รู้มั้ยพจมานเป็นใคร
คอลัมน์กวนน้ำให้ใส
โดยสารส้ม
หนังสือพิมพ์แนวหน้า
๑๐ มี.ค. ๕๗
ภายหลังการเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมานที่ห้างดิ เอ็มโพเรียม ปรากฏว่า คุณทยา ทีปสุวรรณ ถูกปฏิบัติการคุกคาม ข่มขู่ กระทั่งบุกถล่มด้วยอาวุธสงครามอย่างต่อเนื่อง!
บ้านย่านสุขุมวิทถูกโยนระเบิดไปป์บอมบ์เข้าใส่ (แต่ไม่ระเบิด)
บ้านแม่ของคุณทยาที่ปากช่อง ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงคราม ทั้งปืนเอ็ม 16 และอาก้า คนร้ายลอยนวล
บ้านย่านสุขุมวิทถูกโยนระเบิดใส่อีกรอบ คราวนี้เป็นระเบิดสังหาร (แต่ไม่ระเบิด)
โรงเรียนศรีวิกรม์ที่เป็นกิจการของครอบครัวถูกข่มขู่ มีการเอาสีแดงไปป้ายเอาพวงหรีดไปวาง
ยังไม่ต้องพูดถึงกรณีดีเอสไอเร่งรัดคดี เร่งออกหมายเล่นงานฐานกบฏ หลังจากเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ไม่กี่ชั่วโมง!
ครอบครัวของทยาถูกกดดัน ข่มขู่ ถูกบีบให้ขอโทษคุณหญิงโดยเร็ว ฯลฯ
รู้หรือยังว่า “พจมาน” เป็นใคร? ใหญ่ขนาดไหน?
แม้คนไทยทั้งประเทศจะต้องทุกข์ยากแสนสาหัส ถูกฆ่าตายอย่างอำมหิตจากระบอบทักษิณ พจมานก็ต้องได้อยู่อย่างสุขสบาย เสวยสุขต่อไปแตะต้องไม่ได้เด็ดขาด!
ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร?
จะย้อนความจำให้บ้างก็ได้ว่าพจมานเป็นใคร
1) ใหญ่แค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าอัยการสูงสุดถึงกับมีคำสั่งไม่ฎีกาในคดีเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
มีผลทำให้คดีต้องยุติลงไป โดยที่ศาลฎีกาฯไม่มีโอกาสได้พิพากษาคดีให้เป็นที่ยุติ
ท่ามกลางข้อครหา ข้อสงสัย โดยที่อัยการสูงสุดไม่แสดงเหตุผลที่แจ้งชัด อ้างแค่ว่า “อัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดี” - “การสั่งไม่ฎีกาเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ และเป็นดุลยพินิจ” - “อัยการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย” ฯลฯ
ทั้งๆ ที่ อัยการสูงสุดก่อนหน้านั้นเคยยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้น ซึ่งแสดงว่าอัยการเห็นว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะเอาผิดกับคุณหญิงพจมานและพวกได้ แถมยังชนะคดีในศาลชั้นต้น ก็แสดงว่า ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานแน่นหนาเพียงพอที่จะเอาผิดคุณหญิงพจมานและพวกได้ (ลงโทษจำคุก)
แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคุณหญิงพจมาน แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น(ประธานศาลอุทธรณ์ คุณชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ถึงกับทำความเห็นแย้งต่อคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์) แต่อัยการสูงสุดกลับไม่ติดใจ ไม่สงสัย หรือไม่ฎีกาคดีไปให้ถึงที่สุดเพื่อให้ศาลฎีกาได้พิจารณาชี้ขาดให้เป็นที่ยุติ จะได้สิ้นข้อครหาสงสัยใดๆ เพราะอย่างน้อย หากไม่เห็นแก่คำสั่งฟ้องของอัยการในอดีต ก็น่าจะเคารพในน้ำหนักของประเด็นความผิดที่ปรากฏชัดเจนอยู่ในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นบ้าง
คดีนี้ คือคดีที่คุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ และพวก ตกเป็นจำเลยข้อหาร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นชินฯ (มูลค่าหุ้นกว่า 700 ล้านบาทมูลค่าภาษี 270 ล้าน) ศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงแล้ว พิพากษาให้ลงโทษจำคุก โดยระบุถึงขั้นว่า
“...จำเลยทั้งสามเป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะกระทำผิดฐานให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากร จำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) เป็นภริยาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับผู้บริหารประเทศ จำเลยทั้งสามจึงนอกจากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพลเมืองดีทั่วๆ ไปแล้ว ยังควรดำรงตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสมฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย แต่จำเลยทั้งสามกลับร่วมกันกระทำการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อสังคมและระบบภาษี ทั้งๆ ที่จำนวนภาษีอากรที่จำเลยที่ 1(นายบรรณพจน์) จะต้องชำระตามกฎหมาย และจำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) จะเป็นผู้ชำระแทนในที่สุดนั้น เทียบไม่ได้กับจำนวนทรัพย์สินที่จำ เลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) และครอบครัวมีอยู่ในขณะนั้น การที่จำเลยที่ 1 จะชำระภาษีอากรไปตามกฎหมาย เช่น พลเมืองดีทุกคน จึงมิได้มีผลกระทบต่อฐานะของจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามจึงร้ายแรง...”
อัยการสูงสุดในสมัยนั้นก็คือ นายชัยเกษม นิติสิริ
รักษาการรมว.ยุติธรรมในสมัยนี้
ผลประโยขน์ต่างตอบแทน
นี่แหละคือผลพวงของระบอบทักษิณ
1ในตัวอย่างจากคลิปถั่งเฉ้า
ยอมพลีกายเป็นทาสรับใช้
เมื่อเกษียณแล้วจะได้ไม่อดตาย
ชัยเกษมน่าจะดู พลเอกเสถียร เพิ่มทองอินทร์เป็นตัวอย่าง
จะต้องติดคุกตอนแก่ ในวัยที่ไร้ซึ่งบารมีและนายเงินมาเหลียวแล
ไอ้หงอกจุลสิงห์ครับ ที่ไม่ยอมฎีกา คุณถาวร ฟ้องมันอยู่ครับ
Edited by Bookmarks, 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 12:47.