การเมือง.. เรื่องเงินๆ
พัสณช เหาตะวานิช
2 ปี 9 เดือน 2 วัน ฉิบหายถ้วนหน้า ประชาระทม
2 ปี 9 เดือน 2 วันจะว่าเป็นการใบ้หวยงวดสุดท้ายของยิ่งลักษณ์ก็ไม่ผิดครับ หลังอ่านบทความนี้จบแล้ว ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันว่า เธอมีค่าแค่นั้นจริงๆ
วันที่ 7 พฤษภาคม 2557 วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินพิพากษาด้วยมติเอกฉันท์ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ใช้อำนาจมิชอบโยกย้ายข้าราชการขัดรัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ญาติ วันเดียวกันยิ่งลักษณ์ก็มีการแถลงอำลาตำแหน่งว่า ..."ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจดิฉันและคณะรัฐมนตรีได้มี โอกาสรับใช้พี่น้องประชาชนตลอดมาและกำลังใจที่ให้ตลอดมาของการทำงานไม่ว่าจะเป็นช่วงของความยากลำบากเพียงไหนไม่ว่าจะเป็นช่วงความเดือดร้อนของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์การเมือง ก็ได้รับกำลังใจจากพี่น้องประชาชนเสมอมา เป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการปฏิบัติงาน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเสมอมา และทุกครั้งที่ดิฉันทำงาน วันนี้ ดิฉันได้ทำงานมาเป็นระยะเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ทุก ๆ นาที ทุก ๆ วัน ดิฉันมีความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี"
ข้อความที่เน้นคือ "ไม่ว่าจะเป็นช่วงของความยากลำบากเพียงไหน ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเดือดร้อนของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ" วลีนี้ครับ ครั้นเมื่อได้ฟังกับหูตัวเองแล้วถึงกับสะดุ้ง เฮ้ย! มันเคยแก้ปัญหาอะไรมั่งวะ (ขออภัยที่ต้องสบถคำไม่ค่อยสุภาพ) มันไม่ใช่เหรอวะที่ทำให้เศรษฐกิจที่ดีอยู่แล้วแย่ลงไปอีก(ขออภัยอีกรอบ) แล้วเรามาดูกันครับว่า มันทั้งคณะรัฐมนตรีนี้ทำอะไรฉิบหายวายวอดไว้บ้าง ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานกับนโยบายการคลังที่ผิดพลาด การถลุงผลาญภาษีไปกับนโยบายประชานิยมเอื้อทุจริตขี้ข้าพวกพ้องตนเองมาก มายมหาศาลแค่ไหน
ไล่กันไปเรื่อยๆ ตามตัวเลขเศรษฐกิจหลักเลยครับ การขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ GDP ใน ปี 2553 ก่อนยุบสภาช่วงเกือบกลางปี 54 ของรัฐบาลก่อน เศรษฐกิจโตที่ 7.8% อัตราการส่งออกขยายตัว 28% แต่ในปีถัดมา ยิ่งลักษณ์เข้ามาพร้อมกับเผชิญภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศแต่ธนาคารโลกก็ สรุปว่า ถึงจะมาจากภัยธรรมชาติ แต่การรับมือ แผนฉุกเฉิน ล้มเหลวจนทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายหลักล้านล้านบาท และเศรษฐกิจดิ่งฮวบไปเหลือแค่ 0.1% และปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่ยิ่งลักษณ์ยุบสภา เศรษฐกิจโตแค่ 2.9% จากการคาดการณ์ที่ 5-7% ตามศักยภาพของประเทศ
ตัวเลขหนี้สาธารณะของการบริหารงานโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เทียบ สิงหาคม 2554 ตอนรับตำแหน่งอยู่ที่ 4.26 ล้านล้านบาทคิดเป็น 40.5% ของ GDP แต่ตอนยุบสภา ธันวาคม 2556 อยู่ที่ 5.43 ล้านล้านบาท พุ่งเป็น 45.5% ต่อGDP (สาเหตุที่เทียบแค่ ธันวาคม เพราะเมื่อยุบสภาแล้วรักษาการรัฐบาลไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้) ที่น่าแปลกใจที่สุดในกรณีนี้คือ ตัวเลขหนี้ของรัฐที่พุ่งขึ้น 1.17 ล้านล้านบาท ในเวลาแค่ 2 ปีกว่า และจำนวนนี้ก็ยังไม่ได้รวมก้อนหนี้ ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องการจะกู้ แต่ไม่สำเร็จนั่นคือ 2 ล้านล้านบาทนอกระบบงบประมาณ มาใช้ในโครงการที่ยังไม่ได้มีการศึกษา และ 3.5 แสนล้านบาทที่ กู้ด่วนมาอ้างน้ำท่วมตอนนั้น แต่สุดท้ายก็ทำไม่ทัน เพราะไม่ได้ด่วนจริงไม่ได้มีแผนน้ำท่วม มีแต่แผนรองาบกับบริษัทเกาหลีที่อดีตนายกฯ นักโทษแอบไปคุยดีลไว้ ขนาดไม่รวมเงินกู้นอกระบบงบประมาณ หนี้ยังพุ่งมหาศาลขนาดนี้ ก็ถือเป็นบุญคนไทยครับที่เงินพวกนั้นไม่ได้ถูกนำมาใช้
ตัวเลขหนี้ครัวเรือน สาหัสสุดๆ ครับ ทั้งภาคธุรกิจ SMEs ที่ตอนนี้แบงก์รัฐต่างต้องวุ่นวายคอยชะลอหนี้ พักหนี้ให้ เพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจภาพรวมมีแนวโน้มถดถอยไปหมด หนี้ของประชาชนก็พุ่งตาม ล่าสุดรายงานแบงก์ชาติบอกว่า ทะลุ 83% ต่อ GDP มูลค่าหนี้รวมของประชาชนทั้งชาติ พุ่งไปแตะระดับ 9.79 ล้านล้านบาทแล้ว ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่เข้าเขตอันตราย โดยเฉพาะหากเทียบกับช่วงรัฐบาลก่อนหน้า อยู่ที่ 55% เท่านั้นเองซึ่งถือเป็นระดับปกติในการก่อหนี้ของประชาชน
เหล่านี้สะท้อนไปหมดครับว่า นโยบายการคลัง เรื่องการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ผมเปียกลู่ลีบปิดหน้าพร้อมเสียงสูงแผดแบบไร้เสน่ห์ที่กล่าวว่า "ดิจั๊นจะกระจ้ากค่าครองชีพ ด้วยการยกเลิกกองทุนน้ำมันค่า" วลีนี้วลีเดียวจริงๆ ครับที่ทำให้ ระบบการควบคุมต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคของคนไทยต้องตกอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ ถึงหลัง สร้างปรากฎการณ์ช็อคทางการตรึงราคาน้ำมันแค่ชั่วครู่แล้วทยอยปรับขึ้นจนตอนนี้ น้ำมันแทบทุกประเภททำสถิติมีราคาที่สูงที่สุดตั้งแต่มีชนชาติไทยมาเลยก็ว่าได้ ภาวะแพงทั้งแผ่นดินใน ปีแรกของการบริหารงานภายในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สร้างความชาชินให้กับคนไทยด้วยการต้องจำใจฝืนทนภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกิน ความจำเป็นตรงกันข้ามกับการขึ้นค่าแรง และเงินเดือนที่มีอัตราตายตัวไปอีกหลายปี ความชะงักงันของฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการดูแลค่าครองชีพของคนไทยถึงกับ ไปไม่เป็นไปตามๆ กัน เพราะมีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ดื้อแพ่ง ไม่ฟังเสียงช่วยเหลือแม้กระทั่งจากนักวิชาการอิสระที่ไม่มีผลประโยชน์ทางการ เมืองใดๆ
ลงลึกมาที่แต่ละนโยบายที่ทำชาติฉิบหาย เรื่องจำนำข้าวพูดไปเยอะแล้วครับว่า ผลาญเงินภาษีไปกว่า 8 แสนล้านบาทมูลค่าที่เจ๊งแน่ๆ อย่างน้อย 4 แสนล้านบาท ตอนนี้คณะกรรมการปิดบัญชีชุดใหม่กำลังเร่งเดินหน้าให้จบสิ้นเสียที แต่เงินที่ค้างชาวนาในงวดปีสุดท้ายก็ยังไม่สามารถจ่ายชำระครบได้ จนเป็นผลพวงให้เรื่อง ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาหนี้สิน ปัญหาสังคม เกิดเป็นปัญหาที่หมักหมมและเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ถัดมาตัวเลขเพิ่งถูกวิเคราะห์และนำมาเปิดเผยได้ไม่นาน เจ๊งไปตามๆ กันกับรถคันแรก สำนักงบประมาณประจำรัฐสภา และ TDRIวิเคราะห์ "รถคันแรก" เจ๊งยับอีก !! รถคันแรกมีผู้ซื้อรถทั้งสิ้น 1.25 ล้านคัน 1.25 ล้านคน เงินภาษีที่ต้องเสียไปจากการคืนภาษีรถคันแรก 8.2 หมื่นล้าน แต่รัฐมีรายได้จากการเก็บภาษีรถยนต์เพิ่มขึ้นแค่ 5.4 หมื่นล้าน โดยสรุปคือ เจ๊งยับรถคันแรกอีก 2.8 หมื่นล้าน และขอย้ำว่าตัวเลขนี้ไม่รวมค่าบริหารจัดการ ที่ไม่รู้ว่าสูญสิ้นไปอีกเท่าไหร่
2 ปี 9 เดือน 2 วัน กับตัวเลขที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหารวมทั้งหมดว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจนและเป็นที่รู้กันในวงกว้างของสังคม เริ่มด้วย งบน้ำท่วม 6 หมื่นล้านที่ใช้เงินงบกลางในปีแรก มีข่าวฉาวมากเรื่องการรับเงินบริจาคและสิ่งของบริจาคของหน่วยงาน ศปภ.ที่รัฐบาลตั้งขึ้น มีการกล่าวหาสส.กทม.พรรคเพื่อไทย หลายคนว่านำของบริจาคไปใช้ในนามส่วนตัวโดยมิชอบ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงงบกลางในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ที่กระจายไปทั่วทุกภาคที่มีน้ำท่วม แบบไม่สามารถมีรายละเอียดในการใช้งบประมาณกลับมาชี้แจงรัฐสภาได้ทั้งๆ ที่มีการท้วงติงเรียกดูข้อมูลจากสส.ฝ่ายค้าน หลายต่อหลายครั้ง
งบพรก.กู้ด่วนลงทุนน้ำ 3.5 แสนล้าน ฮั้วประมูลโครงการด้วยวิธีพิเศษสุดๆ ยกเลิกระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง จนสุดท้ายศาลปกครองระดับโครงการเพราะไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ข้ามหัวประชาชน และไม่ได้สนใจผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมใดๆ
ในส่วนของจำนำข้าว นอกจากงบประมาณภาษีรวม 8 แสนล้านที่ผลาญอย่างอิ่มหมีพีมัน ยังมีเรื่องยิบย่อยเช่นการระบายข้าวถุงโดยอ้างมติครม.ว่าจะเอาไปช่วยผู้ ประสบอุทกภัย ผู้ยากไร้ชายแดนใต้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการระบายข้าวถุงจริง และเรื่องนี้ก็คาดว่าจะเป็นเรื่องการจับโกงตามมาถัดจากการชี้มูลโดยปปช.กรณี โกงข้าว จีทูจี
ตลอดเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มัวแต่เอาเวลาไปเล่นการเมือง สาดโคลนฝ่ายตรงข้าม และแก้กฎหมายช่วยพี่ชายนักโทษหนีคดี ออกนโยบายเศรษฐกิจด้วยการหลอกลวงมอมเมาประชาชน ให้ตกเป็นเหยื่อของนโยบายประชานิยมที่เอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นมโหฬาร
เก็บคำพูดที่บอกว่า "ดิฉันจะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนตลอดไป" ไว้เถอะครับ เพราะวันนี้ ประชาชนไม่ต้องการคนอย่างคุณอีกต่อไปแล้ว!!!