2548 ต่อเนื่อง 2549
การแสดงออกทางการเมือง โดยมีวัตถุประสงค์ต่อต้านรัฐบาลทักษิณ และกดดันให้ทักษิณลาออกจาก
ตำแหน่งเริ่มเป็นรูปธรรมนับจาก อสมท โดยนายธงทอง จันทรางศุ สั่งระงับรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์
ที่ดำเนินรายการโดยนายสนธิ ภายหลังการนำเสนอบทความ “ ลูกแกะหลงทาง “ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่
9 กันยายน 2548 ซึ่งทาง อสมท ให้เหตุผลว่าเป็นการจาบจ้วงสถาบัน โดยให้มีผลตั้งแต่ 15 กันยายน
2548 อันเป็นเหตุให้นายสนธิและทีมงานปรับเปลียนการดำเนินรายการ เป็นการจัดรายการนอกสตูดิโอ
ทุกเย็นวันศุกร์ และเปลียนชื่อรายการเป็น “ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร “ ที่มุ่งเน้นการวิพากษ์วิจารณ์
การทำงานของรัฐบาล และผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับทักษิณและครอบครัว
การสั่งระงับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ใช้อำนาจคุกคามสื่อ เพราะไม่พอใจใน
เนื้อหาที่สื่อนำเสนอ ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า ทุกท่านที่เคย
มีโอกาสได้อ่าน ได้รับรู้ บทความ “ลูกแกะหลงทาง “ จะแปลความหมายอย่างไร จะเป็นไปในแนวทางที่
อสมท ให้เหตุผลในการสั่งปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์หรือไม่ ขอละไว้ให้ทุกท่านพิจารณาได้ตาม
วิสัยทัศน์ มิอาจวิเคราะห์ ชี้แนะ เพื่อโน้วน้าวแนวคิดของทุกท่านได้
วันที่ 13 มกราคม 2549 การดำเนินรายการ “ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร “ ครั้งที่ 14 สนธิได้เปิดตัว
แกนนำที่เข้าร่วมอุดมการณ์การชุมนุมใหญ่เกิดขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
ตั้งแต่ด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมจนถึงสี่แยกมิสกวัน โดยใช้เชื่อว่า “ การชุมนุมกู้ชาติ “ มีผุ้เข้าร่วม
ชุมนุมมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา การชุมนุมยืดเยื้อข้ามคืน และเปิดตัวกลุ่มต่อต้านรัฐบาล โดยเน้นที่ ทักษิณ
ในนาม “ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “ เนื่องจากไม่พอใจข่าวการขายหุ้นทั้งหมดของครอบ
ครัวชินวัตร และดามาพงษ์ ใน บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับ กองทุนเทมาเส็ก ซึ่งเป็น
กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี เมื่อวันที่
23 มกราคม 2549 ( จะกล่าวถึงรายละเอียดในครั้งต่อไป )
การชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า “ ปิดบัญชีทักษิณ “ มีขึ้นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
ผู้เข้าร่วมชุมนุมมาจากหลายหลายอาชีพ มีการเปิดตัวแกนนำชุดใหม่ของกลุ่ม พธม ได้แก่ พลตรี จำลอง
ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้รัฐบาลได้พยายามขัดขวาง โดยอ้างว่า ไม่เหมาะสมและไม่สมควร เนื่องจากบริเวณนี้เป็น
เขตพระราชฐาน แกนนำจึงได้นัดชุมนุมใหม่ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 ที่สนามหลวง โดยประกาศว่า
จะชุมนุมยืดเยื้อ จนกว่าทักษิณจะลาออกจากตำแหน่ง ทักษิณประกาศยุบสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549
โดยมีกำหนดเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน 2549
การชุมนุมของกลุ่ม พธม ที่สนามหลวง ภายใต้ชื่อ “ เอาประเทศไทยของเราคืนมา “ เป็นการชุมนุมยืดเยื้อ
ต่อเนื่องจากวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 สิ้นสุดลงในวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งพอจะลำดับเหตุการณ์
ได้พอสังเขป
