Jump to content


Photo
- - - - -

คิดอย่างไร ต่อกรณีศึกษา “สตาร์บัง (STARBUNG)” และ “สตาร์บัค (STARBUCKS)”


  • Please log in to reply
137 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:12

**กระทู้นี้ ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสม (เพราะไม่ใช่การเมือง) mod ลบได้นะครับ

 

 

HSS6RJ.jpg

 

"สตาร์บัคส์" ***ม! ฟ้อง "สตาร์บัง" ขอศาลสั่งขัง เรียก 3 แสน จ่ายรายเดือนอีก 3 หมื่น

"สตาร์บัคส์" กาแฟระดับโลกเอาจริง! ฟ้องกาแฟรถเข็น "สตาร์บัง" ขอศาลคุ้มครองชั่วคราวสั่งจับและกักขัง

2 พี่น้องเจ้าของร้าน พร้อมเล่นอาญาฟันผิด พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า จ่ายค่าเสียหาย 300,000 บาท

พร้อมจ่ายย้อนหลังเดือนละ 30,000 บาท ศาลสั่งไต่สวนคดีแรก 4 พ.ย.นี้ ส่วนคดีที่ 2 นัด 10 ก.พ.57

"บัง" ยันใช้โลโก้อิงศาสนา พร้อมสู้คดี แต่โอดเลี้ยงลูก 6 คน ใช้กินวันชนวันจะจ่ายยังไง

วันนี้ (17 ต.ค.) มีรายงานความคืบหน้ากรณีที่ บ.สตาร์บัคส์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของร้านกาแฟ สตาร์บัคส์

เตรียมดำเนินคดีกับร้านกาแฟรถเครื่อง สตาร์บัง ที่ขายอยู่ริมถนนบริเวณหน้า ถ.พระอาทิตย์ เขตพระนคร กทม.

ล่าสุดได้มีรายงานว่า บ.สตาร์บัคส์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

ให้มีคำสั่งจับกุมและกักขังนายดำรงค์ มัสแหละ หรือ "บัง" เจ้าของร้านกาแฟรถเข็นสตาร์บัง และนายดำรัส

น้องชาย ผู้จะถูกฟ้องที่ 1 และ 2 แล้ว ในคดีหมายเลขดำที่ คค.1/2556 และคดีหมายเลขแดงที่ คค.1/2556

ลงวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้นัดไต่สวนในวันที่ 4 พ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.

โดยคำร้องของบ.สตาร์บัคส์ ได้ระบุว่า ก่อนหน้านี้ บ.สตาร์บัคส์ฯ ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนฟ้องคดี

ต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.และศาลฯ ก็ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนฟ้องห้ามมิให้นายดำรงค์ และพวกใช้

เครื่องหมายรูปประดิษฐ์และคำ STARBUNG COFFEE กับสินค้าเสื้อยืดคอกลมและเสื้อผ้าและกระดาษหุ้มแก้ว

บรรจุกาแฟหรือเครื่องดื่มที่ขาย รวมทั้งเครื่องหมาย "สตาร์บัง" ที่เป็นพื้นสีเขียว ตัวอักษรสีเข้มตามวัตถุพยาน 

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้จะถูกฟ้องทั้ง 2 ได้รับหมายห้ามชั่วคราวของศาลแล้ว แต่หาได้ปฏิบัติตาม

คำสั่งศาลไม่ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งดังกล่า

นอกจากนี้ บ.สตาร์บัคส์ฯ ยังได้ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีอาญา

หมายเลขดำที่ อ.4019/2556 ด้วย ซึ่งศาลได้มีคำสั่งไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 10 ก.พ.2557 เวลา 09.00 น.

โดยฟ้องในข้อหาเลียนเครื่องหมายการค้า พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ม.109,110 ขอศาลให้สั่ง

ห้ามไม่ให้จำเลยกระทำการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าและการบริการของโจทก์ต่อไป ให้ยุติการเลียน

และยุติจำหน่ายสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้าที่เลียน ให้ริบสินค้าที่เลียนและให้ทำลายสินค้าดังกล่าว โดย

ให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้ร่วมกันชำระเงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 30,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็น

ต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะยุติการละเมิด และให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความกับ

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่โจทก์

ทั้งนี้คำฟ้องระบุว่า โจทก์ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟและชาที่มีชื่อเสียงระดับโลก

โดยมีสาขามากกว่า 18,000 สาขา ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าและการ

บริการคำว่า STARBUCK และ STARBUCKS และรูปคนประดิษฐ์ในวงกลมพื้นสีเขียว ได้จดทะเบียนการค้าไว้

ทั่วโลกรวมทั้งไทย และได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าจนสาธารณะทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี

ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีกาแฟและชาเป็นส่วนผสม โดยมีรถเข็นจำหน่าย

อยู่บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ เหตุที่ต้องฟ้องเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ก.ย.55 - ปัจจุบัน ได้บังอาจกระทำ

ความผิดต่อกฏหมายโดยทำเครื่องหมาย "สตาร์บัง" มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า

เป็นเครื่องหมายการค้า "สตาร์บัคส์" โดยโจทก์ได้ส่งหนังสือเตือนเมื่อ 17 ต.ค.55 แต่จำเลยกลับกระทำการ

อันเป็นการละเมิดสิทธิ์มากยิ่งขึ้นโดยการผลิตรูปลอกและปลอกหุ้มแก้วกาแฟและเสื้อผ้า เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ

ว่าสินค้ามีความเกี่ยวข้องกับสตาร์บัคส์ โจกท์จึงได้มีหนังสือเตือนอีกครั้ง แต่นายดำรงค์ กลับเรียกร้องและข่มขู่

ให้ชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 3,000,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้ปฏิเสธ และทำให้นายดำรงค์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้โจทก์ยังได้ร้องขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเชิญนายดำรง เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาท

แต่นายดำรงค์ กลับข่มขู่เจ้าหน้าที่และปฏิเสธที่จะไกล่เกลี่ย โดยมุ่งหวังที่จะให้ใช้มาตรการทางอาญาที่รุนแรงเพื่อ

ให้สื่อสารมวลชนที่ติดตามการดำเนินคดีนำข่าวสู่สาธารณะชนเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียชื่อเสียง ในขณะที่จำเลย

ได้รับประโยชน์แต่โจทก์กลับต้องได้รับความเสียหายจากบุคคลที่ยังไม่รู้สตาร์บัคส์ อาจจะสับสนหลงผิดว่าสินค้าสตาร์บัง

มีความเกี่ยวข้องกัน ขณะที่ลูกค้าก็อาจเสื่อมความนิยมเชื่อถือในคุณภาพสินค้า โจทก์ได้พยายามทุกวิถีทางให้ข้อพิพาท

ยุติลงโดยไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งหากจำเลยทั้ง 2 ยังคงดำเนินการต่อไปย่อมจะนำมาซึ่งความเสียหายที่

ไม่อาจประมาณการและใหญ่หลวงแก่สตาร์บัคส์

การกระทำของจำเลยนับเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องมีหน้าที่

ชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ในชั้นนี้ จากการละเมิดเลียนเครื่องหมายการค้า และค่าใช้จ่ายในการบังคับสิทธิในเครื่อง

หมายการค้า เพียง 300,000 บาท และขอเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกเป็นรายเดือนๆ ละ 30,000 บาท นับแต่

วันที่ฟ้องเป้นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสองจะเลิกใช้เครื่องหมายที่พิพาท

ขณะที่นายดำรงค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ทนายของทาง บ.สตาร์บัคส์

ได้เจรจาเพื่อขอยกเลิกชื่อ "สตาร์บัง" แต่ตนก็ไม่ยอม ทั้งนี้ตนได้มีการแก้ไขให้ตั้งแต่วันแรกที่ทางทนายได้ยื่นหนังสือ

เตือนมา โดยเครื่องหมายการค้าที่ตนใช้นั้นได้อิงตามหลักศาสนาอิสลามที่ตนนับถือ ทั้งสีเขียวพื้นหลัง โลโก้รูปดาวกับเดือน

เครื่องหมายฮาลาล และชื่อบังที่มาจากภาษามลายู อีกทั้งตนก็ไม่ได้ใช้คำว่าบัคส์ ตนจึงสงสัยว่าตนผิดตรงไหน

อักษรที่ใช้ก็มีลักษณะไม่เหมือนกัน ถ้าก๊อป*** (ลอกเลียนแบบ) แล้วมันต้องเหมือนเป๊ะ อันนี้ไม่ใช่ แถมไม่ให้ใช้โลโก้

ภาษาไทยด้วยมันก็ละเมิดสิทธิ์ตนเกินไป ส่วนกรณีที่คำฟ้องอ้างว่าตนได้มีการข่มขู่เรียกค่าเสียหายจำนวน 3 ล้านบาทนั้น

ตนเพียงแค่บอกว่าถ้าจะขอให้ตนยกเลิกเครื่องหมายการค้าตนก็ขอขายกิจการให้ทั้งหมดเป็นเงิน 3 ล้านบาท

ส่วนที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท และจ่ายรายเดือนอีกเดือนละ 30,000 บาท นั้น นายดำรงค์

กล่าวว่า ตนใช้วันกินวัน เลี้ยงลูก 6 คน จะมีให้ได้ยังไง ขายแก้วละ 20 - 30 บาท รายได้ปีนึงยังไม่เท่ากับวันนึงของเขาเลย

กาแฟ ชา ของเรากับเขาก็คนละอย่าง ไม่ได้ซื้อเครื่องมาใช้เหมือนเขา ขณะที่การดำเนินคดีก็ยังคงต่อสู้ต่อไป
////////////////////
ที่มา kapooknews.blogspot.com

 

 

 

ผมเห็นข่าวนี้แชร์กันเกลื่อนเนต เพราะเป็นกรณีที่ไม่ค่อยมีให้เห็นเป็นข่าวกันนัก

ด้วยความแตกต่างของบริษัทต้นฉบับและร้านย่อยที่ทำเหมือนลอกเลียนแบบ

โลโก้ เป็นเครื่องหมายการค้าที่ต้องใช้ประกอบเอกสารในการจดทะเบียนบริษัท

ในด้านลิขสิทธิ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะลอกเลียนกันไม่ได้

ดังที่เราเคยได้ยินได้เห็นข่าวจากหลายแหล่ง ในเรื่องโทษการลอกเลียน ปลอมแปลงลิขสิทธิ์

การลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า ซึ่งอาจนำไปเผยแพร่และก่อให้เกิดการเข้าใจผิด

ต่อตัวสินค้าหรือแบรนด์สินค้าเดิมได้

 

แต่ทั้งนี้ ผมไม่ทราบในแง่กฏหมาย เพราะเชื่อว่า ร้านกาแฟ “สตาร์บัง” 

คงไม่ได้จดทะเบียนการค้าแต่อย่างใด เพราะเป้นเพียงกาแฟรถเข็น 

ดังนั้น ไม่ทราบจะเข้าข่ายผิดกฏหมายได้แค่ไหน

อีกทั้ง ร้านรถเข็นเล็กๆ ไม่น่าจะก่อให้เกิดการเข้าใจผิดและสับสนต่อลูกค้าได้เลย

แต่จากเนื้อข่าว เห็นว่ามีการตักเตือนกันมาบ้างแล้ว แต่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ

แต่กลับมีการฟ้องกลับเพื่อเรียกเงินมูลค่าถึง 3 ล้านบาทจากผู้ดำเนินการร้านสตาร์บัง

จึงเป็นเหตุให้สตาร์บัคต้องฟ้องร้องส่วนลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้ากลับไป

 

เรื่องนี้ เป็นเรื่องดราม่าในโซเชียล 

เพราะดูเป็นการรังแกผู้น้อยของร้านใหญ่ ที่มีสาขาไปทั่วโลก

แต่กลับฟ้องร้องเอาลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าเอากับร้านกาแฟเล้กๆ ที่ไม่ได้มีร้านค้าของตัวเองซะด้วยซ้ำ

แต่อีกนัยหนึ่ง ลิขสิทธิ์ทางปัญญาก็เป็นสิ่งที่เราต้องดูประกอบไปด้วย

รวมถึงเมื่อมีการตักเตือนจากร้าน สตาร์บังก็หาได้สนใจจะเปลี่ยนแปลง

 

อยากทราบความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิกเสรีไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

ส่วนตัวผม เข้าข้างสตาร์บัง 60 และสตาร์บัค 40 ครับ

เพราะเห็นใจที่เป็นร้านเล้ก ไม่ได้มีส่วนแย่งลูกค้ากันแน่นอน

แต่ยังให้เปอร์เซ็นต์กับวามถูกต้องอยู่บ้าง

 

 

 

 

มีรายละเอียดเสริมเกี่ยวกับร้านสตาร์บัคนิดหน่อยครับ

 

 

เริ่มกันที่เรื่อง logo เทพ อย่าง Starbucks ก่อน Logo Starbucks เป็นการรวมกันระหว่าง
mermaid และ เทพ siren ของกรีก ซึ่งมีใบหน้าและลำตัวเป็นผู้หญิงและมีหางเป็นปลา 2 หาง
โดย logo ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น ได้มีการแก้ไขมาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเทพ Siren นั้นอยู่ใน
สภาพที่เปลือยอกด้านบน และมี 2 หาง ใน version 2 ก็ได้มีการเอาผมลงมาปกปิดหน้าอกทั้ง
2 ข้างนั้นซะ แต่ก็ยังคงเห็นสะดืออยู่ ส่วน version 3 หรือตัวปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก
และสะดือ ถูกปกปิดหมด แถมยังได้เติมสีเขียวเข้าไปด้วย (จากที่ก่อนหน้าเป็นขาวดำ)
อย่างไรก็ตาม ในงานครบรอบ 35 ปี ทาง Starbucks ก็ได้นำ logo version แรกกลับมาใช้
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองด้วย
 
บางคนอาจจะงงว่า แล้วชื่อ Starbucks มาเกี่ยวอะไรกับกาแฟ ..​ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับ
ชื่อ Starbuck เป็นชื่อของผู้ช่วยกัปตัน Ahab ในเรื่อง Moby-Dick ที่เจ้าของ Starbucks
ชื่นชอบนั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นจริงๆแล้วมีอีกชื่อหนึ่งที่ชอบมากกว่านั่นคือชื่อ "Pequod" (อ่านว่า พี ควด นะผมว่า)
แต่ทางหุ้นส่วนบอกว่า คงไม่มีใครคิดอยากจะกินกาแฟยี่ห้อ Pequod หรอก จึงได้ตกลงใช้คำว่า
Starbucks จนมาถึงทุกวันนี้
 
 
ถ้าเราจะสังเกตุดู ในโลโก้เวอร์ชั่นแรก จะเห็นได้ว้ามีลักษณะเป็นนางเงือก 2 หาง ถูกจับยกขึ้น
 
J86Uom.jpg
 
มึคนตั้งข้อสังเกตุครับ ว่ามีความหมายแฝงอยู่ในโลโก้หรือไม่
จึงลองจับพลิกดู ผลที่ได้เป็นแบบนี้ครับ
 
Z8i2Ze.jpg
 
ที่นี้ผมจะเอาโล้โก้แบบที่ 2 (สีดำ) ซึ่งจะดูได้ง่ายที่สุด ถ้าเราลองเอาโลโก้มากลับหัวดู
อาจจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ซึ่งก็คือที่มาของโลโก้ของร้านนั่นเองครับ 
 
พอจะมองออกหรือยังครับ ภาพที่ได้ก็คือ "หัวกระโหลกของแพะ" หรือก็คือ
" Baphomet " ซึ่งก็สื่อถึงบิดาแห่งการล่อลวง การโกหก ความโลภ และความชั่วร้าย
ทั้งปวง ก็คือ "ซาตาน" นั่นเองครับ
  
คงไม่ต้องบอกนะครับว่าธุรกิจร้านกาแฟ "Starbucks" ชื่อก้องโลกแห่งนี้เป็นของกลุ่มไหน
แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจอีกเลยว่าทำไมผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก "ติด" กาแฟกันงอมแงม
ขนาดนี้ ขอสารภาพครับว่า ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น หรือที่เรียกอย่างสวยหรูว่า "คอกาแฟ"
ประมาณว่าแทบจะดื่มแทนน้ำครับ เพราะราคากาแฟสตาร์บัคในอเมริกาที่ผมเคยไปอาศัย
อยู่ก็เปรียบได้กับราคากาแฟที่เราต้องจ่ายซื้อกาแฟรถเข็นในบ้านเราเท่านั้น จนวันนี้เลิกดื่ม
ไปแล้วครับ แต่อาทิตย์แรกของความพยายามเลิกดื่มกาแฟนั้น แทบจะนอนหลับไปแล้ว
ครึ่งอาทิตย์ในเวลากลางวันเพราะอาการเบลอและปวดหัวอย่างรุนแรง 
 
ถ้าใครที่ยังติดกาแฟอย่างงอมแงมอยู่ ลองหยุดชนิดไม่แตะเลยสิครับ แล้วจะรู้ว่า ถึงไม่ดื่ม
กาแฟก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ร่างกายก็ปกติและแข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องอาศัย "สารกระตุ้น"
ใดๆที่เป็นส่วนประกอบหลักในกาแฟ สรุปก็เลยคิดได้ว่า เราดื่มมันมาทำไมตั้งหลายสิบปีล่ะครับ!!!  
 
Note : การซ่อนปริศนาหรือข้อความไว้ในรูปภาพในลักษณะนี้เรียกว่า "Subliminal Messages"
ครับ ในโพสต์ต่อๆไป ผมจะเชื่อมโยงให้เห็น "Subliminal Messages" ที่ถูกซ่อนไว้อีกที่หนึ่ง
ที่อาจจะทำนายถึงเหตุการณ์ที่อาจจะช๊อคและเปลี่ยนแปลงโลกดังเช่นเหตุการณ์ 911 หรือ
การถล่มตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์  ฉะนั้น "Starbucks" เป็นเพียงหนังตัวอย่างให้ทดลองดูก่อนครับ 
 
 
 
 
1gCAlK.gif
 
ทีนี้ มาว่ากันที่ตัวนางเงือก 2 หาง ซึ่งไม่ใส่เสื้อผ้า
แม้เวอร์ชั่นหลังจะไม่เห็นหน้าอก แต่ก็ยังไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ดี
ปัญหาไม่ใช่ตรงเสื้อผ้าครับ แต่เป็นตรงหาง
ซึ่งมี 2 หาง และถูกนางจับยกขึ้นมา ในลักษณะดังภาพ
ดูแล้วนึกถึงอะไรครับ
 
มีบางคนนึกถึงท่วงท่าการมีเพศสัมพันธ์
เป็นลักษณะการเชื้อเชิญอย่างชัดเจน เพราะถึงขั้นฉีกขาให้ครับ
 
 
 
 
 
 
ทีเหลือ เชิญวิพากษ์ครับ

Edited by tonythebest, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:14.

ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#2 บางสิบหมื่น

บางสิบหมื่น

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 152 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:29

ที่จริงไม่น่าจะฟ้องร้องอะไรเค้าเลย รถเข็นนะครับไม่ได้มีร้านใหญ่โต ชื่อก็ไม่เหมือน สีก็เข้มกว่า โลโก้ตัวบังก็ไม่เหมือน ที่เหมือนคือแค่เป็นวงกลมเอง ไม่น่าจะต้องเอาจริงขนาดนั้น

ส่วนตัว Starbucks ทำเกินไปมาก จากรูปที่เค้าอธิบายเกี่ยวกับโลโก้น่าจะเลิกแล้วต่อกันได้แล้ว มองอีกแง่บังก็จงใจทำให้คล้ายเพื่อเป็นจุดขาย แต่คล้ายก็ไม่เหมือนนี่นาไม่เห็นจะต้องเอาจริงเอาจังขนาดนั้นเลย 



#3 วิท

วิท

    ขาแพง

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,333 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:36

*
POPULAR

ผมเห็นว่าควรฟ้อง. หลังจากสตาร์บัคเตือนไปแล้ว.

เพราะสตาร์บังเจตนาชัดเจนที่จะเลียนแบบโลโก้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ. การจะอ้างเป็นเพียงร้านเล็กๆแล้วจะทำอะไรก็ได้ที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นผมมองว่าไม่สมควร. อีทั้งสตาร์บัคเตือนหลายครั้งแล้วแต่ร้านสตาร์บังไม่คิดแก้ไขแสดงว่ามีเจตนัดเจนที่จะละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น

#4 บางสิบหมื่น

บางสิบหมื่น

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 152 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:40

D13076356-36.png 

โลโก้วงกลมสีเขียวนะครับ มีมากมาย



#5 applejaa

applejaa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 460 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:44

เหมือนกรณี โลตัสด้วยได้ป่ะ  เวลารีบ ๆ ถ้าไม่เพ่งยี่ห้อนี่ต้องหยิบของผิดทู๊กกกที  สีกะขวดนี่ เลียนแบบยี่ห้ออื่นเป๊ะ ๆ 



#6 butadad

butadad

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,119 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:46

อยู่เมืองไทย starbucks ผมไม่ค่อยกินมันแพง  แบบปั่นเพิ่มวิปแก้วละ 160

แต่เวลาไปเมืองนอก กินตลอดเลย ถูกโคตร

ส่วนเรื่องโลโก้ หยวนๆกับบังหน่อยเหอะ  ผมว่ามันก็ไม่ได้ลอกกันขนาดนั้นนะ

 

 

ปล  เรื่องสมคบคิดนี่น่าคิดเนอะ


Edited by butadad, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:47.


#7 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:48

ถ้าเราจะสังเกตุ จะเห็นได้ว่า

ร้านกาแฟเล้กๆ จำนวนมากมายในบ้านเรา

ที่จงใจทำโลโก้เป็นแนววงกลม มีตัวอักษรล้อมรอบ

อาจเปลี่ยนเป็นสีอื่น หรือคำอื่น

แต่ผมก็เชื่อว่ามันเป็นอิทธิพลหรือความจงใจ

ที่จะทำเลียนแบบ

 

รวมถึงป้ายชื่อที่เป็นป้ายไฟทรงกลม ที่เราจะเห็นได้จากทุกหัวระแหงทีเดียวครับ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#8 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:50

ผมเชื่อว่า สตาร์บัง มีเจตนาในการลอกเลียนแบบ สตาร์บัค ไม่มากก็น้อย

 

มาก คือ ตั้งใจจะลอกเลียนให้คล้ายเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ลูกค้า

 

น้อย คือ เจตนาล้อเลียนกาแฟแบรนด์โลกให้เป็นที่สนุกกันไป

 

 

 

ทั้งสองแบบนี้ในประเทศแถบเอเชียเกิดขึ้นบ่อยมาก เช่น

 

โทรทัศน์ยี่ห้อ SONY ก็ทำโลโก้แบบเดียวกัน แล้วใช้ชื่อว่า SOMY

 

รองเท้า Adidas ก็ทำโลโก้แบบเดียวกัน แล้วใช้ชื่อว่า Addidas เป็นต้น

 

 

สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงเจตนาคือ ส่วนประกอบต่างๆ ในภาพเครื่องหมายการค้า

ว่าลอกเลียนหรือตั้งใจจะให้เหมือนแค่ไหนอย่างไร

 

จากกรณีสตาร์บังนี้ ทราบว่าได้มีการเตือนแล้วแต่ก็ยังมีการกระทำอยู่

 

ผมทึกทักเอาเองว่า เจ้าของร้านคงคิดไม่ถึงว่าสตาร์บัคจะทำเป็นเรื่องใหญ่โต จึงเพิกเฉยเสีย

แต่สุดท้ายกลับไม่ใช่อย่างที่ตนคิด

 

สิ่งที่สตาร์บังจะทำได้ตอนนี้ก็คือ หาทนายเก่งๆ มาสู้คดีกับสตาร์บัค

เพื่อให้ทนายช่วยหาช่องทางในการต่อสู้ที่เหมาะสม


Edited by ม่านน้ำ, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:52.

Posted Image


#9 เพื่อนร่วมชาติ

เพื่อนร่วมชาติ

    พรานล่าปูไปรยา

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,788 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:52

ได้ทนายเก่ง ๆ ผมว่าบังชนะคดีได้นะ


ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง


#10 Solid Snake

Solid Snake

    แดงกำมะลอ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,892 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:57

ในเมื่อเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่ได้ยึดติดกับโลโก้ ทำไมถึงต้องขัดคำสั่งศาลที่ให้หยุดใช้โลโก้ที่มีปัญหาไปก่อนกันหว่า



#11 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:03

D12835783-1.png

 

F12355593-0.jpg

 

ถ้าตามรูปนี้ ผมว่าไม่ผิดแน่นอน...

...เพราะตัวอักษรกับรูปดาวและพื้นเขียว เป็นของสาธารณะ...

หัวใจของโลโก้นี้อยู่ที่ภาพตรงกลางเป็นสำคัญซะมากกว่า

...ลูกค้าก็คนละกลุ่มกัน...

มูลค่าความเสียหายการแข่งขันทางธุรกิจ ก็ไม่เกี่ยวกัน

ปล.เคยมีคำตัดสินของศาลแล้วว่า FONTภาษาต่างๆ ไม่มีลิขสิทธิ์


Edited by คนกรุงธน, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:18.

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#12 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:09

โลโก้โลตัสเนี่ย

ผมคิด (เอาเอง) ว่าเป็นความจงใจของเขาครับ

เพราะเฮาส์แบรนด์ ซึงไม่แน่ใจว่าใช้โรงงานของสินค้านั้นๆ ผลิตให้ด้วยหรือไม่ด้วยซ้ำ

คิดว่าคงจะมีการคุยกันแล้ว เพราะดูจะจงใจวางไกล้กันด้วยซ้ำ

ถ้าเป็นอย่างที่ผมสันนิฐาน ก็ถือเป็นความจำใจของสินค้าใดๆ

ที่ต้องทำตาม เพื่อจะได้มีตำแหน่งวางในเชลล์ของโลตัสได้

 

 hUppH1.jpg UJFxWZ.jpg XNa8IX.jpg VIIGjq.jpg UXlaWo.jpg uvm9no.jpg 5o3coA.jpg


Edited by tonythebest, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:19.

ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#13 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:11

http://www.nitithana.../Notary-29.html

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8902/2543 พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า (มาตรา 6 (3), 8 (11) )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8902/2543                                
                                บริษัท สมิธไคล์น บีแซม (ออสเตรเลีย) พีทีวาย ลิมิเต็ด     โจทก์
                                บริษัท บางกอกแล็บ แอนด์คอสเมติค จำกัด                        จำเลย

พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 6 (3), 8 (11)

     เครื่องหมายการค้าทั้งของโจทก์และจำเลยประกอบด้วยคำว่า ZENTEL และ ZENTAB เป็นสาระสำคัญ ตัวอักษรต่างกันเพียง 2 ตัวสุดท้าย ลักษณะการวางรูปแบบและขนาดตัวอักษรเหมือนกัน ส่วนเสียงเรียกขานก็แตกต่างกันเล็กน้อย เช่นกัน โดยใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกัน ทั้งสาธารณชนจำนวนมากมิได้มีความรู้ในภาษาอังกฤษหรือตัวอักษรโรมัน ย่อมยากที่จะสังเกตข้อแตกต่างของเครื่องหมายการค้าทั้งสองได้ ถือว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยคล้ายกับของโจทก์ที่ได้จดทะเบียนไว้ก่อนจน อาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า ได้

     โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอักษรโรมัน คำว่า “ZENTEL, กับรูปประดิษฐ์ผู้ชายผู้หญิงและเด็กชาย 4 คน” และอักษรไทยคำว่า “เซนเทล” โดยใช้สินค้าจำพวกที่ 5 ได้แก่ ยารักษาโรคพยาธิที่โจทก์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายมาเป็นเวลาช้านานโดยได้โฆษณา สินค้าดังกล่าวในประเทศต่าง ๆ จนแพร่หลาย และโจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “ZENTEL” กับรูปประดิษฐ์ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กรวม 4 คน” เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2527 อักษรโรมันในคำว่า “ZENTEL” และอักษรไทยคำว่า “เซนเทล” เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2530 จำเลยได้ใช้และยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “ZENTEL” สำหรับสินค้าจำพวกที่ 5 ได้แก่ยารักษาโรคพยาธิเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2538 โจทก์จึงได้ยื่นคำคัดค้านนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่อง หมายการค้าได้วินิจฉัยยกคำคัดค้านและยกอุทธรณ์ของโจทก์ตามลำดับ โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าว ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า ZENTEL ดีกว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า ZENTAB ของจำเลย และสั่งให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ 295548 หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาให้จำเลยเลิกใช้ เครื่องหมายการค้า ZENTAB และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 200,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะถอนคำขอและเลิกใช้เครื่อหงมายการค้าดัง กล่าว

     จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า ZENTAB อ่านว่า เซนแทบ ซึ่งมีรูปลักษณะและเสียงเรียกขานแตกต่างกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่อาจ ทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าจึงชอบแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

     ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “...มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าเครื่องหมายการค้าอักษรโรมัน คำว่า “ZENTAB” ของจำเลยเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า “ZENTEL” ของโจทก์หรือไม่ และใครมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่ากัน เห็นว่า เครื่องหมายการค้าทั้งของโจทก์และจำเลยประกอบด้วยคำว่า ZENTEL และ ZENTAB เป็นสาระสำคัญซึ่งคำ 2 คำ ดังกล่าวต่างใช้ตัวอักษรโรมัน 6 ตัว และเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เหมือนกัน มีตัวอักษรที่เรียง 4 ตัวแรก คือ “ZENT” เหมือนกัน ต่างกันเพียงอักษรสองตัวท้าย คือ “EL” กับ “AB” เท่านั้น ทั้งลักษณะของการวางรูปแบบตัวอักษรและขนาดของตัวอักษรที่เป็นเครื่องหมายการ ค้าของโจทก์และจำเลยเหมือนกันนับได้ว่าลักษณะของคำ 2 คำ ที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้านี้มีส่วนแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยเรียกขานว่า “เซนเทล” กับ “เซนแทบ” ตามลำดับซึ่งแตกต่างกันเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยที่ใช้คำ 2 คำดังกล่าวเป็นสาระสำคัญในเครื่องหมายการค้าซึ่งมีรูปลักษณะและสำเนียงเรียก ขานแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยและใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกันและเมื่อคำนึงถึง ว่าสาธารณชนจำนวนมากมิได้มีความรู้ในภาษาอังกฤษ หรือตัวอักษรโรมัน ย่อมยากที่จะสังเกตถึงข้อแตกต่างของเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยจึง อาจสับสนหลงผิดได้ ถือได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยดังกล่าวคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของ โจทก์ซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อนจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้า ของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ จึงไม่ใช่เครื่องหมายการค้าที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าพึงจะรับจด ทะเบียนให้ได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 6 (3) จำเลยย่อมไม่มีสิทธิใช้และขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

     พิพากษากลับ ห้ามจำเลยใช้และขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า ZENTAB ต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า ZENTAB

(     ยงยศ  นิสภัครกุล   -    พินิจ  เพชรรุ่ง   -    สุรศักดิ์  กาญจนวิทย์   )

หมายเหตุ

     คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้ มีประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับว่าเครื่องหมาย ZENTEL ของโจทก์กับ ZENTAB ของจำเลยคล้ายกันจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่ง กำเนินของสินค้าหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 6 (3) ประกอบมาตรา 8 (11) ซึ่งจะทำให้เครื่องหมายของจำเลยต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียน

     ศาลฎีกาในคดีนี้ใช้เหตุผลหลักในการวินิจฉัยความคล้ายโดยอาศัยเทียบเคียงคำทั้งสองนี้ใน 2 ลักษณะ คือ

     1.  ลักษณะของตัวอักษรในคำทั้งสองนี้ที่เห็นได้ด้วยตา
     2.  เสียงอ่านของคำทั้งสองนี้
      ศาลฎีกาเห็นว่าลักษณะทั้งสองนี้แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยมีเหตุผลประกอบคำวินิจฉัยดังกล่าวด้วยว่า
                1.  เป็นเครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกัน (ยารักษาโรคพยาธิ)
                2.  สาธารณชนจำนวนมากมิได้มีความรู้ในภาษาอังกฤษที่จะสังเกตความแตกต่าง

     ซึ่งเหตุผลดังกล่าวข้างต้นเป็นไปในทำนองเดียวกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8512/2538 แต่คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8512/2538 นั้นให้เหตุผลประกอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของเม็ดยาและบรรจุภัณฑ์ว่า ทั้งเม็ดยา (ยาระบายใช้แก้อาการท้องผูก) และซองบรรจุมีลักษณะกลมนูน มีขนาดเท่ากับ เม็ดยามีผิวเคลือบสีน้ำตาล

     สำหรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางนำสืบของคดีที่กำลังหมายเหตุอยู่นี้นั้น ได้ความด้วยว่า โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้รวม 3 แบบ คือ คำว่า “ZENTEL” ZENTEL กับรูปประดิษฐ์ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กรวม 4 คน และอักษรไทยคำว่า “เซนเทล” โดยโจทก์ได้นำเครื่องหมายการค้าทั้ง 3 แบบ มารวมใช้ด้วยกันบนบรรจุภัณฑ์ของโจทก์ให้สีเป็นโทนสีแดง เหลือง และส้มบนพื้นสีขาว ซึ่งบรรจุภัณฑ์นี้ใช้บรรจุแผงยาที่เป็นอลูมิเนียมฟรอยด์อีกชั้นหนึ่ง ส่วนของจำเลยนั้นให้โทนสีขาว เขียว บนพื้นที่สีน้ำเงินกับมีรูปพยาธิชนิดต่าง ๆ ประกอบอยู่ ส่วนลักษณะและสรรพคุณของเม็ดยานั้นได้ความว่ามีตัวยาสามัญเหมือนกัน รับประทานครั้งละ 2 เม็ดและมีขนาด 200 มิลลิกรัมเท่ากัน โดยตัวเม็ดยาเป็นสีขาวเหมือนกันซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง ประเทศกลางเห็นว่า ลักษณะบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ให้ผู้บริโภคเห็นได้ชัดถึงความแตก ต่างของสินค้าของโจทก์และจำเลย ส่วนความเหมือนกันของขนาดลักษณะ และสีของเม็ดยาที่บรรจุอยู่ภายในนั้น เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจะเห็นได้เมื่อซื้อไปใช้แล้ว

     นอกจากนี้ ยังได้ความว่าลักษณะการจำหน่ายสินค้าประเภทนี้มีการจัดเรียงไว้เป็นหมวดหมู่ ไว้ในร้านขายยา ผู้ขายจะเป็นผู้สอบถามและหยิบยาให้แก่ผู้ซื้อ รวมทั้งผู้ขายอาจเลือกหยิบยาของผู้ผลิตที่เสนอผลตอบแทนการขายให้แก่ผู้ขาย มากที่สุดด้วย ด้วยเหตุนี้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ จึงเห็นว่า สินค้าประเภทนี้แตกต่างจากสินค้าจำพวกอุปโภคบริโภคประจำวัน ซึ่งผู้ซื้อต้องเลือกและหยิบสินค้าที่ต้องการเอง

     ศาลในต่างประเทศใช้เกณฑ์หลายประการในการวินิจฉัยว่า เครื่องหมายการค้าสองเครื่องหมายที่เป็นปัญหา อาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดหรือไม่เกณฑ์ที่ว่านี้ได้แก่
        1.  ความแข็งแกร่งของเครื่องหมายการค้าในแง่ที่ว่าเป็นที่รู้จักแพร่หลายเพียงใด
        2.  ความเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกันของตัวสินค้า
        3.  ความคล้ายคลึงกันของเครื่องหมายการค้าทั้งสอง
        4.  ความสับสนหลงผิดของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
        5.  ช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งสองชนิด
        6.  ประเภทของสินค้าและลักษณะการใช้ความระมัดระวังของผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้านั้น ๆ
        7.  เจตนาในการเลือกใช้เครื่องหมายการค้าที่มีปัญหา
        8.  ความเป็นไปได้ที่สินค้าของจำเลยจะแข่งขันกับสินค้าของโจทก์ จนมียอดขายเพิ่มมากขึ้นจากการใช้เครื่องหมายการค้าที่พิพาท
        9.  ความคล้ายคลึงกันในการโฆษณาสินค้าทั้งสองตามสื่อต่าง ๆ 2

     ในเมื่อเกณฑ์ที่ใช้ได้มีหลายประการเช่นนี้ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าจะต้องพิจารณา เกณฑ์ทั้งหมดให้ได้ความว่าอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิด หรือว่าเพียงแต่เลือกหยิบยกเอาเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งขึ้นพิจารณาให้ได้ความก็ เพียงพอแล้ว ถ้าเช่นนี้ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นว่าแล้วศาลควรจะให้น้ำหนักแก่เกณฑ์ข้อใดมาก น้อยเพียงใดหรือควรถือว่าเกณฑ์ทุกข้อมีน้ำหนักเท่าเทียมกันในการตอบปัญหาดัง กล่าว ซึ่งก็แล้วแต่ศาลจะเลือกเอาเกณฑ์ใดขึ้นใช้วินิจฉัยปัญหา

     แต่อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติทนายความของคู่ความก็มักพยายามจะนำสืบข้อเท็จจริงให้ศาลเห็นว่า มีข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์หรือไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้นให้มากที่สุด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพของข้อเท็จจริงในแต่ละคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป

     สำหรับผู้เขียนนั้นเห็นว่า ในการที่ศาลจะวินิจฉัยปัญหาเรื่องนี้จำเป็นต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่หลากหลาย แง่มุม ทั้งนี้โดยไม่จำกัดอยู่เพียงแต่เกณฑ์ในเรื่องความคล้ายคลึงของคำที่ใช้อยู่ ในเครื่องหมายนั้น ๆ เป็นหลักแต่เพียงอย่างเดียว เพราะสินค้าแต่ละประเภทย่อมมีลักษณะจำเพาะนับตั้งแต่รูปทรงของสินค้า บรรจุภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่าย ลูกค้าเป้าหมาย และรวมทั้งลักษณะการขายก่อนถึงมือผู้บริโภคกับโอกาสในการเข้าถึงตัวสินค้า นั้น ๆ โดยผู้บริโภคเองด้วย ทั้งนี้เพราะปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้โอกาสของความสับสนหรือหลงผิดอาจเกิดขึ้นหรือ ไม่ก็ได้ด้วย

สอนชัย    สิราริยกุล
1  Robert P. Merges, Intellectual property in the New Technological Age, 1997 p. 635-642

2  Virginia S. Taylor, J. David Mayberry and Theodor H. David, Jr., Acquisition of Trademark Rights Under United States Law in Intellectual Property Desk Reference Patent, Trademarks, Copyright, Trade Secrets and Unfair Competition, 1997 p. 19-20.

 อ้างอิง : คำพิพากษาศาลฎีกา เล่มที่ 9, สำนักงานศาลยุติธรรม, พ.ศ.2543


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#14 หมาเน่า

หมาเน่า

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 483 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:23

:D

 

 

vfoddc.jpg



#15 nunoi

nunoi

    เด็กข้างถนน

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,745 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:24

ผมมองว่าผิดครับ ในส่วนของสตาร์บัง 


กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่ 

 

 


#16 คนดื่มเบียร์

คนดื่มเบียร์

    พอจะทนแดงได้หน่อยๆ

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,721 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:27

:D

 

 

vfoddc.jpg

ฟ้องไอ้นี่ดีกว่า ทำให้เสื่อมเสียสุดๆ  -_-


ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "


#17 nunoi

nunoi

    เด็กข้างถนน

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,745 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:28

 

ปล.เคยมีคำตัดสินของศาลแล้วว่า FONTภาษาต่างๆ ไม่มีลิขสิทธิ์

Font มีลิขสิทธิ์ไม่ใช่หรือครับ เป็นงานสร้างสรรค์

 

ผมลองหาผ่านๆ 

 

http://www.f0nt.com/...hp?topic=7046.0


กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่ 

 

 


#18 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:30

font ถือเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของ font ครับ

เว้นแต่ font นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับสินค้านั้นๆ เพียงอย่างเดียว

หากเป็น font โดยทั่วไป และเราซื้อหามาโดยถูกกฏหมาย

มันก็ซ้ำกันได้ครับ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#19 อีโง่ Google

อีโง่ Google

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 353 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:31

สำหรับผม ผิดแน่นอน คุณมองแค่มุมมองคนที่จนกว่า แต่ลืมไปว่า เขาทำผิด

 

ผิดก็คือผิดครับ อย่าสองมาตรฐานแบบเสื้อแดงเลย ทักษิณทำผิด ไม่ว่าจะเซ็นอะไรผิดก็คือผิด

 

นี้เช่นกัน จงใจลอกโลโก้เขา เขาเตือนมาปีกว่าๆ ทำโล้โก้ใหญ่ๆ ท้าทาย ก็สมควร

 

ทักษิณแค่เซ็นให้เมีย แต่ติดคุก เพราะมันทำผิด

 

นี้ก็เช่นกัน แค่ทำโลโก้คล้าย แต่ก็ต้องโดน เพราะทำผิด



#20 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:33

ขอนอกเรื่องนิด กับสองร้านนี้ล่ะ

 

head.jpg

 

และร้านนี้

 

602-131008115210.jpg


Posted Image


#21 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:36

 

:D

 

 

vfoddc.jpg

ฟ้องไอ้นี่ดีกว่า ทำให้เสื่อมเสียสุดๆ  -_-

 

 

 

 

มึคนเคยบอกว่า จีนมีกฏหมายคุ้มครองผู้ประกอบการของตัวเองครับ

แต่ไม่ทราบรายละเอียดเป็นยังไง


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#22 Shart

Shart

    Secret Member

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,093 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:38

*
POPULAR

ผมขอพูดในฐานะกฎหมายละกัน

 

จะบอกว่า Star Bung ละเมิดเครื่องหมายการค้า ผมว่ามันค่อนข้างชัดเจน (ผมว่าทุกคนก็คงรู้ว่ามันเป็นการล้อเลียนยี้ห้ออะไร)

แต่ในมุมกลับกันจะบอกว่า "ทำให้คนสับสนระหว่าง Star Buck กับ Star Bung" ผมมองว่าไม่ใช่

ถึงแม้จะเลียนแบบในเชิงล้อเลียนก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย

 

ผมอยากให้คนเคารพกฎหมายนะครับ อย่าไปมองว่าคนรวยรังแกคนจน เพราะว่าทางบริษัทมีสิทธิในชอบธรรมในการปกป้องธุรกิจของเขา

ผมจำได้ว่า Star Buck ส่งจดหมายขอให้เปลี่ยนโลโก้แล้ว แต่ทาง Star Bung ก็ไม่ทำ

และตอนนี้ก็อ้างว่ามีภาระ เพื่อหลีกหนีการตัดสินทางกฎหมาย ผมมองว่าไม่ใช่

 

ไม่ว่าคนรวยหรือจน เราต้องเคารพกฎหมายเหมือนกัน

ไม่ใช่คนจนบอกผมไม่รู้ ผมมีภาระ หรือผมจน แล้วจะทำอะไรที่ผิดกฎหมายได้ ไม่งั้นคนขายยาบ้าเพราะผมจนก็ไม่ต้องตัดสินตามกฎหมายงั้นหรือ

 

ผมว่าที่สิ่งที่ Star Buck ต้องการไม่ใช่ "เงิน" แต่เป็นการปกป้องสิทธิของเขา และเพื่อทำให้เป็นเคสตัวอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นตามกันละเมิดลิขสิทธิ

ผมว่าเด๋วศาลก็ให้ปราณีปราณอมแล้วเปลี่ยนโลโก้ และ Star Buck คงไม่ใจร้ายที่ขั้นปรับ เพราะมันจะยิ่งสร้างความเสื่อมเสียให้กลับบริษัทตัวเองมากกว่า



#23 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:41

ได้ไม่คุ้มเสีย กับร้านกาแฟ ระดับโลก


ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#24 จีรนุช

จีรนุช

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,934 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:01

คนทำความผิด เล็กน้อยก็ผิด   ใส่เสื้อสีอะไรทำผิด  ก็ผิด  ไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนทุกวันนี้ที่ทุกฝ่ายมีข้ออ้างในการทำผิด 

 

จริงๆโลโก้กาเเฟมันไม่ได้คิดยากอะไร  ถ้าจะบอกว่าเรืองเล็กน้อย ก็เริ่มที่ตัวเราได้ไหม เริ่มคิดอะไรเล็กน้อยที่เป็นของตัวเอง

 

ถ้าสตาร์บักลอกเขามา  สตาร์บักก็ผิด  ไม่ได้ทำให้คนที่ลอกสตาร์บักอีกทีจะไม่ผิด


รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ

เอียนวะ   เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง


#25 ramboboy26

ramboboy26

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,532 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:14

*
POPULAR

ผิดหรือไม่ให้ศาลไปตัดสินครับ

แต่ถ้าผมเป็น starbucks ถามว่าจะฟ้องหรือไม่

ผมฟ้องครับ


กูขอปฏิญาณ ต่อหน้าสถูปสถานศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าอิฐหินดินทราย ขอจองล้างจองผลาญจนตาย ต่อผู้ทำลาย แผ่นดิน...

#26 noslipme

noslipme

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 418 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:15

จะผิดหรือไม่มันอยู่ที่เหตุผลที่จะนำมากล่าวอ้างครับ

อยู่ที่ตาบัคจะทำอะไรให้ทางตาบังได้ยอมรับผิดไปกลายๆหรือเปล่า

ผมว่าการส่งจดหมายหรือแจ้งเตือนนั่นแหละ คือ คีย์หลัก

ถ้าตาบังไปเจรจายอมรับหรือแบ่งรับแบ่งสู้ ก็มีโอกาสผิดสูง

แต่ถ้าตาบังเฉยๆไม่รุ้ร้อนรุ้หนาว ก็สู้ได้สบายๆ

 

ถึงเราจะรู้ว่าเขาเลียนแบบหรือล้อเลียน แต่ถ้าเขากล่าวอ้างเป็นอย่างอื่นละ สำหรับผมอาจจะใช้คำว่า แรงบันดาลใจ

การดำเนินการทางธุรกิจแข่งขันขัดแย้งกันหรือไม่ ลูกค้ากลุ่มเดียวกันไหม

มีเคสไหนบ้างหรือเปล่าที่ทำให้ ลูกค้าสับสนไม่เข้าร้านตาบัคแต่ไปเข้าร้านตาบังแทน เพราะคิดว่าเป็นร้านเดียวกัน

ตาบัคเดือดร้อน ได้รับผลกระทบอะไรบ้างไหม แล้วตาบังละ ไปทำอะไรที่ ทำให้ธุรกิจของตาบัคเดือดร้อนไหม

 

ถามผม ผมว่าตาบัง อาจจะไม่ผิดตามกฏหมาย ถ้าไม่สุ่มสี่ส่มมห้าไปแสดงการยอมรับอะไรก่อน



#27 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:36

เข้ามาอ่านอีกที

ดีใจจริงๆ ครับ ที่ได้อ่านหลายๆ ความเห็นของทุกท่าน

 

นี่เป็นสิ่งที่เรามักไม่ค่อยแยกแยะกันมาแต่ไหนแต่ไร

เรามักให้โอกาส มักยอม มักละเลย หรืออาจสงสาร เห็นใจ ไปถึงเวทนา

ซึ่งหากมากเข้า มันก่อให้เกิดวามเคยชินครับ

(ถึงตรงนี้ ผมก็ยอมรับตัวเองอย่างไม่อายว่าผมก็เป็นเช่นนั้น)

 

ผมตั้งกลุ่มในเฟสบุคชื่อ “อย่าทำใจให้ชิน”

เพราะต้องการไว้เตือนตัวเอง เตือนสมาชิกกลุ่ม ให้เข้าใจตรงนี้แหละครับ

ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ส่วนจะเห็นใจก็ค่อยว่ากันไป

เมื่อมีบทลงโทษ จึงค่อยอภัย

ดีกว่าอภัยกันโดยไม่มีบทลงโทษ แล้วเราก็จะชินจนยอมรับมันไป

 

ผมเอาประเด็นนี้ไปแปะไว้ที่เฟสบุคผมเหมือนกัน

ยอมรับว่า ตั้งแต่แรก จนถึงขณะนี้ ในเฟสบุคของผม ยังเป็นความคิดเดิม

คือเห็นใจ และรู้สึกแย่กับการรักษาความถูกต้องของร้านใหญ่

ถึงตอนนี้ ความเห็นหลายๆ ท่านก็แสดงให้เห็นครับ

ว่าความถูกต้องมันควรเป็นอย่างไร

 

เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่าทุกท่านน่าจะเห็นใจสตาร์บัง

แต่ประเด็นเล้กๆ ที่ผมอ่านข้ามไปในตอนแรก

คือมีการตักเตือนแล้ว ยังไม่ยอม แถมยังจะไปฟ้องร้องเขาด้วย

ทำให้ผมตีความไปถึงเหตุการณ์บ้านเมืองได้ไม่ยากเย็น

 

มารอดูกันครับ ว่ากระแสนี้จะลงเอยในรูปแบบไหน


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#28 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:44

 

 

ปล.เคยมีคำตัดสินของศาลแล้วว่า FONTภาษาต่างๆ ไม่มีลิขสิทธิ์

Font มีลิขสิทธิ์ไม่ใช่หรือครับ เป็นงานสร้างสรรค์

 

ผมลองหาผ่านๆ 

 

http://www.f0nt.com/...hp?topic=7046.0

 

 

 

font ถือเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของ font ครับ

เว้นแต่ font นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับสินค้านั้นๆ เพียงอย่างเดียว

หากเป็น font โดยทั่วไป และเราซื้อหามาโดยถูกกฏหมาย

มันก็ซ้ำกันได้ครับ

โดยหลักการแล้ว "ฟอนด์" มีสองส่วน กล่าวคือ

***ส่วนที่เป็นรูปแบบตัวอักษร (typerface) ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และ

***ส่วนที่ทำให้เกิดรูปแบบตัวอักษรบนจอเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานพิมพ ์ต่างๆ

 

...ในส่วนของรูปแบบตัวอักษรที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไปที่ไม่มีลักษณะการสร้างสรรค์ ที่เพียงพอนั้นไม่ถือเป็นงานที่กฏหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครอง เพราะตัวอักษรภาษาไทยเป็นสมบัติสาธารณะที่ทุกคนมีสิทธิใช้ ผู้หนึ่งผู้ใดจะหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ไม่ได้

 

แต่หากรูปแบบตัวอักษรดังกล่าวได้มีการสร้างสรรค์หรือทำให้เกิดรูปแบบหรือลวด ลายจนถึงระดับที่เพียงพอก็อาจได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย สำหรับส่วนที่ทำให้เกิดรูปแบบตัวอักษรบนจอเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น หากมีลักษณะเป็นคำสั่งหรือชุดคำสั่งต่างๆ ซึ่งมีระดับการสร้างสรรค์ที่เพียงพอ และนำไปใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้รับผลเป็นตัวอักษรตามความมุ่ งหมายของการใช้ คำสั่งหรือชุดคำสั่งดังกล่าวจะถือเป็นงานสร้างสรรค์ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ ซึ่งเป็นงานวรรณกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือผู้ใช้ทั่วไปจึงควรระมัดระวังในการใช้ฟอนด์ ซึ่งหากการใช้ฟอนด์จะต้องมีการดึงส่วนของคำสั่งหรือชุดคำสั่งที่เป็นโปรแกรม คอมพิวเตอร์มาใช้ในการพิมพ์งานก็จำเป็นต้องจัดหาฟอนต์ที่ได้มาอย่างถูกต้องม าใช้เพื่อป้องกันปัญหาการจับกุมดังที่ได้กล่าวข้างต้น คำแนะนำในการใช้ฟอนต์ 1. การจัดหาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้งานภายในองค์กร จะต้องจัดหาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจากผู้แทนจำหน่าย และจะต้องปฏิบัติตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิตามที่เจ้าของลิขสิทธิ์กำหนดด้วย เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ธุรกิจของผู้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ นั้น 2. ทุกคนมีสิทธิใช้รูปแบบตัวอักษรที่มีอยู่ทั่วไปซึ่งอาจเหมือนหรือคล้ายคลึง กันได้ แต่ไม่สามารถนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บรรจุฟอนต์ตัวอักษรซึ่งสร้างสรรค์โดยบุ คคลอื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต 3. การเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้ซื้อควรระมัดระวังโดยตรวจสอบมิให้มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ละเมิดติดมากับเคร ื่องคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมา และควรขอหนังสืออนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (license Agreement) ทุกครั้งจากผู้ขายเมื่อตกลงซื้อขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าได้รับสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง

อ้างอิงจาก http://61.19.225.226...tion.asp?id=847


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#29 ควันหลง

ควันหลง

    I am Royalist

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,696 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:46

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔

 

มาตรา ๙ การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น จะขอจดทะเบียนสำหรับสินค้าเฉพาะอย่างในจำพวกเดียวกันหรือต่างจำพวกกันก็ได้ แต่ต้องระบุรายการสินค้าที่ประสงค์จะได้รับความคุ้มครองแต่ละอย่างโดยชัดแจ้ง
 
คำขอจดทะเบียนฉบับหนึ่ง จะขอจดทะเบียนสำหรับสินค้าต่างจำพวกกันมิได้
 
การกำหนดจำพวกสินค้า ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
 
-----------------------------------------------------------------------------------------------
 
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดจำพวกสินค้าและบริการ (ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖)
 
จำพวกที่ ๒๙ 
กาแฟ ชาโกโก้ กาแฟเทียม ข้าว มันสำปะหลัง สาคู แป้งและสิ่งที่ทำจากธัญพืช ขนมปัง เพสสตรีและขนมหวาน ไอกรีม นํ้าตาล นํ้าผึ้ง นํ้าเชื่อม ยีสต์ ผงฟู เกลือ มัสตาร์ด นํ้าสายชู เครื่องปรุงรสหรือกลิ่น นํ้าแข็ง 
 
จำพวกที่ ๔๓
การจัดหาอาหารและเครื่องดื่ม การจัดที่พักชั่วคราว 
 
-----------------------------------------------------------------------------------------------
 
เป็นไงกับครับ ความยุติธรรมของประกาศกระทรวงฯ ระบุจำพวกไว้หยายอย่างไม่น่าเชื่อ ฉะนั้นต่อให้สตาร์บังขายเกลือแทนการขายกาแฟ ก็ยังผิดกฎหมายเลยครับ
 
ผมว่ามันช่องโหวของกฎหมายนะ ร้านกาแฟสตาร์บัค กับร้านกาแฟสตาร์บัง ถ้าให้ไปถามนักการตลาด ว่าเป็นสิ่งเดียวกันไหม เค้าคงจะบอกมันสินค้าคนละอย่างกัน ทดแทนกันไม่ได้ แต่ถ้าถามนักกฎหมาย ก็จะมองว่า กาแฟ ชาเทียม โกโก้ เกลือ นํ้าส้มสายชู ฯลฯ เป็นสิ้งเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ
 
ด้วยความเครารพนะครับ ผมไม่เห็นกว่า กาแฟ กับเกลือ แม่มจะจัดเป็นพวกเดียวกับตรงไหน มันคล้ายกันยังไงหรือครับ ฉะนั้นการกำหนดจำพวกควรทำให้ละเอียดกว่านี้ ไม่ใช่ทืำแบบหยายๆ แบบขอไปที แล้วพอนำไปบังคับใช้จริง แล้วจะมีปัญหาเช่นนี้
 
สตาร์บังหน่ะครับ ทำผิดกฎหมายผิดแน่ แต่ก็ยุติธรรมไหม ผมว่าไม่ครับ  :mellow:

Edited by ควันหลง, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:54.


#30 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:03

จะผิดหรือไม่มันอยู่ที่เหตุผลที่จะนำมากล่าวอ้างครับ

อยู่ที่ตาบัคจะทำอะไรให้ทางตาบังได้ยอมรับผิดไปกลายๆหรือเปล่า

ผมว่าการส่งจดหมายหรือแจ้งเตือนนั่นแหละ คือ คีย์หลัก

ถ้าตาบังไปเจรจายอมรับหรือแบ่งรับแบ่งสู้ ก็มีโอกาสผิดสูง

แต่ถ้าตาบังเฉยๆไม่รุ้ร้อนรุ้หนาว ก็สู้ได้สบายๆ

 

ถึงเราจะรู้ว่าเขาเลียนแบบหรือล้อเลียน แต่ถ้าเขากล่าวอ้างเป็นอย่างอื่นละ สำหรับผมอาจจะใช้คำว่า แรงบันดาลใจ

การดำเนินการทางธุรกิจแข่งขันขัดแย้งกันหรือไม่ ลูกค้ากลุ่มเดียวกันไหม

มีเคสไหนบ้างหรือเปล่าที่ทำให้ ลูกค้าสับสนไม่เข้าร้านตาบัคแต่ไปเข้าร้านตาบังแทน เพราะคิดว่าเป็นร้านเดียวกัน

ตาบัคเดือดร้อน ได้รับผลกระทบอะไรบ้างไหม แล้วตาบังละ ไปทำอะไรที่ ทำให้ธุรกิจของตาบัคเดือดร้อนไหม...

 

ถามผม ผมว่าตาบัง อาจจะไม่ผิดตามกฏหมาย ถ้าไม่สุ่มสี่ส่มมห้าไปแสดงการยอมรับอะไรก่อน

ทำเล่นไป ศาลยกฟ้องขึ้นมา ตาบังเอาคืนบ้าง

ตาบัคก็บาดเจ็บได้เหมือนกัน

อย่าคิดว่าจะได้ฝ่ายเดียว....

...ตาบัคก็คิดเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า มูลค่าความเสียหายมีเท่าไหร่ก็ไม่เห็นแจกแจงออกมา

 

ผมไปศาลทรัพย์สินบ่อยๆ....

ยกตัวอย่างเสื้อผ้า กระเป๋า ละเมิดเครื่องหมายการค้า คือเอายี่ห้อเขามาแปะที่สินค้าปลอม...

ศาลตัดสินปรับชิ้นละ 100(หนึ่งร้อยบาท)เท่านั้นเอง

...ผู้รู้อธิบายให้ฟังว่า กระเป๋ากุ๊ชชี่ของจริงกับของแท้ ลูกค้าคนละกลุ่มกัน ส่วนเสื้อผ้าก็เหมือนๆกัน

...แต่ถ้าเป็นของอันตราย ศาลท่านเล่นงานหนัก เช่นน้ำมันเบรค ผ้าเบรค มอเตอร์ไฟฟ้า มันเป็นอันตรายต่อชีวิต...

มีคนหนึ่ง ติดยี่ห้อดังลงไปกับมอเตอร์จีน ศาลสั่งปรับแสนกว่าบาท

 

ประเด็นสำคัญเรื่องลิขสิทธิ์ อยู่ที่มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง


"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"


#31 นายตัวเกร็ง

นายตัวเกร็ง

    Monkey Godfather Lv.3

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,901 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:21

ประเด็นกฎหมายไม่ขอพูดถึงเพราะตนเองไม่เชี่ยวชาญ

แต่อยากมองมุมหลังจากสตาร์บัคชนะคดีมากกว่า(โอกาสชนะสูง)

อย่างที่รู้ๆกันว่าบางกลุ่มพยายามเอาสตาร์บัคเป็นเครื่องหมายแห่ง"ชนชั้นกลาง"

ถึงสตาร์บัคชนะคดีแล้วได้เงินไป แต่ภาพลักษณ์ของสตาร์บัค

จะดูสูงค่าขึ้นหรือเลวร้ายลงนั่นคือสิ่งที่น่าสนใจ....
แล้วจะ"คุ้ม"กับการฟ้องหรือไม่ต้องคอยดูเหมือนกัน

ถ้าโจทย์ฟ้องให้แค่บังคับเปลี่ยนตราสินค้าอาจจะไม่ค่อยจะมีปัญหา

แต่การเรียกร้องเงินนี่สิอาจจะทำให้การตลาดของร้านแย่ลง /ความเห็นส่วนตัว


เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<


#32 อีโง่ Google

อีโง่ Google

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 353 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:22

ความผิด ไม่มีคำว่ารวย หรือ จน



#33 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:28

ผมก็ไม่ทราบว่าสตาร์บังเอาเหตุผลอะไรที่ไปฟ้องสตาร์บัคเค้าถึง 3 ล้านนะครับ

อยากรู้เหตุผลเหมือนกัน

 

 

เรื่อง font นี่ เคยเป็นปัญหาสำหรับวงการพิมพ์ของผมพอสมควรเลยครับ

สมัยแรกๆ font ภาษาไทยมีให้เลือกน้อยมากครับ

ชุดหลักๆ ที่ใช้กันอยู่ในเครื่อง mac ก็จะมี font ในตะกูล DB และ PSL 

เรียกว่า ทุกเครื่อง mac ที่ใช้ภาษาไทย จะต้องมีกันไว้ประจำเครื่อง

เราก็ใช้ๆ กันมา​โดยไม่เคยสนใจเรื่องของลิขสิทธิ์ใดๆ

เพราะไม่เคยมีใครออกมาตามจับหรือมาเรียกร้องเลย (ในสมัย mac ยังใหม่ๆ)

 

จนวันนึง PSL ออก font มา น่าจะประมาณชุดที่ 3

แล้วมีการไล่จับลิขสิทธิ์กันตามกราฟฟิคเฮ้าส์และเอเจนซี่กันอย่างเอิกเกริก

จึงต้องมีการไล่ระดมซื้อ font ตามหลังเครื่องกันเป็นแถว

(หมายความว่า ในเครื่องจะมี font นั้นๆ กันหมดแล้ว แต่ต้องซื้อตัวลิขสิทธิ์เก็บเอาไว้)

มาจนถึงประเภท softwere ต่างๆ ที่มีการไล่จับกันตามเอเจนซี่

 

น่าเศร้าที่ softwere ลิขสิทธิ์ในบ้านเรา ราคาช่างแพงแสนแพง

สมัยก่อน เครื่อง mac ราคาต่ำๆ ก็หลายหมื่นแล้ว

ครั้งแรกที่ผมซื้อ mac ราคาเครื่องต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท

ในขณะที่ softwere สำหรับงานกราฟฟิค ราคาก็พอๆ กับเครื่อง

ยอมรับจริงๆ ว่าซื้อกันไม่ไหวครับ

 

แต่ถึงตอนนี้ ราคา sotwere เหล่านั้น เริ่มลดราคามาในระดับที่ชาวบ้านพอซื้อกันได้

สามารถซื้อหามาในช่วงโปรโมชั่นในราคาหลักพัน

 

font โดยทั่วไปที่ผมใช้ ส่วนมากมักมีลิขสิทธิ์ครับ

แต่ลิขสิทธิ์การใช้ font คือเมื่อเราซื้อมา จะเอาไปใช้ในงานอะไรก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว

เว้นแต่ font เฉพาะ เช่น font สำหรับสินค้า สำหรับหนัง

อันนั้นอาจไม่สามารถซื้อหามาใช้ได้ และหากมีใช้กัน ก็คือการผิดลิขสิทะิ์ทันที


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#34 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:39

กระทู้ปลอดแดง ? 


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#35 กากจริงไรจริง

กากจริงไรจริง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,172 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:39

ตาบัคส์คงเห็นว่าตาบังไม่น่าจะได้เปรียบในเกมส์นี้ เลยจับมาเป็นไก่ เพื่อเชือดให้ลิงเจ้าอื่นๆดู เพื่อเป็นการปรามไปในตัวด้วยมั้งครับ บังต้องขึ้นศาลบ่อยๆ ไหนจะค่าทนาย ไหนจะต้องหยุดขาย เผลอๆแพ้ขึ้นมา เค้าเรียกเท่าไหร่ก็ต้องหาให้ อาจถึงขั้นชิฟท์หายขายตรูดกันเลยทีเดียว ถ้าตาบัคส์ชนะเกมส์นี้ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้กรณีนี้ในเจ้าอื่นๆ ว่าอย่าได้หือมาเอาโลโก้นางเงือกแหกหางโชว์หอยมาดัดแปลงใช้เป็นอันขาดนะเฟ้ย



#36 ใจหมาอำมหิต`

ใจหมาอำมหิต`

    อำมาตย์Hard Core !!

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,449 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:51

ผมคิดว่าพี่บังไม่ผิดแน่นอน !!

 

131018055232.jpg

 

131018055355.jpg

 

131018055450.jpg

 

 

:lol: :lol: :lol: :lol:

 

พี่บังนี่จิ๊บๆ มาก


"ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน”

                                   "กลุ่มชาวพุทธหูรุนแรง"

 


#37 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:17

ผนึกซัพพลายเออร์ซุ่มเทสต์สินค้าใหม่ เทสโก้โลตัสลั่นเพิ่มทัพ"เฮาส์แบรนด์"

"เทสโก้ โลตัส" มั่นใจเทรนด์สินค้าเฮาส์ แบรนด์โตต่อเนื่อง เผยผู้บริโภครู้-เข้าใจแหล่งผลิตและคุณภาพสินค้ามากขึ้น เล็งเพิ่มแบรนด์ใหม่เสริมอีก หวังเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ซุ่มเงียบผนึกซัพพลายเออร์ส่งสินค้า Only @ Tesco Lotus มุ่งเทสต์ตลาดก่อนปูพรมตามช่องทางอื่นๆ

นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอกชัย-ดิสตริบิวชั่น ซิทเทม จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันสินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์โดยรวมๆ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าดังกล่าวมากขึ้น ในแง่ของการรับรู้ว่าสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่วางจำหน่ายอยู่นั้นถูกผลิตออกมาจากโรงงานเดียวกันกับสินค้าแบรนด์ดังต่างๆ และมีคุณภาพของสินค้าไม่แตกต่างกัน 

อย่างไรก็ตามขณะนี้แม้ว่ากำลังซื้อผู้บริโภคโดยรวมๆ อาจจะไม่ดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แต่โดยส่วนตัวก็ไม่ได้มองว่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้สินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์มีการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงยึดติดกับสินค้าที่มียี่ห้อ แต่ในอนาคตก็เชื่อว่าสินค้ากลุ่มเฮาส์แบรนด์จะเติบโตมากขึ้นในลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

สำหรับสินค้าเฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ โลตัส ปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 2,000 เอสเคยู คิดเป็น 6% ของสินค้าทั้งหมด ประมาณ 30,000 รายการ โดยที่ผ่านมาสินค้าเฮาส์แบรนด์สร้างรายได้ประมาณ 7-10% ของรายได้รวม และในอนาคตบริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนแบรนด์ของสินค้าเฮาส์แบรนด์เพิ่มอีก เพื่อต้องการจะเป็นทางเลือกของ ผู้บริโภค จากปัจจุบันมีแบรนด์เทสโก้ และคุ้มค่า สำหรับสินค้าที่เป็นอุปโภคบริโภค หรือแบรนด์ สกินวิสดอม สำหรับกลุ่มสินค้าสกินแคร์ และ แบรนด์ All About Face สินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง

นายดามพ์ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเทสโก้ โลตัส ยังมีสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นการร่วมกับซัพพลายเออร์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างๆ ผลิตสินค้าที่เป็นในลักษณะที่เป็น Only @ Tesco Lotus หรือมีวางจำหน่ายเฉพาะตามสาขาของ เทสโก้ โลตัส ที่เป็นรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ 1,000 รายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค 

สินค้าดังกล่าวถือเป็นสินค้าที่ซัพพลายเออร์ผลิตขึ้นมาใหม่เพื่อต้องการที่จะเทสต์ตลาด ดูการตอบรับของผู้บริโภค โดยใช้สาขาของเทสโก้ โลตัส เป็นช่องทางจำหน่าย และสินค้าแต่ละรายการก็จะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับข้อตกลงหรือสัญญา เมื่อสินค้าได้รับการตอบรับดี ซัพพลายเออร์ก็สามารถจะนำสินค้าดังกล่าวออกไปจำหน่ายตามช่องทางอื่นๆ ได้

"เรามองว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และถือเป็นความร่วมมือที่วิน-วินทั้ง 2 ฝ่าย คือซัพพลายเออร์ก็มีโอกาสในการเทสต์สินค้า ดูความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวก็ถือเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟของเทสโก้ ไม่มีวางจำหน่ายที่อื่น ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า" นายดามพ์กล่าว

 

http://www.oknation....nt.php?id=56444

 

 

 

 

 

 

House Brand

สินค้า House Brand

หลายๆคนคงเดินซื้อของในเทสโก้บ่อยๆ (เมื่อก่อนเราเรียกโลตัส เดี๋ยวนี้เทสโต้เต็มๆแล้ว เห็นมั้ย พวกอังกฤษมายึดห้างเราแล้ว) แล้วจะเจอสินค้าตราเทสโก้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน น้ำตาล ยาสระผม ผงซักฟอก ฯลฯ

สินค้าเหล่านี้ทาง Tesco เป็นผู้ผลิตเอง โดยอาจจะใช้การจ้างผลิตจากโรงงานทั่วไปในประเทศ และทำหีบห่อเฉพาะขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับสินค้าอื่นๆในชั้นวางสินค้า

หากจะทำความเข้าใจกับสินค้า House Brand ต้องเข้าใจถึงหลักการของ Hyper Market หรือ Super Center อย่างเทสโก้ หรือบิ๊กซีก่อน ว่าทำไมถึงขายของถูกได้ขนาดนี้

บางคนอาจจะคิดว่า เทสโก้ขายของถูกแล้วไงก็ดีนะ เราจะได้ของถูกๆ แล้วโชว์ห่วยจะตายไป เพราะบริการก็ไม่ดี สมัยนี้ร้านค้าก็ต้องเป็นมินิมาร์ทได้แล้ว ถ้าเป็นโชว์ห่วยก็ช่างมัน หลายๆคนอาจจะคิดแบบนี้

คงไม่ต้องพูดว่ากำไรของเทสโก้นั้นแปลงไปเป็นเงินของใคร เพราะออกนอกประเทศอยู่แล้ว



ทำไมถึงขายได้ถูกกว่า?

สินค้าทุกชนิดนอกจากการผลิตที่มีคุณภาพและการทำโฆษณาให้ผู้บริโภครู้จักแล้ว ช่องทางการจัดจำหน่ายถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าช่องทางการจัดจำหน่ายไม่ดี ขายก็ไม่ออก สภาพคล่องก็ไม่มี ห้างแบบนี้ใช้วิธีต่อรองในการซื้อสินค้ากับผู้ผลิต เพื่อให้ได้ราคาถูกกว่าราคาที่ขายในท้องตลาดทั่วไปโดยอาศัยการซื้อทีละมากๆ และส่วนลดต่างๆ บวกกับค่าธรรมเนียมต่างๆเข้าไป

สมมติว่าเราจะขายสบู่ตราห่าจิกส์ในเทสโก้ ราคาหน้ากล่องก้อนละ 10 บาท เทสโก้สามารถทำให้สบู่ห่าจิกส์ราคาต่ำกว่า 10 บาทได้ ทั้งๆที่เราขายส่งไปราคาก้อนละ 9 บาท เพราะอะไรจะทำให้ดู

ถ้าเราขายสบู่ให้เทสโก้ในราคาก้อนละ 9 บาท จำนวน 1,000 ก้อน เท่ากับ 9,000 บาท

เทสโก้จะคิดราคาค่าธรรมเนียมในการวางสินค้าหรือ Entry Charge แล้วแต่เค้าว่าจะกำหนดเท่าไหร่ สมมติว่า เค้าคิดที่ราคาแรกเข้า 2,000 บาท/ต่อสินค้า 1 ชนิด และค่าจิปาถะอีก เช่น ค่าจัดวางสินค้า ค่าตำแหน่งชั้นวางในระดับสายตา ค่าจัดโปรโมชั่นอีก สมมติว่าสบู่ห่าจิกอยากวางสบู่ในชั้นวางที่อยู่ในระดับสายตา ก็คิดไปอีก 500 บาท สิริรวม 2,500 บาท

ดังนั้นเราจะต้องเสียค่าห่าจิกส์บ้าบอไปให้ร้านค้าแบบนี้เพิ่มอีก 2,500 บาท เมื่อเอามาลบกับมูลค่าของสบู่เราคือ 9,000 บาท ก็จะเหลือ 6,500 บาท (หักลบ ที่จริงแล้วคือการเอา ราคาค่าธรรมเนียมไปบวกๆลบๆ ออกมานั่นเอง)

ดังนั้นตอนนี้เราจะขายสบู่ห่าจิกส์ให้เทสโก้ไปในราคาก้อนละ 6.5 บาท ว๊าย หายไปเกือบ 3 บาท

การคิดค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะมีทุกครั้งที่สินค้าเราเข้าไป หมายถึง ถ้าเรามีสบู่ 7 สี เราก็ต้องทำแบบนี้ 7 ครั้ง ไม่ใช่เสีย 2,500 แล้วใช้ได้กับ 7 สี

สบู่เราเหลือแค่ก้อนละ 6.5 บาท แบบนี้เทสโก้เอาไปขายก้อนละ 8 บาทยังได้กำไรอีก





สินค้า House Brand ดีหรือไม่ดี?

จากการไปเดินสำรวจในบางครั้งแพคพบว่าสถานที่ผลิตของสินค้าแบบนี้ก็ที่เดียวกับสินค้าทั่วไป เช่นผงวุ้นของเบสท์ฟู๊ด กับผงวุ้นของ Leader Price ในบิ๊กซี ก็ผลิตที่บริษัทเดียวกัน แต่ทำไมขายได้ถูกกว่าตั้ง 3-4 บาท

คำตอบคือการลดต้นทุนต่างๆ เช่นหีบห่อที่คุณภาพต่ำลง ส่วนประกอบบางชนิดสเป๊คต่ำลง อาจจะใช้น้ำตาลจากโบลิเวีย แทนที่น้ำตาลมิตรผล อะไรแบบนี้

ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการของแต่ละคน แต่แพคไม่ใช้เพราะว่า รู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าไว้ใจ เหมือนของด้อยคุณภาพ อย่างโฟมล้างหน้าแบบเนี๊ย ตราเทสโก้โลตัส ใช้แล้วหน้าจะเป็นดอกบัวมั้ย

 

 

http://www.bloggang....roup=1&gblog=48


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#38 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:21

...พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่คาดว่าจะเน้นการประหยัดและลดการฟุ่มเฟือยลงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าที่จะสามารถยืนหยัดได้นั้นย่อมเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบทั้งในส่วนของเงินทุน อำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์ และประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ยังจะต้องปรับกลยุทธ์การตลาดที่สามารถดึงดูดใจลูกค้าให้มาซื้อสินค้าและใช้บริการที่หลากหลายภายในห้างอย่างต่อเนื่องอีกด้วย....

หากเราเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ จะเห็นสินค้าที่มีให้ลูกค้าเลือกอย่างหลากหลาย โดยเน้นจุดขายที่ว่า ราคาถูก กว่าห้างคู่แข่งแบบเทียบสินค้า ต่อสินค้ากันเลย กลายเป็นการทำตลาดที่ห้างพยายามสร้างมาแข่งขันซึ่งกันละกัน

ถ้าของเขาบอกว่าถูก ของฉันต้องถูกกว่า

นั่นดูเหมือนจะไม่เพียงพอ เพราะต่างคนต่างก็ลดราคา เป็นสงครามราคา ที่กรรมไปอยู่ที่ซัพพลายเออร์ถ้าห้างไหนมีอำนาจต่อรองมากกว่า ก็สามารถสั่งสินค้ายี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้มาขาย โดยลดราคาต่ำจากป้ายได้มากกว่า แต่ก็ต้องมีจุดสิ้นสุด ลดไปมากกว่านี้ กำไรต่อชิ้นก็น้อย ต้องอาศัยการหมุนเวียนของสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะผู้บริโภคจำกัดการซื้อ และรู้จักเลือกซื้อมากขึ้น

กลยุทธ์ใหม่ของห้าง ก็คือการสร้างสินค้าแบบ House Brand ขึ้นมา ที่ดูเหมือนว่า ห้างใหญ่ๆ จะหันมาทำตามกลยุทธ์นี้ โดยเฉพาะ Discount Store

สินค้าแบบ Store Brand ที่เราเห็นกันมาช่วง 3-4 ปีนี้ อาทิ สินค้า ตราบิ๊กซี, ท็อปส์, เทสโก้ โลตัส, แมคโคร, คาร์ฟูร์ ที่ทางห้างจ้างเจ้าสินค้าผลิตออกมาขาย โดยลดราคาต่ำกว่าสินค้าเจ้าของยี่ห้อตัวจริงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ซื้อ

แน่นอนว่า โรงงานที่รับจ้างผลิตนั้นได้รับผลการขายที่ตรงจากรายได้การรับจ้างผลิต แม้จะมีคู่แข่งเพิ่ม ก็ไม่ใช่ปัญหา คนที่เดือดร้อนคือ ซัพพลายเออร์คู่แข่งที่เน้นเรื่องแข่งขันราคากับสินค้าตัวต้นฉบับ แม้ความมั่นใจและความเชื่อถือในยี่ห้อของ Store Brand ของลูกค้ายังมีน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าของสินค้าตัวจริง เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องคุณภาพ แต่ก็มีราคาสินค้าที่ถูกกกว่าดึงดูดให้รู้สึกน่าทดลองใช้

เป็นการตัดปัญหาของห้างฯในเรื่องการต่อรองกับซัพพลายเออร์ในเรื่องราคาอีกแบบหนึ่ง แต่ก็เพิ่มความเดือดร้อนแบบใหม่ให้ซัพพลายเออร์ด้วยเช่นกัน

พัฒนาของ Store Brand หันมาเปลี่ยนเป็น Private Label ที่มีความพยายามในการสร้างแบรนด์ใหม่ ที่เน้นจุดขายให้ลูกค้ารับรู้ด้วยราคาที่ถูกกว่า อย่าง Leader Price ของ บิ๊กซี ที่ส่วนหนึ่งจะมีการตั้งชื่อสินค้าขึ้นมาใหม่ แต่รูปร่าง ขนาด และสีสันของแพ็คเกจจิ้งดูกันแทบจะแยกไม่ออกว่าต่างกันตรงไหนจากสินค้าต้นแบบ

เป็นสิ่งที่ห้างฯพยายามเน้นให้ซัพพลายเออร์ยังคงสิ่งเหล่านี้ไว้ เพื่อให้รับรู้ว่าสินค้ายี่ห้อใหม่นี้มีต้นกำเนิดมาจากโรงงานของใคร โดยเฉพาะเมื่อห้างเองก็ทำสำรวจมาแล้วว่า สินค้าตัวนี้มียอดจำหน่ายในระดับที่ค่อนข้างดีของห้าง

กลยุทธ์เหล่านี้เป็นการสร้างทางเลือกให้ลูกค้าในเรื่องราคาที่ถูกลงก็จริง แต่ส่วนหนึ่งก็ตอบคำถามได้ว่า เป็นการสร้างทางรอดอีกทางหนึ่งของห้างสรรพสินค้านั่นเอง

 

http://www.arip.co.t...s.php?id=402478

 

 

สินค้าประเภททเฮ้าส์แบรนด์ จริงๆ แล้ว คือการจ้างบริษัทผู้ผลิตสินค้านั้นมาผลิตให้ภายใต้แบรนด์ของเทศโก้ครับ

เพื่อเป็นการลองตลาดของสอนค้าตัวจริงด้วย และสร้างยอดขายให้เทสโกเองด้วย

จึงถือเป็นการ win win ทั้ง 2 ฝ่าย


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#39 oneclick999

oneclick999

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,783 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 19:15

ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วผมเคยได้ยิน ไม่รู้จริงไหม กรณีเสื้อตราจรเข้ มีคนไปทำเลียนแบบ แต่หันหางไปคนละข้าง ของปลอมโดนฟ้องแต่คดีหลุดเพราะอ้างว่า แบรนด์ของจริงมันจรเข้ตัวผู้ แต่ของเขามันจรเข้ตัวเมีย (จริงป่าวไม่รู้)



#40 Alone

Alone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,726 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 19:29

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ชอบสตาร์บั๊ค แถมรู้สึกว่าราคามันแพงอย่างไร้เหตุผลเกินไปทั้งๆ ที่รสชาติก็ไม่ได้วิเศษวิโสกว่าเจ้าอื่น

(ถ้าพูดแรงเกินไปก็ขอโทษสาวกสตาร์บั๊คมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ) ถ้าไม่มีคนเลี้ยงหรือจำเป็นต้องไปนั่งคุยงานที่นั่นจะไม่เฉียด

ไปเด็ดขาด

 

แต่กรณีนี้ผมเข้าข้างสตาร์บั๊คครับ ความเป็น "คนจน" ไม่ใช่ใบอนุญาติให้ทำผิดกฏหมายหรือเอาเปรียบคนอื่นอย่างหน้าด้านๆ ได้

อย่างในกรณีนี้ทางสตาร์บั๊คเขาก็เตือนดีๆ แล้วหลายครั้งแต่ทางเจ้าของร้านยังไม่ยอมที่จะตกลงกับทางสตาร์บั๊คดีๆ

แถมยังจะไปเรียกเงินจากทางสตาร์บั๊คทำนองว่า "ถ้าอยากให้หยุดก็จ่ายมา 3 ล้าน" อีก ผมว่าเจ้าของสตาร์บังนอกจากจะ

ไม่ได้รู้สึกผิดที่ไปลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของเขาแล้ว (ปกติคนเราถ้ามีใครทักว่า "ลอก" ก็คงต้องมีเขินอายบ้างนิดนึง)

ยังเหิมเกริมขนาดจะไปทำเหมือนแบล็คเมล์เขาด้วยแสดงให้เห็นถึงความไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ตัวเองทำอย่างชัดเจน

 

 

 

 

ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีกาแฟและชาเป็นส่วนผสม โดยมีรถเข็นจำหน่าย

 

อยู่บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ เหตุที่ต้องฟ้องเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ก.ย.55 - ปัจจุบัน ได้บังอาจกระทำ

ความผิดต่อกฏหมายโดยทำเครื่องหมาย "สตาร์บัง" มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า

เป็นเครื่องหมายการค้า "สตาร์บัคส์" โดยโจทก์ได้ส่งหนังสือเตือนเมื่อ 17 ต.ค.55 แต่จำเลยกลับกระทำการ

อันเป็นการละเมิดสิทธิ์มากยิ่งขึ้นโดยการผลิตรูปลอกและปลอกหุ้มแก้วกาแฟและเสื้อผ้า เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ

ว่าสินค้ามีความเกี่ยวข้องกับสตาร์บัคส์ โจกท์จึงได้มีหนังสือเตือนอีกครั้ง แต่นายดำรงค์ กลับเรียกร้องและข่มขู่

ให้ชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 3,000,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้ปฏิเสธ และทำให้นายดำรงค์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

*************

 

ส่วนกรณีที่คำฟ้องอ้างว่าตนได้มีการข่มขู่เรียกค่าเสียหายจำนวน 3 ล้านบาทนั้น

ตนเพียงแค่บอกว่าถ้าจะขอให้ตนยกเลิกเครื่องหมายการค้าตนก็ขอขายกิจการให้ทั้งหมดเป็นเงิน 3 ล้านบาท

 

 

 

จะเพราะเขาคิดว่าความเป็น "คนจน" จะเป็นเกราะที่ดึงดูดให้สังคมคอยคุ้มครองเขาจากกฏหมายและสตาร์บั๊กหรือไม่ก็ไม่ทราบ

แต่การที่เขา "เลือก" ที่จะทำในสิ่งที่ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกผิดและอยากประณีประนอมกับทางเจ้าทุกข์ก็เท่ากับเขา

ปิดประตูความเห็นใจของผมไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

ทุกวันนี้คนที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดแถมโบ้ยว่าโดนรังแกมีเยอะมากขึ้นจนน่าใจหาย ไม่ต้องดูอื่นไกล..ไอ้คนดูไบนั่นก็ใช่

ต่อไปถ้าคนส่วนใหญ่มีค่านิยมอย่างนี้มากขึ้นเรื่อยๆ กฏหมายคงไม่เป็นกฏหมายและสังคมคงวุ่นวายขึ้นแน่ๆ ฉะนั้น..สำหรับเรื่องสตาร์บั๊ค

ผมสนับสนุนให้ดำเนินการจนถึงที่สุด และหากจะมีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อเจ้าของสตาร์บังก็ควรจะเป็นหลังจาก

คดีความจบสิ้นและทางสตาร์บังสำนึกผิดและยอมเลิกใช้เครื่องหมายการค้าที่เลียนแบบก่อนครับ



#41 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:13

โดยส่วนตัวผมว่าโลโก้คล้ายกันมากครับ

 

 

ไม่อยากให้คนไทยเอาความจนมาเป็นข้ออ้างในการทำผิดครับ

มันเป็นการดูหมิ่นคนจนคนอื่นๆที่เขาทำมาหากินอย่างสุตริต ไม่เคยทำผิดต่อผู้อื่น

โปรดอย่าปล้นเอาความมานะต่อสู้ที่เขาภาคภูมิใจไปจากพวกเขาเลยครับ


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#42 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:22

 

ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีกาแฟและชาเป็นส่วนผสม โดยมีรถเข็นจำหน่าย

 

อยู่บริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ เหตุที่ต้องฟ้องเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ก.ย.55 - ปัจจุบัน ได้บังอาจกระทำ

ความผิดต่อกฏหมายโดยทำเครื่องหมาย "สตาร์บัง" มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า

เป็นเครื่องหมายการค้า "สตาร์บัคส์" โดยโจทก์ได้ส่งหนังสือเตือนเมื่อ 17 ต.ค.55 แต่จำเลยกลับกระทำการ

อันเป็นการละเมิดสิทธิ์มากยิ่งขึ้นโดยการผลิตรูปลอกและปลอกหุ้มแก้วกาแฟและเสื้อผ้า เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ

ว่าสินค้ามีความเกี่ยวข้องกับสตาร์บัคส์ โจกท์จึงได้มีหนังสือเตือนอีกครั้ง แต่นายดำรงค์ กลับเรียกร้องและข่มขู่

ให้ชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 3,000,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้ปฏิเสธ และทำให้นายดำรงค์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

 

บทลงโทษในการเลียนแบบเครื่องหมายการค้า

                    มาตรา 109  บุคคลใดเลียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

จุดหลักของเครื่องหมายการค้าคือป้องกันไม่ให้คนหลงเชื่อ แล้วถามว่า สตาร์บังได้สร้างความสับสนให้คนทั่วไปหรือเปล่า 

ไอเดียมาจากสตาร์บั๊กแน่นอนครับ แต่มันเหมือนกันขนาดไหน ถ้ามาดูจากคำพิพากษาเรื่องความเหมือนหรือคล้ายของเครื่องหมายการค้า ก็จะพบว่ามีโอกาสพอๆ กันทั้งสองฝ่าย

 

- ประเด็นความการสร้างความสับสน ผมว่าไม่มีทาง แม้จะมองเผิน ก็เห็น เพราะอาบัง มีภาษาไทย "สตาร์บัง" อยู่ข้างๆ และเด่นกว่าโลโก้ด้วยซ้ำ

- ประเด็นความเหมือน คือคำว่า STARBUCKS และ STARBUNG ศาลเคยตัดสินว่า TWIST อาจสร้างความเข้าใจผิดให้คนไม่ชำนาญภาษาอังกฤษว่าเป็น TWISTER ได้

ประเด็นนี้ อาบังเสียเปรียบ

 

มันเป็นการต่อสู้กันในเรื่องการออกแบบนะครับ อาบังไม่ได้ใช้ข้ออ้างความจนมาต่อสู้เลย 

 

 

คดีเครื่องหมายการค้าประเด็นเหมือนหรือคล้าย ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 คำพิพากษาฎีกาที่ 5567/2548 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548

 
               บริษัท สยามคูโบต้าอุตสาหกรรม จำกัด       โจทก์
ระหว่าง 
               บริษัท อามาโก้ปิโตรเลียม จำกัด ที่ 1 กับพวกรวม 11 คน จำเลย 
 
               คดีนี้มีข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปช้างมีปีก อยู่ในรูปเฟืองและคำว่า ช้างบิน รวม 2 คำขอ เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 4 รายการสินค้า น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเครื่อง ตามคำขอเลขที่ 363989 และ 363990 ตามลำดับ 
              ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ทั้ง 2 คำขอ โดยอ้างว่าเครื่องหมายของจำเลยที่ 1 คล้ายกับเครื่องหมายของโจทก์เป็นรูปช้างอยู่ในเฟือง ซึ่งนายทะเบียนได้มีคำวินิจฉัยว่าเครื่องหมายของทั้งสองฝ่ายไม่คล้ายกัน จึงไม่ขัดต่อมาตรา 13 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 8 (10) และ (11) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 โจทก์ได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเพื่อขอให้ระงับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 ทั้ง 2 คำขอ และได้มีคำวินิจฉัยยืนตามนายทะเบียน โจทก์จึงได้ฟ้องคดีต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คดีหมายเลขดำที่ ทป. 97/2544 ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
               โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ซึ่งได้วินิจฉัยว่า แม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยที่ 1 จะเป็นรูปช้างอยู่ในฟันเฟืองเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอยู่หลายประการคือรูปช้างของโจทก์ไม่มีปีก แต่รูปช้างของจำเลยที่ 1 อยู่ในท่าทะยานบิน ใต้รูปมีอักษรคำว่า ช้างบิน ขนาดใหญ่ กำกับไว้ด้วย จะเห็นว่ารูปลักษณะองค์ประกอบโดยรวมแตกต่างกันชัดเจน เชื่อว่าสาธารณชนมองเห็นความแตกต่างนั้นได้ เมื่อพิจารณาถึงการเรียกขาน เครื่องหมายการค้าของโจทก์อาจเรียกขานได้ว่า ตราช้าง หรือช้างในเฟืองหรือช้างในฟันเฟืองตามที่โจทก์นำสืบ แต่ของจำเลยที่ 1 อาจเรียกขานได้ว่า ตราช้างบิน หรือช้างบินในเฟือง ตามที่โจทก์นำสืบ เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยที่ 1 จึงมีเสียงเรียกขานแตกต่างกัน สาธารณชนที่ได้เห็นหรือได้ยินเสียงเรียกขานย่อมเห็นและรู้ได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิด ในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า จึงพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
กลุ่มงานคดี 
23 กุมภาพันธ์ 2549
 
 
 คดีเครื่องหมายการค้า ประเด็นเหมือนหรือคล้าย คำพิพากษาฎีกาที่ 12590/2547 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2547
 
              บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์
ระหว่าง
              บริษัท ยูเนียนเซลล์ จำกัด ที่ 1 นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ 2 จำเลย
              กรรมการเครื่องหมายการค้าที่ 3-12
 
              คดีนี้มีข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปช้างสามเศียร อยู่ในวงกลมและคำว่า ตราเอราวัณ เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 12 รายการสินค้า ยางรถยนต์ ตามคำขอเลขที่ 289988 ซึ่งนายทะเบียนเห็นว่าชอบที่จะรับจดทะเบียนได้จึงประกาศโฆษณาในหนังสือจดหมายเหตุแสดง รายการเครื่องหมายการค้า
              โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าขอให้ระงับการจดทะเบียนโดยอ้างว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นรูปช้างสามเศียร อยู่ในวงกลมมีเส้นรอบวง 4  เส้นล้อมรอบ ซึ่งแม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์จะใช้กับสินค้าต่างจำพวกกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ยางสยาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์มาเป็นเวลานาน การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 จึงแสดงถึงเจตนาลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์
              จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำโต้แย้งว่า ตนประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับยางต่างๆ เช่น ยางรถยนต์ แหวนยาง สายพานยาง ซีลกันน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าต่างจำพวกและต่างชนิดกับสินค้าของโจทก์ไม่มีผลกระทบต่อโจทก์แต่อย่างใด
              นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้พิจารณาคำคัดค้านและคำโต้แย้งแล้วได้มีคำวินิจฉัยว่า แม้เครื่องหมายของทั้งสองฝ่ายจะมีรูปช้างสามเศียรเป็นสาระสำคัญเช่นเดียวกันและอาจเรียกขานได้ว่า ช้างสามเศียร หรือช้างเอราวัณ เหมือนกันก็ตาม แต่รูปช้างสามเศียรก็ยังมีลักษณะการประดิษฐ์แตกต่างกัน เครื่องหมายการค้าทั้งสองฝ่ายจึงมิใช่เครื่องหมายเดียวกันหรือเหมือนกัน และเครื่องหมายทั้งสองฝ่ายใช้กับ สินค้าต่างจำพวกกัน และมีรายการสินค้าไม่กระทบหรือครอบคลุมถึงกันแต่อย่างใด และจากหลักฐานของโจทก์แม้จะได้จดทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และแสดงให้เห็นว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวมีความแพร่หลาย พอสมควรก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าที่ยื่นขอจดทะเบียนไว้แล้วตั้งแต่ปี 2514 เช่นกัน ฉะนั้นโอกาสที่สาธารณชนจะสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของ สินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าย่อมเกิดขึ้นได้ยาก จึงให้ยกคำคัดค้านและรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 ต่อไป 
              ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเพื่อขอให้ระงับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นตามนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า จึงได้มีคำวินิจฉัยยืนตามคำวินิจฉัยของนายทะเบียน โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ตามคดีหมายเลขดำที่ ทป. 76/2541 และศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ทป. 69/2544 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2544
              โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาฎีกาให้ยืนตามคำพิพากษาของ ศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
กลุ่มงานคดี
10 สิงหาคม 2548
 
 
 คดีเครื่องหมายการค้า ประเด็นเหมือนหรือคล้าย
คำพิพากษาฎีกาที่ 7936-7937/2547 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
 
บริษัท เอส.ที.เบเกอรี่ จำกัด โจทก์
ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำเลยที่ 1
กรรมการเครื่องหมายการค้า รวม 8 คน จำเลยที่ 2-9
 
โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารวม 2 เครื่องหมาย คือ คำว่า ทวิสต์ ในลักษณะประดิษฐ์ คำขอเลขที่ 254146 และคำว่า TWIST ในลักษณะประดิษฐ์ คำขอเลขที่ 254148 ต่อมายูนิลิเวอร์ เอ็น วี ได้ยื่นคำคัดค้านว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสองเครื่องหมายเหมือนหรือคล้ายกับคำว่า TWISTER ตามทะเบียนเลขที่ ค.53254 (คำขอเลขที่ 322349) ใช้กับสินค้าจำพวกที่ 30 รายการสินค้าไอศกรีมหวานเย็น ขนมหวานเย็นแช่แข็ง และทะเบียนเลขที่ ค.21027 (คำขอเลขที่ 239092) ใช้กับสินค้าจำพวกที่ 30 รายการสินค้า ไอศกรีม ซึ่งนายทะเบียนได้วินิจฉัยให้ระงับการจดทะเบียน โจทก์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า และคณะกรรมการได้มีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการยืน ตามคำวินิจฉัยของนายทะเบียน โจทก์จึงได้ฟ้องคดีต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่ 3522/2542 และ 3523/2543 ต่อมาจำเลยได้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ซึ่งได้วินิจฉัยในประเด็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของผู้คัดค้านคำว่า TWISTER ที่จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าหรือไม่ โดยเห็นว่า แม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์จะเป็นอักษรประดิษฐ์ขนาดของตัวอักษรเรียงลำดับจากตัวแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดไปจนถึงอักษรตัวสุดท้าย ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุด แต่ของผู้คัดค้านเป็นตัวพิมพ์ใหญ่และขนาดเท่ากันทุกตัว เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว เครื่องหมายการค้าของโจทก์และผู้คัดค้านมีอักษร 5 ตัวแรกเป็นสาระสำคัญเป็นตัวอักษรเดียวกัน อ่านออกเสียง 2 พยางค์แรกเป็นเสียงเดียวกัน เพียงแต่ผู้คัดค้านมีอักษร ER ต่อท้ายอ่านว่า “เตอร์” เป็นพยางค์ที่ 3 เครื่องหมายทั้งสองเรียกขานได้ใกล้เคียงกันมาก บุคคลไม่คุ้นเคยภาษาต่างประเทศอาจไม่สังเกตถึงความแตกต่างได้ ประกอบกับสินค้าทั้ง 2 ฝ่ายใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกัน จึงอาจทำให้สาธารณชน สับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ 
กลุ่มงานคดี
19 เม.ย. 48 
 
คดีเครื่องหมายการค้า ประเด็นเหมือนหรือคล้าย
คำพิพากษาฎีกาที่ 7631/2547 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2547
               บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์
ระหว่าง
               บริษัท ทัสโก้ ทราโฟ จำกัด จำเลยที่ 1 
               กรมทรัพย์สินทางปัญญา กับพวก จำเลยที่ 2-11
 
               จำเลยที่ 1 ได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รูปช้างอยู่ในลวดลายสี่เหลี่ยม ทั้งหมดอยู่ในวงกลมพื้นทึบและมีคำว่า TUSCO TRAFO เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 9 รายการสินค้า หม้อแปลงกระแสไฟฟ้า คำขอเลขที่ 317322 ซึ่งนายทะเบียนได้พิจารณาแล้วเห็นควรรับจดทะเบียน ได้จึงได้ประกาศโฆษณาใ���หนังสือจดหมายเหตุแสดงรายการเครื่องหมายการค้า ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำคัดค้าน อ้างว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของตน ซึ่งเป็นรูปช้างและ ช้างเอราวัณหลายเครื่องหมาย เพราะมีรูปลักษณะและเสียงเรียกขานเหมือนหรือคล้ายกัน อาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ และโจทก์ได้ใช้เครื่องหมายตราช้างมานานกว่า 80 ปีแล้ว การขอจดทะเบียนของจำเลยที่ 1 จึงมีเจตนาลอกเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ขอให้ระงับการจดทะเบียน ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำโต้แย้งว่า ได้คิดประดิษฐ์เครื่องหมายขึ้นเองโดยมิได้ลอกเลียนแบบ รูปลักษณะและเสียงเรียกขานเครื่องหมายทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างชัดเจน และใช้กับสินค้าต่างจำพวกกัน ไม่ทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดแต่อย่างใด นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้พิจารณาคำคัดค้านและคำโต้แย้งแล้วเห็นว่า แม้เครื่องหมายการค้าของทั้งสองฝ่ายจะมีรูปช้างเป็นสาระสำคัญเช่นเดียวกันก็ตาม แต่รูปลักษณะแตกต่างกัน และเรียกขานได้แตกต่างกัน อีกทั้งใช้กับสินค้าต่างจำพวกกันมีรายการสินค้า ไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันแต่อย่างใด ไม่ทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดได้ จึงให้ยกคำคัดค้านและรับจดทะเบียนต่อไป โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า เพื่อขอให้ระงับการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วยืนตามคำวินิจฉัยของนายทะเบียน เครื่องหมายการค้า โดยยกอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์ได้นำคดีสู่ศาลเพื่อขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัย ของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า 
               ศาลชั้นต้นได้พิจารณาให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นค่าทนายความ 5,000 บาท โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
               ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้ารูปช้าง ของโจทก์ กับจำเลยที่ 1 คล้ายกันจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือ แหล่งกำเนิดของสินค้าหรือไม่ ซึ่งศาลเห็นว่า แม้เครื่องหมายการค้าของทั้งสองฝ่ายจะมีรูปช้างเป็นสาระสำคัญ ของเครื่องหมายเช่นเดียวกันก็ตาม แต่การนำรูปช้างซึ่งเป็นสัตว์ธรรมชาติหรือช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นสัตว์ ในวรรณคดีมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้านั้นบุคคลใดก็อาจนำมาใช้ได้ การที่บุคคลใดนำรูปช้างหรือรูปช้างเอราวัณไปใช้เป็นเครื่องหมายการค้าของตนก็มิได้หมายความว่าจะเป็นการตัดสิทธิบุคคลอื่นไม่ให้ใช้รูปช้าง หรือรูปช้างเอราวัณโดยเด็ดขาดเพียงแต่ผู้ที่จะนำรูปช้างหรือรูปช้างเอราวัณไปใช้เป็นเครื่องหมายการค้าของตน ในภายหลังจะต้องทำเครื่องหมายการค้าให้มีความแตกต่างจากเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้ใช้มาก่อน มากพอที่จะไม่ทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า เมื่อพิจารณาเครื่องหมายของจำเลยที่ 1 แล้ว เห็นว่า มีข้อแตกต่างจากโจทก์หลายประการที่จะไม่ทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้โจทก์ ใช้ค่าทนายความทั้งสองชั้นรวม 4,500 บาท
 
กลุ่มงานคดี
 1 มิ.ย. 48 


#43 Bourne

Bourne

    สายลับ ๆ ล่อ ๆ หัดเกรียน

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,471 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:37

ผมว่า ไม่คุ้มที่จะฟ้อง 

ดูเจตนาแล้ว สตาร์บัง มีเจตนาทำโลโก้เพื่อสร้างอารมณ์ขันมากกว่า ไม่น่าจะหวังทำให้เกิดการเข้าใจผิดคิดว่าสตาร์บัคมาเปิดกิจการกาแฟรถเข็น หรือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน

เมื่อเห็นโลโก้ คนซื้อกาแฟก็ไม่น่าจะมีใครเข้าใจผิดว่าตัวเองกำลังซื้อสตาร์บัค แต่อาจจะเข้าไปซื้อเพราะเห็นว่าตลกดี เลยซื้อกินดูขำ ๆ

ไม่เข้าใจ่า ทำไมสตาร์บัคต้องซีเรียส ลุกค้าก็คนละตลาด คนกินสตาร์บัคได้ ก็คงไม่ด้อยปัญญาจนแยกยี่ห้อไม่ออก

โหวต ไม่ควรฟ้องครับ ถ้าฟ้อง ผมขอเลิกซื้อสตาร์บัค ข้อหาทำตัวซีเรียส ขาดอารมณ์ขัน

ถ้าลอกโลโก้มาเลยเด๊ะ ๆ เจตนาปลอมแปลงธุรกิจ ก็ว่าไปอย่าง ถ้าอยากจับไปจับ เสื้อยืดแถวสีลมครับ เอาโลโก้มาปั๊มลงเสื้อเลยตรง ๆ ฝรั่งก็ชอบซื้อ


ภาระกิจหลักของผมบนบอร์ดเสรีไทย คือ ด่าควายครับ เรื่องคิดต่างผมรับได้ แต่เรื่องคิดชั่วผมรับไม่ไหวครัช

#44 ypk

ypk

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,173 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:38

เหอะ เหอะ  ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าเรื่องนี้มันเกิดมานานเป็นปีแล้วมั้งครับ

ถ้าจำไม่ผิด เข้าใจว่าเดิมนั้นเขาใช้ โลโก้ ของสตาร์บัค เลย เพียงแต่เปลี่ยน

คำว่า บัค เป็น บัง เท่านั้น คงทำแบบให้มันดู เก๋ ๆ ตลก ๆ มากกว่าที่จะคิดไป

เลียนแบบอะไรจริงจัง

 

ปัญหาที่มันเกิดขึ้นก็เพราะแถวนั้นฝรั่งมันเยอะ ผ่านไปผ่านมาก็อาจเห็นว่า ตลกดี

คงถ่ายรูปไปอวดเพื่อนบ้าง ลงในเฟซบุ๊คบ้าง ทางสตาร์บัคก็เลยแจ้งทางเมืองไทย

ให้ไปบอกบังว่า ให้เอาโลโก้ออก รู้สึกว่าบังก็ตกใจเหมือนกันว่า อะไรวะขายกาแฟ

อยู่ดี ๆ จะซวยซะแล้ว แต่ก็คงเอาโลโก้ สตาร์บัง ดังเดิมออกไปแล้ว ซึ่งมันก็น่าจะจบ

 

แต่ บังแกคงไปทำ สตาร์บัง เป็นของตัวเองขึ้นมาอีกโดยเป็นรูป บัง จริง ๆ คงคิดว่า

คราวนี้ไม่เหมือนแล้ว แต่ทางสตาร์บัค คงไม่ยอม จะให้เอาออกไปเลย บังแกก็คิดว่า

นี่มันเป็นจุดขายกาแฟของแก เอาออกไปแล้วไม่มีอะไรตลกให้ลูกค้าดู กลัวลูกค้าหาย

สตาร์บัค รวยจะตายอยู่แล้ว สตาร์บังขอแค่ขายกาแฟยาไส้ไปวันหนึ่ง ๆ จะอะไรกัน

นักหนาเนี่ยะ

 

ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่องมันจะเป็นประมาณนี้แหละครับ แต่ถ้าสงสัยว่า สตาร์บังใยหาญกล้า

ต่อกรกับสตาร์บัค ต้องลองไปหาข่าวเก่า ๆ ของ จ๊ะเอ๋ ทีวีดูครับ



#45 DZM

DZM

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 711 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:40

เลิกกิน!!!!!



#46 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:44

ไปดูที่ต่างประเทศ กรณี STARBUCKS  จะเห็นว่าฟ้องแบบเหวี่ยงแหไปหมด ใครใช้วงกลมสีเขียวโดน ชื่อยี่ห้อไหนมีคำว่า BUCKS ต่อท้ายก็โดน อย่างนี้เป็นต้น 

 

แถมตอนนี้บั๊กเองก็เปลี่ยนโลโก้ไปแล้วนะครับ ไม่ได้มีตัวอักษรในป้ายวงกลมเขียวอีกแล้ว  logo.png มันจะไปเหมือนสตาร์บังได้ยังไง

 

starbucks.jpg

ศาลตัดสินว่าไม่เหมือน 

http://dunlapcodding...beverage-battle

 

 

 

starbucks.jpg

เจ้าของยืนยันว่าไม่เหมือน

http://www.bbc.co.uk...-wales-11318367

 

conga.jpg

อย่างนี้ STARBUCKS ยังฟ้องละเมิด 

http://www.vegastrad...all-coffee.html

 

 

starbucks-charbucks__oPt.jpg

CHARBUCKS โดนฟ้องเพราะยี่ห้อกาแฟมีคำว่า BUCKS  

http://sunsteinlaw.c...with-charbucks/

 


Edited by เรื่อยๆเอื่อยๆ, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:49.


#47 THE THIRD WAY

THE THIRD WAY

    มาหาความจริง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,417 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:56

ในเรื่องของทุนนิยมสามานย์นั้น

อย่าคาดหวังในเรื่องของความเห็นใจ

ความน่าสงสาร 

 

ทุกอย่างอยู่ที่อำนาจ และเงิน

 

ถ้าพรุ่งนี้โลกนี้ ไม่มีกาแฟกิน

จะเกิดอะไรขึ้น?

อยากเห็นนัก


อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลางทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง

#48 noswords

noswords

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 543 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:03

ผมว่าในเรื่องของบัง น่าจะเป็นเรื่องเริ่มต้นจากความสนุกมากกว่า

แต่ถ้าสนุกแล้วมันผิดตามตัวบทกฏหมาย มันก็คือผิด

แต่ถ้าสนุกแล้วมันไม่ผิดกฏหมาย มันก็คือถูก

ความยากดีมีจนไม่ใช่เรื่องข้ออ้าง

 

ผมเห็นช่วงนี้ตามหน้าเว็บหลายที่เรื่องของบังชักจะดราม่า

หลายคนเชียร์บังแบบไม่ลืมหูลืมตา

 

ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน บัคฟ้องบังผมก็เห็นใจบัง เอาใจช่วยเรื่องฟ้องร้อง

แต่ถ้าตามตัวบทกฏหมายมันผิด ก็ต้องว่าผิด บังก็ต้องยอมรับว่าผิด กองเชียร์ก็ต้องยอมรับว่าผิด

ถ้ายังตะแบงใช้ตรรกะเสียงข้างมาก ผมว่ามันก็ไม่ต่างกับพวกควายแดงรวมทั้งพรรคและตระกูลทรราชที่นิยมใช้เสียงข้างมากเหนือกฏหมาย

 

ถึงตอนนั้นถ้าบังแพ้คดี

ก็อยากรู้เหมือนกัน พวกดราม่าเรื่องบัง คนที่คิดทำโลโก้ให้บัง จะมีใครยื่นมือไปช่วยเหลือบังบ้าง


Edited by noswords, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:06.

What is a rebel? - A man who says NO!Albert Camus


#49 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:19

ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายครับ แต่ขอออกความเห็นว่า

 

บัง น่าจะตั้งใจเลียนแบบ ครับ เพียงแต่ไม่ได้หวังผลเลิศ คิดเป็นคู่แข่ง แค่อิงกระแส

 

สตาร์บัคก็ทำตามกฎหมาย รักษาผลประโยชน์

 

อบู่ที่ศาลท่าน และตัวกฎหมายครับ น่าจะมองที่ เจตนาและความเสียหายจากการลอกเลียนเป็นหลัก

 

หวังว่า จบด้วยดีครับ เพราะกับคนไทยนี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย สตาร์บัคอาจจะเสียเครดิตกับเรื่องนี้ก็ได้ ได้ไม่คุ้มเสีย  :)


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#50 ใจหมาอำมหิต`

ใจหมาอำมหิต`

    อำมาตย์Hard Core !!

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,449 posts

ตอบ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:41

 

ไปดูที่ต่างประเทศ กรณี STARBUCKS  จะเห็นว่าฟ้องแบบเหวี่ยงแหไปหมด ใครใช้วงกลมสีเขียวโดน ชื่อยี่ห้อไหนมีคำว่า BUCKS ต่อท้ายก็โดน อย่างนี้เป็นต้น 

 

แถมตอนนี้บั๊กเองก็เปลี่ยนโลโก้ไปแล้วนะครับ ไม่ได้มีตัวอักษรในป้ายวงกลมเขียวอีกแล้ว  logo.png มันจะไปเหมือนสตาร์บังได้ยังไง

 

starbucks.jpg

ศาลตัดสินว่าไม่เหมือน 

http://dunlapcodding...beverage-battle

 

 

 

starbucks.jpg

เจ้าของยืนยันว่าไม่เหมือน

http://www.bbc.co.uk...-wales-11318367

 

conga.jpg

อย่างนี้ STARBUCKS ยังฟ้องละเมิด 

http://www.vegastrad...all-coffee.html

 

 

starbucks-charbucks__oPt.jpg

CHARBUCKS โดนฟ้องเพราะยี่ห้อกาแฟมีคำว่า BUCKS  

http://sunsteinlaw.c...with-charbucks/

 

 

 

ผมถึงบอกไง...ยังไงบังก็ไม่ผิด มันไม่ใช่การCopy แต่มันคือการนำมาDevelopment ในทางออกแบบไม่ผิดแน่นอน เพราะฟร้อนก้เป็นฟร้อนสแตนดาร์ด ทั่วไป รูปทรงก็แบบกลมๆทั่วไป

 

กรณีนี้ ผมถึงมั่นใจว่า ยังไงบังก็ไม่ผิดแต่มันออกแนวข่มขู่มากกว่า

 

ขนาดเพลงลูกทุ่งหรือเพลงไทยทั่วๆไป ก้อปปี้ melody มาทั้งท่อนยังไม่โดนเลยฮะ

 

 

:lol: :lol: :lol: :lol:


"ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน”

                                   "กลุ่มชาวพุทธหูรุนแรง"

 





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน