Jump to content


Photo
- - - - -

ทักษิณ เซ็นให้ภรรยาขายที่ มีความผิดเพราะ


  • Please log in to reply
96 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 นกสัญจร

นกสัญจร

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 177 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:26

*
POPULAR

ทักษิณ ไม่ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก ๒ ปี เพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ที่ถูกลงโทษก็เพราะ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะทักษิณทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช

เราเข้าใจแบบนี้ ถูกต้อง ใช่ ไหม



#2 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:36

มันทำผิดกฎหมายมาตรา 100 ครับ แต่ที่่แดงควายหาข้ออ้างว่าเซ็นต์ชื่อให้เมียซื้อที่น่ะ มันก็พวกศรีธนญชัย



#3 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:50

*
POPULAR

วันที่ 21 ต.ค. 2551 เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ได้พิพากษาตัดสินว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 (1) วรรค 3 และมาตรา 122 วรรค 1 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี

 

 

http://th.wikipedia....ี่ดินรัชดาภิเษก

 

 

มาตรา 100 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้

 

(1)เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

 

http://www.thailandl...974558&Ntype=19

 

 

ความเห็นส่วนตัว ของ เจ้าพนักงานกำมะลอ (ทรงธรรม แหะ ๆ)

 

ทักษิณ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี ของประเทศ ณ ขณะนั้น เป็น ผู้มีอำนาจ สูงสุด

 

ครอบคลุม ทุกหน่วยงาน ราชการ ไม่เว้น กองทุน ฟื้นฟูฯ ผู้ดำเนินการประมูล ที่ดิน รัชดา

 

เป็นผู้มี อำนาจ ให้คุณ ให้โทษ แก่ ผู้ดูแล รับผิดชอบ ในกองทุน ได้

 

แล้ว ยังไม่เล็งเห็น ซ้ำยังกระทำการ อันเป็นการช่วยเหลือ (ขยายวันทำการ ในวันหยุด)

 

เหิมเกริม ขนาดให้ ภรรยา ใช้ชื่อตัวเอง ในการซื้อ

 

ถ้า ในกรณี ที่ เรา เป็นผู้น้อย เจ้านายระดับสูง ต้องการ เข้ามาประมูล ซื้อของ

 

แม้ไม่ได้ ใช้ชื่อ ตัวเอง แต่ชื่อภรรยา ที่เปรียบเสมือน บุคคล คนเดียวกัน ไปซื้อ

 

มีหรือ เรา จะกล้า ขัด หรือ มี หรือ ที่ใคร ที่ร่วมประมูล จะอยาก มีปัญหา กับ รัฐบาล

 

ณ ขณะนั้น แบบนี้ ไม่เรียก เปล่ง รังสี แห่งอำนาจ เพื่อ ผลประโยชน์

 

แล้วเรียก อะไร

 

 

ถูกอย่างที่ผม บอกหรือไม่ ว่า เหิมเกริม กล้าทำสิ่งที่ เรียกว่า

 

ท้าทาย กฏหมาย อย่างเห็น ได้ชัด

 

รู้อยู่ ว่า การกระทำ แบบนี้ ส่งผล ต่อการตัดสินใจ ของข้าราชการ

 

ที่ ไม่มีความกล้าหาญ ซึ่งต้องยอมรับว่า น้อยคน ในประเทศไทย จะเป็น

 

ก็ยัง จะทำ ถูกตัดสินโทษ แค่ 2 ปี ยังน้อยไป ผมว่า น่าจะเต็ม

 

อัตรา 3 ปี เสียด้วยซ้ำ เพราะ อหังการ มาก


ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#4 ฮิตเด้อ

ฮิตเด้อ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 145 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:10

แม้วไม่ได้มีคดีแค่คุก 2 ปีเพราะเซ้นชื่อเท่านั้นนะ

ยังมีอีกสัก 5 คดีที่จำหน่ายคดีออกไปชั่วคราวเพราะหนีไปนอก  -_-



#5 เพื่อนร่วมชาติ

เพื่อนร่วมชาติ

    พรานล่าปูไปรยา

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,788 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:06

*
POPULAR

ผมมักอธิบายง่าย ๆ ว่า

 

ที่กฎหมายห้ามไว้เช่นนั้น ก็เหมือนเวลามีรายการจับฉลากชิงรางวัล เขาจะห้ามไม่ให้พนักงานและครอบครัวพนักงานบริษัทนั้นได้รับรางวัล

 

และเมื่อเป็นเรื่องทรัพย์สินของแผ่นดิน จึงกำหนดโทษอาญาไว้


ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง


#6 Bourne

Bourne

    สายลับ ๆ ล่อ ๆ หัดเกรียน

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,471 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:10

ผมก็งงกับกฎหมายประเทศเราครับ มาร์คส่งคนไปยิงควายเพื่อไม่ให้มันมาขวิดเรา มาร์คผิดตรงไหน o_O


Edited by Bourne, 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:46.

ภาระกิจหลักของผมบนบอร์ดเสรีไทย คือ ด่าควายครับ เรื่องคิดต่างผมรับได้ แต่เรื่องคิดชั่วผมรับไม่ไหวครัช

#7 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:10

พตท.ทักษิณไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แต่ทำในสิ่งที่กฏหมายห้าม

ลิ่วล้อตัวหนึ่งแห่งบางบอนกล่าวไว้



#8 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:14

ผ่าสมองพวกเสื้อแดงแล้วเอากฎหมาย ปปช มาตรา 100 ยัดเข้าไปมันยังไม่รับเลยค่ะ


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#9 CockRoachKiller

CockRoachKiller

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 442 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:32

tip_of_the_iceberg.jpg


Please know your place by do not comment my post that you can not comprehend.

#10 สิงห์สนามซ้อม

สิงห์สนามซ้อม

    คนดีไม่กลัวการตรวจสอบ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,757 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:42

ต่อให้คดีนี้เป็นโมฆะ แล้วคดีอื่นล่ะ อีกเป็นสิบคดี :lol:


" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก  กรูไม่ดู !!! "


#11 Gop

Gop

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,450 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:46

tip_of_the_iceberg.jpg


รูปสวยดีนะครับ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอธิบายด้วยว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้อย่างไร??

หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.

 


#12 idolation

idolation

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,996 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:52

*
POPULAR

 

tip_of_the_iceberg.jpg


รูปสวยดีนะครับ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอธิบายด้วยว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้อย่างไร??

 

 

หมายถึงความเลวของไอ้เหลี่ยมมันเปิดเผยต่อสาธารณชน 10%

 

ซุกไว้ไม่ให้ใครเห็นอีก 90%

 

 

:D  :D  :D


รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้าน ตระกูลชินวัตร

#13 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:06

 

 

 

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
Spac1.gif(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
Spac1.gif(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
Spac1.gif(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
Spac1.gif(4) ให้กู้ยืมเงิน
Spac1.gif(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
Spac1.gif(6) ประนีประนอมยอมความ
Spac1.gif(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
Spac1.gif(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
Spac1.gifการจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุdot.gifมาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

ไม่ใช่เซ็นอนุมัติ   เซ็นรับรองในฐานะ  สามีครับ  ราคาก็ไม่ใช่แบบนั้นครับ

ต้องศึกษาเองลึกๆครับ  อย่าไปฟังใครเขาว่ามาแบบผิวเผิน  ข้อเท็จจริงจะปรากฎเองครับ

 

ถามจริงๆ แม้ว หรือ ไอ่เหล่ ไม่รู้กฎหมายนี้หรือ นอกจากจะอวดเบ่ง ว่าผัวคนซื้อคือใคร ถอยออกไป อย่ามาสู้ราคากับเมียข้านะ

ไม่เกี่ยวกันเลยครับ  ไปยก กม. แพ่งและพานิชย์  เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา  มาทำไมครับ

ที่ทักษิณเซ็นยินยอม  เป็นการยินยอมในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในฐานะคู่สมรส    ไม่ใช่จัดการทรัพย์สิน

 

 

แม้วและ ไอ่เหล่ ไม่รู้หรือ ว่าเวลาซื้อไม่ต้องเซ็นยินยอม

 

 

 

 

 

 

 

แล้วทำไมต้องเซ็นด้วย ในเมื่อไม่ต้องเซ็นก็ซื้อได้ แสดงว่าไม่เคยซื้อที่ดิน คอนโด ฯลฯ เลย   หรือไม่ก็ยังโสด 

 

 

ถาม : ซื้อบ้านต้องมีหนังสือยินยอมจากภรรยาหรือไม่

ตอบ : ตามหลักฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้จัดการสินสมรสไปโดยปราศจากความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ซึ่งก็หมายความว่านิติกรรมที่ทำไปแล้วนั้น อาจถูกศาลสั่งเพิกถอนตามคำร้องขอของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้น การซื้อที่ดิน/บ้าน ที่จดทะเบียนกันที่ สนง.ที่ดิน จนท.ที่ดินจึงสามารถจดทะเบียนการโอนให้ได้ แม้ไม่มีหนังสือยินยอมจากคู่สมรส แต่ จนท.ที่ดินจะให้ผู้ซื้อและผู้ขายเซ็นรับรองไว้ในทำนองว่า “ไม่มีความยินยอมของคู่สมรสแต่ผู้ซื้อและผู้ขายยืนยันให้ จนท. ดำเนินการจดทะเบียนการโอนให้ หากมีความเสียหายอย่างใด ๆเกิดขึ้น คู่สัญญา (ผู้ซื้อและผู้ขาย) ยินยอมรับผิดชอบกันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับ จนท.”

ดังนั้นเพื่อให้นิติกรรมซื้อขายดังกล่าวมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการร้องขอเพิกถอนนิติกรรมจากคู่สมรสในภายหลัง จึงควรให้คู่สมรสเซ็นให้ความยินยอม และหากมีการกู้ธนาคารมาซื้อด้วยแล้ว ธนาคารบังคับให้คู่สมรสเซ็นยินยอมในการกู้และจำนองด้วยทุกครั้ง

 

 

แสดงว่าแม้ว และ ไอ่เหล่ให้คำแนะนำที่ผิด  เอาตำแหน่งมาเสี่ยงกับอะไรกัน แค่ขอยกเลิกนี่นะ ขนาดหุ้นยังให้ คนใช้ถือให้เลย จะมากลัวอะไร แบบนี้อีก 

 

แล้วเมียแม้วซื้อเงินสด ไม่ได้กู้ใครเสียด้วยซิ แสดงว่ากู้เงินซื้อบ้านล่ะซิ ไม่เคยซื้อเงินสด แล้วเมียแม้วกลัวมาก จนต้องขอหย่าเลยซินะ :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

 

เอาล่ะ..ประเด็นเซ็นหรือไม่เซ็นก็จบไป  คงพลาด  แต่ประเด็นโดยภาพรวมของเรื่องที่ดินรัชดา

ทั้งต้นทางของคดีที่  มาจาก  คตส  หรือควบคุมดูแลหรือไม่  หรือสมควรจะติดคุกโดยไม่รอลงอาญาหรือไม่

ถึงแม้มีคำพิพากษาออกมาแล้วแต่เรื่องนี้ก็ยังต้องคุยกันอีกทุกครังที่มีโอกาศ

 

 

ไม่พลาดหลอก เขาตั้งใจจะเบ่งมากกว่า  มีนักฏหมายเยอะแยะไม่ใช่ไอ่เหล่คนเดียว   ยังจะพลาดอีกหรือ  ถึงแนะนำก็คงไม่ทำตาม ตามนิสัยดาน

คตส.ก็ไม่ต่างจากทนายคนหนึ่งที่มีอำนาจสืบค้นได้ทะลุปรุโปร่งเท่านั้น   คงหาหลักฐานมาได้มากกว่าทนายทั่วไป แม้วคงประมาทเองคิดว่าเรื่องนี้หมูๆ  แสดงว่าพลาดอีกแล้วซิ หรือ ไม่มีคนแนะนำที่ดีอีกแล้ว หรือ แนะนำก็ไม่ฟังอีก อย่างน้อยก็ไปถามสุวัฒน์คลองด่านดูก็ได้  

 

แม้วมีโอกาสอุทธรณ์ทางเทคนิคไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ทำ หนีทำไม สู้ซิ  แบบคุณอภิรักษ์

 

 

มีอีกหลายคน  ที่ยังขาดความเข้าใจในประเด็นนี้


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#14 Ballbk

Ballbk

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,783 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:12

ไม่รู้อ่ะ 31 ธ.ค. ปีนั้น ไม่มีวันหยุดสิ้นปี


"ความดี กับ ความเลว

ความจริง กับ คำโกหก

ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"

ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน

 


#15 prisonbreak

prisonbreak

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,138 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:19

 

 

tip_of_the_iceberg.jpg


รูปสวยดีนะครับ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอธิบายด้วยว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้อย่างไร??

 

 

หมายถึงความเลวของไอ้เหลี่ยมมันเปิดเผยต่อสาธารณชน 10%

 

ซุกไว้ไม่ให้ใครเห็นอีก 90%

 

 

:D  :D  :D

 

 

เออเนอะ ดูภาพแล้วเข้าใจเลยทีเดียว



#16 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:20

 

 

 

tip_of_the_iceberg.jpg


รูปสวยดีนะครับ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอธิบายด้วยว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้อย่างไร??

 

 

หมายถึงความเลวของไอ้เหลี่ยมมันเปิดเผยต่อสาธารณชน 10%

 

ซุกไว้ไม่ให้ใครเห็นอีก 90%

 

 

:D  :D  :D

 

 

เออเนอะ ดูภาพแล้วเข้าใจเลยทีเดียว

 

 

ชัดเจนฮะ

:)


ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#17 sudthorn

sudthorn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:12

ขออนุญาตคุณชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา
เอาเรื่องความผิดตามกฎหมายของนายทักษิณเกี่ยวกับที่ดินรัชดา
มาให้อ่านครับผม

https://www.facebook...383043078488591
คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี

#18 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:27

ผมมักอธิบายง่าย ๆ ว่า

 

ที่กฎหมายห้ามไว้เช่นนั้น ก็เหมือนเวลามีรายการจับฉลากชิงรางวัล เขาจะห้ามไม่ให้พนักงานและครอบครัวพนักงานบริษัทนั้นได้รับรางวัล

 

และเมื่อเป็นเรื่องทรัพย์สินของแผ่นดิน จึงกำหนดโทษอาญาไว้

 

ตัวอย่างนี้ ชัดแจ๋วเลยครับ

 

ปูลู ถ้าเสื้อแเดงเป็นพนักงานบริษัทที่จับฉลาก จะโวยมั้ยเนี่ย


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#19 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:39

ทักษิณ ไม่ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก ๒ ปี เพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ที่ถูกลงโทษก็เพราะ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะทักษิณทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช

เราเข้าใจแบบนี้ ถูกต้อง ใช่ ไหม

 

 

 

เล่าเบ๊อายุ 81 ปี เล่นการเมืองหลายสิบปียังไม่รู้นายกฯทักษิณต้องโทษจำคุก 2 ปีเพราะเหตุใด....?

 

แล้วลูกโอ๊คของทักษิณจะเข้าใจได้อย่างไรว่ะ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#20 ปุถุชน

ปุถุชน

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 27,531 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:46

วันที่ 21 ต.ค. 2551 เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ได้พิพากษาตัดสินว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 (1) วรรค 3 และมาตรา 122 วรรค 1 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี

 

 

http://th.wikipedia....ี่ดินรัชดาภิเษก

 

 

มาตรา 100 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้

 

(1)เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

 

http://www.thailandl...974558&Ntype=19

 

 

ความเห็นส่วนตัว ของ เจ้าพนักงานกำมะลอ (ทรงธรรม แหะ ๆ)

 

ทักษิณ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี ของประเทศ ณ ขณะนั้น เป็น ผู้มีอำนาจ สูงสุด

 

ครอบคลุม ทุกหน่วยงาน ราชการ ไม่เว้น กองทุน ฟื้นฟูฯ ผู้ดำเนินการประมูล ที่ดิน รัชดา

 

เป็นผู้มี อำนาจ ให้คุณ ให้โทษ แก่ ผู้ดูแล รับผิดชอบ ในกองทุน ได้

 

แล้ว ยังไม่เล็งเห็น ซ้ำยังกระทำการ อันเป็นการช่วยเหลือ (ขยายวันทำการ ในวันหยุด)

 

เหิมเกริม ขนาดให้ ภรรยา ใช้ชื่อตัวเอง ในการซื้อ

 

ถ้า ในกรณี ที่ เรา เป็นผู้น้อย เจ้านายระดับสูง ต้องการ เข้ามาประมูล ซื้อของ

 

แม้ไม่ได้ ใช้ชื่อ ตัวเอง แต่ชื่อภรรยา ที่เปรียบเสมือน บุคคล คนเดียวกัน ไปซื้อ

 

มีหรือ เรา จะกล้า ขัด หรือ มี หรือ ที่ใคร ที่ร่วมประมูล จะอยาก มีปัญหา กับ รัฐบาล

 

ณ ขณะนั้น แบบนี้ ไม่เรียก เปล่ง รังสี แห่งอำนาจ เพื่อ ผลประโยชน์

 

แล้วเรียก อะไร

 

 

ถูกอย่างที่ผม บอกหรือไม่ ว่า เหิมเกริม กล้าทำสิ่งที่ เรียกว่า

 

ท้าทาย กฏหมาย อย่างเห็น ได้ชัด

 

รู้อยู่ ว่า การกระทำ แบบนี้ ส่งผล ต่อการตัดสินใจ ของข้าราชการ

 

ที่ ไม่มีความกล้าหาญ ซึ่งต้องยอมรับว่า น้อยคน ในประเทศไทย จะเป็น

 

ก็ยัง จะทำ ถูกตัดสินโทษ แค่ 2 ปี ยังน้อยไป ผมว่า น่าจะเต็ม

 

อัตรา 3 ปี เสียด้วยซ้ำ เพราะ อหังการ มาก

 

 

 

สมัย'กำนันเปาะ' เรืองอิทธิพล.....

ไปไหนมาไหนในบางแสน ต.แสนสุข.....

ไปคุยกับ"ธุระ"กับใครไม่ต้องพกปืนคุย....

บอกว่า กูมานี่ ไม่ได้พบปืนนะโว้ย....

แต่ฝ่ายตรงข้ามก็กลัวทุกคน.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

ปล. นักอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่เข้าประมูลหลีกทางกันทั้งน้านนน....

ถอนการประมูลถ้วนหน้า....

เพราะได้ยินขี้ข้าฯบอกว่า ขอแค่นี้ไม่ได้หรือครับ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...


#21 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:08

พวกวอร์รูมแม้วมันเก่งนะครับ

มันสามารถสร้างวาทกรรมใหม่มา "บิดเบือนประเด็น" ได้เลยว่า "เมียซื้อผัวเซ็น ติดคุกได้หรือ"

เหมือนสร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็นเรื่อง "แค่ทำกับข้าวก็ถูกปลด"

ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันคนละโลกเลย  

 

แค่เก่งในการใช้คำที่ "ติดหู จำง่าย" แค่นี้แหละ พลิกความจริงได้เลยง่ะ  คิดดู๊!!!


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#22 cassava

cassava

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 916 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:16

ประชาที่โดนตัดสินสิบกว่าปีก็เพราะเซ็นนี่แหละ



#23 THE THIRD WAY

THE THIRD WAY

    มาหาความจริง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,417 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:33

พวกวอร์รูมแม้วมันเก่งนะครับ

มันสามารถสร้างวาทกรรมใหม่มา "บิดเบือนประเด็น" ได้เลยว่า "เมียซื้อผัวเซ็น ติดคุกได้หรือ"

เหมือนสร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็นเรื่อง "แค่ทำกับข้าวก็ถูกปลด"

ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันคนละโลกเลย  

 

แค่เก่งในการใช้คำที่ "ติดหู จำง่าย" แค่นี้แหละ พลิกความจริงได้เลยง่ะ  คิดดู๊!!!

มันเป็นยังงั้นจริงๆครับ

อย่างกรณีที่ท่านผึ้งฯยกตัวอย่างนั้น

ทั้งฝูงพูดเหมือนกันหมด

หน้าตาท่าทางที่พูด เชื่อมั่นเต็มที่

 

ไม่ได้ดูกฎหมง กฎหมายไดๆเลย

ดูกฎหมาอย่างเดียว

 

ดูไอ้เตี้ยสุพันเมื่อวาน แน่ะ

มันเข้าใจยังงั้นไปด้วยอีกตัว


Edited by THE THIRD WAY, 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:34.

อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลางทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง

#24 sam_o

sam_o

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 101 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:06

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส

 

ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี

 

คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...

 

จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง

 

ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ

 

แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...



#25 แดงประจำเดือน

แดงประจำเดือน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,021 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:09

 

 

 

 

tip_of_the_iceberg.jpg


รูปสวยดีนะครับ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอธิบายด้วยว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้อย่างไร??

 

 

หมายถึงความเลวของไอ้เหลี่ยมมันเปิดเผยต่อสาธารณชน 10%

 

ซุกไว้ไม่ให้ใครเห็นอีก 90%

 

 

:D  :D  :D

 

 

เออเนอะ ดูภาพแล้วเข้าใจเลยทีเดียว

 

 

ชัดเจนฮะ

:)

 

 

 

   ว่าไงนะ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!



#26 kaidum

kaidum

    ขาดขา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,125 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:30

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส
 
ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี
 
คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...
 
จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง
 
ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ
 
แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...


เหตุผลอย่างอื่นที่ผมคิดได้คือ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
จะด้วยเหตุใดๆก็ผิดเต็มๆ ก่อนผัวจะเซนต์ผัวไม่รู้เรื่องเหรอว่าเซนต์ขายสินสมรส
หรือขายสมบัติตระกูล หรือซื้อขายสินทรัพย์ที่ได้ภายหลังดำรงตำแหน่ง

ถ้าไม่มีการควบคุมนักการเมือง ต่อไปผัวเมียก็รวมหัวกันกินสนุกสนาน น่ะสิครับ
ประชาธิปไตยของผม ไม่ได้เกิดจากอารมณ์และการอุปถัมป์ โดยใคร

#27 sam_o

sam_o

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 101 posts

ตอบ 17 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:52

 

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส
 
ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี
 
คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...
 
จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง
 
ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ
 
แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...


เหตุผลอย่างอื่นที่ผมคิดได้คือ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
จะด้วยเหตุใดๆก็ผิดเต็มๆ ก่อนผัวจะเซนต์ผัวไม่รู้เรื่องเหรอว่าเซนต์ขายสินสมรส
หรือขายสมบัติตระกูล หรือซื้อขายสินทรัพย์ที่ได้ภายหลังดำรงตำแหน่ง

ถ้าไม่มีการควบคุมนักการเมือง ต่อไปผัวเมียก็รวมหัวกันกินสนุกสนาน น่ะสิครับ

 

คุยในแง่บทบัญญัติของกฎหมายทั่วๆไป ไม่เกี่ยวกับคดีที่ดินรัชดานะครับ

 

จริงๆแล้วตัวกฎหมายปปช.ม.100 ไม่ได้ระบุเป็นเงื่อนไขไว้ด้วยซ้ำว่า

 

ตัวเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องรู้เห็น ยินยอมกับคู่สมรสหรือไม่

 

เพียงแต่คู่สมรสไปกระทำการตามที่ห้ามไว้ ตัวเจ้าหน้าที่รัฐคนนั้นก็มีความผิดแล้ว

 

ตรงนี้ผมว่าไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไร จริงๆแล้วกฎหมายควรจะเอาผิดที่ตัวคู่สมรสไปเลย

 

ไม่ใช่ไปเอาผิดที่ตัวเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอาจจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยก็ได้...



