เปิดหลักฐานเด็ดมัด"ยิ่งลักษณ์"ปล่อย"จำนำข้าว"ทำชาติเสียหายในมือ ป.ป.ช.
แกะรอย "หนังสือ สตง.3 ฉบับ" หลัก ฐานเด็ด! มัด "ยิ่งลักษณ์" คดีถูกกล่าวหาไม่ระงับยับยั้ง ปัญหาจำนำข้าวทำชาติเสียหายหนัก ในอุ้งมือ ป.ป.ช.- พ่วงท้ายผลวิจัยข้อมูล "ทีดีอาร์ไอ"
ในกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อันมีเหตุอันควรสงสัยตามมาตรา 66 แห่งกฎหมาย ป.ป.ช. ว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) แม้จะทราบข้อท้วงติงและความเสียหายจากการดำเนินโครงการดังกล่าว แต่กลับไม่ระงับยับยั้ง จึงถือว่าเป็นกรณีที่อาจเป็นมูลความผิดตาม ป.อาญา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่คณะอนุไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดที่มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
มีหลักฐานสำคัญหลายชิ้น ในมือของคณะอนุไต่สวน และดูเหมือนจะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับรู้รับทราบความเสียหายจากการดำเนินการโครงการนี้ มาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ระงับยับยั้ง ปล่อยให้มีการดำเนินงานต่อมาเรื่อยๆ จนส่งผลทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับประเทศชาติในปัจจุบัน
แต่ หลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ดูเหมือนทาง ป.ป.ช. จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ หนังสือแจ้งเตือนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จำนวนหลายฉบับ ที่ส่งตรงให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบเกี่ยวกับผลการตรวจสอบและข้อทักท้วงพร้อมเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาใน การดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าว
ที่ เริ่มจัดทำและส่งถึงมือน.ส.ยิ่งลักษณ์ นับตั้งแต่ช่วงเข้ามาบริหารประเทศใหม่ พร้อมนโยบายจำนำข้าว จนกระทั่งถึงช่วงกลาง และช่วงปลายการบริหาร ก่อนการประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.56 ที่ผ่านมา
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติแต่งตั้งคณะอนุไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีไม่ดำเนินการระงับยับยั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ก่อให้เกิดความ เสียหายในปัจจุบันนี้ ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา
ป.ป.ช. ได้แจ้งประสานขอความร่วมมือไปยัง สตง. จัดส่งหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นใน โครงการรับจำนำข้าว ที่ทำถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำมาใช้ประกอบการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
จากการตรวจสอบพบว่า นับตั้งแต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ และเริ่มดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2554 จนถึงปัจจุบัน สตง. ได้มีหนังสือแจ้งให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับทราบ ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาการดำเนินงานโครงการนี้ ไปอย่างน้อยจำนวน 4 ฉบับ
ฉบับแรกจัดทำขึ้นในช่วงเดือน สิงหาคม 2554 , ฉบับที่ 2 ช่วงเดือน มกราคม 2555 ,ฉบับที่ 3 ช่วงกลางปี 2556 และล่าสุดฉบับที่ 4 แจ้งผลการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 เพื่อนำเสนอผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการนี้ และข้อให้ยุติโครงการอย่างเป็นทางการ (อ่านประกอบในเรื่อง เผยโฉมหนังสือ สตง. จี้ "ยิ่งลักษณ์" ยุติโครงการรับจำนำข้าว ฉบับเต็ม!)
จากการตรวจสอบเนื้อหาหนังสือฉบับที่ 3 ฉบับ ที่ สตง. แจ้งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงกลางปี 2556 พบว่ามีการระบุเนื้อหาโดยสรุปดังนี้
"..ตาม หนังสือที่อ้างถึง (ฉบับที่ 1 เดือนสิงหาคม 2554) สตง.ได้ส่งข้อมูลสรุปประเด็นปัญหาและความเสี่ยงสำคัญที่พบจากการตรวจสอบการ ดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปีการผลิต 2248/2549 และ 2549/50 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาใช้ข้อมูลตามรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวของ สตง. ประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโครงการ พร้อมทั้งโปรดพิจารณาสั่งการไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และหนังสือฉบับที่ 2 ที่อ้างถึง สตง. ได้รายงานปัญหาการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต2554/55 รวมถึงความไม่โปร่งใส่ในกระบวนการและขั้นตอนต่างของการดำเนินงานตามโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบการดำเนินงานของ สตง.ข้างต้น ให้นายกฯ เพื่อโปรดพิจารณาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาดำเนินการตามข้อ เสนอของสตง.
"..แต่ปัจจุบัน (สาระหลักในหนังสือฉบับที่ 3) เนื่องจากการดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิตตามนโยบายของ รัฐบาล ยังคงปรากฏเป็นข่าวผ่านทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตไม่โปร่งใสในกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ของการดำเนินโครงการ เช่น การโกงความชื้นและนำหนักเพื่อกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนา การนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ การสับเปลี่ยนข้าวที่เก็บไว้ในโกดังกลางของรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาตามรายงานผลการตรวจสอบของสตง. ที่ได้จัดส่งให้นายกฯ รับทราบไปแล้ว และปัจจุบันรัฐบาลได้มีนโยบายที่จะดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต2555/56 โดยใช้เงินทุนจำนวนมากประมาณ 4 แสนล้านบาท"
“ เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายของรัฐบาลเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพมีระบบการควบคุมที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในกระบวนการ ปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่สำคัญ ทำให้ทุกภาคส่วนเกิดความเชื่อมั่นต่อความโปร่งใส เกษตรกรที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน และเพื่อให้เกิดการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินโครงการอย่างจริงจัง สตง.มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลพิจารณาใช้ข้อมูลตามรายงานการตรวจสอบการดำเนินงาน ของ สตง.ประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโครงการ ตลอดจนพิจารณาเพิ่มมาตรการป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการทุจริต ในทุกขั้นตอนของการดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก”
แหล่งข่าวจากสตง. กล่าวยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า นับตั้งแต่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศพร้อมนโยบายโครงการรับจำนำข้าว สตง. ได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบ พร้อมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวไปให้รับทราบ ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง คือ ตั้งแต่ช่วงเข้ามารับตำแหน่งใหม่ บริหารงานผ่านไปได้สักระยะ และช่วงปลายรัฐบาล แต่ข้อเสนอของ สตง. ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด เห็นได้จากข้อมูลปัญหาการทุจริตที่ปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่อง
จนล่าสุดในช่วงปลายเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา สตง. ได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบโครงการไปให้รับทราบ ซึ่งถือเป็นหนังสือฉบับที่ 4 ที่ สตง.จัดส่งไปให้ นายกฯ ได้รับทราบ พร้อมขอให้พิจารณาทบทวนและเสนอให้ยุติโครงการในฤดูกาลถัดไปทันที แต่ดูเหมือนข้อเสนอของ สตง. จะไม่ได้รับการตอบรับมากนัก
ส่วน การประสานงานขอความร่วมมือในการจัดส่งข้อมูลจาก ป.ป.ช. นั้น แหล่งข่าวกล่าวยืนยันว่า “ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา สตง. ได้รับการประสานงานจาก ป.ป.ช. ให้จัดส่งหนังสือสตง.ที่แจ้งผลการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ถึงนายกรัฐมนตรี ไปให้ ป.ป.ช.จริง ซึ่งสตง.ได้จัดส่งหนังสือที่มีอยู่ทั้งหมดไปให้ทาง ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว"
ด้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุไต่สวนกรณี ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ป.ป.ช. ได้ประสานขอหนังสือจาก สตง.เกี่ยวกับเรื่องจำนำข้าวมาใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ จริง นอกจากนี้ยังมีข้อมูลในส่วนของ ป.ป.ช. เอง รวมถึงข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่จะนำมาใช้ประกอบด้วย
ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในกลุ่มคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีผลต่อตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยตรง