ลูก'เทพ เทือก'
และ ศรีสุบรรณ์ฟาร์มทายาทคนโตของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ
เกษตรกรพันล้้านแห่งบ้านดอนรัก เจ้าของอาณาจักร “ศรีสุบรรณฟาร์ม”
ผู้ใช้ชีวิตในบ้านหลังงามท่ามกลางธรรมชาติและหันหลังให้การเมือง
นอมินีถือครองที่ดินบนเกาะสมุยและอาจได้มาโดยมิชอบ?
เกือบทุกครั้ง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงคนปัจจุบัน กับพรรคฝ่ายตรงข้าม ชื่อของ แทน เทือกสุบรรณ มักปรากฏเป็นข่าวพัวพันอยู่เสมอ ไม่เพียงเพราะการเป็นบุตรชายคนโตที่เข้ามาเป็น ผู้กุมบังเหียนแห่งอาณาจักร “ศรีสุบรรณฟาร์ม” แทนผู้เป็นพ่อซึ่งวางมือไปก่อน หน้าแล้วเท่านั้น ทว่าเขายังตกเป็นเป้าในประเด็นร้อนล่าสุดกับข้อครหา “เป็นนอมินีถือครองที่ดินบนเกาะสมุย และอาจได้ที่ดินมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย” ในฐานะผู้ถูกพาดพิง คุณแทนจึงยินดีเปิดใจให้ WhO? ซักฟอกทุกกรณี
ณ “บ้านดอนรัก” อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี อดีตหนุ่มนักโฆษณาผู้หลีกหนีชีวิตอันวุ่นวาย ในเมืองหลวง แล้วมาปักหลักอยู่ในพื้นที่อันห่างไกลรายล้อมด้วยธรรมชาติ ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท และกรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด มีพนักงานที่อยู่ในการดูแลทั้งหมดกว่า 200 คน
ธุรกิจของบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์มฯ ประกอบด้วยฟาร์มกุ้ง ซึ่งมีพื้นที่เลี้ยงกุ้งขาว 1,000 ไร่ บนพื้นที่ 3,000 ไร่, สวนปาล์ม, สวนมะพร้าว และสวนมะนาว บนพื้นที่ประมาณ 5,000 ไร่ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบ้านจัดสรร ในนามบริษัท สุราษฎร์โกลเด้นแลนด์ จำกัด เท่านี้เจ้าตัวก็รำพึงออกมาแล้วว่า “ผมมีงานทำ มีธุรกิจที่ทำเงินให้มากแบบนี้ จะไปเป็นนักการเมืองทำไม”
ในฐานะพี่ชายคนโตของน้องสาวทั้ง 2 คน คือ น้ำตาล (ปัจจุบันเป็นวิศวกรที่เกาะสมุย) และ น้ำทิพย์ (เป็นสถาปนิก และกำลังเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา) ทำให้คุณแทนอาสาเข้ามารับช่วงธุรกิจแทนคุณพ่อทุกอย่าง แม้จะเป็นภาระที่หนัก แต่เขาก็ตั้งใจเต็มที่ เพราะตั้งแต่คุณแม่ (จุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ) เสียชีวิต คุณพ่อสุเทพก็ให้ความรักความอบอุ่นและเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 3 คนเป็นอย่างดี
“มีหลายคนสงสัยชื่อของผม พ่อบอกว่าให้ชื่อแทน เพราะจะให้อยู่กับแม่แทนคุณพ่อ แต่พอคุณแม่เสียผมเลยต้องอยู่กับคุณพ่อแทนแม่
“ตอนผม เรียน คุณพ่อเป็น สส.แล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ผมกดดันอะไร แม้จะมีเพื่อนบางคน ไม่ชอบเรา แต่ผมโชคดีที่เพื่อนส่วนใหญ่จะชอบแล้วก็คิดเหมือนเรา (หัวเราะ) เชื่อไหม ว่าตั้งแต่เป็นเด็กผมไม่เคยถูกคุณพ่อตีเลย แล้วพ่อไม่ได้เป็นคนที่ดุด้วย คุณพ่อค่อนข้าง มีงานเยอะ ผมก็จะอยู่กับตัวเองเสียมากกว่า”