#28 หงส์แดง

หงส์แดง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,755 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:34

 

 

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส
 
ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี
 
คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...
 
จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง
 
ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ
 
แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...


เหตุผลอย่างอื่นที่ผมคิดได้คือ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
จะด้วยเหตุใดๆก็ผิดเต็มๆ ก่อนผัวจะเซนต์ผัวไม่รู้เรื่องเหรอว่าเซนต์ขายสินสมรส
หรือขายสมบัติตระกูล หรือซื้อขายสินทรัพย์ที่ได้ภายหลังดำรงตำแหน่ง

ถ้าไม่มีการควบคุมนักการเมือง ต่อไปผัวเมียก็รวมหัวกันกินสนุกสนาน น่ะสิครับ

 

คุยในแง่บทบัญญัติของกฎหมายทั่วๆไป ไม่เกี่ยวกับคดีที่ดินรัชดานะครับ

 

จริงๆแล้วตัวกฎหมายปปช.ม.100 ไม่ได้ระบุเป็นเงื่อนไขไว้ด้วยซ้ำว่า

 

ตัวเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องรู้เห็น ยินยอมกับคู่สมรสหรือไม่

 

เพียงแต่คู่สมรสไปกระทำการตามที่ห้ามไว้ ตัวเจ้าหน้าที่รัฐคนนั้นก็มีความผิดแล้ว

 

ตรงนี้ผมว่าไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไร จริงๆแล้วกฎหมายควรจะเอาผิดที่ตัวคู่สมรสไปเลย

 

ไม่ใช่ไปเอาผิดที่ตัวเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอาจจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยก็ได้...

 

ขอโทษนะครับ ในการสอบสวนได้ระบุหรือไม่ว่าเซ็นต์โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ 

 

ถ้าผัวเมียทะเลาะกันผัวต้องระแวงว่าเมียจะไปทำอะไรอยู่แล้ว

 

อยู่ๆมาขอให้เซ็นต์เอกสารก็ผิดปกติ ทำไมยังยอมเซ็นต์อีกโดยไม่สอบถามเลยหรือ

 

ถ้ายังรักกันดีก็ต้องถามเมียว่า เมียจ๋าเมียจะให้เซ็นต์เอกสารเพื่อจะไปทำอะไรจ๊ะ

 

แต่ถ้าโดนเมียเอามีดจี้คอ ให้เซ็นต์ พอในการสอบสวนก็อาจหลุดคดีเพราะถูกบังคับ :lol:

 

ปล. กฎหมายแบบชาวบ้านนะครับ เท่าที่คิดได้ ผมว่าเขาดูเหตุจงใจในการกระทำมากกว่า


ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย


#29 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:36

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส

 

ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี

 

คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...

 

จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง

 

ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ

 

แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...

แกล้งกันเหรอครับ ทักกี้มัน แสดงสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประเภทข้าราชการการเมืองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไปซื้อนะครับ ไม่ได้ใช้บัตรประชาชน  กะเบ่งเต็มที่

จะบอกไม่รู้เรื่องไม่ได้หรอกกฎหมายเขาเขียนไว้ก่อนแล้วนะครับ  ไม่ใช่เขามาเอาผิดมันมั่วๆ

กฎหมายเขาก็เขียนอยู่แล้วว่าเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วเมียทักกี้มีตำแหน่งไหมละ

 

ส่วนที่บอกไม่รู้อีโหน่อีเหน่  นี่ก็พิสูจน์มาซิครับ   ศาลตัดสินตามกฎหมายกับข้อมูล

ทักกี้ก็เข้ามาสู้  เขาไม่ได้หักคอมันนะครับ 

 

ที่ปรึกษาทางกฎหมายก็มี  แต่ที่ทักกี้ทำไปเพราะคืดว่า 

กรูใหญ่ไม่มีใครมาเอาเรื่องกับกรูหรอก แล้วเป็นไงละครับ

 

ก่อนการซื้อขายที่แปลงนี้ห้ามสร้างตึกสูงเกิน 5 ชั้น เมียพ.ต.ท.ทักษิณซื้อแล้วมีการยกเลิกข้อห้ามดังกล่าวสร้างสูงกี่ชั้นก็ได้
       
ทักกี้เป็นห่วงว่าเมียจะโอนไม่ทันในปีนั้น เดี๋ยวจะเสียภาษีการโอนเพิ่มขึ้น ให้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันทำงาน

นี่จะบอกว่า ทักกี้ไม่รู้เรื่องอีกเหรอ


Edited by butadad, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:44.


#30 sam_o

sam_o

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 101 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:51

ผมคุยในประเด็นข้อกฎหมายนะคับ ไม่เกี่ยวกับคดีทักษิณ

 

คือการผลักภาระการพิสูจน์ไปให้เจ้าหน้าที่รัฐพิสูจน์ว่าตนเอง

 

ไม่รู้ไม่เห็นตามม.122 วรรคท้ายนั้นผมว่ามันไม่ค่อยถูกนะ



#31 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:56

 

 

 

 

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
Spac1.gif(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
Spac1.gif(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
Spac1.gif(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
Spac1.gif(4) ให้กู้ยืมเงิน
Spac1.gif(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
Spac1.gif(6) ประนีประนอมยอมความ
Spac1.gif(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
Spac1.gif(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
Spac1.gifการจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุdot.gifมาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

ไม่ใช่เซ็นอนุมัติ   เซ็นรับรองในฐานะ  สามีครับ  ราคาก็ไม่ใช่แบบนั้นครับ

ต้องศึกษาเองลึกๆครับ  อย่าไปฟังใครเขาว่ามาแบบผิวเผิน  ข้อเท็จจริงจะปรากฎเองครับ

 

ถามจริงๆ แม้ว หรือ ไอ่เหล่ ไม่รู้กฎหมายนี้หรือ นอกจากจะอวดเบ่ง ว่าผัวคนซื้อคือใคร ถอยออกไป อย่ามาสู้ราคากับเมียข้านะ

ไม่เกี่ยวกันเลยครับ  ไปยก กม. แพ่งและพานิชย์  เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา  มาทำไมครับ

ที่ทักษิณเซ็นยินยอม  เป็นการยินยอมในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในฐานะคู่สมรส    ไม่ใช่จัดการทรัพย์สิน

 

 

แม้วและ ไอ่เหล่ ไม่รู้หรือ ว่าเวลาซื้อไม่ต้องเซ็นยินยอม

 

 

 

 

 

 

 

แล้วทำไมต้องเซ็นด้วย ในเมื่อไม่ต้องเซ็นก็ซื้อได้ แสดงว่าไม่เคยซื้อที่ดิน คอนโด ฯลฯ เลย   หรือไม่ก็ยังโสด 

 

 

ถาม : ซื้อบ้านต้องมีหนังสือยินยอมจากภรรยาหรือไม่

ตอบ : ตามหลักฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้จัดการสินสมรสไปโดยปราศจากความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ซึ่งก็หมายความว่านิติกรรมที่ทำไปแล้วนั้น อาจถูกศาลสั่งเพิกถอนตามคำร้องขอของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้น การซื้อที่ดิน/บ้าน ที่จดทะเบียนกันที่ สนง.ที่ดิน จนท.ที่ดินจึงสามารถจดทะเบียนการโอนให้ได้ แม้ไม่มีหนังสือยินยอมจากคู่สมรส แต่ จนท.ที่ดินจะให้ผู้ซื้อและผู้ขายเซ็นรับรองไว้ในทำนองว่า “ไม่มีความยินยอมของคู่สมรสแต่ผู้ซื้อและผู้ขายยืนยันให้ จนท. ดำเนินการจดทะเบียนการโอนให้ หากมีความเสียหายอย่างใด ๆเกิดขึ้น คู่สัญญา (ผู้ซื้อและผู้ขาย) ยินยอมรับผิดชอบกันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับ จนท.”

ดังนั้นเพื่อให้นิติกรรมซื้อขายดังกล่าวมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการร้องขอเพิกถอนนิติกรรมจากคู่สมรสในภายหลัง จึงควรให้คู่สมรสเซ็นให้ความยินยอม และหากมีการกู้ธนาคารมาซื้อด้วยแล้ว ธนาคารบังคับให้คู่สมรสเซ็นยินยอมในการกู้และจำนองด้วยทุกครั้ง

 

 

แสดงว่าแม้ว และ ไอ่เหล่ให้คำแนะนำที่ผิด  เอาตำแหน่งมาเสี่ยงกับอะไรกัน แค่ขอยกเลิกนี่นะ ขนาดหุ้นยังให้ คนใช้ถือให้เลย จะมากลัวอะไร แบบนี้อีก 

 

แล้วเมียแม้วซื้อเงินสด ไม่ได้กู้ใครเสียด้วยซิ แสดงว่ากู้เงินซื้อบ้านล่ะซิ ไม่เคยซื้อเงินสด แล้วเมียแม้วกลัวมาก จนต้องขอหย่าเลยซินะ :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

 

เอาล่ะ..ประเด็นเซ็นหรือไม่เซ็นก็จบไป  คงพลาด  แต่ประเด็นโดยภาพรวมของเรื่องที่ดินรัชดา

ทั้งต้นทางของคดีที่  มาจาก  คตส  หรือควบคุมดูแลหรือไม่  หรือสมควรจะติดคุกโดยไม่รอลงอาญาหรือไม่

ถึงแม้มีคำพิพากษาออกมาแล้วแต่เรื่องนี้ก็ยังต้องคุยกันอีกทุกครังที่มีโอกาศ

 

 

ไม่พลาดหลอก เขาตั้งใจจะเบ่งมากกว่า  มีนักฏหมายเยอะแยะไม่ใช่ไอ่เหล่คนเดียว   ยังจะพลาดอีกหรือ  ถึงแนะนำก็คงไม่ทำตาม ตามนิสัยดาน

คตส.ก็ไม่ต่างจากทนายคนหนึ่งที่มีอำนาจสืบค้นได้ทะลุปรุโปร่งเท่านั้น   คงหาหลักฐานมาได้มากกว่าทนายทั่วไป แม้วคงประมาทเองคิดว่าเรื่องนี้หมูๆ  แสดงว่าพลาดอีกแล้วซิ หรือ ไม่มีคนแนะนำที่ดีอีกแล้ว หรือ แนะนำก็ไม่ฟังอีก อย่างน้อยก็ไปถามสุวัฒน์คลองด่านดูก็ได้  

 

แม้วมีโอกาสอุทธรณ์ทางเทคนิคไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ทำ หนีทำไม สู้ซิ  แบบคุณอภิรักษ์

 

 

มีอีกหลายคน  ที่ยังขาดความเข้าใจในประเด็นนี้

 

 

แค่เซ็น ก็ไม่ควรเซ็นแล้ว


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#32 whiskypeak

whiskypeak

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,392 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 01:02

พวกวอร์รูมแม้วมันเก่งนะครับ

มันสามารถสร้างวาทกรรมใหม่มา "บิดเบือนประเด็น" ได้เลยว่า "เมียซื้อผัวเซ็น ติดคุกได้หรือ"

เหมือนสร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็นเรื่อง "แค่ทำกับข้าวก็ถูกปลด"

ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันคนละโลกเลย  

 

แค่เก่งในการใช้คำที่ "ติดหู จำง่าย" แค่นี้แหละ พลิกความจริงได้เลยง่ะ  คิดดู๊!!!

 

สงสัยจะวอร์รูมคนล่ะชุดกะเจ๊ยิ่งลักษณ์ 

วาทกรรมล่ะสุด.."นครรัฐอิตาลี"


ถูกใจเสื้อแดง ของแพงไม่ว่า โดนโกงไม่ด่า ขอแค่ตระกูลชินนรกเป็น นายก พอ..

 


#33 charlie24

charlie24

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,017 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 05:07

คำตัดสินไปแล้ว

แล้วเรายังไม่เข้าใจอะไรเหรอ



#34 nopantaman_agian

nopantaman_agian

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 287 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:57

วาทกรรมติดหู มัน

 

 

พวกวอร์รูมแม้วมันเก่งนะครับ

มันสามารถสร้างวาทกรรมใหม่มา "บิดเบือนประเด็น" ได้เลยว่า "เมียซื้อผัวเซ็น ติดคุกได้หรือ"

เหมือนสร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็นเรื่อง "แค่ทำกับข้าวก็ถูกปลด"

ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันคนละโลกเลย  

 

แค่เก่งในการใช้คำที่ "ติดหู จำง่าย" แค่นี้แหละ พลิกความจริงได้เลยง่ะ  คิดดู๊!!!

มันเป็นยังงั้นจริงๆครับ

อย่างกรณีที่ท่านผึ้งฯยกตัวอย่างนั้น

ทั้งฝูงพูดเหมือนกันหมด

หน้าตาท่าทางที่พูด เชื่อมั่นเต็มที่

 

ไม่ได้ดูกฎหมง กฎหมายไดๆเลย

ดูกฎหมาอย่างเดียว

 

ดูไอ้เตี้ยสุพันเมื่อวาน แน่ะ

มันเข้าใจยังงั้นไปด้วยอีกตัว

 

 

555 วาทกรรมติดหู มันก็ใช้กันทั้ง 2 ฝั่งนั่นแหละครับ

 

ดูง่ายๆ ในกระทู้นี้ ยังมีบาง คคห. ยังใช้วาทกรรมประเภท 

 

"ให้วันสิ้นปีเป็นวันทำงานจะได้โอนทันไม่ต้องเสียภาษีแพง"

 

"ก่อนซื้อมีกฎหมายห้ามสร้างตึกสูง ซื้อเสร็จแก้กฏหมาย"

 

"เอาบัตรข้าราชการไปเบ่งซื้อ"

 

ไม่ต้องดูกฎหมง กฎหมาย(ความเป็นจง ความเป็นจริง)ใดๆ เลย  :lol:  :lol:  :lol:



#35 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 12:41

 

 

 

 

 

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
Spac1.gif(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
Spac1.gif(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
Spac1.gif(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
Spac1.gif(4) ให้กู้ยืมเงิน
Spac1.gif(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
Spac1.gif(6) ประนีประนอมยอมความ
Spac1.gif(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
Spac1.gif(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
Spac1.gifการจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุdot.gifมาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

ไม่ใช่เซ็นอนุมัติ   เซ็นรับรองในฐานะ  สามีครับ  ราคาก็ไม่ใช่แบบนั้นครับ

ต้องศึกษาเองลึกๆครับ  อย่าไปฟังใครเขาว่ามาแบบผิวเผิน  ข้อเท็จจริงจะปรากฎเองครับ

 

ถามจริงๆ แม้ว หรือ ไอ่เหล่ ไม่รู้กฎหมายนี้หรือ นอกจากจะอวดเบ่ง ว่าผัวคนซื้อคือใคร ถอยออกไป อย่ามาสู้ราคากับเมียข้านะ

ไม่เกี่ยวกันเลยครับ  ไปยก กม. แพ่งและพานิชย์  เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา  มาทำไมครับ

ที่ทักษิณเซ็นยินยอม  เป็นการยินยอมในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในฐานะคู่สมรส    ไม่ใช่จัดการทรัพย์สิน

 

 

แม้วและ ไอ่เหล่ ไม่รู้หรือ ว่าเวลาซื้อไม่ต้องเซ็นยินยอม

 

 

 

 

 

 

 

แล้วทำไมต้องเซ็นด้วย ในเมื่อไม่ต้องเซ็นก็ซื้อได้ แสดงว่าไม่เคยซื้อที่ดิน คอนโด ฯลฯ เลย   หรือไม่ก็ยังโสด 

 

 

ถาม : ซื้อบ้านต้องมีหนังสือยินยอมจากภรรยาหรือไม่

ตอบ : ตามหลักฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้จัดการสินสมรสไปโดยปราศจากความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ซึ่งก็หมายความว่านิติกรรมที่ทำไปแล้วนั้น อาจถูกศาลสั่งเพิกถอนตามคำร้องขอของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้น การซื้อที่ดิน/บ้าน ที่จดทะเบียนกันที่ สนง.ที่ดิน จนท.ที่ดินจึงสามารถจดทะเบียนการโอนให้ได้ แม้ไม่มีหนังสือยินยอมจากคู่สมรส แต่ จนท.ที่ดินจะให้ผู้ซื้อและผู้ขายเซ็นรับรองไว้ในทำนองว่า “ไม่มีความยินยอมของคู่สมรสแต่ผู้ซื้อและผู้ขายยืนยันให้ จนท. ดำเนินการจดทะเบียนการโอนให้ หากมีความเสียหายอย่างใด ๆเกิดขึ้น คู่สัญญา (ผู้ซื้อและผู้ขาย) ยินยอมรับผิดชอบกันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับ จนท.”

ดังนั้นเพื่อให้นิติกรรมซื้อขายดังกล่าวมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการร้องขอเพิกถอนนิติกรรมจากคู่สมรสในภายหลัง จึงควรให้คู่สมรสเซ็นให้ความยินยอม และหากมีการกู้ธนาคารมาซื้อด้วยแล้ว ธนาคารบังคับให้คู่สมรสเซ็นยินยอมในการกู้และจำนองด้วยทุกครั้ง

 

 

แสดงว่าแม้ว และ ไอ่เหล่ให้คำแนะนำที่ผิด  เอาตำแหน่งมาเสี่ยงกับอะไรกัน แค่ขอยกเลิกนี่นะ ขนาดหุ้นยังให้ คนใช้ถือให้เลย จะมากลัวอะไร แบบนี้อีก 

 

แล้วเมียแม้วซื้อเงินสด ไม่ได้กู้ใครเสียด้วยซิ แสดงว่ากู้เงินซื้อบ้านล่ะซิ ไม่เคยซื้อเงินสด แล้วเมียแม้วกลัวมาก จนต้องขอหย่าเลยซินะ :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

 

เอาล่ะ..ประเด็นเซ็นหรือไม่เซ็นก็จบไป  คงพลาด  แต่ประเด็นโดยภาพรวมของเรื่องที่ดินรัชดา

ทั้งต้นทางของคดีที่  มาจาก  คตส  หรือควบคุมดูแลหรือไม่  หรือสมควรจะติดคุกโดยไม่รอลงอาญาหรือไม่

ถึงแม้มีคำพิพากษาออกมาแล้วแต่เรื่องนี้ก็ยังต้องคุยกันอีกทุกครังที่มีโอกาศ

 

 

ไม่พลาดหลอก เขาตั้งใจจะเบ่งมากกว่า  มีนักฏหมายเยอะแยะไม่ใช่ไอ่เหล่คนเดียว   ยังจะพลาดอีกหรือ  ถึงแนะนำก็คงไม่ทำตาม ตามนิสัยดาน

คตส.ก็ไม่ต่างจากทนายคนหนึ่งที่มีอำนาจสืบค้นได้ทะลุปรุโปร่งเท่านั้น   คงหาหลักฐานมาได้มากกว่าทนายทั่วไป แม้วคงประมาทเองคิดว่าเรื่องนี้หมูๆ  แสดงว่าพลาดอีกแล้วซิ หรือ ไม่มีคนแนะนำที่ดีอีกแล้ว หรือ แนะนำก็ไม่ฟังอีก อย่างน้อยก็ไปถามสุวัฒน์คลองด่านดูก็ได้  

 

แม้วมีโอกาสอุทธรณ์ทางเทคนิคไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ทำ หนีทำไม สู้ซิ  แบบคุณอภิรักษ์

 

 

มีอีกหลายคน  ที่ยังขาดความเข้าใจในประเด็นนี้

 

 

แค่เซ็น ก็ไม่ควรเซ็นแล้ว

 

ฮั่นแน่....   นินทา

ยอมรับว่า...วันนั้นหลงประเด็นไปคุยเรื่องรายเซ็นซะมาก  ซึ่งไม่ใช่ประเด็น  จนลืมนึกถึงประเด็นหลัก

เรื่องมาตรา 100  ปปช ไป  แต่ถึงอย่างไรผมก็ยัง  ตั้งข้อสังเกตุในคำตัดสินอยู่ดี

   ไม่ว่าจะเป็น   การใช้อำนาจ  คตส. ที่ตั้งขึ้นโดย  คมช.  เอาผิดยอ้นหลัง   หรือ  อ้างอิงประกาศ  คมช.  ในคำพิพากษา

หรือ  ประเด็นควบคุม  กำกับดูแลหรือไม่   หรือคำตัดสินที่ระบุว่าไม่ควรรอลงอาญา  รวมถึงประเด็นความเสียหายของกองทุนฟื้ฟู

ว่ามีความเสียหายหรือไม่  เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่หยั่งไง  ผมก็ยังมีความสงสัยในคำพิพากษาอยู่ดี


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#36 Robin

Robin

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,097 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 12:57

 

 

 

 

 

tip_of_the_iceberg.jpg


รูปสวยดีนะครับ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าอธิบายด้วยว่ามันเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้อย่างไร??

 

 

หมายถึงความเลวของไอ้เหลี่ยมมันเปิดเผยต่อสาธารณชน 10%

 

ซุกไว้ไม่ให้ใครเห็นอีก 90%

 

 

:D  :D  :D

 

 

เออเนอะ ดูภาพแล้วเข้าใจเลยทีเดียว

 

 

ชัดเจนฮะ

:)

 

 

 

   ว่าไงนะ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

 

ความโง่ของอีปลวกที่เราเห็น คือส่วนที่พ้นน้ำขึ้นมา ส่วนความโง่ก้อนใหญ่ของมันคือส่วนใต้น้ำที่เรามองไม่เห็น :D



#37 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:33

 

 

 

 

 

 

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
Spac1.gif(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
Spac1.gif(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
Spac1.gif(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
Spac1.gif(4) ให้กู้ยืมเงิน
Spac1.gif(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
Spac1.gif(6) ประนีประนอมยอมความ
Spac1.gif(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
Spac1.gif(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
Spac1.gifการจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุ มาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

 

ถามจริงๆ แม้ว หรือ ไอ่เหล่ ไม่รู้กฎหมายนี้หรือ นอกจากจะอวดเบ่ง ว่าผัวคนซื้อคือใคร ถอยออกไป อย่ามาสู้ราคากับเมียข้านะ

ไม่เกี่ยวกันเลยครับ  ไปยก กม. แพ่งและพานิชย์  เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา  มาทำไมครับ

ที่ทักษิณเซ็นยินยอม  เป็นการยินยอมในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในฐานะคู่สมรส    ไม่ใช่จัดการทรัพย์สิน

 

 

แม้วและ ไอ่เหล่ ไม่รู้หรือ ว่าเวลาซื้อไม่ต้องเซ็นยินยอม

 

 

 

 

 

 

ถาม : ซื้อบ้านต้องมีหนังสือยินยอมจากภรรยาหรือไม่

ตอบ : ตามหลักฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้จัดการสินสมรสไปโดยปราศจากความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ซึ่งก็หมายความว่านิติกรรมที่ทำไปแล้วนั้น อาจถูกศาลสั่งเพิกถอนตามคำร้องขอของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้น การซื้อที่ดิน/บ้าน ที่จดทะเบียนกันที่ สนง.ที่ดิน จนท.ที่ดินจึงสามารถจดทะเบียนการโอนให้ได้ แม้ไม่มีหนังสือยินยอมจากคู่สมรส แต่ จนท.ที่ดินจะให้ผู้ซื้อและผู้ขายเซ็นรับรองไว้ในทำนองว่า “ไม่มีความยินยอมของคู่สมรสแต่ผู้ซื้อและผู้ขายยืนยันให้ จนท. ดำเนินการจดทะเบียนการโอนให้ หากมีความเสียหายอย่างใด ๆเกิดขึ้น คู่สัญญา (ผู้ซื้อและผู้ขาย) ยินยอมรับผิดชอบกันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับ จนท.”

