บังผิดจริงครับ แต่ถ้าได้ทนายเก่งก็มีสิทธิชนะ
คิดอย่างไร ต่อกรณีศึกษา “สตาร์บัง (STARBUNG)” และ “สตาร์บัค (STARBUCKS)”
#51
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:51
#52
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:09
ในแง่กฎหมายก็สู้กันไป ไม่แม่นกฎหมายเรื่องนี้
แต่ยังไงผมก็คิดว่ามันเป็นการฟ้องที่เกินความจำเป็น
มันเกินความจำเป็นตั้งแต่ไปขอให้บังเอาป้ายลงแล้ว
ที่บอกว่าทำตามหน้าที่ รักษาผลประโยชน์
มันก็แค่ข้ออ้างนัยๆว่า อย่าเอาเรื่องน้ำใจจิตใจอะไรมาพูด
ซึ่งมันอ้างไม่ได้ อย่างเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั่นอ้างหน้าที่ได้เพราะมีกฎหมายบังคับ
แต่สตาร์บัคส์ไม่ใช่ผู้รักษากฎหมาย เป็นบริษัททั่วไป
ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ก็ได้
สุดท้ายนี่คือการตัดสินใจของบริษัทที่จะดำเนินคดีไม่เกี่ยวกับหน้าที่อะไรเลย
ถ้าเปรียบสตาร์บัคส์เป็นคน มันก็เหมือนคนเห็นแก่ตัว เก็บผลประโยชน์ทุกดอกทุกเม็ด
ของของฉัน ห้ามใครใช้เด็ดขาด แค่นิดเดียวก็ไม่ได้
ตั้งทนายมาดูแลของฉันอย่างดี ออกนโยบายเจอใครดื้อไม่ยอมฟังก็ฟ้องให้หมด
มันก็เป็นแบบนั้นแหละครับ
ถามว่าผิดมั้ยที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว มันไม่ผิดหรอกครับ
ของของคุณจะใช้อย่างไรมันก็เรื่องของคุณ เป็นสิทธิจริงๆ ครับไม่มีใครเถียง
แต่คนอื่นจะมองคุณอย่างไรนั้น มันก็ห้ามคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน
- Rxxxx, เรื่อยๆเอื่อยๆ, Bourne and 3 others like this
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#53
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:11
เหอะ เหอะ มันคงไม่ใช่เรื่องระหว่าง บัง กับ บัค หรอกครับ แต่มันเป็นเรื่องระหว่าง
แบ็ค ของบัง กับ บัค มากกว่า เพราะถ้าเป็นเรื่องระหว่าง บัง กับ บัค เดี่ยว ๆ แล้ว ผมว่า
บังคงเข็นรถกาแฟกลับบ้านไปนานแล้ว
ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเครื่องหมายการค้าเท่าไร แต่ ดู ๆ แล้ว มันเหมือนครอบจักรวาล
ยังไงไม่รู้ซี ผมมองว่าคนที่ไปกินกาแฟ บัง เพราะเข้าใจว่าเป็นกาแฟ บัค คงไม่มีหรอก
(อันนี้ไม่รวมเสื้อแดงนะ) และการที่ บัง ไปทำเครื่องหมายที่มันคล้ายของ บัค มันก็ไม่ทำให้
บัคต้องเสื่อมเสีย เสียหายอะไรได้ แม้จะขายกาแฟเหมือนกัน และอีกร้อยปีข้างหน้า ไม่รู้ว่า
เครื่องหมายนี้จะทำให้ บัง กลายเป็นคู่แข่งของ บัคได้หรือเปล่า แต่ที่สำคัญก็คือ ถ้าบอกว่า
เลียนแบบ แอบอ้าง มันก็ไม่น่าใช่ เพราะเลียนแบบมันควรทำเหมือนเลย แล้วเอาไปแอบอ้าง
ว่า นี่คือ บัค แต่นี่มันแค่คล้าย ๆ ซึ่งถ้าเป็นการเจตนาทำคล้าย ๆ เพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นของ
บัค ผมว่า บัง คงเจ้งไปนานแล้ว แต่ที่ยังอยู่ได้ก็เพราะ คนกินเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่ เขาถึงกิน
ผมสนับสนุนให้ บัง สู้ เพราะดูแล้วไม่น่าจะเสียค่าทนาย แต่ต้องถาม แบ็ค ให้รู้เรื่องก่อนนะว่าถ้า
แพ้ ใครจะเป็นคนจ่ายค่าเสียหาย 555
#54
ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:18
หลายๆ ร้านค้า หลายๆ สินค้ามีหนาวเหมือนกันนะครับ
เราเคยฮิตชาไข่มุก ขนมปัง หรือล่าสุดก็กาแฟถุงกระดาษ
น่าคิดว่า ถ้ามีการกระตุกเรื่องแบบนี้ขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นึกไปถึงกรณีข้าวหอมมะลิครับ
- Rxxxx likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#55
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 00:07
ผมว่าคดีนี้บังจะชนะ เพราะจะเอาคดีก่อนหน้านี้มาอ้างอิงหมดไม่ได้เพราะเจตนา ความเสียหาย ลักษณะการลอกเลียนแบบต่างกัน
1.ลูกค้าก็คนละกลุ่มแล้ว คนนั่งกินกาแฟในห้องแอร์พร้อมโซฟาแก้วละ 160 จะมายืนกินกาแฟแล้วละ 20 บาทข้างถนนตากแดดเหรอ
2.เรื่องลักษณะการออกแบบโลโก้ก็บิดกันได้ เพราะที่สตาร์บัตจดไว้ บังก็ใช้คนละแบบ ถึงจะบอกว่ามันเหมือนกัน แต่หากมาจุดกำเนิดความคิดเดียวกันแบบเดียวกันก็ไม่ผิดอะไร เพราะจะเอาลักษณะมาเทียบที่จดก็ไม่เหมือนกัน ยกเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไอ้คนออกแบบโลโก้บังจะเอาของบัตมาเป็นต้นแบบซึ่งก็ยากจริงๆ
3.ความเสียหายมันน้อยมากๆ ซึ่งทางศาลท่านก็ต้องคิดในจุดนี้ด้วย เพราะแต่ละเคสที่หลายๆท่านยกมา ความเสียหายมันเยอะทั้งนั้น บังก็ไม่ได้ขายเฟรนไชน์ ไม่มีสาขา
4.ลูกค้ามีคนเข้าใจผิดว่าบังเป็นบัคแล้วซื้อมานั่งกินข้างถนนแทนนั่งโซฟาในแอร์เหรอ มีก็โง่แล้วคนกินกาแฟแล้วละ 160 แต่แยกไม่ออกว่าอันไหนบังอันไหนบัค
สุดท้ายนี้ผมว่าที่ทางสตาร์บัคฟ้องอาบังเพราะต้องการรบกวนมากกว่า เรื่องค่าเสียหายมันเรื่องรอง จงใจยืดคดีออกมาเรื่อยๆให้อาบังแกเข้าออกศาลเล่นๆให้จิตตกและยอมรับว่าผิดเอง
จิตวิทยาล้วนๆ สั้นๆเลยนะสตาร์บัตเลวทราม อำมาตชัดๆ
เป็นกำลังใจให้อาบังมาณ.ที่นี้ด้วย
- Rxxxx and บางสิบหมื่น like this
#56
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 00:41
ผมว่าหลายคนเห็นชัดว่า นี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบโลโก้เพื่อให้คน
เข้าใจผิด แต่เหมือนเป็นการล้อเลียนมากกว่า แถมดูแล้วยังไงก็ไม่
สามารถชี้ว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้เลย เพราะต่างกันมากๆ ต้อง
เป็นพวกตามีปัญหาจริงๆ แล้วถึงจะเห็นว่าเหมือนกัน
สีคนละสี รูปคนละรูป ตัวหนังสือก็คนละคำ
ถ้าไม่เอาเงินยัดทนายให้แกล้งแพ้ ผมมองไม่เห็นว่าจะแพ้สตาร์บัคได้ยังไงเลย
ถ้ากรณีนี้เกิดแพ้ขึ้นมา ประเภทโลโก้ที่มีแค่ตัวหนังสือ คงได้ฟ้องกันระนาว
หาว่าลอกเลียนกัน
- Rxxxx, Bookmarks and บางสิบหมื่น like this
#57
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 02:46
ไปดูที่ต่างประเทศ กรณี STARBUCKS จะเห็นว่าฟ้องแบบเหวี่ยงแหไปหมด ใครใช้วงกลมสีเขียวโดน ชื่อยี่ห้อไหนมีคำว่า BUCKS ต่อท้ายก็โดน อย่างนี้เป็นต้น
แถมตอนนี้บั๊กเองก็เปลี่ยนโลโก้ไปแล้วนะครับ ไม่ได้มีตัวอักษรในป้ายวงกลมเขียวอีกแล้ว มันจะไปเหมือนสตาร์บังได้ยังไง
ศาลตัดสินว่าไม่เหมือน
http://dunlapcodding...beverage-battle
เจ้าของยืนยันว่าไม่เหมือน
อย่างนี้ STARBUCKS ยังฟ้องละเมิด
CHARBUCKS โดนฟ้องเพราะยี่ห้อกาแฟมีคำว่า BUCKS
http://sunsteinlaw.c...with-charbucks/
จากตัวอย่าง มันไม่เหมือนโลโก้บัคเลยสักรูปนิ แบบนี้บัคก็บ้า ไปฟ้องให้เป็นเรื่องทำไม้
- เพื่อนร่วมชาติ and Rxxxx like this
#58
ตอบ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 19:52
รูปนี้ชัดเจนเลยครับ...