28 กุมภาพันธ์ 2549 พธม เคลื่อนขบวนใหญ่จากสนามหลวงมาที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
14 มีนาคม 2549 เคลื่อนจากสนามหลวงมาที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในขณะนั้นกำลังมีการประชุม ครม
ย้ายการชุมนุมมาปักหลักบริเวณสะพานมัฆวานฯ สี่แยกมิสกวันและถนนพิษณุโลกบริเวณข้างทำเนียบ
มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมนับแสนคน
ระหว่างการชุมนุมมีการเคลื่อนขบวนย่อย ๆ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สำนักงาน กกต, ศาลรัฐธรรมนูญ,
ศาลปกครอง , สถานทูตสิงคโปร์ และ บริเวณสยามสแควร์ เป็นต้น
26 มีนาคม 2549 เคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมเข้าบริเวณสยามสแควร์ และวางแผนที่จะจัดชุมนุมใหญ่
บริเวณหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอน ในวันที่ 29 มีนาคม 2549 ถือเป็นการชุมนุมทางการเมือง
ครั้งใหญ่ใจกลางศูนย์ธุรกิจหลักของประเทศเป็นครั้งแรก เป็นเหตุให้ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์
และ สยามดิสคัฟเวอรี่ ประกาศปิดทำการระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2549 การชุมนุมผ่านไปด้วยดี
ไม่มีการปะทะใด ๆ ทั้งสิ้น
2 เมษายน 2549 การเลือกตั้งทั่วไป พรรคประชาธิปัตย์ พรรคมหาชน และ พรรคชาติไทย ไม่ได้ส่ง
สมาชิกสมัครรับเลือกตั้งด้วย พรรคไทยรักไทย ได้รับคะแนนเสียงข้างมาก แต่ในหลายพื้นที่ผู้สมัครจาก
พรรคไทยรักไทย ที่ทักษิณยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ กลับได้คะแนนน้อยกว่าผู้ไม่ออกเสียงและบัตรเสีย
ถือเป็นปรากฏการณ์ “ ไม่เอาทักษิณ “ ท้ายที่สุดการเลือกตั้งครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาให้เป็น
โมฆะ ( เนื้อหาจะกล่าวในบทถัดไป ) โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 15 ตุลาคม 2549
คำพิพากษา ศาลรัฐธรรมนูญ ให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ ส่งผลให้ คณะกรรมการการ
เลือกตั้ง มีความผิดตามคำฟ้องของนายถาวร เสนเนียม
- ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
- ความผิดต่อ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
- ความผิดต่อ พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส และ สว
- ต้องโทษจำคุกและให้ออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2549
ในระหว่างอ่านคำพิพากษา เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ กับ กลุ่มต่อต้าน
ทักษิณ ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำพิพากษา ให้ผู้ที่เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายรับโทษกรณีหมิ่นศาล
19 สิงหาคม 2549 ระหว่างการเดินทางไปเป็นประธานเปิดตัวหนังสือและซีดีที่ระลึก นิทรรศการ
เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิราชสมบัติครบ 60 ปี ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน
มีเสียงตะโกนจากกลุ่มประชาชนประมาณ 30 คน ว่า “ นายกฯ ...คนเลว...ออกไป “ จนเกิดเหตุชุลมุน
จากกลุ่มสนับสนุนกับกลุ่มต่อต้าน เจ้าหน้า รปภ จึงเชิญตัวออกจากสถานที่
20 สิงหาคม 2549 ระหว่างการจัดแถลงข่าวที่อาคารสำนักวิทยบริการชั้น 8 ม.ราชภัฎจันทรเกษม
โดย ดร.สังคิด พิริยะรังสรรค์ ได้เชิญผู้ที่โดนกลุ่มผู้สนับสนุนนายกฯ ทำร้ายในวันที่ 19 สิงหาคม 2549
ทั้ง 6 คน มาแสดงตัว ขณะเดียวกัน บริเวณลานด้านล่างหน้าอาคารมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายก ในนาม