คุณแทน เป็นคน จ.สุราษฎร์ธานี โดยกำเนิด เริ่มต้นเรียนหนังสือที่โรงเรียนสาธิต วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี พอขึ้น ม.2 ก็ย้ายไปโรงเรียนสาธิตปทุมวัน ไม่กี่เดือนพ่อก็พา ไปเข้าโรงเรียนประจำที่ Geelong Grammar School ประเทศออสเตรเลีย และจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ที่ The University of Melbourne ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นจึงกลับมาเรียนต่อปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ที่นิด้า และวางแผนที่จะเรียนต่อปริญญาเอกในอนาคตอันใกล้
หลังเรียนจบปริญญาตรีกลับมา คุณแทนได้ทำงานครั้งแรกที่ฝ่ายโฆษณา บริษัท ออเร้นจ์ ในยุค อภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้บริหาร แม้จะเป็นงานที่ชอบ ทำแล้วสนุกและมีเพื่อน ร่วมงานที่เป็นมืออาชีพ แต่ด้วยระยะทางไป-กลับจากคอนโดย่านบางพลัด ถึง ถ.พระราม 4 ต้องผ่านมรสุมรถติดทุกวัน เขาจึงตัดสินใจลาออกจากสภาพสังคมที่วุ่นวาย
หลังทำงาน ได้เพียง 2 ปี
“จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่ ผมเบื่อชีวิตในกรุงเทพฯ เบื่อความวุ่นวาย พอดีคุณพ่อกำลังจะวางมือจากธุรกิจที่ทำทั้งหมด ก็อยากหาคนมาช่วย ผมก็เลยรับอาสามาช่วยงานคุณพ่อดีกว่า แต่ก่อนจะเข้ามาทำงาน ผมไปบวชที่สวนโมกข์ 1 พรรษา ตลอด 4 เดือน อยู่กับท่านเจ้าอาวาส และอ่านหนังสือของท่านพุทธทาส เป็นร้อยเล่ม พ่อกลัวผมจะไม่สึก เลยบอกว่าเดี๋ยวจะหาผู้หญิงมาชวนให้สึกสักหน่อย เพราะเห็นลูกแล้วมันสบายเหลือเกิน (หัวเราะ)”
“สิ่งที่ผม ได้จากการบวชครั้งนั้น ทำให้ผมได้เข้าใจพระพุทธศาสนา เข้าใจหลักการใช้ชีวิต ของการคิดสูง แต่อยู่ต่ำ คือมีความหมายว่าให้เราคิดแต่เรื่องดีๆ แล้วต้องอยู่แบบธรรม ดาสมถะ เพียงเท่านี้ชีวิตก็จะดำรงอยู่ใน
สังคมนี้ได้อย่างมีความสุข”
วิถีชีวิตเกษตรกรพันล้าน กับความสงบภายในบ้านสไตล์อเมริกันคันทรีท่ามกลางเนื้อที่กว่า 20 ไร่ สร้างความสุขให้กับชายหนุ่มจนน่าอิจฉา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องเข้ามาสร้างความ ระคายใจอยู่ไม่ขาด โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกโยงให้เกี่ยวข้องกับการเมือง… เขาจำได้ว่า ครั้งที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว.มหาดไทย ได้กล่าวหาว่า บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ของตระกูลเทือกสุบรรณ ครอบครองที่ดินใน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 2,000 ไร่ โดยผิดกฎหมาย
กรณีนั้น คุณแทนถือโอกาสชี้แจงให้ฟังว่า ทางบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ได้ฟ้องร้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทั้งคดีแพ่ง-อาญา กรณีกล่าวหาบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ครอบครองที่หลวง 2,000 ไร่ และเรื่องทั้งหมดยังอยู่ในกระบวนการของศาล แม้ว่าที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ได้ขอร้องทางคุณพ่อขอให้มีการถอนฟ้อง แต่ทางบริษัท ยังยืนยันที่จะให้มีการดำเนินคดีทางกฎหมาย
“ทุกวันนี้คุณเฉลิมก็มาขอคุณพ่อผมให้ช่วยไปถอนฟ้องหน่อย เราคนกันเอง ที่ผ่านมาผมก็ยังไม่เคยเจอหน้าคุณเฉลิมแบบตัวต่อตัว ตอนนั้นผมทำหน้าที่ กรรมการบริษัท มันก็ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อคุณเอาเรื่องมากลั่นแกล้งผม ทำเป็นเรื่องใหญ่ก็ต้องโดนฟ้องนะครับ (หัวเราะ) เรื่องนี้ผิดแน่นอนเพราะที่ดินของผมไม่ได้ อยู่ในป่า ด้วยความที่ข้อมูลเขาไม่ครบแล้วพูดไวเกินไป
ตอนนี้เขาก็เลยต้องระมัด ระวังคำพูดมากขึ้น”
จนกระทั่ง ล่าสุด กรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้เป็นพ่อ โดยเนื้อหาใน ญัตติมีการกล่าวหาว่าคุณสุเทพครอบครองที่ดินจำนวน 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา บนเขาแพง หมู่ 6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมิชอบ กรณีนี้คุณแทนชี้แจงว่าเขาเป็นผู้ดำเนินการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวด้วยตัว เอง จากห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น มาตั้งแต่เป็น น.ส.3 ก. เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งต่อมาได้ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งซื้อตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยวางแผนเอาไว้เพื่อปลูกสวนมังคุด และสวนมะพร้าว
“การออกโฉนดก็คงออกมาพร้อมๆ กับโฉนดที่ดิน ที่มีนักการเมืองใน ซีกของพรรคไทยรักไทยในสมัยนั้นด้วย เป็นใครก็ทราบดีไม่จำเป็นต้องออกชื่อ ซึ่งตอนนั้นพ่อผมยังเป็น สส.ฝ่ายค้าน ทุกอย่างเป็นข้อเท็จจริง ยังจำได้ว่าเมื่อการรังวัดที่ดิน ผมเองก็ได้ดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทุกแปลงมีเจ้าของที่ดินที่อยู่ข้างเคียง ต้องมายืนยันความถูกต้องทุกแปลง พร้อมให้ตรวจสอบความถูกต้อง” คุณแทนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่นว่า การครอบครองที่ดินนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมให้มีการตรวจสอบ
“ทุกครั้งที่มีการอภิปรายของคุณพ่อมักจะมีชื่อผมเข้าไปทุกครั้ง ผมก็ไม่เข้าใจ มีหนังสือพิมพ์โทร.มาถามเหมือนกันว่าทำไม ผมก็เลยบอกไปว่า นั่นนะสิเขาคงไม่มีอะไรทำกัน ผมคิดว่าเขาคงหาจุดอ่อนคุณพ่อไม่ได้ แล้วมาหาเรื่องกับผมน่าจะเป็นจุดอ่อนแทนพ่อได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมไม่ได้ไปทำอะไรเสียหาย แล้วผมก็ไม่ได้เป็นนอมินีที่ดินคุณพ่อด้วย แต่มีข่าวออกมาทีไรผมไม่ได้โกรธ แต่ก็มีหงุดหงิดบ้าง ผมว่าคนสุราษฎร์มีท่ีดินบนเกาะสมุยไม่น่าเป็นเรื่องแปลกอะไร แต่คนกรุงเทพฯ มามีที่ดินบนเกาะสมุยน่าจะเป็นเรื่องแปลกมากกว่า
“มี เรื่องเกิดขึ้นกับผมแบบนี้ก็ไม่ได้คิดอะไร ผมก็คิดถึงคำสอนของท่านพุทธทาสว่า อย่าไปยึดติดกับชื่อเสียง มันไม่ใช่สาระ ผมจะบอกว่าคุณลองมาเป็นผมดู ลองมาเดินตากแดดกับผมดูแล้วจะรู้ว่ามันเป็นยังไง มารับภาระดูแล้วจะรู้ว่ามันไม่ง่าย การเป็นลูกนักการเมือง คุณอย่าคิดว่ามันสบาย ไม่ใช่ คุณจะไปไหน ทำอะไร ต้องระมัดระวังตัว แล้วมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ มีต้นทุน ขนาดระมัดระวังนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังมีปัญหาแล้ว ซึ่งถ้าเครียดมากๆ ผมก็จะเล่นกีฬา ผมชอบเล่นฟุตซอล ตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ เป็นประจำ”
