เดี๋ยวนี้ไพร่สถุลคืออภิสิทธิ์ชน ทำอะไรก็ไม่ผิด
https://www.facebook...578009835579415
การรณรงค์ค้านเขื่อนในสังคมไทย ที่ชนะใจชนชั้นกลาง ส่วนใหญ่มักมีสาระใหญ่ใจความอยู่ที่ “ผืนป่าขนาดใหญ่” แต่ไม่เคยนำพาประเด็นไปสู่ประเด็นเชิงโครงสร้างที่สำคัญกว่า ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์ปัญหาของวิศวกรรม เทคโนโลยีของเขื่อนอันล้าหลัง การเมืองและผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมและผู้ที่ทำมาหากินกับเขื่อน ตลอดจนปัญหาการจัดการทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรมด้วยเทคโนโลยีอันตกยุคตกสมัย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ขบวนการอนุรักษ์ในไทย แตกต่างไปจากกลุ่มสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะประชาชนไม่เคยได้เรียนรู้อะไรใหม่เพิ่มมากขึ้น และเข้าใจกันอย่างตื้นๆว่า เขื่อนที่เลว คือเขื่อนที่ท่วมป่าผืนใหญ่ ส่วนเขื่อนขนาดใหญ่อื่นๆ ที่ท่วมที่ดินทำกิน ทำลายแม่น้ำ ผืนป่ากระจอกงอกง่อย และแหล่งทำมาหากินของประชาชนอย่างถาวรนั้น เป็นเขื่อนที่ดีมีประโยชน์ ผลแห่งทรรศนะเช่นนี้ ได้ทำให้ ธรรมชาติ กลายเป็นสิ่งที่ถูกทำให้สังกัดชนชั้น ป่าใหญ่ในอุทยาน ได้กลายเป็นป่าหวงห้ามศักดิ์สิทธิของชนชั้นกลางที่แตะต้องไม่ได้ ส่วนแม่น้ำ และป่าเล็กป่าน้อย กลายเป็นนิเวศชั้นสองของชาวชนบท การรณรงค์คัดค้านเขื่อนปากมูน จึงไม่เคยเป็นที่เหลียวแลแม้แต่หางตาจากชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ความย้อนแย้งเชิงชนชั้นประเภทนี้ คงจะยังอยู่กับการเคลื่อนไหวเรื่องสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยไปอีกนาน
อ้างว่าทำไมเขื่อนปากมูล ชนชั้นกลางไม่เหลียวแลนั่น?ตกลงโทษคนชั้นกลางเป็นแพะอีกแล้วเหรอ หึๆๆ...
ผมมีคำอธิบายได้ว่า สมัยนั้นสื่อยังไม่กว้างขวางพอ ภาครัฐจะเอาเปรียบคนพื้นที่ยังไง ก็มักไม่ถึงหูผู้คนในสังคมส่วนอื่นๆเท่าไหร่นัก การใช้อำนาจโดยปราศจากการตรวจสอบจึงเกิดขึ้นได้บ่อย
แล้วถามหน่อยเหอะ>>คนชั้นกลางเป็นคนโหวตให้สร้างเขื่อนปากมูลหรืองัยวะ?ก็เปล่า?มันก็หน่วยงานราชการที่มีนักการเมืองสนับสนุนอีกที แล้วนักการเมืองถูกเลือกมาโดยใคร?ก็"คนส่วนใหญ่"ตามชนบทท้องไร่ท้องนานั่นแหละ ถ้าคนชั้นกลางออกไปเดินขบวนจริง ก็จะมีพวกกุ๊ยรากหญ้า(บางตัว)หาว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลจากเสียงส่วนใหญ่(อย่างที่เห็นๆกันอยู่ทุกวันนี้ในกรณีเขื่อนแม่วงก์) พอวางเฉยก็จะมีนักวิชากากบางกลุ่มหาว่าไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้านอีก เหมือนนิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะเลยโว้ย!
เลือกพวกมันมาบริหารเอง ก็หัดต่อรองกับพวกมันเองบ้างสิวะ...