starbung ชนะคดีแน่นอน
Edited by คนกรุงธน, 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 19:55.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#59
#60
ตอบ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 02:00
ในแง่กฎหมายก็สู้กันไป ไม่แม่นกฎหมายเรื่องนี้
แต่ยังไงผมก็คิดว่ามันเป็นการฟ้องที่เกินความจำเป็น
มันเกินความจำเป็นตั้งแต่ไปขอให้บังเอาป้ายลงแล้ว
ที่บอกว่าทำตามหน้าที่ รักษาผลประโยชน์
มันก็แค่ข้ออ้างนัยๆว่า อย่าเอาเรื่องน้ำใจจิตใจอะไรมาพูด
ซึ่งมันอ้างไม่ได้ อย่างเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั่นอ้างหน้าที่ได้เพราะมีกฎหมายบังคับ
แต่สตาร์บัคส์ไม่ใช่ผู้รักษากฎหมาย เป็นบริษัททั่วไป
ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ก็ได้
สุดท้ายนี่คือการตัดสินใจของบริษัทที่จะดำเนินคดีไม่เกี่ยวกับหน้าที่อะไรเลย
ถ้าเปรียบสตาร์บัคส์เป็นคน มันก็เหมือนคนเห็นแก่ตัว เก็บผลประโยชน์ทุกดอกทุกเม็ด
ของของฉัน ห้ามใครใช้เด็ดขาด แค่นิดเดียวก็ไม่ได้
ตั้งทนายมาดูแลของฉันอย่างดี ออกนโยบายเจอใครดื้อไม่ยอมฟังก็ฟ้องให้หมด
มันก็เป็นแบบนั้นแหละครับ
ถามว่าผิดมั้ยที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว มันไม่ผิดหรอกครับ
ของของคุณจะใช้อย่างไรมันก็เรื่องของคุณ เป็นสิทธิจริงๆ ครับไม่มีใครเถียง
แต่คนอื่นจะมองคุณอย่างไรนั้น มันก็ห้ามคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน
พูดเหมือนขุดเอาหัวใจผมมาพูด
เขามีสิทธิ์ที่จะฟ้อง
ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเลิกกิน(แม้จะชอบ)
และมีสิทธิ์ที่จะบอกกล่าวให้คนรู้จักเลิกกินด้วย
- เพื่อนร่วมชาติ and Rxxxx like this
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้พูดตัดพ้อกับคนที่เดินทางไปพบว่า “พรรคเพื่อไทยมีคนเก่งๆ เยอะ ทั้งนักวิชาการ ด็อกเตอร์ ทูต แต่ไม่กล้าออกมาสู้ คนหน้าตาดีไม่ออกมา พวกที่ออกมาหน้าตาไม่ค่อยดี ไม่เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายตรงข้าม คนมีความรู้ นักวิชาการออกมาเยอะแยะเลย คนจริงใจกับผมมันน้อย วางยาผม เพราะตัวเองอยากอยู่นานๆ เห็นว่านายกฯ ไม่แข็ง แต่ท่านนายกฯ ก็ดี แต่คนรอบข้างไม่เป็นการเมือง ผมส่งคนเป็นการเมืองไปนายกฯ ก็ไม่เอา ผมก็สงสารนายกฯ จึงไม่อยากจู้จี้ แต่คนที่เมืองไทยมันไม่ได้ดั่งใจ”
แปลสั้นๆ เขาด่าไอ้เสร่อแกนนำแดงว่า"โง่แต่ขยัน"
#61
ตอบ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 02:22
ผมว่าให้ศาลตัดสินดีกว่าครับ แต่ส่วนตัวผมสนับสนุนสตาร์บัค เพราะเขาส่งจดหมายเตือนแล้วต่อมาจึงฟ้อง
ส่วนใหครจะชนะ ต้องให้ศาลตัดสินครับ
/人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
#62
ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 19:47
http://breakingnews....9358&lang=&cat=
การ์เดียน ระบุ สองพี่น้องสตาร์บังประกาศสู้สตาร์บั๊คกรณีสตาร์บั๊ค บริษัทกาแฟชื่อดังสัญชาติสหรัฐฯ ยื่นฟ้องสตาร์บัง กาแฟรถเข็นของคนไทยในข้อหาลอกเลียนแบบตราสินค้า ได้กลายเป็นที่สนใจของเดอะ การ์เดียน หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ ที่เดินทางมาสัมภาษณ์สองพี่น้องเจ้าของกิจการ ที่ยืนยันจะใช้ตรานี้ต่อไป
ดำ รงค์และดำรัส มัสแหละ เจ้าของรถเข็นขายกาแฟที่ตั้งชื่อว่า "สตาร์บัง" แก้วละ 30 บาท ย่านถนนพระอาทิตย์ ถูกบริษัทสตาร์บั๊คของสหรัฐฯ ยื่นฟ้องในข้อหาเจตนาลอกเลียนแบบตราสินค้าหรือโลโก้ซึ่งของสตาร์บั๊ค เป็นรูปนางเงือกสีเขียวและขาว ขณะที่สตาร์บังเป็นรูปชายเชื้อสายอินเดีย สวมผ้าโพกหัว มือหนึ่งชูสองนิ้ว อีกข้างหนึ่งถือถุงกาแฟ และใช้สีเขียวและขาวเหมือนกัน โดยเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 300,000 บาท
สตาร์บั๊คได้ยื่นจดหมายถึงผู้ละเมิดให้หยุดการกระทำละเมิด ตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อให้หยุดใช้ตราสินค้าดังกล่าว จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางบริษัทจึงตัดสินใจร้องเรียนไปยังศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง ประเทศกลางและแจ้งให้มีการจับกุมพี่น้องคู่นี้
นอกจากค่าเสียหาย 3 แสนบาทแล้ว ทางสตาร์บั๊คยังเรียกร้องดอกเบี้ยอีกปีละ 7.5 เปอร์เซ็นต์ และค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก เดือนละ 3 หมื่นบาทจนกว่าจำเลยจะยอมเปลี่ยนตราสินค้าตัวเอง
พี่น้องมัสแหละได้ ประกอบกิจการกาแฟรถเข็นมาแล้วกว่า 15 ปี และบอกว่าโลโก้นี้มีที่มาจากเพื่อนของเขา และได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสนาอิสลาม นั่นคือ สัญลักษณ์ฮาลาล พระจันทร์ และดวงดาว ส่วนสีเขียวนั้นก็เป็นสีประจำศาสนาอิสลาม การที่สตาร์บั๊คจะมาห้ามเขาไม่ให้ใช้สีเขียวและเอาคำว่า สตาร์และคอฟฟี่ออกจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ และพวกเขายืนยันว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
- เพื่อนร่วมชาติ, Rxxxx and Change 001 like this
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#64
ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:54
เจตนาครับ ศาลมองคำนี้ยังงัยผลก็เป้นอย่างนั้นแหละครับ
การออกแบบมีไม่สิ้นสุดแต่ทำไม๊ ทำไม ช่างละม้ายกันเหลือเกิน
#65
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 12:55
การฟ้องร้องสามาตรทำได้ครับ เพราะถือว่ามีเหตุให้สงสัยว่ากระทำการลอกเลียนแบบ
แต่ความเห็นส่วนตัวผมว่าเป็นไปได้ยากที่จะชนะ เพราะส่วนที่คล้ายคลึงน้อยเกินไปยากที่จะพิสูจน์ว่ามีเจตนาลอกเลียน
คือการฟ้องร้องด้านการละเมิดดีไซน์นั่น คุณจะต้องทำให้ศาลยอมรับว่าจำเลยมีเจตนาลอกเลียนให้ได้
ซึ่งถ้าส่วนที่คล้ายคลึงมีน้อยแค่เขาแก้ต่างว่าเป็นเรื่องบังเอิญ โดยยกหลักฐานที่สามารถอ้างเป็นที่มาของแรงบันดาลใจได้
คุณก็ไปต่อไม่ได้แล้ว
ดังนั้นการฟ้องร้องลักษณะนี้ถ้าไม่คล้ายกันมากจริงๆ หลักฐานแน่นจริงๆ คาดว่าจะเสียเวลาเปล่านะครับ
- Rxxxx and Change 001 like this
#66
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:11
ถ้าลูกค้า สตาร์บัค เชื่อว่าร้านเปิดแฟนชายรถเข็น ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว
แต่ก็เชื่อว่าต้องการเลียนแบบโลโก้เขานั้นแหละ
" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก กรูไม่ดู !!! "
#67
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:53
พี่น้องมัสแหละได้ ประกอบกิจการกาแฟรถเข็นมาแล้วกว่า 15 ปี และบอกว่าโลโก้นี้มีที่มาจากเพื่อนของเขา
และได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสนาอิสลาม นั่นคือ สัญลักษณ์ฮาลาล พระจันทร์ และดวงดาว
ส่วนสีเขียวนั้นก็เป็นสีประจำศาสนาอิสลาม
การที่สตาร์บั๊คจะมาห้ามเขาไม่ให้ใช้สีเขียวและเอาคำว่า สตาร์และคอฟฟี่ออก
จึงเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ และพวกเขายืนยันว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
สีเขียวนี่มันมีลิขสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่...ห้ามกันได้หรือ
คำว่า STAR และ COFFE ก็แค่ ดาวและกาแฟ มันจะมีลิขสิทธิ์ตรงไหน
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#68
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:57
ทีไอ้โลโก้แท้ๆ ไม่เห็นอ้างถึงล่ะ สาระสำคัญเลยนะนั่น
http://www.bangkokbi...สตาร์บัคส์.html
ตำนานนางเงือกไซเรนบนโลโก้สตาร์บัคส์
โดย : วลัญช์ สุภากร
โลโก้ในปีค.ศ.1992 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
หากคุณเป็นแฟนกาแฟ สตาร์บัคส์ (Starbucks) คงสังเกตเห็น 'โลโก้นางเงือกสีเขียว' ได้เปลียนไปแล้ว เรามีคำตอบในเรื่องนี้ พร้อมความเป็นมาของโลโก้
ปีนี้แฟนกาแฟ สตาร์บัคส์ (Starbucks) คงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นก็คือการปรับเปลี่ยน ตราสัญลักษณ์ (Logo) นางเงือกสีเขียวยังอยู่ แต่สตาร์บัคส์ได้ตัดคำว่า Coffee ออกไปเรียบร้อยแล้ว
ความจริงการเปลี่ยนโลโก้ของสตาร์บัคส์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก สตาร์บัคส์ปรับเปลี่ยนโลโก้มาแล้วสองครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนใหม่เป็นครั้งที่สามในปีนี้
ในปีค.ศ.1971 ร้านสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ตลาดไพค์ เพลส (Pike Place Market) เมืองซีแอตเติล มลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะร้านขายกาแฟและชาขนาดเล็ก โดยหุ้นส่วน 3 คน คือ เจอร์รี่ บัลด์วิน ครูภาษาอังกฤษ, เซฟ ซีเกล ครูสอนประวัติศาสตร์ และ กอร์ดอน บาวเกอร์ นักเขียน ทั้งสามมีความชอบเหมือนกันสองอย่าง คือ กาแฟของพีท (Alfred Peet นักธุรกิจรุ่นใหม่ยุคนั้นที่ขายเมล็ดกาแฟคุณภาพดี) และนิยายล่าวาฬเรื่อง Moby Dick พวกเขาได้ตัดสินใจร่วมหุ้นกันเพื่อเปิดร้านกาแฟขึ้นมา ร้านกาแฟสตาร์บัคส์แห่ง แรกได้ถือกำเนิดขึ้นโดยตั้งชื่อร้านจากตัวละครในเรื่อง Moby Dick นวนิยายคลาสสิกสมัยศตวรรษที่ 19 ของอเมริกา ประพันธ์โดย Herman Melvilles นั่นเอง
มีบันทึกไว้ด้วยว่า ก่อนเปิดร้านครั้งนั้น เทอร์รี่ เฮคเลอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับกอร์ดอน และเป็นช่างศิลป์ ได้ให้ความช่วยเหลือในการตั้งชื่อและออกแบบสัญลักษณ์ ในตอนแรกกอร์ดอนเสนอชื่อ พีโคด (Pequod) เป็นชื่อเรือตามนิยายโปรด แต่เทอร์รี่ไม่เห็นด้วย นักออกแบบอยากให้ได้ชื่อที่มีความรู้สึกถึงการผจญภัย แฝงไว้ด้วยปริศนาให้ขบคิดถึงที่มาและความหมาย สิ่งเหล่านี้ประกอบกันขึ้นมาจนได้รูปลักษณ์ที่เมื่อผู้คนมองเห็นแล้วเกิดคำ ถามต่างๆ มากมาย
สตาร์โบ (Starbo) คือชื่อแรกที่เทอร์รี่คิดออก ที่มาของคำนี้คือชื่อของเหมืองแร่ทางตอนเหนือ แต่หลังจากที่ระดมความคิดกันอยู่นาน ชื่อนั้นก็ผันออกมาเป็น สตาร์บัคส์ (Starbucks) ด้วยความบังเอิญ และด้วยความที่เป็นหนอนหนังสือ เจอร์รี่รู้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อของตัวละครที่อยู่ในหนังสือล่าวาฬเรื่อง Moby Dick ในที่สุดก็ได้ชื่อ 'สตาร์บัคส์' ชื่อที่ทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นในมหาสมุทร การซื้อขายเมล็ดกาแฟของเหล่าพ่อค้านักเดินเรือ
ส่วนโลโก้นั้นได้มาจากการค้นพบรูปแกะสลักโบราณสมัยศตวรรษที่ 15 เทอร์รี่ได้ลงค้นหารูปจากหนังสือเกี่ยวกับสมุทรศาสตร์เล่มเก่าๆ จนไปเจอกับรูปของ นางเงือกไซเรนสองหาง (Norse Siren) เทพนิยายปรัมปรา และเข้ากันได้ดีกับคำว่าสตาร์บัคส์ ชวนให้นึกถึงการผจญภัยในทะเลเช่นเดียวกัน
เรื่องเล่าของ 'นางเงือกไซเรนสองหาง' มีหลายตำนาน ไซเรน (Siren) คือ นางเงือก (Mermaid) หรือไม่นั้น ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด เพราะแต่ละตำนานไม่เหมือนกัน บางตำนานก็ใช้ตัวเดียวกัน บางตำนานก็เป็นคนละตัวกัน สำหรับนางเงือกนั้นเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว ว่ามีลักษณะครึ่งคนครึ่งปลา แต่ไซเรนในตำนานโบราณ หรือแม้แต่รูปภาพยุคเก่ามากๆ เป็นผู้หญิงครึ่งนกที่ไม่มีปีก ต่อมาตำนานระยะหลังกลับกลายมีรูปร่างในลักษณะเดียวกับนางเงือกไป
เรื่องของ 'ไซเรน' ในตำราปกรนัมบอกว่า พวกไซเรนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในทะเล มีเสียงทรงเสน่ห์ เสียงร้องเพลงของเหล่าไซเรนล่อใจให้นักเดินเรือเข้ามาสู่ความตาย ไม่เป็นที่ทราบกันว่าพวกนางมีหน้าตาอย่างไร เพราะไม่มีใครที่เคยเห็นพวกนางแล้วรอดกลับมาเลย
“มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดจากความตายของไซเรนมาได้ คือ โอดิสซิอุส ครั้งหนึ่งโอดิสซิอุสได้ล่องเรือออกเดินทาง เส้นทางนั้นต้องผ่านเกาะที่นางไซเรนอาศัยอยู่ นางพวกนี้เป็นนักร้องเสียงหวานไพเราะที่ใครได้ยินจะต้องลืมหมดทุกสิ่ง และในที่สุดแล้วเสียงเพลงของพวกนางจะคร่าชีวิตของเขาไป โครงกระดูกขึ้นราของบรรดาผู้ที่พวกนางล่อลวงมาสู่ความตาย กองสูงเรียงรายริมชายฝั่งรอบกายพวกนางซึ่งร้องเพลงอยู่ โอดิสซิอุสเตือนคนของเขาเรื่องนี้ และบอกวิธีเดียวที่จะแล่นเรือผ่านไปได้อย่างปลอดภัยคือ แต่ละคนต้องเอาขี้ผึ้งมาอุดหูไว้ อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองต้องการที่จะได้ยินเสียงของพวกนาง จึงขอให้ลูกเรือมัดเขาไว้กับเสากระโดงเรืออย่างแน่นหนาจนเขาไม่สามารถดิ้น หลุดไปได้ พวกลูกเรือทำตามและแล่นเรือเข้าไปใกล้เกาะ ทุกคนนอกจากโอดิสซิอุสล้วนไม่ได้ยินเพลงชวนให้หลงใหลนั้น เขาได้ยินเสียงเพลงและเนื้อร้องนั้นยิ่งเย้ายวนใจกว่าทำนองเสียอีก เนื้อร้องกล่าวว่าพวกนางจะมอบภูมิรู้ให้กับชายแต่ละคนที่มาหาพวกนาง เป็นสติปัญญารอบรู้และจิตวิญญาณที่เฉียบแหลมว่องไว 'เรารู้ทุกสิ่งที่จะเป็นอนาคตบนโลก' เสียงเพลงของพวกนางมีท่วงทำนองแสนเสนาะอยู่อย่างนั้น และหัวใจของโอดิสซิอุสก็ปวดร้าวด้วยความโหยหา แต่เชือกรั้งตัวเขาไว้ และอันตรายนั้นก็ผ่านพ้นไป...”
ดังนั้น ในปี ค.ศ. 1971 สตาร์บัคส์ได้ เปิดตัวพร้อมกับโลโก้รูปนางเงือกไซเรนสองหาง ผมยาว สวมมงกุฎ เปลือยอกและโชว์สะดือ อยู่ในวงกลมพื้นสีน้ำตาล มีแถบด้านข้าง ภายใต้วงกลมรูปไซเรนมีคำว่า Starbucks Coffee Tea Spices เพื่อแสดงว่า สตาร์บัคส์จำหน่ายเครื่องเทศและเมล็ดกาแฟ
ต่อมาเมื่อถึงปี ค.ศ. 1987 สตาร์บัคส์ได้ปรับเปลี่ยนโลโก้เป็นครั้งแรก โดยในปีนั้นเป็นปีที่สตาร์บัคส์เพิ่มเครื่องดื่ม เอสเพรสโซ่ เข้าไว้ในเมนูเครื่องดื่ม จึงปรับข้อความในวงกลมให้เหลือเพียง Starbucks และ Coffee ในพื้นสีเขียว ในตอนนั้นนักออกแบบได้นำเสนอพื้นสีของโลโก้ไว้สองสี คือสีเขียวและสีแดง มร.โฮวาร์ด ชูลท์ซ (เข้ามาร่วมงานกับสตาร์บัคส์ครั้ง แรกในช่วงต้นทศวรรษที่ 80) ได้เลือกสีเขียวให้เข้ากับการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้น ขณะที่นางเงือกไซเรนได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูขึงขังน้อยลง ยิ้มทักทายลูกค้าที่เข้ามาในร้านมากขึ้น เกล็ดปลาที่หางเปลี่ยนเป็นลายล่อนคลื่น แต่ยังคงไว้ซึ่งการโพสท่าแบบเดิม มีเรือนผมมาบังหน้าอก แต่ยังคงโชว์สะดือ
ปี ค.ศ. 1992 สตาร์บัคส์ได้เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (Nasdaq National Market) โดยใช้ชื่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า SBUX และวางแผนขยายกิจการไปในต่างประเทศ (ค.ศ. 1996) จึงได้ปรับเปลี่ยนโลโก้อีกครั้งในปีนั้น เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เปิดรับวัฒนธรรมและลูกค้าจากนานาประเทศ ตัวอักษรยังคงเดิม เพียงแต่ขยายรูปนางเงือกไซเรนให้ใกล้เข้ามา เพื่อให้เห็นแต่ช่วงบนและปลายหาง ส่วนสะดือได้หายไปในปีนั้น กล่าวได้ว่าเป็นโลโก้ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักสตาร์บัคส์เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ หลังจากสตาร์บัคส์เข้ามาทำตลาดจริงจังในไทยเมื่อปีพ.ศ.2543 และคุ้นเคยกับโลโก้นี้เรื่อยมาจนถึงวันนี้
และแล้วสตาร์บัคส์ก็เปลี่ยนโลโก้อีกครั้งในปีนี้ ค.ศ. 2011 เนื่องจากเป็นอีกก้าวสำคัญของสตาร์บัคส์ในวาระการเฉลิมฉลองครบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ ตราโลโก้ใหม่ของสตาร์บัคส์เป็นการนำเสนอธุรกิจในรูปแบบใหม่ สตาร์บัคส์จำหน่ายกาแฟที่มีคุณภาพพร้อมกับผลิตภัณฑ์อีกมากมายนอกเหนือจากกาแฟ โลโก้สตาร์บัคส์ล่าสุดได้ตัดคำว่า Starbucks และคำว่า Coffee ออกไปจนหมด เหลือเพียงรูปนางเงือกไซเรนสีขาวบนพื้นสีเขียว
สตาร์บัคส์บอก ว่า ตราสินค้าโฉมใหม่ยังคงสะท้อนถึงประวัติความเป็นมาและอนาคตที่สดใส ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่ที่กาแฟ ไม่ว่าจะที่ร้านกาแฟหรือในร้านขายของทั่วไปอีกต่อไป การเน้นที่นางเงือกไซเรนและลบวงกลมออก เพื่อให้ไม่จำกัดกรอบอยู่เพียงแต่กาแฟอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ สตาร์บัคส์ยังคงเป็นธุรกิจที่เน้นด้านกาแฟเป็นหลักเช่นเดิม
ปัจจุบัน ร้านสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ จำกัด ตั้งอยู่ที่เมืองซีแอตเติล มลรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน เปิดร้านไปทั่วโลกมากกว่า 16,000 สาขา ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศอเมริกาเหนือ อังกฤษ ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประเทศในเขตตะวันออกกลาง
สตาร์บัคส์ได้ รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำทางด้านการดำเนินธุรกิจกาแฟ การคั่วกาแฟ และถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟของโลก ใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายหลักเป็นร้านที่ให้บริการขายกาแฟและผลิตภัณฑ์เกี่ยว กับกาแฟภายใต้ชื่อ 'ร้านสตาร์บัคส์ คอฟฟี่' โดยยึดนโยบาย one cup at a time, one customer at a time ให้บริการแบบพิเศษเฉพาะบุคคลเพื่อมอบ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ในการทำกาแฟทุกแก้วให้แก่ลูกค้าทุกคน เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด
ตัวอย่างการปรับโฉมตราสินค้าของสตาร์บัคส์ ไม่ได้เป็นเพียงการนำเสนอสิ่งที่เป็นตัวตนของสตาร์บัคส์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการแสดงออกว่าบริษัทให้ความสำคัญกับพันธมิตร ลูกค้าและชุมชน
รวมทั้งทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทของตนเอง
ภาพ : พรรวี สุรมูล / business2press.com
Edited by คนกรุงธน, 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:58.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#69
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:59
และโลโก้ล่าสุดก็ไม่มีตัวหนังสือแล้ว...
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#70
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:06
สตาร์เบื๊อ-กเป็นผู้สร้างวงกลมสีเขียวขึ้นมาเป็นรายแรกของจักรวาลเหรอครับ ถึงมีสิทธิ์ห้ามคนอื่นใช้
สตาร์เบื๊อ-กเป็นเจ้าของคำว่าสตาร์หรือ คนอื่นถึงใช้คำนี้ไม่ได้
สตาร์เบื๊อ-กเป็นเจ้าของท่าชูอ้าซ่าหรือ แม้แต่รูปอาบังชูสองมือก็ยังใช้ไม่ได้
ผมเชื่อว่าทนายเก่ง ๆ สู้สตาร์เบื๊อ-กได้ครับ ถ้ามือดีกว่านั้นอาจฟ้องกลับซะด้วยซ้ำ
ที่แน่ ๆ ร้านเบื๊อ-กนี่กาแฟแพงเกินคุณภาพมาก
ผมโง่ซื้อมันกินครั้งเดียวก็พอแล้ว
Edited by เพราะกุมพวงของนักรัฐประหาร, 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:07.
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง
#72
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:07
การเลียนแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ปังเว้ยเฮ้ย ปังนะเว้ย ปังนะจ้า ...
ปลาระเบิด ปลากระโดด ปลาตูมตาม ...
ล่าสุดก็กาแฟถุงกระดาษ
ผมเป็นต้นฉบับคงปวดหัวไม่ไช่น้อย มองแต่มุมผู้ใหญ่รังแกเด็ก แต่นี่คือเรื่องจริงของธุรกิจคือเลียนแบบเเบรนด์(ที่ดัง)ปกติไปแล้วสำหรับบ้านเรา
ไอเดียครับโดนใครมาฉกไปทำตามแล้วเปลี่ยนชื่อคนคิดคงเซงน่าดู
#73
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:10
#74
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:36
การเลียนแบบ ดัดแปลง คือสิ่งที่มนุษย์ทั่วทั้งโลกทำ
ประเด็นคือ แค่ไหนที่ผิด แค่ไหนที่ละเมิด แค่ไหนที่ทำให้เจ้าของเดิมเสียประโยชน์
เราคิดชื่อบอร์ด "เสรีไทย" ขึ้นมาเองเหรอครับ
หรือบอร์ด "พันทิป" ก็เลียนแบบมาจากห้างพันทิพย์พลาซ่าไม่ใช่หรือ
หรือที่มีท่านยกตัวอย่าง ปัง... สารพัดจะปัง ถ้าบอกว่าเลียนแบบกัน ละเมิดกัน
คำว่าก๋วยเตี๋ยว หมี่ ผัดไทย ลาบ ส้มตำ ล่ะครับ
"ตำแซ่บ" "ตำแหล" "ตำแหลก"
"ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว" "ซูจีหมี่เกี๊ยว" "ราชาบะหมี่เกี๊ยว" ฯลฯ
กลายเป็นว่่า มีคำตรงกันแปลว่าผิดเหรอครับ
แล้วร้านปังเจ้าไหน ที่มันบัญญัติคำว่าปังขึ้นมา
มิสเตอร์โดนัท ดังกิ้นโดนัท ละเมิดกันเหรอครับ
ผู้บริโภคสมัยนี้โง่จนแยกแยะเรื่องพวกนี้ไม่ได้เหรอครับ
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง
#76
#77
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:21
ชาวบ้านชอบคิดกันว่ารถเล็กชนกับรถใหญ่ รถใหญ่จะผิดเสมอ คิดแบบนี้ไม่ถูกครับ
ทุกคนไม่ว่าจะใหญ่จะเล็ก จะรวยหรือจน ต้องมีความเสมอภาคกันตามกฎหมาย
กรณีเห็นได้ว่าจงใจเลียนแบบชัดๆ บอกตรงๆผมมองทีแรกไม่ทันได้สังเกตยังคิดว่า
เป็นสตาร์บัคส์ของจริง...
ไอ้เรื่องแย่งส่วนแบ่งการตลาดมันอาจจะไม่ใช่ แต่มองอีกมุมนึงหากกาแฟไม่ได้มาตรฐาน
ไม่อร่อย ไม่สะอาดพอ ก็อาจทำให้สตาร์บัคส์เสียหายได้...
งานนี้ผมเชียร์สตาร์บัคส์ เต็มที่ ไม่อยากเห็นการเอาเปรียบกันในสังคมครับ
#78
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:29
ชาวบ้านชอบคิดกันว่ารถเล็กชนกับรถใหญ่ รถใหญ่จะผิดเสมอ คิดแบบนี้ไม่ถูกครับ
ทุกคนไม่ว่าจะใหญ่จะเล็ก จะรวยหรือจน ต้องมีความเสมอภาคกันตามกฎหมาย
กรณีเห็นได้ว่าจงใจเลียนแบบชัดๆ บอกตรงๆผมมองทีแรกไม่ทันได้สังเกตยังคิดว่า
เป็นสตาร์บัคส์ของจริง...
ไอ้เรื่องแย่งส่วนแบ่งการตลาดมันอาจจะไม่ใช่ แต่มองอีกมุมนึงหากกาแฟไม่ได้มาตรฐาน
ไม่อร่อย ไม่สะอาดพอ ก็อาจทำให้สตาร์บัคส์เสียหายได้...
งานนี้ผมเชียร์สตาร์บัคส์ เต็มที่ ไม่อยากเห็นการเอาเปรียบกันในสังคมครับ
จงใจเลียนแบบ ก็ไม่ใช่แปลว่าผิดนะครับ
คุณเข้าใจผิดเสียแล้ว เหมือน Pizza hut กับ the Pizza
Coke กับ Pepsi
Nintendo กับ Playstation
AMD กับ Intel
หรือคุณจะเถียงว่าพวกนี้ไม่ใช่เลียนแบบกัน
ถ้าจะนับจริงๆ มีเป็นแสนเป็นล้านคู่เลย
ของพวกนี้ โลโก้ต่างกันก็มี คล้ายกันก็มี
สินค้าส่วนใหญ่แทบจะไม่ต่างกัน เรียกว่า
บางทีปิดตาทาย ก็ทายผิดด้วยซ้ำไป
- Rxxxx likes this
#79
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:15
ชาวบ้านชอบคิดกันว่ารถเล็กชนกับรถใหญ่ รถใหญ่จะผิดเสมอ คิดแบบนี้ไม่ถูกครับ
ทุกคนไม่ว่าจะใหญ่จะเล็ก จะรวยหรือจน ต้องมีความเสมอภาคกันตามกฎหมาย
กรณีเห็นได้ว่าจงใจเลียนแบบชัดๆ บอกตรงๆผมมองทีแรกไม่ทันได้สังเกตยังคิดว่า
เป็นสตาร์บัคส์ของจริง...
ไอ้เรื่องแย่งส่วนแบ่งการตลาดมันอาจจะไม่ใช่ แต่มองอีกมุมนึงหากกาแฟไม่ได้มาตรฐาน
ไม่อร่อย ไม่สะอาดพอ ก็อาจทำให้สตาร์บัคส์เสียหายได้...
งานนี้ผมเชียร์สตาร์บัคส์ เต็มที่ ไม่อยากเห็นการเอาเปรียบกันในสังคมครับ
จงใจเลียนแบบ ก็ไม่ใช่แปลว่าผิดนะครับ
คุณเข้าใจผิดเสียแล้ว เหมือน Pizza hut กับ the Pizza
Coke กับ Pepsi
Nintendo กับ Playstation
AMD กับ Intel
หรือคุณจะเถียงว่าพวกนี้ไม่ใช่เลียนแบบกัน
ถ้าจะนับจริงๆ มีเป็นแสนเป็นล้านคู่เลย
ของพวกนี้ โลโก้ต่างกันก็มี คล้ายกันก็มี
สินค้าส่วนใหญ่แทบจะไม่ต่างกัน เรียกว่า
บางทีปิดตาทาย ก็ทายผิดด้วยซ้ำไป
ขอพูดในฐานะนักธุรกิจคนนึงและเรียนจบมาด้านนี้โดยตรง และทำงานอยู่ในด้านนี้โดยตรง
สิ่งที่คุณ sam_o พูดว่าคนเข้าใจผิด เพราะเชื่อ 100% ว่าคนไม่เข้าใจผิดเรื่องสินค้า
และคุณ eAT มันมองว่าการขายสินค้าชนิดเดียวกัน ไม่ใช่ว่าสินค้ามันจะเหมือนกัน ถึงส่วนผสมเดียวก็สินค้าก็ต่างกันได้ เช่น อาหารร้านนั้นอร่อยกว่าทั้งๆที่ส่วนผสมเดียวกัน เครื่องเกมส์นี้มีเกมส์ที่น่าสนใจมากกว่า
เรื่องการตลาดล้วนๆ
ในมุมมองผม ผมมองว่ามันเป็นการล้อเลียน ไม่ได้หวังให้คนเข้าใจผิด
อย่างที่เรารู้ เรารู้จัก Starbung ครั้งแรกด้วยโลโก้ที่คล้าย Starbuck
ผมเชื่อว่า 100คนรู้ทั้งรู้ว่ามันคล้ายแบรนด์อะไร,
- เหตุผลไม่ใช่เพราะมันเป็นแค่สี หรือคำว่า Star แต่เหตุผลที่แท้จริงแล้วคือ องค์ประกอบและตำแหน่งของรูปแบรนด์ มันวางเหมือนกัน
- แต่ในนัยยะในการล้อเลียนนั้น ทางบริษัทที่ล้อเลียนได้ผลประโยชน์จากการล้อเลียนโลโก้สินค้านั้น
เช่น สื่อโฆษณา คนโพสในเน็ต มีการแซว หรือพูดง่ายๆคือการล้อเลียนทำให้สินค้าเราน่าสนใจนั่นเอง
หรือพูดง่ายๆว่า Starbung ได้ผลประโยชน์การล้อเลียน Starbuck
ในทางกลับกัน ถ้า Starbuck ไม่ฟ้อง มันก็จะทำให้มีการตลาดลักษณะล้อเลียนขึ้นมาอีก และนำผลประโยชน์จากโลโก้ Starbuck
และสุดท้ายโลโก้แบรนด์ Starbuck ก็ดูเกลื่อนตลาด ทำให้โลโก้แบรนด์ Starbuck ที่สร้างมาดูไร้ค่า เพราะไปที่มุมเมืองไหนก็เจอแต่โลโก้แบรนด์คล้าย Starbuck ทุกมุมเมือง
ในทางศาลทั้งสองแบรนด์มีสิทธิชนะคดี ดังนั้นถูกผิดให้ศาลตัดสิน (มันมีประเทศที่ชนะและแพ้ มันขึ้นว่าศาลจะตัดสินยังไง)
แต่ถึง Starbuck ไม่ชนะ ในการตลาดก็คือว่า Starbuck ชนะไปแล้ว เพราะการที่ทำให้เครื่องหมายการค้าลงหน้าสื่อได้
(ปล. อย่านับโดจินหรือ anime ล้อเลียน เพราะฝ่ายถูกล้อเลียนก็ได้ประโยชน์ จริงไม่มีการฟ้องกัน แต่ส่วนมากจะเป็นการขอขอบเขตการล้อเลียนมากกว่า)
โดยส่วนตัวผม การตลาดผมไม่มีรวยจน ไม่มีเล็กไม่มีใหญ่
บางคนบอกว่า "เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไร", "ต้องหัดช่วยเหลือกันในการทำมาหากิน", "มองว่าคนรวยไม่มีสิทธิทำคนจนอะไรทั้งนั้น" หรือ "มองว่า Starbuck เห็นแก่ตัว"
แต่ผมอยากให้คุณคิดถึงว่า กว่าจะคิดครื่องหมายการค้า กว่าจะสร้างสินค้าคิดมาได้ และกว่าที่ทำให้เครื่องหมายการค้าให้คนรู้จัก มันไม่ใช่เครื่องง่าย
บริษัทต้องลงเม็ดเงินไปเท่าไหร่ และยังต้องจ่ายเม็ดเงินอีกเท่าไหร่ เพื่อรักษาแบรนด์นั้น ใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งการลงทุน
กว่า Starbuck จะสร้างภาพลักษณ์เขาขึ้นมา เขาพยายามไปเท่าไหร่ ผมอยากให้มองใจเขาใจเรา
การตลาดเชิงล้อเลียนหรือ Emotional Marketing มันผิดหลักการจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ
แต่ในการกลับกันถ้า Starbuck คิดจะขยี้ Starbung ให้ตายมันก็เกินไปเหมือนกัน
"ผมมองว่าเรื่องนี้ควรประนีประนอมกัน และจะได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ และให้ศาลตัดสินหรือไกล่เกลี่ยจะดีที่สุด"
อีกอย่างนึง ที่อยากพูดถึงบอร์ดเสรีไทยในตอนนี้
- ผมก็ไม่เข้าใจว่า เสรีไทย กลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมขอบอกเลยว่าไม่ว่าสองแบรนด์นี้ใครจะชนะหรือแพ้ ผมก็ไม่แปลกใจ และผมก็ไม่มีส่วนได้เสียทั้งสองแบรนด์ด้วย
แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจว่าตอนนี้เวปบอร์ดนี้เปลี่ยนไปด้วยการตอบคำถามแบบประชดประชัน ถากถาง แดกดัน เห็นความคิดตัวเองถูก แล้วมีสิทธิด่าคนอื่นไม่ทั่ว ผมว่ามันไม่ใช่
เสื้อแดงมาป่วนบอร์ดโดยไม่มีสาระ ผมพอเข้าใจ
แต่นี่คุยเนื้อหาแลกเปลี่ยนความคิด มันไม่มีความคิดเห็นไหนถูกหรอก เพราะคนตัดสินคือศาล และสุดท้ายก็มากัดกันเอง มันเป็นการกระทำที่สมควรแล้วหรือ
ผมหวังว่าซํกวัน บอร์ดนี้จะกลับมาเหมือนเก่า ไม่บ้ายุตามเสื้อแดง ส่วนเหลือกัน พยายามแลกเปลี่ยนเหตุผล และกระจายข่าวดีๆให้มากที่สุด ผมหวังจริงๆว่าบอร์ดจะกลับมาแบบนั้นซักวัน
"เอาความคิด และสิ่งดีๆมาแลกเปลี่ยนกันเถอะครับ"
#80
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:47
ขอพูดในฐานะนักธุรกิจคนนึงและเรียนจบมาด้านนี้โดยตรง และทำงานอยู่ในด้านนี้โดยตรง
สิ่งที่คุณ sam_o พูดว่าคนเข้าใจผิด เพราะเชื่อ 100% ว่าคนไม่เข้าใจผิดเรื่องสินค้า
และคุณ eAT มันมองว่าการขายสินค้าชนิดเดียวกัน ไม่ใช่ว่าสินค้ามันจะเหมือนกัน ถึงส่วนผสมเดียวก็สินค้าก็ต่างกันได้ เช่น อาหารร้านนั้นอร่อยกว่าทั้งๆที่ส่วนผสมเดียวกัน เครื่องเกมส์นี้มีเกมส์ที่น่าสนใจมากกว่า
เรื่องการตลาดล้วนๆ
ในมุมมองผม ผมมองว่ามันเป็นการล้อเลียน ไม่ได้หวังให้คนเข้าใจผิด
อย่างที่เรารู้ เรารู้จัก Starbung ครั้งแรกด้วยโลโก้ที่คล้าย Starbuck
ผมเชื่อว่า 100คนรู้ทั้งรู้ว่ามันคล้ายแบรนด์อะไร,
- เหตุผลไม่ใช่เพราะมันเป็นแค่สี หรือคำว่า Star แต่เหตุผลที่แท้จริงแล้วคือ องค์ประกอบและตำแหน่งของรูปแบรนด์ มันวางเหมือนกัน
- แต่ในนัยยะในการล้อเลียนนั้น ทางบริษัทที่ล้อเลียนได้ผลประโยชน์จากการล้อเลียนโลโก้สินค้านั้น
เช่น สื่อโฆษณา คนโพสในเน็ต มีการแซว หรือพูดง่ายๆคือการล้อเลียนทำให้สินค้าเราน่าสนใจนั่นเอง
หรือพูดง่ายๆว่า Starbung ได้ผลประโยชน์การล้อเลียน Starbuck
ในทางกลับกัน ถ้า Starbuck ไม่ฟ้อง มันก็จะทำให้มีการตลาดลักษณะล้อเลียนขึ้นมาอีก และนำผลประโยชน์จากโลโก้ Starbuck
และสุดท้ายโลโก้แบรนด์ Starbuck ก็ดูเกลื่อนตลาด ทำให้โลโก้แบรนด์ Starbuck ที่สร้างมาดูไร้ค่า เพราะไปที่มุมเมืองไหนก็เจอแต่โลโก้แบรนด์คล้าย Starbuck ทุกมุมเมือง
ในทางศาลทั้งสองแบรนด์มีสิทธิชนะคดี ดังนั้นถูกผิดให้ศาลตัดสิน (มันมีประเทศที่ชนะและแพ้ มันขึ้นว่าศาลจะตัดสินยังไง)
แต่ถึง Starbuck ไม่ชนะ ในการตลาดก็คือว่า Starbuck ชนะไปแล้ว เพราะการที่ทำให้เครื่องหมายการค้าลงหน้าสื่อได้
(ปล. อย่านับโดจินหรือ anime ล้อเลียน เพราะฝ่ายถูกล้อเลียนก็ได้ประโยชน์ จริงไม่มีการฟ้องกัน แต่ส่วนมากจะเป็นการขอขอบเขตการล้อเลียนมากกว่า)
โดยส่วนตัวผม การตลาดผมไม่มีรวยจน ไม่มีเล็กไม่มีใหญ่
บางคนบอกว่า "เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไร", "ต้องหัดช่วยเหลือกันในการทำมาหากิน", "มองว่าคนรวยไม่มีสิทธิทำคนจนอะไรทั้งนั้น" หรือ "มองว่า Starbuck เห็นแก่ตัว"
แต่ผมอยากให้คุณคิดถึงว่า กว่าจะคิดครื่องหมายการค้า กว่าจะสร้างสินค้าคิดมาได้ และกว่าที่ทำให้เครื่องหมายการค้าให้คนรู้จัก มันไม่ใช่เครื่องง่าย
บริษัทต้องลงเม็ดเงินไปเท่าไหร่ และยังต้องจ่ายเม็ดเงินอีกเท่าไหร่ เพื่อรักษาแบรนด์นั้น ใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งการลงทุน
กว่า Starbuck จะสร้างภาพลักษณ์เขาขึ้นมา เขาพยายามไปเท่าไหร่ ผมอยากให้มองใจเขาใจเรา
การตลาดเชิงล้อเลียนหรือ Emotional Marketing มันผิดหลักการจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ
แต่ในการกลับกันถ้า Starbuck คิดจะขยี้ Starbung ให้ตายมันก็เกินไปเหมือนกัน
"ผมมองว่าเรื่องนี้ควรประนีประนอมกัน และจะได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ และให้ศาลตัดสินหรือไกล่เกลี่ยจะดีที่สุด"
อีกอย่างนึง ที่อยากพูดถึงบอร์ดเสรีไทยในตอนนี้
- ผมก็ไม่เข้าใจว่า เสรีไทย กลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมขอบอกเลยว่าไม่ว่าสองแบรนด์นี้ใครจะชนะหรือแพ้ ผมก็ไม่แปลกใจ และผมก็ไม่มีส่วนได้เสียทั้งสองแบรนด์ด้วย
แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจว่าตอนนี้เวปบอร์ดนี้เปลี่ยนไปด้วยการตอบคำถามแบบประชดประชัน ถากถาง แดกดัน เห็นความคิดตัวเองถูก แล้วมีสิทธิด่าคนอื่นไม่ทั่ว ผมว่ามันไม่ใช่
เสื้อแดงมาป่วนบอร์ดโดยไม่มีสาระ ผมพอเข้าใจ
แต่นี่คุยเนื้อหาแลกเปลี่ยนความคิด มันไม่มีความคิดเห็นไหนถูกหรอก เพราะคนตัดสินคือศาล และสุดท้ายก็มากัดกันเอง มันเป็นการกระทำที่สมควรแล้วหรือ
ผมหวังว่าซํกวัน บอร์ดนี้จะกลับมาเหมือนเก่า ไม่บ้ายุตามเสื้อแดง ส่วนเหลือกัน พยายามแลกเปลี่ยนเหตุผล และกระจายข่าวดีๆให้มากที่สุด ผมหวังจริงๆว่าบอร์ดจะกลับมาแบบนั้นซักวัน
"เอาความคิด และสิ่งดีๆมาแลกเปลี่ยนกันเถอะครับ"
ถึงผมจะไม่ได้จบการตลาด แต่ผมว่า ตัวผมมีความรู้เรื่องการตลาดพอสมควร
เหตุเพราะพี่สาวเคยซื้อนิตยสาร "คู่แข่ง" อ่านอยู่ 2-3 ปี องค์รวมผมก็พอเข้าใจ
เรื่องเลียนแบบ อย่างที่ผมยกมา ไม่ใช่แค่เรื่องสินค้าตัวเดียวกัน แต่ตัวสินค้านี่
แทบจะเหมือนกันเลย การโปรโมทชั่น การแต่งร้าน เมนู เพียงแต่ว่าใครที่ตัวใหญ่
เขามีเงินพอที่จ้างนักการตลาด ที่ปรึกษากฎหมาย ตรวจดูข้อกฏหมายแล้วว่า
ทำอย่างไร ไม่ผิดกฏหมาย แต่เราก็รู้อยู่ว่ามัน "ลอกเลียนแบบ" มา
ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนทั่วโลกอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องข้อได้เปรียบเสียเปรียบ คิดไปทางดีก็ได้ ทางร้ายก็ได้ครับ ไม่สามารถ
ตอบได้ ถ้าต้องการคำตอบ ต้องลงไปสำรวจ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง อย่างผมจะยกว่า
เนื่องจากมีคนลอกเลียนกันเยอะ ก็ทำให้คนที่ไม่เคยกิน สนใจว่าพวกนี้มันลอกใครมา
ทำไมถึงลอก แสดงว่าต้นฉบับมันต้องดี อย่างนี้ต้องลองไปกิน ก็ได้ไหม?? แต่ถูก
หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับผม เอาแบบตรงๆ เรื่องโลโก้ ผมดูแล้วจะอ้างว่าลอกมาไม่ได้ครับ
มันไม่ได้ชัดขนาดนั้น ถ้าเรียกว่า "ลอกเลียน" ก็คิดว่าได้ ถ้าต้องการว่าถูกผิด
ก็ต้องไปรอ 3 ศาลตัดสิน
ไม่มี "โค้ก" จะไม่มี "เป็ปซี่" ครับ ผมยืนยัน
- Rxxxx likes this
#81
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:30
ถึงผมจะไม่ได้จบการตลาด แต่ผมว่า ตัวผมมีความรู้เรื่องการตลาดพอสมควร
เหตุเพราะพี่สาวเคยซื้อนิตยสาร "คู่แข่ง" อ่านอยู่ 2-3 ปี องค์รวมผมก็พอเข้าใจ
เรื่องเลียนแบบ อย่างที่ผมยกมา ไม่ใช่แค่เรื่องสินค้าตัวเดียวกัน แต่ตัวสินค้านี่
แทบจะเหมือนกันเลย การโปรโมทชั่น การแต่งร้าน เมนู เพียงแต่ว่าใครที่ตัวใหญ่
เขามีเงินพอที่จ้างนักการตลาด ที่ปรึกษากฎหมาย ตรวจดูข้อกฏหมายแล้วว่า
ทำอย่างไร ไม่ผิดกฏหมาย แต่เราก็รู้อยู่ว่ามัน "ลอกเลียนแบบ" มา
ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนทั่วโลกอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องข้อได้เปรียบเสียเปรียบ คิดไปทางดีก็ได้ ทางร้ายก็ได้ครับ ไม่สามารถ
ตอบได้ ถ้าต้องการคำตอบ ต้องลงไปสำรวจ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง อย่างผมจะยกว่า
เนื่องจากมีคนลอกเลียนกันเยอะ ก็ทำให้คนที่ไม่เคยกิน สนใจว่าพวกนี้มันลอกใครมา
ทำไมถึงลอก แสดงว่าต้นฉบับมันต้องดี อย่างนี้ต้องลองไปกิน ก็ได้ไหม?? แต่ถูก
หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับผม เอาแบบตรงๆ เรื่องโลโก้ ผมดูแล้วจะอ้างว่าลอกมาไม่ได้ครับ
มันไม่ได้ชัดขนาดนั้น ถ้าเรียกว่า "ลอกเลียน" ก็คิดว่าได้ ถ้าต้องการว่าถูกผิด
ก็ต้องไปรอ 3 ศาลตัดสิน
ไม่มี "โค้ก" จะไม่มี "เป็ปซี่" ครับ ผมยืนยัน
ผมไม่ได้มอง Starbung คือการลอกเลียน ผมมองว่า "มันคือการล้อเลียน เพื่อหาผลประโยชน์" เพราะทุกคนสามารถแยกได้ว่าอะไรคืออะไร
ซึ่งมันมีคดีแบบนี้ทั้งชนะและแพ้ แต่ละประเทศให้น้ำหนักกับเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน ก็ต้องดูว่า 3 ศาลเมืองไทยจะว่ายังไง
ผมไม่คิดว่าทฤษฎี Copycat คือเรื่องปกติ (ทฤษฎีที่ทุกอย่างเกิดจากการ copy) ไม่เช่นนั้นเราไม่สามารถแยกอะไรได้ ภาษาเราก็เลียนแบบพ่อขุนราม เราเดินเราเลียนแบบพ่อแม่
A ขายไก่ทอด B ก็ขายไก่ทอดตาม มันไม่คิดว่ามันคือการลอกเลียนแบบครับ ( Coke กับ Pepsi ก็เหมือนกัน)
การแข่งขันทางการตลาด ผมไม่ได้มองว่าทุกเรื่องเป็นเรื่อง Copy มันเป็นเรื่องพื้นฐานของความคิดซะเป็นส่วนใหญ่
แรงบันดาลใจกับการลอกเลียนแบบ สำหรับผมถือว่าไม่เหมือนกัน
แต่ผมไม่อยากให้มองละเมิดหรือหาประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เป็น เรื่องทั่วไปที่ใครๆก็ทำ / และการปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง คือ การเห็นแก่ตัว
ผมสนับสนุนร้านกาแฟที่สร้างตัวเองขึ้นมาจากความคิดตัวเอง มากกว่าการตลาดเชิงหาผลประโยชน์แบบนี้ เพราะมีร้านกาแฟมากมายที่สร้างแบรนด์สินค้ามาจากตัวเอง
- วันศุกร์ and เส้นใหญ่ไม่งอก like this
#82
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 00:59
แล้วมาผลิตเครื่องดื่มแนวทางเดิม คืออิชิตัน
แม้จะเข้าข่ายน่าเกลียด ผมก็มองว่าไม่ผิด
เพราะมีลักษณะจำเพาะที่แตกต่างกัน
บางกรณี ผมเชื่อว่าสินค้าบางอย่างไม่ทันที่จะใช้ลิขสิทธิ์
จึงเกิดการทำคล้ายกันได้
ซึ่งถ้าสังเกตุ แม้โค้กและเปบซี่จะเป็นน้ำอัดลมน้ำดำเหมือนกัน
แต่รสชาติก็แตกต่างกัน
จนเมื่อบริษัทผู้ผลิตให้เปบซี่ หันมาทำเครื่องดื่มเอส
ก็ยังต้องทำรสชาตแตกต่างกัน
นั้นคือตัวสินค้าที่สามารถสร้างลักษระจำเพาะได้
เครื่องหมายการค้า เป็นเครื่องหมายที่ต้องนำไปจดทะเบียน
ผมตีความว่ามันก็เหมือนลิขสิทธิ์กลายๆ
แต่ก็ย่อมต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยไปอีก ว่าลิขสิทธิครอบคลุมตรงไหน
ลักษณะการวางรูป โดยใช้มือคนคล้ายลักษณะหางนางเงือก
โลโก้เป็นวงกลม สีเขียว มีคำว่า star และ coffee เหมือนกัน
อาจเป็นประเด็นได้ว่านี่คือการจงใจลอกแบบ
การลอกแบบ ต่างจากการเลียนแบบตรงที่พยายามให้คล้าย
กรณีนี้ ผมมองว่าใช่
ผมเอาใจช่วยสตาร์บังนะครับ
แต่มานึกอีกที สตารฺบัคก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
การปกป้องลิขสิทธิ์ต่อตราสินค้าของตนเอง
เป็นผมก็ต้องทำครับ
- Shart likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#83
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 01:13
คิดแบบง่ายๆที่สุด....
...รถกระบะมีแค๊ปเปิดได้ ที่จำได้คือ mazda ทำเป็นเจ้าแรก(ถ้าจำไม่ผิด)ต่อมาเจ้าอื่นๆเห็นก็เอาไปทำกันทั้งนั้น
...รถยนต์4ล้อ ไม่รู้ว่าใครผลิตขึ้นยี่ห้อแรก...
ถ้าเลียนแบบไม่ได้ ป่านนี้รถยนต์คงมีซัก 200กว่าล้อมั๊งครับ
- Rxxxx likes this
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#84
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 07:59
คนที่บอกว่า โค้ก กับ เป๊ปซี่ ไม่ได้ลอกกัน รสชาติไม่เหมือนกัน
เคยทดลองปิดตาชิมหรือเปล่า ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะเคยอ่าน
หนังสือ (น่าจะคู่แข่งถ้าจำไม่ผิด) เป๊ปซี่เอาโค้กมาวิเคราะห์ทางเคมี
แล้วลอกออกมา แม้จะไม่ครบ 100% แต่ถึงกับว่า ถ้าปิดตากิน
มีไม่กี่คนที่สามารถแยกรสชาติออกได้
สินค้าเดี๋ยวนี้ อะไรที่ออกใหม่ ดูมีอนาคต จะมีคนซื้อมาแยกชิ้นส่วน
แล้ววิเคราะห์ พร้อมทำออกมาแบบเหมือน หรือเพิ่มฟังก์ชั่น อย่างที่
เขาเรียกกันว่า Reverse Engineering หรือบางทีก็ซื้อคนที่ทำพวกนั้น
จากบริษัทคู่แข่งเลยก็มี
ไม่ได้บอกว่าถูกหรือผิด แต่เขาทำกันทั่วโลก
ส่วนโลโก้ ผมก็ว่าไม่ต่างอะไรกับรถยนต์หรอกครับ มีล้อ มีเครื่องวางหน้า
วางหลัง ประตู ฯลฯ รถยนต์ก็ลอกกันหมด เอาแบบใกล้ๆ ก็ได้ ถ้วยกาแฟ
มันลอกกันหรือเปล่า? องค์ประกอบการวางเหมือนโลโก้อีกแล่ะ
- Rxxxx likes this
#85
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:33
มันทำให้เราเข้าใจผิดเลยด้วยซ้ำว่า ฮอนด้ากับยามาฮ่าหันมาทำรถจักรยานไฟฟ้าแล้ว
เช็คไปเช็คมา มันคนละบริษัทกัน ไม่เกี่ยวข้องกันเลย
แต่เขาก็ใช้แบรนด์ฮอนด้ากับยามาฮ่าได้ทั้งเครื่องหมายการค้าเลย
แปลกนะ ที่ ฮอนด้ากับยามาฮ่าไม่ฟ้อง
ก็คงเป็นกรณีเดียวกัน
คนไปสตาร์บังแล้วคงไม่มีใครสั่ง คาปูชิโน่หรอก
คือมันแยกกันคนละคลาสอย่างเห็นได้ชัดเจน
ขายก็ขายคนละอย่างกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
แต่ก็อย่างว่า ไม่ให้ใช้เครื่องหมายการค้าและรูปที่คล้ายกัน ในการทำธุรกิจ
ที่เมืองจีน เอาโลโก แอปเปิลมาทำเป็นตราขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
ยังโดนแอปเปิลฟ้องร้องและจับกุมเลย
ตรงนี้มันอยู่ที่ ตัวเจ้าของแบรนด์มากกว่า ว่าจะเล่นหรือไม่เล่น
เรามองแบบดราม่าว่า สตาร์บัง ไม่ผิด และ สตาร์บัครังแกคนจนท้องถิ่น ผมว่าก็มองได้
เพราะตัวเองทำธุรกิจเป็นพันล้านหมื่นล้าน มานั่งเล่นงานคนขายกาแฟข้างถนน มันทุเรศเกินไปน่ะ
แต่ผมไม่มองในมุมของความถูกหรือผิดตรงนี้หรอก
เพราะอะไรรู้ไหม
ในโลกนี้ มันไม่ใช่คุณจะเอาคำว่าถูกหรือผิดมาตัดสินได้ตลอดทั้งหมดหรอก
ไม่งั้นเราจะหาคำตอบไม่ได้ แม่ปกป้องลูกโดยต้องฆ่า โจรที่มาขโมยลูกตัวเอง แม่ผิดหรือเปล่าล่ะ
เรามองว่า ฆ่าคนไม่ได้ ผิดเต็มๆ แต่ถ้าแลกกับที่ตัวเองต้องเสียลูกไปตลอดกาลล่ะ
มองแบบดราม่า หรือ มองแบบถูกผิด มันต่างก็มีจุดดีจุดเสีย และความเหมาะสมของมัน
เสื้อแดงมันเติบโตมาได้เพราะอะไรรู้ไหม
เพราะ เวลาเราใช้ถูกผิดตัดสิน มันไปเอา ดราม่ามาอ้าง
เวลาเราเอาดราม่ามาใช้ มันก็ลากเอา ถูกผิด มาค้านแย้ง
ปฎิวัติ ดีหรือเปล่าล่ะครับ
เถียงกะแดงท่านก็จะเห็น
ปัญหามันคือ เวลาไหนใช้ดราม่า เวลาไหนใช้ถูกผิด นั่นแหละ สำคัญที่สุด
Edited by จูกัดขงเบ้ง, 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 12:06.
แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทั้งกษัตริย์ยังทรงคุณธรรมอันสูงส่ง
จำคำนี้ไว้ไปบอกยมบาลเวลาเจ้าลงนรกก็แล้วกัน
#86
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:59
ผมว่าคุณ eAT จำผิดเรื่อง Coke กับ Pepsi ในกรณีศึกษาที่เรียกว่า "Blind Taste Tests"
เพราะผมจำได้ว่า 1 ในการ "Blind Taste Tests" ที่ต่างประเทศ ผลการศึกษาออกมาแทบจะเป็น 50% แต่เวลาเลือกแบรนด์กลับเลือกโค๊ก 75%
เหตุผลที่เขาปิดตาทดสอบ ก็เพราะว่า เขาทดสอบว่าทำไมคนแยกน้ำดำไม่ออก แต่ทำไมเขาถึงบอกว่า ชั้นจะเลือกซื้อโค๊กทั้งๆที่ตัวเองบอกว่าน้ำเป๊ปซี่อร่อยเวลาปิดตา
"กรณีนี้เป็นหนึงในกรณีศึกษาสำคัญ ว่า อิทธิพลของแบรนด์สำคัญขนาดไหน"
ผมว่าคุณ eAT คิดว่าทุกอย่างเกิดจากการ copy เหมือนทฤษฎี Copycat (เรื่อง Reverse Engineering ผมก็ไม่ถือว่ามันคือการ Copy มันคือเทคนิคการประดิษฐ์ วิธีคิดในการออกแบบสินค้า)
มันก็เป็นความจริง ถ้าเรามองถึงมุมในต้นกำเนิด ก็เหมือนที่ผมยกตัวอย่าง คนเดินตาพ่อแม่ ภาษามาจากพ่อขุนราม
แต่ถ้าเรากลับไปจุดที่ยึดถือทฤษฎีนั้น เราจะไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเกิดจากการลอกเลียนแบบ
ทุกวันเราจะเห็น A ลอกแบบกระเป๋า B เปลี่ยนแค่สี, โลโก้เปลี่ยนจุดเล็กๆ หรือเปลี่ยนที่วางตำแหน่ง, แม้แต่ภาพยนตร์ที่เราทำมา 2ชม. มีคนนึงตัดภาพยนตร์ของเรา 1 นาที
ในทางกลับกันรถมี 4 ล้อ, แก้วมันไม่ได้รั่ว มันคือพื้นฐานความคิดหรือการลอกแบบครับ
เราถึงไม่ได้ใช้ทฤษฎี Copycat เป็นเกณฑ์การตัดสิน เพราะมนุษย์เราแยกแยะได้มากกว่านั้น
ด้วยเหตุนั้นเราถึงร่างกฎหมายลิขสิทธิ์และพวกกฎหมายการค้าขึ้นมา เพื่อคุ้มครองเจ้าของกิจการที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต ลดการเอาเปรียบ
เครื่องหมายการค้ามันมีอิทธิพลมากกว่านั้น เพราะมีเครื่องหมายการค้าทำให้เราถึงแยกได้ว่า สบู่ยี้ห้อไหน น้ำดำยี้ห้อไหน บะหมี่สำเร็จรูปยี้ห้อไหน
องค์ประกอบทางโลโก้ ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่สุด ที่จะวางตำแหน่งเดียวกัน ใช้คำเดียวกัน (เพราะผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่ามันคล้ายแบรนด์อะไร)
ผมว่ามนุษย์เราแยกออกว่าอะไรคือ แรงบันดาลใจกับการลอกเลียนแบบ (เราแยก True Coffee กับ Starbuck ออกทั้งที่เป็นวงกลมเหมือนกัน)
ผมอยากให้มองถึงตัวกฎหมายมากกว่าใช้ทฤษฎี Copycat
- ริวมะคุง, tonythebest and 3x3eyes like this
#87
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:14
ได้ความรู้ในหลายๆด้านดีครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
#88
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:28
ผิดแน่นอน 100 % ผมมองที่เจตนา ถ้าของคุณโดนเลียนแบบ ลอกแบบบ้าง คุณจะรู้สึกเจ็บใจ ผมโดนมาแล้ว รู้สึกแค้นมาก
#89
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:35
ผมคิดว่าพี่บังไม่ผิดแน่นอน !!
พี่บังนี่จิ๊บๆ มาก
อันเนี๊ยทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดมาแล้วด้วย ...
ผมเองแหละ ดูแต่ราคานึกว่าเลย์ลดราคาก็เลยหยิบมาหลายถุงเลย
เคยลองตั้งใจซื้อมากินครั้งหนึ่ง รสชาติไม่ได้เรื่องเลย
- ใจหมาอำมหิต` likes this
#90
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 11:06
ผมว่าตลกนะ สตาร์เบื๊-อก (ที่ขายกาแฟแพงเกินรสชาติไปเยอะ) ที่ลอกชื่อมาจากเฮอร์แมน เมลวินทั้งดุ้น
ฟ้องชื่อที่คล้ายกันอย่างสตาร์บัง
แล้วก็ยังมีคนคิดว่าชื่อสตาร์เบื๊-อก ที่ลอกเขามาทั้งดุ้น สมควรได้รับการคุ้มครอง
- Rxxxx likes this
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง
#91
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:00
นึกภาพดูนะครับ
ถ้ากรณีนี้สตาร์บัคไม่ฟ้อง ทั้งที่ภาพร้านสตาร์บังกระจายในเนตมาระยะนึงแล้ว
ต่อไป เราจะได้เห็น สตาร์บัก, สตาร์บรรค, สตาร์เบื้อก, สตาร์บุ๋ย, สตาร์โบ๋เบ๋
และอีกมากมายหลายๆ สตาร์จนนับไม่ถ้วน
ริมถนนมิตรภาพ มีนมข้าวโพดไร่สุวรรณที่ดังมาก มีคนรอต่อคิวซื้อกันยาว
จึงเกิดเพิงขายนมข้าวโพดจาำนวนมากในย่านนั้น
ไก่ทอดร้านนึง (จำชื่อไม่ได้) ที่หาดใหญ่ดังมาก ใครไปก็ต้องซื้อกิน
จึงเกิดร้านไก้ทอดหาดใหญ่ขึ้นทั่วประเทศ (ทั้งที่กรรมวิธีการทำก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิด)
ลาบเป็ดยโสธร, ไก่ย่างเขาสวนกวาง, ขาหมูบางรัก, ผัดไทยประตูผี, ข้าวมันไก่ประตูน้ำ
ทุกวันนี้ เราหาร้านต้นฉบับกันเจอมั๊ยครับ
แล้วมีร้านไหนสักกี่ร้าน ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากต้นฉบับจริงๆ
เรื่องนี้ ผมว่าที่จริง ควรมีกฏหมายคุ้มครองด้วยซ้ำ
ไก่ทอดหาดใหญ่ มีรสออกเค็มๆ โรยด้วยหอมเจียว (ใส่กระเทียมด้วยรึปล่าวไม่แน่ใจนะครับ)
ในขณะที่ร้านอื่นมีแต่กระเทียมเจียว ซึ่งทำให้เป็นคนละรสกัน
บางร้านมีไก่ชุบแป้งทอดด้วยซ้ำ
- Shart likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#92
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:12
สตาร์เบื๊-อก (ที่กาแฟแพงเกินคุณภาพง่าว ๆ ) ไม่ได้คิดชื่อสตาร์เบื๊-อก ขึ้นมาเอง แล้วมีสิทธิอะไรจะฟ้องร้องเรื่องชื่อนี้
สตาร์เบื๊-อก ไม่ได้คิดค้นกาแฟขึ้นมาเอง และกาแฟก็ไม่ได้ดีจนน่าลอกเลียนแบบ และบังก็ไม่ได้เลียนแบบกรรมวิธีการชงของสตาร์เบื๊-อก
ผมไม่สนประเด็นว่าสตาร์เบื๊-อก ควรฟ้องหรือไม่ควรฟ้อง เพราะการตัดสินใจเรื่องนั้นเป็นเรื่องของผู้บริหาร
ผู้บริโภคอย่างเราถกกันไปก็เท่านั้น เพราะมันฟ้องไปแล้ว
ที่ผมสนใจคือ ฟ้องแล้วมันจะชนะหรือแพ้
ผมยังเชื่อว่าได้ทนายเก่ง ๆ บังชนะคดีนี้ได้
- Rxxxx likes this
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง
#93
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:45
แพ้-ชนะ กันอย่างไร ผมไม่รู้
รู้อย่างหนึ่งแน่ๆ ว่า จะมีกาแฟที่มีโลโก้เครื่องหมายการค้า
หน้าตาคล้ายสตาร์บัคเกิดขึ้นในไทยน้อยลงอย่างแน่นอน
เพราะเมื่อมีใครคิดจะทำโลโก้ร้านของตนขึ้นมา
คนคิดก็จะแอบมีหมายเหตุในใจอยู่นิดหนึ่งว่า
"ระวังจะโดนสตาร์บัคมันฟ้องนะเฟ้ย"
- Rxxxx likes this
#94
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:19
ข้อเท็จจริงมันค่อนข้างชัดจงใจทำเครื่องหมายการค้าขึ้นมา
ทีนี้มันขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลแล้วละครับว่าไอ้วงกลมสีเขียว
ของบังและบัคส์มันคล้ายกัน จนก่อให้เกิดความสับสนหรือไม่
งานนี้อยู่ที่มุมมองของศาลครับ ทนายเก่งหรือไม่เก่ง ผมว่าไม่เกี่ยวนะ
#95
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:35
ดูท่าลุงเย็นจะแอนตี้สตาเบื้อกมาก ผมก็ไม่ทานกาแฟด้วยสิ
ถ้าผมไปจดสิทธิบัตรอะไรบางอย่างคงลำบาก ถ้ามีส่วนประกอบจากเหล็กจากพลาสติก เพราะของพวกนี้เราก็ไปเลียนแบบการผลิตเขามาอีกที ผมก็ไม่้มีสิทธิจดสินะครับ
มันก้จริงที่ว่า วงกลมสตาเบื้อกไม่ได้คิดค้นเอง สีเขียว/รูปดาว/ตัวอักษรอังกฤษ ด้วย
แต่รูปแบบอิมเมจของการจัดวางองค์ประกอบ สิ่งนั้นจะเป็นตัวชี้วัดการเลียนแบบหรือไม่
รูปแบบการออกแบบมีไม้สิ้นสุดจินตนาการไร้ขีดจำกัด คนออกแบบทุกคนทราบดีครับ
- ม่านน้ำ likes this
#96
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:14
คนที่บอกว่า โค้ก กับ เป๊ปซี่ ไม่ได้ลอกกัน รสชาติไม่เหมือนกัน
เคยทดลองปิดตาชิมหรือเปล่า ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะเคยอ่าน
หนังสือ (น่าจะคู่แข่งถ้าจำไม่ผิด) เป๊ปซี่เอาโค้กมาวิเคราะห์ทางเคมี
แล้วลอกออกมา แม้จะไม่ครบ 100% แต่ถึงกับว่า ถ้าปิดตากิน
มีไม่กี่คนที่สามารถแยกรสชาติออกได้
สินค้าเดี๋ยวนี้ อะไรที่ออกใหม่ ดูมีอนาคต จะมีคนซื้อมาแยกชิ้นส่วน
แล้ววิเคราะห์ พร้อมทำออกมาแบบเหมือน หรือเพิ่มฟังก์ชั่น อย่างที่
เขาเรียกกันว่า Reverse Engineering หรือบางทีก็ซื้อคนที่ทำพวกนั้น
จากบริษัทคู่แข่งเลยก็มี
ไม่ได้บอกว่าถูกหรือผิด แต่เขาทำกันทั่วโลก
ส่วนโลโก้ ผมก็ว่าไม่ต่างอะไรกับรถยนต์หรอกครับ มีล้อ มีเครื่องวางหน้า
วางหลัง ประตู ฯลฯ รถยนต์ก็ลอกกันหมด เอาแบบใกล้ๆ ก็ได้ ถ้วยกาแฟ
มันลอกกันหรือเปล่า? องค์ประกอบการวางเหมือนโลโก้อีกแล่ะ
โค้กกะเป๊ปซี่ และ เอส โคล่าเนี่ยผมแยกรสชาดได้นะ
#97
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:22
ผมว่าคุณ eAT จำผิดเรื่อง Coke กับ Pepsi ในกรณีศึกษาที่เรียกว่า "Blind Taste Tests"
เพราะผมจำได้ว่า 1 ในการ "Blind Taste Tests" ที่ต่างประเทศ ผลการศึกษาออกมาแทบจะเป็น 50% แต่เวลาเลือกแบรนด์กลับเลือกโค๊ก 75%
เหตุผลที่เขาปิดตาทดสอบ ก็เพราะว่า เขาทดสอบว่าทำไมคนแยกน้ำดำไม่ออก แต่ทำไมเขาถึงบอกว่า ชั้นจะเลือกซื้อโค๊กทั้งๆที่ตัวเองบอกว่าน้ำเป๊ปซี่อร่อยเวลาปิดตา
"กรณีนี้เป็นหนึงในกรณีศึกษาสำคัญ ว่า อิทธิพลของแบรนด์สำคัญขนาดไหน"
ผมว่าคุณ eAT คิดว่าทุกอย่างเกิดจากการ copy เหมือนทฤษฎี Copycat (เรื่อง Reverse Engineering ผมก็ไม่ถือว่ามันคือการ Copy มันคือเทคนิคการประดิษฐ์ วิธีคิดในการออกแบบสินค้า)
มันก็เป็นความจริง ถ้าเรามองถึงมุมในต้นกำเนิด ก็เหมือนที่ผมยกตัวอย่าง คนเดินตาพ่อแม่ ภาษามาจากพ่อขุนราม
แต่ถ้าเรากลับไปจุดที่ยึดถือทฤษฎีนั้น เราจะไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเกิดจากการลอกเลียนแบบ
ทุกวันเราจะเห็น A ลอกแบบกระเป๋า B เปลี่ยนแค่สี, โลโก้เปลี่ยนจุดเล็กๆ หรือเปลี่ยนที่วางตำแหน่ง, แม้แต่ภาพยนตร์ที่เราทำมา 2ชม. มีคนนึงตัดภาพยนตร์ของเรา 1 นาที
ในทางกลับกันรถมี 4 ล้อ, แก้วมันไม่ได้รั่ว มันคือพื้นฐานความคิดหรือการลอกแบบครับ
เราถึงไม่ได้ใช้ทฤษฎี Copycat เป็นเกณฑ์การตัดสิน เพราะมนุษย์เราแยกแยะได้มากกว่านั้น
ด้วยเหตุนั้นเราถึงร่างกฎหมายลิขสิทธิ์และพวกกฎหมายการค้าขึ้นมา เพื่อคุ้มครองเจ้าของกิจการที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต ลดการเอาเปรียบ
เครื่องหมายการค้ามันมีอิทธิพลมากกว่านั้น เพราะมีเครื่องหมายการค้าทำให้เราถึงแยกได้ว่า สบู่ยี้ห้อไหน น้ำดำยี้ห้อไหน บะหมี่สำเร็จรูปยี้ห้อไหน
องค์ประกอบทางโลโก้ ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่สุด ที่จะวางตำแหน่งเดียวกัน ใช้คำเดียวกัน (เพราะผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่ามันคล้ายแบรนด์อะไร)
ผมว่ามนุษย์เราแยกออกว่าอะไรคือ แรงบันดาลใจกับการลอกเลียนแบบ (เราแยก True Coffee กับ Starbuck ออกทั้งที่เป็นวงกลมเหมือนกัน)
ผมอยากให้มองถึงตัวกฎหมายมากกว่าใช้ทฤษฎี Copycat
1. ผมจำไม่ผิดหรอกครับเรื่องโค้ก แป๊ปซี่ ที่คุณอ้างมาผมก็อ่านครับ
ว่าถ้าให้เลือก คนจะเลือกอะไร มันจะไปตรงกับที่ผมบอกนะสิว่า 50%
เลือกแป๊ปซี่ เพราะความจริงมันคือ แยกรสชาติไม่ออก ผลมันถึงออกมา
เป็นครึ่งต่อครึ่ง ลองคิดดูดีๆ สิครับ
2. ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก
เขาก๊อปกันมากมายมหาศาลบานตะไท ถ้าเราต่อต้าน ทำไมเลือกแค่
กรณีเดียว แต่กรณีอื่นทำเหมือนเป็นคนตาบอดกันเล่า
3. เรื่องโลโก้ ที่คุณบอกว่าคล้ายกันยาก ผมว่าไม่จริงครับ ไม่ใช่อะไร
เพื่อนเคยบอกให้ช่วยกันออกแบบหน่อย ลองสเก็ตดูกันก็ได้ครับ ทำคนละ
30-40 แบบ วนๆ กันไป ออกมาจะมีดูซ้ำๆ บางทีตอนทำไม่รู้หรอก แต่พอออก
มาแล้ว คนอื่นดูบอกว่าเหมือนบริษัทอื่นอันนู้นอันนี้
4. Reverse Engineering คือการก๊อปแน่นอน ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ป่วยการที่
จะคุยกันต่อแล้ว เอาง่ายๆ มีคนฟังเพลงหนึ่ง เพราะมาก ไม่รู้ว่าโน้ตอะไร
บ้าง ก็แกะออกมาว่าน่าจะเป็นโน้ตนู้นโน้ตนี้ จังหวะนั้นจังหวะนี้ แล้วเอามา
แต่ง แบบนี้ไม่ลอก? หรือนิยายก็ได้ เอามาปุ๊บแล้วพิมพ์ตัวหนังสือตามเลย
ทุกตัว แล้วเรามาเปลี่ยนแค่ชื่อตัวละคร หรือยกเอาโลโก้มาเลยก็ได้ เอาของ
เขามาเลย แล้วมาดู เปลี่ยนภาพตรงกลาง เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนดาว กลายเป็น
starbung อ้าว นี่ก็วิธีการสร้างสรรค์อย่างหนึ่งไง Reverse Engineering
5. ย้ำอีกครั้ง โลโก้ ถ้าไม่ใช่รูปร่างภาพสัญญาลักษณ์ที่ซับซ้อน เป็นเรื่องง่าย
ที่จะซ้ำกันครับ เช่น รูปร่างจะเลือก วงกลม วงรี สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทุกอย่าง
มีคนใช้กันหมดแล้ว ตัวหนังสือ จะอยู่ตรงกลาง บน ล่าง ซ้าย ขวา มีคนทำ
หมดแล้ว เอาเรื่อง "ความน่าจะเป็น" มาจับ ก็จะรู้ครับ รูปแบบตำแหน่ง สี
ตัวหนังสือ ฯลฯ ความเป็นไปได้มีที่สิ้นสุดนะครับ
- Rxxxx likes this
#98
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:50
1. ผมจำไม่ผิดหรอกครับเรื่องโค้ก แป๊ปซี่ ที่คุณอ้างมาผมก็อ่านครับ
ว่าถ้าให้เลือก คนจะเลือกอะไร มันจะไปตรงกับที่ผมบอกนะสิว่า 50%
เลือกแป๊ปซี่ เพราะความจริงมันคือ แยกรสชาติไม่ออก ผลมันถึงออกมา
เป็นครึ่งต่อครึ่ง ลองคิดดูดีๆ สิครับ
2. ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก
เขาก๊อปกันมากมายมหาศาลบานตะไท ถ้าเราต่อต้าน ทำไมเลือกแค่
กรณีเดียว แต่กรณีอื่นทำเหมือนเป็นคนตาบอดกันเล่า
3. เรื่องโลโก้ ที่คุณบอกว่าคล้ายกันยาก ผมว่าไม่จริงครับ ไม่ใช่อะไร
เพื่อนเคยบอกให้ช่วยกันออกแบบหน่อย ลองสเก็ตดูกันก็ได้ครับ ทำคนละ
30-40 แบบ วนๆ กันไป ออกมาจะมีดูซ้ำๆ บางทีตอนทำไม่รู้หรอก แต่พอออก
มาแล้ว คนอื่นดูบอกว่าเหมือนบริษัทอื่นอันนู้นอันนี้
4. Reverse Engineering คือการก๊อปแน่นอน ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ป่วยการที่
จะคุยกันต่อแล้ว เอาง่ายๆ มีคนฟังเพลงหนึ่ง เพราะมาก ไม่รู้ว่าโน้ตอะไร
บ้าง ก็แกะออกมาว่าน่าจะเป็นโน้ตนู้นโน้ตนี้ จังหวะนั้นจังหวะนี้ แล้วเอามา
แต่ง แบบนี้ไม่ลอก? หรือนิยายก็ได้ เอามาปุ๊บแล้วพิมพ์ตัวหนังสือตามเลย
ทุกตัว แล้วเรามาเปลี่ยนแค่ชื่อตัวละคร หรือยกเอาโลโก้มาเลยก็ได้ เอาของ
เขามาเลย แล้วมาดู เปลี่ยนภาพตรงกลาง เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนดาว กลายเป็น
starbung อ้าว นี่ก็วิธีการสร้างสรรค์อย่างหนึ่งไง Reverse Engineering
5. ย้ำอีกครั้ง โลโก้ ถ้าไม่ใช่รูปร่างภาพสัญญาลักษณ์ที่ซับซ้อน เป็นเรื่องง่าย
ที่จะซ้ำกันครับ เช่น รูปร่างจะเลือก วงกลม วงรี สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทุกอย่าง
มีคนใช้กันหมดแล้ว ตัวหนังสือ จะอยู่ตรงกลาง บน ล่าง ซ้าย ขวา มีคนทำ
หมดแล้ว เอาเรื่อง "ความน่าจะเป็น" มาจับ ก็จะรู้ครับ รูปแบบตำแหน่ง สี
ตัวหนังสือ ฯลฯ ความเป็นไปได้มีที่สิ้นสุดนะครับ
1.
"Blind Taste Tests" คุณเคยอ่านเหตุผลไหมว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น
"Blind Taste Tests" มันไม่ได้มีแค่ 50% ผมอ่าน "Blind Taste Tests" ไม่รู้มาเท่าไหร่
มีทั้ง 70-30, 60-40 ... มากมาย
กรณีศึกษาที่ Coke ของประเทศไทยทำ "Blind Taste Tests" ผลที่ได้คนชอบรสชาติ Pepsi มากกว่า Coke เพราะคนไทยชอบรสหวาน
หลังจากนั้น Coke ก็ได้ปรับรสชาติให้หวานขึ้นช่วงนี้
แต่ผลสุดท้ายยอดขายก็เท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะสาเหตุว่า "อิทธิพลของแบรนด์มากเพียงใด"
คนไม่ได้ดื่มโค๊กเพราะรสชาติ แต่คนดื่มโค๊กเพราะว่าเป็นโค๊ก
ผมแนะนำว่าคุณไปอ่าน "Blind Taste Tests" พวก Thesis ต่างๆมันมีมากมาย และคุณจะเข้าใจมากกว่านี้
2.
ถ้าคุณบอกว่า "ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก"
งั้นถ้าผมจะขายน้ำดำขึ้นมา ผมต้องทำยังไงถึงเลือกว่าไม่ก๊อปโค๊ก ? (ก็คุณบอกว่าCokeกับPepsi ก๊อปกันมา)
เราไม่ได้เลือกต้อต้านเลือกแค่กรณีนี้ กรณีเดียว ผมก็บอกแล้วว่ากรณีนี้มันเกิดมาแล้วหลายครั้ง และมีทั้งชนะและแพ้ (มันไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว)
ทุกคนมีสิทธิในการปกป้องตัวเอง ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการเอาเปรียบในการแข่งขันการค้า
ดังนั้นเขามีสิทธิที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้ มันเป็นสิทธิของบริษัทนั้นพึงมี
3.4.5 ผมมองว่าไม่ต่างกัน
ถ้าคุณมอง Reverse Engineering เป็นการ Copy มากกว่าแรงบันดาลใจ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะคุยกับคุณเช่นกัน
และกรณีที่คุณอ้างอิงเขาไม่เรียกว่า Reverse Engineering แต่เขาเรียกว่าการ Copy ยกเว้นการแต่งเพลงที่ถือเป็น Reverse Engineering
โลโก้ยากมากที่จะซ้ำกัน คุณในวงกลม 3 วง แล้วคำภาษาอังกฤษ 1 คำ รูปมันมีเกิน 100แบบแน่นอน
ผมว่าคุณแยกไม่ออกระหว่าง แรงบันดาลใจ และการลอกเลียนแบบ
Edited by Shart, 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:52.
- 3x3eyes likes this
#99
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:13
1. ผมจำไม่ผิดหรอกครับเรื่องโค้ก แป๊ปซี่ ที่คุณอ้างมาผมก็อ่านครับ
ว่าถ้าให้เลือก คนจะเลือกอะไร มันจะไปตรงกับที่ผมบอกนะสิว่า 50%
เลือกแป๊ปซี่ เพราะความจริงมันคือ แยกรสชาติไม่ออก ผลมันถึงออกมา
เป็นครึ่งต่อครึ่ง ลองคิดดูดีๆ สิครับ
2. ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก
เขาก๊อปกันมากมายมหาศาลบานตะไท ถ้าเราต่อต้าน ทำไมเลือกแค่
กรณีเดียว แต่กรณีอื่นทำเหมือนเป็นคนตาบอดกันเล่า
3. เรื่องโลโก้ ที่คุณบอกว่าคล้ายกันยาก ผมว่าไม่จริงครับ ไม่ใช่อะไร
เพื่อนเคยบอกให้ช่วยกันออกแบบหน่อย ลองสเก็ตดูกันก็ได้ครับ ทำคนละ
30-40 แบบ วนๆ กันไป ออกมาจะมีดูซ้ำๆ บางทีตอนทำไม่รู้หรอก แต่พอออก
มาแล้ว คนอื่นดูบอกว่าเหมือนบริษัทอื่นอันนู้นอันนี้
4. Reverse Engineering คือการก๊อปแน่นอน ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ป่วยการที่
จะคุยกันต่อแล้ว เอาง่ายๆ มีคนฟังเพลงหนึ่ง เพราะมาก ไม่รู้ว่าโน้ตอะไร
บ้าง ก็แกะออกมาว่าน่าจะเป็นโน้ตนู้นโน้ตนี้ จังหวะนั้นจังหวะนี้ แล้วเอามา
แต่ง แบบนี้ไม่ลอก? หรือนิยายก็ได้ เอามาปุ๊บแล้วพิมพ์ตัวหนังสือตามเลย
ทุกตัว แล้วเรามาเปลี่ยนแค่ชื่อตัวละคร หรือยกเอาโลโก้มาเลยก็ได้ เอาของ
เขามาเลย แล้วมาดู เปลี่ยนภาพตรงกลาง เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนดาว กลายเป็น
starbung อ้าว นี่ก็วิธีการสร้างสรรค์อย่างหนึ่งไง Reverse Engineering
5. ย้ำอีกครั้ง โลโก้ ถ้าไม่ใช่รูปร่างภาพสัญญาลักษณ์ที่ซับซ้อน เป็นเรื่องง่าย
ที่จะซ้ำกันครับ เช่น รูปร่างจะเลือก วงกลม วงรี สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทุกอย่าง
มีคนใช้กันหมดแล้ว ตัวหนังสือ จะอยู่ตรงกลาง บน ล่าง ซ้าย ขวา มีคนทำ
หมดแล้ว เอาเรื่อง "ความน่าจะเป็น" มาจับ ก็จะรู้ครับ รูปแบบตำแหน่ง สี
ตัวหนังสือ ฯลฯ ความเป็นไปได้มีที่สิ้นสุดนะครับ
1.
"Blind Taste Tests" คุณเคยอ่านเหตุผลไหมว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น
"Blind Taste Tests" มันไม่ได้มีแค่ 50% ผมอ่าน "Blind Taste Tests" ไม่รู้มาเท่าไหร่
มีทั้ง 70-30, 60-40 ... มากมาย
กรณีศึกษาที่ Coke ของประเทศไทยทำ "Blind Taste Tests" ผลที่ได้คนชอบรสชาติ Pepsi มากกว่า Coke เพราะคนไทยชอบรสหวาน
หลังจากนั้น Coke ก็ได้ปรับรสชาติให้หวานขึ้นช่วงนี้
แต่ผลสุดท้ายยอดขายก็เท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะสาเหตุว่า "อิทธิพลของแบรนด์มากเพียงใด"
คนไม่ได้ดื่มโค๊กเพราะรสชาติ แต่คนดื่มโค๊กเพราะว่าเป็นโค๊ก
ผมแนะนำว่าคุณไปอ่าน "Blind Taste Tests" พวก Thesis ต่างๆมันมีมากมาย และคุณจะเข้าใจมากกว่านี้
2.
ถ้าคุณบอกว่า "ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก"
งั้นถ้าผมจะขายน้ำดำขึ้นมา ผมต้องทำยังไงถึงเลือกว่าไม่ก๊อปโค๊ก ? (ก็คุณบอกว่าCokeกับPepsi ก๊อปกันมา)
เราไม่ได้เลือกต้อต้านเลือกแค่กรณีนี้ กรณีเดียว ผมก็บอกแล้วว่ากรณีนี้มันเกิดมาแล้วหลายครั้ง และมีทั้งชนะและแพ้ (มันไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว)
ทุกคนมีสิทธิในการปกป้องตัวเอง ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการเอาเปรียบในการแข่งขันการค้า
ดังนั้นเขามีสิทธิที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้ มันเป็นสิทธิของบริษัทนั้นพึงมี
3.4.5 ผมมองว่าไม่ต่างกัน
ถ้าคุณมอง Reverse Engineering เป็นการ Copy มากกว่าแรงบันดาลใจ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะคุยกับคุณเช่นกัน
และกรณีที่คุณอ้างอิงเขาไม่เรียกว่า Reverse Engineering แต่เขาเรียกว่าการ Copy ยกเว้นการแต่งเพลงที่ถือเป็น Reverse Engineering
โลโก้ยากมากที่จะซ้ำกัน คุณในวงกลม 3 วง แล้วคำภาษาอังกฤษ 1 คำ รูปมันมีเกิน 100แบบแน่นอน
ผมว่าคุณแยกไม่ออกระหว่าง แรงบันดาลใจ และการลอกเลียนแบบ
มิน่า แรงบันดาลใจมันเยอะจริง เพลงไทยถึงได้เหมือนเพลงฝรั่งเพียบ
เปลี่ยนเนื้อร้อง (ไทย-อังกฤษ) เปลียนเรียบเรียงเสียงประสาน แล้วก็อ้างว่า โน้ตมีแค่
7 ตัวก็ซ้ำกันได้
(ผมเคยเอาเพลงไปให้นักดนตรีระดับอาจารย์ถอดโน้ตมาแล้ว
เหมือนเปรี๊ยบ เอามาทำดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ แบบนี้ไม่เรียกว่า
ก๊อบ สุดยอดมากๆ )
100 แบบ บริษัทในโลกนี้มีกี่บริษัท???
ผมประมาณว่า แค่แบบการวางตำแหน่งคร่าวๆ ก็เป็นพันเป็นหมี่นแล้ว
แต่แบบที่มันออกมาดี มันเหลือไม่เท่าไหร่ สงสัยว่า เคยออกแบบโลโก้
บ้างไหมน้า
เอาเถอะ เลิกคุยดีกว่า
แรงบันดาลใจ??
- Rxxxx likes this
#100
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:21
คุณอยากหยอกย้อนอะไรก็เชิญเถอะ ผมว่าไม่มีประโยชน์
สิ่งที่คุณทำมันก็ไม่ต่างกับสิ่งที่คุณสนับสนุนให้ การ์ตูนที่คุณเอารูปมาอ้างอิงเกิดขึ้นเรื่อยๆ
ผมก็เห็นด้วยนะที่คุณเอารูปนั้นขึ้นมา เผื่อสักวันคุณจะเข้าใจว่าอะไรคือแรงบันดาลใจ อันไหนคือ Copy
เอาเถอะจบเรื่องคุย เหมือนที่คุณว่าดีกว่า
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน