ไปตั้งกระทู้ เรื่องข้าวจำนำ เสียหาย 6 แสนล้านบาทได้

 

แต่ให้สวนยางซักห้าหมื่นล้านไม่ได้ดีกว่าเพราะตัวเหียคิดน้องทำ ใช่ป่าว

Edited by ID007, 4 September 2013 - 22:21.

[DarkSwan]

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

 

มั่วแล้วครับ

มันไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยอาแปีะนะครับ อันนี้มันการบริการราชการ แต่ละโครงการมันต้องมีที่มาของเงิน

เขาก็ระบุไว้ในมติครมที่ จขกท เขาเอามาให้ดูชัดเจนถึงที่มาของเงินแล้ว

 

อันที่พอลคุงเอามานั่น มันต้นปีงบประมาณ เขายังไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไดน เขาก็เอาเงินที่เหลือมาจ่ายไปก่อน แล้วมาออกมติทีหลังเพื่อระบุที่มาของเงินที่ใช้ให้ถูกต้อง

 

แล้วหากใช้ตรรกะแบบคุณ ทุกโครงการก็สามารุอ้างได้หมดสิครับว่าไม่ได้ใช้เงินกู้ อ้างว่าใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีเก็บสะสมมา แล้วโยนไปให้โครงการอื่นว่าเป็นเงินกู้กันหมด

 

มันใช่อย่างนั้นเหรอครับ?

 

ทุกโครงการเขาต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ครับ

 

อย่ามามั่ว

 

 

ผมคงเข้าใจผิดเองล่ะครับ

ส่วนใหญ่ผมทำด้านสารบรรณและสวัสดิการ มันจะมองงบภาพรวมเป็นหลัก ส่วนใหญ่พวกงบค่ารักษาพยาบาลที่เป็นงบควบคุมไม่ได้ มันก็เกินเสมอ

[พอล คุง]

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

 

มั่วแล้วครับ

มันไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยอาแปีะนะครับ อันนี้มันการบริการราชการ แต่ละโครงการมันต้องมีที่มาของเงิน

เขาก็ระบุไว้ในมติครมที่ จขกท เขาเอามาให้ดูชัดเจนถึงที่มาของเงินแล้ว

 

อันที่พอลคุงเอามานั่น มันต้นปีงบประมาณ เขายังไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไดน เขาก็เอาเงินที่เหลือมาจ่ายไปก่อน แล้วมาออกมติทีหลังเพื่อระบุที่มาของเงินที่ใช้ให้ถูกต้อง

 

แล้วหากใช้ตรรกะแบบคุณ ทุกโครงการก็สามารุอ้างได้หมดสิครับว่าไม่ได้ใช้เงินกู้ อ้างว่าใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีเก็บสะสมมา แล้วโยนไปให้โครงการอื่นว่าเป็นเงินกู้กันหมด

 

มันใช่อย่างนั้นเหรอครับ?

 

ทุกโครงการเขาต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ครับ

 

อย่ามามั่ว

 

 

ไม่มีไรแค่อยากแปะ เท่านั้นเองจริง ๆ

 

http://www.bb.go.th/...00/00000042.PDF

 

เอ๋ อยากรู้ว่า มันรระบุไหมเน้อว่า ก้อนนั้นมาจากเงินกู้ ก้อนนั้นมาจากเงินอะไร

 

ปล. แปะให้อ่านเล่น ๆ อ่าาาาาาาาาาาาาาา

Edited by พอล คุง, 4 September 2013 - 22:39.

[พอล คุง]

 

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

 

มั่วแล้วครับ

มันไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยอาแปีะนะครับ อันนี้มันการบริการราชการ แต่ละโครงการมันต้องมีที่มาของเงิน

เขาก็ระบุไว้ในมติครมที่ จขกท เขาเอามาให้ดูชัดเจนถึงที่มาของเงินแล้ว

 

อันที่พอลคุงเอามานั่น มันต้นปีงบประมาณ เขายังไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไดน เขาก็เอาเงินที่เหลือมาจ่ายไปก่อน แล้วมาออกมติทีหลังเพื่อระบุที่มาของเงินที่ใช้ให้ถูกต้อง

 

แล้วหากใช้ตรรกะแบบคุณ ทุกโครงการก็สามารุอ้างได้หมดสิครับว่าไม่ได้ใช้เงินกู้ อ้างว่าใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีเก็บสะสมมา แล้วโยนไปให้โครงการอื่นว่าเป็นเงินกู้กันหมด

 

มันใช่อย่างนั้นเหรอครับ?

 

ทุกโครงการเขาต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ครับ

 

อย่ามามั่ว

 

 

ผมคงเข้าใจผิดเองล่ะครับ

ส่วนใหญ่ผมทำด้านสารบรรณและสวัสดิการ มันจะมองงบภาพรวมเป็นหลัก ส่วนใหญ่พวกงบค่ารักษาพยาบาลที่เป็นงบควบคุมไม่ได้ มันก็เกินเสมอ

 

 

พูดตามตรงนะครับ

 

ถ้ามาระบุว่าเงินก้อนนั้น มาจากเงินกู้เงินก้อนนั่น มาจากไหน

 

อย่างที่ ไอ้กากลี มาบอกว่า สมมุติว่า กระทรวง นั้นก้อเงินจากเงินกู้ กระทรวงนั้นก้อต้องทำหนังสือว่า เป็นงบประมาณเิงินกู้

 

คิดว่า มันจะยุ่งยากไป มะ

 

แล้ว เวลาจะออก พรบ อะไร เค้าจะมานับเหรอว่า นี่คือเงินกู้ นี่คือเงินคลัง เพราะมันปนกันหมด

 

แต่สิ่งที่เราพอจะดูได้คือ เงินเบิกใช้จ่ายเมื่อไหร่ เบิกไปเท่าไหร่ เอาไปทำอะไร ก้อแค่นั้น จริงไหมครับ 

 

ในทางบัีญชิ เราไม่รู้เลยว่า เงินที่ใช้ไปเป็นเงินกู้หรือเงินคลังของ บริษัท หรือ ส่วนราชการ

 

แต่เรารู้ว่า เงินก้อนนั้น เบิกเมื่อไหร่ เวลาไหน จำนวนเท่าไหร่ จริงไหม

Edited by พอล คุง, 4 September 2013 - 22:48.

[แดงแสงเทียน]

จ่ายก่อนกู้ กู้ก่อนจ่าย

เอาแล้วไข่เกิดก่อนไก่ หรือ ไก่เกิดก่อนไข่ 

 

ใกล้ไข่เข้าไปแล้ว

[มึนดีจัง]

 

พูดตามตรงนะครับ

ถ้ามาระบุว่าเงินก้อนนั้น มาจากเงินกู้เงินก้อนนั่น มาจากไหน

อย่างที่ ไอ้กากลี มาบอกว่า สมมุติว่า กระทรวง นั้นก้อเงินจากเงินกู้ กระทรวงนั้นก้อต้องทำหนังสือว่า เป็นงบประมาณเิงินกู้

คิดว่า มันจะยุ่งยากไป มะ

 

 

ไม่ยุ่งยากครับ

 

นี่การบริหารราชการแผ่นดินนะครับ ไม่ใช่ร้านคอมพิวเตอร์กระจอกๆ แถวบ่อสร้างนะครับ   

 

ทุกโครงการเขาระบุที่มาของเงินทั้งนั้นครับ 

Edited by มึนดีจัง, 4 September 2013 - 22:55.

[Stargate-1]

 

 

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

 

มั่วแล้วครับ

มันไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยอาแปีะนะครับ อันนี้มันการบริการราชการ แต่ละโครงการมันต้องมีที่มาของเงิน

เขาก็ระบุไว้ในมติครมที่ จขกท เขาเอามาให้ดูชัดเจนถึงที่มาของเงินแล้ว

 

อันที่พอลคุงเอามานั่น มันต้นปีงบประมาณ เขายังไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไดน เขาก็เอาเงินที่เหลือมาจ่ายไปก่อน แล้วมาออกมติทีหลังเพื่อระบุที่มาของเงินที่ใช้ให้ถูกต้อง

 

แล้วหากใช้ตรรกะแบบคุณ ทุกโครงการก็สามารุอ้างได้หมดสิครับว่าไม่ได้ใช้เงินกู้ อ้างว่าใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีเก็บสะสมมา แล้วโยนไปให้โครงการอื่นว่าเป็นเงินกู้กันหมด

 

มันใช่อย่างนั้นเหรอครับ?

 

ทุกโครงการเขาต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ครับ

 

อย่ามามั่ว

 

 

ผมคงเข้าใจผิดเองล่ะครับ

ส่วนใหญ่ผมทำด้านสารบรรณและสวัสดิการ มันจะมองงบภาพรวมเป็นหลัก ส่วนใหญ่พวกงบค่ารักษาพยาบาลที่เป็นงบควบคุมไม่ได้ มันก็เกินเสมอ

 

 

พูดตามตรงนะครับ

 

ถ้ามาระบุว่าเงินก้อนนั้น มาจากเงินกู้เงินก้อนนั่น มาจากไหน

 

อย่างที่ ไอ้กากลี มาบอกว่า สมมุติว่า กระทรวง นั้นก้อเงินจากเงินกู้ กระทรวงนั้นก้อต้องทำหนังสือว่า เป็นงบประมาณเิงินกู้

 

คิดว่า มันจะยุ่งยากไป มะ

 

แล้ว เวลาจะออก พรบ อะไร เค้าจะมานับเหรอว่า นี่คือเงินกู้ นี่คือเงินคลัง เพราะมันปนกันหมด

 

แต่สิ่งที่เราพอจะดูได้คือ เงินเบิกใช้จ่ายเมื่อไหร่ เบิกไปเท่าไหร่ เอาไปทำอะไร ก้อแค่นั้น จริงไหมครับ 

 

ในทางบัีญชิ เราไม่รู้เลยว่า เงินที่ใช้ไปเป็นเงินกู้หรือเงินคลังของ บริษัท หรือ ส่วนราชการ

 

แต่เรารู้ว่า เงินก้อนนั้น เบิกเมื่อไหร่ เวลาไหน จำนวนเท่าไหร่ จริงไหม

 

 

• (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท
• (2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

ถ้ารัฐไม่กู้เงิน 95,860.5237 ล้านบาท รัฐจะมีเงินจ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทได้ไหม 

 

เอาเงินจากคลังมาจ่ายเช็ค 2,000 บาท เวลาเอาเงินคืนคลัง ก็เอาเงินที่เก็บจากภาษีสรรพสามิตและรายได้จากภาษีไปคืนคลัง   

แต่เวลารายงาน กลับบอกว่าเอาเงินจ่ายเช็คมาจากเงินกู้ ฟ้งดูแล้ว แปลกดี

[มึนดีจัง]

 

• (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท
• (2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

ถ้ารัฐไม่กู้เงิน 95,860.5237 ล้านบาท รัฐจะมีเงินจ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทได้ไหม 

 

เอาเงินจากคลังมาจ่ายเช็ค 2,000 บาท เวลาเอาเงินคืนคลัง ก็เอาเงินที่เก็บจากภาษีสรรพสามิตและรายได้จากภาษีไปคืนคลัง   

แต่เวลารายงาน กลับบอกว่าเอาเงินจ่ายเช็คมาจากเงินกู้ ฟ้งดูแล้ว แปลกดี

 

 

 

starbuck ขี้ฟ้อง ทำไมไม่เรียก mod มาช่วยต่อหล่ะครับ 

[แดงแสงเทียน]

เคยได้ฟัง ดร.อะไรๆของฝังเสื้อแดงนี่แหละ

งบกู้ของรัฐบาล มันเรื่องของรัฐบาล รัฐบาลเป็นผู้ใช้คืน จะเอาไปจ่ายหรือ เอาไปเก็บ ไปทดแทนหนี้เก่ามันเรื่องของรัฐบาล

งบประมาณมันเรื่องของกระทรวง เป็นไปตามระเบียบการเบิกจ่าย ไม่พอรัฐบาลก็หาเงินกู้มา ให้กระทรวงกู้ต่อ ง่ายๆยังงี้แหละ

[Stargate-1]

 

 

• (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท
• (2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

ถ้ารัฐไม่กู้เงิน 95,860.5237 ล้านบาท รัฐจะมีเงินจ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทได้ไหม 

 

เอาเงินจากคลังมาจ่ายเช็ค 2,000 บาท เวลาเอาเงินคืนคลัง ก็เอาเงินที่เก็บจากภาษีสรรพสามิตและรายได้จากภาษีไปคืนคลัง   

แต่เวลารายงาน กลับบอกว่าเอาเงินจ่ายเช็คมาจากเงินกู้ ฟ้งดูแล้ว แปลกดี

 

 

 

starbuck ขี้ฟ้อง ทำไมไม่เรียก mod มาช่วยต่อหล่ะครับ 

 

 

ทำไมถึงไม่กล้าพนัน เองไม่ยอมเสี่ยงเอง

 

แต่ถึงอย่างไรก็แพ้อยู่ดี แพ้แล้วก้เบียวอีกตามเคย ขนาดเขาแบนยังเบี้ยวเลย

 

เงินที่กู้มาเป็นการกู้มาเพื่อเพิ่มรายได้ให้สมดุลย์กับรายได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตรที่เก็บเพิ่มและภาษีรายได้มากกว่า

ลองคิดดู ถ้ามีนโยบายจ่ายเช็คอย่างเดียว ก็มีรายรับพอจะจ่ายได้อยู่แล้ว ที่เขากู้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าคลังจะได้เงินคืน พอจะยอมรับได้ไหมหนูลี

[แดงแสงเทียน]

ประเทศไทยต้องกู้ทุกรัฐบาล งบประมารขาดดุลย์ทุกปี

 

พอจะเถียงกันว่ากู้มากไปกู้น้อยไป ก็จะมีคนเบี่ยงประเด็นไป สารพัด

 

ทั้งที่รู้ๆว่า ไม่มีฝ่ายไหนปฏิเสธเงินกู้

 

ทั้งๆที่รู้ว่าต้องตรวจสอบระเบียบการจ่ายเงิน

 

แต่เราเชื่ออยู่อย่างว่า ปชป ชำนาญ แม่นระเบียบการจ่ายเงิน พลาดยาก 

 

อย่าบอกว่าเราคิดไปเอง ไม่เชื่อก็รองฟ้องดู

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

starbuck ขี้ฟ้อง ทำไมไม่เรียก mod มาช่วยต่อหล่ะครับ 

 

 

2-3 วันนี้ ผมไม่เคยเห็นคุณม็อดอยู่สักคนนะ  พวกคุณเลยลอยชายวิ่งเล่นได้แบบย่ามใจ

ที่รู้ว่า "ไม่มีม็อดควายเริงร่า" เพราะผมออนทิ้งไว้ทั้งวัน  แวะเข้ามาดูกระทู้ทีไร ม็อดไม่อยู่เลย

 

อย่าหลงย่ามใจไปนะ

[Stargate-1]

ประเทศไทยต้องกู้ทุกรัฐบาล งบประมารขาดดุลย์ทุกปี

 

พอจะเถียงกันว่ากู้มากไปกู้น้อยไป ก็จะมีคนเบี่ยงประเด็นไป สารพัด

 

ทั้งที่รู้ๆว่า ไม่มีฝ่ายไหนปฏิเสธเงินกู้

 

ทั้งๆที่รู้ว่าต้องตรวจสอบระเบียบการจ่ายเงิน

 

แต่เราเชื่ออยู่อย่างว่า ปชป ชำนาญ แม่นระเบียบการจ่ายเงิน พลาดยาก 

 

อย่าบอกว่าเราคิดไปเอง ไม่เชื่อก็รองฟ้องดู

 

ถ้าผมเป็นฝ่ายค้านตอนนั้น  ผมจะขอตัดงบ 18,970.40 ล้านบาทออก เพราะรัฐบอกว่าขึ้นภาษีสรรพสามิตรน้ำมันมาจ่ายคืนเงินคงคลังแล้ว   ถ้าจะกู้มาคืนคลัง ทำไมต้องขึ้นภาษีให้ชาวบ้านเดือดร้อนด้วย  สส.เพื่อไทย นี่ซื่อบื้อจริงๆ        

[DarkSwan]

 

 

 

 

ถ้าอย่างนั้น คุณคงต้องเข้าใจว่า 

เงินมันก็เหมือนน้ำ เมื่อมารวมเป็นก้อน มันก็ย่อมปนเปกันไปหมด เงินงบประมาณ จะมาจากทางไหน เมื่อมารวมก็ย่อมเรียกว่าเงินงบประมาณ

 

คุณจะเอาอะไรมาแยกว่า เงินบาทนี้ เป็นเงินกู้ เงินบาทนี้เป็นภาษี เงินบาทนี้ เป็นรายได้อย่างอื่น

มันบอกไม่ได้ครับ มันบอกได้จากเรื่องของบัญชี

 

เมื่อเงินคลังถูกจ่าย ณ วันใด มันคืองบประมาณ ณ วันนั้น เป็นงบส่วนนั้น 

ส่วนรายได้ เพื่อมาชดเชย หรือจะโป๊ะ ก็แล้วแต่ มันคืออีกเรื่อง

 

ถ้าใช้ตรรกะของคุณ เงินทุกอย่างที่รัฐบาลใช้ จะวันนี้ เมื่อวาน วันหน้า ล้วนเป็นเงินกู้ครับ

จะชดเชยค่าน้ำมัน กองทุนน้ำมัน โครงการ น้ำ ฯลฯ 

ล้วนเป็นเงินกู้ครับ  เพราะรัฐบาลได้กู้มาโป๊ะทีหลัง

 

มองแบบนั้นไม่ถูกต้อง 

แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินงบประมาณใดๆ ได้เลยสิครับ เพราะมันจะถูกเหมาว่า กู้มาใช้ทั้งหมด

 

 

 

มั่วแล้วครับ

มันไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยอาแปีะนะครับ อันนี้มันการบริการราชการ แต่ละโครงการมันต้องมีที่มาของเงิน

เขาก็ระบุไว้ในมติครมที่ จขกท เขาเอามาให้ดูชัดเจนถึงที่มาของเงินแล้ว

 

อันที่พอลคุงเอามานั่น มันต้นปีงบประมาณ เขายังไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไดน เขาก็เอาเงินที่เหลือมาจ่ายไปก่อน แล้วมาออกมติทีหลังเพื่อระบุที่มาของเงินที่ใช้ให้ถูกต้อง

 

แล้วหากใช้ตรรกะแบบคุณ ทุกโครงการก็สามารุอ้างได้หมดสิครับว่าไม่ได้ใช้เงินกู้ อ้างว่าใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีเก็บสะสมมา แล้วโยนไปให้โครงการอื่นว่าเป็นเงินกู้กันหมด

 

มันใช่อย่างนั้นเหรอครับ?

 

ทุกโครงการเขาต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ครับ

 

อย่ามามั่ว

 

 

ผมคงเข้าใจผิดเองล่ะครับ

ส่วนใหญ่ผมทำด้านสารบรรณและสวัสดิการ มันจะมองงบภาพรวมเป็นหลัก ส่วนใหญ่พวกงบค่ารักษาพยาบาลที่เป็นงบควบคุมไม่ได้ มันก็เกินเสมอ

 

 

พูดตามตรงนะครับ

 

ถ้ามาระบุว่าเงินก้อนนั้น มาจากเงินกู้เงินก้อนนั่น มาจากไหน

 

อย่างที่ ไอ้กากลี มาบอกว่า สมมุติว่า กระทรวง นั้นก้อเงินจากเงินกู้ กระทรวงนั้นก้อต้องทำหนังสือว่า เป็นงบประมาณเิงินกู้

 

คิดว่า มันจะยุ่งยากไป มะ

 

แล้ว เวลาจะออก พรบ อะไร เค้าจะมานับเหรอว่า นี่คือเงินกู้ นี่คือเงินคลัง เพราะมันปนกันหมด

 

แต่สิ่งที่เราพอจะดูได้คือ เงินเบิกใช้จ่ายเมื่อไหร่ เบิกไปเท่าไหร่ เอาไปทำอะไร ก้อแค่นั้น จริงไหมครับ 

 

ในทางบัีญชิ เราไม่รู้เลยว่า เงินที่ใช้ไปเป็นเงินกู้หรือเงินคลังของ บริษัท หรือ ส่วนราชการ

 

แต่เรารู้ว่า เงินก้อนนั้น เบิกเมื่อไหร่ เวลาไหน จำนวนเท่าไหร่ จริงไหม

 

 

ครับ ในทางปฏิบัติจริงๆ แล้วมันมีหลายด้านที่จะทำให้การบริหารงบ มันไหลไปมาได้

ในบางครั้ง งบบางอย่างที่จำเป็นเร่งด่วน ก็จะมีการโยกงบในส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่ตั้งไว้เผื่อหรือตั้งไว้ตามระเบียบ ไปใช้ก่อน

ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอนุมัติกันเป็นขั้นตอนไป ค่อนข้างยุ่งยาก และต้องชัดเจน

 

งบบางงบ มันควบคุมไม่ได้ เช่น สวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล ไม่มีใครอยากป่วย อยากประสบอุบัติเหตุหรอกครับ ถ้าเขาจ่าย 10 ล้านแล้วหายป่วยได้เขาเอาทั้งนั้นแหละครับ แต่ส่วนใหญ่มันไม่ใช่เลย ซึ่ง เราจะไปมีรีแอคชั่น ทำท่าว่า หูยแพงนะ เบิกเยอะจัง เผลอๆ ไ้อ้คนทำอย่างนั้นแหละที่จะได้เบิกค่าทำฟันใหม่เพราะโดนเหวี่ยงเอา

ซึ่งหลายครั้ง มันเกินไป ติดลบ มันก็ไปกินงบในส่วนอื่นแทน ซึ่งเราก็จะมองด้านนี้ในภาพรวมงบประมาณ

 

คราวนี้เราจะมาตัดสินที่ตัวเม็ดเงิน ยากครับ ว่า เงินไหนมันเป็นเงินไหน  เพราะเม็ดเงินมันก็รวมๆ อยู่ในภาพรวมนั่นแหละ ใครจะมานั่งนับ

แต่มันจะมีบัญชีในการเบิกจ่ายว่า จ่ายอะไร วันไหนอย่างไร ซึ่งต้องอธิบายและตรวจสอบได้

ตรงนี้ผมว่า ปชป. เค้าก็ผ่านนะ ชัดเจนในเรื่องของหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน

 

ผมถึงมองว่า ถ้าจะว่า ออกก่อนแล้วกู้มาโปะ ถือว่า เงินก้อนนั้นที่ออกไปก่อนเป็นการกู้ มันไม่ถูก

ไอ้ที่กู้มาอาจะไม่ได้เอามาโป๊ะเฉยๆ แต่อาจจะเอาไปบริหารอย่างอื่นให้เกิดประโยชน์ด้วยก็ได้ 

ันั่นแหละครับ

[yoshikiryuichiro]

ถึงเจ้าของกระทู้(***)

 

สรุปง่าย ๆ เลยว่าคนที่นี่และคนอีกมากมายที่ไม่ใช่ควายแดง ไม่เชื่อคำพูดมึงว่ะ

[ไทยทรนง]

แต่สุดท้าย ปชป ก็ พา ประเทศพ้นวิกฤต แฮมเบอร์เกอร์ จากเศรฐกิจติดลบ กลับมาเป็นบวก 
มีเงินคงคลังเหลือ ให้พวกขี้ข้ามาถลุง 

[Tam-mic-ra.]

ขำไอ้ Yoshi  กับ ไอ้ ppnear            ไม่อ่านห่าอะไรก่อนเลย    มาถึงก็มีแต่ใส่ร้ายกับด่าอย่างเดียว

[yoshikiryuichiro]

โถ แต่*คุณ*ก็ไม่อ่านเลยว่าในนี้ไม่มีใครเชื่อ*คุณ*

 

ก่อนจะว่าใครเนี่ยหัดอ่านซะมั่ง (กูไม่อ่านไอ้ข้อความใส่ร้ายคนอื่นที่*คุณ*เอามาลงหรอกนะ รกลูกตา)

 

จะใส่ไฟเขาแต่ดันเอาแต่ตัดแปะเฉพาะข้อความที่ต้องการ พอมีใครมาแย้งก็ทำลูปแบบเดิมๆ

 

ไอ้พฤติกรรมควาย ๆ ที่ทำมาเนี่ยมันตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว จนปัจจุบันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหายบ้า

 

แต่ก็ไม่แปลก โรคที่*คุณ*เป็นอยู่นี่ต้องใช้ยาขนานเดียว จับไปยิงกรอกปากถึงจะหาย(หายไปจากโลกนี้)ล่ะมั้ง

 

ปล.ถ้าแยกดีชั่วไม่เป็นก็ไม่ต้องมาคุย ไอ้สวะชั้นปลายแถว

Edited by yoshikiryuichiro, 5 September 2013 - 02:28.

[CockRoachKiller]

Anyone still believe that social security office sponsors that program?

[Stargate-1]

Anyone still believe that social security office sponsors that program?

 

If your mother cooking for you to give food to monk, who will receive "ผลบุญ".

 

มาตรา 23  เงินกองทุนตามมาตรา 22 ให้เป็นของสำนักงานและ ไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
 

มติ ครม วันที่ 3 มีนา 52

 

https://www.google.c....51495398,d.bmk

 

1.  เรื่อง การปฏิบัติงานตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ

                        คณะรัฐมนตรีอนุมัติและเห็นชอบในหลักการเพื่อการดำเนินงานตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ  (ในส่วนของผู้ประกันตน) ในประเด็นต่าง ๆ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ  ดังนี้

                        1. อนุมัติให้ยกเว้นระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง  การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551 เพื่อให้ “เช็คช่วยชาติ” เป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ

                                    (1) มีการขีดคร่อมทั่วไปสั่งจ่ายในนามของผู้ประกันตนและระบุเลขที่ประจำตัวประชาชน  โดยไม่ขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออก

                                    (2) มีธนาคารเป็นผู้ดำเนินการลงนามและออก “เช็คช่วยชาติ” ในนามของเจ้าของงบประมาณ คือ สำนักงานประกันสังคม

                        2. อนุมัติให้ยกเว้นระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สำนักงานประกันสังคมเก็บรักษา  “เช็คช่วยชาติ” ไว้เป็นเวลา 90 วัน (ณ สำนักงานคลังจังหวัด หรือตู้นิรภัยของธนาคารสาขาหลักที่ออก “เช็คช่วยชาติ”) กรณีที่ผู้ประกันตนไม่มารับ “เช็คช่วยชาติ” ในวันที่ระบุใน  “เช็คช่วยชาติ”

                        3. เห็นชอบในหลักการตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐในส่วนผู้ประกันตน รวม 4 ประการ  ดังนี้

                                    3.1 ขอกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ  คือจะต้องมีสัญชาติไทยและมีสถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533

                                    3.2 ขอขยายขอบเขตการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้ประกันตน  ให้รวมถึงผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2551 และยังได้รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคมต่อไปอีก 6 เดือน (เป็นบุคคลตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533)

                                    3.3 ขอใช้ฐานค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เป็นเกณฑ์ตัดสินการมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้ประกันตนตามโครงการฯ ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนมีการทำงานมากกว่า 1 แห่งและมีฐานค่าจ้างรวมกันเป็นจำนวนเงินตั้งแต่เดือนละ 15,000 บาทขึ้นไป  จะไม่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ

                                    3.4 กำหนดให้การจ่าย “เช็คช่วยชาติ” มีวิธีดำเนินการ 3 วิธี คือ

                                                                (1) จ่าย “เช็คช่วยชาติ” ให้กับผู้ประกันตนที่มีสิทธิ ณ สถานประกอบการที่ผู้ประกันตนทำงานอยู่โดยตรง

                                                (2) จ่าย “เช็คช่วยชาติ” ให้กับผู้ประกันตนที่มีสิทธิโดยตรง ณ สถานที่ซึ่งสำนักงานประกันสังคมมีประกาศกำหนดนัดหมายไว้ล่วงหน้า

                                                (3) จัดหน่วยงานเคลื่อนที่นำ  “เช็คช่วยชาติ” ไปจ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีสิทธิโดยตรงซึ่งพำนักในท้องถิ่นห่างไกล  โดยจะมีประกาศกำหนดนัดหมายไว้ล่วงหน้า

                        4. สนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินงานจ่าย “เช็คช่วยชาติ” ตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐเป็นการเพิ่มเติม รวมจำนวนเงิน 39,638,800 บาท

                        5. อนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักงานประกันสังคม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินอุดหนุนทั่วไปโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐในส่วนของผู้ประกันตน พ.ศ. 2552  เนื่องจากการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้ประกันตนตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ  

[มึนดีจัง]

 

If your mother cooking for you to give food to monk, who will receive "ผลบุญ".

 

 

 

 

 

[Stargate-1]

 

 

If your mother cooking for you to give food to monk, who will receive "ผลบุญ".

 

 

 

 

 

 

 

เวลาคนได้รับเช็ค มีคนไปอธิบายไหมว่าเงินเป็นของใคร

เป็นเงินที่รัฐเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มเติมจากเดิมเอามาคืนคลัง ที่นำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเช็คไปก่อน ตามที่คุณกรณ์ยืนยันว่าไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน

เงินที่กู้มาเพื่ออะไร เอามาใช้ชดเชยส่วนไหน ชดเชยภาษีที่เก็บเกินไว้ หรือ ชดเชยคืนคลังกันแน่

แล้วทำไมใน มาตรา 169 ถึงระบุว่าเอาเงินมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มและภาษีย้อนกลับ

ถ้ากู้เงินเอามาจ่ายเช็ค ทำไมต้องไปขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ชาวบ้านเดือดร้อน

 

ตอบตัวเองแล้วกัน น่ะลีทุกครั้งที่ทำบุญ        

[มึนดีจัง]

 

เวลาคนได้รับเช็ค มีคนไปอธิบายไหมว่าเงินเป็นของใคร

เป็นเงินที่รัฐเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มเติมจากเดิมเอามาคืนคลัง ที่นำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเช็คไปก่อน ตามที่คุณกรณ์ยืนยันว่าไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน

เงินที่กู้มาเพื่ออะไร เอามาใช้ชดเชยส่วนไหน ชดเชยภาษีที่เก็บเกินไว้ หรือ ชดเชยคืนคลังกันแน่

แล้วทำไมใน มาตรา 169 ถึงระบุว่าเอาเงินมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มและภาษีย้อนกลับ

ถ้ากู้เงินเอามาจ่ายเช็ค ทำไมต้องไปขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ชาวบ้านเดือดร้อน

 

ตอบตัวเองแล้วกัน น่ะลีทุกครั้งที่ทำบุญ        

 

 

 

ดูที่มาของเงินอีกทีนะ

ผมแยกเป็น 2 สี จะได้เข้าใจง่าย

 

(1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

(2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

 

คราวนี้มาดูว่าเขาเอาเงิน 2 ก้อนไปทำอะไร

รวมทั้งสิ้น 115,000.0

1. แผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ 37,464.6

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย/ผู้มีรายได้ประจำ

1.2 โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 11,409.2 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.3 โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร 2,000.0 เกษตรกร

1.4 โครงการก่อสร้างทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน 1,500.0 ประชาชน/ชุมชน

1.5 โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน 1,000.0 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.6 โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว 1,000.0 ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว

1.7 โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ 760.0 เกษตรกร

1.8 โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาคารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 500.0 ภาคธุรกิจเอกชน

1.9 โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ 325.0 การสร้างความเชื่อมั่น และฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวม

2. แผนงานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม 56,004.6

2.1 โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย 15 ปี 19,000.0 นักเรียน/ผู้ปกครอง

2.2 โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200.0 ประชาชน/ชุมชน

2.3 โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ 9,000.0 ประชาชนผู้สูงอายุ

2.4 โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900.0 เกษตรกร/แรงงานนอกภาคเกษตร ภาคธุรกิจเอกชน

2.5 โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก 3,000.0 อาสาสมัครสาธารณสุข

2.6 โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการ ตำรวจชั้นประทวน 1,808.8 ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย

2.7 โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095.8 ประชาชนในชนบท

3. แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

3.1 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

4. แผนงานรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

4.1 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

 

 

เห็นข้อ 4.1 ไหม?

นั่นคือเขาเอาเงินภาษีและรายได้อื่นในข้อ (2) จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท ไปคืนเงินที่ยืมมาจ่ายเช็คไปก่อน

 

แล้วเขาก็ทำให้มันถูกค้องโดยระบุที่มาของเช็คว่ามาจาก

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ล้านบาท

 

สรุปคือ 4.1 ที่เขาเอาไปคืนเงินที่ยืมมาใช้ก่อนตอนแรกคือเงินจาก (2) (ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

ส่วน 1.1 ที่เขาเอาไปจ่ายเป็นเช็ค มันคือเงินที่มาจาก (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

 

ซ.ต.พ.

 

ชัดเจนนะครับ

Edited by มึนดีจัง, 5 September 2013 - 08:59.

[Stargate-1]

 

 

เวลาคนได้รับเช็ค มีคนไปอธิบายไหมว่าเงินเป็นของใคร

เป็นเงินที่รัฐเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มเติมจากเดิมเอามาคืนคลัง ที่นำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเช็คไปก่อน ตามที่คุณกรณ์ยืนยันว่าไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน

เงินที่กู้มาเพื่ออะไร เอามาใช้ชดเชยส่วนไหน ชดเชยภาษีที่เก็บเกินไว้ หรือ ชดเชยคืนคลังกันแน่

แล้วทำไมใน มาตรา 169 ถึงระบุว่าเอาเงินมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มและภาษีย้อนกลับ

ถ้ากู้เงินเอามาจ่ายเช็ค ทำไมต้องไปขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ชาวบ้านเดือดร้อน

 

ตอบตัวเองแล้วกัน น่ะลีทุกครั้งที่ทำบุญ        

 

 

 

ดูที่มาของเงินอีกทีนะ

ผมแยกเป็น 2 สี จะได้เข้าใจง่าย

 

(1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

(2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

 

คราวนี้มาดูว่าเขาเอาเงิน 2 ก้อนไปทำอะไร

รวมทั้งสิ้น 115,000.0

1. แผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ 37,464.6

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย/ผู้มีรายได้ประจำ

1.2 โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 11,409.2 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.3 โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร 2,000.0 เกษตรกร

1.4 โครงการก่อสร้างทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน 1,500.0 ประชาชน/ชุมชน

1.5 โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน 1,000.0 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.6 โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว 1,000.0 ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว

1.7 โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ 760.0 เกษตรกร

1.8 โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาคารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 500.0 ภาคธุรกิจเอกชน

1.9 โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ 325.0 การสร้างความเชื่อมั่น และฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวม

2. แผนงานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม 56,004.6

2.1 โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย 15 ปี 19,000.0 นักเรียน/ผู้ปกครอง

2.2 โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200.0 ประชาชน/ชุมชน

2.3 โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ 9,000.0 ประชาชนผู้สูงอายุ

2.4 โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900.0 เกษตรกร/แรงงานนอกภาคเกษตร ภาคธุรกิจเอกชน

2.5 โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก 3,000.0 อาสาสมัครสาธารณสุข

2.6 โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการ ตำรวจชั้นประทวน 1,808.8 ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย

2.7 โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095.8 ประชาชนในชนบท

3. แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

3.1 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

4. แผนงานรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

4.1 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

 

 

เห็นข้อ 4.1 ไหม?

นั่นคือเขาเอาเงินภาษีและรายได้อื่นในข้อ (2) จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท ไปคืนเงินที่ยืมมาจ่ายเช็คไปก่อน

 

แล้วเขาก็ทำให้มันถูกค้องโดยระบุที่มาของเช็คว่ามาจาก

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ล้านบาท

 

สรุปคือ 4.1 ที่เขาเอาไปคืนเงินที่ยืมมาใช้ก่อนตอนแรกคือเงินจาก (2) (ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

ส่วน 1.1 ที่เขาเอาไปจ่ายเป็นเช็ค มันคือเงินที่มาจาก (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

 

ซ.ต.พ.

 

ชัดเจนนะครับ

 

 

ขอถามหน่อยนะลี ถ้าไม่ต้องกู้ เองคิดว่ารัฐจะจ่ายเช็คช่วยชาติได้ไหม

โครงการ 1.2 เขาทำอะไร

[มึนดีจัง]

 

 

 

เวลาคนได้รับเช็ค มีคนไปอธิบายไหมว่าเงินเป็นของใคร

เป็นเงินที่รัฐเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มเติมจากเดิมเอามาคืนคลัง ที่นำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเช็คไปก่อน ตามที่คุณกรณ์ยืนยันว่าไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน

เงินที่กู้มาเพื่ออะไร เอามาใช้ชดเชยส่วนไหน ชดเชยภาษีที่เก็บเกินไว้ หรือ ชดเชยคืนคลังกันแน่

แล้วทำไมใน มาตรา 169 ถึงระบุว่าเอาเงินมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มและภาษีย้อนกลับ

ถ้ากู้เงินเอามาจ่ายเช็ค ทำไมต้องไปขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ชาวบ้านเดือดร้อน

 

ตอบตัวเองแล้วกัน น่ะลีทุกครั้งที่ทำบุญ        

 

 

 

ดูที่มาของเงินอีกทีนะ

ผมแยกเป็น 2 สี จะได้เข้าใจง่าย

 

(1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

(2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

 

คราวนี้มาดูว่าเขาเอาเงิน 2 ก้อนไปทำอะไร

รวมทั้งสิ้น 115,000.0

1. แผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ 37,464.6

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย/ผู้มีรายได้ประจำ

1.2 โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 11,409.2 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.3 โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร 2,000.0 เกษตรกร

1.4 โครงการก่อสร้างทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน 1,500.0 ประชาชน/ชุมชน

1.5 โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน 1,000.0 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.6 โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว 1,000.0 ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว

1.7 โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ 760.0 เกษตรกร

1.8 โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาคารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 500.0 ภาคธุรกิจเอกชน

1.9 โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ 325.0 การสร้างความเชื่อมั่น และฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวม

2. แผนงานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม 56,004.6

2.1 โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย 15 ปี 19,000.0 นักเรียน/ผู้ปกครอง

2.2 โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200.0 ประชาชน/ชุมชน

2.3 โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ 9,000.0 ประชาชนผู้สูงอายุ

2.4 โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900.0 เกษตรกร/แรงงานนอกภาคเกษตร ภาคธุรกิจเอกชน

2.5 โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก 3,000.0 อาสาสมัครสาธารณสุข

2.6 โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการ ตำรวจชั้นประทวน 1,808.8 ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย

2.7 โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095.8 ประชาชนในชนบท

3. แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

3.1 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

4. แผนงานรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

4.1 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

 

 

เห็นข้อ 4.1 ไหม?

นั่นคือเขาเอาเงินภาษีและรายได้อื่นในข้อ (2) จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท ไปคืนเงินที่ยืมมาจ่ายเช็คไปก่อน

 

แล้วเขาก็ทำให้มันถูกค้องโดยระบุที่มาของเช็คว่ามาจาก

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ล้านบาท

 

สรุปคือ 4.1 ที่เขาเอาไปคืนเงินที่ยืมมาใช้ก่อนตอนแรกคือเงินจาก (2) (ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

ส่วน 1.1 ที่เขาเอาไปจ่ายเป็นเช็ค มันคือเงินที่มาจาก (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

 

ซ.ต.พ.

 

ชัดเจนนะครับ

 

 

ขอถามหน่อยนะลี ถ้าไม่ต้องกู้ เองคิดว่ารัฐจะจ่ายเช็คช่วยชาติได้ไหม

โครงการ 1.2 เขาทำอะไร

 

 

โทษที ผมไฮไลท์ผิดข้อ 1.1 ไม่ใช่ 1.2

แก้ให้แล้วครับ

 

ถามว่าถ้าไม่ต้องกู้ ทำได้มั๊ย

ไม่ต้องกู้ รัฐบาลก็มีเงินไปพอทำโครงการทุกโครงการสิครับ

[55555]

ตกลงนี่ไอ้ขี้แพ้มันมีชื่อใหม่อีกแล้วรึ

 

 

[Stargate-1]

 

 

 

 

เวลาคนได้รับเช็ค มีคนไปอธิบายไหมว่าเงินเป็นของใคร

เป็นเงินที่รัฐเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มเติมจากเดิมเอามาคืนคลัง ที่นำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเช็คไปก่อน ตามที่คุณกรณ์ยืนยันว่าไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน

เงินที่กู้มาเพื่ออะไร เอามาใช้ชดเชยส่วนไหน ชดเชยภาษีที่เก็บเกินไว้ หรือ ชดเชยคืนคลังกันแน่

แล้วทำไมใน มาตรา 169 ถึงระบุว่าเอาเงินมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มและภาษีย้อนกลับ

ถ้ากู้เงินเอามาจ่ายเช็ค ทำไมต้องไปขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้ชาวบ้านเดือดร้อน

 

ตอบตัวเองแล้วกัน น่ะลีทุกครั้งที่ทำบุญ        

 

 

 

ดูที่มาของเงินอีกทีนะ

ผมแยกเป็น 2 สี จะได้เข้าใจง่าย

 

(1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

(2) ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

 

คราวนี้มาดูว่าเขาเอาเงิน 2 ก้อนไปทำอะไร

รวมทั้งสิ้น 115,000.0

1. แผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ 37,464.6

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย/ผู้มีรายได้ประจำ

1.2 โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 11,409.2 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.3 โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร 2,000.0 เกษตรกร

1.4 โครงการก่อสร้างทางในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน 1,500.0 ประชาชน/ชุมชน

1.5 โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน 1,000.0 ประชาชนผู้มีรายได้น้อย

1.6 โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว 1,000.0 ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องจากการท่องเที่ยว

1.7 โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ 760.0 เกษตรกร

1.8 โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาคารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 500.0 ภาคธุรกิจเอกชน

1.9 โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ 325.0 การสร้างความเชื่อมั่น และฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวม

2. แผนงานเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม 56,004.6

2.1 โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย 15 ปี 19,000.0 นักเรียน/ผู้ปกครอง

2.2 โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200.0 ประชาชน/ชุมชน

2.3 โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ 9,000.0 ประชาชนผู้สูงอายุ

2.4 โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900.0 เกษตรกร/แรงงานนอกภาคเกษตร ภาคธุรกิจเอกชน

2.5 โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก 3,000.0 อาสาสมัครสาธารณสุข

2.6 โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการ ตำรวจชั้นประทวน 1,808.8 ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย

2.7 โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095.8 ประชาชนในชนบท

3. แผนงานบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

3.1 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3

4. แผนงานรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

4.1 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5

 

 

เห็นข้อ 4.1 ไหม?

นั่นคือเขาเอาเงินภาษีและรายได้อื่นในข้อ (2) จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท ไปคืนเงินที่ยืมมาจ่ายเช็คไปก่อน

 

แล้วเขาก็ทำให้มันถูกค้องโดยระบุที่มาของเช็คว่ามาจาก

1.1 โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ 18,970.4 ล้านบาท

 

สรุปคือ 4.1 ที่เขาเอาไปคืนเงินที่ยืมมาใช้ก่อนตอนแรกคือเงินจาก (2) (ภาษีและรายได้อื่น จำนวน 19,139.4763 ล้านบาท

 

ส่วน 1.1 ที่เขาเอาไปจ่ายเป็นเช็ค มันคือเงินที่มาจาก (1) เงินกู้เพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 95,860.5237 ล้านบาท

 

ซ.ต.พ.

 

ชัดเจนนะครับ

 

 

ขอถามหน่อยนะลี ถ้าไม่ต้องกู้ เองคิดว่ารัฐจะจ่ายเช็คช่วยชาติได้ไหม

โครงการ 1.2 เขาทำอะไร

 

 

โทษที ผมไฮไลท์ผิดข้อ 1.1 ไม่ใช่ 1.2

แก้ให้แล้วครับ

 

ถามว่าถ้าไม่ต้องกู้ ทำได้มั๊ย

ไม่ต้องกู้ รัฐบาลก็มีเงินไม่พอทำโครงการทุกโครงการสิครับ

 

 

เงินคงคลัง ม.ค. 52 เหลือแค่ 5 หมื่นล้านนะ คงสำรองจ่ายไปก่อนได้ ถ้ายังไม่ได้รับเงินกู้สำหรับโครงการอื่นๆ

เอาแค่โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทก่อน รัฐเอาเงินคงคลังมาใช้ แล้วจะต้องทำอย่างไรตามมาตรา 169 

Edited by Stargate-1, 5 September 2013 - 09:21.

[มึนดีจัง]

ตกลงนี่ไอ้ขี้แพ้มันมีชื่อใหม่อีกแล้วรึ

 

 

 

 

ชื่ออะไรไม่สำคัญเท่ากับข้อเท็จจริงที่เขาสื่อมันถูกต้องหรือเปล่าครับ  

 

คุณแบนเขาได้ แต่มันไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงมันเปลี่ยน และไม่ทำให้คุณชนะหรอก