“ กลุ่มตัวแทนองค์กรประชาชนรักความสงบ “ ประมาณ 60 คน ยืนถือป้ายผ้าและโปสเตอร์ เพื่อต่อต้าน
ดร.สังคิด มีการปะทะคารมกันพอหอมปากหอมคอ
21 สิงหาคม 2549 เกิดเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายกันอีกครั้ง ขณะที่นายกฯ เดินทางเปิดงานอุทยาน
เรืยนรู้ดิจิตอล ทีเคปาร์ค ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ครั้งนี้มีการวางกำลังอารักขาทั้งในและนอกเครื่องแบบ
อาจจะเป็นเพราะ รมต.กระทรวงมหาดไทยรายงานว่าอาจถูกลอบทำร้าย หรือ อาจจะเป็นเพราะกลัวคำ
ตะโกนเหมือนครั้งหน้าสยามพารากอน มิอาจคาดเดาได้ แต่ก็เกิดเหตุปะทะคารมกันระหว่างกลุ่มผู้สนับ
สนุนและกลุ่มผู้ต่อต้าน จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ รปภ และปรากฏชายฉกรรจ์ในชุดสีเข้มไม่ทราบสังกัด
เข้าทำร้ายร่างกาย จนเป็นชนวนให้เกิดการปะทกันรุนแรงขึ้น มีผู้บาดเจ็บจากทั้ง 2 ฝ่ายหลายราย และ
บางรายถูกจับกุมในข้อหา รบกวนความสงบเนื่องจากเป็นต้นเหตุการณ์ก่อให้เกิดเสียงเอะอะรำคาญ
2 กันยายน 2549 ในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกลุ่มบุคคลในนาม “ เครือข่ายแพทย์ เภสัช
พยาบาล อาจารย์มหาวิทยาลัย 43 องค์กร 11 มหาวิทยาลัย “ ซึ่งเป็นกลุ่มคนบางส่วนของหน่วยงาน
ที่อ้าง ทำการล่ารายชื่อ ปลุกกระแส “ต้านทักษิณ” ออกแถลงการณ์ให้ทักษิณยุติบทบาทนายกรัฐมนตรี
ทันที มีการจัดการเสวนา เรื่อง การร่วมกันแก้ไขวิกฤตปัญหาของบ้านเมือง โดยมุ่งเน้นการต่อต้าน
ทักษิณตามแนวทางอหิงสา การต่อต้านทักษิณ สิ้นสุดในวันที่ 19 กันยายน 2549 ภายหลังเหตุการณ์
รัฐประหาร โดย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นำโดย พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
ดังกล่าวข้างต้น เป็นสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง และการกระทำ
ความผิดโดยมี่สาเหตุจากความเห็นทางการเมือง โดยสรุปพอสังเขป ที่เกิดขึ้นภายในปี 2549 ซึ่งผู้
เข้าร่วมกาชุมนุมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายต่อต้านทักษิณ หรือ ฝ่ายผู้สนับสนุนทักษิณ ถูกจับกุม ถูกคำพิพากษา
ลงโทษตามความผิดที่ได้กระทำ โดยไม่มีข้อแม้หรือข้อโต้แย้งใด ๆ ในบางคดีสิ้นสุดไปแล้ว บางคดี
อาจจะยังอยู่ระหว่างการต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่บางคดี ผู้ต้องโทษได้รับโทษครบ
ตามคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว
ยกเว้น....ข้อกล่าวหา ทุจริตคอรัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน ยังคงค้างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม นั้นก็
เพราะ ทักษิณ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการ เพื่อพิสูจน์ว่า ตนเป็นผู้ถูกกลั่นแกล้ง
อย่างคำกล่าวอ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะ ไม่สามารถหาข้อแก้ต่าง คำอธิบาย ที่จะช่วยให้ตัวเองพ้นจาก
ฐานะผู้ถูกกล่าวหาได้...
ดังนั้นหากจะพิจารณา เนื้อหาตามมาตรา 3 ในร่าง พรบ นิรโทษฯ ฉบับสุดซอย ผู้ที่น่าจะได้รับประโยชน์
มากที่สุด เห็นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้...นอกเสียจากว่า....ใครคนนั้น....ที่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนยุติธรรม
เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่กลับใช้เส้นทางลัดเพื่อหวังให้ตน พ้นผิด พ้นมลทิน โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการ
ยุติธรรม....
ช่างเป็นการพ้นมลทินที่...
ไร้ศักดิ์ศรี ไม่สง่างาม ไม่สมกับที่เป็น...คน...ดีและเก่ง ขั้นเทพ
Edited by bird, 18 November 2013 - 00:58.