เผยเบื้องลึก 3 เหตุผลใช้อัยการศึก เกาะติด 7 พื้นที่เสี่ยง
หนึ่ง คือ การข่าวของกองทัพชี้ชัดว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในอีก 2-3 วันข้างหน้ามีโอกาสสูงที่จะเกิดความวุ่นวาย กองทัพบก (ทบ.) ตรวจพบการเตรียมการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และการลุกฮือของมวลชนในต่างจังหวัด
สอง กองทัพได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ "กองกำลังใต้ดิน" จนสามารถติดตามจับกุมทั้งคนและอาวุธได้จำนวนมาก กรณีล่าสุดคือที่ จ.นครนายก ก่อนหน้านั้นก็ใน กทม.เอง และเขตพื้นที่ปริมณฑล โดยเฉพาะกรณีนครนายกโยงใยจากนักการเมืองท้องถิ่น ถึงแกนนำผู้ชุมนุม และฝ่ายการเมืองระดับชาติอย่างชัดเจน
สาม กลไกรัฐที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้แสดงบทบาทบิดเบือนจากที่ควรจะเป็น เพราะแทนที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย กลับกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขและเป็นเครื่องมือเพื่อเล่นงานคู่ขัดแย้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน
ริดอยู่ไหม พอได้แล้ว เละหมดแล้ว
โดยมี "ฟางเส้นสุดท้าย" 2 เส้น ได้แก่
1.ในแง่ความมั่นคง คือ เหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 และเอ็ม 16 ถล่มผู้ชุมนุม กปปส.เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บเกือบ 20 รายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 14 ต่อเนื่อง 15 พ.ค. นำมาสู่การออกแถลงการณ์ 7 ข้อของ ผบ.ทบ. เพื่อปรามให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง และเร่งเจรจายุติปัญหา
2.การหารือนอกรอบระหว่างรัฐบาลกับวุฒิสภา เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ล้มเหลว รัฐบาลไม่ยอมลาออก ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายในทางการเมืองที่ประเมินว่าการเมืองไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้แล้ว (การเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่เกิดขึ้นจริง)
ทั้งนี้ ก่อนการประกาศกฎอัยการศึก กองทัพได้ติดตามสถานการณ์ เก็บข้อมูล และมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่างๆ อย่างละเอียด ทั้งยังได้ส่งกำลังตามประกบกองกำลังติดอาวุธกลุ่มหลักที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่กระทำต่อประชาชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมจัดทำ "แผนเผชิญเหตุ" โดยกำหนดเป็น "ซีนาริโอ" ว่าหลังประกาศกฎอัยการศึกอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ใดบ้าง โดยเฉพาะการตอบโต้ท้าทายจากฝ่ายที่ไม่ยอมรับอำนาจทหาร
อย่างไรก็ดี การประเมินสถานการณ์หลังประกาศกฎอัยการศึกไปแล้ว อาจต้องใช้เวลา 2-3 วัน เพราะในวันแรกๆ แต่ละฝ่ายอาจอยู่ในอาการช็อก แต่เชื่อว่าเมื่อตั้งหลักได้ จะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างแน่นอน อาจเป็นการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ หรืออาจมีการใช้กองกำลังติดอาวุธ
การมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวตอบโต้กฎอัยการศึก จะพิจารณาจาก 2 ปัจจัย คือ 1.การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ ถ้ามีการขนคนมาเติม แสดงว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำลังอาจเล่นบทโต้กลับ 2.การขับเคลื่อนของชายชุดดำ
กำลังพลของ พล.ร.2 รอ. แทรกซึมเข้ามาอยู่ในพื้นที่เมืองหลวงนานแล้ว ข่าวบางแหล่งระบุว่าเข้ามาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และความพร้อมของ ทบ.ในการประกาศกฎอัยการศึกมีมานานแล้ว และเคยเกือบประกาศเมื่อครั้งที่ตำรวจนำกำลังพลและอาวุธเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าจนเกิดความสูญเสีย เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2557
http://www.bangkokbi...้อัยการศึก.html