Jump to content


Photo

ขอถาม..................................


  • Please log in to reply
8 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 อาบังคนเหนือ

อาบังคนเหนือ

    สมาชิกระดับรากหญ้า

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,535 posts

ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:56

ว่าจะตั้งกระทู้ในสภากาแฟ..........แต่เห็นว่ามันนนอกเรื่องการเมืองเลยมาตั้งที่นี่

 

ถามว่า..........หากเรารัก ในเรื่องการเมืองแต่คนรอบข้างเค้าไม่ได้ชอบคุยเรื่องพรรค์นี้...........แล้วเราคุยเรื่องการเมืองแต่ไม่ได้มีใครสนใจ หลายคนอึดอัดมั๊ยครับ?????????? ..........................................เราเล่าจนปากฉีกถึงรูหู แต่คนที่ฟังเค้ากลับไปเลือกพท.เชิดชูพท......... มันน่าเบื่อนะ....... ฝ่ายตรงข้ามเค้าก้อคงเหมือนกับเรา............แล้วก้อ มันน่าเจ็บใจนะเวลา ฝ่ายที่เราเชียร์เสรือกแสดงโง่ตามมาอีก.............

 

 

ถามอีกทีว่า....................คนที่เป็นคนดี คนที่รักในสิ่งที่ถูกที่ควร มันจะสูญพันธ์ไปจากเมืองไทยมั๊ย............เพราะเมืองไทยทุกวันนี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เห็นเงินเป็นพระเจ้า

 

 

กระผมเพียงแค่เศษดิน คงไม่อาจไปเปลี่ยนอนาคตประเทศไทยได้้ ...................


"ดาบวิเศษแสนคมอยู่ในมือลิงย่อมไร้ประโยชน์_กลับกัน_ยอดฝีมือที่บรรลุแล้ว ใช้กิ่งไม้ไผ่ก็ฆ่าคนได้ "


#2 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:00

คุณ บัง เป็นคนเชียงราย หนิ

 

มันแน่นอน อะครับ ที่ต้องน่าเห็นใจ

 

นั่นมันถิ่น คนเสื้อแดง อะครับ

 

 

ความคิดคน มันก็แบบนี้ อะครับ

 

พูดไป ก็เปลี่ยน อะไรไม่ได้มาก นักหรอก

 

อย่าง บริษัท ผม ในกรุงเทพฯ สีลม นี่แหละ

 

ทั้งเจ้านาย หัวหน้า พี่ที่ีทำงาน บางคน

 

รวมถึง เพื่อนเจ้านาย ก็รวมแล้ว ก็หลายคน

 

ชอบทักษิณ อะครับ

 

 

ส่วนผมเอง เกลียดทักษิณ ยิ่งกว่า ไส้เดือน กิ้งกือ

 

แต่ ก็นั่น อะครับ เราไปเปลี่ยนใจ อะไร เค้าได้

 

เค้าอยากเลือก ก็ต้องปล่อยเค้า อะครับ ความคิดเค้า

 

ถามว่า ผมเดือดร้อน ไหม ที่เพื่อไทยมา

 

 

ต้องบอกว่า โคตรเดือดร้อน อะครับ

 

ทุกวันนี้ ผมแทบ ไม่ได้ใช้เงิน อย่างที่ผมอยากเลย

 

เรียกว่า ไม่ได้ใช้เลย ก็ได้ แค่เงินกินข้าว

 

3 มื้อ นะครับ ยังต้องประหยัด อย่างที่ผม

 

เคยเขียนบอกไปแล้ว ช่วงนี้ ผมค่อนข้าง ขาดโปรตีน

 

หน้าผมเหี่ยวไปเยอะ อะ

 

 

ผม อะ ขี่จักรยานมาทำงานด้วย เอาข้าว ใส่กล่องข้าว

 

มากินด้วย พ่อผม ทำกับข้าว ให้กิน

 

ก็ไม่มีอะไร มาก แกงจืด (ทุกมื้อ เรื่องจริง ) ใส่ผัก เยอะ ๆ

 

ใส่เนื้อ พอให้มีกิน อะครับ เนื้อปนมัน ด้วย

 

 

เห็นม่าาา ผมประหยัด ขนาดนี้ ขนาดตัดผม

 

ผมยังไปตัด โรงเรียน กทม. อะครับ ฟรี

 

 

ผมทำงาน เงินเดือน หมด ไปกับ ค่ายา ค่าอาหาร

 

ผม พ่อ แม่ และ ก็ของใช้ ในบ้าน เช่น สบู่ ยาสีฟัน

 

พวกนี้ หมดแล้วครับ เงินเดือน ผมไม่ถึงหมื่นเลย

 

 

นี่ อะ ผมอยากได้ คอมพิวเตอร์ มาหัด เขียนโปรแกรม

 

ที่ผมเรียน ทุกวันนี้ ใช้คอม ที่ทำงานตลอด กลับไป

 

ผมก็ไม่มีใช้ แต่ผม ไม่มีเงินซื้อเลยอะ

 

คิดดูนะ คอมผม เครื่องหนึ่ง ผมตั้ง สเปค ไว้ต่ำ พอสมควร

 

แต่กว่าผมจะเก็บเงินซื้อได้ อีกหลายปี เพราะผมต้องรอ เงินเดือน

 

ขึ้นก่อน ตอนนี้ ไม่พอใช้ด้วยซ้ำ

 

 

พี่ชาย ผมขายของที่ หนองคาย นะ

 

ขายยากมาก ยอดขายตก มากกว่า 60% อะครับ

 

กำไร แทบไม่พอจ่ายค่าเช่าร้าน

 

กินอาหาร นี่แทบจะต้อง มาม่า สลับ อะครับ

 

 

หลายคน ที่ผมรู้จัก ลำบาก แบบสุด ๆ อะครับ

 

ถามผม เมื่อไหร่ เศรษฐกิจ จะดี อะครับ

 

 

ผมก็อยาก ครับ อยากมากกกกกก

 

แต่คงยาก ผมทุกวันนี้ จำใจ กล้ำกลืนฝืนทน

 

แต่ก็รู้ อะครับ ว่ามันคงเป็นกรรมในชาติปางก่อน

 

นี่ผม ถือคริสต์ นะ ผมยังต้องคิด แบบนี้

 

ปลอบใจ ตัวเอง อะครับ

 

 

ไม่งั้น ผมคงคิดมาก จนเป็น มะเร็งตายแน่

 

ผม 39 แล้ว วัยใกล้ เป็นมะเร็งแล้ว เลย ต้องหัดปลง อะครับ

 

 

คุณ บัง ก็ต้องปลงนะ เรา ตัวคนเดียว

 

แถมไม่มี อำนาจ อะไรเลย พูดไป ก็เท่านั้น อะครับ

 

สร้างศัตรู เปล่า ๆ ก้มหน้า รับชะตากรรม ดีกว่า

 

อย่างมาก ก็มา บ่นในนี้

 

แต่ต้องหัด ทำใจ ให้สบายนะ

 

 

ผมเอง ก็ใช้วิธี ดื่มน้ำเปล่า ให้เย็นใจ

 

แล้วก็ ฟังเพลง อนิเมะ บ้าง ฟังเพลงเกาหลี หนังจีน บ้าง

 

พอผ่อนคลาย อะครับ

 

ยังดี ที่ทำงาน ติด อินเตอร์เนต ไม่งั้น ผมคง เฉาตาย

 

อะครับ ฮะ ๆ


ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#3 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:04

ญาติพี่น้องเราหลายคนไม่สนใจการเมือง รำคาญมากเวลาเราคุยการเมืองด้วย แต่โชคดีที่พวกเขาเกลียดแม้วกับลูกสมุนเข้าไส้

 

ญาติสนิทเราคนนึง ชอบคุยเรื่องการเมือง แต่เป็นเสื้อแดง เราเป็นฝ่ายรำคาญมาก เพราะพอเอาหลักฐานมาดีเบตแล้วแพ้เรา (แทบทุกที) เขาจะขึ้นเสียง ตะโกนใส่ แถมประชดประชันแรงๆ หลังๆเราเลยไม่คุยด้วย ขี้เกียจโมโห

 

เรามีเพื่อนรุ่นน้องที่เกลียดแม้ว แต่เพิ่งสนใจการเมืองจริงจัง เขามักจะมาถาม หรือไม่เราก็เล่าโน่นนี่(ที่ไม่มีในสื่อทีวี)ให้เขาฟัง เราก็คุยแล้วก็ให้เขาไปหาข้อมูลทางเน็ต เพื่อตรวจสอบอีกที

รุ่นน้องคนนี้ เอาไปเล่าต่อให้พี่สาว ให้คนงานที่โรงงานฟัง พี่สาวเค้าก็เอาไปเล่าต่อให้เพื่อนบ้าน

มันกำลังขยายวงออกไปเรื่อยๆ

 

สรุปจากโพสต์นี้คือ  คนทีไม่ฟังเรา ให้ตาย มันก็ไม่ฟัง

มีคนเพียงคนเดียวที่รับฟังเรา เค้าก็อยากเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังในสิ่งที่ฟรีทีวีไม่นำเสนอ



#4 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 28 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:01

คุณ บัง เป็นคนเชียงราย หนิ

 

มันแน่นอน อะครับ ที่ต้องน่าเห็นใจ

 

นั่นมันถิ่น คนเสื้อแดง อะครับ

 

 

ความคิดคน มันก็แบบนี้ อะครับ

 

พูดไป ก็เปลี่ยน อะไรไม่ได้มาก นักหรอก

 

อย่าง บริษัท ผม ในกรุงเทพฯ สีลม นี่แหละ

 

ทั้งเจ้านาย หัวหน้า พี่ที่ีทำงาน บางคน

 

รวมถึง เพื่อนเจ้านาย ก็รวมแล้ว ก็หลายคน

 

ชอบทักษิณ อะครับ

 

 

ส่วนผมเอง เกลียดทักษิณ ยิ่งกว่า ไส้เดือน กิ้งกือ

 

แต่ ก็นั่น อะครับ เราไปเปลี่ยนใจ อะไร เค้าได้

 

เค้าอยากเลือก ก็ต้องปล่อยเค้า อะครับ ความคิดเค้า

 

ถามว่า ผมเดือดร้อน ไหม ที่เพื่อไทยมา

 

 

ต้องบอกว่า โคตรเดือดร้อน อะครับ

 

ทุกวันนี้ ผมแทบ ไม่ได้ใช้เงิน อย่างที่ผมอยากเลย

 

เรียกว่า ไม่ได้ใช้เลย ก็ได้ แค่เงินกินข้าว

 

3 มื้อ นะครับ ยังต้องประหยัด อย่างที่ผม

 

เคยเขียนบอกไปแล้ว ช่วงนี้ ผมค่อนข้าง ขาดโปรตีน

 

หน้าผมเหี่ยวไปเยอะ อะ

 

 

ผม อะ ขี่จักรยานมาทำงานด้วย เอาข้าว ใส่กล่องข้าว

 

มากินด้วย พ่อผม ทำกับข้าว ให้กิน

 

ก็ไม่มีอะไร มาก แกงจืด (ทุกมื้อ เรื่องจริง ) ใส่ผัก เยอะ ๆ

 

ใส่เนื้อ พอให้มีกิน อะครับ เนื้อปนมัน ด้วย

 

 

เห็นม่าาา ผมประหยัด ขนาดนี้ ขนาดตัดผม

 

ผมยังไปตัด โรงเรียน กทม. อะครับ ฟรี

 

 

ผมทำงาน เงินเดือน หมด ไปกับ ค่ายา ค่าอาหาร

 

ผม พ่อ แม่ และ ก็ของใช้ ในบ้าน เช่น สบู่ ยาสีฟัน

 

พวกนี้ หมดแล้วครับ เงินเดือน ผมไม่ถึงหมื่นเลย

 

 

นี่ อะ ผมอยากได้ คอมพิวเตอร์ มาหัด เขียนโปรแกรม

 

ที่ผมเรียน ทุกวันนี้ ใช้คอม ที่ทำงานตลอด กลับไป

 

ผมก็ไม่มีใช้ แต่ผม ไม่มีเงินซื้อเลยอะ

 

คิดดูนะ คอมผม เครื่องหนึ่ง ผมตั้ง สเปค ไว้ต่ำ พอสมควร

 

แต่กว่าผมจะเก็บเงินซื้อได้ อีกหลายปี เพราะผมต้องรอ เงินเดือน

 

ขึ้นก่อน ตอนนี้ ไม่พอใช้ด้วยซ้ำ

 

 

พี่ชาย ผมขายของที่ หนองคาย นะ

 

ขายยากมาก ยอดขายตก มากกว่า 60% อะครับ

 

กำไร แทบไม่พอจ่ายค่าเช่าร้าน

 

กินอาหาร นี่แทบจะต้อง มาม่า สลับ อะครับ

 

 

หลายคน ที่ผมรู้จัก ลำบาก แบบสุด ๆ อะครับ

 

ถามผม เมื่อไหร่ เศรษฐกิจ จะดี อะครับ

 

 

ผมก็อยาก ครับ อยากมากกกกกก

 

แต่คงยาก ผมทุกวันนี้ จำใจ กล้ำกลืนฝืนทน

 

แต่ก็รู้ อะครับ ว่ามันคงเป็นกรรมในชาติปางก่อน

 

นี่ผม ถือคริสต์ นะ ผมยังต้องคิด แบบนี้

 

ปลอบใจ ตัวเอง อะครับ

 

 

ไม่งั้น ผมคงคิดมาก จนเป็น มะเร็งตายแน่

 

ผม 39 แล้ว วัยใกล้ เป็นมะเร็งแล้ว เลย ต้องหัดปลง อะครับ

 

 

คุณ บัง ก็ต้องปลงนะ เรา ตัวคนเดียว

 

แถมไม่มี อำนาจ อะไรเลย พูดไป ก็เท่านั้น อะครับ

 

สร้างศัตรู เปล่า ๆ ก้มหน้า รับชะตากรรม ดีกว่า

 

อย่างมาก ก็มา บ่นในนี้

 

แต่ต้องหัด ทำใจ ให้สบายนะ

 

 

ผมเอง ก็ใช้วิธี ดื่มน้ำเปล่า ให้เย็นใจ

 

แล้วก็ ฟังเพลง อนิเมะ บ้าง ฟังเพลงเกาหลี หนังจีน บ้าง

 

พอผ่อนคลาย อะครับ

 

ยังดี ที่ทำงาน ติด อินเตอร์เนต ไม่งั้น ผมคง เฉาตาย

 

อะครับ ฮะ ๆ

 