ดังนั้นเพื่อให้นิติกรรมซื้อขายดังกล่าวมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการร้องขอเพิกถอนนิติกรรมจากคู่สมรสในภายหลัง จึงควรให้คู่สมรสเซ็นให้ความยินยอม และหากมีการกู้ธนาคารมาซื้อด้วยแล้ว ธนาคารบังคับให้คู่สมรสเซ็นยินยอมในการกู้และจำนองด้วยทุกครั้ง

 

 

แสดงว่าแม้ว และ ไอ่เหล่ให้คำแนะนำที่ผิด  เอาตำแหน่งมาเสี่ยงกับอะไรกัน แค่ขอยกเลิกนี่นะ ขนาดหุ้นยังให้ คนใช้ถือให้เลย จะมากลัวอะไร แบบนี้อีก 

 

แล้วเมียแม้วซื้อเงินสด ไม่ได้กู้ใครเสียด้วยซิ แสดงว่ากู้เงินซื้อบ้านล่ะซิ ไม่เคยซื้อเงินสด แล้วเมียแม้วกลัวมาก จนต้องขอหย่าเลยซินะ :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

 

เอาล่ะ..ประเด็นเซ็นหรือไม่เซ็นก็จบไป  คงพลาด  แต่ประเด็นโดยภาพรวมของเรื่องที่ดินรัชดา

ทั้งต้นทางของคดีที่  มาจาก  คตส  หรือควบคุมดูแลหรือไม่  หรือสมควรจะติดคุกโดยไม่รอลงอาญาหรือไม่

ถึงแม้มีคำพิพากษาออกมาแล้วแต่เรื่องนี้ก็ยังต้องคุยกันอีกทุกครังที่มีโอกาศ

 

 

ไม่พลาดหลอก เขาตั้งใจจะเบ่งมากกว่า  มีนักฏหมายเยอะแยะไม่ใช่ไอ่เหล่คนเดียว   ยังจะพลาดอีกหรือ  ถึงแนะนำก็คงไม่ทำตาม ตามนิสัยดาน

คตส.ก็ไม่ต่างจากทนายคนหนึ่งที่มีอำนาจสืบค้นได้ทะลุปรุโปร่งเท่านั้น   คงหาหลักฐานมาได้มากกว่าทนายทั่วไป แม้วคงประมาทเองคิดว่าเรื่องนี้หมูๆ  แสดงว่าพลาดอีกแล้วซิ หรือ ไม่มีคนแนะนำที่ดีอีกแล้ว หรือ แนะนำก็ไม่ฟังอีก อย่างน้อยก็ไปถามสุวัฒน์คลองด่านดูก็ได้  

 

แม้วมีโอกาสอุทธรณ์ทางเทคนิคไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ทำ หนีทำไม สู้ซิ  แบบคุณอภิรักษ์

 

 

มีอีกหลายคน  ที่ยังขาดความเข้าใจในประเด็นนี้

 

 

แค่เซ็น ก็ไม่ควรเซ็นแล้ว

 

ฮั่นแน่....   นินทา

ยอมรับว่า...วันนั้นหลงประเด็นไปคุยเรื่องรายเซ็นซะมาก  ซึ่งไม่ใช่ประเด็น  จนลืมนึกถึงประเด็นหลัก

เรื่องมาตรา 100  ปปช ไป  แต่ถึงอย่างไรผมก็ยัง  ตั้งข้อสังเกตุในคำตัดสินอยู่ดี

   ไม่ว่าจะเป็น   การใช้อำนาจ  คตส. ที่ตั้งขึ้นโดย  คมช.  เอาผิดยอ้นหลัง   หรือ  อ้างอิงประกาศ  คมช.  ในคำพิพากษา

หรือ  ประเด็นควบคุม  กำกับดูแลหรือไม่   หรือคำตัดสินที่ระบุว่าไม่ควรรอลงอาญา  รวมถึงประเด็นความเสียหายของกองทุนฟื้ฟู

ว่ามีความเสียหายหรือไม่  เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่หยั่งไง  ผมก็ยังมีความสงสัยในคำพิพากษาอยู่ดี

 

 

ความจริงยังอุทธรณ์ได้ทางเทคนิค แต่ตอนนี้คงเลยกำหนดเวลาไปแล้ว

 

อำนาจของคตส.ก็ยังเข้าใจผิดกันอีกเช่นเคย ความจริงแล้ว คตส.มีอำนาจของหลายหน่วยงานรวมกัน ถ้าจะเทียบอำนาจก็คงเทียบได้เกือบเท่ากับอำนาจดีเอสไอในปัจจุบัน ที่มีอำนาจในการขอค้นหาหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ได้มากกว่าอัยการและทนายทั่วไป  คงไปเอาผิดใครไม่ได้ เพียงแต่ยื่นฟ้องได้เท่านั้น

 

ศาลท่านพิจารณาประเด็น ตรงที่ ใครอยู่ใต้บังคับบัญชาของใครเท่านั้น หากไม่อยู่ใต้บังคับบัญชา ก็ไม่มีอิทธิพลไปบังคับบัญชาได้ 

 

เรื่องไม่รอลงอาญานั้น ก็เหมือนกับว่า เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ แต่ไปใช้อำนาจสูงสุดไปกระทำผิด ต้องพิพากษาให้เป็นบรรทัดฐาน 

 

ในความเห็นส่วนตัวก็เห้นว่าเจ้าตัวสามารถหลีกเลี่ยงได้ กลับไม่หลีกเลี่ยง เหมือนเป็นทรัพย์ที่จะร่วมซื้อด้วย  ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปรกติ  ก็สมควรแล้ว  

 

เขาต้องถามตัวเขาเองว่าเจ้าตัวจงใจทำหรือไม่ ?


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#38 ฮิตเด้อ

ฮิตเด้อ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 145 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:38

คดีที่ดินรัชดาอธิบายง่ายๆแบบนี้ครับ

 

ในมาตรา 100 วรรค  1 เขาห้ามเจ้าหน้าทีรัฐทำสัญญาหรือคุ๋สัญญาที่มันจะมีส่วนได้เสียกับรัฐ ซึ่งวรรค 2 จะจำกัดลงไปอีกว่า ห้าม 2 ต่ำแหน่งต่อไปนี้คือ รมต. และ นายก ทำในวรค 1

แล้วยิ่งจำกัดลงไปในวรรค 3 อีกคือ ห้ามคู่สมรสทำแบบวรรค 1 ไม่งั้นจะถือว่าต่ำแหน่งต้องห้ามในวรรค 2 เป็นคนทำด้วย  

 

ที่โดนคุกเลยเพราะว่า

1. จำเลยแม้วไม่มีหลักฐานว่า ไม่รุ้เรื่องในการเป็นคู่สัญญาที่ดินรัชดาที่เมียไปทำ ศาลจึงตัดสินให้ผิดมาตรา 100

 และดำเนินโทษแบบ มาตรา 122

 

=มาตรา 122 คือ ถ้ารมตหรือนายก คนใหนผิดมาตรา 100 หรือ คู่สมรสไปทำและไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าไม่รู้แบบคดีที่ดินรัชดา

ก็จะติดคุกไม่ 3 ปี แต่พอดีแม้วเป็นนายก ศาลเลยเชือดทันทีก็แค่นั้น จริงๆศาลคงดูไปถึง มาตรา 103 นู้นละเพราะมันหมวดเดียวกัน

(มาตรา 102-103 ก้คือที่น้ามักโดนนั้นละ)

 

 

ทิ้งท้าย แม้วไม่ได้มีแค่คดีเดียว มี 3 คดีที่รอเชือด แต่จำหน่ายคดีชั่วคราวเพราะแม้วหนีไปมอนเตร

อีก 4 คดี รอสอบสวนอยู่แต่ก็ต้องจำน่ายคดีชั่วคราวเช่นกันเพราะแม้วหนีไปมอนเตร 

 7 คดีนี่ละที่หลายคนไม่รู้ว่ามีไม่งั้นแค่ 2 ปีมันไม่หนีไปหรอกเพราะมันยังมีมาตรา 56 ที่สามารถรอลงอาญาได้

อย่างมากก้ออกจากต่ำแหน่งไม่ต้องหนี

 

มันถึงต้องพยายามล้าง พวก ปชช คตส ศาลรัฐธรรมนูญไง ปีงบประมาณนี้

ก็แค่แกล้งตัดงบไปเท่านั้นเอง 

 

แก้ไขคำผิด


Edited by ฮิตเด้อ, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:50.


#39 kaidum

kaidum

    ขาดขา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,125 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:28

ฮั่นแน่....   นินทา

 

ยอมรับว่า...วันนั้นหลงประเด็นไปคุยเรื่องรายเซ็นซะมาก  ซึ่งไม่ใช่ประเด็น  จนลืมนึกถึงประเด็นหลัก

เรื่องมาตรา 100  ปปช ไป  แต่ถึงอย่างไรผมก็ยัง  ตั้งข้อสังเกตุในคำตัดสินอยู่ดี

   ไม่ว่าจะเป็น   การใช้อำนาจ  คตส. ที่ตั้งขึ้นโดย  คมช.  เอาผิดยอ้นหลัง   หรือ  อ้างอิงประกาศ  คมช.  ในคำพิพากษา

หรือ  ประเด็นควบคุม  กำกับดูแลหรือไม่   หรือคำตัดสินที่ระบุว่าไม่ควรรอลงอาญา  รวมถึงประเด็นความเสียหายของกองทุนฟื้ฟู

ว่ามีความเสียหายหรือไม่  เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่หยั่งไง  ผมก็ยังมีความสงสัยในคำพิพากษาอยู่ดี

 

 

คตส รวบรวมข้อมูลพยาน หลักฐานความผิด ของนักการเมืองส่งให้กับอัยการเท่านั้นนะครับ

ที่ทักษิณดิ้นไม่หลุดก็เพราะพยานหลักฐาน แต่อำนาจชี้ ผิด ถูก ขึ้นอยู่กับศาลล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับ คตส

สังเกตว่าหลายๆคดีของทักษิณ ที่ศาลชี้ให้เป็นผลประโยชน์ของทักษิณ  เรามักจะได้ยินคนเสื้อแดงบอกว่า

ดีแล้ว ชอบแล้ว ยุติธรรมแล้ว แต่ความผิดสำเร็จในกรณีนี้ กลับถูกมองเป็นผลไม้พิษ ทั้งๆที่ คตส ไม่ใช่ผู้ตัดสิน

แต่เป็นพยานหลักฐาน ที่มัดทักษิณจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

 

ไม่อยากได้ยินคำถามว่าใครตั้ง แต่ถามว่าหลักฐานที่ทักษิณยอมจำนน มันแสดงว่าทักษิณบริสุทธิ์ ใช่หรือไม่

 

 


Edited by kaidum, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:29.

ประชาธิปไตยของผม ไม่ได้เกิดจากอารมณ์และการอุปถัมป์ โดยใคร

#40 nopantaman_agian

nopantaman_agian

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 287 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:01

ความจริงยังอุทธรณ์ได้ทางเทคนิค แต่ตอนนี้คงเลยกำหนดเวลาไปแล้ว

 

อำนาจของคตส.ก็ยังเข้าใจผิดกันอีกเช่นเคย ความจริงแล้ว คตส.มีอำนาจของหลายหน่วยงานรวมกัน ถ้าจะเทียบอำนาจก็คงเทียบได้เกือบเท่ากับอำนาจดีเอสไอในปัจจุบัน ที่มีอำนาจในการขอค้นหาหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ได้มากกว่าอัยการและทนายทั่วไป  คงไปเอาผิดใครไม่ได้ เพียงแต่ยื่นฟ้องได้เท่านั้น

 

ศาลท่านพิจารณาประเด็น ตรงที่ ใครอยู่ใต้บังคับบัญชาของใครเท่านั้น หากไม่อยู่ใต้บังคับบัญชา ก็ไม่มีอิทธิพลไปบังคับบัญชาได้ 

 

เรื่องไม่รอลงอาญานั้น ก็เหมือนกับว่า เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ แต่ไปใช้อำนาจสูงสุดไปกระทำผิด ต้องพิพากษาให้เป็นบรรทัดฐาน 

 

ในความเห็นส่วนตัวก็เห้นว่าเจ้าตัวสามารถหลีกเลี่ยงได้ กลับไม่หลีกเลี่ยง เหมือนเป็นทรัพย์ที่จะร่วมซื้อด้วย  ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปรกติ  ก็สมควรแล้ว  

 

เขาต้องถามตัวเขาเองว่าเจ้าตัวจงใจทำหรือไม่ ?

 

 

แน่ใจนะครับ "ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติ" นั่นเป็นข้อเท็จจริง

 

ลองหาอ่านกระทู้เก่าๆ ที่เคยถกกันเรื่องนี้ก่อนไหมครับ ว่าจริงๆ แล้วมันมีจริง หรือเป็นแค่ วาทกรรม ที่ต้องการใช้ในการปลุกระดมมวลชนกันแน่

 

วาทกรรมนั้นถ้าจำไม่ผิด(ไม่มีหลักฐานยืนยัน ถ้าผิดพลาดขออภัย) มีต้นตอมาจากหลายคน รวมถึงคุณแก้วสรร ที่ตอนนั้นเป็นเลขา คตส. เองด้วย

 

จริงๆ อยากเห็นข้อมูลของ คตส. หรือคำฟ้องของอัยการจริงๆ ว่าเหตุผลประกอบการฟ้องมีเรื่องพวกนี้ด้วยหรือไม่ และเขียนอย่างไร

 

ถ้าใครมีข้อมูลช่วยแชร์ก็ดีนะครับ จะได้เป็นข้ออ้างอิงได้ว่า ประเด็นการทุจริตที่กล่าวอ้างในการฟ้องคดีนี้ มันมีจริงหรือเป็นแค่วาทกรรมของฝ่ายตรงข้ามทักษิณเท่านั้น



#41 JarTown

JarTown

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 46 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:08

ขออนุญาตนำโพสต์ของท่านชูชาติ https://www.facebook...383043078488591 มาลงให้อ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ

 

.....กรณีของทักษิณ ชินวัตร พูดหลายครั้งแล้ว
........พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคแรกบัญญัติว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดําเนินกิจการดังต่อไปน้ี
........(1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติุหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอํานาจกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดําเนินคดี
........วรรคท้ายบัญญัติว่า ให้นําบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ถือว่าการดําเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดําเนิน กิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
........มาตรา 122 เจ้าหน้าท่ีของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 100 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
........สรุปก็คือ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งหมายถึงนายกรัฐมนตรีด้วยเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนเองมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม โดยห้ามคู่สมรสด้วยและให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรสเป็นกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐคนนั้น หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
........กฎหมายฉบับนี้ประกาศและมีผลบังคับใช้ในปี 2542 ก่อนที่ทักษิณเข้ามาเป็นยกรัฐมนตรี ในปี 2544 ไม่ใช่เป็นกฎหมายที่เพิ่งประกาศใช้หลังมีรัฐประหารในปี 2549 

........ข้อเท็จจริงคือ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ รมต กระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ขณะที่พจมาน ชิณวัตร ซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ พจมานเป็นคู่สมรสของทักษิณซึ่งขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี
........การที่ทักษิณถูกลงโทษจำคุกจึงเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกประการ ไม่ได้มีใครมาสั่งให้องค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาพิพากษานี้ลงโทษทักษิณ และไม่ใช่เป็นกฎหมายของคณะรัฐประหาร หรือเป็นเรื่องผัวยินยอมให้เมียซื้อที่ดินต้องติดคุกดั่งที่พวกคนเสื้อแดงชอบอ้างหลอกประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายและข้อเท็จจริงตลอดมา

 

 

ผมขอโคว้ตอีกประโยคของท่านนะครับ

..การพิจารณาตัวบทกฎหมายมันต้องดูท่ีเจตนารมณ์ของบทบัญญัติของกฎหมายด้วย ไม่ใช่ตีความแบบศรีธนนชัย บทบัญญัติของมาตรา 100 ต้องการรักษาผลประโยชน์ของรัฐหรือของสังคมส่วนรวมหรือของคนไทยทุกคนนั่นเอง ไม่ให้ถูกฉ้อฉลแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตัวเองของนักการเมืองขี้โกง

...นักกฎหมายที่มีวิญญาณของนักกฎหมายที่แท้จริงมีความยุติธรรมอยู่ในจิตใจและรู้จักรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองไม่เห็นแก่เงินอย่างเดียวที่แถไปเรื่อย ๆ ย่อมรู้เจตนารมณ์ของกฎหมายมาตรานี้ดี ครับ


#42 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:23

 

ฮั่นแน่....   นินทา

 

ยอมรับว่า...วันนั้นหลงประเด็นไปคุยเรื่องรายเซ็นซะมาก  ซึ่งไม่ใช่ประเด็น  จนลืมนึกถึงประเด็นหลัก

เรื่องมาตรา 100  ปปช ไป  แต่ถึงอย่างไรผมก็ยัง  ตั้งข้อสังเกตุในคำตัดสินอยู่ดี

   ไม่ว่าจะเป็น   การใช้อำนาจ  คตส. ที่ตั้งขึ้นโดย  คมช.  เอาผิดยอ้นหลัง   หรือ  อ้างอิงประกาศ  คมช.  ในคำพิพากษา

หรือ  ประเด็นควบคุม  กำกับดูแลหรือไม่   หรือคำตัดสินที่ระบุว่าไม่ควรรอลงอาญา  รวมถึงประเด็นความเสียหายของกองทุนฟื้ฟู

ว่ามีความเสียหายหรือไม่  เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่หยั่งไง  ผมก็ยังมีความสงสัยในคำพิพากษาอยู่ดี

 

 

คตส รวบรวมข้อมูลพยาน หลักฐานความผิด ของนักการเมืองส่งให้กับอัยการเท่านั้นนะครับ

ที่ทักษิณดิ้นไม่หลุดก็เพราะพยานหลักฐาน แต่อำนาจชี้ ผิด ถูก ขึ้นอยู่กับศาลล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับ คตส

สังเกตว่าหลายๆคดีของทักษิณ ที่ศาลชี้ให้เป็นผลประโยชน์ของทักษิณ  เรามักจะได้ยินคนเสื้อแดงบอกว่า

ดีแล้ว ชอบแล้ว ยุติธรรมแล้ว แต่ความผิดสำเร็จในกรณีนี้ กลับถูกมองเป็นผลไม้พิษ ทั้งๆที่ คตส ไม่ใช่ผู้ตัดสิน

แต่เป็นพยานหลักฐาน ที่มัดทักษิณจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

 

ไม่อยากได้ยินคำถามว่าใครตั้ง แต่ถามว่าหลักฐานที่ทักษิณยอมจำนน มันแสดงว่าทักษิณบริสุทธิ์ ใช่หรือไม่

 

 

 

ลองฟัง  ขอสังเกตุของคนอื่นนะครับ  อาจจะดูดีกว่าผม

 

2 ประเด็นคาใจ คดีที่ดินรัชดาฯ

 

 

Wed, 2008-10-29 22:28

 

ประวิตร โรจนพฤกษ์

 

ใครก็ตามที่สนใจปัญหาการเมืองโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับคดีที่ดินรัชดาฯ สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่21 ต.ค. ของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างละเอียด เพราะว่าถึงแม้สื่อส่วนใหญ่จะได้เขียนชื่นชมว่าเป็นคำพิพากษาครั้ง "ประวัติศาสตร์" หรือคำพิพากษาครั้ง "สำคัญ" ผู้เขียนกลับพบว่าการเขียนเชิงวิเคราะห์อย่างเป็นกลางนั้นค่อนข้างที่จะหายากยิ่ง


 

ผู้เขียนเห็นว่ามี ประเด็นสำคัญที่อยากจะแลกเปลี่ยนกับผู้อ่านดังต่อไปนี้ คือ

 


1.ว่าด้วยส่วนคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549


คำพิพากษาศาลต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐประหารในครั้งนั้นเพราะว่าฝ่ายทนายจำเลยตั้งคำถามถึงสภาพทางกฎหมายของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายลูกสืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งถูกฉีกโดยกลุ่มก่อรัฐประหาร และความชอบธรรมขององค์กรอย่าง คตส. ซึ่งชงคดีรัชดาฯ เข้าสู่ศาล ในขณะที่องค์กรนี้ถูกก่อตั้งโดยกลุ่มผู้ก่อรัฐประหาร 19 ก.ย.

