ขอบคุณคำตอบจากเพจคุณปู จิตรกร
เรียนคุณปู
ดิฉันเป็นคนกทม. ที่ติดตาม รับฟังข่างสารทางการเมือง
และ 3 วันที่ผ่านมาก็แวะไปเข้าร่วมเวทีอุรุพงษ์ทุกวัน
อีกทั้งยังได้มีความพยายามที่จะชักชวนเพื่อนๆให้ไปด้วยกันเสมอ
แต่ก็มักจะมีคำถามที่ดิฉันไม่สามารถอธิบายให้เพื่อนๆ ฟังได้อย่างกระจ่างชัด
จึงอยากขอความรู้จากคุณปูดังนี้
1. การชุมนุมครั้งหลังๆมา มักได้ยินเสมอว่าต้องการปฏิรูปประเทศ
แต่ไม่เอานักการเมือง จะทำอย่างไรคะ?
ดิฉันพยายามที่จะค้นหาจากหลายทาง
แต่ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าการปฏิบัติเป็นรูปธรรมจะเป็นอย่างไร
2. ถ้าคนออกมาเยอะๆ แล้วยังไงต่อ?
รัฐบาลยุบสภาแล้วยังไง ก็ในเมื่อจะไม่เอานักการเมือง
ก็หมายความว่าเราจะไม่เลือกตั้งหรือ? แล้วใครจะบริหารปท.?
2 ข้อนี้คือสิ่งที่ดิฉันเองหาคำตอบที่เป็นรูปธรรมไม่ได้เลย (แต่ก็ยังออกไปร่วมชุมนุมแบบ งงๆ)
ตอบ ::
1.เราต้องยอมรับว่า ประชาชนที่ผิดหวังกับนักการเมืองมีอยู่จริง
และพวกเขา "สนใจ" ใน "ความฝัน"
เรื่องการปฏิรูปประเทศที่มีคนขายฝัน
ความสนใจนั้นไม่ใช่ความชั่วร้าย
เป็นความมุ่งหมายที่จะเห็นบ้านเมืองดีกว่าที่เป็นอยู่
2.ส่วนจะทำได้เป็นรูปธรรมหรือไม่ อย่างไร
ผมก็นึกไม่ออก
ในเมื่อประชาชนที่ยังมี "คนที่รัก พรรคที่ชอบ" ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก น่าจะมากกว่าด้วย
3.อย่างไรก็ตาม ผมเคยพูดไว้ที่เวทีสวนลุมพินีว่า
"จุดร่วม" ของเราทุกคนคือ "รัฐบาลปัจจุบัน ได้กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องนานัปการ"
ความไม่ถูกต้องเหล่านั้น ได้ทำลายบ้านเมืองของเรา
ให้ฉิบหายในทางการเงิน เสียหายในทางหลักการ
และแบ่งแยกผู้คนในบ้านในเมืองให้เป็นศัตรูกัน
นั่นคือสิ่งแรกที่เราจะต้องหยุด
4.เราจึงต้องเดินบนนถนนสายเดียวกันเพื่อหยุดความชั่วร้ายที่กัดกินบ้านเมืองอยู่ในเวลานี้
5."หยุด"นั้น มี 2 แบบใหญ่ๆ เช่น
ประชาชนมารวมกันมาก เกิดการกดดันจนรัฐบาลยุบสภา
หนีปัญหาทั้งหลาย นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่
หรือรัฐบาลหยุดกระทำสิ่งที่ชั่วร้าย
โดยเฉพาะในทางนิติรัฐ-นิติธรรม
เป็นรัฐบาลที่โคตรญาติอาจจะชั่วช้า
ตัวเองอาจจะสารเลว แต่สามารถสะกดกลั้นความชั่วส่วนตัว
บริหารบ้านเมืองบนหลักการที่ถูกต้องได้ ก็อยู่เป็นรัฐบาลต่อไป
ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย องค์รอิสระ ฝ่ายค้าน วุฒิสภา สื่อมวลชน และประชาชน
6.เท่าที่ได้คุยกับคุณนิติธร ล้ำเหลือ เขาอยากเห็นบ้านเมืองถูกต้อง
ใครจะมาเป็นรัฐบาลเขาไม่ได้สนใจ เขาสนใจว่าบ้านเมืองต้องอยู่ในความถูกต้อง
ซึ่งผมบอกว่า จุดนี้ผมก็ต้องการเหมือนกัน
7.ดังนั้น เราต้องเพ่งไปที่จุดร่วมนี้
และสิ่งที่ผมพูดไว้ที่เวทีสวนลุมพินีก็คือ
เมื่อเราได้ร่วมกันทำบ้านเมืองให้เกิดความถูกต้องแล้ว
เราก็แยกย้ายกันไปตามอุดมการณ์ของเรา
ใครคิดว่า มันดีพอสำหรับบ้านเมืองแล้วก็หยุด
ใครคิดว่าต้องไปต่อก็เดินหน้าต่อ
เราก็ยกมือไหว้กัน ขอบคุณ และอวยพรให้ประสบแต่ความสุข
จากนั้นก็เดินไปตามทางที่ต้องการของตัวเอง
8.จึงอย่าไปเพ่งโทษที่ "วาทกรรม" บนเวทีมาก
เน้นการไปรวมกันเพื่อให้เกิดพลังกดดันทางศีลธรรม
และเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองเป็นหลัก
9.การชุมนุมเป็นสงครามจิตวิทยา มิได้หักหาญกันที่พละกำลัง
รัฐบาลทั่วโลกล้วนมีความหวั่นไหวต่อพลังปฏิเสธของ "มหาชน"
อยู่ที่ว่า "ประชาชน" จะก่อพลัง "มหาชน" ขึ้นมาได้หรือไม่
10.หากมัวแต่ระแวง หวั่นไหว กับ "วาทกรรม" บนเวที
ก็ไม่มีพลังใจที่จะร่วมกันกดดันให้เกิดความถูกต้องขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
11.ดังนั้น เราไปเพื่อบ้านเมืองของเรา
ไม่ได้ไปเพื่อผู้คนบนเวที
เมื่อเดินไปถึงจุดที่ ประชาชนถ่วงดุลกดดันกับรัฐบาลชั่วได้แล้ว
ใครที่เขามีความประสงค์จะปฏิรูปประเทศตามแนวทางของเขา
เราก็อำนวยอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จ
เพราะการปฏิรูปประเทศอย่างที่เขาหวัง
ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ต้อง
การเห็นบ้านเมืองดีกว่านี้
เป็นความฝันที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เพียงแต่เราอาจไม่เห็นพ้อง
เราก็หยุดอยู่ที่การสนับสนุนคนที่รัก พรรคที่ชอบ