ในอดีตกาล ณ บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ที่เขตพรมแดนของมคธรัฐกับอังคะรัฐ เหล่าพ่อค้า พากันร่ำสุรา กินปลา กินเนื้อ สนุกสนานตลอดคืน
แต่พอรุ่งเช้า ต่างก็เทียมเกวียนแยกย้ายกันจากไป ทิ้งไว้แต่กองอึ เศษอาหารเรี่ยราด น้ำสุรา หกเลอะเทอะ เป็นหย่อม
ในที่นั้น...มีหนอนกินอึตัวหนึ่ง พอได้กลิ่นอึลอยมา ก็เที่ยวแสวงหา เมื่อพบน้ำสุราที่พื้น ก็ดื่ม ดับกระหาย จนกระทั่ง เมามาย เซไปเซมาแล้วเที่ยวหากินอึต่อไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเทวดา (ผู้ที่จิตใจสูง) ในที่นั้น กำลังเฝ้าดูอยู่
ครั้นหนอนเจอะอึของโปรดแล้ว ก็ไต่ขึ้นไปบนกองอึนั้น อึสดๆ ก็ยุบตัวลง ทำให้หนอน กระหยิ่มใจ นึกหลงตัวเอง ประกาศว่า
"ข้าไร้เทียมทานแล้ว แม้แต่แผ่นดินนี้ ก็มิอาจต้านทานตัวข้าได้เลย"
ตอนนั้นเอง.....มีตัวหนึ่ง ผ่านมาถึงที่นั้น แต่พอได้กลิ่นอึเข้าเท่านั้น ก็นึกรังเกียจ จึงหลีกห่าง ออกไป หนอนเห็นดังนั้น ก็เข้าใจว่า
"ช้างตัวนี้กลัวข้ามาก ถึงได้หลบหนีไป"
จึงตะโกนไล่หลังช้างไปว่า
"เจ้าช้างขี้ขลาดกลับมาซิโว้ย เจ้ากลัวข้าจนวิ่งหนีเชียวเหรอ ถ้าเจ้าแน่จริง จงมาสู้กับข้า ผู้เก่งกาจ ไร้ทียมทาน ให้ชาวอังคะ กับชาวมคธได้รู้ว่า ใครจะแน่กว่ากัน"
ช้างได้ยินคำพูดโอหังของหนอนแล้ว ก็แผดเสียงสนั่นหวั่นไหว หันกลับย่างสามขุม ตรงมา ที่หนอน พร้อมกับตวาดว่า
"สู้เจ้านะเหรอ ข้าไม่ต้องฆ่าเจ้า โดยใช้เท้าเหยียบ ไม่ต้องใช้งาแทง ไม่ต้องใช้งวงฟาดหรอก เพราะหนอนสุราสกปรก เน่าเหม็นอย่างเจ้า สมควรตายด้วยของเน่าเหม็นนั้นแหละดี"
ว่าแล้ว ช้างก็หันหลังกลับ ยกก้นถ่ายอึก้อนมหึมา!ตกลงบนหัวหนอนตัวนั้น แล้วฉี่รดซ้ำอีก เสร็จแล้ว ก็สะบัดก้น เดินเข้าป่าไปเฉย ปล่อยให้หนอนลำพองตัวนั้น นอนจมอึตาย อยู่ที่ตรงนั้นเอง
..................
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๗ ข้อ ๓๐๓ อรรถกถาแปลเล่ม ๕๗ หน้า ๔๑๐)