 


ศาลได้กล่าวในคำพิพากษาว่า กฎหมายและองค์กรนี้ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายเพราะผู้ก่อรัฐประหารมิได้เข้าไปยึดอำนาจทางตุลาการ หากแต่เพียงยึดอำนาจทางฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเท่านั้น

 


"ศาลเห็นว่า การทำรัฐประหารเป็นการยึดอำนาจบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการมารวมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหรือคณะหนึ่งคณะใดใช้อำนาจนั้น แต่ไม่ได้เป็นการประสงค์ล้มล้างการใช้อำนาจแต่อย่างใด โดยเมื่อ คปค.ยึดอำนาจแล้วออกประกาศ คปค.ฉบับที่ ที่ให้รัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง แต่ศาลอื่นยังคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดีได้ จึงแสดงให้เห็นว่า กฎหมายที่ยังใช้อยู่ในขณะนั้นไม่ได้ถูกยกเลิกไปด้วย

 


ดังนั้นแม้ พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.ฯ จะเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งตราขึ้นใช้โดยชอบแล้ว ดังนั้นย่อมมีสถานภาพเทียบเท่ากับกฎหมายทั่วไป ถือว่าไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญและยังสามารถใช้บังคับใช้ได้ โดยไม่เกี่ยวว่ารัฐธรรมนูญจะมีอยู่หรือไม่ ดังนั้นการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญ 2540 จึงไม่มีผลทำให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงด้วยแต่อย่างใด"


 


คำถามที่ตามมากับการแสดงความเห็นในคำพิพากษาว่าด้วยเรื่องที่โยงกับรัฐประหารก็คือว่า ตรรกะของคำพิพากษาเช่นนี้จะมีส่วนเอื้อหรือปรามมิให้เกิดรัฐประหารอีกในอนาคตหรือไม่อย่างไร อีกคำถามคือศาลคิดเช่นไรกับการที่กลุ่มคนติดอาวุธถือวิสาสะยึดอำนาจจากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ในแง่นี้แล้วเป็นธรรมาภิบาลที่ดีหรือไม่ ที่ผู้เขียนถามเรื่องธรรมาภิบาล เพราะว่าในคำพิพากษามีการพูดถึงธรรมาภิบาลในแง่ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มิได้รักษาไว้ซึ่งธรรมาภิบาลที่ดี


 


นอกจากนี้ คำพิพากษาก็มิได้พูดอะไรเกี่ยวกับรัฐประหาร ในแง่ที่ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะในแง่จริยธรรมทางการเมือง


 


นายทักษิืณถูกพิพากษาว่าผิดในฐานะมีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะภรรยาคือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไปประมูลซื้อที่ดินรัชดาฯ มาจากกองทุนฟื้นฟูฯ แต่ในขณะเดียวกันกลับไม่มีการตั้งคำถามในคำพิพากษาว่าทหารผู้ก่อรัฐประหารซึ่งเป็นศัตรูกับทักษิณนั้นจะมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ในเมื่อพวกเขาเป็นคนแต่งตั้งบรรดา คตส. ทุกคน ซึ่งรวมถึงคนอย่างนายแก้วสรร อติโพธิ์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และต่อต้านทักษิณอย่างชัดเจน (นายแก้วสรรเคยให้การต่อศาลในคดีนี้ทำนองว่า ตนแยกแยะสองบทบาทนี้ได้ไม่มีปัญหา)


 


คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ประชาชนจำนวนหนึ่งที่มิได้สนับสนุนนายทักษิณ แต่รับไม่ได้กับรัฐประหารจะตั้งคำถามว่าด้วยทัศนะของผู้พิพากษาที่โยงกับเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. และนี่คือจุดอ่อนข้อแรกของคำพิพากษานี้


 


2.หลักฐานเอาผิดนายทักษิณมัดแน่นและพิสูจน์ชัดได้แค่ไหน


ปัญหาว่าด้วยหลักฐานก็คือการที่คำพิพากษาสรุปว่า "จำเลยที่ (พจมาน) มีผู้รู้จักจำนวนมาก ประกอบกับข้าราชการมีค่านิยมจำนนต่อผู้มีบารมีสูง นอกจากนั้น ยังอาจให้คุณให้โทษทางราชการได้" ในคำพิพากษายังกล่าวด้วยว่า ผู้ร่วมแข่งขันประมูลอีกสองบริษัท "รู้ว่าต้องแข่งขันกับภริยานายกรัฐมนตรี จึงไม่กล้าสู้ราคา..."


 


ทั้งหมดที่อ้างข้างต้น เป็นเรื่อง "ความเป็นไปได้ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้สูงว่า เหตุการณ์อาจเกิดขึ้นอย่างที่ศาลตั้งข้อสังเกตคาดการณ์ แต่มันก็เป็นเพียง "ความเป็นไปได้" หาใช่หลักฐานที่มัดแน่นไม่

 


ผู้เขียนไม่เถียงในส่วนที่ศาลว่า ภรรยาหรือบุตรนายกรัฐมนตรี "ไม่สมควรเข้าไปประมูลซื้อ" ที่ดินของรัฐในขณะที่ตัวสามีหรือบิดาของผู้ประมูลยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ อยู่ ความโลภและไร้ซึ่งมารยาททางการเมืองจึงเป็นจุดอ่อนที่สุดในคดีที่ดินรัชดาฯ แต่ส่วนใดก็ตามที่ไม่มีหลักฐานและเป็นเพียงความเป็นไปได้หรือความน่าจะเป็นไป ก็ควรปล่อยให้มันเป็นความเป็นไปได้ และไม่ควรเป็นเหตุในการลงโทษ มิฉะนั้นกลุ่มผู้สนับสนุนนายทักษิณก็จะรู้สึกว่านายทักษิณนั้นถูกพิพากษาไปก่อนคดีจะจบแล้ว โดยการใช้หลักที่ว่า นายทักษิณผิดจนกว่าจะพิสูจน์เป็นอื่นได้ อย่างเช่นในส่วนที่ศาลบอกว่า ทักษิณ"ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นได้ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการซื้อขาย" (ประเด็นท้ายสุดนี้ จะว่ากันให้แฟร์ องค์คณะผู้พิพากษามีความเห็นแตกกันเป็น ต่อ เสียง ว่าให้ทักษิณผิด ผู้เขียนคิดว่า น่าจะหาคำอธิบายให้เหตุผลทั้งเสียงส่วนน้อยและเสียงส่วนใหญ่ที่ก้ำ้กึ่งกันมากมาลองคิดเปรียบเทียบในพื้นที่สาธารณะ)


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#43 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:23

 

ความจริงยังอุทธรณ์ได้ทางเทคนิค แต่ตอนนี้คงเลยกำหนดเวลาไปแล้ว

 

อำนาจของคตส.ก็ยังเข้าใจผิดกันอีกเช่นเคย ความจริงแล้ว คตส.มีอำนาจของหลายหน่วยงานรวมกัน ถ้าจะเทียบอำนาจก็คงเทียบได้เกือบเท่ากับอำนาจดีเอสไอในปัจจุบัน ที่มีอำนาจในการขอค้นหาหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ได้มากกว่าอัยการและทนายทั่วไป  คงไปเอาผิดใครไม่ได้ เพียงแต่ยื่นฟ้องได้เท่านั้น

 

ศาลท่านพิจารณาประเด็น ตรงที่ ใครอยู่ใต้บังคับบัญชาของใครเท่านั้น หากไม่อยู่ใต้บังคับบัญชา ก็ไม่มีอิทธิพลไปบังคับบัญชาได้ 

 

เรื่องไม่รอลงอาญานั้น ก็เหมือนกับว่า เป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ แต่ไปใช้อำนาจสูงสุดไปกระทำผิด ต้องพิพากษาให้เป็นบรรทัดฐาน 

 

ในความเห็นส่วนตัวก็เห้นว่าเจ้าตัวสามารถหลีกเลี่ยงได้ กลับไม่หลีกเลี่ยง เหมือนเป็นทรัพย์ที่จะร่วมซื้อด้วย  ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปรกติ  ก็สมควรแล้ว  

 

เขาต้องถามตัวเขาเองว่าเจ้าตัวจงใจทำหรือไม่ ?

 

 

แน่ใจนะครับ "ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติ" นั่นเป็นข้อเท็จจริง

 

ลองหาอ่านกระทู้เก่าๆ ที่เคยถกกันเรื่องนี้ก่อนไหมครับ ว่าจริงๆ แล้วมันมีจริง หรือเป็นแค่ วาทกรรม ที่ต้องการใช้ในการปลุกระดมมวลชนกันแน่

 

วาทกรรมนั้นถ้าจำไม่ผิด(ไม่มีหลักฐานยืนยัน ถ้าผิดพลาดขออภัย) มีต้นตอมาจากหลายคน รวมถึงคุณแก้วสรร ที่ตอนนั้นเป็นเลขา คตส. เองด้วย

 

จริงๆ อยากเห็นข้อมูลของ คตส. หรือคำฟ้องของอัยการจริงๆ ว่าเหตุผลประกอบการฟ้องมีเรื่องพวกนี้ด้วยหรือไม่ และเขียนอย่างไร

 

ถ้าใครมีข้อมูลช่วยแชร์ก็ดีนะครับ จะได้เป็นข้ออ้างอิงได้ว่า ประเด็นการทุจริตที่กล่าวอ้างในการฟ้องคดีนี้ มันมีจริงหรือเป็นแค่วาทกรรมของฝ่ายตรงข้ามทักษิณเท่านั้น

 

 

การเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล  ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง คล้ายๆ กรณีแก้สัญญาสัมประทาน แก้การถือครองหุ้นสื่อสาร ฯลฯ

 

แต่ประเด็นคือเมียแอบเอาใบมอบอำนาจ ไปซื้อที่ดินรัชดาหรือครับ เห็นมีการหย่าร้างตามมา เนื่องจากแม้วจับได้ว่าเอาไปใช้โดยไม่บอก จึงขอหย่าใช่ไหมครับ

 

ตอนนั้น ถ้าทนายดีๆ อาจแนะนำให้ ไปฟ้องศาลขอให้การทำสัญญาเป็นโมฆะก็ได้นะครับ   

 

ถ้าไม่ใช่ แม้วไม่ต้องเซ็นชื่อก็ซื้อได้ ถ้าเมียแม้วต้องการให้เป็นทรัพย์สินนอกสมรส

 

ถ้าเป็นวาทกรรมคงไม่โดนคำสั่งศาลให้ติดคุกหลอกครับ ศาลท่านไม่ฟังวาทกรรมครับ 

 

อยากเห็นอะไร ก็ไปดูเอาเองได้ครับ ในนี้ก็มีให้ดู ลองค้นดูครับ พิมพ์คำที่ต้องการ ลงในกูเกิ้ล สองสามคำ เว้นวรรค ระหว่างคำ เลือกข้อมูลที่ต้องการ

 

มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Spac1.gif กรณีความผิดตาม มาตรา
100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด
 

 

หมวด 9 การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม
Spac1.gif
มาตรา 100 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้
Spac1.gif (1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
Spac1.gif (2) เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญา กับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
Spac1.gif (3) รับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเข้าเป็นคู่สัญญา กับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือ เข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว
Spac1.gif (4) เข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่หรือ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้น
Spac1.gif เจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งใดที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
Spac1.gif เจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งใดที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
Spac1.gif ให้นำบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามวรรคสอง โดยให้ถือว่าการดำเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการ ดำเนินกิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
Spac1.gif
มาตรา 101 ให้นำบทบัญญัติ มาตรา 100 มาใช้บังคับกับการดำเนิน กิจการของผู้ซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแล้วยังไม่ถึงสองปีโดย อนุโลม เว้นแต่การเป็นผู้ถือหุ้นไม่เกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ จำหน่ายได้ในบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งมิใช่บริษัที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงาน ของรัฐตาม มาตรา 100 (2) ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
Spac1.gif
มาตรา 102 บทบัญญัติ มาตรา 100 มกให้นำมาใช้บังคับกับการดำเนิน กิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชน จำกัดมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ หน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือเข้าร่วมทุน
Spac1.gif
มาตรา 103 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้น แต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และ จำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด
Spac1.gif บทบัญญัติในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ของผู้ซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแล้วยังไม่ถึงสองปีด้วยโดยอนุโลม
linecontent.gif 

 

หากมีข้อสงสัยในคำตัดสินของศาลทั้ง 9 ท่าน แล้วทำไมไม่สงสัยในคำตัดสินของแต่ละท่านด้วยละ ไม่ลองไปดูคำตัดสินของแต่ละท่านดูซิว่า เป็นอย่างไร
 


Edited by Stargate-1, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:03.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#44 ดอน

ดอน

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 2,872 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 16:50

http://www.dlo.co.th/node/204

ยิ่งกว่านั้น ในคดีที่มีองค์คณะผู้พิพากษาหลายคนที่จะต้องร่วมกันพิพากษาคดี โดยเฉพาะคดีอาญานั้น กฎหมายได้บัญญัติไว้อย่างเคร่งครัดและชัดเจนถึงการใช้ดุลพินิจและการออกเสียงลงมติในการพิพากษาแต่ละคดีว่า

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 39 บัญญัติว่า “บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลากระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิด และกำหนดโทษไว้และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้น จะหนักกว่าโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดมิได้ ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด”

2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 บัญญัติว่า “ให้ศาลใช้ดุลพินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย”

3. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184 บัญญัติว่า “ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก ถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย หรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมาก ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า”

ปรากฏว่าในคดีที่ดินรัชดาฯ นี้ มีผู้พิพากษาเป็นองค์คณะ 9 คน การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ต้องดำเนินการให้เป็นไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายและในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 197 วรรคแรก บัญญัติไว้

ดังนั้น ผู้พิพากษาทั้ง 9 คน จึงต้องตระหนักและต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 39 วรรคสอง และหากกรณีมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227

สำหรับการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวนี้ แม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 20 จะบัญญัติว่า

“การทำคำสั่งที่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดหรือพิพากษาคดี ให้ผู้พิพากษาในองค์คณะผู้พิพากษาทุกคน ทำความเห็นในการวินิจฉัยคดีเป็นหนังสือ พร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ และให้ถือมติตามเสียงข้างมาก ในการนี้ องค์คณะผู้พิพากษาอาจมอบหมายให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่ง ในองค์คณะผู้พิพากษาเป็นผู้จัดทำคำสั่งหรือคำพิพากษาตามมตินั้นก็ได้...” ก็ตาม

แต่ก็ไม่ปรากฏมีข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาหรือบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ บัญญัติถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในการประชุมปรึกษาคดี ไว้ ตลอดจนกรณีที่มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้นั้น จะต้องดำเนินการอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน จึงบัญญัติว่า

...ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาใช้บังคับ...โดยอนุโลม” นั่นก็คือ ต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184 ข้างต้น มาบังคับใช้นั่นเอง โดยบทกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้บัญญัติให้ผู้พิพากษาทั้ง 9 คนออกเสียงพร้อมกันในคราวเดียวกัน เพื่อให้ได้เสียงข้างมาก แต่บัญญัติให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ต้องทำหน้าที่เป็นประธาน ยังไม่มีสิทธิออกเสียงทันที ต้องถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาอีก 8 คนทีละคนว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดหรือไม่

ปรากฏจากคำพิพากษาที่อ่านและเปิดเผยแล้วว่า คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนลงมติด้วยคะแนน 5 ต่อ 4 ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดให้จำคุก 2 ปี ย่อมแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ในชั้นที่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ทำหน้าที่ประธานสอบถามความเห็นผู้พิพากษา อีก 8 คนนั้น มีผู้พิพากษา 4 คนเห็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดแต่ผู้พิพากษาอีก 4 คนเห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด คะแนนเสียงจึงเป็น 4 ต่อ 4 เท่ากัน แย้งกันอยู่

กรณีเช่นนี้ ณ เวลานั้น ขณะนั้น จึงต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาดังกล่าวข้างต้นว่า ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดและกรณียังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงหรือไม่ เพราะมีคะแนนเสียงเท่ากัน หาเสียงข้างมากไม่ได้ ซึ่งกรณีย่อมต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 184 ที่บัญญัติว่า

“ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า” อีกด้วย

ดังนั้น ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนี้ ซึ่งเป็นประธานและต้องออกเสียงเป็นคนสุดท้าย จึงต้องถูกผูกมัดและถูกบังคับด้วยบทกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้งดังกล่าว ให้จำต้องลงมติว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด เพราะเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน จะมีความเห็นขณะนั้นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ คะแนนเสียงของผู้พิพากษาคดีนี้ ที่พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วยคะแนน 5 ต่อ 4 จึงเท่ากับว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนที่ออกเสียงเป็นคนสุดท้ายได้ลงมติว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ซึ่งเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า น่าจะเป็นการฝ่าฝืนและขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 39 วรรคสอง และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 และมาตรา 184

จึงมีข้อพิจารณาว่า เป็นการลงมติที่ถูกต้องหรือไม่ คำพิพากษาคดีนี้ สามารถยืนยันได้แท้จริงหรือไม่ว่า พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ควรต้องรับโทษในทางอาญา

อนึ่ง การลงมติที่จะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 184 ดังกล่าวนี้ ย่อมครอบคลุมทุกประเด็นปัญหาในการประชุม เพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาว่า จำเลยกระทำผิดหรือไม่ ควรลงโทษจำเลยหรือไม่เพียงใด หรือสมควรลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษ แต่รอการลงโทษจำเลยไว้หรือไม่เป็นต้น

ดังจะเห็นได้จากถ้อยคำตามตัวบทมาตรา 184 ที่ว่า “...ให้เจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพาทที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย... ถ้าในปัญหาใด มีความเห็นแย้งกัน…” ดังนี้ แสดงว่าการลงมติขององค์คณะผู้พิพากษาในคดีอาญา ต้องปฏิบัติตามความในมาตรา 184 ทุก ๆ ประเด็นปัญหา ไม่มีข้อยกเว้น

ด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวมา พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 จะได้รู้เห็นยินยอมให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่จะทำให้จำเลยที่ 1 กลายเป็นผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100(1) และมาตรา 122 วรรคสอง หรือไม่ และการประชุมปรึกษาองค์คณะผู้พิพากษาเป็นการประชุมและลงมติที่สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าวมาแล้วหรือไม่

หากองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ได้ลงมติให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว มติในการพิพากษาคดีนี้ น่าจะเป็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาดังกล่าวหรือไม่

หากกรณีเป็นไปตามที่กล่าวมาโดยลำดับ สมควรหรือไม่ ที่พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องได้รับโทษในทางอาญา


จงกล้าที่จะใช้ปัญญาญาณของตนเอง  โดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น(คานท์)


#45 JSN

JSN

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,004 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:01

ควายแดงก็ยังโง่เหมือนเดิม โง่ต่อไปเรื่อยๆนะ

Edited by JSN, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:02.


#46 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:13

กฎหมายอาญา กับ กฎหมายแพ่ง ตีกันเอง ห้าาา แล้วความผิดแค่เซ็น ถึงกับไม่รอลงอาญา ทั้งที่จำเลยไม่เคยมีความผิดมาก่อน 

 

ตัดสินได้(ยุติ)ธรรม จริงๆ ทั่นศาลที่เคารพ  :D  :D  :D

 

เหมือนกรณีชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ใช่ไหม


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#47 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:22

 

 

กฎหมายอาญา กับ กฎหมายแพ่ง ตีกันเอง ห้าาา แล้วความผิดแค่เซ็น ถึงกับไม่รอลงอาญา ทั้งที่จำเลยไม่เคยมีความผิดมาก่อน 

 

ตัดสินได้(ยุติ)ธรรม จริงๆ ทั่นศาลที่เคารพ  :D  :D  :D

 

เหมือนกรณีชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ใช่ไหม

 

คนละศาล

 

 

เผาเซ็นทรัลล่ะ อ้างศาลแพ่งได้ป่าว


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#48 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:23

แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เป็นแผนกที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในศาลฎีกา เกิดขึ้นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ส่วนที่ 3 มาตรา 272 โดยระบุให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขึ้นในศาลฎีกา ให้องค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วย ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา จำนวน 9 คน ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ และให้เลือกเป็นรายคดี อำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและวิธี พิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ตามในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550) ก็ยังคงแผนกนี้ไว้เช่นเดียวกัน


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#49 นกสัญจร

นกสัญจร

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 177 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:47

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่มาให้ความรู้เรื่องนี้ เราต้องคำถามนี้ขึ้นมาก็เพราะคำพูดของคุณบรรหารที่บอกว่า "ทักษิณบอกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม" เราก็เลยสงสัยว่า ระดับบรรหาร จะไม่รู้เลยเชียวหรือว่าสิ่งที่ทักษิณทำนั้น ผิด หรือ ถูก คำตัดสินใจของศาลนั้น เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย

หรือไม่ เราคิดว่า สำหรับเรา เราได้คำตอบแล้วว่า ทักษิณผิด ไม่ใช่ผิดเพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ผิดเพราะทักษิณทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม (อิอิ)

แม้จะมีกฎหมายปลีกย่อย อย่างที่หลายท่านตั้งข้อสังเกตไว้ แต่เมื่อดูหลักใหญ่ใจความของข้อกฎหมายแล้ว ก็อยากที่จะเชื่อได้ว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด

เราคิดอย่างนี้แหละ



#50 nopantaman_agian

nopantaman_agian

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 287 posts

ตอบ 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:14

การเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล  ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง คล้ายๆ กรณีแก้สัญญาสัมประทาน แก้การถือครองหุ้นสื่อสาร ฯลฯ

 

แต่ประเด็นคือเมียแอบเอาใบมอบอำนาจ ไปซื้อที่ดินรัชดาหรือครับ เห็นมีการหย่าร้างตามมา เนื่องจากแม้วจับได้ว่าเอาไปใช้โดยไม่บอก จึงขอหย่าใช่ไหมครับ

 

ตอนนั้น ถ้าทนายดีๆ อาจแนะนำให้ ไปฟ้องศาลขอให้การทำสัญญาเป็นโมฆะก็ได้นะครับ   

 

ถ้าไม่ใช่ แม้วไม่ต้องเซ็นชื่อก็ซื้อได้ ถ้าเมียแม้วต้องการให้เป็นทรัพย์สินนอกสมรส

 

ถ้าเป็นวาทกรรมคงไม่โดนคำสั่งศาลให้ติดคุกหลอกครับ ศาลท่านไม่ฟังวาทกรรมครับ 

 

อยากเห็นอะไร ก็ไปดูเอาเองได้ครับ ในนี้ก็มีให้ดู ลองค้นดูครับ พิมพ์คำที่ต้องการ ลงในกูเกิ้ล สองสามคำ เว้นวรรค ระหว่างคำ เลือกข้อมูลที่ต้องการ

 

หากมีข้อสงสัยในคำตัดสินของศาลทั้ง 9 ท่าน แล้วทำไมไม่สงสัยในคำตัดสินของแต่ละท่านด้วยละ ไม่ลองไปดูคำตัดสินของแต่ละท่านดูซิว่า เป็นอย่างไร

 

ต้องแยกประเด็นนิดนึงนะครับ ผมแย้งในประโยคที่  "ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปรกติ"

ซึ่ง เคยได้ถกกันหลายครั้งและหลายเว็บ ลองไปตามอ่านดูนะครับ ในเสรีไทยเก่าก็ถกประเด็นเหล่านี้จนปรุมาหลายทีแล้ว 

 

และถ้าอ่านคำพิพากษา จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีหลักฐาน "ของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปกติ" นะครับ

 

แล้วถ้าไม่มีหลักฐาน ข้อความอย่าง  "เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง" จะเรียกว่าวาทกรรมดีหรือไม่ละครับ

 

ปล. เห็นพูดถึงเรื่องการ "ซื้อ" นี่ก็เป็นอีกประเด็นว่า ในความคิดของคนทั่วไป "ซื้อ" เกิดขึ้นตอนไหน และรู้ไหมครับว่าการเซ็นต์รับรอง เกิดขึ้นตอนไหน

 

(อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกฎหมายนะครับ เพราะกฎหมายใช้คำว่า "คู่สัญญา" )






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน