พ.ต.ท.วทัญญู หากใครนึกหน้าไม่ออก ถ้าบอกให้นึกถึงตำรวจหล่อๆ หน้าขาวๆ มีใบหูเล็กๆ ลีบๆ ยืนอยู่ด้านหลังคอยติดตามรักษาความปลอดภัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปทุกแห่งทุกหนคนนั่นละ และก็เป็นคนเดียวกับที่เคยเป็นตำรวจชุดรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็น่าจะร้องอ๋อจำกันได้
การเรียก พ.ต.ท.วทัญญู เป็นเทวดาไม่ใช่อุปโลกน์เรียกเอาสนุกปาก แต่เพราะเส้นทางการเติบโตชีวิตราชการสีกากีของ พ.ต.ท.วทัญญู หรือที่คุ้นๆ กันในชื่อสารวัตรหนุ่ยนับตั้งแต่ออกมาจากสำนักงาน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.มาอยู่ในทีมอารักขาพ.ต.ท.ทักษิณ สมัยที่ พล.ต.ต.อรรถกฤษ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการกองสลากฯคนปัจจุบัน เป็นหัวหน้าทีมอารักษานายกฯทักษิณ ก้าวขยับดุจเทวดา
แม้ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจใหม่ๆ เส้นทางชีวิตราชการ พ.ต.ท.วทัญญู ตกฮวบตามเจ้านาย ถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.สมัยนั้นเซ็นคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 91/2551 ลงวันที่ 6 ก.พ.2551 ให้ไปเป็น สว.สป.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา แต่ก็ไม่ลงไปทำงานอย่างจริงจัง เพราะมีคำสั่งให้มาช่วยราชการสำนักงาน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ช่วงที่เป็น รอง ผบ.ตร.และมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
จนพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.วทัญญู กลับมาอยู่สันติบาล เป็น สว.ฝขว.10 บก.ส.1 (บก.น.7) มีหน้าที่ดูแลเขตบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่คุณหญิงอ้ออยู่ จากนั้นก็ขยับโยกย้ายอีกครั้งไปเป็น สว.(ร้อยเอ็ด) กก.2 บก.ส.1 ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว
จากนั้นที่สร้างความฮือฮาและตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก็ช่วงขยับขึ้น รอง ผกก.ในตำแหน่ง ผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.พงศพัศ หลังจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.วทัญญู จาก สว.(ร้อยเอ็ด) กก.2 บก.ส.1 เป็น ผู้ช่วยนายเวร โดยให้คำสั่งมีผลวันที่ 8 ก.พ.ในปีนั้น
ทั้งๆ ที่ในปีนั้นตำรวจระดับ รอง ผกก.-สว.ทั่วประเทศต่างตั้งหน้าตั้งตารอการแต่งตั้งโยกย้าย ที่ยืดเวลาจากวาระปกติออกไปถึงสิ้นเดือน มี.ค.แต่จู่ๆ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กลับเซ็นคำสั่งตั้งนายเวร และผู้ช่วยนายเวร ให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ เพียงแค่ 2 ราย ทั้งๆ ที่อีกเพียงเดือนกว่าก็แต่งตั้งระดับ รอง ผกก.3 สว.แล้ว กลับรอไม่ได้
ส่วนหนึ่งก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการแต่งตั้งก่อนคนอื่นก็จะได้เปรียบเมื่อนับอายุราชการในลักษณะวันชนวัน เพราะกินอาวุโสเพื่อนในปีเดียวกันมาเกือบ 2 เดือน โดยการแต่งตั้งครั้งนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ อ้างเหตุผลที่เสนอให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อนุมัติแต่งตั้งลูกน้องให้ มาจากเรื่องของการบริหารราชการว่าต้องการแต่งตั้งนายเวรและผู้ช่วยนายเวร มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยงาน
และการแต่งตั้งก็เป็นไปด้วยความรวบรัดรีบเร่ง เพียงแค่ไม่กี่วันก็เสร็จสิ้น เมื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเมื่อวันจันทร์ที่ 6 ก.พ.2555 และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้ลงนามคำสั่งวันที่ 7 ก.พ.2555 มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.2555
แต่ตลอดห้วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา แม้ พ.ต.ท.วทัญญู ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยนายเวรพล.ต.อ.พงศพัศ ก็ไม่ได้เข้ามาทำงานในหน้าที่ผู้ช่วยนายเวร ตามที่ได้รับการแต่งตั้ง ถึงขนาดสำนักงาน พล.ต.อ.พงศพัศ อยู่ชั้นใด ห้องไหน ถาม “สารวัตรหนุ่ย” ก็คงไม่รู้ เพราะการทำหน้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นหัวหน้าทีม รปภ.นายกฯยิ่งลักษณ์ ติดตามไปทุกหนทุกแห่งมากกว่า
อย่างไรก็ดี ทุกเรื่องราวที่ผ่านมาคงไม่เพียงพอที่จะเรียก “เทวดาหนุ่ย” หากไม่ใช่เกิดกรณีล่าสุด ที่แวดวงสีกากีถึงขนาด “ตาค้าง” หลังจากเห็นรายชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร ผกก.รุ่น 92 ที่มีกำหนดเรียนตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2556 เป็นต้นมา และสิ้นสุดหลักสูตรวันที่ 7 มิถุนายน 2556 ที่วิทยาลัยการตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ประกาศออกมาปรากฏมีชื่อ “พ.ต.ท.วทัญญู วิทยผโลทัย” เป็นนักเรียนเข้าอบรมโรงเรียน ผกก.ลำดับที่ 108 อยู่ด้วย
การที่ พ.ต.ท.วทัญญู เข้าอบรมโรงเรียน ผกก.ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกและสร้างความฉงนสนเท่ห์ให้กับตำรวจ โดยเฉพาะบรรดารอง ผกก.ทั่วประเทศ ก็ตรงคุณสมบัติการเข้าเรียนของ “สารวัตรหนุ่ย” ครบ ตามกฎ ตามระเบียบ ตามกติกาแล้วหรือ เพราะตามกฎกติกาผู้ที่มีสิทธิเข้าเรียนอบรมโรงเรียน ผกก.ต้องครองตำแหน่ง รอง ผกก.มาไม่น้อยกว่า 2 ปี บวกคะแนน 21 แต้ม (เป็นอย่างน้อย) คะแนนมาจาก ความประพฤติ 10 แต้ม วุฒิ ป.ตรี 6 แต้ม ป.โท 7 แต้ม 2 ขั้น 1 แต้ม ครั้งขั้น ครั้งแต้ม
แค่คุณสมบัติแรก พ.ต.ท.วทัญญู ก็ไม่เข้าข่ายได้สิทธิเข้าเรียนแล้ว เพราะเพิ่งครองตำแหน่ง ผู้ช่วยนายเวร หรือเทียบเท่ารอง ผกก.เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2555 นับถึงวันที่เริ่มเรียนวันที่ 18 ก.พ.2556 ก็ดำรงตำแหน่งไปเพียง 1 ปี 10 วัน ไม่ถึง 2 ปี ตามกฎ ระเบียบ กติกา ที่กำหนดไว้
การแหกกฎ แหกระเบียบ แหกกติกา ที่กำหนดไว้ คงไม่ต้องบอกว่าทำเพื่ออะไร เพราะในแวดวงตำรวจต่างก็รู้อยู่ว่าการจะขึ้น ผกก.หรือตำแหน่งเทียบเท่าได้ เช่น นายเวร รอง ผบ.ตร.หรือ ผู้ช่วยนายเวร ผบ.ตร.ต้องแต่งตัวให้ครบก่อน การแต่งตั้งให้ครบขึ้น ผกก.ก็ต้องผ่านการอบรมโรงเรียน ผกก.รวมทั้งก็ไม่แปลกใจวิธีการใช้ “อภิสิทธิ์”เหนือคนอื่น เพราะเป็นเหมือนเจ้านายตระกูลเอ้ที่ไปอยู่ด้วย
แต่คนที่เซ็นอนุมัติให้ “เทวดาหนุ่ย” แหกกฎ แหกระเบียบ แหกกติกา ทำลายวัฒนธรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างความระส่ำและความลักลั่นให้เกิดขึ้นกับคนในองค์กร ต้องหดหู่เสียความรู้สึกกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ผดุงความยุติธรรมให้กับชาวบ้านนี่ซิ
ผู้นำสีกากี ที่ชื่อพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ต้องมีคำอธิบายให้กับลูกน้องและชี้แจงให้สังคมเข้าใจ