ว่าจะเขียนถึงคุณทรงธรรมหลายครั้งแล้ว แต่ก็ติดปัญหาโน่นนี่ทุกที

วันนี้สบโอกาสขอออกความเห็นแบบบ้านๆหน่อย

ขอเกริ่นก่อนว่า ความเห็นนี้อาจไม่ถูกใจ ขัดใจคุณทรงธรรม

แต่เพราะปรารถนาดีจริงๆ จึงตัดสินใจพิมพ์เพื่อบอกกล่าว

 

เห็นคุณทรงธรรมบ่นเรื่องเงินไม่พอใช้ มาหลายกระทู้ หลังๆถึงขั้นขาดสารอาหาร

 

จริงๆมันมีวิธีมากมายที่จะเพิ่มรายได้

ขึ้นอยู่ว่า คุณทรงธรรมจะลองทำดูหรือไม่

 

ที่จริง คุณทรงธรรม แม้จะไม่จบป.ตรี แต่วุฒิ ปวส. บวกกับทำงานมาหลายปี น่าจะเรียกได้ว่า เชี่ยวชาญด้านบัญชี

ควรมีเงินเดือน มากกว่านี้ ใช้จ่ายได้เหลือเก็บ

ถ้าที่ทำงานกดเงินเดือน ก็น่าจะลาออกไปหาที่ทำงานใหม่

ขอแนะนำว่าน่าจะหาวันลาไปลองสมัครงานดูเล่นๆขำๆ แล้วดูว่า ที่อื่นเค้าให้เงินเดือนกันเท่าไหร่

ลองหักค่าใช้จ่ายที่ต้องเดินทางไกลขึ้น เพิ่มขึ้น ดูแล้วเราจะมีเงินเหลือได้ไหม

ได้ ไม่ได้ ยังไง ก็เป็นประสบการณ์ให้เราได้ดูว่าโลกรอบตัวเราเค้าหมุนไปทางไหน

ดีกว่าย่ำอยู่กับที่เดิมๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่คุณทรงธรรมจะกล้าตัดสินใจเสี่ยง

กล้าที่จะละทิ้งความเคยชินเดิมๆ

 

อีกประการ ที่ทำงานของคุณทรงธรรมกดเงินเดือน อาจเพราะเนื้องานที่มีให้ทำน้อยเกินไปหรือเปล่า

เห็นคุณทรงธรรมว่างเข้าเน็ตได้ทุกวันในเวลางาน

เจ้านายคงคิดว่าปริมาณงานแค่นี้ งานสบาย มีเน็ตให้เล่นทุกวันเวลางาน ให้เงินเดือนแค่นี้ก็เหมาะสมกันแล้ว

จะโปรโมท เลื่อนตำแหน่งก็คงไม่มีตำแหน่งให้

 

ญาติเราจบ ปวส มา ทำบัญชีเหมือนกัน เค้ายุ่งมาก ขนาดมีโอทีทุกวัน

แต่ละวันแทบไม่มีเวลาว่างเลย

แต่นั่นก็ทำให้มีเงินเก็บ

 

ญาติเราคนนี้ ลาออกจากบริษัทเดิมเพราะฐานเงินเดือน ปวส มันตัน

ไปสมัครงานที่ใหม่ ได้งาน แล้วก็เรียน ป ตรี ภาคค่ำ เพื่อเอาวุฒิ ไปปรับฐานเงินเดือน

จากนั้นก็ไปสอบผู้ตรวจสอบบัญชี

ปัจจุบัน ทำงานอยู่ในบริษัทข้ามชาติ เอ่ยชื่อมาร้องอ๋อกันทุกคน ในตำแหน่งใหญ่พอตัว

ไปเมืองนอก (เที่ยวกับบริษัท ไปประชุมบริษัท) ปีละสามสี่ครั้ง ทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย

ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ยังสบายๆ

 

ญาติเราอีกคน จบแค่ ปวช บัญชี

ทำงานมานานยี่สิบปี ยังได้เงินเดือน สองหมื่นกว่าเลย

นี่ยังไม่นับโอทีอีกนะ

คนนี้ก็ผ่อนบ้าน ช่วยกันกับสามี

 

ด้วยมันสมองของคุณทรงธรรม ซึ่งเป็นศิษย์เก่า สธ เราเชื่อว่าถ้าได้เรียนต่อทางด้านบัญชี

แม้จะไม่ชอบเท่ากับด้านโปรแกรมเมอร์

ก็น่าจะเรียนจบง่ายๆสบายๆ

สามารถทำงานต่อยอดประสบการณ์ตัวเอง

ใช้หารายได้ให้เพิ่มขึ้น

โดยไม่ต้องเหนื่อยยากนับหนึ่ง แบบไม่พร้อมอย่างที่พยายามเรียนคอมฯ โดยไม่คอมพิวเตอร์อย่างทุกวันนี้

ซึ่งไม่รู้ว่าวันไหนจะเรียนจบ

ไม่รู้ว่าวันไหนจะมีงานเข้ามาจนสร้างรายได้จากตรงนี้

 

ความฝัน ความชอบ ใครๆก็มีได้

แต่ถ้าเราไม่พร้อมทางด้านทุนทรัพย์ ที่จะรอให้ความชอบนั้นบรรลุผล

ก็น่าจะมองหาสิ่งที่เราถนัด มีประสบการณ์ เพื่อหาทางเอาตัวรอด ทำให้เราสามารถมีปัจจัยขั้นพื้นฐานก่อน

ดีกว่าไหม

 

แต่ถ้ายังอยากทำงานที่เดิม

ก็ต้องหา่ช่องทางทำงานพิเศษหลังเลิกงาน

เพื่อเพิ่มรายได้

 

แถวบ้านมีผู้หญิงคนหนึ่ง แกไม่ค่อยมีความรู้

แต่มีรายไ้ด้ดีมาก แกทำงานเป็นคนเก็บกวาด เช็ดล้าง ร้านอาหาร

พอร้านปิดในตอนเย็น เจ้าของร้านมักจะเหนื่อยหมดแรง ไม่อยากทำอะไรแล้ว

 แต่ร้านอาหารรอไมไ้ด้ ต้องสะอาดเพื่อเปิดใช้งานในวันรุ่งขึ้น

เจ้าของร้านเลยจ้างผู้หญิงคนนี้ ทำงาน เก็บล้างทุกอย่าง หม้อ กระทะ เช็ดล้างตู้ เตา โต๊ะ กวาดพื้น ถูพื้น

ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ได้ค่าแรงสามร้อย

หลังๆแกเลยไปช่วยเก็บล้างร้านขายข้าวแกงในตลาด ซึ่งขายหมดตอนบ่ายๆ

ได้มาอีกสามร้อย

ยังไม่หมด ตอนเช้าไปช่วยร้านขายโจ๊กในตลาดเดียวกัน ซึ่งขายหมดในตอนสายๆ

ได้มาอีกสามร้อย

เบ็ดเสร็จ สามเจ้า ได้มาวันละ 900

ทำทุกวัน ได้เดือนละ 27,000

นี่แค่ยกตัวอย่างคนที่พยายามหารายได้เพื่อให้พอใช้จ่าย

 

คุณทรงธรรมลองคิดหาช่องทางหารายได้พิเศษดู

 

หรือถ้ายังคิดไม่ออก น่าจะไปลองเรียนสารพัดช่างของ กทม ที่สอนฟรี

ดูที่ดค้าสอนแล้วเราสนใจ

แต่ที่อยากแนะนำคือ ตอนนี้ช่างไฟ ขาดแคลนมาก

พวก ติดตั้งปลั๊กไฟ  เดินสายไฟ น่ะรายได้ดีทีเดียว

ทำเป็นงานพิเศษ ตอนเย็น หรือวันหยุด ก็ได้

ดูตัวอย่างราคาวมค่าวัสดุและค่าแรง

 ปลั๊กไฟ 1 จุด ราคา 550 บาท, สวิตช์ไฟ 1 จุด 550 บาท, จุดเชื่อมต่อโทรทัศน์ 1 จุด 700 บาทรวมค่าสายไฟและอุปกรณ์, จุดเชื่อมต่อโทรศัพท์ 1 จุด 650 บาท รวมค่ารื้อถอนของเดิมแล้ว, เบรกเกอร์แอร์ 1 จุด 1,200 บาท, เบรกเกอร์ปั๊มน้ำ (แบบกันน้ำ) 1 จุด 1,200 บาท, ออด+ สวิตช์ออด 1 จุด 1,500-2,500 บาท, ไฟหัวเสา 1 จุด ราคา 1,500-2,500 บาท

http://www.reic.or.t...6&p=2&s=15&t=43

 

ลองหาวิธีดูนะคะ


  • Gop likes this

#5 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:01

ขอบคุณ คุณ อัศวินี สำหรับคำแนะนำ นะครับ

 

แต่ ผมคิดดีแล้ว ผมคงไม่เรียนต่อ ปริญญาตรี

 

ด้านบัญชี อะครับ คือ ผมพอมีเหตุผล นิดหน่อย

 

เพราะว่า ผมทำงานด้าน บัญชี มานาน

 

รู้ว่า การทำงาน ด้านนี้ มันไม่มีความ ถูกต้อง

 

และ สมกับการ ทำอะไร อย่างซื่อตรง

 

เหมือนอย่างที่ หลักการ บัญชี มันพึงจะเป็น น่ะครับ

 

 

บอกตรง ๆ ว่า ผมไม่ศรัทธา ในงาน เพราะ

 

ทุกวันนี้ ธุรกิจเมืองไทย มันมีน้อย ที่จะ ทำกันอย่างซื่อตรง

 

ผมไม่มีแรงจูงใจเลย ที่จะเรียนให้สูงขึ้น

 

เพราะถ้าผมเรียนจบสูง ผมต้องเซนต์ ทำบัญชี

 

แต่ตัวผมเอง ไม่อยากเซนต์ อะครับ

 

เพราะผมรู้ว่า มันไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น

 

 

ดังนั้น ผมเลยเลือกจะไม่เรียนต่อ

 

ผมมีความคิดนี้ ตั้งแต่ ทำงานมาได้ 10 ปีแรก แล้วครับ

 

 

แต่ผมยอมรับ กับคุณ อัศวิณี ได้ว่า

 

ผมเป็นคน ที่ความทะเยอทะยานต่ำ

 

ดังนั้น จึงชอบที่จะทำงาน เช้าชามเย็นชาม

 

ผมคิดแบบนี้ มาตลอด ไม่ค่อยขวนขวาย

 

 

ที่ผม มาเรียน เขียนโปรแกรม เพราะมัน

 

เป็นความฝันของผม จริง ๆ ที่จะ ทำเกม

 

rpg แนว อนิเมชั่น ผมไม่ได้คิด เรื่องเงิน เรื่องทอง เลย

 

 

ผมบ่น ๆ เรื่องการเงิน เพราะช่วงนี้

 

บ้านผม มีผม ทำงานคนเดียว คนอื่น ตกงาน

 

อยู่บ้านหมด ผมใช้อย่างกระเบียด กระเสียน

 

 

แน่นอน ปกติ ผมเป็นคนประหยัดมาก

 

เพื่อชดเชย กับความ ไม่ทะเยอทะยาน ของผมเอง

 

แต่ช่วงนี้ ต้องยอมรับ ว่า มันสุด ๆ จริง

 

ก็คงบ่น ๆ บ้าง แต่นั่นล่ะ จะพยายาม อดทน มากกว่านี้ อะครับ

 

 

ผมคงไม่ไปหางานอื่น ทำหรอกครับ

 

อย่างที่ผมบอก ว่าผม ไม่ทะเยอทะยาน

 

ดังนั้น ผมอยาก มีเวลา ที่จะเรียน เขียนโปรแกรม

 

แล้วทำความฝัน ของผม ไปดีกว่า

 

 

เพราะผม ก็คงมีเวลา เหลือ ในชีวิต

 

ไม่มากแล้ว ผมอยากใช้มัน อย่างที่ผมต้องการ

 

ผมคงมีความสุข มากกว่า ที่จะเรียน

 

แล้ว ถ้าผม สร้างมันได้ ผมก็คงพอใจแล้ว

 

 

คือ ต้องขอโทษ จริง ๆ นะครับ

 

ผมคงไม่สามารถ ทำให้ ตัวเอง กระตือรือร้น

 

ได้มากกว่านี้แล้ว ผมอาจพอใจ

 

ที่ผมเป็นแบบนี้แล้ว ไม่รู้สิ

 

 

แต่ผมเป็นคนตัวคนเดียว คงไม่เป็นอะไรมั้ง

 

ยังไง ก็ขอบคุณ ที่เป็นห่วงนะครับ


ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#6 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:48

ขอบคุณ คุณ อัศวินี สำหรับคำแนะนำ นะครับ

 

แต่ ผมคิดดีแล้ว ผมคงไม่เรียนต่อ ปริญญาตรี

 

ด้านบัญชี อะครับ คือ ผมพอมีเหตุผล นิดหน่อย

 

เพราะว่า ผมทำงานด้าน บัญชี มานาน

 

รู้ว่า การทำงาน ด้านนี้ มันไม่มีความ ถูกต้อง

 

และ สมกับการ ทำอะไร อย่างซื่อตรง

 

เหมือนอย่างที่ หลักการ บัญชี มันพึงจะเป็น น่ะครับ

 

 

บอกตรง ๆ ว่า ผมไม่ศรัทธา ในงาน เพราะ

 

ทุกวันนี้ ธุรกิจเมืองไทย มันมีน้อย ที่จะ ทำกันอย่างซื่อตรง

 

ผมไม่มีแรงจูงใจเลย ที่จะเรียนให้สูงขึ้น

 

เพราะถ้าผมเรียนจบสูง ผมต้องเซนต์ ทำบัญชี

 

แต่ตัวผมเอง ไม่อยากเซนต์ อะครับ

 

เพราะผมรู้ว่า มันไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น

 

 

ดังนั้น ผมเลยเลือกจะไม่เรียนต่อ

 

ผมมีความคิดนี้ ตั้งแต่ ทำงานมาได้ 10 ปีแรก แล้วครับ

 

 

แต่ผมยอมรับ กับคุณ อัศวิณี ได้ว่า

 

ผมเป็นคน ที่ความทะเยอทะยานต่ำ

 

ดังนั้น จึงชอบที่จะทำงาน เช้าชามเย็นชาม

 

ผมคิดแบบนี้ มาตลอด ไม่ค่อยขวนขวาย

 

 

ที่ผม มาเรียน เขียนโปรแกรม เพราะมัน

 

เป็นความฝันของผม จริง ๆ ที่จะ ทำเกม

 

rpg แนว อนิเมชั่น ผมไม่ได้คิด เรื่องเงิน เรื่องทอง เลย

 

 

ผมบ่น ๆ เรื่องการเงิน เพราะช่วงนี้

 

บ้านผม มีผม ทำงานคนเดียว คนอื่น ตกงาน

 

อยู่บ้านหมด ผมใช้อย่างกระเบียด กระเสียน

 

 

แน่นอน ปกติ ผมเป็นคนประหยัดมาก

 

เพื่อชดเชย กับความ ไม่ทะเยอทะยาน ของผมเอง

 

แต่ช่วงนี้ ต้องยอมรับ ว่า มันสุด ๆ จริง

 

ก็คงบ่น ๆ บ้าง แต่นั่นล่ะ จะพยายาม อดทน มากกว่านี้ อะครับ

 

 

ผมคงไม่ไปหางานอื่น ทำหรอกครับ

 

อย่างที่ผมบอก ว่าผม ไม่ทะเยอทะยาน

 

ดังนั้น ผมอยาก มีเวลา ที่จะเรียน เขียนโปรแกรม

 

แล้วทำความฝัน ของผม ไปดีกว่า

 

 

เพราะผม ก็คงมีเวลา เหลือ ในชีวิต

 

ไม่มากแล้ว ผมอยากใช้มัน อย่างที่ผมต้องการ

 

ผมคงมีความสุข มากกว่า ที่จะเรียน

 

แล้ว ถ้าผม สร้างมันได้ ผมก็คงพอใจแล้ว

 

 

คือ ต้องขอโทษ จริง ๆ นะครับ

 

ผมคงไม่สามารถ ทำให้ ตัวเอง กระตือรือร้น

 

ได้มากกว่านี้แล้ว ผมอาจพอใจ

 

ที่ผมเป็นแบบนี้แล้ว ไม่รู้สิ

 

 

แต่ผมเป็นคนตัวคนเดียว คงไม่เป็นอะไรมั้ง

 

ยังไง ก็ขอบคุณ ที่เป็นห่วงนะครับ

 

ขอฝากข้อคิดไ้ว้นะคะ   อยู่กับความจริง ไม่ทิ้งความฝัน

วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
สิงหาคม 2556

เกือบทุกคนมีความฝันด้วยกันทั้งนั้น ฝันว่าจะรวย มีชื่อเสียง มีอาชีพนั้น ๆ เป็นที่ยอมรับและชื่นชอบของผู้คน ฯลฯ แต่บ่อยครั้งที่เราเห็นผู้คนหลุดลอยไปกับความฝันของตัวเองอย่างไม่อยู่กับ ความจริง จนในที่สุดไม่บรรลุความฝันใด ๆ ทั้งสิ้น ทำอย่างไรที่เราจะมีความฝันโดยไม่หลุดไปจากโลกแห่งความเป็นจริง

ในภาษาไทย “ความฝัน” มีสองความหมาย หนึ่งหมายถึงสิ่งที่เราฝันในยามที่เราหลับ กับอีกความหมายคือความหวังหรือความใฝ่ฝันที่อยากให้เกิดขึ้นในอนาคต ในที่นี้เรากำลังพูดถึงความฝันในความหมายที่สอง

คนที่จะมีความฝันได้นั้นจะต้องเป็นคนมีความทะเยอทะยาน อยากมีและอยากเป็น ส่วนคนเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ อยู่ไปวัน ๆ จะไม่มีความฝัน เนื่องจากผูกพันอยู่แต่กับปัจจุบันโดยมิได้คำนึงถึงอนาคต ดังนั้นการเป็นคนมีความฝันจึงไม่มีอะไรเสียหาย

อย่างไรก็ดีถ้าบุคคลหนึ่งมีความคิดพัวพันอยู่แต่กับอนาคตที่อยากเป็นอย่าง ไม่ใส่ใจกับความเป็นจริงในปัจจุบันและอดีตซึ่งเป็นที่มาของปัจจุบันแล้วก็ คือการไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง อย่าลืมว่าการจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นผูกพันโยงใยกับสิ่งที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบันเป็นอย่างมาก

มนุษย์ที่มีปัญญาจะนึกถึงปัจจุบันและอนาคตมากกว่าจมปลักอยู่กับอดีต ฝรั่งบอกว่าอดีตคือสิ่งที่ตายไปแล้ว อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิด ปัจจุบันเท่านั้นคือสิ่งที่มีชีวิตอยู่ คนที่มีความฝันคือคนที่ให้ความสำคัญกับชีวิตปัจจุบันโดยมองไปถึงอนาคต

มนุษย์ต้องฝันถึงสิ่งที่พอจะเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง คนผอมตัวเตี้ยสูง 150 เซนติเมตรในวัย 30 ปี ฝันว่าจะเป็นแชมป์มวยปล้ำของโลก คือ ความเพ้อฝัน

หญิงวัยปลาย 20 ที่เพียงเดิน 100 เมตรก็หอบแล้ว หากฝันว่าจะเป็นนักวิ่งลมกลดก็เป็นความเพ้อฝัน เช่นเดียวกับหญิงวัยรุ่นผู้ชอบอยู่ในโลกคนเดียวและไม่ชอบการปรับตัว ฝันว่าจะเป็นแอร์โฮสเตสซึ่งเป็นงานบริการผู้คนทุกระดับก็เป็นความเพ้อฝันอีก เช่นกัน

อย่างไรก็ดีในบางกรณีความฝันบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นจริงก็สามารถเกิดขึ้น ได้ ในปี 2008 เด็กตาบอดชาวทิเบต 6 คน กับพี่เลี้ยงซึ่งมาจากหลากหลายประเทศ 8 คน สามารถทำให้ความฝันของเด็กตาบอดเป็นจริงได้ด้วยการปีนเขาจนเกือบขึ้นไปถึง ยอดเขาเอเวอเรสต์ของเทือกเขาหิมาลัย

ในหลายกรณี ความฝันกับความเพ้อฝันซึ่งไม่อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงมีเส้นแบ่งบาง ๆ ที่มองไม่เห็นคั่นอยู่ การจะรู้ว่าเราอยู่กับความฝันที่อยู่กับความเป็นจริงหรืออยู่กับความเพ้อฝัน มีขั้นตอนหลักให้ตรวจสอบอยู่อย่างน้อย 3 ขั้นด้วยกัน

ข้อที่หนึ่ง จงตรึกตรองว่าอะไรคือความฝันของเรา ความฝันของเราชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมเท่าใดก็จักได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างจึง จะถึงความฝันนั้นได้ ถ้ามันเป็นเพียงความฝันเบลอ ๆ ก็เป็นการยากที่จะบรรลุความฝันนั้นได้ เพราะเมื่อเป้าหมายไม่ชัดเจนก็ไม่รู้จะเดินทางไปถึงได้อย่างไร

ข้อที่สอง พึงตรวจความเป็นไปได้ในการบรรลุความฝันอย่างจริงใจ ดังกรณีของคน ตัวเตี้ยในวัย 30 ปี ที่อยากเป็นแชมป์มวยปล้ำ หากตรวจสอบแล้วมีความเป็นไปได้ต่ำมากก็จงละทิ้งความฝันนั้นเสีย และเลือกฝันในเรื่องอื่นที่พอจะเป็นไปได้

ข้อที่สาม เมื่อความฝันชัดเจนและมีโอกาสแห่งความบรรลุความฝัน สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการพิจารณาว่าจะต้องทำอะไรเพื่อให้เดินทางถึงเป้า หมายนั้น และตรวจสอบว่าเราสามารถกระทำสิ่งที่จำเป็นนั้นได้หรือไม่

สมมุติว่าความฝันคืออยากเป็นนักร้องมีชื่อเสียงดังก้องประเทศ เมื่อเข้าใจความฝันของตนเองอย่างชัดเจนแล้วต่อไปก็คือตรวจสอบอย่างจริงใจว่า ตนเองมีคุณลักษณะพอที่จะเป็นนักร้องระดับนั้นหรือไม่ กล่าวคือมีน้ำเสียง มีหน้าตา มีบุคลิก ฯลฯ รวมกันแล้วเรียกว่าพอไปได้หรือไม่

หากผ่านขั้นที่สองคือมีแววแล้วก็ถึงขั้นที่สามคือต้องตรึกตรองว่าต้องทำอะไร บ้าง และเราสามารถกระทำสิ่งที่จำเป็นเหล่านั้นเพื่อให้บรรลุฝันได้หรือไม่ กล่าวคือต้องฝึกหัดเป็นเวลายาวนาน อดนอน ตรากตรำ บากบั่นมานะ ฯลฯ จึงจะได้เป็นนักร้องมีชื่อเสียง และเราสามารถกระทำสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่ ตัวอย่างในเรื่องการอดทนและอดกลั้นเช่น ต้องไม่กินอาหารรสจัด ไม่กิน ของเย็น ไม่กินอาหารมากเกินไป ไม่เที่ยวดึกดื่น ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฯลฯ ถ้าตอบว่าทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ก็จงเลิกความฝันนั้นเสีย และปรับลงมาเป็นนักร้องระดับครอบครัวและญาติมิตรในคาราโอเกะแทน

ทุกคนจงฝันเพราะมันเป็นความหวังที่บันดาลให้ทุกคนมีกำลังใจ คนขาดกำลังใจก็เปรียบเสมือนคนขาดอ๊อกซิเจน เพียงแต่ต้องตระหนักเสมอว่าความฝันนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ ต้องทำอะไรเพื่อให้บรรลุความฝัน และสามารถทำสิ่งที่จำเป็นทั้งยากลำบากเพื่อให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้หรือ ไม่

จงมีความฝันพร้อมกับสติในการตรวจสอบเพื่อทำให้เราฝันอย่างมีเหตุผลโดยอยู่ใน โลกแห่งความเป็นจริงไม่หลงวนเวียนอยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝัน

 

https://www.facebook...221911534631661


  • Gop likes this

#7 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:43

รู้แล้วล่ะ คุณอัศวินี กลัวผม

 

จะเสียใจ ที่ผมฝัน ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใช่ม่าาาา

 

ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น หรอกครับ

 

 

จริง ๆ แล้ว ผมเอง ก็เผื่อใจ เหมือนกัน

 

ที่จะทำมัน ไม่ได้ จริง ๆ

 

ถ้าถึงที่สุด ผมพยายามแล้ว ยังทำไม่ได้

 

ผมก็จะไม่ถึงกับ หมดอาลัยตายอยาก หรอกน่าาาา

 

 

ผมเองจริง ๆ ก็ผ่านช่วงที่ตัวเอง ผิดหวัง

 

มาพอสมควรนะ ก็รู้ว่า อย่าคาดหวัง อะไร ให้มัน

 

เกินไป ถ้าไม่ได้ ก็ต้องยอม

 

 

ผมเอง ก่อนหน้านี้ ก็ไม่กล้าเรียน เพราะคิดว่า

 

มันยากเกิน ความสามารถ ของตัวเอง เหมือนกัน

 

แต่ phoebus เขาบอกผมว่า

 

ผมอะ โชคดี ที่มีอินเตอร์เนต ใช้ฟรี ๆ

 

แล้วก็อย่างที่ คุณ อัศวินี เข้าใจอะ

 

ผมไม่ค่อยยุ่งหรอก งานผมน้อย จริง ๆ

 

 

ผมเลยไม่โทษ เจ้านายไง เค้าให้ตามเนื้องาน

 

 

แต่ว่า ผมเชื่อ phoebus ว่าผมอะ มี "เวลา"

 

ใช่ ผมมีมันตลอดชีวิตที่เหลือ นี่แหละ

 

ผมเองอย่างที่บอก ผมไม่มีภาระอะไร

 

นอกจาก พ่อแม่ ซึ่ง พวกเขา ก็ไม่ได้ใช้จ่าย

 

อะไรมากนักหรอก เขาค่อนข้างประหยัด เหมือนกัน

 

แล้วแม่ผม เองก็รู้จัก เก็บเงินไว้ก้อนหนึ่ง เผื่อลำบาก

 

ผมเอง ก็ให้เงินเดือน แม่หมด ทุกเดือน อยุ่แล้ว

 

 

แต่ปีหน้า บอกเค้าแล้ว จะเริ่มเก็บ

 

เดือนละ 2-300 เพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ เขาก็เข้าใจ

 

 

คือ ผมเอง เรียน เขียนโปรแกรม มา 1 ปี แล้วอะ

 

จะบอกว่า ตัวเอง หัวช้า ก็พอได้

 

แต่พอได้ เพื่อน ๆ ช่วย ทั้งคุณ GOP

 

สอนคณิตศาสตร์ คุณ เคนอิจิ คุณ phoosana

 

คุณ ridkun คุณ ลีพอร์เตอร์ คุณ killer

 

ช่วยสอน ภาษาคอม ต่าง ๆ

 

 

ผมเอง ก็พอไปได้ มันก็ต้องอ่านซ้ำ หลายรอบ

 

เหมือนกัน กว่าจะผ่านไปขั้น ๆ

 

ตอนนี้ ผมว่า เบสิค ผมพอได้แล้ว

 

จากแต่ก่อน โปรแกรม ง่าย ๆ ผมเขียนประมาณ

 

2 ชม. เดี๋ยวนี้ ก็เหลือแค่ 20 นาทีแล้ว

 

 

ผมคิดว่า ประสบการณ์ เขียนบ่อย ๆ มันทำให้ดีขึ้นได้

 

 

ดังนั้น ผมเอง ก็จะค่อย ๆ ศึกษา แน่นอน

 

ผมยังไม่เก่ง เท่าคุณ เคนอิจิ หรือ คุณ ridkun

 

หรือ ใคร ๆ หรอก แต่ผม ก็ตั้งใจ จริงนะ

 

และ จากการเรียนมาเรื่อย ๆ ผมก็คิดจริง ๆ ว่า

 

ถ้าเราหาความรู้ มากเพียงพอ อ่านเรื่อย ๆ หัด

 

เขียนเรื่อย ๆ มันก็จะสามารถ ทำได้

 

 

ผมยังไม่เริ่ม computer graphic ก็จริง

 

แต่ผมพอเรียน คณิต มาบ้างแล้ว มีความ

 

มั่นใจ ประมาณ 60 % นะ แต่แน่นอน

 

ผมจะหา หนังสือ คณิตศาสตร์ มาอ่านเพิ่มอีก

 

 

ผมเป็นคน ทุ่มเทนะ ถ้าผมชอบอะไร

 

ทุกวันนี้ ผมอ่านหนังสือ ทุกวันเลย

 

วันนี้มาที่ทำงาน ก็มาอ่าน C tutorial

 

กลับไป ก็ทบทวน java ของ คุณ ขวัญข้าว ส่งให้

 

 

ปีนี้ ทำไม่ได้ ปีหน้า หรือ ปี ต่อ ๆ ไป ก็ต้องได้

 

ผมเชื่อ อย่างนั้น ผมไม่ทิ้งหรอก จริง ๆ

 

ตาม member title ผมนั่นแหละ


  • Gop likes this

ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY


#8 asawinee

asawinee

    ปฏิรูป ก่อน เลือกตั้ง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,003 posts

ตอบ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:23

ต้องขออภัยคุณอาบังคนเหนือด้วยที่กลายเป็นกระทู้คุยกับคุณทรงธรรมไปซะ

 

แต่อย่างไรก็ดี

อยากบอกคุณทรงธรรมว่า

ไม่ได้กลัวว่าคุณทรงธรรมจะเสียใจที่ไปไม่ถึงฝัน

 

ส่วนตัวแล้วถือหลักว่า ถ้าลงมือทำอะไรแล้ว จะทำให้เต็มที่ แม้ผลลัพธ์จะออกมาตรงข้ามกับที่หวัง ก็ไม่เสียใจ

เพราะถือว่าทำดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆแล้ว

 

ถ้าคุณทรงธรรม ตั้งใจเรียน มุ่งมั่นให้ถึงที่สุดแล้วไปไม่ถึงดวงดาว

ก็ไม่ควรเสียใจ

และเราก็ไม่คิดจะกลัวว่าคุณจะเสียใจด้วย

 

แต่สิ่งที่ต้องการจะบอกคือ

คุณภาพชีวิตของคุณทรงธรรมกำลังแย่ลงๆ

ความจำเป็นขั้นพื้นฐานอย่างปัจจัย 4 กระพร่องกระแพร่ง

 

ผมลำบาก เพราะ สิ่งที่ผมต้องซื้อทุกวัน ราคาแพงขึ้น

 

ตอนนี้ ผมไม่มีเงินเก็บเลยครับ ได้แต่ใช้เงินหมด

 

ไปเดือน ๆ และชักเงินเก็บของแม่ มาโปะ ในส่วนที่ขาด

 

ผมเอง ต้องกินกับข้าว อย่างประหยัดมาก

 

เนื้อหมู ก็ต้องกินแบบปนมัน ไม่ใช่เนื้อเน้น ๆ

 

 

ตอนนี้ ผมเริ่มสำรวจตัวเอง ผมกินข้าวปกติ

 

แต่ทำไม เนื้อหนัง ผมมันเริ่มหด มีคนสังเกต

 

ว่ากระดูกหัวไหล่ ผมเริ่มปูดโปน เมื่อเช้า ผมจับ

 

หลังตัวเอง รู้สึก ตกใจ ที่มันเริ่มเหลือแต่กระดูก

 

ทุกวันนี้ ผมคันบริเวณ ไหปลาร้า แต่เกาไม่ได้

 

เจอแต่กระดูก ผมเิริ่มกลายเป็น กระดูก เดินได้แล้ว

 

คาดว่า คงเป็นเพราะ ผมเริ่มขาดโปรตีนแล้ว

 

 

แม่บ้าน ที่บริษัท ถึงขนาด สงสารผม

 

คอยหา ของรับประทานได้ มาให้ผม

 

ทั้งของที่เจ้านาย กินเสร็จแล้ว ยังพอมี

 

แล้วก็มี แก่ใจ ไปซื้อขนม มาเผื่อผมด้วย

 

ทั้งที่ แกก็ไม่ค่อยมีเงิน

 

ผมเองก็ละอายใจ บางครั้งยังต้องเก็บขนม

 

ไปให้ที่บ้านกินด้วย เพราะ ตอนนี้ ไม่มีเงินซื้อเลย

 

โคตรจน ครับ ที่บ้าน ตกงาน 3 คนรวด

 

อ่านแล้วตกใจมาก

เลยอยากให้เอาตัวรอดในขั้นนี้ก่อน

ก่อนที่จะไปคิดถึงเรื่องความฝัน

 

ถ้าหากสามารถเติมเต็มความจำเป็นขั้นพื้นฐานได้ครบถ้วน

จากนั้นมีเงินเก็บสักก้อนเพื่อใช้จ่ายในการตามล่าฝัน

ก็น่าจะดีกว่าการตามล่าฝันแบบขาดเครื่องมือเครื่องไม้ใช้สอย

ซึ่งแบบหลังมันจะทำให้เราช้า เสียเวลา เป็นปี

สองปี สาม ปี สี่ปี......

เมื่อไหร่จะถึงที่หวังซักทีหนอ

และในที่สุดอาจบั่นทอนความมุ่งมั่นของเราไปในที่สุด

 

และอีกประการ ในขณะที่กำลังตั้งใจเรียนสิ่งที่มุ่งหวัง ทั้งๆที่เข้าขั้นเริ่มขาดแคลนสิ่งจำเป็นพื้นฐาน

ความสุขแบบเรียบง่ายในชีวิต อย่างเช่น การรับประทานอาหารอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซื้อขนมเล็กๆน้อยๆกิน มีเงินซื้อเสื้อใหม่แทนเสื้อเก่าที่เนื้อผ้าเริ่มเปื่อย  ซื้อของกินที่พ่อแม่ชอบไปฝาก จีบสาว ไปนั่งคุยกับเพื่อนตามร้าน  ฯลฯ กลับต้องห่างไกล

นานๆไป จิตใจจะเริ่มหดหู่ มองโลกเป็นสีเทา

และเบื่อกรอบแคบๆที่ต้องอยู่ เพราะออกไปนอกกรอบไม่ได้

http://webboard.seri...าแ/#entry762760

http://webboard.seri...บ-จิตวิญญาณ-กั/

 

ที่เราแนะนำไปในโพสต์แรก ก็เพื่อให้เอาตัวรอด

มีเงินเก็บพอสมควร ให้ชีวิตมีความมั่นคงปลอดภัย แล้วค่อยไล่ตามความฝัน

 

 

ส่วนกรณีเรียนต่อบัญชี
 

ผมคิดดีแล้ว ผมคงไม่เรียนต่อ ปริญญาตรี

 

ด้านบัญชี อะครับ คือ ผมพอมีเหตุผล นิดหน่อย

 

เพราะว่า ผมทำงานด้าน บัญชี มานาน

 

รู้ว่า การทำงาน ด้านนี้ มันไม่มีความ ถูกต้อง

 

และ สมกับการ ทำอะไร อย่างซื่อตรง

 

เหมือนอย่างที่ หลักการ บัญชี มันพึงจะเป็น น่ะครับ

 

 

บอกตรง ๆ ว่า ผมไม่ศรัทธา ในงาน เพราะ

 

ทุกวันนี้ ธุรกิจเมืองไทย มันมีน้อย ที่จะ ทำกันอย่างซื่อตรง

 

ผมไม่มีแรงจูงใจเลย ที่จะเรียนให้สูงขึ้น

 

เพราะถ้าผมเรียนจบสูง ผมต้องเซนต์ ทำบัญชี

 

แต่ตัวผมเอง ไม่อยากเซนต์ อะครับ

 

เพราะผมรู้ว่า มันไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น

 

 

ดังนั้น ผมเลยเลือกจะไม่เรียนต่อ

 

ผมมีความคิดนี้ ตั้งแต่ ทำงานมาได้ 10 ปีแรก แล้วครับ

 

 

อ่านแล้ว อยากบอกว่า ไม่ว่าอาชีพอะไร ย่อมมีคนที่ทำงานล้ำเส้นศีลธรรมกันทั้งนั้น

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้น

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะเลือกเดินทางไหน

ถ้ามันผิด ไม่ถูกต้อง หัวหน้าให้เราเซนต์ เราเองมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่เซนต์ก็ได้

นี่ไม่ได้โลกสวย

เพราะอย่างญาติของเรา เค้ามักบอกว่า พนักงานบัญชี คือผู้ตรวจสอบว่า มีรายได้ มีการใช้จ่ายในบริษัทที่สมเหตุสมผลในแต่ละแผนกและภาพรวม ไม่มีการทุจริตรั่วไหล ตัวเลขต้องตรวจสอบได้ สอดคล้องกันและยันกันได้ตลอดทั้งระบบ

ไม่ใช่มีหน้าที่แต่งตัวเลขให้โกงผู้ถือหุ้น ยักย้ายถ่ายเทเงินทอง  หลบเลี่ยงภาษี

ญาติของเราคนที่ว่านี้ ทำงานบริษัทข้ามชาติของเยอรมัน ซึ่งคนในประเทศนี้ได้ชื่อว่าเถรตรงมาก

ก่อนหน้านี้ ก็ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านconsumer ของไทยซึ่งได้ชื่อว่ามีธรรมาภิบาลสูง

เลยโชคดีที่ไม่ถูกเจ้านายบีบบังคับให้เซนต์ในสิ่งที่ตัวเองฝืนใจ



#9 ทรงธรรม

ทรงธรรม

    ต่อให้ต้องเรียนจนแก่ ก็จะเรียนต่อไป คนเราพัฒนาได้ทุกคน

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,157 posts

ตอบ 30 กันยายน พ.ศ. 2556 - 08:10

อะจ๊ะ บ่อ เป็นหยัง ดอก

 

จริง ๆ ก็ ชินแล้วอะ ตอนนี้

 

พูดถึง เรื่องงาน พาร์ทไทม์ ถ้ามี ก็อยากทำ อะนะ

 

โดยเฉพาะ เสาร์ อาทิตย์ แต่ ผม

 

ไม่ค่อยมีเพื่อน หรือ ใครรู้จัก จะแนะนำ อะไรหรอก

 

 

พวกงาน ตามอินเตอร์เนต ก็บอกตรง ๆ

 

ว่า ไม่อยากทำ มันเหมือน หลอกชาวบ้าน ไงไม่รู้

 

 

นี่ถ้า เค้า ไม่แก่ เกินไป ว่าจะกลับไปเสริฟ อาหาร

 

เหมือนตอน ปวส อะนะ เค้าเคย ไปทำร้าน สุกี้ กะ โรงแรม

 

มาด้วย แต่ ตอนนี้ อายุ เกินแล้ว หมดสิทธิ์

 

 

เอาเป็นว่า ถ้า คุณอัศวินี มีรู้จักใคร แนะนำบ้าง

 

ผมก็ขอบคุณมาก แต่ ก็ไม่ซีเรียส อะนะ

 

เพราะกลัวเหมือนกัน ถ้าทำอะไร ไม่ดีไป

 

เดี๋ยว จะเสียถึงคนแนะนำ ได้อะ

 

 

ส่วนเรื่องบัญชี อะ เค้ารู้ว่า มันไม่เป็นทุกที่หรอก

 

แต่ เค้า ไม่ค่อยเก่งไง เลยเลือก ที่ทำงานไม่ได้

 

บริษัทเล็ก ที่ไปทำส่วนใหญ่ เลยอะ มันเป็น แบบที่

 

เค้าว่า ไง เจอมา 4-5 ที่ (จริง ๆ ก็เจ้านาย เดียวกัน อะนะ

 

อ้อ มียกเว้น ตอนไปช่วยเพื่อนเจ้านาย )

 

มันก็อีหรอบ นี้ ทั้งนั้นอะ มันเลยเซ็ง ๆ ไง

 

 

แล้วยัง ผู้สอบบัญชี อีก รู้ไหม ตอน เค้า

 

เรียน พาณิชย์ เค้าก็ โว้วว เป็นผู้สอบ มันดีนะ

 

แต่พอมาทำงานจริง ผู้สอบ มันก็เลือก ไม่ได้อะ

 

รับเงิน เค้าแล้ว ก็ต้องเซนต์อะ

 

 

ว้าาาา ผู้สอบ ก็มี เก่ง ไม่เก่ง เหมือนกัน อะ

 

เค้าจัด ตัวเอง เป็นพวก ไม่เก่ง ไว้ก่อน อะ

 

 

ก็เลย เฮ้อออ อย่าดีกว่า ไม่ใช่กลัวนะ

 

เดี๋ยวจะหาว่าคุย ตอนเค้าเรียน ปวส อะ

 

วิชา กฎหมาย กะ วิชา สอบบัญชี

 

เค้าได้ 90 % นะจ๊ะ (แต่พาณิชย์ อะนะ

 

วิชามันอ่อน เทียบ มหาวิทยาลัย ไม่ได้หรอก ฮะ ๆ)

 

 

เออออ นั่นล่ะ ที่มา เค้าเลย กลับมาคิด

 

ถึงตอน เล่นเกมไง เค้าชอบ มากกกกกก

 

ก็เลยอยากทำไง แล้ว เขียนโปรแกรม

 

มันก็มีทั้ง ทำเพื่อเงิน แล้วก็เพื่อ ความสุข

 

 

ก็โดยหลัก ก็เพื่อ ความสุข แต่ ตัวเอง

 

ก็มีเรียน พวก database ไว้เหมือนกัน

 

นี่เค้าเขียน โปรแกรม ทำบัญชี ต่อเข้ากับ

 

database ง่าย ๆ ได้แล้วนะ ฮึ ๆ

 

 

แต่เขียนตั้งเกือบเดือน อะ

 

มี class เกือบ 60 class ได้

 

แต่ส่วนใหญ่ ก็ซ้ำ ๆ กันอะนะ

 

เค้า เอาไว้ใช้ ช่วยในงานบัญชี ของตัวเอง ไง

 

 

ปกติ ทำใน excel แล้ว ก็ไปเอาเข้า database

 

โดยผ่าน โปรแกรมของเค้า ให้มันออก

 

file.txt เป็น ภาษา SQL แล้วก็ ไปใช้

 

พวก โปรแกรมสำเร็จรูป พวก front end

 

เอาเข้า database แล้วก็

 

โปรแกรม เค้าก็สรุป มันออกมา ยังไง

 

แต่จริง ๆ จะ key ผ่าน โปรแกรม เค้า ก็ได้

 

ก็ทำเตรียมไว้ แต่มันไม่สะดวก หรอก

 

 

มันช้า เพราะ้ต้องคอย กรอก ที่ละช่อง

 

excel ไวกว่าเยอะ ทำลง excel

 

แล้วเอาเข้า โปรแกรม ปรื้ดเดียว ก็ออก

 

เป็น file.txt สบายดี

 

 

แต่ได้แค่ บริษัท เล็ก ๆ ของเค้า อะแหละ

 

ถ้าบริษัท ใหญ่ กว่านี้ ต้องเปลี่ยน

 

database ของ javadb มันไว้ใช้

 

สำหรับ บริษัทเล็กกะทัดรัด อย่างบริษัทเค้าไง

 

 

นี่เค้ายังกะเรียน พวก javascript พวก html

 

แล้วก็พวก xml เผื่อ หาเงินได้ ในอนาคต อะนะ

 

เอาไว้เขียน เวป คือ เค้ามีพื้นฐาน java แล้ว

 

เค้าว่า พอต่อ ๆ ไปได้ไง

 

 

ขอบคุณ สำหรับ กำลังใจ จ๊ะ


ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ

 

PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract

 

FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query  FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน