เหนือเมฆ 2 ตอนแรก-ตอนจบ อ่านเรื่องย่อเหนือเมฆ 2 ช่อง3
หมาก – มิ้นต์ ในละคร เหนือเมฆ 2
เหนือเมฆ2 ละครเหนือเมฆ2 ทางช่อง 3
ละครเหนือเมฆ2 มือปราบจอมขมังเวทย์
เรื่องย่อ เหนือเมฆ 2 ตอนที่ 12
น้ำใสไปหาเอกวีร์ บก.ข่าวที่ห้องทำงาน เอกวีร์ถามถึงสกู๊ปสัมภาษณ์สด ผบ.นภาที่เธอบอกว่าได้มาแล้ว น้ำใสบอกว่าได้มาแล้ว แต่ตนมีข้อตกลงกันมา จะออก อากาศในเวลาที่เหมาะสม
“เมื่อไหร่” เอกวีร์ถาม น้ำใสบอกว่า ผบ.นภาจะแจ้งเข้ามาอีกครั้ง เขาพึมพำ “แสดงว่าเนื้อหาสกู๊ปนี้คงสำคัญน่าดู”
“สำคัญค่ะ สำคัญมากด้วย”
“ทุกอย่างเป็นดาบสองคมเสมอนะน้ำใส ยิ่งสกู๊ปนั้นสำคัญมากแค่ไหน คุณจะยิ่งเป็นอันตรายถ้าไม่รีบนำเสนอ”
น้ำใสยืนยันว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง เอกวีร์บอกว่าตนเข้าใจ เพียงแต่เตือนด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากเสียนักข่าวมือดีเพราะอำนาจมืดไปอีกคนเท่านั้น เตือนตบท้ายว่า “ระวังตัวหน่อยนะ”
“ขอบคุณค่ะ บก.” น้ำใสอดคิดตามคำเตือนของเอกวีร์ไม่ได้…
ขณะน้ำใสลงลิฟต์จากชั้นบนจะกลับบ้านนั่นเอง ยามทักว่ากลับดึกเชียว เธอบอกว่าเคลียร์ตัดต่อเทปเพิ่งเสร็จ แล้วเดินผ่านไป ไม่รู้ตัวว่าข้างหลังเธอนั้น มีคนร้าย 2 คนกำลังเดินประกบมา ทันใดนั้น เสียงมือถือดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกๆ เธอสงสัยแต่ก็รับสาย
“เธอคงรู้ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” ปลายสายเสียงเข้ม พอเธอบอกว่า รองจักร ปลายสายสวนมาทันที “จำได้! งั้นเธอคงยังจำได้ว่าทำอะไรไว้กับฉันบ้าง!”
น้ำใสชี้แจงว่าตนไม่ได้ทำอะไร จู่ๆรองจักรก็หมดสติไปเองก่อนที่ตนจะสัมภาษณ์สด ถูกตวาดว่า “ฉันไม่โง่!” เธอถามว่าโทร.มาต้องการอะไรหรือ
จักรขู่ว่าเธอคิดผิดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตน แต่จะเปลี่ยนใจก็ยังไม่สาย ให้เธอเอาสกู๊ปพิเศษสัมภาษณ์ ผบ.นภา ก่อนที่นภาจะหนีไปจากนิติเทคฯมาให้ตน ย้ำกับเธอว่า
“ถ้าเธอเปลี่ยนใจเลือกให้ถูกข้าง ฉันจะให้อภัยทุกๆ เรื่อง และเธอยังจะได้ผลประโยชน์มากกว่าที่คิด”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการ! ฉันไม่คิดเปลี่ยนใจ เลือกอยู่ข้างคนชั่ว! ศรัทธาในความดีของฉันยังเหลืออยู่ ฉันไม่เคยลืมคุณค่าของการเป็นมนุษย์!”
“เก่งให้เหมือนปากนะ! แล้วเธอจะรู้ว่าศรัทธาผิดๆ นำมาซึ่ง ความตาย!” พูดจบจักรตัดสายเลย
น้ำใสเดินไปที่ลานจอดรถอย่างระแวดระวัง พลันก็ตกใจเมื่อมีมือมาแตะไหล่ ที่แท้เป็นยามเอาเอกสารจาก บก.โต๊ะข่าวการเมืองที่เธอลืมไว้ตามมาให้ เธอขอบคุณแล้ว แยกกัน
ยามเดินไปไม่ทันไรก็ถูกคนร้ายสองคนพุ่งเข้าชาร์จแทงจนทรุดไปกับพื้น จากนั้นมันรีบเดินตามน้ำใสไป คนหนึ่งตรงเข้าตบหน้าเธอจนล้มคว่ำ ถูกน้ำใสเอากระเป๋าเหวี่ยงใส่เต็มแรง
น้ำใสใช้ศิลปะป้องกันตัวที่เรียนรู้จากแสงกล้ามาพอตัวต่อสู้กับมันจนหนีไปขึ้นรถขับออกไปได้ นึกว่าหลุดจากมันแล้ว แต่พริบตาเดียวเธอก็ตกใจมือไม้อ่อนเมื่อคนร้ายอีกคนโผล่ขึ้นจากเบาะหลัง เอาปืนจ่อ สั่ง
“อย่าตุกติก! ระยะแค่นี้ฉันยิงไม่พลาดแน่ พาฉันไปเอาเทปสัมภาษณ์ ผบ.นภา!”
น้ำใสถูกคนร้ายเอาปืนจ่อให้ลงจากรถเดินเข้าไปที่โถงคอนโดฯ มันทำเนียนจนไม่มีใครผิดสังเกต…
ooooooo
คมศรจอดรถที่หน้าคอนโดฯ มองเข้าไปเห็นน้ำใสเดินที่โถงเหมือนมีคนเดินประกบอยู่ ด้วยสายตาที่เฉียบคมและผ่านการฝึกปรือมาอย่างดี เขาเห็นว่า น้ำใสกำลังถูกชายคนนั้นเอาปืนจี้อยู่
ขณะน้ำใสกำลังคิดหาทางออกให้ตัวเองนั้น มือถือเธอดังขึ้น คนร้ายสั่งเบาๆ “รับโทรศัพท์…อย่ามีพิรุธ!”
“ผมคมศร…คุณคงจำผมได้” คมศรพูดทันทีเมื่อเธอรับสาย เธอถามว่ามีอะไรหรือถึงโทร.มาดึกๆดื่นๆ “ผมอยู่ในโถงคอนโดฯนี่แหละ รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ…”
“เอ้อ…เหรอคะ…”
“คุณกำลังตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม ถ้าใช่…เบี่ยงตัวไปทางซ้าย ค่อยๆทำนะอย่าให้มันสงสัย”
อึดใจต่อมา น้ำใสแกล้งทำเป็นเดินสะดุดเสียหลักเซไปทางซ้าย ถูกคนร้ายดุว่าเดินดีๆหน่อย เธอชำเลืองมองเห็นมัน มันไม่สงสัยอะไร
เมื่อแน่ชัดเช่นนี้ คมศรโทร.แจ้ง 191 ให้ส่งสายตรวจมาด่วน แต่จู่ๆคนร้ายก็หันขวับมาทางที่เขาหลบอยู่ พอเห็นเขามันยิงทันที คมศรหลบและยิงสู้ น้ำใสถูกคนร้ายจับเอาเป็นตัวประกันพยายามหนีออกจากตรงนั้น
มันลากน้ำใสผ่านกำแพงที่มีถังดับเพลิงแขวนอยู่ น้ำใสสะบัดตัวออกมาคว้าถังดับเพลิงฉีดใส่มัน พอดีคมศรวิ่งตามมาทัน เขายิงเจาะกะโหลกมันตายคาที่
ตำรวจมาถึง คนหนึ่งวิ่งไปดูศพคนร้าย อีกคนวิ่งมาทางคมศรที่ประคองน้ำใสอยู่
แม้จะอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานกลัวจนตัวสั่น แต่น้ำใสก็ยังอดรู้สึกถึงสัมผัสในอ้อมแขนของคมศรไม่ได้…
ดาหลาไปรายงานจักรถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านเขา จักรไม่พอใจมาก ด่าว่าแค่นักข่าวคนเดียวยังทำงานพลาด สั่งให้ส่งคนไปจัดการอีกครั้ง ยังไงตนก็ต้องได้วีดิโอสัมภาษณ์นภามาให้ได้
“มันแกร่งกว่าที่เราคิดเยอะ…แต่เราทำอะไรตอนนี้คงไม่เหมาะ เพราะตอนนี้นังนักข่าวมันอยู่กับเลขาคมศร”
“ไอ้คมศร!”
“เราคงต้องหยุดตามนังนักข่าวไปก่อน รอจนถึงเวลาที่เหมาะสม” ดาหลาเสนอ แม้จักรไม่พอใจแต่จำต้องยอม
ooooooo
ระหว่างตำรวจสอบปากคำคมศรนั้น น้ำใสก็ได้รับการปฐมพยาบาลจากบุรุษพยาบาล เมื่อคมศรเดินมาบุรุษพยาบาลบอกเขาว่า
“มีแค่รอยฟกช้ำ แฟนท่านเลขาไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
คมศรขอบคุณ เมื่อพยาบาลเดินออกไป น้ำใสทำ หน้าตื่นถามว่าทำไมไม่บอกเขาว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คมศรตอบยิ้มๆว่า “ผมชินกับการโดนเข้าใจผิดแล้ว”
ขณะที่น้ำใสยังหงุดหงิดนั่นเอง ตำรวจมาบอก คมศรว่า
“พรุ่งนี้เช้า คงต้องรบกวนท่านเลขาพาแฟนไปให้รายละเอียดที่ท้องที่อีกครั้ง วันนี้พักผ่อนได้แล้วล่ะครับ”
อีกแล้ว! น้ำใสฮึดฮัดที่ถูกมองว่าเป็นแฟนคมศร เธอจะชี้แจงแต่พอเห็นรอยยิ้มของตำรวจที่มองอยู่ก็พูด ไม่ออก
คมศรอาสาไปส่งเธอที่ห้อง เห็นเธอเดินไม่ถนัดนักเขาจูงมือเธออย่างไม่เคอะเขิน จนน้ำใสทำอะไรไม่ถูก ต้องยอมให้เขาจูงไปโดยดี ซ้ำเมื่อเข้าลิฟต์เขายังบอกว่า
“ปล่อยให้เข้าใจผิดแบบนั้นแหละดีแล้ว ตำแหน่งงานที่ผมทำอยู่อาจทำให้คุณได้รับความสะดวกมากขึ้น รองจักรคงจองเวรคุณไม่เลิกแน่”
“ฉันล่ะเบื่อกับระบบอุปถัมภ์จริงๆประชาชนจะมีทางเลือกบ้างได้ไหม คนที่มีเส้นสายมักจะได้รับความสะดวกมากกว่าธรรมดา” น้ำใสเปลี่ยนมาหงุดหงิดเรื่องนี้แทน เขาบอกว่าตนก็เบื่อแต่คงต้องรอให้คนรุ่นใหม่มาพัฒนาบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากระบบทุนนิยมแบบเก่าๆ เธอถามว่าอีกนานไหม “คงไม่นานหรอก ถ้าจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ เลิกนับถือคนจากฐานะและตำแหน่ง แต่ให้ความสำคัญกับความดี”
ลิฟต์มาถึงชั้น 17 ที่น้ำใสอยู่ พอมาถึงหน้าห้องเธอค้นหากุญแจไม่เจอนึกได้ว่าลืมไว้ที่ห้องทำงาน คงต้องกลับไปเอา คมศรบอกว่าเดี๋ยวให้ส่วนกลางเอากุญแจสำรองมาไขให้ก็ได้ น้ำใสมองทึ่งบอกว่าตนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทำแบบนี้ได้
ทั้งสองต่างเพิ่งรู้ว่าอยู่คอนโดฯเดียวกัน ซ้ำยังมาอยู่ตั้งแต่เปิดเหมือนกันด้วย น้ำใสถามว่าแล้วทำไมเราไม่เคยเจอกันเลย
“คงยังไม่ถึงเวลามั้ง” คมศรตอบยิ้มๆเธอถามว่าเขาอยู่ชั้นไหน เขายังคงยิ้มแต่ไม่ตอบ
ระหว่างรอส่วนกลางเอากุญแจสำรองมาไขห้องนั้น คมศรพาเธอไปนั่งพักที่ห้องเขาก่อน น้ำใสแปลกใจจนเกือบขำเมื่อรู้ว่าที่แท้แล้วห้องของคมศรอยู่ติดกับห้องของเธอนั่นเอง!
พอเข้าไปในห้อง น้ำใสมองไปรอบๆเห็นภาพคมศรกับแพรไพลินในอิริยาบถ สถานที่ และเวลาต่างๆมากมาย ทำให้เธอรู้ว่าทั้งสองสนิทกันมาก เธอชี้ไปที่รูปหนึ่งชมว่าน่ารักดี คมศรบอกว่าเป็นรูปที่ถ่ายสมัยเรียนอยู่อเมริกา ตนกับเธอสนิทกันมาก ทำให้น้ำใสนึกถึงเรื่องของตัวเองกับแสงกล้า เธอเล่าว่า
“คงเหมือนฉันกับแสงกล้า โตมาด้วยกันในมูลนิธิ เด็กฯ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก หึๆแล้วก็คงเป็นเพราะเป็นเพื่อนกันมานี่แหละ เขาถึงไม่เคยคิดว่าฉันเป็นอย่างอื่น นอกจาก…”
“เพื่อน” คมศรช่วยเติมให้เหมือนตัวเองมีประสบการณ์นี้เหมือนกัน
“การที่เราจะรักใครสักคนเนี่ย มันหาเหตุผลให้ เข้าใจยากจริงๆนะคะ”
“คงยากพอๆกับที่จะทำใจให้เลิกรักใครสักคน”
“แสดงว่าเราสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันนะคะ แอบรักเพื่อนสนิท หึๆๆ” น้ำใสหัวเราะในลำคอ คมศรชมว่าเธอเก่งที่ยังยิ้มได้ทั้งที่พูดเรื่องน่าสะเทือนใจ “ทำไมต้องเศร้าด้วยล่ะค่ะ แค่เราสบายใจที่เห็นเขามีความสุข มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว คุณเองก็เก่ง ไม่เห็นจะเศร้าเลยสักนิดที่เห็นอดีตแฟนหันไปรักคนอื่น”
“ผมคงเป็นพวกเก็บความรู้สึก…ชีวิตอยู่ในปัจจุบันดีกว่า แค่มีความสุขที่วันนี้ยังมีเธออยู่เคียงข้าง ผมก็สบายใจมากแล้ว” คมศรพูดยิ้มๆอย่างสบายใจจริงๆ
พอดีแม่บ้านมาเปิดประตูห้องให้แล้ว คมศรจึงเดินนำออกจากห้อง บอกเธอว่าจะได้กลับไปพักผ่อน เมื่อถึงหน้าห้องน้ำใสเอ่ยขอบคุณสำหรับทุกอย่าง พูดจากใจว่า
“ถ้าไม่ได้คุณ…วันนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้… ยินดีที่มีคุณเป็นเพื่อนตายอีกคนหนึ่งค่ะ” เธอส่งมือให้เขาจับแบบแมนๆ คมศรจับมือเธอต่างมองหน้ากัน ก่อนที่คมศรจะเอ่ยอย่างพอใจว่า
“เพื่อน…ผมชอบคำคำนี้จัง ชักจะคุ้นเคยกับมันยังไงไม่รู้ ระวังตัวให้ดีด้วย ฝ่ายตรงข้ามรู้แล้วว่าคุณเลือกอยู่ข้าง ผบ.นภา”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ท่านเลขาฯก็ระวังตัวบ้างนะคะ”
แต่พอเข้าห้องน้ำใสยิ้มกับตัวเองพึมพำ “ท่านเลขาคมศร…มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี่ยยย…”
ooooooo
เมื่อแสงกล้ารู้ว่า “วัชระ” อยู่กับตนเขาคิดหนักจนนอนไม่หลับ ถามอินทนนท์ที่นอนใกล้กันที่วัดร้างว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป อินทนนท์บอกว่าเราต้องหาทางชิงของสำคัญทั้งสี่กลับมา แสงกล้าถามว่าด้วยวิธีไหน?
“พวกมันคงรู้แล้วว่า ได้ศาสตราวุธไปไม่ครบ บางทีเราอาจจะไม่ต้องทำอะไรเลย แต่รอเวลาให้พวกมันเป็นฝ่ายมาหาเราเอง” อินทนนท์พูดอย่างเชื่อมั่นในประสบการณ์และการวิเคราะห์ของตน
สมิง จ่าหวาน และดาบแหบ ต่างหลับลึกอยู่อีกมุมหนึ่ง ส่วนนภานั่งหลับอยู่หน้าเชิงตะกอนที่ไฟมอดใกล้จะดับหมดแล้ว…เธอฝันถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา นับแต่เธอถูกจับโยนจากยอดตึกตกลงมากระแทกหลังคารถที่จอดอยู่…เหตุการณ์เวลานั้นปรากฏในความฝันเหมือนกำลังเกิดขึ้นจริงๆ!
หลังตกจากยอดตึกอาการสาหัสปางตาย แต่เธอยังรับรู้การเคลื่อนไหวรอบข้าง ได้ยินเสียงอินทนนท์คุยกับดวงตะวันว่า “ยืนยันสถานที่แน่นอนแล้วใช่ไหม” ดวงตะวันยืนยันว่าผู้หญิงคนนั้นเพิ่งส่งสถานที่มาให้ ทั้ง ย้ำว่าต้องรีบไปภายในคืนนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
จากนั้น เธอถูกนำตัวไปนอนในบ่อว่าน โดยมี จอมนางน้องสาวตาบอดของจอมแสงแม่ของแสงกล้ามารักษา…
“เชื่อมั่นเถอะว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง” จอมนางเอ่ยอย่างรู้ว่าอินทนนท์กำลังจ้องตนอยู่ข้างหลัง อินทนนท์ถามว่าตาบอดหรือ เธอเป็นใคร เธอตอบว่าใช่แต่ไม่เป็นอุปสรรค บอกว่าตนเป็น “ผู้นำสาร…”
จอมนางหยิบผ้าถุงเอายาสมุนไพรเม็ดกลมใสราวกับลูกแก้วออกมาเล่าว่า
“ก่อนอาจารย์ไตรรัตน์จะตาย ท่านเรียกฉันเข้าไปสั่งให้นำสิ่งนี้มาให้ผู้หญิงคนนี้ อาจารย์มองเห็นอนาคต
บางอย่าง…อีก 20 ปี ผู้หญิงคนนึงจะตายไม่ได้ เธอต้องรอดชีวิตด้วยมนตราแห่งไสยเวทขาว เพื่อความถูกต้องและดีงามที่จะคงอยู่ตลอดไป”
จอมนางหย่อนลูกสมุนไพรลงในบ่อน้ำว่านที่นภานอนแช่อยู่ บังเกิดแสงสีสวยงามและร่างของนภาที่แน่นิ่งก็ค่อยๆมีเลือดฝาด มีน้ำมีนวลคล้ายกำลังกลับมามีชีวิต!
“ผู้หญิงคนนี้ต้องรอดชีวิต เพื่อทำทุกอย่างให้ ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น” พูดเสร็จจอมนางลุกขึ้นจะเดินออกไป อินทนนท์ถามว่าไหน “ภารกิจของฉันเสร็จสิ้นตามที่ได้รับมอบหมาย หมดหน้าที่ของฉันแล้ว”
จอมนางลุกเดินหายไปในความมืด พร้อมๆกับนภารู้สึกตัวเธอถามงงๆว่า “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“มีผู้หญิงคนนึงติดต่อไปที่เรา เธอต้องการช่วยชีวิตคุณ เรารู้แต่เธอเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้คุณรอดชีวิต…เรายังมีภารกิจมากมายที่ต้องทำร่วมกัน ผู้หญิงคนนี้บอกว่า คุณต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสร้างความถูกต้องและยุติธรรมให้กับโลกใบนี้” อินทนนท์เล่า มองหน้าเธอด้วยความเชื่อมั่น
นภาสะดุ้งตื่นจากความฝัน เธอลุกเดินไปที่เชิง ตะกอนเศร้าๆ มองเชิงตะกอนที่เผาร่างเมฆาอย่าง สะเทือนใจ…
“ลาภ ยศ ชื่อเสียง ตำแหน่ง คนเราจะแสวงหาไปทำไมให้มากมาย…สุดท้ายก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง”
นภาหันขวับไปตามเสียง เห็นเมฆายืนอยู่ใน มุมมืดหนึ่งที่ไกลออกไป เธอระแวงว่าจะเป็นวิญญูแปลงกายมา ไวเท่าความคิด เธอชักปืนยิงไปทันที พอเหลียวมองอีกทีร่างของเมฆาก็หายไปแล้ว!
แต่พอหันมาเธอผงะเมื่อเมฆามายืนอยู่ข้างๆเธออย่างมีเนื้อหนังมังสา มีเลือดเนื้อ มีตัวตน เมฆาเอามือแตะปืนเธอกดลง ใบหน้าและแววตาที่เขามองเธอนั้น เปี่ยมด้วยความเมตตา…บอกเธอว่าอย่ากังวลใจเลย ตนเป็นสามีที่รักภรรยาคนนี้มากและจะไม่มีวันทำร้ายเธอ ทำให้นภาเชื่อว่านั่นคือตัวตนเมฆาจริงๆ ถามว่า “คุณ ปลอดภัย…ยังไม่ตายใช่ไหม?”
“ผมยังตายไม่ได้ ตราบใดที่คุณยังเป็นแบบนี้…จำไม่ได้เหรอ…เราเคยพูดกันเสมอ ‘ความดีไม่มีวันตาย’ ตราบใดที่เรายังมีศรัทธา…ความดีจะคงอยู่บนโลกใบนี้ตลอดไป”
“เมฆา…คุณคือความหวัง เป็นแสงสว่างในชีวิตฉัน ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ ฉันพร้อมจะสู้กับความชั่วร้ายทุกอย่าง เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อความไม่ถูกต้อง ฉันจะพิสูจน์ให้พวกมันเห็น พวกมันไม่มีทางทำลายศรัทธาในการสร้างความดี”
ooooooo
แสงอาทิตย์เริ่มสาดสู่ท้องฟ้า…นภายังคุยกับเมฆาอยู่อย่างดีใจที่เขาไม่เป็นอะไร ถามว่าเขาหายไปไหนมาทำไมถึงตามมาที่นี่ถูก เมฆาบอกว่าตนอยู่กับเธอตลอดเวลาไม่เคยหนีจากเธอไปไหนเลย
“ฉันนึกว่าจะสูญเสียคุณไปแล้ว ถ้าคุณตาย…ความเชื่อมั่นในการทำความดีของฉันคงหมดสิ้นไป”
“ผมเข้าใจ…เหมือนกับที่คนสมัยนี้ชอบพูดกันใช่ไหม ‘ทำดีไม่ได้ดี’ แต่คุณเคยคิดบ้างไหม…ความดีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อะไรที่เรียกว่า ‘ดี’ และอะไรที่เรียกว่า ‘ทำความดี’ เมื่ออยู่ในชีวิตประจำวัน เรามักแยกไม่ออกในเรื่องของทางโลกและทางธรรม”
นภาชะงัก มองหน้าเมฆาอย่างรู้สึกได้ถึงความจริงจังของเขา เมฆายังคงพูดต่ออย่างย้ำคิดย้ำคำว่า
“สำหรับผม ‘ความดี’ กับการ ‘เกิด แก่ เจ็บ ตาย’ มันเป็นคนละเรื่อง เมื่อหมดบุญ สิ้นอายุขัย…คนดีก็ตายได้ แล้วการที่คนดีตายเนี่ย…มันจะหมายถึงทำดีแล้วไม่ได้ดีงั้นเหรอ?”
“แต่ความดีก็ไม่ควรจะพ่ายแพ้ต่อความชั่ว คนดีไม่ควรจะถูกคนชั่วทำลาย”
“ต่างกันตรงไหน? ในเมื่อสุดท้ายไม่ว่า ‘ชั่ว’ หรือ ‘ดี’ ก็ไม่มีใครหนีความตายพ้น ทรัพย์สิน ฐานะ หรือหน้ากากทางสังคมที่มนุษย์สมมติสร้างขึ้น ตัดสินความเป็นคนไม่ได้หรอกนะ…‘คุณค่า’ ของความเป็นคน ไม่ได้สิ้นสุดลงที่ความตาย คุณงามความดีที่แต่ละคนสร้างไว้ให้กับสังคมต่างหากที่จะยังคงอยู่ในความทรงจำของคนตลอดไป”
เมฆาเดินเข้าหานภา เอามือแตะที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอ เอ่ยช้าๆหนักแน่นว่า
“สังคมคงอยู่ไม่ได้ ถ้าคนไม่สร้าง ‘คุณค่า’ ของตัวเองด้วยการสร้างความดี…คุณต้องกลัวให้น้อยกว่าที่กล้า…ศรัทธาให้มากกว่าที่เห็น ความดีไม่เคยพ่ายแพ้ต่อความชั่วร้าย!! นี่คือสัจธรรมที่ไม่ต้องพิสูจน์!”
“คุณตายแล้วใช่ไหม…” เสียงนภาแผ่วอยู่ในลำคอที่ตีบตัน
“ถึงตัวจะไม่ได้อยู่กับคุณ แต่ผมจะคงอยู่ในจิตใจของคุณตลอดไป…” เมฆาถอดสร้อยคอร้อยแหวนเงินที่ใส่อยู่ในเสื้อเอาออกมาสวมให้เธอ นภาจับสร้อยเอ่ยอย่างตื้นตันใจว่า
“แหวนเงินวงแรกที่ฉันซื้อให้คุณ…”
“นภา…คุณต้องเชื่อมั่นในคุณธรรม เชื่อมั่นในการทำความดี ศรัทธาของคุณเท่านั้นที่จะทำให้สังคมของเราดีขึ้น” ร่างเมฆาถอยห่างออกไปทุกที นภาถามเสียงแผ่วสะท้านว่าคุณจะไปไหน “ผมไม่เคยตายไปจากจิตใจคุณเลย…นภา คุณต้องศรัทธา…ความดีต้องชนะความชั่ว” เสียงเมฆาย้ำในประโยคสุดท้ายพร้อมกับร่างที่ค่อยๆจางหายไป
“เมฆา…เมฆา…” นภาร้องเรียกเหมือนจะพยายามไขว่คว้าเขาไว้ เธอได้แต่มองอย่างอาลัยอาวรณ์เมื่อเมฆาลับสายตาไป…
นภาสะดุ้งตื่นอีกครั้ง ลุกขึ้นเหมือนตัวเองเพิ่งหลับและฝันไป เธอมองไปรอบๆงงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าตัวเองฝันไป แต่พอคลำที่คอ พบสร้อยร้อยแหวนห้อยอยู่ จำได้ว่าเมฆาเพิ่มสวมให้เมื่อครู่นี้เอง! เธอได้แต่งุนงงแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อเธอเดินไปหาอินทนนท์กับพวกที่กำลังเตรียมจะเดินทางออกจากวัดร้างกลับ เธอบอกอินทนนท์อย่างหนักแน่น
“ฉันพร้อมแล้วค่ะผู้การ…เราต้องเอาของสำคัญกลับคืนมา”
“ผบ.นภากลับมาแล้ว” อินทนนท์เอ่ยอย่างปลื้มปีติ ทุกคนต่างหันมอง นภาประกาศแก่ทุกคนอย่างอหังการว่า
“ร่างกายของด็อกเตอร์เมฆาอาจจะสูญสิ้นไป
หมดแล้วจากโลกใบนี้ แต่จิตวิญญาณแห่งความดีของเขา ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา ด็อกเตอร์เมฆาคือศรัทธา คือสัญลักษณ์ตัวแทนของความดีที่ไม่มีวันตาย พวกเราต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้องตลอดไป!”
ช่างเป็นคำประกาศที่เหมือนแสงอาทิตย์ที่อุทัยอยู่ขอบฟ้าในยามนี้จริงๆ!!
ooooooo
วิญญูคิดอุบายที่จะชิง “วัชระ” จากแสงกล้าโดยใช้แพรไพลินเป็นตัวล่อ จากนั้นวิญญูและจักรร่วมมือกันดำเนินการ จักรลวงเพชรแท้มาที่บ้าน แต่ให้ไปพบกับวิญญูที่โถงขมังเวท วิญญูบอกว่ามีเรื่องขอความช่วยเหลือจากเธอ
เพชรแท้บอกว่าด้วยความยินดี ถูกขมังเวทย์สวนทันควันว่า “ไม่ว่าจะยินดีหรือไม่ก็ตาม เธอต้องทำ!!”แล้วขมังเวทย์ก็ตะครุบเพชรแท้ที่ตกใจจะวิ่งหนีไว้ ฝังลูกสะกดไว้ที่ท้ายทอย ท่ามกลางเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเธอ
วันต่อมา เพชรแท้ซื้ออาหารที่แพรไพลินชอบเพื่อไปฉลองวันเกิดตัวเองกับลูกที่ทาวน์โฮม แพรไพลินยังไม่สนิทใจที่จะรื่นรมย์กับแม่ขนาดนั้น ก็พอดีแสงกล้าคุยกับเธอผ่านเฟซไทม์ เล่าเรื่องการสูญเสียเมฆาในคืนที่เขาถูกถล่ม แพรไพลินเสียใจมาก แต่เมื่อรู้ว่า ผบ.นภายังกำลังใจดี เธอบอกว่ามีอะไรจะให้ช่วยบอกมาได้เลยตนจะจัดการให้
“ขอบคุณมาก…ผมส่งอีเมล์ไปแล้วครับ” แสงกล้าบอก เขาทักว่าดูเธอไม่ค่อยสบายใจ แพรไพลินจึงเล่าเรื่องที่เพชรแท้มาทานข้าวฉลองวันเกิดกับเธอ แต่เธอเองยังไม่สนิทใจที่จะทำเช่นนั้น
แสงกล้าขอให้เธอถือวันนี้เป็นวันดีที่จะสานความสัมพันธ์กับแม่ เปรียบเทียบกับตัวเองที่ตลอดชีวิตยังไม่เคยเห็นหน้าแม่เลย ทั้งที่โหยหาอยากอยู่กับแม่ อยากกอดแม่เหมือนคนอื่น เขาพูดจนแพรไพลินสบายใจขึ้น ก็พอดีเพชรแท้มาถึง
“เห็นไหม…แสดงว่าท่านก็คิดถึงคุณเหมือนกัน ปรับความเข้าใจกันนะครับ ผมเอาใจช่วย ขอให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของความเข้าใจระหว่างกัน โชคดีนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” แพรไพลินเดินไปรับเพชรแท้ที่กำลังเดินเข้ามา
เพชรแท้ซื้อของชอบของแพรไพลินมามากมาย แม่ลูกต่างตำหนิตัวเองว่า ที่ผ่านมาต่างก็มีข้อบกพร่องต่อกัน
แต่พอเพชรแท้ตัดเค้กวันเกิด กลับกลายเป็นเธอกรีดข้อมือตัวเองจนเลือดสาดกระเซ็น แพรไพลินตกใจ พยายามห้ามแต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ จนแพรไพลินเห็นลูกสะกดที่ท้ายทอยของเพชรแท้ เธอตกใจมาก เพชรแท้เงยหน้าขวับจ้องเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว พูดออกมาเป็นเสียงวิญญูอย่างดุร้ายว่า
“แม่แกจะคลุ้มคลั่งมากกว่านี้ ถ้าแกไม่ทำตามคำสั่งฉัน!” แพรไพลินถามว่าทำกับแม่ตนแบบนี้ต้องการอะไร “ฉันต้องการวัชระจากไอ้แสงกล้า เธอต้องเอามามอบให้ฉันภายใน 7 วัน ไม่อย่างนั้น…!”
สิ้นเสียงวิญญู จู่ๆเพชรแท้ที่หมดสติก็ลุกพรวดเบิกตาโพลง เอามือกุมหัวร้องอย่างเจ็บปวดแล้วหมดสติไปอีกครั้ง
แพรไพลินมองดูแม่ด้วยความเป็นห่วงอย่างที่สุด…
ooooooo
แพรไพลินพาเพชรแท้ที่ไม่ได้สติส่งโรงพยาบาล เห็นสภาพของแม่แล้วเธอเศร้าเสียใจอย่างที่สุด สั่งกุ๊บ-กิ๊บให้จัดพยาบาลเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง กำชับให้พยาบาลฉีดยาระงับประสาทตามเวลา ย้ำอย่าพลาดเด็ดขาด
เมื่อเธอทบทวนถึงความสัมพันธ์กับแม่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ทั้งเธอและแม่ต่างก็เสียใจที่ปฏิบัติต่อกันไม่ดี แต่พอเริ่มเข้าใจและสัมพันธ์กันดีขึ้น แม่ก็ต้องตกอยู่ในสภาพนี้เสียแล้ว…
แพรไพลินกุมมือเพชรแท้ไว้ มองหน้าแม่เอ่ยอย่างเจ็บปวด…
“แม่คะ…ถึงเรื่องราวระหว่างเราจะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่หนูรักแม่มากที่สุด…หนูปล่อยให้แม่เป็นอันตรายไม่ได้…”
ooooooo
หลังจากขมังเวทย์ฝังลูกสะกดที่ท้ายทอยเพชรแท้แล้วก็กระหยิ่มยิ้มย่อง คืนนี้ทั้งวิญญูและ
รวิเริงสวาทกันอย่างดูดดื่ม รวิกอดเขาบนเตียง พูดอย่างปีติว่า
“ฉันดีใจ…ที่ท่านอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ” วิญญูบอกว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปตามความต้องการของเราไม่มีอะไรที่จะต้องอารมณ์เสีย “ภารกิจของเราใกล้สำเร็จแล้วใช่ไหมคะ” รวิฉะอ้อนถาม
“ใช่…เหลือเพียงแค่วัชระเพื่อมาประกอบตรีศูล พลังอมตะและอำนาจที่ยิ่งใหญ่จะเป็นของเราตลอดไป” รวิถามว่าเราจะจัดพิธีหลอมศาสตราวุธที่ไหน “ศาสตราวุธทั้งสี่ชี้เป้าให้เราแล้ว การหลอมรวมต้องเกิดขึ้น ณ ถ้ำใต้ภูผามหาคีรี สถานที่ที่ศาสตราวุธทั้งสี่ถูกสร้างขึ้น แรม 15 ค่ำ คืนเดือนดับ วันที่ดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ ทำมุมอยู่ในองศาเดียวกัน”
รวิถามว่าแล้วรองจักรเล่า เขาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของศาสตราวุธทั้งหมด แต่ตนไม่เชื่อว่าวิญญูจะทำ
ทุกอย่างเพื่อคนอื่น วิญญูเหยียดยิ้ม พูดอย่างดูแคลนว่า
“จักรมันมีค่าเพียงเศษไม้ที่ใช้ค้ำ…ทำให้ฉันได้ทุกสิ่งที่ต้องการ เราจะรื้อไม้ค้ำเมื่อไหร่ก็ได้ ทันทีที่เราหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่สำเร็จ เศษไม้ที่ไร้ค่าจะถูกโยนทิ้ง เธอจะได้สร้างผลงานจับนักการเมืองเลวเข้าคุก หลังจากนั้น…
เราจะยิ่งใหญ่ไปพร้อมกันรวิ…”
วิญญูหันไปหยิบขวดคริสตัลใส บรรจุไวน์สีเข้มผิดปกติรินใส่แก้วสองใบ ส่งให้รวิใบหนึ่ง ชูแก้วขึ้นชวน
“ดื่มให้กับความสำเร็จของเราสองคน”
ทั้งสองดื่มไวน์จนหมด โยนแก้วทิ้งอย่างไม่แยแส โถมเข้าบรรเลงพิศวาสกันอย่างกระหาย ร้อนแรง…
ฝ่ายจักรคุยกับดาหลาที่ห้องทำงาน สะใจเมื่อรู้ว่าแพรไพลินส่งเพชรแท้เข้าโรงพยาบาล มั่นใจว่าเธอไม่ยอมให้แม่ตายอย่างทรมานแน่ อีกไม่นานเราจะได้ของมาครบทั้งสี่ชิ้น จิกตาพูดอย่างหมายมาดเมื่อถึงเวลานั้นว่า
“ไอ้วิญญูมันเป็นหอกข้างแคร่ พร้อมที่จะแว้งกัดได้ตลอดเวลา ยังไงเราก็เอามันไว้ไม่ได้” ดาหลาติงว่าวิญญูมีไสยศาสตร์ดำ จักรสวนทันทีว่า “ยังไงมันก็ยังมีความเป็นคนอยู่” พูดแล้วหยิบหลอดแก้วบรรจุยาสีดำเข้มขึ้นมอง “ให้มันรู้ไปสิว่า ส่วนที่เป็นคนของมันจะทนยาพิษชนิดร้ายแรงที่สุดได้ ฉันป้อนยาพิษให้มันกินทีละน้อยๆโดยที่มันไม่รู้ตัว
แต่ถ้าถูกกระตุ้นเมื่อไหร่…ยาพิษที่สะสมภายในร่างของมันจะออกฤทธิ์ ยังไงมันก็ไม่มีทางรอด”
ooooooo
ที่เซฟเฮาส์ นภา อินทนนท์ สมิงและแสงกล้าประชุมกันอยู่ที่นั่น สมิงเชื่อว่าจักรกับวิญญูจะต้องหาทางชิงวัชระของแสงกล้าไปแน่ๆ เพราะฤกษ์การหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่ใกล้เข้ามาแล้ว
“เมื่อไหร่…” อินทนนท์ถาม
“สิ้นเดือนนี้…ในวันที่ดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ทำมุมอยู่ในองศาเดียวกัน”
นภาพูดขึ้นว่าเราจะไม่รอให้มันเข้ามาหา แต่จะเปิดเกมรุกเต็มรูปแบบ โดยเปิดโปงจักรกับวิญญูให้คนรู้
ความเลวร้ายของพวกมัน แสงกล้าถามว่าด้วยวิธีไหน เพราะนับแต่เมฆาป่วย จักรก็วางคนของเขาไว้ในทุกหน่วยงาน ถ้าเล่นงานตรงๆคงลำบาก
อินทนนท์นิ่งไปนิดหนึ่ง จำได้ว่าก่อนรวิขึ้น
มาเป็น ผบ.สำนักงานสืบฯ มีคู่แข่งอีกคนหนึ่งชื่อ “ธารา” แต่จู่ๆธาราก็ถอนตัวอย่างไม่มีเหตุผล นภาเองก็จำได้ สั่งจ่าหวานกับดาบแหบทันทีว่า
“ส่งข่าวเข้าไปที่พวกของเราในสำนักงานสืบฯ
ฉันต้องการข้อมูลส่วนตัวของรวิกับธาราอย่างละเอียดที่สุด”
“ถ้าเล่นงาน ผบ.รวิได้ โอกาสที่ไอ้พญามารจะเสร็จพวกเราก็มีมากขึ้น อุบ๊ะ…ชักคันไม้คันมือ…อยากอัดไอ้วิญญูซะแล้วสิ” สมิงถูมืออย่างมันเขี้ยว แสงกล้านิ่งคิด ก่อนบอกสมิงว่าตนอยากเผชิญหน้ากับวิญญูอีกสักครั้ง สมิงถามว่าเพื่ออะไร
“ผมอยากเห็นแววตาของคนเลว คนที่ฆ่าได้ทั้งอาจารย์ ทั้งศิษย์รุ่นพี่ที่ร่ำเรียนด้วยกันมา จิตใจมันทำด้วยอะไร” แล้วถามสมิงว่า “พ่อโชติฌานของผมตายยังไง ผมต้องการรู้ว่าพ่อตายยังไง”
สมิงอึกอักก่อนบอกว่าตนก็ไม่รู้ ตนรีบไปบอกแม่ของเขาให้หนี พอกลับมาทั้งอาจารย์และพ่อเขาก็ตายไปแล้ว
“ไอ้วิญญู…ฉันไม่มีวันให้อภัยแก แกต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำไว้กับทุกคน” แสงกล้าจิกตาแค้น สมิงมองอย่างไม่สบายใจนัก
หลังจากนั้นไม่นาน แสงกล้ารายงานขณะร่วมปรึกษากับอินทนนท์ นภา และสมิงว่า คนของเราที่สำนัก งานสืบฯแจ้งมาว่า ธาราที่เคยเป็นคู่แข่งของรวิหายสาบสูญไปหลังจากถอนตัวไม่รับตำแหน่ง ผบ.สำนักงานสืบฯไม่นาน
“ถูกฆ่าปิดปากแน่นอน” อินทนน์ฟันธง เสนอว่า “ถ้าเล่นงานรวิไม่ได้ โอกาสที่จะสาวถึงตัวรองจักรคงยากขึ้น”
“อย่าหาว่าสอนเลยนะผู้การ…ผบ…บางครั้งการสู้กับอิทธิพลมืดเนี่ยสุภาพนักมักไม่ได้เรื่อง ของแบบนี้มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน มันเถื่อนมาเราก็เถื่อนไป มันถึงจะสาสม” นภาเปรยขึ้นว่า จ่าพูดเหมือนมีวิธีจัดการกับพวกมัน “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วครับ ผบ.ความชั่วไม่มีวันกลบมิดหรอก”
วันต่อมาก็มีชาวบ้านพบถังปูนขนาดใหญ่ลอยมา เมื่อสกัดออกพบศพหญิงสาวอยู่ข้างใน ศพเน่าเปื่อย แต่มีบัตรประจำตัวประชาชนระบุว่าคือธารา!
ooooooo
รุ่งขึ้น แสงกล้าปลอมตัวเป็นตำรวจไปเฝ้าหน้าห้องของผู้การยุทธการ เมื่อยุทธการเข้าห้องจู่ๆไฟก็ดับ พอไฟติดอีกครั้ง ยุทธการผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นนภานั่งรออยู่ในห้องแล้ว เขาถามว่าบุกเข้ามาถึงที่นี่ทำไม
นภาเอาความผิดที่ผู้การยุทธการเคยอนุมัติให้จับเธอกับอินทนนท์ในข้อหาที่ไม่ได้ทำ ยุทธการอ้างว่าหลักฐานของ ผบ.รวิบ่งชี้อย่างนั้น แต่ตนไม่เคยเชื่อว่า เธอกับอินทนนท์จะทรยศต่อประเทศ เพียงแต่ตนไม่มีทางเลือก
“แต่ตอนนี้ท่านมีทางเลือกแล้วละ” นภาจ้องหน้า ยุทธการถามว่าจะให้ตนร่วมมือกับคนที่มีหมายจับอย่างเธอน่ะหรือ เธอเสนออย่างท้าทายว่า “ขึ้นอยู่กับท่านจะใช้สมองหรือใช้หัวใจในการตัดสินปัญหา ฉันพร้อมบอกที่ซ่อนตัว ท่านไปจับพวกเราได้ทุกเมื่อ”
“คุณต้องการอะไร”
“ท่านคงได้รับรายงานแล้ว เมื่อเช้านี้สำนักงานสืบสวนพิเศษกับนิติเทคฯ พบศพฆาตกรรมอำพราง มีหลักฐานบัตรประจำตัวระบุด้วยว่า นั่นคือศพของผู้กองธาราที่หายตัวไปเมื่อสองปีก่อน หลังจากธาราหายสาบสูญไป รวิก็ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษทันที ด้วยการสนับสนุนโดยตรงจากนักการเมืองสายรองจักร”
แม้จะรู้กันว่าจักรกับรวิทำงานไม่โปรงใส แต่ยุทธการอ้างว่าเราไม่มีหลักฐานพอที่จะเล่นงานได้
“ขอเวลาฉัน 7 วัน คนชั่วต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ แต่ท่านต้องร่วมมือกับฉันเพื่อบ้านเมืองของเรา ด้วยการตั้งหน่วยเฉพาะกิจ ให้รับคำสั่งโดยตรงจากท่านและคมศร สืบสวนและไล่ล่าการทำผิดกฎหมายของรองจักรกับ ผบ.รวิ”
ยุทธการถามถึงหลักฐานที่จะเล่นงานทั้งสอง นภาบอกว่าพวกตนมีหน้าที่หามาให้เอง
ooooooo
รวิร้อนใจเมื่อศพของธาราโผล่มาฟ้องร้องต่อสังคม เธอเรียกวินมาตำหนิที่ห้องทำงานว่า วินทำพลาดเก็บกวาดหลักฐานไม่เรียบร้อย ทำให้ชาวบ้านพบศพธารา
วินยืนยันว่าศพนั่นไม่ใช่ธารา เพราะตนเผาทำลายศพกับมือตัวเอง ต้องมีคนจงใจสร้างศพใหม่ขึ้นมาเพื่อโยงมาถึงพวกเรา รวิสั่งให้สืบหาให้ได้ว่าเป็นใคร ตนไม่ยอมจนมุมด้วยเรื่องโง่ๆแค่นี้ พลันเธอก็ชะงัก รู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง เงยหน้ามองจึงพบกล้องวงจรปิดติดอยู่บนเพดานห้อง
หลักฐานจากกล้องวงจรปิดนี้ เป็นหลักฐานให้คมศรบุกเข้ามาจับกุมทั้งสอง คมศรแสดงหมายพร้อมกับชี้แจงว่า
“ผมได้รับคำสั่งจากท่านยุทธการ ให้นำหน่วย เฉพาะกิจพิเศษติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสืบสวนหาตัวคนร้ายฆ่าผู้กองธารา”
รวิกับวินจำนนด้วยหลักฐาน ต้องยอมให้คมศรคุมตัวออกจากห้องไป
น้ำใสรายงานข่าววรวิกับวินถูกจับในข้อหาร้ายแรง ถูกสั่งพักงาน ถูกตั้งกรรมการสอบสวน และถูกคุมขังอยู่ที่สำนักงานสืบสวนพิเศษ น้ำใสยังรายงานความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกันว่า
“ประเด็นที่ทีมการเมืองสกายนิวส์เน็ตเวิร์คตั้งข้อสังเกตคือ ผบ.รวิ ผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษคนปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งจากสายการเมืองภายในพรรคไทธิวัตถ์ เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากนายจักร อมตฤทธา รักษาการนายกฯคนปัจจุบัน”
ในรายงานข่าวยังตั้งข้อสังเกตว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่า ผบ.รวิไม่ได้ทำงานคนเดียว เธอเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง ยังมีตัวละครการเมืองที่น่าสนใจอีก 2 คน…รองจักรและที่ปรึกษาส่วนตัวนายวิญญู…”
จักรร้อนตัวร้อนใจถามวิญญูว่า รวิเป็นคนของเขา ไม่คิดจะทำอะไรบ้างหรือ
วิญญูจึงลอบเข้าไปฆ่าวินตายอย่างทารุณ จากนั้นไปหาวริ เธอดีใจมากโผเข้ากอด แต่กลับถูกสะบัดออกอย่างแรง รวิมองอย่างตระหนก วิญญูจ้องหน้าเธอพูดอย่าง***มอำมหิตว่า
“ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จ ฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นอุปสรรคในสิ่งที่ฉันต้องการมาทั้งชีวิต…เธอไม่ควรทำงานพลาด”
วิญญูจะเดินออกไป รวิโผเข้ากอดไว้ เพียงเขาสะบัดมือเหนือร่างเธอก็เกิดแสงวาบขึ้น เธอชะงักปวดหัวรุนแรงทันที
วิญญูเดินผละไปไม่แม้แต่จะมอง รวิคลุ้มคลั่งอาละวาดหนักจนต้องนำไปรักษาตัว เธอพยายามจะให้หมอผ่าเอาลูกสะกดออก เมื่อหมอไม่สามารถทำได้ เธอตัดสินใจเอาออกเอง เอามีดกรีดที่ท้ายทอยจนเลือดพุ่งกระฉูด
แต่รวิก็ไม่สามารถเอาลูกสะกดออกได้ วิญญูอยู่ที่โถงขมังเวทรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รุ่งขึ้นจึงไปยืนจ้องรวิซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ บอกเธอว่า
“เธอไม่มีวันเอามันออกไปได้สำเร็จหรอก” รวิ
ปรือตามองพึมพำว่าตนรักเขาทั้งที่ตัวเองกำลังสาหัส วิญญูพูดอย่างเลือดเย็นว่า “บางครั้งความรักเพียงอย่างเดียวก็ไม่พอเพียง ไม่สามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้หรอกรวิ ขอบใจที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน และนี่คือสิ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน วิญญาณของเธอจะเพิ่มพลังความเป็นอมตะให้กับฉัน”
แพรไพลินได้ข่าวรวิ เธอรีบไปเพื่อจะช่วยรักษา พี่สาวต่างแม่ แต่ไปถึงพบรวิหายใจรวยรินแล้ว ทำให้เธอกดดันมาก รวิกำลังจะเสียชีวิต แม่ก็กำลังอาการร่อแร่อย่างทุกข์ ทรมานเพราะลูกสะกดของวิญญู
เมื่อเธอกลับไปดูแลเพชรแท้ที่กำลังทุกข์ทรมาน หูเธอแว่วเสียงวิญญูขู่ว่า
“เวลาของเพชรแท้ใกล้หมดแล้ว…หมอก็เห็นแล้ว… ทางเดียวที่แม่ของหมอจะรอดได้…คือชิงวัชระจากแสงกล้ามาให้ฉัน หมอมีเวลาตัดสินใจอีกไม่นานหรอกนะ”
แพรไพลินถูกกดดันอย่างหนัก เธอตัดสินใจ
บางอย่างก่อนที่จะสายเกินไป!
ooooooo
แสงกล้ากำลังพยายามตั้งสมาธิเพื่อรักษาวัชระที่ห้อยคอไว้ให้ได้ แต่วัชระแดงวาบ ร้อนจนเขาต้องทิ้ง สมิงเตือนว่าเพราะเขายังมีความแค้นอยู่ในใจ ถ้ายังขจัด กิเลสตัวนี้ไปไม่หมด เขาก็จะยังไม่มีทางสู้พญามารได้แน่
สมิงหยิบวัชระส่งคืนให้ บอกเขาให้พยายามใหม่ ย้ำกับเขาว่า
“ผมมั่นใจว่าหมวดทำได้ มีแต่หมวดเท่านั้นที่จะสู้กับมัน…พญามารไสยศาสตร์ดำ!”
ระหว่างแสงกล้าทำสมาธิต่ออยู่นั้น เขาได้รับ โทรศัพท์จากแพรไพลินขอพบเพื่อปรึกษาเรื่องด่วน เขาตัดสินใจออกไปพบเธอคืนนั้นเลย
รุ่งขึ้นสมิงไม่เห็นแสงกล้า ถามใครก็ไม่มีใครเห็น สมิงมองไปรอบๆอย่างกังวล
ที่แท้แสงกล้าไปพบแพรไพลิน ณ จุดนัดพบริมน้ำสวยงามแห่งหนึ่ง เขาทักว่าหน้าตาเธอดูไม่สบายใจ มี อะไรให้ช่วยไหม แพรไพลินถามเขาอย่างสับสนว่า
“คุณจะทำยังไง…ถ้าความรักที่มีต่อคนคนนึง อาจทำร้ายความรู้สึก ทำลายความเชื่อใจของคนอีกคนที่มีให้กับเรา”
เพราะเชื่อมั่นจึงไม่เฉลียวใจ เมื่อแพรไพลินขอกอดเขา แสงกล้าให้เธอกอด แต่สังเกตเห็นเธอมองวัชระที่คอถึงสองครั้ง ถามว่ามีอะไรไหม?
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากจะบอกคุณว่า…ฉันเสียใจ ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้เลย…แต่มันไม่มีทางเลือก”
ขณะแสงกล้ากำลังงงๆกับคำพูดของเธอนั่นเอง แพรไพลินหยิบสเปรย์ขวดเล็กๆออกมาฉีดใส่หน้าเขาทันที ทำให้แสงกล้ามองไม่เห็นจะล้มคว่ำลง แพรไพลินประคอง เขาไว้ไม่ให้ล้ม รีบถอดสร้อยที่ห้อยวัชระจากคอเขาไป
แต่เมื่อเอาไปให้วิญญูหวังจะช่วยแม่ให้พ้นวิกฤติ กลับถูกวิญญูเล่นเล่ห์ว่า จะแก้ไขให้เพชรแท้ก็ต่อเมื่อทำพิธีหลอมรวมศาสตราวุธเสร็จแล้วเท่านั้น พูดเย้ยอย่างเป็นต่อว่า
“ผมไม่ทำอะไรโดยขาดหลักประกัน หมอต้องไปกับผม” พูดแล้วดีดนิ้วไปที่หน้าเธอ ทำให้เธอหมดสติไปทันที วิญญูประคองเธอไว้ มองวัชระในมืออย่างพอใจมาก
ความระแวงกันของวิญญูกับจักรรุนแรง เข้มข้นขึ้นทุกที ทั้งสองฝ่ายต่างคอยจังหวะที่จะกำจัดอีกฝ่ายเมื่อหลอมรวมศาสตราวุธสำเร็จ วิญญูบอกจักรว่า
“เตรียมคนให้พร้อม เราจะขนย้ายของทั้งหมดไปทำพิธีภายในวันพรุ่งนี้” ดาหลาถามว่าจะย้ายไปที่ไหน “ภายในถ้ำใต้ภูผามหาคีรี ที่ที่สร้างศาสตราวุธทั้งสี่ อำนาจและความยิ่งใหญ่กำลังรอเราอยู่ที่นั่น”
ooooooo
ที่เซฟเฮาส์ ขณะอินทนนท์กับสมิงกำลังคุยกันถึงฤกษ์ที่จะหลอมรวมศาสตราวุธนั้น แสงกล้าก็เดิน คอตกกลับมาบอกว่า พวกมันได้วัชระไปแล้ว ทุกคนหันมองตะลึง แสงกล้าเล่าเสียงอ่อยว่า
“พวกมันใช้ด็อกเตอร์แพรไพลินเป็นเหยื่อล่อ เอาวัชระไปได้แล้ว”
ทุกคนตกใจมากกับข่าวที่คาดไม่ถึงนี้ โดยเฉพาะสมิงแทบหมดแรงพึมพำ “เป็นเรื่องละทีนี้…”
เมื่อเหตุการณ์เป็นไปแล้ว นภาปรึกษาหาทางแก้ปัญหา ถามสมิงว่ารู้ไหมว่ามันจะหลอมของทั้งหมดที่ไหน สมิงไม่รู้เพราะศาสตราวุธทั้งสี่จะชี้เป้าให้ผู้ครอบครองเท่านั้น
“ผมรู้ว่าพวกมันกำลังจะไปที่ไหน” แสงกล้าบอก เพราะเขาแอบเอาเครื่องติดตามตัวใส่ในกระเป๋าเสื้อของแพรไพลินขณะเธอขอกอดเขา นภาสั่งการทันที…
“ส่งพิกัดจีพีเอสนี้แจ้งไปที่คมศร…ส่งกำลังสนับสนุนมาด่วนที่สุด เรากำลังจะเปิดสงครามครั้งสุดท้ายกับพวกพญามาร ฉันจะพิสูจน์ให้ไอ้พวกชั่วนั่นเห็นว่า…ความดีไม่มีวันตาย!”
ทุกคนฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง…
ooooooo
ภายในถ้ำใต้ภูผามหาคีรี…ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ที่จะหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่เข้าด้วยกัน วิญญูย้ำกับทุกคนว่ามหาฤกษ์จะผิดเพี้ยนไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“วางกำลังคนไว้ที่ทางเข้าถ้ำทุกจุด อย่าให้ใครบุกเข้ามาในระหว่างพิธี” จักรสั่งดาหลา แล้วหันมองวิญญูที่จ้องศาสตราวุธทั้งสี่ พูดอย่างคาดหวังเต็มที่ “วันนี้ คือวันที่ฉันรอมาทั้งชีวิต”
“อีกไม่นานหรอกจักร…อำนาจ บารมี และความยิ่งใหญ่จะตกอยู่ในมือเรา”
จักรมองแพรไพลินที่ถูกมัดมือมัดปากไว้ บ่นๆว่า “ไม่เข้าใจเลย จะเอานังด็อกเตอร์คนนี้มาด้วยทำไม”
“เพื่อความไม่ประมาท งานนี้อาจไม่ราบรื่นอย่างที่เราคิดก็ได้จักร”
เวลางวดเข้ามาทุกที จักรออกไปแอบเอาไซริงค์เงินใสขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะกำจัดวิญญูหลังเสร็จพิธีแล้วยัดใส่กระเป๋าเป้ไว้ตามเดิม
เมื่อได้เวลา วิญญูสั่งติดไฟเตรียมหลอม…เราจะเริ่มใส่ศาสตราวุธลงไปในเปลวเพลิงพร้อมกันเวลาเที่ยงคืนตรง
แต่หารู้ไม่ว่า นอกถ้ำที่จักรวางกำลังป้องกันไว้อย่างเข้มแข็งนั้น นภา แสงกล้า คมศร จ่าหวานกับดาบแหบ กำลังคืบคลานเข้ามาเงียบกริบ เมื่อได้จังหวะเหมาะนภาสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร
“บุก!!”
จักรได้ยินเสียงต่อสู้กัน เขารีบมาบอกวิญญูว่า “มันบุกเข้ามาแล้ว” วิญญูหัวเราะสะใจที่แมลงเม่ากำลังบินเข้ากองไฟ แล้วใช้อิทธิฤทธิ์เวทมนตร์ก่อให้เกิดพายุ ทำให้แผ่นดินแยก ถ้ำบางแห่งถล่มลงมา หมายกำจัดพวกนภาให้ราบคาบ
สมิงสู้กับวิญญูด้วยคมแฝก ด้วยพดด้วงคู่ใจและปรอทกรอที่คอยส่งสัญญาณ มองหาวิญญูที่สร้างภาพ ลวงตามายืนเรียงรายจนไม่รู้ว่าไหนตัวจริง ไหนตัวปลอม จนกระทั่งปรอทกรอสั่นรัวเมื่อเขามองไปยังร่างวิญญูที่อยู่ไกลออกไป
“กูรู้แล้วว่าตัวจริง*คุณ*อยู่ที่ไหน…ไอ้มารวิญญู”
จักรกับดาหลาถูกนภากับคมศรจับตัวไว้ได้ จักรหาทางเอาตัวรอด ชี้ไปที่ไซริงค์ในกระเป๋าเป้
“ผมมีข้อต่อรอง ถ้าปล่อยผมเป็นอิสระ ผมมีวิธีเล่นงานไอ้พญามารให้แพ้อย่างไม่มีทางสู้ ของชิ้นนี้แหละที่ใช้ล้มพญามารอย่างไอ้วิญญูได้”
คมศรรีบเข้ามาช่วยแก้เชือกที่มัดแพรไพลิน ทันทีที่เธอเป็นอิสระก็วิ่งอ้าวออกไป คมศรถามว่าจะไปไหน เธอวิ่งไปเพื่อช่วยแสงกล้าที่กำลังต่อสู้กับวิญญูอยู่ด้วยความเป็นห่วงเขา
แสงกล้าต่อสู้กับวิญญูอย่างประชิดตัว เขาคว้ากริชที่พื้นจะแทงวิญญู แต่กริชในมือกลับลอยไปอยู่ที่เดิม วิญญูเย้ยว่า
“หมวดแสงกล้า หมวดไม่มีทางฆ่าฉันได้หรอก ด้วยฤทธาสายเลือดของไสยศาสตร์ขาวในตัวหมวด ลูกไม่มีวันทำปิตุฆาต…ฆ่าพ่อแท้ๆของตัวเองได้”
แสงกล้าชะงัก จ้องไปที่ดวงตาวิญญู วิญญูจ้องตอบเหมือนจะถ่ายทอดอดีตให้เขารับรู้…เป็นอดีตที่แสดงถึงความรักของพ่อซึ่งก็คือวิญญู มีให้กับแสงกล้าเด็กน้อยผู้น่ารัก โดยมีจอมแสงผู้เป็นแม่ดูอยู่อย่างมีความสุข
ในที่สุด วิญญูบอกแสงกล้าว่า “ฉันคือโชติฌาณ พ่อแท้ๆของหมวด ไสยศาสตร์ดำไม่มีวันตาย ยาพิษกระจอกทำได้แค่หยุดฉันในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ไสยศาสตร์ขาวฆ่าพ่อไม่ได้ แต่ไสยศาสตร์ดำทำทุกอย่างได้เพื่อความยิ่งใหญ่ ทำได้แม้กระทั่งฆ่าแก…ไอ้ลูกชาย!”
พริบตานั้น สมิงตะโกนก้อง “หยุดนะพี่โชติ พี่จะฆ่าลูกชายคนที่พี่เคยรัก เคยดูแลตั้งแต่แรกเกิดได้จริงๆเหรอ ถอนตัวตอนนี้ยังไม่สายเกินไปนะ กลับมาเป็นพี่โชติคนเดิมเถอะ”
แต่ไม่ว่าอะไรก็หยุดวิญญูที่ทะเยอทะยานอยากมีอำนาจอมตะได้แล้ว เขาใช้กริชแทงแสงกล้าที่อก ได้เวลาหลอมรวมศาสตราวุธพอดี วิญญูมองไปที่ศาสตราวุธทั้งสี่ พริบตานั้น ศาสตราวุธก็เคลื่อนไปหลอมรวมกันในบ่อหลอมที่ไฟลุกโชติช่วง
“จบสิ้นกันที…นี่คือบทพิสูจน์ที่แท้จริง การสิ้นสลายของศรัทธาแห่งความดี ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เป็นนิรันดร์ไปกว่าอำนาจแห่งเทวาศาสตราวุธอีกแล้ว ฮ่าๆๆ”
ทันทีที่ศาสตราวุธทั้งหมดหลอมละลายรวมกัน กลับบังเกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาท! วิญญูตกใจตาลุกโพลง พริบตานั้น ศาสตราวุธที่ถูกหลอม ก็กลับผกผันหล่อรวมกลับสู่สภาพเดิม กลายเป็น ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักรนารายณ์และสังข์ไชยมงคล แล้วพุ่งลอยหายวับไป สมิงเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า
“ฤทธานุภาพแห่งความดีงาม ไม่มีวันหลอมรวมเพื่อความชั่วร้าย! ความดีจะสถิตอยู่ ณ จุดที่ถูกต้องตลอดไป!”
แสงเมลืองที่แผดจ้าพุ่งเข้าสู่ร่างแสงกล้าที่ถูกกริชปักกลางอก กริชสูญสลายในฉับพลันและบาดแผลบนตัวแสงกล้าก็ประสานกันสนิทราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น แสงกล้าลืมตาขึ้นท่ามกลางความดีใจของแพรไพลิน
แสงเมลืองนั้นรวมตัวกันที่หน้าวิญญู ลอยวนแล้วพวยพุ่งเข้าปะทะร่างวิญญูจนเขาร้องอย่างเจ็บปวดสาหัส แสงยังพุ่งทะลวงร่างจักรกับดาหลาล้มลงด่าวดิ้น
ฉับพลัน ปรากฏธรณีเป็นรอยร้าวแยกออก ดูดกลืนร่างวิญญูตกลงไปฝังกลบในพริบตา!
บรรดาผู้ที่เป็นตัวแทนของความชั่วร้ายทั้งปวง ถูกฝังกลบไปต่อหน้าต่อตาผองผู้มีศรัทธาในความดี ทั้งนภา แสงกล้า คมศร และสมิง ต่างลุกขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่สดใส มองไปโดยรอบด้วยความดีใจที่เรื่องเลวร้ายผ่านพ้นไปได้…
ooooooo
1 เดือนต่อมา…มีข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับแพร-ไพลิน เมื่อกุ๊บกิ๊บรายงานว่าอาการของเพชรแท้ดีขึ้นเรื่อยๆ เธอเข้าไปกอดบอกแม่ที่นอนอยู่บนเตียงว่า
“หายเร็วๆนะคะ แพรสัญญาว่าต่อไปนี้จะเป็นลูกที่ดีของแม่ เราจะเป็นแม่ลูกที่เข้าใจกันมากที่สุดค่ะ”
แต่เมื่อแสงกล้ามาดักพบขอคุยด้วยเพื่อเคลียร์ที่เธอหลบหน้า หลีกเลี่ยง และไม่รับโทรศัพท์เขานับแต่จบเรื่องมา เธอกลับปฏิเสธอ้างว่ามีเคสต้องปิดอีกหลายคดีแล้วเดินเลี่ยงไป เมื่อแสงกล้าขยับจะตาม เธอขัดขึ้นว่า
“เลิกตามฉันได้แล้วค่ะหมวด เรายังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เรื่องระหว่างเราปล่อยให้มันจบไปเถอะ”
แต่เมื่ออยู่คนเดียว เธอก็รำพึงอย่างเจ็บปวด “แสงกล้า ฉันทำผิดกับคุณเกินกว่าที่ฉันจะให้อภัยตัวเอง ฉันขอโทษ…”
วันนี้ นภา อินทนนท์ และแสงกล้า ไปถวาย สังฆทานและกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เมฆาที่วัด แต่สมิงกลับเลี่ยงไปให้อาหารปลาตามลำพัง เมื่อแสงกล้าไปถามว่าทำไมไม่ขึ้นไปทำบุญบนศาลา เขาตอบกวนๆ ว่าขี้เกียจ กลัวน้ำมนต์…มันร้อน แล้วบอกแสงกล้าว่า
“อย่ามาสนใจผมเลย หมวดสะสางเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อนเถอะ”
สมิงบอกให้แสงกล้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับแพรไพลินเสีย เพราะแพรไพลินยังรู้สึกตัวเองผิดที่ขโมยวัชระจากเขาไป แสงกล้าบอกว่าตนไม่เคยโกรธ ถูกสมิงย้อนเอาว่าตนไม่อยากรู้ หรือจะให้ตนไปกระซิบบอกเธอแทน แล้วเตือนหน่ายๆว่า
“ไม่เข้าใจกัน…ก็ปรับความเข้าใจกันเสีย ของแบบนี้ต้องให้สอนด้วยหรือ?”
แสงกล้าเปลี่ยนเรื่อง ติงสมิงว่าน่าจะขึ้นไปทำบุญให้เมฆาสักนิดเพื่อระลึกถึงคนตาย สมิงมองหน้าถามว่าใครตาย พอแสงกล้าบอกว่าเมฆาไง วันก่อนสมิงยังช่วยจ่าหวานกับดาบแหบขนฟืนเผาศพอยู่เลย
“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกหมวด อะไรที่เห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้ ไสยศาสตร์ดำสร้างหุ่นพยนต์เลียนแบบมนุษย์ได้ ใครจะรู้ บางทีร่างของด็อกเตอร์เมฆาที่เราเผาไปแล้วอาจเป็นแค่หุ่นพยนต์ ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงก็ได้”
“งั้นด็อกเตอร์เมฆาอยู่ไหน”
“ที่ใดที่หนึ่ง…วันนึงด็อกเตอร์เมฆาอาจจะฟื้น… ปรากฏตัวให้เราเห็นก็ได้” พูดแล้วสมิงหันไปโปรยอาหารให้ปลากินทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่แสงกล้ามองหน้าเขาจริงจังอย่างค้นหา…
ooooooo
แพรไพลินไปเยี่ยมรวิแต่อาการยังไม่ดีขึ้น เธอฝากพยาบาลดูแลให้ดีที่สุด มองหน้าพี่สาวก่อนบอกออกไปว่า
“ที่ผ่านมาฉันอโหสิให้พี่ไปหมดแล้ว…ฉันอยากให้พี่ฟื้นนะคะ”
แต่พอไปเยี่ยมเพชรแท้ เธอก็ได้รับข่าวดีอย่างที่สุดจากกุ๊บกิ๊บว่า เพชรแท้ฟื้นแล้ว อาการสดชื่นเหมือนไม่เคยป่วย เมื่อเธอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็ยิ่งอัศจรรย์ใจ เมื่อเห็นแม่นั่งอยู่หน้าไอแพด พอเธอท้วงติงว่าเพิ่งหายก็ทำงานแล้วหรือ เพชรแท้หันหน้าจอไอแพดให้ดู พูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใสแม้สีหน้าจะยังอิดโรยอยู่บ้างว่า
“แม่จะขายหุ้นบริษัทในเครือทั้งหมด” แล้วเล่าถึงความรู้สึกขณะป่วยให้ฟังว่า “ป่วยเจียนตายครั้งนี้ทำให้แม่เรียนรู้แล้วว่าชีวิตควรจะเป็นยังไง แค่รู้จักพอเราก็จะมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน…ความสุขที่แท้จริงของแม่ ไม่ใช่ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินเงินทอง แต่มันคือการได้อยู่กับ ลูกสาวคนเดียวของแม่คนนี้…”
ไม่เพียงเท่านั้น เพชรแท้ยังพูดสะกิดให้แพรไพลินได้คิดว่า อยากให้ลูกมีความสุข ให้ลูกเลิกหนีตัวเองได้แล้ว พูดอย่างรู้ดีว่า “ถึงจะป่วย แต่แม่ก็พอรู้นะว่าลูกกำลังมีปัญหาไม่เข้าใจกับหมวดคนนั้น” แนะให้ปรับความเข้าใจกันเสีย ยอมรับว่า “เมื่อก่อนแม่อาจจะตั้งแง่กับผู้ชายคนนี้ แต่มาวันนี้แม่เข้าใจทุกอย่างแล้ว หมวดแสงกล้ารักหนูไม่น้อยไปกว่าแม่เลย”
แพรไพลินสารภาพว่าตนทำผิดกับเขาไว้มาก แต่เพชรแท้เชื่อว่า คนที่รักเราเขาพร้อมจะเข้าใจเราเสมอ
ooooooo
ฝ่ายคมศร เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายแล้ว เขาลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในฐานะนักการเมืองของคนรุ่นใหม่ จะสร้างค่านิยมให้กับสังคมไทย ที่จะทำทุกอย่างบนความถูกต้อง เที่ยงตรงโดย “คุณธรรม” ต้องมาคู่กับ “ความดี” และผู้นำจะเป็นคนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเป็นทั้ง “คนเก่ง” และ “คนดี”
เขาปราศรัยท่ามกลางผู้ฟังมากมายและเสียงปรบมือกึกก้องว่า
“เราทุกคน ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต ชีวิตที่มีค่าไม่ได้อยู่ที่เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือเงินทอง ชีวิตที่มีค่า…คือชีวิตที่เสียสละ พร้อมจะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและคนรอบข้าง”
น้ำใสติดตามรายงานการเสนอตัวรับใช้ประเทศชาติและประชาชนของคมศร เธอรายงานอย่างชื่นชมว่า เขาคือ “นักการเมืองแห่งความหวัง”
ทั้งสองนับวันเข้าใจกันและสนิทสนมกันมากขึ้น คมศรบอกเธอในวันหนึ่งว่า เวลานี้เขาไม่คิดว่าเธอเป็น “เพื่อนสนิท” แต่อยากให้เธอมาเป็นเลขาส่วนตัวมาช่วยทำงานข้อมูลและดูแลชีวิตส่วนตัว ถามอ้อนๆว่า
“ขอโอกาสให้ผมดูแลและใช้ชีวิตร่วมกันกับคุณ มากกว่าเพื่อนได้ไหม” เห็นเธอนิ่งอยู่ เขาบอกว่า “ถ้าคุณไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร…ผมเคยชินกับความผิดหวังแล้ว”
“ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรสักคำ…ในเมื่อโลกหมุนให้ผู้เสียสละสองคนมาเจอกัน ฉันเต็มใจที่จะไม่เป็นแค่เพื่อนกับนักการเมืองความหวังใหม่ของคนไทยค่ะ”
ทั้งสองกอดกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกันต่อไป…
ooooooo
นภาได้รับเชิญไปคุยในรายการเจาะข่าวค่ำ ในหัวข้อสังคมไทยและค่านิยมเกี่ยวกับการทำความดี
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การเสียชีวิตของด็อกเตอร์เมฆาเพราะถูกฆาตกรรม เป็นการตอกย้ำว่าทำดีไม่ได้ดีหรือเปล่า
“ไม่หรอกค่ะ…มันเป็นคนละเรื่องกัน เราทุกคน ไม่มีใครหนีความตายพ้นหรอกค่ะ คนดีก็ตายได้ ประเด็น สำคัญอยู่ที่ความตายของเราหลงเหลืออะไรไว้ให้กับสังคมนี้บ้าง”
ผู้ดำเนินรายการถามว่าดูเธอจะมีศรัทธาในเรื่องการทำความดีเป็นอย่างมาก นภาตอบอย่างมั่นใจว่า
“แน่นอนค่ะ เราต้องมีศรัทธาในการทำความดี สังคมจะอยู่ได้ยังไงถ้าเราไม่ปลูกฝังความเชื่อเรื่องนี้ให้กับคนรุ่นใหม่ในสังคม…สำหรับดิฉัน ‘ศรัทธาในความดี’ คือความเชื่อที่ว่า การทำความดีไม่มีวันดับสูญ คุณค่าของความดีส่งผลต่อผู้กระทำเสมอ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ชาติของเราจะอยู่ได้…ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะอยู่ได้เพราะ
ศรัทธาในการไม่ยอมแพ้ต่อความเลวของคนทุกคนในสังคมค่ะ”
“สุดท้ายนี้…ผบ.นภามีอะไรอยากจะฝากไว้กับ ท่านผู้ชมทางบ้านบ้างไหมคะ”
“อำนาจ บารมี ความยิ่งใหญ่…เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนอยากได้ แต่เราเคยคิดกันบ้างไหมว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืน มันเป็นสัจธรรมที่ว่า…ทุกสรรพสิ่งไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป ทุกอย่างมี เกิดขึ้น…ตั้งอยู่ และดับไป สลับหมุนเวียนกันไปไม่มีวันจบ ผู้เรียนรู้และตระหนักความจริงข้อนี้ นั่นแหละ…คือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงค่ะ”
เสียงปรบมือในห้องส่งกึกก้องยาวนาน นภายิ้มให้กับทุกคนอย่างจริงใจ…
ooooooo
เสร็จศึกกับขมังเวทย์แล้ว สมิงเขียนหนังสือ แปะไว้ที่ข้างฝา ขอลา 7 วันไปชำระล้างจิตใจเพื่อความ จำเริญของชีวิต
ที่ที่สมิงไปคือตลาดนัดพระเครื่อง ไปเจอนัก ต้มตุ๋นเอาพระใหม่มาหลอกชาวบ้านว่าเป็นพระเก่าจากเจดีย์ที่อยุธยา ถูกสมิง “สั่งสอน” ที่ใช้ความศรัทธา ของชาวบ้านมาหากิน จนเกือบถูกรุมกินโต๊ะ ต้องถอยฉากออกมาบอกว่า
“ไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แค่จะมาบอกให้ทำพุทธ–พาณิชย์ให้ถูกต้อง อย่ารุมกันสิโว้ย” แต่พวกนั้นยังรุมกันเข้ามา สมิงเลยสั่งสอนเสียพอหอมปากหอมคอ ปรามก่อน ฉากไปว่า “เลิกทำพระปลอมหลอกชาวบ้านได้แล้วมันเสื่อม…”
แพรไพลินยังทุ่มเททำงานทั้งที่ใจไม่สงบนัก แต่ด้วยการวางแผนของเพชรแท้และกุ๊บกิ๊บ เธอถูกหลอกให้ไปรักษาคนป่วยที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง
กว่าแพรไพลินจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็เจอกับคนป่วยเข้าจังๆแล้ว แสงกล้านั่นเอง!
แพรไพลินยังไม่ยอมญาติดีด้วย เพราะยังรู้สึกผิดละอายใจที่หลอกเอาวัชระจากเขา ถามว่าเขาลืมไปแล้วหรือ
“สำหรับคุณ ความทรงจำของผมมีแต่เรื่องสวยงาม มีแต่สิ่งดีๆที่คุณทำให้ผมและคนรอบข้าง…” แพรไพลินชะงักเห็นแววตาเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผูกพัน เขาพูดจากหัวใจว่า “ความรักคือการเติมเต็ม…แต่บางครั้งความรักก็คือการเสียสละและการแบ่งปัน ที่ผ่านมาถ้าจะมีคนผิด คนคนนั้นคงเป็นผม…เพราะผมไม่สามารถปกป้องคุณได้…เห็นไหมว่าเราผิดเท่าๆกัน”
เธอมองหน้าเขา ยิ้มให้ด้วยความรู้สึกดีๆ แสงกล้าเอ่ยขออย่างอ่อนโยน…
“ลืมเรื่องราวเก่าๆทั้งหมด เปิดโอกาสให้กับชีวิต ให้เราสองคนได้ปกป้องดูแลซึ่งกันและกันนะครับ…”
“มีคนเคยบอกว่า…การชนะใจตนเองอาจดีและมีค่าที่สุด แต่ในเรื่องความรัก…การชนะใจคนที่เรารักมีค่ากว่านั้น…ฉันคงต้องตอบคำถามของคุณแล้วใช่ไหม …ฉันต้องขอโทษที่สร้างเรื่องวุ่นวายทำให้คุณปวดหัวมาตลอด ดีใจนะคะที่คุณยังให้โอกาสผู้หญิงอย่างฉัน…”
เมื่อต่างเปิดใจให้กันแล้ว แพรไพลินเอ่ยอย่าง ซึ้งใจว่า “ขอบคุณค่ะ…ที่รักฉัน ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราทั้งคู่พร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปด้วยกัน”
“ครับ…เราจะก้าวไปด้วยกัน” แสงกล้ากอดเธอไว้อย่างอบอุ่น อุ้มเธอขึ้นไว้ในอ้อมแขน จุมพิตเบาๆอย่าง แสนรัก…
ooooooo
–อวสาน–