ถ้าแพงแบบโตเกียว โอซาก้า 3500++ เที่ยวเดียว...สลบ คนญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ใช่รถไฟทั้งหมดเท่าไหร่ เพื่อนผมคนญี่ปุ่นเงินเดือน 50000 ก็ไม่มีเงินที่จะขึ้นชิงกันเซน ถ้าไม่รีบขนาดน้าน + 5 หมื่นในนั้น อาจจะ 25000 ที่ไทย (รถราคา 1500 ก็เป็นที่นิยมมาก ส่วนเครื่องเสียเวลาจริงแต่ถ้าไม่รีบก็ 1500++ ซึ่งก็ถูกกว่าครึ่ง) ยกเว้นเทศกาลที่จะเต็มเอี๊ยดจริงๆ เครื่องบินก็มีกำไรบ้างเพราะรถไฟยังแพง ไม่ถึงขนาดยกเลิกแน่นอนครับ บางครั้งแน่นทั้งไฟลต์ แค่อาจจะเจียดมาได้บางช่วงเวลา แล้วคนไทยที่อวยญี่ปุ่นเรื่องนี้ ต้องมองว่าตัวเองซื้อบัตร Jpass 9000+ นั่งไปทั้งประเทศเขาได้ แต่ของเขาไม่ขายจ่ายนะครับ จ่ายเป็นรอบแพงๆ อย่างที่เห็น ก็อย่างเพิ่งไปบอกว่าจะเหมือนเขา
ถ้าเป็นแบบ ไถเป่ย -ไถจง (น่าจะพัทยา) 750 ก็แพงพอไหว แม้ไม่ได้คนเยอะมากมายแต่น่าจะอยู่ได้เพราะรัฐแบก และเครื่องบินสู้ไม่ได้ เพราะไม่คุ้มที่จะทำสถานีใกล้ๆ ต่อให้เป็นเกาสง 1400 บาทก็โอเคกว่าเครื่อง อันนี้น่าสนหน่อย ยังเปรียบกะไทยได้หมัดมวยกว่าญี่ปุ่น อีกอย่าง เขาคงไม่ต้องแบกรับต้นทุนในประเทศมาก (เช่นน้ำมันนั่น การจะเจียดเอาเงินไปลงทุนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะคุ้มกว่า)
ของจีนที่ดูราคา ก็ 1000+ แต่จีนยังไงก็แบกไหมแหละ รวยขนาดนั้น
แต่เทียบรายได้ประชากรนะครับ ของไทยเจอรถไฟ 1500+ มีคนขึ้นแน่ๆ แต่คนไม่เงิน ก็ไม่ไหวไหม หรือจะมีรางกระจั๊วคู่กันไป คงหวังว่าไม่มีขบวนฟรี??? แต่ถ้าไม่ผิดไป ชิงกันเซงแบกไว้โดยบริษัทมหาชน แล้วไทยจะแบบไหน ยังไม่มีคนกำหนดเลย? ผมเคยไปแว้บๆ บริษัทขายอะไหล่รถไฟสั้นๆ ได้ข่าวว่า ญี่ปุ่น จีนเองมาเสนอลงทุน แต่ทำไมหายไป ไม่คุ้มหรือเปล่า ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก แต่มันน่าสนใจเหมือนกันทำไมถึงจะดุ่มมากู้เอง แต่ก็ต้องไปหาข้อมูลอีกที
...แต่เชียงใหม่ ที่ว่ามีกำไร เพราะมองจากว่าเป็นเมือง ศก. ท่องเที่ยวระดับสองก็อาจจะใช่ แต่ถ้าจะเอากำไรจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ก็ไม่แน่ แต่ที่เห็นคือ ตอนนี้เครื่องบินหลายสายการบิน ได้มีไฟลต์ลงเชียงใหม่โดยเฉพาะแล้ว โดยเฉพาะสายจากจีน ฮ่องกงที่เป็นกลุ่มสร้างรายได้ให้เชียงใหม่ ด้วยเหตุนี้ การลงไปจอดที่นั่นเลย กลับคนบางกลุ่มก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะนั่งรถไฟไปลงมา กทม เหมือนคนไทยบางคนที่ไปโอซาก้า ไม่มีความจำเป็นต้องไปโตเกียว...ฉันนั้น แต่ก็คงต้องมีในระดับนึงถ้าถูก สำหรับนักท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่ง
ถ้ารัฐทำถูกได้โอเค แต่ผมยังไม่เคลียร์กันโยบายในอนาคตเท่าไหร่ คนไต้หวัน ญี่ปุ่น วินัยต่างกัน รถราแทบไม่จับ ไต้หวันนี่มอไซต์ทั้งนั้น (แต่ไม่แวนซ์) แต่ทุกวันนี้ไทยยังขายรถกัน ไม่มีนโยบาย Green แต่มีรถคันแรด ประเทศเขาไม่เห็นจะมีปัญหารากหญ้ายิ่งใหญ่แบบคนไทย สภาวะการศึกษา รายได้ การเกษตรยังดีกว่าเราด้วย แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่หนุนเขาก็จีน มาเลย์ ฮ่องกง สิงคโปร์ มีแต่ประเทศคนมีเงิน ประกอบกับประเทศเล็ก การเดินทางไปเที่ยวไต้หวันด้วยรถไฟจริงน่าสนใจสุด แค่วันนึงไปเที่ยวซันมูนเลค เย็นกลับมาไถเป่ยก็ไหว
ผมไม่คัดค้าน แต่มันเร็วไปไหมที่จะรีบไปขนาดนั้น รางคู่มันห่วยหรอ? อย่าลืมไปว่าคนไทย สาวโรงงาน เงินเดือน 12000 จะนั่งรถไฟกลับบ้านไปหนองคาย 1000+ กลับรถทัวร์ 5-6 ร้อย เขาจะเลือกอันไหนอยู่ แล้วคนไทยเทศกาลกลับบ้านกลับเป็นกลุ่ม ค่ารถไฟ 1500 ถ้าไปครอบครัว 7 คน??? จะยังไง แล้วพอถึงเวลาสร้างมา คนที่อวยว่าไทยเจริญ หาว่าคนไทยที่ขัดไม่มีจิตสาธารณะพัฒนาร่วมกัน แต่วันหนึงตัวเองไม่ได้ใช้...เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้แบบคนญี่ปุ่นมากนัก เขาจะกลับมากลืนน้ำลายตัวเองไหมว่า...สร้างไปกรูก็ไม่ได้นั่ง ยังจนเหมือนเดิมเลย มันจะเป็นบูมเมอแรงไปฟาดปากรัฐบวมหรือไม่ หรือเอาหน้าก่อนว่าเจริญแล้ว ...บางครั้งความไม่พร้อมของประเทศ ของผู้ใช้ + ศก. ก็ต้องกำหนดวิธีเทคโนโลยีด้วยนะครับ หรือจะเอาแบบฟิลิปปินส์ สร้างรถไฟฟ้าประเทศแรกก่อนไทย 10 ปี แต่ตอนนั้นเพราะหน้าใหญ่ใจโตอยากเป็นเสือเอเชีย ในขณะที่คนตอนนั้นก็แบบนี้เลย ยังประท้วง ลุ่มดอน ช่องหว่างคนรวยจนสูงมาก (นักการเมืองก็ร๊วย ขนาดคนไล่มันไปแล้ว ตระกูลมันก็ร๊วย) เชียร์ ชเลียร์...แม้ รถที่ใช้แม้จะ 10-15 บาททั้งมะนิลา แต่รถเน่าแล้วเน่าอีก ไม่มีเงินเอาไปพัฒนาแล้ว จบตรงนั้น สายที่จะเพิ่ม ก็เป็นแค่ภาพวาดในแผนที่ เพราะเคยทุ่มหมดหน้าตักแล้ว แบบที่เรากำลังจะทำ และอาจจะเป็น...สยอง บ่องตง