ตอบคุณสิกรีที่เป็นอิสลามอาจจะงงว่าคุยไรกัน
ก็ขอตอบแบบพุทธศาสนิกชนมือใหม่(นับถือมาแต่เกิดแต่รู้แบบงูๆปลาๆ เพิ่งฝึกนั่งสมาธิและอ่านธรรมะบ้างมาได้ไม่กี่เดือน) จะเริ่มไงดี ขออธิบายคร่าวๆละกัน
-ในพระพุทธศาสนาจะเชื่อเรื่องการเกิดแล้วตาย ๆ หลายภพหลายชาติ จนกว่าจะหลุดพ้นหรือนิพพานคือจิตพ้นจากกิเลสคืออวิชชาหรือความไม่รู้ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็จะไม่มาเกิดอีก
-โดยผู้ที่จะนำพาสัตว์โลกให้พ้นทุกข์(การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย)ก็คือพระพุทธเจ้าที่จะค้นพบธรรมะ เช่น อริยสัจสี่
-พระพุทธเจ้านั้นมีมาหลายพระองค์แล้ว พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน(สิทธัตถะ) ได้ทำนายว่าพระพุทธเจ้าที่จะมาเกิดต่อไปคือพระศรีอาริยเมตไตรย (ช่วงที่ว่างเว้นจากศาสนาพุทธ คือ ระหว่างพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาเกิดจนถึงอีกองค์มาเกิดนั้นอาจใช้เวลาเป็นแสนเป็นล้านปี เพราะพระพุทธเจ้านั้นต้องบำเพ็ญบารมีหลายแสนชาติจึงจะหาทางหลุดพ้นได้)
ที่ผ่านมาก็มีหลายคนที่มาแอบอ้างว่าตนเป็นพระศรีอารย์ลงมาเกิดบำเพ็ญบารมี มีทั้งร่างทรง พระสงฆ์ คนธรรมดา
-ผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ จะต้องเป็นพระโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่เสียสละความสุขของตนเองเพื่อผู้อื่น ต้องบำเพ็ญบารมี 8 หรือ 10 ประการไม่รู้จำไม่ได้ เช่น ด้านความอดทน ด้านการทำทาน ด้านความเพียร
-พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้ทำนายว่าศาสนาพุทธจะยาวนานถึง 5 พันปี โดยในช่วงกึ่งพุทธกาลจะเกิดภัยพิบัติรุนแรงแต่จะมีพระโพธิสัตว์คือพระศรีอารย์ลงมาช่วยเหลือผู้คนเพื่อบำเพ็ญบารมีและจะทำให้ศาสนากลับมารุ่งเรื่องและสืบทอดศาสนาให้อยู่ครบ 5 พันปี
- ปลาบู่บอกพ่อเค้าว่าเค้าเป็นพระศรีอารย์ลงมาเกิดเพื่อจะมาเตือนเรื่องภัยพิบัติและฝากให้พ่อเป็นคนที่สื่อไปให้คนอื่น รวมทั้งเตรียมพื้นที่เพื่อทำวัดไว้ หลังจากตายแล้วเกิดใหม่อายุประมาณ 5-6 ขวบจะกลับมาหาพ่อเพื่อช่วยสร้างวัด ตอนนั้นจะทำอภินิหารช่วยเหลือคนจากภัยพิบัติ
ปลาบู่บอกว่าตนมีตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ รู้ธรรมะ เทศน์ได้โดยไม่ต้องมีตำรา
(ปกติเวลาจิตสงบจนเกิดเป็นสมาธิจะมีฌาณหรือญาณ เช่น มองเห็นวิญญาณ เทวดา มองเห็นอดีต อนาคต ซึ่งมีทั้งจริงและไม่จริง อาจเป็นจากกิเลสปรุงแต่ง แต่ถ้าคนที่มีฌาณขั้นสูงก็มักจะเป็นเรื่องจริงและแจ่มชัด บางคนมองเห็นอดีตชาติได้ 10 ชาติ 100 ชาติ แต่ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าจะเห็นได้ไม่มีกำหนด บางคนรู้ไปถึงกำเนิดโลก กำเนิดจักรวาล คงเพราะสิ่งต่างๆเกิดจากจิต และจิตเป็นผู้รู้มั้ง ซึ่งไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็สามารถนั่งสมาธิให้เกิดฌาณแบบนี้ได้ แต่ศาสนาพุทธจะให้ความสนใจเรื่องปัญญาที่จะนำไปสู่การดับทุกข์มากกว่าจะมาหลงไปกับเรื่องฌาณต่างๆ แต่ปัญญาจะเกิดก็ต้องอาศัยสมาธิและฌาณด้วย)
ปลาบู่เล่าเรื่องอดีตที่เคยเกิดเป็นกษัตริย์ของไทยในยุคต่างๆ เล่ารายละเอียดทางประวัติศาสตร์ของไทยได้ และบอกว่าในอนาคตจะเกิดภัยอะไรบ้างเพื่อให้พ่อไปเตือนคนอื่นๆ ตอนแรกพ่อก็ไม่เชื่อปลาบู่ ไม่ได้สนใจ ปลาบู่ก็พยายามพูดกรอกหฟูพ่อช่วง 15 วันก่อนตาย บอกพ่อให้หาเทปมาอัดคำพูดตนไว้ แต่พ่อไปซื้อวิทยุที่อัดไม่ได้มาแทน ปลาบู่ให้ไปซื้อใหม่ก็ไม่ทำเพราะไม่ได้เชื่ออะไร จนสุดท้ายปลาบู๋ก็ตายในอีก 15 วันจริงพ่อจึงเชื่อและเริ่มนึกถึงเรื่องที่ีปลาบู่เล่า และพยายามทำทุกอย่างตามที่ลูกชายบอก แต่ก็ไม่มีใครเชื่อตนเองและมองว่าลุงแกเป็นคนบ้า จนเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นจริงตามคำบอกของลูก ผู้คนจึงเริ่มหันมาเชื่อ
แค่นี้ก่อนละกัน ไม่แน่ใจว่าสงสัยจุดไหนครับ (แต่ไปค้นหาเองดีกว่า ผมก็ไม่ได้มีความรู้นัก อย่าเพิ่งเอาไปอ้างอิง แต่หวังว่าน่าจะพอเข้าใจเรื่องราวปลาบู่ได้บ้างนะ)
ไม่ได้งงหรือแปลกใจอะไร
แต่อยากให้ลองคิด ศาสนาในโลกที่เชื่อเรื่องการสิ้นสุดของโลกมีหลายศาสนา ในฝั่งศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวคือ ยูดา คริส์ต อิสลาม ก็มีความเชื่อนั้น
แต่มุมมองต่อโลกที่จะแตกดับต่างกันมากหรือวิบัติภัยต่างกัน
ผมว่าเราจำปรากฏการณ์แตกตื่น y2k หรือปีหน้า 2012 ได้
ซึ่งยิ่งตะวันตกครองสื่อ เรายิ่งเห็นความแตกตื่นไปทั่วโลก
ภิบัติภัยมากมายถูกขยายจนเกินพอดีและสร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว แล้วหนนี้ก็เกิดกับเมืองไทย..................
อิสลามเองก็เชื่อว่าโลกจะสิ้นสุด แต่ไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญในความแตกตื่นนั้น เชื่อในเรื่องทำตัวให้พร้อมอยู่และพร้อมไปเจอพระเจ้าดีกว่า จึงใช่ชีวิตปกติ เพราะสิ่งที่เกิดหากจะเกิด ยังไงก็ต้องเกิด
หากพร้อมไปเจอพระเจ้ากลัวอะไร แต่หากไม่เกิดก็พร้อมจะอยู่ต่อไป.............
ผมเห็นความแตกตื่นแล้วอดนึกไม่ได้ เรากังวลอะไร
อยู่ต่อยังไง หรือจะตายยังไง
ผมเห็นความกังวลตอนนี้คือจะตายไหม?มากกว่ากังวลหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้คนใช่สติพิจารณา กาลามะสูตร
เอาสาระถะในชีวิตมาคิดบ้างก็ดี อย่าไปหลงมากมายนักเลย