อิโง่..โชว์โง่อีกตามเคย
#52
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:14
เอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ มีทำเนียบให้พัก มีแม่ครัว มีพนักงานขับรถ มีคนทำสวน
รับเงินเดือนสองทาง เงินเดือนไทยในเมืองไทยได้รับตามปรกติ เงินเดือนต่างประเทศ เรียกว่า เงิน พขต
รับเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐหรือเงินยูโร ภรรยาทูตได้ 30 เปอร์เซนต์ของเงิน พขต
ไม่รู้ ทำไม กงสุลใหญ่ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ที่ย้ายมาจากกงสุลไทยในเมือง ดูไบ ถูกเรียกกลับมาประจำกระทรวงฯ กรุงเทพฯ
#54
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:37
ทำไมผมอ่านแล้วผมงงกว่าเดิม
ผมคงเขลากว่าทีมงานเขาเยอะนะ
- sanskrit_shower likes this
#55
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:43
ทีมงานนายกชี้แจงมาแบบนี้
แสดงว่า นายกสื่อสารถูกต้อง
แต่ทีมงานโง่เองสินะ
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#56
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:47
เหม่...ใช้สำนวนในการโพส ยังกับโพสเอง
แบบนี้ ถ้าไม่โพสผิด แอ๊บก็ไม่แตกซินะ ฮาาา
'' Nobody Perfect ''
#57
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:50
ทำไมผมอ่านแล้วผมงงกว่าเดิม
ผมคงเขลากว่าทีมงานเขาเยอะนะ
โดยที่นายกรัฐมนตรีได้สื่อสารข้อความมาทางกรุงเทพฯได้อย่างถูกต้อง
ย้ำหน่อย กลัวคนไม่เชื่อ
#58
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:52
เอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ มีทำเนียบให้พัก มีแม่ครัว มีพนักงานขับรถ มีคนทำสวน
รับเงินเดือนสองทาง เงินเดือนไทยในเมืองไทยได้รับตามปรกติ เงินเดือนต่างประเทศ เรียกว่า เงิน พขต
รับเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐหรือเงินยูโร ภรรยาทูตได้ 30 เปอร์เซนต์ของเงิน พขต
ไม่รู้ ทำไม กงสุลใหญ่ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ที่ย้ายมาจากกงสุลไทยในเมือง ดูไบ ถูกเรียกกลับมาประจำกระทรวงฯ กรุงเทพฯ
ทูตไทยประจำสวิสคนนี้เค้ามีใจเป็นธรรมจริงๆนะคะ
ทนเห็นท่านนายกเจอคนไทยที่โน่นถือป้ายประท้วงไม่ได้
ต้องลงมาชี้แจงให้ท่านนายกได้รับความเข้าใจที่ถูกต้อง(ท่านทูตคิดว่าถูกแน่ๆ)จากคนไทยในต่างแดน
ท่านทูตคงลืมคิดไปว่า การสื่อสารทางโซเชียลฯทำให้คนทั่วโลกทุกคนเท่าเทียมกันในการรับรู้ข่าวสาร
หลงคิดว่าตัวเองยังอยู่ในยุคนั่งเรือไปสวิสกระมัง
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#60
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:04
ทำไมผมอ่านแล้วผมงงกว่าเดิม
ผมคงเขลากว่าทีมงานเขาเยอะนะ
ถ้าเชื่อตามที่ทีมงานบอก ก็แสดงว่า ทีมงานโง่ ควรปลดออกทั้งคณะ ถ้านายกฯ นางยิ่งลักษณ์ บอกนครรัฐอิตาลี แล้วทีมงานพิมพ์ตามนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด ไม่แก้ไขให้ถูก เท่ากับประจานนายตัวเอง ควรเปลี่ยนทีมงานเหมือนกัน
#61
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:06
ทำไมผมอ่านแล้วผมงงกว่าเดิม
ผมคงเขลากว่าทีมงานเขาเยอะนะ
โดยที่นายกรัฐมนตรีได้สื่อสารข้อความมาทางกรุงเทพฯได้อย่างถูกต้อง
ย้ำหน่อย กลัวคนไม่เชื่อ
ตกลงระบบประชาสัมพันธ์ของนายกคือ นายกต้องส่งมาที่ กทม ก่อน ให้ทางกทมตรวจสอบแล้วค่อยปล่อยเหรอ?