แม้จะไม่ได้ข้องแวะกับการเมืองโดยตรง แต่ในฐานะทายาทนักการเมืองคนดัง แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ชื่อบริษัท ศรีสุบรรณาฟาร์ม ก็อยู่ในทำเนียบผู้บริจาคเงินให้กับ พรรคถึงเดือนละ 1 ล้านบาท ประเด็นนี้คุณแทนอรรถาธิบายต่อว่า
“การบริจาคเงินแบบนั้นเป็นช่วงแรกๆ เพราะช่วงแรกของการทำนากุ้งราคาค่อนข้างดี เราก็บริจาคให้กับทางพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็น ฝ่านค้าน ทางพรรคเขาก็ต้องการคนเข้ามาช่วยสนับสนุน ผมก็ทำอย่างเปิดเผย ผมคิดว่าเราทำธุรกิจแบบนี้ได้ช่วยกันบริจาคให้พรรคกันคนละนิดคนละหน่อย พรรคการเมืองจะได้ไม่ต้องไปเพิ่งนายทุนใหญ่
แล้วก็จะได้ไม่ต้องไปตกเป็น อำนาจของนายทุน
“เหมือนประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กลายเป็นธรรมเนียมประชาชนจะช่วยกันบริจาคให้พรรค กันคนละร้อยสองร้อยเหรียญ ก็จะทำให้พรรคเข้มแข็ง ไม่ต้องตกเป็นอำนาจของนายทุน ไม่ใช่นายทุนมีเงินเข้ามาซื้อพรรคการเมือง ยิ่งผมเป็นลูกนักการเมืองด้วย จะให้คนอื่นทำแล้วตัวเองไม่ทำมันก็ไม่ได้ ” คำตอบฉะฉานสมเป็นทายาทนักการเมืองดัง แต่ครั้นถามต่อว่า นักการเมืองที่ชื่นชอบมีใครบ้าง ชายหนุ่มบอกว่า มี 3 คน คือ ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
คุณแทนเลย ขอวิพากษ์การ เมืองไทยพอเป็นน้ำจิ้มเล็กๆ เพื่อสะท้อนปัญหาการเมืองไทยที่ยังเดินไปไม่ถึงฝันกันเสียที “เรารับระบบประชาธิปไตยมายังไม่เป๊ะมากนักกับการเมืองไทย มันคงต้องปรับให้เข้ากับระบบของการเมืองไทยอยู่เหมือนกัน เพราะระบบการเลือกตั้งแบบนี้อาจยังไม่เหมาะกับประเทศไทย ไม่ใช่เผด็จการนะ แต่ผมมองไปถึงการเลือก สส. ที่มีการวิเคราะห์ว่าเป็น สส.ที่ดีที่สุด แต่เขาคิดว่า สส.คนนี้เป็นญาติเขา แล้วคนนี้เคยช่วยเขา ส่วนใหญ่จะคิดแบบนี้มากกว่า เราจะไปเปลี่ยนนิสัยคนก็คงไม่ได้”
“ผมคิดว่าประเทศไทยน่าจะแยกระบบบริหารกับนิติบัญญัติออกจากกันเสียที ฝ่าย สส.ก็ควรทำหน้าที่กลั่นกรองออกกฎหมาย ส่วนฝ่ายบริหารก็ควรจะแบ่งออกไปอีกทีมหนึ่ง ผมว่าน่าจะต้องแยกกันให้ขาด เพราะตอนนี้ก็ยังผสมกันอยู่ เนื่องจากระบบนี้นำมาใช้กับ การเลือกตั้ง อบจ. และ อบต.กันหมดแล้ว เหลือ สส.อย่างเดียวที่ยังไม่ใช้ระบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของ อบจ.หรือ อบต. เขาก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี ในส่วนของผมถ้ามีสิทธิในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมก็อยากจะแก้ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติออกจากกัน อาจจะมีการเลือกนายกฯ โดยตรง เลือกฝ่ายบริหารโดยตรง ทุกวันนี้รัฐมนตรีผมไม่เคยเลือกเข้าไป
“ทำไมคนที่อยากจะเป็นนายกฯ ไม่เสนอว่า ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมมีรัฐมนตรีแบบนี้ๆ คุณจะเลือกผมหรือไม่ ทุกวันนี้พรรคผมมี สส.เท่านี้ ก็จะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้น ทั้งที่จริงรัฐมนตรีคนนั้นอาจไม่ถนัดงานในกระทรวงนั้นก็ได้” นี่เป็นมุมมองทางการเมือง ซึ่งถ้ามีโอกาสเขาก็อยากจะเปลี่ยนแปลง และนั่นหมายถึงอนาคตคุณแทนอาจ จะไปเป็นสมาชิกวุฒิสภาก็ได้ งานนี้เจ้าตัวได้แต่อมยิ้มก่อนแบ่งรับแบ่งสู้
“ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ”
แม้อนาคตทางการเมืองจะยังไม่ได้คำตอบแบบฟันธงนัก แต่ ณ วันนี้ชีวิตที่คุณแทนเลือกด้วยความสมัครใจคือการเป็นเกษตรกรเต็มตัว “คุณพ่อไม่เคยบังคับว่าจะต้องมาเป็นนักการเมืองแบบคุณพ่อ ไม่เคยมาชี้นำ ไม่มีการบังคับ จริงๆ การเมืองผมไม่ถึงกับชอบ แต่ผมชอบที่จะทำงานเพื่อสังคมมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นงานไปช่วยกันปลูกป่า สร้างโรงเรียนอะไรแบบนี้
แต่บอกว่าจะให้ไปเป็น สส.หรือเปล่า ตอบได้เลยว่าไม่อยากเป็น
“จริงๆ ก็มีคนเชียร์ให้ลงเล่นการเมืองเยอะ เพราะเห็นว่าผมทำงานไปได้ดี (หัวเราะ) เขาเห็นผมไปวัด ไปช่วยงานโรงเรียน หลายคนก็คงคิดว่าผมกำลังวางรากฐานเพื่อจะปู ทางการเมือง ผมก็ตอบไปว่าไม่ใช่ ผมเป็นคนที่ชอบทำงานเพื่อสังคมมากกว่าที่จะเป็น นักการเมืองแบบคุณพ่อ ชีวิตนักการเมืองผมไม่ชอบ มันโหดร้ายเกินไป ต้องสร้างภาพ คอยรักษาภาพลักษณ์ตัวเอง ต้องไปเจรจาต่อท่อ แล้วมีหลายอย่างที่ไม่อยากทำ จะเห็นว่าการเป็นนักการเมืองที่ดีมันยิ่งยาก” นี่จึงเป็นทางเลือกที่เขาขอยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง คุณพ่อไม่ได้บังคับเรื่องการเมือง แต่เหมือนจะบังคับเรื่องคู่ครองของลูกชายกลายๆ เนื่องจากคุณสุเทพเร่งให้คุณแทนแต่งงานมีครอบครัวเสียที
หรือมีความเป็นไปได้ว่า ผู้เป็นพ่ออยากอุ้มหลานเร็วๆ
“คุณพ่อบังคับผมตอนนี้อยู่อย่างเดียวคือจะให้แต่งงาน (หัวเราะ) จริงๆ ผมก็มีเพื่อนสนิทที่ดูๆ กันอยู่ แต่เราก็ยังไม่พร้อมที่จะแต่ง ส่วนตัวผมไม่มีสเปก ขอให้เขาเป็นคนดีเท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว (หัวเราะ) คุณพ่อเร่งจะให้แต่งทุกวัน ผมก็บอกว่ายังไม่พร้อม ไม่ใช่ดูที่ฝ่ายเราคนเดียว แต่ต้องดูความพร้อมของฝ่ายผู้หญิงด้วย” แม้ยังระบุไม่ได้ว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ แต่คาดว่าไม่นาน
ตระกูลเทือกสุบรรณคงมีข่าวดีเร็วๆ นี้แน่นอน
นักธุรกิจหนุ่มวัย 30 ปี ใช้ชีวิตแบบเกษตรกรเต็มขั้น โดยยึดหลักพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง กินและอยู่แบบง่ายๆ สังเกตได้จากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ และอัธยาศัยไมตรีที่เป็นกัน เองกับทุกคน
“เสื้อผ้าของผมไม่ค่อยมีดีๆ หรอกครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อแถม เสื้อแจกมาใส่ทำงานมากกว่า เพราะจะมีเสื้อบริษัทโน้นบริษัทนี้แจกมา ผมก็เอาใส่เป็นหลักเลย (หัวเราะ) ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อแขนยาวบ้างแล้ว เพราะไปในฟาร์มไม่ใส่แขนยาวแขนจะถูกแดดจนผิวไหม้ แต่ก็ยังเป็นสไตล์ลุยๆ นิดหนึ่ง ยิ่งผมไปบวชมาได้นั่งรถกระบะประจำมันก็เลยทำให้คิดว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่ แบบพอเพียง
ส่วนเสื้อ ผ้าแบรนด์เนมจะไม่ค่อยได้กินเงินผมง่ายๆ (หัวเราะ) แบรนด์เนมผมจะดูความคุ้มค่าด้วย อย่างแบล็กเบอร์รีผมมาซื้อ เพราะเห็นว่ามันคุ้มค่ากับการใช้ แต่ไม่ได้ซื้อมาเพื่ออวดหรือโชว์ใคร หรือรถที่จะซื้อสักคันก็ต้องดูว่าซื้อมาแล้วมันคุ้มกับการงานของเรา ไม่ได้ซื้อเพราะว่ามันเท่ ผมเคยอยู่กับงานโฆษณาผมก็จะรู้ว่าอะไรที่อยู่ข้างหลัง แบรนด์มันมีอะไรบ้าง ผมจะไม่ค่อยเป็นเสือกับดักให้กับพวกโฆษณาง่ายๆ” เกษตรกรพันล้านเล่าสนุกสนาน พลางเอ่ยถึงชีวิตประจำวันของเขาที่นี่ว่า จะตื่นแต่เช้าและเดินทางไปทำงานที่บริษัท เคลียร์งานทั้งที่เป็นเอกสาร อีเมล ให้เรียบร้อยในแต่ละวัน จากนั้นก็คุยงานต่อกับผู้ที่มาติดต่อ เสร็จจากภารกิจในช่วงเช้าเรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามารับประทานอาหารเที่ยงที่ บ้านตลอด โดยมีคุณอา-อมรา เทือกสุบรรณ เป็นแม่ครัวประจำตัวเขาและคุณพ่อโชว์ฝีมือ ทำอาหารให้หลานคนนี้ลิ้มรสมืออยู่เสมอ
จากนั้นช่วงบ่ายก็จะเข้าไปดูแลฟาร์มกุ้ง สลับกับการไปดูสวนปาล์ม สวนมะพร้าว และที่เพิ่งได้ทดลองปลูกก็คือ สวนมะนาว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเป็นหน้าร้อนทำให้ความต้องการ มะนาวในตลาดมีสูงขึ้น ปัจจุบันราคามะนาวที่ขายส่งให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อตกกิโลกรัมละ 35 บาท
“ผมมีพื้นที่ทำสวนปาล์มที่บวกกับของตัวเองและของบริษัทแล้ว 4-5 พันไร่ถือว่ายังน้อย คนที่ทำสวนปาล์มเป็นหมื่นไร่ก็มีเยอะครับ เพราะปาล์มเป็นต้นไม้ที่ต้องใช้พื้นที่เยอะนิดหนึ่ง เราเพิ่งเริ่มทำได้ไม่นานก็ต้องพยายามซื้อพื้นที่เรื่อยๆ จากร้อยเป็นสองร้อยไร่ ชีวิตผมเรียบๆ ไม่ติดยึดกับวัตถุนิยมจนเกินไป รถยนต์ ถ้าผมจะต้องขับพอร์ช ผมก็หาได้ แต่ไม่รู้จะเอามาทำไม และการหารายได้ให้มากที่สุดมันก็ไม่ใช่คำตอบของชีวิต”
จวบจนมาถึง บ้านพักสไตล์อเมริกันคันทรี บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ซึ่งถือเป็นบ้านเก่าของคุณพ่อที่ลูกชายใช้คำว่า “ยึด” มาไว้เป็นบ้านของตัวเอง บ้านชั้นเดียวตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ยังคงความเป็นอเมริกันคันทรีตามที่คุณพ่อขอไว้ ภายในประกอบด้วยห้องรับแขกที่สามารถมองเห็นต้นไม้บริเวณด้านนอกได้อย่างสบาย ตา ถัดมาด้านในมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องแรกเป็นห้องที่เอาไว้รับรองคุณพ่อกับคุณศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ถัดมาเป็นห้องนอนของคุณแทน ที่จัดให้ดูเรียบง่าย มีฟูกเป็นที่นอนปูราบโดยปราศจากเตียง ด้วยเจ้าตัวเป็นคนไม่ชอบอะไรหรูหรา แต่ขอให้นอนลงไปแล้วนุ่มหลับสบาย
จากห้องนอน คุณแทนพาเดินเข้าไปในห้องน้ำซึ่งตกแต่งให้อยู่ในห้องเดียวกับห้องเสื้อผ้า ที่ดูโมเดิร์น ยามว่างก็จะพัตต์กอล์ฟในห้องนี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังมีบ้านของคุณสุเทพที่อยู่ระหว่างการตกแต่งภายใน ส่วนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับบ้าน คุณแทนนั้น จะเป็นเรือนรับรองแขก ที่มาเยือนบ้านดอนรักแห่งนี้
เรียกว่าบ้านทุกหลังโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ จะหันมองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียว ของต้นไม้นานาพรรณที่จัดแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบ เนื่องจากคุณแทนเพิ่งได้ให้บริษัท จัดสวนจากกรุงเทพฯ มาตกแต่งสวนให้ดูสวยงาม จนใครๆ ต่างก็ทักเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านน่าอยู่มาก
เอ่ยถึงคุณศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยาคุณพ่อคนปัจจุบัน ในข้างต้น จึงอดถามไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณแทนกับคุณศรีสกุล (น้องสาวนิพนธ์ พร้อมพันธุ์) เป็นอย่างไร เจ้าตัวอมยิ้มก่อนกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “สมัยเป็นเด็กผมจะเรียกคุณศรีสกุลว่าพี่ เพราะตอนเจอใหม่ๆ เขาจะให้เรียกว่าพี่ (หัวเราะ) สมัยนั้นพี่เขาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผมก็เลยเรียกพี่มาตลอด จริงๆ ชีวิตสองครอบครัวก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ยิ่งตอนนั้นผมไปเรียนเมืองนอกด้วย ก็เลยไม่ค่อยได้อยู่บ้านเดียวกันนานนัก
“พอผมมาทำงานที่สุราษฎร์ พี่ศรีสกุลเขาก็มาที่บ้านบ่อย เพราะผมก็ทำห้องพักเอา ไว้ให้ด้วย ก่อนที่คุณพ่อยัง
ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองก็จะมาที่นี่บ่อย”
ครั้นถามถึงชีวิตคุณแทนในฐานะลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเหมือนในละครทีวีบ้าง ไหม? เขาชิงตอบทันที “ผมว่าไม่เหมือนครับ (หัวเราะ) เพราะไม่ค่อยมีปัญหากันครับ คุณพ่อค่อนข้างจะจัดระบบเอาไว้อย่างดี เรื่องสตางค์จะจัดแบ่งเอาไว้หมด ก็เลยไม่มีปัญหา คุณพ่อจะดูว่าตรงนี้เป็นของลูก อันนี้เป็นของแฟน อันไหนเป็นของลูก คุณพ่อก็จะโอนมาให้เรา ตรงนี้หรือเปล่าที่คนชอบบอกว่าผมเป็นนอมินี แต่พ่อเขาจัดการไว้ให้หมดว่า อันนี้เป็นสมบัติของลูกเขาก็โอนมาเป็นของลูกเรียบ ร้อยแล้วนะ”
ส่วนลูกๆ ของคุณศรีสกุล ได้แก่ ขิง–เอกนัฏ และ เข็ม-ธีราภา พร้อมพันธุ์ (ที่เกิดจาก พรเทพ เตชะไพบูลย์) หลายคนอยากรู้ว่าเคยคุยกันบ้างไหม คุณแทนอธิบายต่อว่า “ก็เคยเจอกัน ตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ อย่างขิงเขาก็ยังมาทำงานกับคุณพ่อ เป็นผู้ช่วยเป็นเลขาส่วนตัวให้กับ คุณพ่อ พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรกันครับ” ทิ้งท้ายหนักแน่น แต่แฝงด้วยรอยยิ้มเช่นเคย ชีวิตเกษตรกรเดินดิน กินข้าวกลางวันที่บ้าน อาจเป็นวิถีที่เรียบง่ายในแบบที่คุณแทน ต้องการ แต่ในเมื่อเขาคือทายาท สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้มีบทบาทสำคัญกับพรรค ประชาธิปัตย์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงย่อมต้องถูกพาดพิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…
http://www.whoweekly...1=hobbies&id=66