อ้าว อยากได้ข้อมูลแบบนี้ ตัวกระผมก็จัดให้ได้ครับ
ผลงานล้มเหลวสมัยทักษิณ
- ค่าโง่ทางด่วน
โครงการโทลล์เวย์อยู่ภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทย-เยอรมนี ปี พ.ศ. 2545 (สมัยรัฐบาลทักษิณ) เนื่องจากบริษัทได้มีข้อพิพาทกับกรมทางหลวงในปี พ.ศ. 2547 โดยที่กรมทางหลวงไม่ส่งมอบพื้นที่เพื่อก่อสร้างทางขึ้น-ลงได้ตามกำหนดในสัญญา นอกจากนั้นรัฐบาลยังก่อสร้างโครงการต่างๆ รวมทั้งไม่อนุมัติให้บริษัทปรับค่าผ่านทางตามสัญญา ทักษิณ ชินวัตรไม่อนุมัติให้ปรับค่าผ่านทางตามกำหนดในปี 2542 และ ปี 2547 แถมยังให้ลดค่าผ่านทางเหลือ 20 บาทตลอดสาย ในปี 2548 และย้ายท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ
การกระทำของรัฐส่งผลให้ปริมาณจราจรไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และกระทบต่อรายได้ค่าผ่านทางของวอลเตอร์ บาว
จึงทำให้บริษัทวอลเตอร์ บาว ผู้รับสัมปทานโทลล์เวย์ ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในปี 2548
- โครงการไทยแลนด์อีลีทการ์ด
โครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวประเทศไทย โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างประเทศ ผู้สมัครสมาชิกได้สิทธิประโยชน์การเข้าประเทศไทย และส่วนลดการท่องเที่ยว
เริ่มต้นมีการจัดตั้ง บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทยคุมกระทรวงนี้ตั้งแต่ สนธยา คุณปลื้ม, สมศักดิ์ เทพสุทิน, ประชา มาลีนนท์ พึ่งจะมาเป็นของพรรคบรรหาร สมัยรัฐบาลสมัคร/สมชาย/อภิสิทธิ์
ปัญหาของโครงการนี้คือ ค่าสมัครสมาชิกจำนวนหนึ่งล้านบาทมีราคาสูงมาก และเป็นสมาชิกตลอดชีพ ทั้งๆ ที่บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด มีต้นทุนการจัดการทุกวัน จึงทำให้เกิดการขาดทุนสะสมตั้งแต่วันแรกของโครงการจนถึงปี พ.ศ. 2555 เป็นจำนวนถึง 3,000 ล้านบาท (
อ้างอิง)
- คดีเครื่องตรวจวัตถุ CTX-9000
ในผลการสอบสวนของสหรัฐอเมริกา ทาง “อินวิชัน” ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นายวี ซุคกี ตัวแทนจำหน่ายภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มีความตั้งใจจะใช้เงินซึ่งเกิดจากส่วนต่างของราคา ไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ของไทย แต่ขณะที่มีการเตรียมควบรวมกิจการ การสอบสวนดังกล่าวอยู่ในช่วงที่การจ่ายเงินสินบนยังไม่เกิดขึ้น จึงยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการจ่ายเงินสินบนให้กับใคร เป็นจำนวนเท่าไร แต่การเตรียมการเหล่านี้ ทางการสหรัฐฯ ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจาก “อินวิชัน” รู้เห็น แต่ไม่มีการคัดค้าน
ในที่สุด “อินวิชัน” ต้องยอมสารภาพความผิดทั้งหมด และต้องยอมจ่ายเงินค่าปรับกว่า 1.1 ล้านดอลลาร์ ในคดีที่ถูก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ฟ้อง และต้องยอมจ่ายค่ายอมความอีก 800,000 ดอลลาร์ ในอีกคดีที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้อง เพื่อแลกกับการยุติคดี
ที่มา: http://thaipublica.org/2012/09/ctx-1/
- การก่อสร้างท่าอากาศสุวรรณภูมิ
เนื่องจากความเร่งรีบการก่อสร้างจนทำให้อับอายไปทั่วโลก...
ปัญหาทางเทคนิควิศวกรรม สถาปัตยกรรม
- ในการก่อสร้างช่วงแรก พบปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่การก่อสร้าง
- ปัญหาการทรุดตัวไม่เท่ากัน ของแต่ละช่วงของ ทางขึ้นลงของเครื่องบิน และทางเชื่อมไปยังรันเวย์ (แท็กซี่เวย์) เนื่องจากเทคนิคการถมและบดอัด
- ปัญหาคุณภาพและความคงทนของวัสดุผ้าใบหลังคาอาคารผู้โดยสาร
- ปัญหาระบบปรับอากาศ เครื่องทำความเย็นต้องใช้พลังงานและกระแสไฟฟ้ามาก เพราะผนังอาคารเป็นกระจกและเพดานสูง 20 เมตร ทำให้ต้องใช้ระบบหล่อน้ำเย็นใต้พื้นชดเชย ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายและการดูแลยากกว่าระบบทั่วไป สิ้นเปลืองพลังงานและต้องเสียค่าน้ำเย็นจากโรงทำน้ำเย็น
- ปัญหาระบบเสียง อะคูสติกไม่มีวัสดุกรุผนังอื่น นอกจากกระจก ทำให้ไม่ส่งเสริมให้เกิดการกระจายเสียงที่ดี อาจก่อให้เกิดปัญหาในการกระจายเสียงได้
- ปัญหาจำนวนห้องสุขา ไม่ได้ตามมาตรฐานอาคารสาธารณะขนาดใหญ่พิเศษ
- ปัญหาความพร้อมของระบบตามมาตรฐานการบินนานาชาติ ซึ่งมีผลต่อการเปิดสนามบิน ที่มีการเลื่อนวันเปิดไป-มา จนมาลงเอยที่วันที่ 28 กันยายน 2549 ซึ่งเช้ามืดในวันดังกล่าวจะมีการหยุดใช้สนามบินนานาชาติกรุงเทพ (ดอนเมือง) อย่างถาวร จึงจะต้องมีการขนย้ายทุกอย่างให้จบสิ้นลง ก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้ดำเนินกิจการสายการบินต่างๆ เป็นอันมาก
- ปัญหาหลังคารั่ว - ในวันที่ 18 กันยายน 2549 ขณะยังไม่เปิดการบริการทางพาณิชย์อย่างเต็มที่นั้น หลังคาอาคารผู้โดยสารได้เกิดรั่ว เนื่องจากซิลิโคนที่เชื่อมกระจกหลุด ซึ่งอาจเกิดจากการถูกขูดระหว่างพนักงานทำความสะอาดกระจกหลังคา นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาลอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าจะซ่อมเสร็จภายในกำหนดการเปิดใช้ และหลังจากนั้น 1 ปีแล้วทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์
ปัญหาการพัฒนาพื้นที่
จากการสัมมนาทางวิชาการหลายเวที โดยเฉพาะทางด้านวิชาชีพสถาปัตยกรรม ผังเมือง และวิศวกรรม ได้แก่ การสัมมนาทางวิชาการในงานสถาปนิก 49, การสัมมนาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมสถาปนิกสยาม สมาคมนักผังเมืองไทย การสัมมนาทางวิชาการที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าที่ตั้งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีปัญหาด้านการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ อาจสรุปเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
- ปัญหาด้านเสียงจากการจราจรทางอากาศ ต่อการพัฒนาที่ดินเป็นแหล่งพักอาศัยโดยรอบ
- ปัญหาน้ำท่วมของพื้นที่โดยรอบและใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นแนวระบายน้ำหลักและพื้นที่หน่วงน้ำ "แก้มลิง" ด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
- ปัญหาระบบจราจรและโครงข่ายถนนเพื่อการเข้าถึงสนามบิน ระบบป้ายนำทาง ความสะดวกของผู้ใช้สนามบินในการเดินทางไปยังอาคารผู้โดยสาร [15]
ปัญหาอื่น
- การออกแบบที่ยังไม่อำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ โดยไม่คำนึงถึงการให้บริการในส่วนที่คนพิการจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งในระดับสากลแล้วการสร้างระบบการให้บริการจำเป็นต้องมี และทางหน่วยงานคนพิการทั้งหลายในประเทศไทยเอง พยายามเสนอวิธีแก้ไขปัญหา แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับอย่างชัดเจน
เนื่องจากอาคารผู้โดยสารสายต่างประเทศและภายในอยู่ในที่เดียวกัน ทำให้ระยะทางเดินต่อเครื่อง ยาวโดยเฉลี่ย 800-1,000 เมตร หรือในจุดที่ยาวสุดระยะทางถึง 3,000 เมตรนั้น เป็นระยะทางที่ไกล ก่อให้เกิดปัญหาได้ในกรณีที่ระยะเวลาต่อเครื่องนั้นกระชั้นชิด อีกทั้งไม่มีรถรางขนส่งดังเช่นแผนเดิมที่ออกแบบไว้
- กำปั้นเหล็ก ไฟลุกท่วมชายแดนใต้
กรณีตากใบ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ในอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส การจับกุมผู้ประท้วงของทหาร โดยวางเรียงผู้ชุมนุมเป็นชั้นๆ บนรถบรรทุก
และทำการทุบตีผู้ชุมนุม ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน และเป็นจุดเริ่มต้นของการประทุไฟใต้รอบใหม่
นอกจากนี้เกิดเหตุการณ์อุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร ถือว่าเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกลามมากยิ่งขึ้น
- การนำ ปตท. เข้าตลาดหุ้น
ในช่วงแรกก่อนการเข้าสู่ตลาดหุ้น มีการโฆษณาว่าการนำ ปตท. เข้าตลาดหุ้นประชาชนได้ประโยชน์และเป็นของประชาชน
แต่ในความเป็นจริง มีเพียงผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ พร้อมกับการขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อสูบเลือดเนื้อของคนไทย
- บ้านเอื้ออาทร
เมื่อปี 2544-2546 รัฐบาลในสมัยทักษิณ ได้มีนโยบายวางระบบให้คนไทยมีบ้านอยู่อาศัย จึงได้ก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศในสังกัดการเคหะแห่งชาติ
แต่กลับพอปัญหา 4 ปัญหาใหญ่คือ
1. มีการเปลี่ยนนโยบายจากเมื่อตอนหาเสียงเดิม เช่น กำหนดจำนวนเงินการผ่อนบ้านในอัตราต่ำ แต่เมื่อมีการปฏิบัติจริง กลับมีการกำหนดจำนวนเงินผ่อนบ้านในอัตราสูง เป็นต้น
2. วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตราฐาน อาคารร้าว พื้นทรุด น้ำซึม เป็นทุกที่ของโครงการ
3. บ้านเอื้ออาธรร้างมีอยู่ทั่วประเทศเช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดนราธิวาส
4. มีคดีทุจริตเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น การฮั้วประมูล
- การปราบปรามยาเสพติด ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 2,500 ศพ
ครั้งนั้น สมัยรัฐบาลทักษิณได้ประกาศทำสงครามยาเสพติด ทำให้เกิดคดีฆ่าสังหารทั่วประเทศถึง 2,800 ศพ โดยไม่ผ่านขบวนการศาล
จนทำให้ทาง UN ส่งคนมาตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้โดยเฉพาะ คดีที่ผู้บริสุทธิ์เกือบเสียชีวิตหรือเสียชีวิตอันได้แก่
- สองตายาย ที่โดน ยุทธตู้เย็น นำ ตำรวจหลายร้อยนายไปยิงถล่มจนบ้านพรุน
- อีกคน ถูกรางวันที่ 1 ก็โดน ตำรวจ ฆ่า เพราะหาว่ารวยผิดปกติ
- อีกกรณี ตำรวจ ยิงผัวตาย โดนเด็กตายไปด้วย แล้วอุ้มเมียเขาหายอีก
- โครงการศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ
เป็นโครงการสนับสนุนเด็กที่มีความสามารถพิเศษ แต่กลับมีปัญหาตั้งแต่การก่อตั้งคือค่าใช้จ่ายค่าเช่าที่ และค่าจ้างพนักงาน
ไม่มีผลงานให้เห็นปรากฏเด่นชัด จนต้องปิดโครงการนี้และเกิดหนี้สินเป็นจำนวนมาก
- กระทรวง ICT
กระทรวง ICT ก่อตั้งขึ้นดูแลเทคโนโลยีและการสื่อสารขึ้น แต่ไม่มีโครงการอะไรที่เป็นรูปธรรม
แถมมีการแก้ไขค่าสัมปทาน “มือถือ-ดาวเทียม” เอื้อบริษัทชินคอร์ป จนทำให้ทางทรูและดีเทคฟ้องร้องรัฐบาลมาแล้ว
Edited by Kyubey, 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:54.