96 ความเห็นในกระทู้นี้

[nopantaman_agian]

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่มาให้ความรู้เรื่องนี้ เราต้องคำถามนี้ขึ้นมาก็เพราะคำพูดของคุณบรรหารที่บอกว่า "ทักษิณบอกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม" เราก็เลยสงสัยว่า ระดับบรรหาร จะไม่รู้เลยเชียวหรือว่าสิ่งที่ทักษิณทำนั้น ผิด หรือ ถูก คำตัดสินใจของศาลนั้น เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย

หรือไม่ เราคิดว่า สำหรับเรา เราได้คำตอบแล้วว่า ทักษิณผิด ไม่ใช่ผิดเพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ผิดเพราะทักษิณทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม (อิอิ)

แม้จะมีกฎหมายปลีกย่อย อย่างที่หลายท่านตั้งข้อสังเกตไว้ แต่เมื่อดูหลักใหญ่ใจความของข้อกฎหมายแล้ว ก็อยากที่จะเชื่อได้ว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด

เราคิดอย่างนี้แหละ

 

ถ้าสนใจข้อมูล แนะให้ลองหาอ่านลิงค์เก่าๆ เยอะๆ ครับ ถ้าตัดอคติ ความชอบ ความเกลียด สีเสื้อ ออกไปได้

 

ผมคิดว่าคุณอาจจะได้รับความรู้และแง่มุมต่างๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ไม่เคยคิดอีกเยอะเลยครับ  

[Gop]

ผังเมืองเก่า ที่ดินรัชดาสร้างตึกสูงไม่ได้ แต่ผังเมืองใหม่สร้างได้

[Stargate-1]

 

การเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล  ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง คล้ายๆ กรณีแก้สัญญาสัมประทาน แก้การถือครองหุ้นสื่อสาร ฯลฯ

 

แต่ประเด็นคือเมียแอบเอาใบมอบอำนาจ ไปซื้อที่ดินรัชดาหรือครับ เห็นมีการหย่าร้างตามมา เนื่องจากแม้วจับได้ว่าเอาไปใช้โดยไม่บอก จึงขอหย่าใช่ไหมครับ

 

ตอนนั้น ถ้าทนายดีๆ อาจแนะนำให้ ไปฟ้องศาลขอให้การทำสัญญาเป็นโมฆะก็ได้นะครับ   

 

ถ้าไม่ใช่ แม้วไม่ต้องเซ็นชื่อก็ซื้อได้ ถ้าเมียแม้วต้องการให้เป็นทรัพย์สินนอกสมรส

 

ถ้าเป็นวาทกรรมคงไม่โดนคำสั่งศาลให้ติดคุกหลอกครับ ศาลท่านไม่ฟังวาทกรรมครับ 

 

อยากเห็นอะไร ก็ไปดูเอาเองได้ครับ ในนี้ก็มีให้ดู ลองค้นดูครับ พิมพ์คำที่ต้องการ ลงในกูเกิ้ล สองสามคำ เว้นวรรค ระหว่างคำ เลือกข้อมูลที่ต้องการ

 

หากมีข้อสงสัยในคำตัดสินของศาลทั้ง 9 ท่าน แล้วทำไมไม่สงสัยในคำตัดสินของแต่ละท่านด้วยละ ไม่ลองไปดูคำตัดสินของแต่ละท่านดูซิว่า เป็นอย่างไร

 

ต้องแยกประเด็นนิดนึงนะครับ ผมแย้งในประโยคที่  "ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์มากมายสนับสนุน เพื่อหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปรกติ"

ซึ่ง เคยได้ถกกันหลายครั้งและหลายเว็บ ลองไปตามอ่านดูนะครับ ในเสรีไทยเก่าก็ถกประเด็นเหล่านี้จนปรุมาหลายทีแล้ว 

 

และถ้าอ่านคำพิพากษา จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีหลักฐาน "ของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปกติ" นะครับ

 

แล้วถ้าไม่มีหลักฐาน ข้อความอย่าง  "เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง" จะเรียกว่าวาทกรรมดีหรือไม่ละครับ

 

ปล. เห็นพูดถึงเรื่องการ "ซื้อ" นี่ก็เป็นอีกประเด็นว่า ในความคิดของคนทั่วไป "ซื้อ" เกิดขึ้นตอนไหน และรู้ไหมครับว่าการเซ็นต์รับรอง เกิดขึ้นตอนไหน

 

(อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกฎหมายนะครับ เพราะกฎหมายใช้คำว่า "คู่สัญญา" )

 

 

ที่ว่าศาลท่านไม่ฟังวาทกรรม หมายความว่า ศาลท่านตัดสินไปตามหลักฐานที่มีอยู่ครับ

 

"อ่านคำพิพากษา จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีหลักฐาน "ของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปกติ" นะครับ"

 

เป็นความนเห็นส่วนตัวครับ 

 

"เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"

 

เป็นหลักฐานครับ เพราะได้เกิดขึ้นจริงครับ

 

"ซื้อ เกิดขึ้นตอนไหน และรู้ไหมครับว่าการเซ็นต์รับรอง เกิดขึ้นตอนไหน (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกฎหมายนะครับ เพราะกฎหมายใช้คำว่า คู่สัญญา)"

 

เซ็นรับรองเกิดตอน มีการโอนที่ที่ดินครับ  เจ้าหน้าที่ที่ดิน จะให้เซ็นรับรองครับ หากไม่ได้ไปก็ต้องมีการมอบอำนาจครับ ถ้าไม่มีการรับรองจากคู่สมรสก็จะให้เซ็นว่า เป็นโสด หรือ เซ็นตามข้างล่างครับ

 

แล้วเมียแม้วหย่าเพราะ เอาใบมอบอำนาจไปใช้โดยแม้วไม่ทราบ ใช่ไหมครับ

 

 

Stargate-1, on 12 Sept 2013 - 15:40, said:

แล้วทำไมต้องเซ็นด้วย ในเมื่อไม่ต้องเซ็นก็ซื้อได้ แสดงว่าไม่เคยซื้อที่ดิน คอนโด ฯลฯ เลย   หรือไม่ก็ยังโสด 

 

 

ถาม : ซื้อบ้านต้องมีหนังสือยินยอมจากภรรยาหรือไม่

ตอบ : ตามหลักฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้จัดการสินสมรสไปโดยปราศจากความยินยอมของอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ ซึ่งก็หมายความว่านิติกรรมที่ทำไปแล้วนั้น อาจถูกศาลสั่งเพิกถอนตามคำร้องขอของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้น การซื้อที่ดิน/บ้าน ที่จดทะเบียนกันที่ สนง.ที่ดิน จนท.ที่ดินจึงสามารถจดทะเบียนการโอนให้ได้ แม้ไม่มีหนังสือยินยอมจากคู่สมรส แต่ จนท.ที่ดินจะให้ผู้ซื้อและผู้ขายเซ็นรับรองไว้ในทำนองว่า “ไม่มีความยินยอมของคู่สมรสแต่ผู้ซื้อและผู้ขายยืนยันให้ จนท. ดำเนินการจดทะเบียนการโอนให้ หากมีความเสียหายอย่างใด ๆเกิดขึ้น คู่สัญญา (ผู้ซื้อและผู้ขาย) ยินยอมรับผิดชอบกันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับ จนท.”

ดังนั้นเพื่อให้นิติกรรมซื้อขายดังกล่าวมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการร้องขอเพิกถอนนิติกรรมจากคู่สมรสในภายหลัง จึงควรให้คู่สมรสเซ็นให้ความยินยอม และหากมีการกู้ธนาคารมาซื้อด้วยแล้ว ธนาคารบังคับให้คู่สมรสเซ็นยินยอมในการกู้และจำนองด้วยทุกครั้ง

 

Edited by Stargate-1, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:45.

[นกสัญจร]

 

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่มาให้ความรู้เรื่องนี้ เราต้องคำถามนี้ขึ้นมาก็เพราะคำพูดของคุณบรรหารที่บอกว่า "ทักษิณบอกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม" เราก็เลยสงสัยว่า ระดับบรรหาร จะไม่รู้เลยเชียวหรือว่าสิ่งที่ทักษิณทำนั้น ผิด หรือ ถูก คำตัดสินใจของศาลนั้น เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย

หรือไม่ เราคิดว่า สำหรับเรา เราได้คำตอบแล้วว่า ทักษิณผิด ไม่ใช่ผิดเพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ผิดเพราะทักษิณทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม (อิอิ)

แม้จะมีกฎหมายปลีกย่อย อย่างที่หลายท่านตั้งข้อสังเกตไว้ แต่เมื่อดูหลักใหญ่ใจความของข้อกฎหมายแล้ว ก็อยากที่จะเชื่อได้ว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด

เราคิดอย่างนี้แหละ

 

ถ้าสนใจข้อมูล แนะให้ลองหาอ่านลิงค์เก่าๆ เยอะๆ ครับ ถ้าตัดอคติ ความชอบ ความเกลียด สีเสื้อ ออกไปได้

 

ผมคิดว่าคุณอาจจะได้รับความรู้และแง่มุมต่างๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ไม่เคยคิดอีกเยอะเลยครับ  

 

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เราจะค่อยค่อยตามหาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ไปเรื่อยเรือยนะ

[nopantaman_agian]

 

ที่ว่าศาลท่านไม่ฟังวาทกรรม หมายความว่า ศาลท่านตัดสินไปตามหลักฐานที่มีอยู่ครับ

 

"อ่านคำพิพากษา จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีหลักฐาน "ของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปกติ" นะครับ"

 

เป็นความนเห็นส่วนตัวครับ 

 

"เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"

 

เป็นหลักฐานครับ เพราะได้เกิดขึ้นจริงครับ

 

"ซื้อ เกิดขึ้นตอนไหน และรู้ไหมครับว่าการเซ็นต์รับรอง เกิดขึ้นตอนไหน (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกฎหมายนะครับ เพราะกฎหมายใช้คำว่า คู่สัญญา)"

 

เซ็นรับรองเกิดตอน มีการโอนที่ที่ดินครับ  เจ้าหน้าที่ที่ดิน จะให้เซ็นรับรองครับ หากไม่ได้ไปก็ต้องมีการมอบอำนาจครับ ถ้าไม่มีการรับรองจากคู่สมรสก็จะให้เซ็นว่า เป็นโสด หรือ เซ็นตามข้างล่างครับ

 

แล้วเมียแม้วหย่าเพราะ เอาใบมอบอำนาจไปใช้โดยแม้วไม่ทราบ ใช่ไหมครับ

 

เอ่อ ยืนยันได้เลยครับว่า ไม่มีหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติในคำพิพากษาครับ

 

ถ้าอ้างว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัว รบกวนช่วยอ่านคำพิพากษาแล้วบอกหน่อยสิครับว่าตรงไหนในคำพิพากษา

 

ที่แสดงหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติครับ

 

ส่วนข้อความ "เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"  

 

เป็นหลักฐานว่ามีการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติอย่างไรเหรอครับ รบกวนช่วยแสดงข้อมูลประกอบด้วย

 

เพราะทั้งการเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริง

 

แต่ประเด็นสำคัญคือ มันไม่ได้แสดงถึงการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติเลย ดังนั้นเอามารวมกันได้อย่างไรครับ

 

ปล. ประเด็น "ซื้อ" ผมขออนุญาติยังไม่ถกต่อนะครับ เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนธรรมดาเท่านั้น 

 

ไม่ใช่หลักฐานที่ใช้ในชั้นศาลได้

[nopantaman_agian]

ผังเมืองเก่า ที่ดินรัชดาสร้างตึกสูงไม่ได้ แต่ผังเมืองใหม่สร้างได้

 

สวัสดีครับคุณ Gop เหมือนเราเคยถกกันเรื่องนี้ในบอร์ดเก่าแล้วไม่ใช่เหรอครับ

 

ถ้าใช้คำพูดแค่นี้ ผมก็ต้องตอบกลับว่า

 

ผังเมืองเก่า ที่ดินรัชดาสร้างตึกได้พื้นที่เยอะ แต่ผังเมืองใหม่ สร้างตึกได้พื้นที่น้อยลง

 

เอ้ะ แล้วนี่มันเสียประโยชน์ต่างหากครับ   

[Stargate-1]

 

 

ที่ว่าศาลท่านไม่ฟังวาทกรรม หมายความว่า ศาลท่านตัดสินไปตามหลักฐานที่มีอยู่ครับ

 

"อ่านคำพิพากษา จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่มีหลักฐาน "ของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้น อย่างผิดปกติ" นะครับ"

 

เป็นความนเห็นส่วนตัวครับ 

 

"เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"

 

เป็นหลักฐานครับ เพราะได้เกิดขึ้นจริงครับ

 

"ซื้อ เกิดขึ้นตอนไหน และรู้ไหมครับว่าการเซ็นต์รับรอง เกิดขึ้นตอนไหน (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกฎหมายนะครับ เพราะกฎหมายใช้คำว่า คู่สัญญา)"

 

เซ็นรับรองเกิดตอน มีการโอนที่ที่ดินครับ  เจ้าหน้าที่ที่ดิน จะให้เซ็นรับรองครับ หากไม่ได้ไปก็ต้องมีการมอบอำนาจครับ ถ้าไม่มีการรับรองจากคู่สมรสก็จะให้เซ็นว่า เป็นโสด หรือ เซ็นตามข้างล่างครับ

 

แล้วเมียแม้วหย่าเพราะ เอาใบมอบอำนาจไปใช้โดยแม้วไม่ทราบ ใช่ไหมครับ

 

เอ่อ ยืนยันได้เลยครับว่า ไม่มีหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติในคำพิพากษาครับ <-- เป็นความเห็นส่วนตัว

 

ถ้าอ้างว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัว รบกวนช่วยอ่านคำพิพากษาแล้วบอกหน่อยสิครับว่าตรงไหนในคำพิพากษา <--- ทำไมต้องอ้างด้วยครับ ในเมื่อเป็นความเห็นส่วนตัว

 

ที่แสดงหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติครับ

 

ส่วนข้อความ "เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"  

 

เป็นหลักฐานว่ามีการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติอย่างไรเหรอครับ รบกวนช่วยแสดงข้อมูลประกอบด้วย <-- มันเกิดขึ้นจริง คุณเองก็ทราบ

 

เพราะทั้งการเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริง

 

แต่ประเด็นสำคัญคือ มันไม่ได้แสดงถึงการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติเลย ดังนั้นเอามารวมกันได้อย่างไรครับ <-- ประโยชน์จากทรัพย์เกิดขึ้นจริง คุณเองก็รู้

 

ปล. ประเด็น "ซื้อ" ผมขออนุญาติยังไม่ถกต่อนะครับ เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนธรรมดาเท่านั้น <-- .ใครซื้อก็ต้องโอนเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ได้ไปเอง คงส่งทนายไป

 

ไม่ใช่หลักฐานที่ใช้ในชั้นศาลได้ <--- ใช้ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริง โดยเฉพาะ มันบอกให้ทราบว่าเป็นสินสมรส คุณคงเป็นคนโสด หรือ ซื้อเงินผ่อน หรือ ไม่เคยซื้อที่ดินขายทอดตลาด

 

 

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน
(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุ  มาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

Edited by Stargate-1, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:16.

[nopantaman_agian]

 

เอ่อ ยืนยันได้เลยครับว่า ไม่มีหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติในคำพิพากษาครับ <-- เป็นความเห็นส่วนตัว

 

 

 

ถ้าอ้างว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัว รบกวนช่วยอ่านคำพิพากษาแล้วบอกหน่อยสิครับว่าตรงไหนในคำพิพากษา <--- ทำไมต้องอ้างด้วยครับ ในเมื่อเป็นความเห็นส่วนตัว

 

ที่แสดงหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติครับ

 

ส่วนข้อความ "เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"  

 

เป็นหลักฐานว่ามีการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติอย่างไรเหรอครับ รบกวนช่วยแสดงข้อมูลประกอบด้วย <-- มันเกิดขึ้นจริง คุณเองก็ทราบ

 

เพราะทั้งการเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริง

 

แต่ประเด็นสำคัญคือ มันไม่ได้แสดงถึงการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติเลย ดังนั้นเอามารวมกันได้อย่างไรครับ <-- ประโยชน์จากทรัพย์เกิดขึ้นจริง คุณเองก็รู้

 

ปล. ประเด็น "ซื้อ" ผมขออนุญาติยังไม่ถกต่อนะครับ เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนธรรมดาเท่านั้น <-- .ใครซื้อก็ต้องโอนเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ได้ไปเอง คงส่งทนายไป

 

ไม่ใช่หลักฐานที่ใช้ในชั้นศาลได้ <--- ใช้ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริง โดยเฉพาะ มันบอกให้ทราบว่าเป็นสินสมรส คุณคงเป็นคนโสด หรือ ซื้อเงินผ่อน หรือ ไม่เคยซื้อที่ดินขายทอดตลาด

 

 

ต้องขอโทษด้วยครับ แต่เท่าที่ผมทราบและเคยอ่านมา ก็ยังไม่เห็นจริงๆ ว่ามันมีประโยชน์จากทรัพย์อย่างไร

 

ถ้าคุณรู้ว่าตรงไหนคือการแก้แล้ว ได้ประโยชน์จากทรัพย์ ช่วยแสดงหลักฐานให้ดูได้ไหมละครับ

 

เพราะการจะกล่าวหาใคร (โดยเฉพาะไม่มีคำพิพากษาจากศาล) จำเป็นต้องมี "ข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมาย" ที่เชื่อถือได้มาประกอบคำกล่าวหา 

 

อย่าใช้ความเกลียดชังมาตัดสินและกล่าวหาเลยครับ ประเทศเราอยู่ยากขึ้นก็เพราะเอาความเกลียดชังเป็นหลักนี่แหละ

 

ส่วนถ้าคุณอยากได้หลักฐานจากที่แสดงว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ในทรัพย์สิน นั้น

 

ก็ลองค้นหาดูในบอร์ดเก่านะครับ คงไม่เรียกร้องให้ผมหาให้นะ เพราะมันคงกลับตาลปัตรไปแล้วที่คนกล่าวหา

 

ไม่ต้องมีหลักฐาน แต่เรียกร้องให้คนอื่นหาหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา

 

edit :

 

เดี๋ยวจะโยนไปโยนมาให้หาหลักฐาน ผมยอมหาให้ดูก่อนก็ได้ นี่คือกระทู้ในบอร์ดเก่าที่เคยถกไว้

 

 http://forum.seritha...40082&start=120

 

ลองไปอ่านดูนะครับ อ่านเสร็จแล้ว ถ้าคิดว่าการแก้กฎหมายสร้างตึกสูง , การยกเลิกวันหยุดสิ้นปี, การเปลี่ยนแปลงวงเงิน, ฯลฯ

 

มันเอื้อประโยชน์ ก็ช่วยเอาหลักฐานใหม่มาประกอบการกล่าวหาด้วยนะครับ

 

อย่าลืมนะครับ ความรู้สึกและความเห็นส่วนตัวเป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะฉะนั้นวางความเกลียดชังไว้ แล้วมองอย่างเป็นกลางก่อนครับ

Edited by nopantaman_agian, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 21:34.

[Stargate-1]

 

 

เอ่อ ยืนยันได้เลยครับว่า ไม่มีหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติในคำพิพากษาครับ <-- เป็นความเห็นส่วนตัว

 

 

 

ถ้าอ้างว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัว รบกวนช่วยอ่านคำพิพากษาแล้วบอกหน่อยสิครับว่าตรงไหนในคำพิพากษา <--- ทำไมต้องอ้างด้วยครับ ในเมื่อเป็นความเห็นส่วนตัว

 

ที่แสดงหลักฐานของการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติครับ

 

ส่วนข้อความ "เปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล"  "ยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง"  

 

เป็นหลักฐานว่ามีการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติอย่างไรเหรอครับ รบกวนช่วยแสดงข้อมูลประกอบด้วย <-- มันเกิดขึ้นจริง คุณเองก็ทราบ

 

เพราะทั้งการเปลี่ยนแปลงการวางเงินประมูล การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริง

 

แต่ประเด็นสำคัญคือ มันไม่ได้แสดงถึงการหาผลประโยชน์ในทรัพย์นั้นอย่างผิดปกติเลย ดังนั้นเอามารวมกันได้อย่างไรครับ <-- ประโยชน์จากทรัพย์เกิดขึ้นจริง คุณเองก็รู้

 

ปล. ประเด็น "ซื้อ" ผมขออนุญาติยังไม่ถกต่อนะครับ เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนธรรมดาเท่านั้น <-- .ใครซื้อก็ต้องโอนเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ได้ไปเอง คงส่งทนายไป

 

ไม่ใช่หลักฐานที่ใช้ในชั้นศาลได้ <--- ใช้ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริง โดยเฉพาะ มันบอกให้ทราบว่าเป็นสินสมรส คุณคงเป็นคนโสด หรือ ซื้อเงินผ่อน หรือ ไม่เคยซื้อที่ดินขายทอดตลาด

 

 

ต้องขอโทษด้วยครับ แต่เท่าที่ผมทราบและเคยอ่านมา ก็ยังไม่เห็นจริงๆ ว่ามันมีประโยชน์จากทรัพย์อย่างไร <-- ประเด็นนี่ผมเห็นเอง ศาลไม่เห็น ก็ไม่เป็นไร แต่ศาลก็ตัดสินแล้ว

 

ถ้าคุณรู้ว่าตรงไหนคือการแก้แล้ว ได้ประโยชน์จากทรัพย์ ช่วยแสดงหลักฐานให้ดูได้ไหมละครับ <-- ผมถึงถามไงว่า คุณคงไม่เคยไปซื้อทรัพย์ขายทอดตลาด ถ้าตอบผมได้ผมก็จะอธิบายให้ฟัง แต่ก้อีกแหละ คุณไม่มีประสบการณ์ก้คงไม่เชื่ออีกนั่นแหละ

 

เพราะการจะกล่าวหาใคร (โดยเฉพาะไม่มีคำพิพากษาจากศาล) จำเป็นต้องมี "ข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมาย" ที่เชื่อถือได้มาประกอบคำกล่าวหา <-- ผมกล่าวหาว่าอะไรหรือ ศาลตัดสินแล้ว คุณเองเห็นตามศาลหรือเปล่าล่ะ 

 

อย่าใช้ความเกลียดชังมาตัดสินและกล่าวหาเลยครับ ประเทศเราอยู่ยากขึ้นก็เพราะเอาความเกลียดชังเป็นหลักนี่แหละ <-- คุณเห็นว่าศาลตัดสินผิดหรือ

 

ส่วนถ้าคุณอยากได้หลักฐานจากที่แสดงว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ในทรัพย์สิน นั้น <--- ก็นั่นแหละครับ คุณไม่มีประสบการณ์ ไม่เจอกับตัวเอง  พูดไปก็ไม่เชื่อ

 

ก็ลองค้นหาดูในบอร์ดเก่านะครับ คงไม่เรียกร้องให้ผมหาให้นะ เพราะมันคงกลับตาลปัตรไปแล้วที่คนกล่าวหา <--- ผมเองเห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล ศาลตัดสินถูกต้องแล้ว ไม่เห็นต้องหาอะไรเพิ่มอีก

 

ไม่ต้องมีหลักฐาน แต่เรียกร้องให้คนอื่นหาหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา <--- ไม่ใช่ข้อกล่าวหาแน่นอน คำกล่าวหาใช้กับคดีดำ ไม่ใช่หรือ

 

 

คุณกลับไปทบทวนดูแล้วกันว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่

 

edit

 

ถ้าคุณยังไม่เคยไปประมูลแข่งกับใครเลย แนะนำให้ไปที่กรมบังคับคดี ตึก 25 ปี ชั้น 1 วันพฤหัส ไปลองนั่งดูเขาสู้ราคากันก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่

 

คุณคงห่างบอร์ดนี้ไปนาน เลยไม่รู้ว่าคุณวสันต์โดนยิงสองนัดซินะ

Edited by Stargate-1, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:13.

[THE THIRD WAY]

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่มาให้ความรู้เรื่องนี้ เราต้องคำถามนี้ขึ้นมาก็เพราะคำพูดของคุณบรรหารที่บอกว่า "ทักษิณบอกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม" เราก็เลยสงสัยว่า ระดับบรรหาร จะไม่รู้เลยเชียวหรือว่าสิ่งที่ทักษิณทำนั้น ผิด หรือ ถูก คำตัดสินใจของศาลนั้น เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย

หรือไม่ เราคิดว่า สำหรับเรา เราได้คำตอบแล้วว่า ทักษิณผิด ไม่ใช่ผิดเพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ผิดเพราะทักษิณทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม (อิอิ)

แม้จะมีกฎหมายปลีกย่อย อย่างที่หลายท่านตั้งข้อสังเกตไว้ แต่เมื่อดูหลักใหญ่ใจความของข้อกฎหมายแล้ว ก็อยากที่จะเชื่อได้ว่าทักษิณไม่ได้ทำผิด

เราคิดอย่างนี้แหละ

อย่างนี้คุยกันมีปผระโยชน์ครับ

ใช้เหตุ ใช้ผล

 

ด้วยความมีเหตุผลครับ

[Gop]

ผังเมืองเก่า ที่ดินรัชดาสร้างตึกสูงไม่ได้ แต่ผังเมืองใหม่สร้างได้

 
สวัสดีครับคุณ Gop เหมือนเราเคยถกกันเรื่องนี้ในบอร์ดเก่าแล้วไม่ใช่เหรอครับ
 
ถ้าใช้คำพูดแค่นี้ ผมก็ต้องตอบกลับว่า
 
ผังเมืองเก่า ที่ดินรัชดาสร้างตึกได้พื้นที่เยอะ แต่ผังเมืองใหม่ สร้างตึกได้พื้นที่น้อยลง
 
เอ้ะ แล้วนี่มันเสียประโยชน์ต่างหากครับ

แสดงว่าไม่ได้อ่านความเห็นสุดท้ายของกระทู้นั้น

ตามผังเมืองเก่า ข้อจำกัดแทบจะทำให้สร้างอัไรดีๆไม่ได้เลย เพราะถ้าคุณสร้างสูงเกิน ก็จะผิดกฏหมาย สร้างต่ำก็กินพื้นที่กว้างไม่ได้ เพราะจะผิดกฏเช่นกัน คุณไปดูเลยครับ ตอนนี้ศุภาลัย สร้างอะไร? สิ่งที่สร้างอยู่นี้ ผังเมืองเก่าไม่มีทางทำได้แน่นอน

[Gop]

หรือเอาง่ายๆนะ

มีใครลองเสนอสิ่งก่อสร้งที่น่าซื้อกว่าของศุภาลัย โดยใช้ผังเมืองเก่าได้ ผมจะยอมรับว่ากฏหมายใหม่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ผู้ซื้อที่ดินผืนนั้น

[น้องจุบุจุบุ]

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส

 

ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี

 

คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...

 

จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง

 

ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ

 

แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...

 

ไปอ่านมาตรา 100 ดีๆครับ ถ้าตัวผัวมีหลักฐานหรือพยายานว่าไม่รู้เรื่องอะ

ก็รอดครับและลองนึกดีๆครับ เมียคุณไปเข้าประมูลและไปซื้อที่ดินมา

คุณคิดว่าผัวจะไม่รู้จริงๆเหรอ ถ้าเป็นคนดีจริงหรือไม่แน่อาจจะโดน

ทนายลูกสมุนคิดไปว่ารอดหลอกเอามั้ง คงเอาที่ดินไปคืนหรือถอนตัวไปนานละครับ

จริงๆถ้าไม่แกล้งเซ่อเขาก็รู้ตั้งแต่เข้าประมูลก่อนที่ไปโอนแล้วละ

ซึ่งตอนนั้นถ้าตัวผัวไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันหรือแจ้งต่อ ปปช ไว้

คดีนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เรืองที่คุณคิดมันก็ไม่เกิดขึ้นครับ

 

แล้วหลายๆคนไม่ได้พูดถึงว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงต่ำแหน่ง

มันอุธรณ์ได้ภายใน 30 ซึ่งจำเลยที่ 2 แบบตัวผัว ไม่ได้อุธรณ์แต่เลือกที่

จะหนีไปเพราะรู้แน่ๆแล้วว่าสู้ต่อมันก็ยิ่งย้ำความผิดให้ตัวผัวเอง

ว่าผิดจริงเพราะไม่น่าจะมีหลักฐานมาสู้ได้ 

 

แล้วก็ไปเห่าอยู่เมืองนอกว่าหนูโดนแกล้งคร่าาาา

ปปช คตส อัยการไม่ยุติธรรม

แต่พอในประเทศโดนคนแซวหน่อย

ส่งสมุนไปฟ้อง ปปช เฉยเลย!!!!

 

 

จริงๆมันก็เหมือนท่านสมาชิกบนๆบอกว่ามันมีคดีอื่นที่รอฟันอยู่อีก มันเลยหนี

เพราะรู้ตัวแล้วว่าไม่รอดแน่ๆ ถ้าจำไม่ผิดลูกชายจะโดนรับของโจรด้วยนะคดีของธนาคารกรุงเทพกับกฤษดาอะ

 

ปล . คดีนี้ ศาลบอกตัวผัวไม่ผิดกฏหมายอาญานะ ไม่ต้องไปเถียงกันเรื่องอาญา

อย่าไปเอาสำนวนอัยการโจทย์มารวมกัน

Edited by น้องจุบุจุบุ, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:53.

[Tam-mic-ra.]

 

[Stargate-1]

ความจริงที่เพิ่งเปิดเผย ทักษิณ (น่า)มีความผิด คดีซุกหุ้นด้วยเสียง 7 ต่อ 6 มิใช่ ...

www.oknation.net/blog/dekthep/2011/12/09/entry-1‎

• แคช

 

9 ธ.ค. 2554 - ปัญหาบ้านเมืองบางอย่าง อาจแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ผู้นำของประเทศ ต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี โดยการคิด พูด และทำตรงกัน ...

[Tam-mic-ra.]

มันจะกินพื้นที่หลายหน้าเสียไปเปล่าๆนะ ผมว่าคุณเก๋งปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันดีกว่าครับ 

หมายถึง คุณGop กับ คุณnopantaman_agian น่ะ

[Stargate-1]

มันจะกินพื้นที่หลายหน้าเสียไปเปล่าๆนะ ผมว่าแต๋ม c2 c3ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันดีกว่าครับ 

หมายถึง คุณGop กับ คุณnopantaman_agian น่ะ

 

ไม่เอาเรื่อง C2 C3 ปัญญาอ่ออน แล้วหรือ

 

Edited by Stargate-1, 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:27.

[mOOgrOb'pm']

จริงๆแล้วกฎหมายปปช.ม.100 วรรคท้าย ที่กำหนดให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรส

 

ถือว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรงนี้ผมว่ามันตลกสุดๆ จึงเป็นทีมาของวลี

 

คนซื้อไม่ผิดแต่คนยินยอมให้ซื้อผิด...

 

จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องใครทำก็ควรรับผลกรรมไป ไม่ใช่เอาการกระทำของคนหนึ่งไปลงโทษอีกคนหนึ่ง

 

ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าเกิดมีผัวเมียทะเลาะกัน เมียอยากให้ผัวติดคุกก็ไปเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานที่ผัวกำกับดูแลซะ

 

แบบนี้ผัวก็แย่สิครับ...กฏหมายในส่วนนี้ควรจะแก้ไขได้แล้ว...

 

เมียจะแกล้งแบบนั้นได้ไงครับ ก็ผัวไม่เซ็นต์

[nopantaman_agian]

คุณกลับไปทบทวนดูแล้วกันว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่

 

edit

 

ถ้าคุณยังไม่เคยไปประมูลแข่งกับใครเลย แนะนำให้ไปที่กรมบังคับคดี ตึก 25 ปี ชั้น 1 วันพฤหัส ไปลองนั่งดูเขาสู้ราคากันก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่

 

คุณคงห่างบอร์ดนี้ไปนาน เลยไม่รู้ว่าคุณวสันต์โดนยิงสองนัดซินะ

 

 

โอเคครับ ทบทวนแล้วคงหมดข้อถกแล้วครับ เมื่อคุณเห็นอย่างไร เชื่ออย่างไร ก็คงยากที่จะเปลี่ยนใจ ดังนั้นผมขออนุญาติจบการสนทนาด้วยนะครับ

 

ขอบคุณที่ร่่วมสนทนาครับ

[nopantaman_agian]

 

แสดงว่าไม่ได้อ่านความเห็นสุดท้ายของกระทู้นั้น

ตามผังเมืองเก่า ข้อจำกัดแทบจะทำให้สร้างอัไรดีๆไม่ได้เลย เพราะถ้าคุณสร้างสูงเกิน ก็จะผิดกฏหมาย สร้างต่ำก็กินพื้นที่กว้างไม่ได้ เพราะจะผิดกฏเช่นกัน คุณไปดูเลยครับ ตอนนี้ศุภาลัย สร้างอะไร? สิ่งที่สร้างอยู่นี้ ผังเมืองเก่าไม่มีทางทำได้แน่นอน

 

 

กระทู้เก่า อันนี้ไงครับ http://forum.seritha...40082&start=480

 

เรายังถกไม่จบเลยนะครับ ลองไปอ่านดูสิครับ

 

ตัวคุณเองยังยอมรับว่า เป็นความเห็นส่วนตัวจากประโยคนี้ โดยส่วนตัวผมยังเห็นว่ากฏหมายใหม่นั้นเพิ่มศักยภาพที่ดินผืนนี้นะครับ 

 

แต่ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ใครมีความรู้ก็ลองพิจารณาดูนะครับ

 

ดังนั้นประเด็นคือ ผังเมืองเก่าสร้างตึกสูงไม่ได้ แต่สามารถสร้างได้พื้นที่เยอะกว่าผังเมืองใหม่ 

 

และยังไม่พบหลักฐานใดที่ชี้ชัดว่า การสร้างตึกสูงแต่พื้นที่น้อยกว่า (80% ตามที่คุณสมมุติ) จะให้ผลตอบแทน

 

ที่สูงกว่าการสร้างตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น ถูกไหมครับ

 

คราวนี้เรามาถกกันต่อดีไหมครับ 

 

ข้อพึงสังเกตุข้อที่ 1 คือเรื่องราคาก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อประเด็นผลตอบแทน โดยปกติแล้ว

 

ตึกที่สูง จะมีค่าก่อสร้างแพงกว่าตึกที่ไม่สูง โดยเฉพาะตึกสูงมากๆ จะมีส่วนประกอบพิเศษเพิ่มเติม เช่น ลิฟท์ดับเพลิง (ชุดละ 10 ล้าน )

 

อ้างอิงจาก http://www.thaiappra...value/value.php

 

ต้องขออภัยที่ไม่มีรายการอ้างอิงของปี 46-49 แต่เป็นเรื่องปกติของการก่อสร้างอยู่แล้วที่อาคารสูง ราคาจะสูงตาม

 

ข้อพึงสังเกตุข้อที่ 2 เป็นข้อที่ผมเคยทิ้งเอาไว้ตอนนั้น เนื่องจากบอกไปหลายท่านก็ไม่เชื่อ

 

คือเรื่อง ทักษิณใช้อำนาจของตนเองเพื่อแก้กฎหมาย(ผังเมือง กทม.) 

 

แต่ตอนนี้ เนื่องจากผังเมือง กทม. ปรับปรุงครั้งที่ 3 พึ่งผ่านไป อยากให้ท่านไปลองตามอ่านดูตามข่าว

 

แล้วช่วยหาหน่อยสิครับว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างไร ยกตัวอย่าง

 

http://www.asa.or.th...?q=node/105678   และ http://www.prachacha...wsid=1364658384

 

จะเห็นได้ชัดเจนว่า แม่งานที่ทำการร่างคือ กทม. ไม่ใช่รัฐบาล, ครม. มีหน้าที่พิจารณาจากผังเมืองที่เสนอมาแต่ไม่ได้เป็นคนร่าง

 

รวมถึงมีการทำประชาพิจารณ์หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นจึงเป็นการยากมากที่ทักษิณจะไปล้วงลูกปรับผังเมืองกทม. ได้

 

ดังนั้น นี่ยิ่งเป็นข้อมูลชิ้นที่ 2 ที่เชื่อมโยงให้เห็นว่า ข้อกล่าวหาเรื่อง "ทักษิณแก้กฎหมายให้ที่ดินรัชดามีมูลค่าเพิ่มขึ้น"

 

นั้นเป็นไปได้แค่ไหน 

 

ปล. สรุปง่ายๆ ถ้าคุณเชื่อเรื่องทักษิณไปล้วงลูกผังเมือง ด้วยกระบวนการล้วงยากมาก แถมถ้าล้วงได้ ทำไมไม่แก้ให้ได้ประโยชน์

 

เต็มๆ แต่กลับมากั้กเรื่องพื้นที่อีก ลองตรองดูนะครับ

[Stargate-1]

ปล. ประเด็น "ซื้อ" ผมขออนุญาติยังไม่ถกต่อนะครับ เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนธรรมดาเท่านั้น <-- .ใครซื้อก็ต้องโอนเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ได้ไปเอง คงส่งทนายไป

 

ไม่ใช่หลักฐานที่ใช้ในชั้นศาลได้ <--- ใช้ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริง โดยเฉพาะ มันบอกให้ทราบว่าเป็นสินสมรส คุณคงเป็นคนโสด หรือ ซื้อเงินผ่อน หรือ ไม่เคยซื้อที่ดินขายทอดตลาด

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน
(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุ  มาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

 

 

คุณกลับไปทบทวนดูแล้วกันว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่

 

edit

 

ถ้าคุณยังไม่เคยไปประมูลแข่งกับใครเลย แนะนำให้ไปที่กรมบังคับคดี ตึก 25 ปี ชั้น 1 วันพฤหัส ไปลองนั่งดูเขาสู้ราคากันก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่

 

คุณคงห่างบอร์ดนี้ไปนาน เลยไม่รู้ว่าคุณวสันต์โดนยิงสองนัดซินะ

 

 

โอเคครับ ทบทวนแล้วคงหมดข้อถกแล้วครับ เมื่อคุณเห็นอย่างไร เชื่ออย่างไร ก็คงยากที่จะเปลี่ยนใจ ดังนั้นผมขออนุญาติจบการสนทนาด้วยนะครับ

 

ขอบคุณที่ร่่วมสนทนาครับ

 

 

ลืมบอกเวลาครับ ประมาณ 9 โมงเช้า คุณมากล่าวหาว่าผมเชื่อหรือครับ คุณเองมากกว่าที่เชื่ออย่างไรแล้วเปลี่ยนใจยาก ความจริงก็คือความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ  จะไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้อย่างไรกัน  ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับ คุณเข้ามาเอง ผมก็บอกแล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงคำตัดสินอะไรได้ จะแถอย่างไรคำตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

edited

การเปลี่ยนแปลงเงินวางประมูล ทำให้ผู้เข้าประมูลลดลง การสู้ราคาน้อยลง ราคาที่ประมูลได้ลดลง ไม่เชื่อ ไปดูที่กรมบังคับคดี

การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ซื้อ เช่น ศุภาลัย เชื่อว่าราคาของที่ดินจะสูงกว่าเดิม ราคาในการประมูลใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังจึงสูงกว่าเดิม

 

ประเด็นใหม่ที่ผมยกมา คือเรื่อง"ซื้อ" ทำให้เป็นสินสมรส  ที่มีผลกับ มาตรา 122 ครับ

 

 มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีความผิดตาม มาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด 
  

Edited by Stargate-1, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:45.

[Gop]

แสดงว่าไม่ได้อ่านความเห็นสุดท้ายของกระทู้นั้น
ตามผังเมืองเก่า ข้อจำกัดแทบจะทำให้สร้างอัไรดีๆไม่ได้เลย เพราะถ้าคุณสร้างสูงเกิน ก็จะผิดกฏหมาย สร้างต่ำก็กินพื้นที่กว้างไม่ได้ เพราะจะผิดกฏเช่นกัน คุณไปดูเลยครับ ตอนนี้ศุภาลัย สร้างอะไร? สิ่งที่สร้างอยู่นี้ ผังเมืองเก่าไม่มีทางทำได้แน่นอน

 
กระทู้เก่า อันนี้ไงครับ http://forum.seritha...40082&start=480
 
เรายังถกไม่จบเลยนะครับ ลองไปอ่านดูสิครับ
 
ตัวคุณเองยังยอมรับว่า เป็นความเห็นส่วนตัวจากประโยคนี้ โดยส่วนตัวผมยังเห็นว่ากฏหมายใหม่นั้นเพิ่มศักยภาพที่ดินผืนนี้นะครับ 
 
แต่ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ใครมีความรู้ก็ลองพิจารณาดูนะครับ
 
ดังนั้นประเด็นคือ ผังเมืองเก่าสร้างตึกสูงไม่ได้ แต่สามารถสร้างได้พื้นที่เยอะกว่าผังเมืองใหม่ 
 
และยังไม่พบหลักฐานใดที่ชี้ชัดว่า การสร้างตึกสูงแต่พื้นที่น้อยกว่า (80% ตามที่คุณสมมุติ) จะให้ผลตอบแทน
 
ที่สูงกว่าการสร้างตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น ถูกไหมครับ
 
คราวนี้เรามาถกกันต่อดีไหมครับ 
 
ข้อพึงสังเกตุข้อที่ 1 คือเรื่องราคาก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อประเด็นผลตอบแทน โดยปกติแล้ว
 
ตึกที่สูง จะมีค่าก่อสร้างแพงกว่าตึกที่ไม่สูง โดยเฉพาะตึกสูงมากๆ จะมีส่วนประกอบพิเศษเพิ่มเติม เช่น ลิฟท์ดับเพลิง (ชุดละ 10 ล้าน )
 
อ้างอิงจาก http://www.thaiappra...value/value.php
 
ต้องขออภัยที่ไม่มีรายการอ้างอิงของปี 46-49 แต่เป็นเรื่องปกติของการก่อสร้างอยู่แล้วที่อาคารสูง ราคาจะสูงตาม
 
ข้อพึงสังเกตุข้อที่ 2 เป็นข้อที่ผมเคยทิ้งเอาไว้ตอนนั้น เนื่องจากบอกไปหลายท่านก็ไม่เชื่อ
 
คือเรื่อง ทักษิณใช้อำนาจของตนเองเพื่อแก้กฎหมาย(ผังเมือง กทม.) 
 
แต่ตอนนี้ เนื่องจากผังเมือง กทม. ปรับปรุงครั้งที่ 3 พึ่งผ่านไป อยากให้ท่านไปลองตามอ่านดูตามข่าว
 
แล้วช่วยหาหน่อยสิครับว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างไร ยกตัวอย่าง
 
http://www.asa.or.th...?q=node/105678   และ http://www.prachacha...wsid=1364658384
 
จะเห็นได้ชัดเจนว่า ***านที่ทำการร่างคือ กทม. ไม่ใช่รัฐบาล, ครม. มีหน้าที่พิจารณาจากผังเมืองที่เสนอมาแต่ไม่ได้เป็นคนร่าง
 
รวมถึงมีการทำประชาพิจารณ์หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นจึงเป็นการยากมากที่ทักษิณจะไปล้วงลูกปรับผังเมืองกทม. ได้
 
ดังนั้น นี่ยิ่งเป็นข้อมูลชิ้นที่ 2 ที่เชื่อมโยงให้เห็นว่า ข้อกล่าวหาเรื่อง "ทักษิณแก้กฎหมายให้ที่ดินรัชดามีมูลค่าเพิ่มขึ้น"
 
นั้นเป็นไปได้แค่ไหน 
 
ปล. สรุปง่ายๆ ถ้าคุณเชื่อเรื่องทักษิณไปล้วงลูกผังเมือง ด้วยกระบวนการล้วงยากมาก แถมถ้าล้วงได้ ทำไมไม่แก้ให้ได้ประโยชน์
 
เต็มๆ แต่กลับมากั้กเรื่องพื้นที่อีก ลองตรองดูนะครับ

เอาง่ายๆครับ ลองบอกมา ว่าตึกตามผังเมืองเก่า หน้าตาเป็นอย่างไร ถึงได้น่าซื้อกว่าของศุภาลัยในปัจจุบัน?

คุณสร้างกว้างเกินก็ไม่ได้ สูงเกินก็ไม่ได้ จะเว้นที่ว่างมากก็ไม่ได้ เพราะจะไม่คุ้ม ผมนึกไม่ออกครับ ว่าจะสร้างอะไร?

ผมว่าคุณมองแค่ FAR อย่างเดียว แต่ไม่มองเรื่องขีดจำกัดของการออกแบบเลย

[nopantaman_agian]

 

เอาง่ายๆครับ ลองบอกมา ว่าตึกตามผังเมืองเก่า หน้าตาเป็นอย่างไร ถึงได้น่าซื้อกว่าของศุภาลัยในปัจจุบัน?

คุณสร้างกว้างเกินก็ไม่ได้ สูงเกินก็ไม่ได้ จะเว้นที่ว่างมากก็ไม่ได้ เพราะจะไม่คุ้ม ผมนึกไม่ออกครับ ว่าจะสร้างอะไร?

ผมว่าคุณมองแค่ FAR อย่างเดียว แต่ไม่มองเรื่องขีดจำกัดของการออกแบบเลย

 

 

ผมจะทราบได้อย่างไรครับว่าหน้าตาเป็นอย่างไร 

 

คุณถามผมง่ายๆ ผมก็ขอถามคุณง่ายๆ เช่นเดียวกัน ลองยกตัวอย่าง

 

ตึกสูงๆ กับตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น ที่มีพื้นที่ใช้สอยเท่ากัน (ผมให้เท่ากันเลยนะ  ) ในทำเลเดียวกัน

 

แล้วตึกสูงมีความคุ้มค่ามากกว่าตึกไม่สูงมากพอ อย่างน้อยน่าจะซัก 20% นะที่จะคุ้มกับการโกง คุณหาได้ไหมละครับ 

 

----------------------------------------------------------------------------------------

 

คือคุณมองความคุ้มค่าของการก่อสร้างที่อะไรละ เวลาเราขายพื้นที่ในตึก เราขายความสวยงามของตึก หรือขายพื้นที่ใช้สอย 

 

หรือมองในแง่คนซื้อ ถามว่าถ้าคุณจะซื้อหรือเช่าพื้นที่ คุณให้เรื่องความสวยงามโดยไม่สนใจค่าใช้จ่ายต่อพื้นที่ใช้สอยเลยหรือ

 

นี่ยังไม่นับรวมตรรกะที่แปลกตรงที่คิดว่า ตึกสูงมากๆ สวยและมีความคุ้มค่ากว่าตึกไม่สูง (8 ชั้นไม่ใช่เตี้ยเป็นห้องแถวนะครับ)

 

 

 

จริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อผม ลองไปถามสถาปนิกหรือวิศวกรก่อสร้างดูก็ได้ครับ (แต่อย่าบอกว่าถามเรื่องที่ดินรัชดานะ เดี๋ยวสีเสื้อทำงานจะไม่ได้คำตอบ  )

 

ผมกล้ารับประกันเลย ทั้งสองสาขาจะตอบว่า ข้อจำกัดความสูง 23 เมตร ไม่ใช่ข้อจำกัดในการออกแบบอาคารให้สวยและคุ้มทุน

 

ไม่มีสถาปนิกคนไหนหรอกครับ ที่จะตอบว่า ถ้าสร้างอาคารเตี้ยกว่า 23 เมตร แล้วจะไม่สวย จะไม่ได้ราคา

 

และไม่มีวิศวกรคนไหนหรอกครับ ที่จะตอบว่า การสร้างตึกสูงๆ ใช้เงินไม่ได้มากกว่าการสร้างตึกไม่สูง

 

(แปลให้อีกทีว่า วิศวกรจะตอบว่า ถ้าสร้างไม่สูงมาก แต่ได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่าหรือเท่ากับสร้างตึกสูงๆ ตึกที่ไม่สูงคุ้มกว่าอยู่แล้ว)

 

-----------------------------------------------------------------------------------------

 

อีกส่วนที่คุณอาจเข้าใจผิดคือ ความคิดที่ว่าสร้างตึกสูงได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ข้อจำกัดนั่นมีครับ นั่นก็คือพื้นที่ใช้สอยนั่นแหละ

 

คุณจะสร้างสูงมากๆ โดยพื้นที่ใช้สอยจำกัด ทำได้ด้วยการยกความสูงเพดาน แต่ถามว่าจะยกไปทำไมละครับ 

 

เพดานสูง 3.5 เมตรนี่ก็สูงมากแล้ว และยิ่งเพดานสูง ก็มีปัญหาตามมาไม่ว่าเรื่องแสง, เครื่องปรับอากาศ, ระบบไฟ, โครงสร้าง

 

ไม่มีใครหรอกครับที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้น ประเด็นความคุ้มทุนมันก็ย้อนกลับมาที่พื้นที่ใช้สอยที่ได้อยู่ดี

 

------------------------------------------------------------------------------------------

 

คือคุณก็พยายามเน้นแต่เรื่องตึกสูงสวยงามกว่า แต่มันไม่ใช่ประเด็นของความคุ้มทุนของผู้สร้างเลยครับ 

 

ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องที่ดิน ผู้รับเหมาเขาก็เลือกสร้างตึกให้เตี้ยๆ กันทั้งนั้นแหละครับ เพราะมันง่ายและคุ้มกว่าเยอะ

 

 

 

ปล. อย่าลืมเรื่อง การวางผังเมืองใครเป็นแม่งานที่ถามไปด้วยนะครับ

[nopantaman_agian]

ลืมบอกเวลาครับ ประมาณ 9 โมงเช้า คุณมากล่าวหาว่าผมเชื่อหรือครับ คุณเองมากกว่าที่เชื่ออย่างไรแล้วเปลี่ยนใจยาก ความจริงก็คือความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ  จะไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้อย่างไรกัน  ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับ คุณเข้ามาเอง ผมก็บอกแล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงคำตัดสินอะไรได้ จะแถอย่างไรคำตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

edited

การเปลี่ยนแปลงเงินวางประมูล ทำให้ผู้เข้าประมูลลดลง การสู้ราคาน้อยลง ราคาที่ประมูลได้ลดลง ไม่เชื่อ ไปดูที่กรมบังคับคดี

การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ซื้อ เช่น ศุภาลัย เชื่อว่าราคาของที่ดินจะสูงกว่าเดิม ราคาในการประมูลใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังจึงสูงกว่าเดิม

 

ประเด็นใหม่ที่ผมยกมา คือเรื่อง"ซื้อ" ทำให้เป็นสินสมรส  ที่มีผลกับ มาตรา 122 ครับ

 

 มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีความผิดตาม มาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด 
  

 

ครับ ผมคงไม่ถกประเด็นกับคุณแล้วละครับ ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลา ก็อย่างที่ผมและคุณบอกนั่นแหละครับ เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก

 

แต่สุดท้ายก่อนจบการสนทนา อยากแก้ความเข้าใจผิดนิดนึงครับ คุณจะ "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ" ก็คงเป็นสิทธิของคุณ

 

คือ ผมไม่ได้เข้ามาถกในประเด็นที่จะแย้งคำตัดสินเลย ทักษิณผิดตามมาตรา 100 ศาลท่านตัดสินเช่นนั้นก็จบ ดังนั้น

 

ประเด็นที่คุยไม่ได้ทำให้ผลการตัดสินนี้เปลี่ยนไปเลย ประเด็นที่ถกคือประเด็นข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ไม่มีในคำตัดสินของศาล

 

ซึ่งต่อให้ผลสรุปเป็นเช่นไร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคำตัดสินครับ  ถ้าอยากเสวนาต่อก็กรุณากลับไปอ่านที่ผมเคยถกไว้ในบอร์ดเก่า

 

แล้วถ้ามีประเด็นเหตุผลอันใดที่มีหลักฐานแย้งกับความคิดผมก็นำมาแย้งได้ครับ ผมยินดีเสวนาด้วยเสมอ

 

แต่ถ้าอ่านแล้ว คิดว่าผมแถ ไม่มีเหตุผล ก็ขออนุญาติจบการสนทนากันไปดีไหมครับ 

[Stargate-1]

 

ลืมบอกเวลาครับ ประมาณ 9 โมงเช้า คุณมากล่าวหาว่าผมเชื่อหรือครับ คุณเองมากกว่าที่เชื่ออย่างไรแล้วเปลี่ยนใจยาก ความจริงก็คือความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ  จะไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้อย่างไรกัน  ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับ คุณเข้ามาเอง ผมก็บอกแล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงคำตัดสินอะไรได้ จะแถอย่างไรคำตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

edited

การเปลี่ยนแปลงเงินวางประมูล ทำให้ผู้เข้าประมูลลดลง การสู้ราคาน้อยลง ราคาที่ประมูลได้ลดลง ไม่เชื่อ ไปดูที่กรมบังคับคดี

การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ซื้อ เช่น ศุภาลัย เชื่อว่าราคาของที่ดินจะสูงกว่าเดิม ราคาในการประมูลใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังจึงสูงกว่าเดิม

 

ประเด็นใหม่ที่ผมยกมา คือเรื่อง"ซื้อ" ทำให้เป็นสินสมรส  ที่มีผลกับ มาตรา 122 ครับ

 

 มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีความผิดตาม มาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด 
  

 

ครับ ผมคงไม่ถกประเด็นกับคุณแล้วละครับ ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลา ก็อย่างที่ผมและคุณบอกนั่นแหละครับ เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก

 

แต่สุดท้ายก่อนจบการสนทนา อยากแก้ความเข้าใจผิดนิดนึงครับ คุณจะ "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ" ก็คงเป็นสิทธิของคุณ

 

คือ ผมไม่ได้เข้ามาถกในประเด็นที่จะแย้งคำตัดสินเลย ทักษิณผิดตามมาตรา 100 ศาลท่านตัดสินเช่นนั้นก็จบ ดังนั้น

 

ประเด็นที่คุยไม่ได้ทำให้ผลการตัดสินนี้เปลี่ยนไปเลย ประเด็นที่ถกคือประเด็นข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ไม่มีในคำตัดสินของศาล

 

ซึ่งต่อให้ผลสรุปเป็นเช่นไร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคำตัดสินครับ  ถ้าอยากเสวนาต่อก็กรุณากลับไปอ่านที่ผมเคยถกไว้ในบอร์ดเก่า

 

แล้วถ้ามีประเด็นเหตุผลอันใดที่มีหลักฐานแย้งกับความคิดผมก็นำมาแย้งได้ครับ ผมยินดีเสวนาด้วยเสมอ

 

แต่ถ้าอ่านแล้ว คิดว่าผมแถ ไม่มีเหตุผล ก็ขออนุญาติจบการสนทนากันไปดีไหมครับ 

 

 

ผมไม่ได้เถียงกับคุณแน่นอน เพราะทราบแล้วว่าคุณอยากให้เหมือนเดิม เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก แต่ที่คุณบอกว่าไม่มีประเด็นใหม่ มันเป็นเท็จครับ เพราะประเด็นที่คุณบอกว่า ทักษิณผิดตามมาตรา 100 นั้น ความจริง ศาลตัดสินให้ผิดมาตรา 100 และดำเนินโทษแบบ มาตรา 122 คลิก --> ความเห็นที่ 38 และ มีผู้ข้องใจในการดำเนินโทษ ตามมาตรา 122 ตามนี้ คลิก -->ความเห็นที่ 30    ผมจึงเพิ่มประเด็นใหม่ไปครับ คือ ประเด็นที่ แม้วเซ็นมอบอำนาจให้เมียนั้น ไม่ต้องเซ็นก็ได้ และทางที่ดี มีผู้แนะนำไว้ให้แม้วไปแจ้งปปช.ไว้ ตามนี้ คลิก -->  ความเห็นที่ 65

Edited by Stargate-1, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 13:01.

[55555]

http://forum.seritha...40082&start=450

 

เห็นหลายคนออกมา ผมขอแจมเล่นๆแล้วกัน จริงๆยังมีข้อมูลอีกเยอะแต่เก็บไว้ตบเกรียน
(ผมมีผังเมืองฉบับปี 2542ด้วยนะ แต่เก็บไว้ตบเกรียน รอมันมาแถเยอะๆก่อนค่อยเฉลย)


 

Source - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)
Thursday, January 24, 2008

ส่วน นายนพดล ปัทมะ ทนายความประจำตระกูลชินวัตร กล่าวว่า ข้อต่อสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน จะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำ สัญญาซื้อขายและการประมูล ซึ่งเป็นเรื่องของข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพียงแต่ข้อกล่าวหาของคุณหญิงพจมาน จะแตกต่างกับของ พ.ต.ท.ทักษิณ บางฐานความผิด อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าเราไม่ได้ทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. ม.100 และ ป.อาญา ม.157 ส่วนที่ในคำฟ้อง อัยการสูงสุดระบุถึงเรื่องการลดราคาซื้อขายที่ดิน ยืนยันว่าข้อเท็จจริงไม่ได้มีการลดราคา โดยที่ดินดังกล่าวมีข้อจำกัดเรื่องการสร้างตึกสูง ดังนั้นราคาที่ดินจึงจะไม่สูงมาก ขณะเดียวกันถ้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูเห็นว่าราคาซื้อขายต่ำเกินไปก็สามารถปฏิเสธไม่ขายได้ตลอดเวลา เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับการลดราคาที่ดินแต่อย่างใด รวมทั้งเรื่องประเด็นการฮั้ว ซึ่งในคำฟ้องเพียงแต่ระบุข้อกล่าวหาตาม ป.อาญา ม.157 ซึ่งอัยการก็จะต้องนำสืบให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้คุณหญิงพจมานซื้อที่ดินหรือไม่อย่างไร

 

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานผลการสำรวจสภาพที่ดินแปลงดังกล่าว พร้อมทั้งตรวจสอบระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน 33 ไร่เศษจากหลายหน่วยงาน พบว่าภายใต้ข้อกำหนดผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2549 กำหนดให้เป็นพื้นที่สีส้ม (ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง) หรือ ย.6-18 สามารถพัฒนาโครงการได้หลากหลายประเภท แทบไม่มีข้อจำกัด

นพดลพูดแปลว่า ของเดิมมันราคาถูกเพราะสร้างตึกสูงไม่ได้(หมายความว่าเขาพูดถึงผังเมืองฉบับปี 2542)

ประชาชาติธุรกิจ พูดว่าที่ดินรัชดา สามารถัฒนาโครงการได้หลากหลาย(เพราะเขาพูดถึงผังเมืองฉบับปี 2549)

[55555]

มันจะกินพื้นที่หลายหน้าเสียไปเปล่าๆนะ ผมว่าคุณเก๋งปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันดีกว่าครับ 

หมายถึง คุณGop กับ คุณnopantaman_agian น่ะ

 

 

พูดง่าย ๆ ปล่อยให้เอ็งคุยกับ คุณ Gop  2 คน ว่างั้นเถอะ นังแต๋ม

 

 

[Gop]

เอาง่ายๆครับ ลองบอกมา ว่าตึกตามผังเมืองเก่า หน้าตาเป็นอย่างไร ถึงได้น่าซื้อกว่าของศุภาลัยในปัจจุบัน?
คุณสร้างกว้างเกินก็ไม่ได้ สูงเกินก็ไม่ได้ จะเว้นที่ว่างมากก็ไม่ได้ เพราะจะไม่คุ้ม ผมนึกไม่ออกครับ ว่าจะสร้างอะไร?
ผมว่าคุณมองแค่ FAR อย่างเดียว แต่ไม่มองเรื่องขีดจำกัดของการออกแบบเลย

 
ผมจะทราบได้อย่างไรครับว่าหน้าตาเป็นอย่างไร 
 
คุณถามผมง่ายๆ ผมก็ขอถามคุณง่ายๆ เช่นเดียวกัน ลองยกตัวอย่าง
 
ตึกสูงๆ กับตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น ที่มีพื้นที่ใช้สอยเท่ากัน (ผมให้เท่ากันเลยนะ  ) ในทำเลเดียวกัน
 
แล้วตึกสูงมีความคุ้มค่ามากกว่าตึกไม่สูงมากพอ อย่างน้อยน่าจะซัก 20% นะที่จะคุ้มกับการโกง คุณหาได้ไหมละครับ 
 
----------------------------------------------------------------------------------------
 
คือคุณมองความคุ้มค่าของการก่อสร้างที่อะไรละ เวลาเราขายพื้นที่ในตึก เราขายความสวยงามของตึก หรือขายพื้นที่ใช้สอย 
 
หรือมองในแง่คนซื้อ ถามว่าถ้าคุณจะซื้อหรือเช่าพื้นที่ คุณให้เรื่องความสวยงามโดยไม่สนใจค่าใช้จ่ายต่อพื้นที่ใช้สอยเลยหรือ
 
นี่ยังไม่นับรวมตรรกะที่แปลกตรงที่คิดว่า ตึกสูงมากๆ สวยและมีความคุ้มค่ากว่าตึกไม่สูง (8 ชั้นไม่ใช่เตี้ยเป็นห้องแถวนะครับ)
 
 
 
จริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อผม ลองไปถามสถาปนิกหรือวิศวกรก่อสร้างดูก็ได้ครับ (แต่อย่าบอกว่าถามเรื่องที่ดินรัชดานะ เดี๋ยวสีเสื้อทำงานจะไม่ได้คำตอบ  )
 
ผมกล้ารับประกันเลย ทั้งสองสาขาจะตอบว่า ข้อจำกัดความสูง 23 เมตร ไม่ใช่ข้อจำกัดในการออกแบบอาคารให้สวยและคุ้มทุน
 
ไม่มีสถาปนิกคนไหนหรอกครับ ที่จะตอบว่า ถ้าสร้างอาคารเตี้ยกว่า 23 เมตร แล้วจะไม่สวย จะไม่ได้ราคา
 
และไม่มีวิศวกรคนไหนหรอกครับ ที่จะตอบว่า การสร้างตึกสูงๆ ใช้เงินไม่ได้มากกว่าการสร้างตึกไม่สูง
 
(แปลให้อีกทีว่า วิศวกรจะตอบว่า ถ้าสร้างไม่สูงมาก แต่ได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่าหรือเท่ากับสร้างตึกสูงๆ ตึกที่ไม่สูงคุ้มกว่าอยู่แล้ว)
 
-----------------------------------------------------------------------------------------
 
อีกส่วนที่คุณอาจเข้าใจผิดคือ ความคิดที่ว่าสร้างตึกสูงได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ข้อจำกัดนั่นมีครับ นั่นก็คือพื้นที่ใช้สอยนั่นแหละ
 
คุณจะสร้างสูงมากๆ โดยพื้นที่ใช้สอยจำกัด ทำได้ด้วยการยกความสูงเพดาน แต่ถามว่าจะยกไปทำไมละครับ 
 
เพดานสูง 3.5 เมตรนี่ก็สูงมากแล้ว และยิ่งเพดานสูง ก็มีปัญหาตามมาไม่ว่าเรื่องแสง, เครื่องปรับอากาศ, ระบบไฟ, โครงสร้าง
 
ไม่มีใครหรอกครับที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้น ประเด็นความคุ้มทุนมันก็ย้อนกลับมาที่พื้นที่ใช้สอยที่ได้อยู่ดี
 
------------------------------------------------------------------------------------------
 
คือคุณก็พยายามเน้นแต่เรื่องตึกสูงสวยงามกว่า แต่มันไม่ใช่ประเด็นของความคุ้มทุนของผู้สร้างเลยครับ 
 
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องที่ดิน ผู้รับเหมาเขาก็เลือกสร้างตึกให้เตี้ยๆ กันทั้งนั้นแหละครับ เพราะมันง่ายและคุ้มกว่าเยอะ
 
 
 
ปล. อย่าลืมเรื่อง การวางผังเมืองใครเป็น***านที่ถามไปด้วยนะครับ

ผมโฟกัสแค่ประเด็นการได้ประโยชน์จากกฏหมายใหม่หลังการซื้อขายเท่านั้นครับ อย่างอื่นไกลเกินไปที่จะสรุปได้

ผังเมืองใหม่ผมนึกออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ผมบอกไปแล้วด้วยซ้ำในกระทู้เก่าแล้วศุภาลัยก็ทำแบบนั้นจริงๆ

ผังเมืองเก่า ผมนึกออกอย่างเดียวที่เป็นไปได้คือหอพักครับ ไม่เช่นนั้นจะติดกฏหมายหมดเลย คุณจะสร้างได้แต่อาคารสูงแปดชั้น แล้วเหลือพื้นที่ใช้สอยนิดหน่อย คุณไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกินแปดชั้นได้ เพราะติดข้อจำกัดเรื่องการสร้างตึกสูง ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถสร้างอาคารกว้างๆในตึกหลังเดียวได้ เพราะจะกลายเป็นอาคารใหญ่พิเศษไป คุณจึงทำได้แค่อาคารขนาดประมาณ 1200 ตารางเมตร สูงประมาณ 8 ชั้น ใหญ่กว่านี้ไม่ได้ ถ้าจะใช้พื้นที่ให้คุ้ม ต้องสร้างประมาณสามสิบหลัง ผมว่ามันคือแฟลตดินแดงดีๆนี่เอง

คุณเห็นมั้ยครับ ว่าโครงการมันคนละระดับเลย ราคาต่อ unit นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย

ผมยกตัวอย่างให้ดูแล้วนะครับ ว่าผังเก่า สร้างได้แค่แฟลต สูงไม่เกินแปดชั้น และต้องมีหลายตึกยัดๆกันอยู่ในที่ดิน ขณะที่กฏหมายใหม่ การออกแบบยืดหยุ่นกว่ามาก สามารถกระจายตึกไปตามพื้นที่ที่ต้องการได้สบายๆ เพราะไม่ติดข้อจำกัดความสูงแล้ว เหลือแค่สร้างอย่างไรให้ไม่เกินหมื่นตารางเมตร และไม่เกินพื้นที่ตาม FAR ที่กฏหมายกำหนด

[Tam-mic-ra.]

 

มันจะกินพื้นที่หลายหน้าเสียไปเปล่าๆนะ ผมว่าคุณเก๋งปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันดีกว่าครับ 

หมายถึง คุณGop กับ คุณnopantaman_agian น่ะ

 

 

พูดง่าย ๆ ปล่อยให้เอ็งคุยกับ คุณ Gop  2 คน ว่างั้นเถอะ นังแต๋ม

 

 

 

 

เก๋งเขาฟันธงว่าข้าคือดอนยอนะ  เองพูดอย่างนี้    เท่ากับไปตบเก๋งหัวคมำนะนี่  

[55555]

 

 

มันจะกินพื้นที่หลายหน้าเสียไปเปล่าๆนะ ผมว่าคุณเก๋งปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันดีกว่าครับ 

หมายถึง คุณGop กับ คุณnopantaman_agian น่ะ

 

 

พูดง่าย ๆ ปล่อยให้เอ็งคุยกับ คุณ Gop  2 คน ว่างั้นเถอะ นังแต๋ม

 

 

 

 

เก๋งเขาฟันธงว่าข้าคือดอนยอนะ  เองพูดอย่างนี้    เท่ากับไปตบเก๋งหัวคมำนะนี่  

 

 

 

555

 

นังแต๋ม ลีลาเสี้ยมของเอ็งเหมือนพวกเด็กข้างถนนว่ะ..

 

ไปเปลี่ยนล็อคอินคุยเข้าเรื่องเหอะ..

 

อ๋อ แล้วอย่าลืม like ให้มารอะเก็นล่ะ

 

  

[Stargate-1]

 

 

มันจะกินพื้นที่หลายหน้าเสียไปเปล่าๆนะ ผมว่าคุณซี2ซี3ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันดีกว่าครับ 

หมายถึง คุณGop กับ คุณnopantaman_agian น่ะ

 

 

พูดง่าย ๆ ปล่อยให้เอ็งคุยกับ คุณ Gop  2 คน ว่างั้นเถอะ นังแต๋ม

 

 

 

 

เขาฟันธงว่าข้าคือซี2 ซี3นะ  เองพูดอย่างนี้    เท่ากับไปตบซี2ซี3หัวคมำนะนี่  

 

 

เองตั้งชื่อให้คนเขาไปทั่ว ข้าตั้งชื่อข้าเองไม่ได้หรือ ไอ้อ่อนซี2 ซี3 เป็นวิศวะห่านอะไร อ่าน Flow Diagram ไม่รู้เรื่อง

Edited by Stargate-1, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:16.

[nopantaman_agian]

 

ผมโฟกัสแค่ประเด็นการได้ประโยชน์จากกฏหมายใหม่หลังการซื้อขายเท่านั้นครับ อย่างอื่นไกลเกินไปที่จะสรุปได้

ผังเมืองใหม่ผมนึกออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ผมบอกไปแล้วด้วยซ้ำในกระทู้เก่าแล้วศุภาลัยก็ทำแบบนั้นจริงๆ

ผังเมืองเก่า ผมนึกออกอย่างเดียวที่เป็นไปได้คือหอพักครับ ไม่เช่นนั้นจะติดกฏหมายหมดเลย คุณจะสร้างได้แต่อาคารสูงแปดชั้น แล้วเหลือพื้นที่ใช้สอยนิดหน่อย คุณไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกินแปดชั้นได้ เพราะติดข้อจำกัดเรื่องการสร้างตึกสูง ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถสร้างอาคารกว้างๆในตึกหลังเดียวได้ เพราะจะกลายเป็นอาคารใหญ่พิเศษไป คุณจึงทำได้แค่อาคารขนาดประมาณ 1200 ตารางเมตร สูงประมาณ 8 ชั้น ใหญ่กว่านี้ไม่ได้ ถ้าจะใช้พื้นที่ให้คุ้ม ต้องสร้างประมาณสามสิบหลัง ผมว่ามันคือแฟลตดินแดงดีๆนี่เอง

คุณเห็นมั้ยครับ ว่าโครงการมันคนละระดับเลย ราคาต่อ unit นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย

ผมยกตัวอย่างให้ดูแล้วนะครับ ว่าผังเก่า สร้างได้แค่แฟลต สูงไม่เกินแปดชั้น และต้องมีหลายตึกยัดๆกันอยู่ในที่ดิน ขณะที่กฏหมายใหม่ การออกแบบยืดหยุ่นกว่ามาก สามารถกระจายตึกไปตามพื้นที่ที่ต้องการได้สบายๆ เพราะไม่ติดข้อจำกัดความสูงแล้ว เหลือแค่สร้างอย่างไรให้ไม่เกินหมื่นตารางเมตร และไม่เกินพื้นที่ตาม FAR ที่กฏหมายกำหนด

 

 

แล้วคุณคงไม่รู้จัก คอนโดแบบ low rise (ความสูงไม่เกิน 8 ชั้น) สินะครับ เลยนึกออกแต่แฟลต

 

http://www.checkraka...เอกมัย-1439822/

 

นี่คือตัวอย่าง จริงๆ มีอีกเยอะมากกกก ที่เป็นลักษณะนี้ รู้ไหมทำไมครับ 

 

เพราะราคาก่อสร้างตึกสูงมันแพงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับตึกไม่สูงไง อย่างข้อมูลเบื้องต้นที่ผมให้ไป 

 

ยังไม่นับข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ที่ต้องมีอีก เช่น ระบบลิฟท์, ระบบความปลอดภัย ที่ล้วนแล้วแต่ราคาแพง ซึ่งส่งผลให้กำไรลดลง

 

อย่าลืม เราไม่ได้ถกกันเรื่องราคาก่อสร้าง แต่ถกกันเรื่องผลกำไร (ผลประโยชน์) นะครับ

 

ปล. โฟกัสที่ประเด็นการได้ประโยชน์จากกฎหมายอย่างเดียว แล้วจะเรียกว่า ทักษิณโกงได้อย่างไรละครับ 

[Stargate-1]

ที่ดินรัชดา[แก้]

ที่ดินที่มีปัญหา เป็นหนึ่งในที่ดินสองแปลงที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซื้อจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอราวัณทรัสต์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2538 มีมูลค่า 2,749 ล้านบาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 กองทุนฯ ได้ปรับปรุงราคาที่ดินลดลงกว่า 2,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการปรับปรุงบัญชีเพื่อปรับมูลค่าหนี้ให้ลดลง เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง โดยปรับลดราคาที่ดินเหลือ 700 กว่าล้านบาท และนำออกประมูลทางอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ตั้งราคาขั้นต่ำ 870 ล้านบาท โดยผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจำ 10 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้เสนอราคา กองทุนฯ จึงได้ยกเลิกการประมูล และเปิดประมูลใหม่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2546 โดยไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ แต่ผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจำเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท ก่อนหน้าการประมูลเพียงวันเดียว เพื่อกีดกันผู้ประมูลรายอื่นเพราะเตรียมเงินมัดจำไม่ทัน
 

ผลการประมูล คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งส่งทนายความเป็นตัวแทนเข้าประมูลด้วยตนเอง ชนะการประมูลด้วยราคาสูงสุด 772 ล้านบาท โดยมีผู้แข่งขัน 2 ราย คือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮาส์ และบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนต์ ก่อนที่จะทำสัญญาซื้อขาย และจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2546

เมือเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ได้มีการจัดประมูลใหม่ บริษัทสุภาลัยผู้ชนะการประมูลได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไปในราคา 1,815 ล้านบาท หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่าราคาซื้อขายครั้งนี้เป็นเครื่องตอกย้ำความไม่ชอบมาพากลของการขายที่ดินให้คุณหญิงพจมาน เพราะราคาสูงขึ้นถึง 153% ในเวลาเพียง 8 ปี^[1]

การเลื่อนวันหยุดปีใหม่[แก้]

 

บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร เนื้อหาที่ขาดแหล่งอ้างอิงอาจถูกลบออก

มีการกล่าวอ้างว่าเหตุผลที่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 คณะรัฐมนตรีมีมติเลื่อนวันหยุดปีใหม่ จากวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่ 2 มกราคม โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ประชาชนได้หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ^[2] แต่แท้จริงแล้ว ต้องการซื้อขายที่ดินรัชดา สามารถดำเนินการได้ทันสิ้นปี เพื่อเสียค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน เฉพาะกรณีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในอัตราลดหย่อน เพียง 0.01%^{[ต้องการอ้างอิง]} ที่มีผลใช้บังคับถึงสิ้นปี พ.ศ. 2546 แต่ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2546 กรมที่ดินได้ขยายระยะเวลาใช้อัตราลดหย่อน ไปอีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2547 ^[3] และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจริงเกิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2546 กรณีนี้ถูกโจมตีว่าเพราะเขาเกรงว่าจะโอนที่ดินแปลงนี้ไม่ทันในวันที่ 30 ธ.ค.

 

นักประเมินอสังหาริมทรัพย์ชี้ราคาประมูลที่ดินรัชดาฯ เหมาะสม

กรุงเทพฯ  18  ส.ค. -  นายโสภณ พรโชคชัย  ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย  บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  จำกัด  กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลที่ดินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินบริเวณถนนรัชดาภิเษกที่ระดับ 1,815 ล้านบาท  ว่า  ที่ดินแปลงดังกล่าวได้รับการประมูลไปในราคาที่เหมาะสม เพราะเชื่อว่ารัฐได้กำไรจากราคาที่ดินแปลงดังกล่าว

ทั้งนี้  เมื่อปี 2546 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ  ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้คุณหญิงพจมาน (ชินวัตร) ณ ป้อมเพชร ราคา 772 ล้านบาท  แต่ต่อมาได้นำคืนมาและจ่ายเงินคืนให้คุณหญิงพจมาน ก่อนนำมาประมูลขายใหม่ได้ในราคา 1,802 ล้านบาท  เท่ากับขายได้ราคาถึง 2.35 เท่าของราคาเดิม หรือเท่ากับราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.3 ต่อปี ซึ่งนับว่าสูงมาก  และจากข้อมูลการสำรวจพบว่า  ราคาที่ดินขนาด 16 ไร่ ติดถนนรัชดาภิเษก ตรงบริเวณทศพลแลนด์ (แปลงสมมติ) หากมีการขายจะเป็นเงินปัจจุบันประมาณ 310,000 บาทต่อตารางวา  แต่ ณ ปี 2546 เป็นเงินเพียง 150,000 บาทต่อตารางวาหรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 9.5 ต่อปี  ดังนั้น  อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินใกล้ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยแปลงนี้ที่ร้อยละ 11.3  จึงสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปบนถนนรัชดาภิเษก

อย่างไรก็ตาม  ที่ดินแปลงนี้มีขนาด 33 ไร่ 81.8 ตารางวา เมื่อปี 2546 ประมูลไป ณ ราคา 772 ล้านบาท หรือตารางวาละ 58,125 บาท แต่ ณ ปี 2554 เป็นเงินตารางวาละ 136,653  บาท  ซึ่งแม้จะต่ำกว่าที่ดินติดถนนรัชดาภิเษกที่มีรถไฟฟ้าใต้ดินผ่าน แต่ก็ถือเป็นราคาที่เหมาะสม เพราะมีขนาดใหญ่กว่ามาก อยู่ห่างไกลจากรถไฟฟ้า  และถือว่าเป็นราคาใกล้เคียงกับที่ดินที่อยู่ติดถนนพระราม 9 ซึ่งห่างไกลจากรถไฟฟ้า  โดยในปี 2546 ที่ดินติดถนนพระราม 9 มีราคาประมาณร้อยละ 60  ของที่ดินติดรัชดาภิเษก (90,000 บาท และ 150,000 บาทต่อตารางวา) แต่ ณ ปี 2554 ราคาที่ดินถนนพระราม 9 มีราคาเพียงร้อยละ 43  ของราคาที่ดินติดถนนรัชดาภิเษก (132,000 บาท และ 310,000 บาทต่อตารางวา)

นอกจากนี้  ที่ดินที่ บมจ. ศุภาลัย ซื้อแปลงนี้อยู่นอกเขตห้ามก่อสร้างตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้ อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2532  จึงไม่ได้มีข้อจำกัดในการก่อสร้างตามที่กำหนดในข้อบัญญัติแต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย
 

Edited by Stargate-1, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:08.

[Gop]

ผมโฟกัสแค่ประเด็นการได้ประโยชน์จากกฏหมายใหม่หลังการซื้อขายเท่านั้นครับ อย่างอื่นไกลเกินไปที่จะสรุปได้
ผังเมืองใหม่ผมนึกออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ผมบอกไปแล้วด้วยซ้ำในกระทู้เก่าแล้วศุภาลัยก็ทำแบบนั้นจริงๆ
ผังเมืองเก่า ผมนึกออกอย่างเดียวที่เป็นไปได้คือหอพักครับ ไม่เช่นนั้นจะติดกฏหมายหมดเลย คุณจะสร้างได้แต่อาคารสูงแปดชั้น แล้วเหลือพื้นที่ใช้สอยนิดหน่อย คุณไม่สามารถสร้างอาคารสูงเกินแปดชั้นได้ เพราะติดข้อจำกัดเรื่องการสร้างตึกสูง ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถสร้างอาคารกว้างๆในตึกหลังเดียวได้ เพราะจะกลายเป็นอาคารใหญ่พิเศษไป คุณจึงทำได้แค่อาคารขนาดประมาณ 1200 ตารางเมตร สูงประมาณ 8 ชั้น ใหญ่กว่านี้ไม่ได้ ถ้าจะใช้พื้นที่ให้คุ้ม ต้องสร้างประมาณสามสิบหลัง ผมว่ามันคือแฟลตดินแดงดีๆนี่เอง
คุณเห็นมั้ยครับ ว่าโครงการมันคนละระดับเลย ราคาต่อ unit นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
ผมยกตัวอย่างให้ดูแล้วนะครับ ว่าผังเก่า สร้างได้แค่แฟลต สูงไม่เกินแปดชั้น และต้องมีหลายตึกยัดๆกันอยู่ในที่ดิน ขณะที่กฏหมายใหม่ การออกแบบยืดหยุ่นกว่ามาก สามารถกระจายตึกไปตามพื้นที่ที่ต้องการได้สบายๆ เพราะไม่ติดข้อจำกัดความสูงแล้ว เหลือแค่สร้างอย่างไรให้ไม่เกินหมื่นตารางเมตร และไม่เกินพื้นที่ตาม FAR ที่กฏหมายกำหนด

 
แล้วคุณคงไม่รู้จัก คอนโดแบบ low rise (ความสูงไม่เกิน 8 ชั้น) สินะครับ เลยนึกออกแต่แฟลต
 
http://www.checkraka...เอกมัย-1439822/
 
นี่คือตัวอย่าง จริงๆ มีอีกเยอะมากกกก ที่เป็นลักษณะนี้ รู้ไหมทำไมครับ 
 
เพราะราคาก่อสร้างตึกสูงมันแพงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับตึกไม่สูงไง อย่างข้อมูลเบื้องต้นที่ผมให้ไป 
 
ยังไม่นับข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ที่ต้องมีอีก เช่น ระบบลิฟท์, ระบบความปลอดภัย ที่ล้วนแล้วแต่ราคาแพง ซึ่งส่งผลให้กำไรลดลง
 
อย่าลืม เราไม่ได้ถกกันเรื่องราคาก่อสร้าง แต่ถกกันเรื่องผลกำไร (ผลประโยชน์) นะครับ
 
ปล. โฟกัสที่ประเด็นการได้ประโยชน์จากกฎหมายอย่างเดียว แล้วจะเรียกว่า ทักษิณโกงได้อย่างไรละครับ 

1ผมไม่เคยบอกว่าทักษิณแก้กฏหมายเพื่อตัวเองในเรื่องนี้นะครับ ผมมองว่าทักษิณและครอบครัว ได้ประโยชน์จากการที่กฏหมายผังเมืองเปลี่ยนไป

2 คอนโดแบบ low rise ขายถูกกว่า high rise ครับ และคนชอบhigh rise มากกว่าด้วย ชั้นยิ่งสูง ราคาต่อตารางเมตรยิ่งแพงครับ และอย่าลืมว่า คุณต้องสร้างแบบอัดๆ ให้พื้นที่ว่างเหลือน้อยๆ ไม่เช่นนั้นจะใช้พื้นที่ไม่คุ้มนะครับ


ผมว่า เดี๋ยวว่างๆ จะตั้งกระทู้เรื่องนี้ต่างหากไปเลยดีกว่า จะได้ฟังความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการประเมินราคาโดยเฉพาะไปเลย

[nopantaman_agian]

 

1ผมไม่เคยบอกว่าทักษิณแก้กฏหมายเพื่อตัวเองในเรื่องนี้นะครับ ผมมองว่าทักษิณและครอบครัว ได้ประโยชน์จากการที่กฏหมายผังเมืองเปลี่ยนไป

2 คอนโดแบบ low rise ขายถูกกว่า high rise ครับ และคนชอบhigh rise มากกว่าด้วย ชั้นยิ่งสูง ราคาต่อตารางเมตรยิ่งแพงครับ และอย่าลืมว่า คุณต้องสร้างแบบอัดๆ ให้พื้นที่ว่างเหลือน้อยๆ ไม่เช่นนั้นจะใช้พื้นที่ไม่คุ้มนะครับ


ผมว่า เดี๋ยวว่างๆ จะตั้งกระทู้เรื่องนี้ต่างหากไปเลยดีกว่า จะได้ฟังความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการประเมินราคาโดยเฉพาะไปเลย

 

 

1. อ้าว โอเค ถ้าไม่เคยบอก งั้นถามนิดนึงก่อนถกต่อ ในความคิดเห็นของคุณคิดว่า ทักษิณแก้กฎหมายเพื่อตัวเองในเรื่องนี้หรือไม่ ครับ 

 

2. อันนี้ไม่เสมอไปครับ คอนโด low rise ที่เป็น executive ก็มี ราคาแพงกว่าก็มี รวมถึงคนที่ชอบแบบ low rise ก็มีพอสมควรครับ

 

ผมเห็นด้วยที่ตั้งกระทู้เรื่องนี้ต่างหาก แต่อยากแนะนำสัก 2 ข้อเพื่อได้คำตอบที่เคลียร์ตามที่เราถกนะครับ

 

- ตั้งถามในบอร์ดที่มีสถาปนิกและวิศวกรอยู่เยอะ ไม่ใช่บอร์ดการเมือง เพื่อได้ข้อมูลจากประสบการณ์จริง รวมถึงไม่พูดถึงที่มาคำถามเพื่อป้องกันปัญหาสีเสื้อทำงานแทนสมอง

 

- สิ่งที่ถาม ต้องเน้นว่าคือ ความคุ้มค่าต่อผู้ลงทุน ไม่ใช่ราคาถูกแพง นะครับ เพราะประโยชน์หมายถึงกำไร = ราคาขาย - ค่าลงทุนนะ (ตัดต้นทุนเรื่องที่ดินทิ้งได้)

[nopantaman_agian]

 

 

อย่าตัดแปะเลยครับ มันเปลืองเนื้อที่ทำให้ลายตา บอร์ดนี้หลายคนไม่ชอบการตัดแปะมิใช่หรือ เห็นด่าฝั่งตรงข้ามกันจัง

 

ถ้าอยากเสวนาด้วย ก็เรียบเรียงสิ่งที่ตนต้องการสื่อมาเถอะครับ แล้วถ้าจะหาเหตุผลมาประกอบ ก็ทำลิงค์ก็พอ 

[ปุถุชน]

ทักษิณ ไม่ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก ๒ ปี เพราะเซ็นให้ภรรยาขายที่ แต่ที่ถูกลงโทษก็เพราะ ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะทักษิณทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช

เราเข้าใจแบบนี้ ถูกต้อง ใช่ ไหม

Edited by ปุถุชน, 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:05.

[Stargate-1]

 

 

 

อย่าตัดแปะเลยครับ มันเปลืองเนื้อที่ทำให้ลายตา บอร์ดนี้หลายคนไม่ชอบการตัดแปะมิใช่หรือ เห็นด่าฝั่งตรงข้ามกันจัง

 

ถ้าอยากเสวนาด้วย ก็เรียบเรียงสิ่งที่ตนต้องการสื่อมาเถอะครับ แล้วถ้าจะหาเหตุผลมาประกอบ ก็ทำลิงค์ก็พอ 

 

 

 

 

กรณีที่ดินรัชดา ทักษิณผิด หรือ ไม่ผิด วิทยุชุมชนคนเสื้อแดงน่ามาอ่าน

ฟังทักษิณ ชินวัตร พูดผ่านวีดีโอลิงค์ เมื่อ 17 สิงหาคม 2552 ใน คดีที่ดินรัชดาที่ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2ปี ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องหนีคุกไปอยู่ต่างประเทศนั้น ขอเอามาขยายความเพื่อให้รู้กันว่าทักษิณโกหกหรือพูดจริง กันแน่

 ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า กฏหมายที่เอาผิดทักษิณ ชินวัตรนี้ออกมาตั้งแต่ปี 2542 นะครับออกตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540

 ในคดีที่ดินรัชดานี้เกิดเรื่องขึ้นมาเพราะคุณหญิงพจมาณ ชินวัตรไปประมูลซื้อที่ดินแปลดังกล่าวจากกองทุนฟื้นฟูฯ สถานะของคุณหญิงในขณะนั้นเป็นภรรยาของนายกรัฐมนตรีซึ่งตามกฎหมายสามีภรรยาถือว่าเป็นบุคคลๆ เดียวกัน เพราะฉะนั้นการที่ภรรยาไปซื้อก็จะถือว่าสามีซื้อเช่นกัน

สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร พยายามบอกกับ สาธารณะชนจับประเด็นได้ดังนี้

 1. คนซื้อตัวจริง (หมายถึงคุณหญิงพจมาณ) พิพากษาไม่ผิด แต่ผมเพียงแค่ลงชื่อยินยอมในฐานะสามีที่ต้องทำตามกฏหมายว่า ภรรยาจะทำนิติกรรม สามีต้องลงชื่อยินยอมด้วย แต่ถูกพิพากษาให้ผิด

 2. เขาประมูลซื้อที่ดินรัชดาในราคาสูงสุด

 3.เขาในฐานะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อใดๆทั้งสิ้นแต่ถูกกล่าวหาว่า ทุจริต

 จากทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าว ลองมาพิจารณากันว่า ทักษิณ โกหก หรือว่าพูดความจริงกันแน่

 ก่อนอื่น มาดูเนื้อหาของกฏหมาย ที่พิพากษาให้จำคุกทักษิณ 2 ปี กันก่อน กฏหมายฉบับนี้คือ

 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ).ประกอบรัฐธรรมนูญ (2540) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ปปช.)พ.ศ.2542

           หมวด 9

การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม

 มาตรา 100   ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้

    (1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี

    (2) เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี

 มาตรา 100 ซึ่งมีเนื้อหาว่า สรุปว่า

 ห้ามไม่ให้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นคู่สัญญา หรือ มีส่วนได้เสียกับทรัพย์สินของรัฐหรือบริษัท ที่มีสัมปทานกับรัฐ

 มาตรา 122 ซึ่งมีเนื้อหาว่า สรุปว่า

 กรณี เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำความผิดตาม มาตรา100 ให้ระวางโทษจำคุกไมเกิน 3 ปี และวรรคท้ายมีความว่า หากพิสูจน์ได้ว่า มิได้รู้เห็นยินยอมการกระทำของคู่สมรสที่ดำเนินกิจการตาม มาตรา100 ให้ถือว่า ไม่ผิด

 เมื่อพิจารณาเนื้อหากฎหมายแล้ว กฏหมายเอาผิดได้ เฉพาะนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรี เท่านั้น เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ ในข้อที่1 ที่คุณหญิงพจมาณไม่ได้ถูกพิพากษาให้มีความผิดไปด้วยเพราะคุณหญิงพจมาณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐมนตรี ถ้าก่อนหน้านั้นทักษิณตั้งให้คุณหญิงพจมาณ เป็นรัฐมนตรีรับรองว่าถูกศาลพิพากษาให้ผิดเช่นกัน...

 อีกประการหนึ่ง การกระทำของคุณหญิงพจมาณถ้าทักษิณพิสูจน์ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เขาก็ไม่ผิด แต่ในข้อเท็จจริงเขาก็ยอมรับโดยปริยายว่า เขาได้ลงชื่อยินยอม ตามกฏหมาย ซึ่งถือว่า เขาได้รับรู้การกระทำของคุณหญิง พจมาณ คู่สมรสแล้ว

 ตรงนี้ต้องเข้าใจนะครับว่า กฏหมาย ปปช.ปี2542 ตราไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ไปยุ่งเกี่ยวกับ ทรัพย์สินของรัฐ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม ป้องกันการเอาเปรียบผู้อื่นเพราะ มีอำนาจหน้าที่ในระดับสูงสามารถให้คุณให้โทษกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำ หน้าที่ดูแล ทรัพย์สินที่ประมูลได้ อีกทั้ง สามารถหาข้อมูลภายในเพื่อเอาเปรียบผู้ร่วมแข่งขันได้

 ถ้าการประมูลที่ดินรัชดาในครั้งนี้ ทักษิณไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีแต่เป็นเพียงประธานบริษัทชินคอร์ป ทักษิณก็ไม่ผิด ตามกฏหมายฉบับนี้ครับ แต่ที่ผิดเพราะขณะนั้นเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

 ศาลไม่ได้พิพากษาว่าทักษิณทุจริตอย่างที่เขาพยายามเบี่ยงเบน แต่ศาลพิพากษาว่าทักษิณ มีความผิดตามกฏหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วย ปปช.มาตรา100(1)วรรค3 และมาตรา 122 วรรค1 หรืออธิบายอย่างที่เฉลิม อยู่บำรุงพูดในวันอภิปรายในสภาก็ได้ว่า ทักษิณไม่ได้ทุจริตแต่ทักษิณทำสิ่งที่กฏหมายห้ามไว้

 เพราะฉะนั้นในประเด็นที่ 1 ที่ ทักษิณ พยายามพูดว่า คนซื้อไม่ผิด แต่ผมแค่ลงชื่อยินยอมตามกฏหมายกลับผิด นั้นจึงถือว่าเป็นการตลบแตลง พูดไม่หมดเนื้อความ แต่พยายามให้คนที่ไม่มีความรู้เข้าใจผิด ว่าถูกกลั่นแกล้ง

ในประเด็นที่ 2 ที่ ทักษิณ บอกว่า เขาให้ราคาประมูลสูงสุดนั้น ขอให้ข้อมูลที่มาที่ไปในเรื่องราคาที่ดินแปลงนี้ดังนี้

 ที่ดินรัชดาที่ประมูลนี้มี 2 แปลงเนื้อที่ติดกันโดยกองทุนฟื้นฟูฯ ไปซื้อมาจาก บริษัทเงินทุนหลักทรํพย์เอราวัณทรัสต์

แปลงที่ 1 ราคา 2140 ล้านบาท

แปลงที่ 2 ราคา 2749ล้านบาท

รวมราคาที่ดิน 4889 ล้านบาท(สี่พันแปดร้อยแปดสิบเก้าล้านบาท)

 เมื่อเกิดการประมูลมีการตั้งราคากลางเพียง 870 ล้านบาทและผู้ที่ประมูลได้คือคุณหญิงพจมาณ ชินวัตร ประมูลได้ในราคา 772 ล้านบาท

เรื่องนี้ที่ทักษิณบอกว่าเขาเป็นผู้ให้ราคาสูงสุดในการประมูลตอนนั้นเป็นเรื่องจริงครับ แม้คนในวงการต่างก็รู้กันว่าบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าท์ และ โนเบิล เดเวลลอปเมนต์ ที่เข้าร่วมประมูลด้วยถูกให้กระทำอย่างไรบ้าง รวมถึงอีกหลายบริษัทฯ ที่ร้องเรียนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน โดยแจ้งให้เพิ่ม วงเงินมัดจำจากเดิม 10 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท ก่อนหน้าการประมูลเพียงวันเดียว เพื่อกีดกันผู้ประมูลรายอื่นเพราะเตรียมเงินมัดจำไม่ทัน

อีก ทั้งในการประมูลครั้งก่อน(ที่ดินแปลงนี้มีการประมูล 2 ครั้ง) เปิดการประมูล ทางอินเตอร์เนต ปรากฎว่าไมมีผู้เข้าเสนอราคาประมูลเลยนั้น ทั้งๆ ที่มีผู้วางเงินมัดจำแล้ว (10ล้านบาท) ถึง 7 รายจะร้องเรียนว่า เขาได้เสนอราคาแล้ว แต่ทำไม ข้อมูลถึงไม่ขึ้น ซึ่งมีข่าวโจทย์ขานการบล็อกสัญญาณอินเตอร์เนตของบริษัท ทีร่วมประมูลอย่างหนาหู แต่เรื่องพวกนี้ ไม่มีหลักฐานครับว่า เป็นความจงใจหรือว่าเป็นข้อบกพร่องทางเทคนิค

เรื่องปัญหาการร้องเรียนการประมูลทั้ง2ครั้งนี้ ไม่มีหลักฐานเอาผิดใครได้ เพื่อนๆ พิจารณาเอาเองจากพยานแวดล้อมก็แล้วกันครับ

เพราะ ฉะนั้น เรื่อง ที่ ทักษิณ บอกว่า เขาเป็นผู้ให้ราคาประมูลสูงสุด จากเดิมที่ กองทุนฟื้นฟูซื้อมา 4889ล้านบาท แล้วเขาประมูลไปที่ราคา 772 ล้านบาท นั้น เพื่อนๆ ก็พิจารณาเอาเองละกันครับว่า เขาได้ให้ประโยชน์แก่รัฐตามสมควรแล้ว หรือเขาเอาเปรียบรัฐซื้อที่ดินแปลงสวยราคาถูกกันแน่

 ในประเด็นที่ 3 ที่เขาบอกว่า เขาไม่ได้ใช้ ตำแหน่งหน้าที่ นายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์นั้น

เพื่อนๆ ก็พิจารณาจากข้อมูลแวดล้อมทั้งหมดก็แล้วกัน ในปลายปีที่ทักษิณประมูลที่ดินแปลงนี้นั้น เขาสั่งวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นปี ตามปกติ เป็นวันหยุด ให้เป็นวันทำงาน กรณีนี้ถูกโจมตีว่าเพราะเขาเกรงว่าจะโอนที่ดินแปลงนี้ไม่ทันในวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งถ้าให้ล่วงเลยไปในปีถัดไปจะไม่ได้ลดภาษีจากการโอนที่ดิน เพราะกฏกระทรวงที่ออกมาเพื่อจูงใจให้มีการซื้อการขายที่ดินโดยลดภาษีการโอนที่ดินนั้นจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม

อีก ทั้ง เมื่อประมูลที่ดินดังกล่าวได้แล้วเดิมพื้นที่บริเวณดังกล่าวสร้างตึกสูงได้ ไม่เกิน 5 ชั้น แต่หลังจากเขาประมูลที่ดินได้ไปแล้ว กฏเกณฑ์นี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป ทำให้ที่ดินบริเวณดังกล่าว ยกระดับราคาสูงขึ้นทันที

ทั้ง2กรณีนี้ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ทักษิณ ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง หรือ เพื่อความเหมาะสมในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ เหตุการณ์มันผิดปกติ 31 ธันวา ให้เป็นวันทำงาน หรือกรณีที่ห้าม ไม่ให้สร้างตึกสูงเกิน 5 ชั้นเพราะ ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรม หากบริเวณรอบๆ มีแต่ตึกสูงก็จะลดความสง่างามของศูนย์วัฒนธรรมไป ซึ่งหลักการนี้ เป็นหลักการเดียวกันกับ ห้ามบริเวณ อนุเสาวรีย์พระเจ้าตากสิน บริเวณ อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นต้น

ทั้งหมดทั้งสิ้นที่อธิบายมา เพื่อนๆก็พิจารณาเองนะครับว่า
สิ่งที่ ทักษิณ พูด นั้น จริง หรือ โกหก

 

http://teenoi.freeforums.org/topic-t691.html

โดย จงเจริญ

 

 

[Gop]

1ผมไม่เคยบอกว่าทักษิณแก้กฏหมายเพื่อตัวเองในเรื่องนี้นะครับ ผมมองว่าทักษิณและครอบครัว ได้ประโยชน์จากการที่กฏหมายผังเมืองเปลี่ยนไป
2 คอนโดแบบ low rise ขายถูกกว่า high rise ครับ และคนชอบhigh rise มากกว่าด้วย ชั้นยิ่งสูง ราคาต่อตารางเมตรยิ่งแพงครับ และอย่าลืมว่า คุณต้องสร้างแบบอัดๆ ให้พื้นที่ว่างเหลือน้อยๆ ไม่เช่นนั้นจะใช้พื้นที่ไม่คุ้มนะครับ
ผมว่า เดี๋ยวว่างๆ จะตั้งกระทู้เรื่องนี้ต่างหากไปเลยดีกว่า จะได้ฟังความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการประเมินราคาโดยเฉพาะไปเลย

 
1. อ้าว โอเค ถ้าไม่เคยบอก งั้นถามนิดนึงก่อนถกต่อ ในความคิดเห็นของคุณคิดว่า ทักษิณแก้กฎหมายเพื่อตัวเองในเรื่องนี้หรือไม่ ครับ 
 
2. อันนี้ไม่เสมอไปครับ คอนโด low rise ที่เป็น executive ก็มี ราคาแพงกว่าก็มี รวมถึงคนที่ชอบแบบ low rise ก็มีพอสมควรครับ
 
ผมเห็นด้วยที่ตั้งกระทู้เรื่องนี้ต่างหาก แต่อยากแนะนำสัก 2 ข้อเพื่อได้คำตอบที่เคลียร์ตามที่เราถกนะครับ
 
- ตั้งถามในบอร์ดที่มีสถาปนิกและวิศวกรอยู่เยอะ ไม่ใช่บอร์ดการเมือง เพื่อได้ข้อมูลจากประสบการณ์จริง รวมถึงไม่พูดถึงที่มาคำถามเพื่อป้องกันปัญหาสีเสื้อทำงานแทนสมอง
 
- สิ่งที่ถาม ต้องเน้นว่าคือ ความคุ้มค่าต่อผู้ลงทุน ไม่ใช่ราคาถูกแพง นะครับ เพราะประโยชน์หมายถึงกำไร = ราคาขาย - ค่าลงทุนนะ (ตัดต้นทุนเรื่องที่ดินทิ้งได้)

1 ไม่ทราบครับ ไม่รู้คือไม่รู้ ถ้าข้อมูลไม่พอ ผมไม่เดาครับ

2 สามสิบกว่าไร่ ทำคอนโด low rise แบบอัดๆ(เดี๋ยวใช้ไม่เต็มโควตา) ประมาณสามสิบหลัง ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าหน้าตาเป็นยังไง? คงต้องถามผู้รู้แล้วล่ะครับ ผมมองยังไงก็ไม่เห็นอะไรที่น่าซื้อเลย

แถวนี้ก็มีคนมีความรู้อยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่รู้ว่าจะร่วมวงสนทนามั้ย อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีคุณ Sigree ที่เป็นสถาปนิกครับ

[THE THIRD WAY]

ต้องเข้ามาอีกรอบเพื่อตอบว่า

 

อันคนมีเงินนั้น

ส่วนใหญ่จะทำอะไรด้วยตนเองน้อยมาก ใช้ทนาย นักกฎหมาย

ที่ค่าจ้างค่อนข้างแพงงงงงงงงมากกกกกกกกกกกก

 

คล้ายๆกับกรณีของตระกูลนี้

เงินทองที่เสียไปเพราะการจ้างผู้มีอาชีพดังกล่าว

กับผลตอบแทนที่ได้รับ

งามมมมมมากกกกกกกกกกกกกกกกก

 

โฌ็ฎฑธํฤฆฏ

ฒ?์็ฌโฎ"๐RTYUE456WE

POIUYGFDEWQ

ฆฏโฌฑธํ๔ู฿๕

 

และนับเนิ่นนานจนทุกวันนี้

มันก็คงต้องจ่ายอยู่โดยยังมิอาจทราบอนาคตอัยเคว้งคว้างวังเวง

อนิจจา

[nopantaman_agian]

 

1 ไม่ทราบครับ ไม่รู้คือไม่รู้ ถ้าข้อมูลไม่พอ ผมไม่เดาครับ

2 สามสิบกว่าไร่ ทำคอนโด low rise แบบอัดๆ(เดี๋ยวใช้ไม่เต็มโควตา) ประมาณสามสิบหลัง ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าหน้าตาเป็นยังไง? คงต้องถามผู้รู้แล้วล่ะครับ ผมมองยังไงก็ไม่เห็นอะไรที่น่าซื้อเลย

แถวนี้ก็มีคนมีความรู้อยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่รู้ว่าจะร่วมวงสนทนามั้ย อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีคุณ Sigree ที่เป็นสถาปนิกครับ

 

 

1. ข้อมูลก็ที่เคยถกไปไงครับ ผมเคยไปหามาให้ทั้งตัวกฎหมายที่ระบุขั้นตอนการร่าง และยกตัวอย่างกระบวนการร่างจริงของ ฉบับที่ 3 ให้ดูแล้ว

 

ที่ต้องย้ำประเด็นนี้ด้วย เพราะตอนแรกเราถกกันด้วยประเด็น  "ทักษิณใช้อำนาจหน้าที่แก้กฎหมายให้สร้างตึกสูงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง" ไม่ใช่หรือครับ

 

ดังนั้น ถ้าจะดูว่าประเด็นนี้เป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลหรือข้อใส่ร้าย เลยต้องดูประกอบทั้ง 2 ด้าน 

 

คราวนี้ในด้านผลประโยชน์จากการแก้กฎหมาย ผมว่าเราถกมาจนเห็นข้อมูลที่เป็นจริงกันเยอะพอสมควร

 

และมันถึงจุดที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตัดสินได้แล้ว เพราะเป็นข้อสรุปที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชื่อของตนเอง

 

ดังนั้นผมเลยต้องยกประเด็นแก้กฎหมายมาประกอบ เพื่อให้เกิดการคิดต่อยอดต่อไงครับ

 

2. ผมคิดว่าคอนโดไม่จำเป็นต้องเต็มพื้นที่ครับ เพราะความคุ้มค่ามันสูงกว่า(กำไรมากกว่าเมื่อเทียบกับต้นทุนค่าก่อสร้าง)

 

จริงๆ พยายามหาตัวอย่างที่ตอบได้ แต่หาไม่ได้ ประมาณว่าหา solution ประเภท คอนโด low rise กับ high rise

 

ที่อยู่ติดกัน ทำเลเดียวกัน ระดับเดียวกัน พ.ท. เท่ากันก็ได้ ที่มีราคาก่อสร้าง(ไม่รวมค่าที่ดิน) และราคาขายแต่ละยูนิต 

 

ถ้าเรามาลองคำนวณดู น่าจะได้คำตอบรางๆ นะ แต่เผอิญหาไม่ได้เลย   

 

แต่จะยินดีมากถ้ามีสถาปนิกหรือผู้รับเหมามาช่วยถกครับ (แต่ขอไม่เอาแบบอคติใส่มาเต็มเหนี่ยวเหมือนบาง คคห. นะ มันไม่มีประโยชน์       ) 

[nopantaman_agian]

 

 

ถ้าอยากเสวนา ก็เลิกตัดปะ แล้วหาข้อมูล สรุป ประมวลผลโดยตัดอคติก่อนเถอะครับ

 

เอาบทความเลือกข้างมา มันจะมีประโยชน์อะไรเหรอ มันจะไปต่างอะไรกับพวกเสื้อแดงเชื่อวิทยุเสื้อแดงละ

[ปุถุชน]

พวกวอร์รูมแม้วมันเก่งนะครับ

มันสามารถสร้างวาทกรรมใหม่มา "บิดเบือนประเด็น" ได้เลยว่า "เมียซื้อผัวเซ็น ติดคุกได้หรือ"

เหมือนสร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็นเรื่อง "แค่ทำกับข้าวก็ถูกปลด"

ทั้งที่ข้อเท็จจริงมันคนละโลกเลย  

 

แค่เก่งในการใช้คำที่ "ติดหู จำง่าย" แค่นี้แหละ พลิกความจริงได้เลยง่ะ  คิดดู๊!!!

 

 

 

คนไม่ใช้ความคิด ไม่มีความรอบรู้ เชื่อคนกะล่อน มักจะเห็นพ้องไปด้วย......

 

ส่วนบัตรเติมเงิน ปลาร้าเก่าในไหใหม่ ที่นี่.....

แค่ชู"บัตรเติมเงิน" ใบใหม่ ก็หัวกระดิก ก้นกระดก รู้แล้ว.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

[Stargate-1]

 

 

ลืมบอกเวลาครับ ประมาณ 9 โมงเช้า คุณมากล่าวหาว่าผมเชื่อหรือครับ คุณเองมากกว่าที่เชื่ออย่างไรแล้วเปลี่ยนใจยาก ความจริงก็คือความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ  จะไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้อย่างไรกัน  ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับ คุณเข้ามาเอง ผมก็บอกแล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงคำตัดสินอะไรได้ จะแถอย่างไรคำตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

edited

การเปลี่ยนแปลงเงินวางประมูล ทำให้ผู้เข้าประมูลลดลง การสู้ราคาน้อยลง ราคาที่ประมูลได้ลดลง ไม่เชื่อ ไปดูที่กรมบังคับคดี

การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ซื้อ เช่น ศุภาลัย เชื่อว่าราคาของที่ดินจะสูงกว่าเดิม ราคาในการประมูลใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังจึงสูงกว่าเดิม

 

ประเด็นใหม่ที่ผมยกมา คือเรื่อง"ซื้อ" ทำให้เป็นสินสมรส  ที่มีผลกับ มาตรา 122 ครับ

 

 มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีความผิดตาม มาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด 
  

 

ครับ ผมคงไม่ถกประเด็นกับคุณแล้วละครับ ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลา ก็อย่างที่ผมและคุณบอกนั่นแหละครับ เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก

 

แต่สุดท้ายก่อนจบการสนทนา อยากแก้ความเข้าใจผิดนิดนึงครับ คุณจะ "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ" ก็คงเป็นสิทธิของคุณ

 

คือ ผมไม่ได้เข้ามาถกในประเด็นที่จะแย้งคำตัดสินเลย ทักษิณผิดตามมาตรา 100 ศาลท่านตัดสินเช่นนั้นก็จบ ดังนั้น

 

ประเด็นที่คุยไม่ได้ทำให้ผลการตัดสินนี้เปลี่ยนไปเลย ประเด็นที่ถกคือประเด็นข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ไม่มีในคำตัดสินของศาล

 

ซึ่งต่อให้ผลสรุปเป็นเช่นไร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคำตัดสินครับ  ถ้าอยากเสวนาต่อก็กรุณากลับไปอ่านที่ผมเคยถกไว้ในบอร์ดเก่า

 

แล้วถ้ามีประเด็นเหตุผลอันใดที่มีหลักฐานแย้งกับความคิดผมก็นำมาแย้งได้ครับ ผมยินดีเสวนาด้วยเสมอ

 

แต่ถ้าอ่านแล้ว คิดว่าผมแถ ไม่มีเหตุผล ก็ขออนุญาติจบการสนทนากันไปดีไหมครับ 

 

 

ผมไม่ได้เถียงกับคุณแน่นอน เพราะทราบแล้วว่าคุณอยากให้เหมือนเดิม เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก แต่ที่คุณบอกว่าไม่มีประเด็นใหม่ มันเป็นเท็จครับ เพราะประเด็นที่คุณบอกว่า ทักษิณผิดตามมาตรา 100 นั้น ความจริง ศาลตัดสินให้ผิดมาตรา 100 และดำเนินโทษแบบ มาตรา 122 คลิก --> ความเห็นที่ 38 และ มีผู้ข้องใจในการดำเนินโทษ ตามมาตรา 122 ตามนี้ คลิก -->ความเห็นที่ 30    ผมจึงเพิ่มประเด็นใหม่ไปครับ คือ ประเด็นที่ แม้วเซ็นมอบอำนาจให้เมียนั้น ไม่ต้องเซ็นก็ได้ และทางที่ดี มีผู้แนะนำไว้ให้แม้วไปแจ้งปปช.ไว้ ตามนี้ คลิก -->  ความเห็นที่ 65

 

 

 

 

 

 

 

ไม่ว่ะ

[nopantaman_agian]

 

 

ไม่ว่ะ

 

ยังคงวนเวียนอยู่อย่างเดิม ครับ ยอมรับ ยอมแพ้ ดำเนินโทษแบบมาตรา 122 ด้วย แต่มันเกี่ยวอะไรกับที่ผมกำลังคุยอยู่ครับ

 

บอกแล้วประเด็นไม่ได้แก้ต่างให้ทักษิณ แค่อยากให้ตระหนักและรับข้อมูลด้วยสติ โดยยก "คำกล่าวหาที่เกินความจริง" มา

 

และคำกล่าวหาที่เกินความจริงนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรา 100 มาตรา 122 เลย เพราะนั่นไม่เกินความจริง และไม่ได้กล่าวหา

 

แต่มันเกี่ยวกับประเด็นที่คุณตัดแปะมาใส่ เช่น แก้วันหยุดสิ้นปี, ประมูลราคา 700 ล้านจาก 2000 ล้าน, หรือเช่นที่ผมกำลัง

 

ถกประเด็นกับคุณ Gop อยู่ คือ แก้กฎหมายสร้างตึกสูงได้เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ พวกนี้ต่างหากคือคำกล่าวหาที่เกินมา

 

และหลายๆ เรื่อง ก็ได้เอาหลักฐานมาคุยกันจนกระจ่างไปหมดแล้วในกระทู้ก่อนหน้าที่ผมยกมาให้ดู

 

(ยกเว้นบางคนที่อคติบังตา ยังไงก็มองไม่เห็น)

 

ดังนั้น ที่ผมบอกว่าประเด็นใหม่ คือประเด็นเหล่านี้ เข้าใจไหมครับ ถ้าเข้าใจและอยากถก ก็หาหลักฐานใหม่มาแย้งผมได้เลย

 

ผมว่าผมคุยอย่างมีเหตุผล อย่างคนมีสติคุยกันนะ ดังนั้นขอให้มีสติมาคุย เรียบเรียงข้อมูลมา เอาเฉพาะข้อเท็จจริงไม่ใช่ความคิด

 

หรือความเชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง(โดยเฉพาะที่เลือกให้คุณให้โทษกับอีกฝ่าย) ไม่งั้นเมื่อไรมันจะกระจ่างและเกิดสติหละ 

[Stargate-1]

ปล. ประเด็น "ซื้อ" ผมขออนุญาติยังไม่ถกต่อนะครับ เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนธรรมดาเท่านั้น <-- .ใครซื้อก็ต้องโอนเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ได้ไปเอง คงส่งทนายไป

 

ไม่ใช่หลักฐานที่ใช้ในชั้นศาลได้ <--- ใช้ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริง โดยเฉพาะ มันบอกให้ทราบว่าเป็นสินสมรส คุณคงเป็นคนโสด หรือ ซื้อเงินผ่อน หรือ ไม่เคยซื้อที่ดินขายทอดตลาด

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน
(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
หมายเหตุ  มาตรา 1476 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปพพ.(ฉบับที่ 10) พ.ศ.2533

 

 

คุณกลับไปทบทวนดูแล้วกันว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่

 

edit

 

ถ้าคุณยังไม่เคยไปประมูลแข่งกับใครเลย แนะนำให้ไปที่กรมบังคับคดี ตึก 25 ปี ชั้น 1 วันพฤหัส ไปลองนั่งดูเขาสู้ราคากันก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่

 

คุณคงห่างบอร์ดนี้ไปนาน เลยไม่รู้ว่าคุณวสันต์โดนยิงสองนัดซินะ

 

 

โอเคครับ ทบทวนแล้วคงหมดข้อถกแล้วครับ เมื่อคุณเห็นอย่างไร เชื่ออย่างไร ก็คงยากที่จะเปลี่ยนใจ ดังนั้นผมขออนุญาติจบการสนทนาด้วยนะครับ

 

ขอบคุณที่ร่่วมสนทนาครับ

 

 

ลืมบอกเวลาครับ ประมาณ 9 โมงเช้า คุณมากล่าวหาว่าผมเชื่อหรือครับ คุณเองมากกว่าที่เชื่ออย่างไรแล้วเปลี่ยนใจยาก ความจริงก็คือความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ  จะไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้อย่างไรกัน  ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับ คุณเข้ามาเอง ผมก็บอกแล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงคำตัดสินอะไรได้ จะแถอย่างไรคำตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

edited

การเปลี่ยนแปลงเงินวางประมูล ทำให้ผู้เข้าประมูลลดลง การสู้ราคาน้อยลง ราคาที่ประมูลได้ลดลง ไม่เชื่อ ไปดูที่กรมบังคับคดี

การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ซื้อ เช่น ศุภาลัย เชื่อว่าราคาของที่ดินจะสูงกว่าเดิม ราคาในการประมูลใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังจึงสูงกว่าเดิม

 

ประเด็นใหม่ที่ผมยกมา คือเรื่อง"ซื้อ" ทำให้เป็นสินสมรส  ที่มีผลกับ มาตรา 122 ครับ

 

 มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีความผิดตาม มาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด 
  

 

 

 

ลืมบอกเวลาครับ ประมาณ 9 โมงเช้า คุณมากล่าวหาว่าผมเชื่อหรือครับ คุณเองมากกว่าที่เชื่ออย่างไรแล้วเปลี่ยนใจยาก ความจริงก็คือความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ  จะไปเปลี่ยนแปลงความจริงได้อย่างไรกัน  ผมไม่ได้เริ่มก่อนนะครับ คุณเข้ามาเอง ผมก็บอกแล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงคำตัดสินอะไรได้ จะแถอย่างไรคำตัดสินก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

edited

การเปลี่ยนแปลงเงินวางประมูล ทำให้ผู้เข้าประมูลลดลง การสู้ราคาน้อยลง ราคาที่ประมูลได้ลดลง ไม่เชื่อ ไปดูที่กรมบังคับคดี

การยกเลิกข้อห้ามบางอย่างในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ซื้อ เช่น ศุภาลัย เชื่อว่าราคาของที่ดินจะสูงกว่าเดิม ราคาในการประมูลใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังจึงสูงกว่าเดิม

 

ประเด็นใหม่ที่ผมยกมา คือเรื่อง"ซื้อ" ทำให้เป็นสินสมรส  ที่มีผลกับ มาตรา 122 ครับ

 

 มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 100 มาตรา 101 หรือ มาตรา 103 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีความผิดตาม มาตรา 100 วรรคสาม หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดพิสูจน์ ได้ว่า ตนมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการที่คู่สมรสของตนดำเนินกิจการตาม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิด 
  

 

ครับ ผมคงไม่ถกประเด็นกับคุณแล้วละครับ ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลา ก็อย่างที่ผมและคุณบอกนั่นแหละครับ เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก

 

แต่สุดท้ายก่อนจบการสนทนา อยากแก้ความเข้าใจผิดนิดนึงครับ คุณจะ "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ" ก็คงเป็นสิทธิของคุณ

 

คือ ผมไม่ได้เข้ามาถกในประเด็นที่จะแย้งคำตัดสินเลย ทักษิณผิดตามมาตรา 100 ศาลท่านตัดสินเช่นนั้นก็จบ ดังนั้น

 

ประเด็นที่คุยไม่ได้ทำให้ผลการตัดสินนี้เปลี่ยนไปเลย ประเด็นที่ถกคือประเด็นข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ไม่มีในคำตัดสินของศาล

 

ซึ่งต่อให้ผลสรุปเป็นเช่นไร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคำตัดสินครับ  ถ้าอยากเสวนาต่อก็กรุณากลับไปอ่านที่ผมเคยถกไว้ในบอร์ดเก่า

 

แล้วถ้ามีประเด็นเหตุผลอันใดที่มีหลักฐานแย้งกับความคิดผมก็นำมาแย้งได้ครับ ผมยินดีเสวนาด้วยเสมอ

 

แต่ถ้าอ่านแล้ว คิดว่าผมแถ ไม่มีเหตุผล ก็ขออนุญาติจบการสนทนากันไปดีไหมครับ 

 

 

ผมไม่ได้เถียงกับคุณแน่นอน เพราะทราบแล้วว่าคุณอยากให้เหมือนเดิม เชื่ออย่างไรก็เปลี่ยนใจยาก แต่ที่คุณบอกว่าไม่มีประเด็นใหม่ มันเป็นเท็จครับ เพราะประเด็นที่คุณบอกว่า ทักษิณผิดตามมาตรา 100 นั้น ความจริง ศาลตัดสินให้ผิดมาตรา 100 และดำเนินโทษแบบ มาตรา 122 คลิก --> ความเห็นที่ 38 และ มีผู้ข้องใจในการดำเนินโทษ ตามมาตรา 122 ตามนี้ คลิก -->ความเห็นที่ 30    ผมจึงเพิ่มประเด็นใหม่ไปครับ คือ ประเด็นที่ แม้วเซ็นมอบอำนาจให้เมียนั้น ไม่ต้องเซ็นก็ได้ และทางที่ดี มีผู้แนะนำไว้ให้แม้วไปแจ้งปปช.ไว้ ตามนี้ คลิก -->  ความเห็นที่ 65

 

 

ที่ดินรัชดา[แก้]

ที่ดินที่มีปัญหา เป็นหนึ่งในที่ดินสองแปลงที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซื้อจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอราวัณทรัสต์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2538 มีมูลค่า 2,749 ล้านบาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 กองทุนฯ ได้ปรับปรุงราคาที่ดินลดลงกว่า 2,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการปรับปรุงบัญชีเพื่อปรับมูลค่าหนี้ให้ลดลง เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง โดยปรับลดราคาที่ดินเหลือ 700 กว่าล้านบาท และนำออกประมูลทางอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ตั้งราคาขั้นต่ำ 870 ล้านบาท โดยผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจำ 10 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้เสนอราคา กองทุนฯ จึงได้ยกเลิกการประมูล และเปิดประมูลใหม่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2546 โดยไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ แต่ผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจำเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท ก่อนหน้าการประมูลเพียงวันเดียว เพื่อกีดกันผู้ประมูลรายอื่นเพราะเตรียมเงินมัดจำไม่ทัน
 

ผลการประมูล คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งส่งทนายความเป็นตัวแทนเข้าประมูลด้วยตนเอง ชนะการประมูลด้วยราคาสูงสุด 772 ล้านบาท โดยมีผู้แข่งขัน 2 ราย คือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮาส์ และบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนต์ ก่อนที่จะทำสัญญาซื้อขาย และจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2546

เมือเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ได้มีการจัดประมูลใหม่ บริษัทสุภาลัยผู้ชนะการประมูลได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไปในราคา 1,815 ล้านบาท หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่าราคาซื้อขายครั้งนี้เป็นเครื่องตอกย้ำความไม่ชอบมาพากลของการขายที่ดินให้คุณหญิงพจมาน เพราะราคาสูงขึ้นถึง 153% ในเวลาเพียง 8 ปี^[1]

การเลื่อนวันหยุดปีใหม่[แก้]

 

บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร เนื้อหาที่ขาดแหล่งอ้างอิงอาจถูกลบออก

มีการกล่าวอ้างว่าเหตุผลที่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 คณะรัฐมนตรีมีมติเลื่อนวันหยุดปีใหม่ จากวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่ 2 มกราคม โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ประชาชนได้หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ^[2] แต่แท้จริงแล้ว ต้องการซื้อขายที่ดินรัชดา สามารถดำเนินการได้ทันสิ้นปี เพื่อเสียค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน เฉพาะกรณีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในอัตราลดหย่อน เพียง 0.01%^{[ต้องการอ้างอิง]} ที่มีผลใช้บังคับถึงสิ้นปี พ.ศ. 2546 แต่ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2546 กรมที่ดินได้ขยายระยะเวลาใช้อัตราลดหย่อน ไปอีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2547 ^[3] และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจริงเกิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2546 กรณีนี้ถูกโจมตีว่าเพราะเขาเกรงว่าจะโอนที่ดินแปลงนี้ไม่ทันในวันที่ 30 ธ.ค.

 

นักประเมินอสังหาริมทรัพย์ชี้ราคาประมูลที่ดินรัชดาฯ เหมาะสม

กรุงเทพฯ  18  ส.ค. -  นายโสภณ พรโชคชัย  ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย  บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  จำกัด  กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลที่ดินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินบริเวณถนนรัชดาภิเษกที่ระดับ 1,815 ล้านบาท  ว่า  ที่ดินแปลงดังกล่าวได้รับการประมูลไปในราคาที่เหมาะสม เพราะเชื่อว่ารัฐได้กำไรจากราคาที่ดินแปลงดังกล่าว

ทั้งนี้  เมื่อปี 2546 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ  ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้คุณหญิงพจมาน (ชินวัตร) ณ ป้อมเพชร ราคา 772 ล้านบาท  แต่ต่อมาได้นำคืนมาและจ่ายเงินคืนให้คุณหญิงพจมาน ก่อนนำมาประมูลขายใหม่ได้ในราคา 1,802 ล้านบาท  เท่ากับขายได้ราคาถึง 2.35 เท่าของราคาเดิม หรือเท่ากับราคาที่ดินเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.3 ต่อปี ซึ่งนับว่าสูงมาก  และจากข้อมูลการสำรวจพบว่า  ราคาที่ดินขนาด 16 ไร่ ติดถนนรัชดาภิเษก ตรงบริเวณทศพลแลนด์ (แปลงสมมติ) หากมีการขายจะเป็นเงินปัจจุบันประมาณ 310,000 บาทต่อตารางวา  แต่ ณ ปี 2546 เป็นเงินเพียง 150,000 บาทต่อตารางวาหรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 9.5 ต่อปี  ดังนั้น  อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินใกล้ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยแปลงนี้ที่ร้อยละ 11.3  จึงสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปบนถนนรัชดาภิเษก

อย่างไรก็ตาม  ที่ดินแปลงนี้มีขนาด 33 ไร่ 81.8 ตารางวา เมื่อปี 2546 ประมูลไป ณ ราคา 772 ล้านบาท หรือตารางวาละ 58,125 บาท แต่ ณ ปี 2554 เป็นเงินตารางวาละ 136,653  บาท  ซึ่งแม้จะต่ำกว่าที่ดินติดถนนรัชดาภิเษกที่มีรถไฟฟ้าใต้ดินผ่าน แต่ก็ถือเป็นราคาที่เหมาะสม เพราะมีขนาดใหญ่กว่ามาก อยู่ห่างไกลจากรถไฟฟ้า  และถือว่าเป็นราคาใกล้เคียงกับที่ดินที่อยู่ติดถนนพระราม 9 ซึ่งห่างไกลจากรถไฟฟ้า  โดยในปี 2546 ที่ดินติดถนนพระราม 9 มีราคาประมาณร้อยละ 60  ของที่ดินติดรัชดาภิเษก (90,000 บาท และ 150,000 บาทต่อตารางวา) แต่ ณ ปี 2554 ราคาที่ดินถนนพระราม 9 มีราคาเพียงร้อยละ 43  ของราคาที่ดินติดถนนรัชดาภิเษก (132,000 บาท และ 310,000 บาทต่อตารางวา)

นอกจากนี้  ที่ดินที่ บมจ. ศุภาลัย ซื้อแปลงนี้อยู่นอกเขตห้ามก่อสร้างตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้ อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2532  จึงไม่ได้มีข้อจำกัดในการก่อสร้างตามที่กำหนดในข้อบัญญัติแต่อย่างใด .-สำนักข่าวไทย
 

 

 

 

 

ไม่ว่ะ

 

 

เกิดสติหละ 

 

 

ไม่ดีกว่า        

[nopantaman_agian]

เห้อ น่าสงสาร คนบางคนนี่ไม่เหลือสติพอที่จะรับรู้อะไรจริงๆ