เอ้า ใครเชื่อบ้างละนั้น
#62
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:54
Yet another urgent national level life threatening crisis raised by cockroach.
.
Of cause, if the PM shows repeatedly her stupidity, in particular when she is abroad, then we have National Crisis.
People in the foreign countries are polite enough and will not laugh at visiting leaders from other countries, but they will laugh at your back, wondering how a country elected such a stupid person as their leader.
Tell me that you are not embarrassed when people abroad laugh at our PM, Miss Yingluck?
#63
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:13
ถามจริงๆ คณะทำงานกล้าแปลงสารหรือ
#64
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:24
ทำไมผมอ่านแล้วผมงงกว่าเดิม
ผมคงเขลากว่าทีมงานเขาเยอะนะ
ข้าพเจ้ามิอาจเชื่ออะไรง่ายๆดอก
แต่ยินดีที่มีการขอโทษ
รู้ถูกรู้ผิด เป็นบัณฑิตได้
#66
ตอบ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:22
มิน่าไข่แพง อิโง่ พกไก่ไปปล่อยถึงอิตาลี นครรัฐวาติกันเลยทีเดียวเชียว
#67
ตอบ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:13
Via ปู จิตกร บุษบา
ฝากถามว่ามีใครยังสงสัยว่านายกฯ โง่อยู่อีกหรือเปล่า เพราะเลขาฯ นายกฯ ออกมาบอกแล้วว่า ใครโง่ ใครฉลาดให้ดูที่คำพูด
# ตกลงช่วยปฏิเสธ หรือช่วยยืนยันกันแน่
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#68
ตอบ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:14
เลขานายกฯยังออกมาช่วยยืนยัน
ว่าที่นายกพูดออกมา ประชาชนตัดสินได้ว่า นายกโง่
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#69
ตอบ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:17
หญิงสาวที่น่าสงสารคนหนึ่งถูกนักโทษผลักให้เข้าสู่แวดวง “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” แต่เธอกลับมีความสุขกับการอยู่ในแวดวงสารพัดสัตว์ และทำตัวได้กลมกลืนจนกระทั่งได้เป็น “ผู้นำ” ภายในเวลาเพียง 49 วัน แต่โชคชะตาดูจะไม่เข้าข้างเธอนัก เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่จนเธอถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความอัดอั้น พร้อมกับคิดในใจว่า “แล้วกรูจะทำยังไงวะเนี่ยะ” การปราศจากความรู้ ไร้ซึ่งปัญญาทำให้เธอมืดแปดด้านสื่อสารกับผู้ที่เธอปกครองอย่างสับสน สุดท้ายเธอก็คิดทางออกได้ด้วยการ “เอาหินไปถมทะเลที่สิงห์บุรีเพื่อซ่อมประตูระบายน้ำ “บางโฉมศรี” และสั่งการให้ดูแลพื้นที่ด้านตะวัน ออกของกรุงเทพมหานคร นั่นคือบริเวณมีนบุรี หนองจอก ลาดพร้าว เป็นพิเศษ รวมทั้งยังให้ปลูก “หญ้าแพรก” เพื่อแก้ปัญหาแบบ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยมั่นใจว่าเธอจะสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ภายในเดือน “พฤศจิกาคม”
ภัยพิบัติใหญ่ครั้งนั้นทำให้ประเทศไทยเสียหายถึง 1.2 ล้านล้านบาท และเธอต้องเร่งที่จะใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด “ห้าหมื่นสามแสนเก้าร้อยสิบแปดล้านบาท” แต่กระนั้นปัญหาก็ยังถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้เธอสับสนจนเข้าใจว่า “เรือดำน้ำ” ผ่านการพิจารณาแแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีวาระการในการประชุมของกลุ่ม “เสือ สิงห์ กระทิง แรด”
สิ่งที่เธอขาดไม่ได้ในการทำหน้าที่คือ “โพย” เพราะเมื่อไหร่ที่ไม่มี “โพย” นั่นหมายถึง หายนะย่อม ๆ อาจจะมาเยือนเธอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ต้องการความละเอียดอ่อนในการใช้คำพูด เช่นปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเธอรีบเร่งไปดูแลเมื่อเกิดเหตุระเบิดที่ “จังหวัดหาดใหญ่” พี่ชายนักโทษก็พยายามช่วยเธออย่างเต็มที่จนจัดให้มีการเจรจาระหว่างกลุ่มโจรใต้กับรัฐบาลด้วยการอำนวยความสะดวกของ “ประธานาธิบดีมาเลเซีย” แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เหตุการณ์รุนแรงยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากเห็นว่า “ความตายที่เกิดขึ้นเป็นเหตุปกติที่เกิดทุกวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นก็ตาม”
เมื่อเธอถ่างขาครอบงานด้านความมั่นคง ยังมีหลายอย่างที่เธอต้องเรียนรู้ เข่น “ยศ” ของทหาร บางครั้งเธออ้อนถามนายทหารให้ช่วยอธิบายเครื่องหมายยศทหารให้ฟัง อันเป็นสาระสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลงานด้านความมั่นคง จนทำให้ผู้นำทหารอดเอ็นดูในความไร้เดียงสาของเธอไม่ได้ จนบางครั้งต้องไปเป็นวอลเปเปอร์อยู่ด้านหลังคอยลุ้นอย่าให้เธอพูดผิด แต่ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้มากนัก เพราะแม้แต่ชื่อหน่วยงานที่เธอตั้งใหม่ คือ ศปก.กปต. เธอก็จำไม่ได้ จนพูดตะกุกตะกักผิดซ้ำถึงสามครั้ง แต่ด้วยความมั่นใจเต็มร้อยเธอยังคงยิ้มและอธิบายการดูแลประชาชนต่อว่า “มีชุดคุ้มครองตำบล” คอยดูแลอยู่ จนคนผมขาวต้องรีบกระซิบบอกว่า “ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน” เธอทำท่าโอเคและพูดตามด้วยเสียงที่มั่นใจมากขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ไม่แสดงให้เห็นถึงความอับอายแต่อย่างใด
งานสำคัญของเธอคือต้องเดินสายไปต่างประเทศคอยเป็นตราประทับหลังจากที่พ่ีชายนักโทษเดินทางนำร่องไปก่อนแล้ว แต่ก็เป็นความสุขที่สุดในการเป็นผู้นำของเธอเพราะได้ทำสถิติเดินทางต่างประเทศแล้ว 53 ครั้ง 47 ประเทศ ใช้งบประมาณไปแค่จิ๊บ ๆ ประมาณ 370 ล้านบาทแค่นั้นเอง บ้านเมืองที่เธอเดินทางไปสร้างความประทับใจให้กับเธอมากโดยเฉพาะ “ประเทศซิดนีย์” และ “นครรัฐอิตาลี”
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทำให้เธอต้องใช้ทักษะด้านภาษาอังกฤษในการต้อนรับแขกจากต่างประเทศอยู่่บ่อยครั้งด้วยคำว่า “Overcome” และด้วยความมีมารยาทเธอจะกล่าว “ Thank you three times” หลังกล่าวจบก่อนจะโปรยยิ้มทั่วห้องประชุม งานที่เธอต้องดูแลไม่ใช่เพียงแค่อ่านโพยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณ “สระบุรี” ด้วย แถมยังต้องตระเวณทัวร์นกแก้วไปตามจังหวัดต่าง ๆ ผ่าน “ถนน คอ-นก-รีต” ซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะไม่สะดวกสบายเหมือนกับการบินไปต่างประเทศด้วยการเช่าเครื่องบินเหมาลำที่พาเธอไปมาแล้วเกือบทั่วโลกด้วยภาษีของประชาชนภายในเวลาเพียงแค่ 2 ปี เป็นสถิติที่น่าภาคภูมิใจเพราะเธอกำลังจะก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่งของผู้นำที่เดินทางต่างประเทศมากที่สุดอย่าง “โอบาม่า” เนื่องจากเธอมีกำหนดการเดินทางเกือบทุกสองสัปดาห์
ส่วนปัญหาภายในประเทศก็ชิล ๆ แก้ได้ง่าย ๆ โดยขอเรียนว่าเราได้บูรณาการทุกภาคส่วน สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปแก้ปัญหา มีอะไรอึดอัดคับข้องใจก็ให้ไปพูดกันใน “สภา” แต่เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ฟังเพราะเธอเป็น “ฝ่ายบริหาร” ไม่ใช่ “ฝ่ายนิติบัญญัติ” เวลามีการชุมนุมของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเธอก็จะใช้สัมผัสอันอ่อนนุ่มของผู้หญิงแบบ woman touch ด้วยการไฟเขียวให้ขี้ข้าใช้แก๊สน้ำตาหมดอายุยิงใส่ประชาชนที่เห็นแตกต่างจากรัฐบาล ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของชางสวนยางพารา เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูว่าอย่าซ่าส์ไม่งั้นเจอของจริง และมีการดำเนินคดีอาญากับแกนนำอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีการผ่อนปรน
ในขณะที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงเธอให้ความเป็นธรรมว่า เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยจะปิดถนนที่ใด เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่เคยถูกดำเนินคดี แถมเธอยังใจดีจะออกกฎหมายล้างความผิดให้กับคนฆ่า เผา ปล้น โกง อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังดูแลชาวนาซึ่งเป็น “กระดูกสันหลังของชาติ” เป็นอย่างดี ด้วยการทุ่มเทเงินจากการกู้มาทำโครงการในวงเงินถึง 940,000 ล้านบาท ขาดทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท ในขณะที่เงินถึงมือชาวนาเพียงแค่ 86,000 ล้านบาทเท่านั้น เธอขอร้องฝ่ายค้านที่ท้วงติงถึงปัญหาด้านการคลังด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ให้ชาวนาเถอะค่าาาา”
เธอจึงไม่เข้าใจว่าทุ่มเทขนาดนี้ทำไมสังคมยังไม่เห็นฝีมือการบริหารของเธอ แต่กลับไปถกเถียงถึง “อีโง่” ซึ่งหมายถึงใครก็ไม่รู้ แต่คิดไปก็รกสมองไปส่องกระจกดูตัวเองก่อนดีกว่า เดี๋ยว “ไม่สวย” ^^
---------
- AntiRedBuffalo likes this
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#70
ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:09
เลขานายกฯยังออกมาช่วยยืนยันว่า
ที่นายกพูดออกมา ประชาชนตัดสินได้ว่า นายกโง่
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#71
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:41
ท่านนายกฯ จะโง่ไปถึงไหน
จะเอาถ้วยจะเอาโล่ห์อะไรหรือครับ
หรือจะเป็น smart lady
อับอายและเพลียใจจริงๆ ครับ
โล่ ไม่มี ห์ นะครับ
#72
ตอบ 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:26
ท่านนายกฯ จะโง่ไปถึงไหน
จะเอาถ้วยจะเอาโล่ห์อะไรหรือครับ
หรือจะเป็น smart lady
อับอายและเพลียใจจริงๆ ครับ
โล่ ไม่มี ห์ นะครับ
ขอบคุณมากครับ แก้ไขคำผิดแล้วครับ
What is a rebel? - A man who says NO! _ Albert Camus
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน