อาฟเตอร์ช็อคคดี"ถวิล"มะม่วงรัฐบาลใกล้หล่น
โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
ณ จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงสาหัสอีกครั้งของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" สว.สรรหา และคณะ ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์นั้นสิ้นสุดลง หรือไม่จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาว่าการโยกย้าย "ถวิล เปลี่ยนศรี" ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ผลจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดได้ทำให้ไพบูลย์และคณะเห็นว่าการ กระทำของยิ่งลักษณ์เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266 และ มาตรา268 ที่ห้ามไม่ให้คณะรัฐมนตรีแทรกแซงข้าราชการ ซึ่งการกระทำความผิดตามมาตรานี้จะมีผลให้คุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดลงและต้องพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 ด้วย
จึงเป็นที่มาของการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับไว้พิจารณาได้กำหนดให้นายกฯยิ่งลักษณ์ ทำคำชี้แจงภายใน 15 วัน
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาว่าหากในอนาคตศาลรัฐ ธรรมนูญวินิจฉัยว่ายิ่งลักษณ์สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีจริงจะมีผลต่อคณะ รัฐมนตรีทั้งคณะหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นย่อมหมายถึงทฤษฎีมะม่วงหล่นที่อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี เคยเปรียบเปรยเอาไว้ก็ใกล้กับความเป็นจริงมากขึ้นไปทุกที
ในเรื่องนี้ สดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง และ อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 ให้ความเห็นว่า ถ้าเกิดนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จริง ส่วนตัวมีความเห็นว่าคณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแล้ว
สดศรี อธิบายว่า แม้รัฐธรรมนูญมาตรา 181 จะบัญญัติให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นตำแหน่งจากคณะสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้จน กว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ แต่การจะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวต่อไปได้นั้น จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งขึ้นมาก็เท่ากับว่าคณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะ พ้นจากตำแหน่งไปด้วยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180
“เหมือนกับสว.ที่รักษาการอยู่ในตำแหน่งเพื่อรอให้มีสว.เข้ามาทำ หน้าที่ใหม่ หากในระหว่างที่รักษาการอยู่เกิดถูกศาลพิพากษาขึ้นมาจนมีผลให้ต้องพ้นจาก ตำแหน่งไปก็ย่อมไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการต่อไป เพราะถือว่าได้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งดังกล่าวไปแล้ว”อดีตกกต.อธิบายเปรียบเทียบ
สดศรี กล่าวสรุปว่า ถึงที่สุดแล้วทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่าง ไร แต่โดยส่วนตัวมองว่าคดีนี้ทำให้นายกฯตกที่นั่งลำบากและมีอาการหนักพอ สมควรยิ่งกว่าคดีรับจำนำข้าวที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
http://www.posttoday...งรัฐบาลใกล้หล่น
ที่เหลือทีมกฎหมาย พรรคเพื่อไทย บลาๆๆๆ -ขี้เกียจลอก
เลยลอกมาแต่ของ สดศรี ขนาดเจ๊แก เป็นกลาง มากกกกกกก ยังบอกไม่รอด