1. แรกเริ่ม.....เมื่อวานนี้...
"สนธิบอกปชป.ลอยแพสุเทพ"
http://manager.co.th...D=9560000147673
“สนธิ” ชี้ “สุเทพ” ทำภารกิจระดมมวลชนสำเร็จ ปชป.ลอยแพคนตัวเอง
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 28 พฤศจิกายน 2556 13:40 น.
ภายหลังนายสนธิให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมที่นายสุเทพและแกนนำออกมาต่อต้านรัฐบาลและโค่นล้มระบอบทักษิณว่า ภารกิจของนายสุเทพถือว่าสำเร็จแล้ว และต้องชมเชยที่สามารถระดมมวลชนได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้แม้ว่าจะแพ้หรือชนะก็คงไม่สำคัญแล้ว เพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้เห็นอย่างน้อย 2-3 อย่าง
ประการแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนักโทษชาย ไม่สามารถกลับบ้านได้ ปิดประตูที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทย 2. พรรคเพื่อไทยจะไม่ยิ่งใหญ่หรือมีบารมีมากกว่าเดิม 3. สื่อมวลชนเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงกลับมานำเสนอข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมมากขึ้น มีการเสนอภาพ และวิเคราะห์ข่าวมากขึ้น พรรคเพื่อไทยก็จะไม่อหังการ์เหมือนเดิม
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ตกต่ำลงกว่าเก่า เหตุผลเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนนายสุเทพ เปรียบเสมือนกึ่งลอยแพ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาคือ อำนาจที่ 3 หรืออิทธิพลของทหาร วันนี้ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีไพ่ให้เล่นหลายใบ ใบหนึ่งเล่นเข้าข้างนายสุเทพ ใบที่ 2 เล่นเข้าข้างยิ่งลักษณ์ หรือใบที่ 3 เล่นเพื่อให้ตัวเองได้เล่น เพราะฉะนั้นแล้วลักษณะการเมืองไทยในภาพรวมจะเปลี่ยนไปแบบนี้
2. เพื่อแม้วก็รับลูกกันเป็นทอดๆ
"จับกังเหลิม" ชี้ "เทือก" น้อยใจปชป. เชื่อม็อบไม่เกิน 10 วัน ขู่โทษหนักตัดน้ำ-ไฟสตช.
http://www.manager.c...D=9560000148105
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2556 12:02 น.
นอกจากนี้ การที่นายสุเทพพูดชัดว่าไม่ร่วมกับนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์แล้ว แสดงให้เห็นว่านายสุเทพกำลังน้อยใจพรรคประชาธิปัตย์ จึงเชื่อว่าไม่เกิน 10 วัน จะมาทำม็อบอย่างนี้ได้อย่างไร
3. ปกสุดสัปดาห์ตอกตะปูปิดฝาโลง ยกกำนันเพื่อกดปชป.
4. อ้าว..มาเพิ่ม.... วันนี้ผมเจอ..มีอีกครับ
"ปชป." หางโผล่ลอยแพ “สุเทพ” จุดเปลี่ยนโหมพลัง"ทัพประชาชน"
http://www.manager.c...D=9560000148109
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2556 12:14 น.
เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) แม้มวลชนผู้ชุมนุมจะไม่ได้เคลื่อนไหวใหญ่โตเหมือนช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา แต่ก็ถือเป็นวันที่มี "จุดเปลี่ยน"ครั้งสำคัญของขบวนการต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณเกิดขึ้นถึง 2 จุดสำคัญ
จุดเปลี่ยนแรกก็มาจากการแถลงท่าทีของ "พรรคประชาธิปัตย์"ต่อการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ที่ทำให้บรรดากองเชียร์-แม่ยกผิดหวังไปตามๆ กัน
เมื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ควงคู่มากับ "ชวน หลีกภัย" พร้อมเกณฑ์ ส.ส.มาห้อมล้อมครึ่งค่อนพรรค เพื่อแถลงข่าวใหญ่ประกาศต่อสู้ล้มล้างระบอบทักษิณแต่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ให้เหตุผลว่าเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ต่อไป
โดยจะเดินสายร่วมต่อสู้เคลื่อนไหว "คู่ขนาน" กับมวลชนควบคู่กับการปฏิรูประเทศของภาคประชาชน
การตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการ "ตบหน้า"ประชาชนฉาดใหญ่ เพราะที่ผ่านมา "ม็อบราชดำเนิน"ได้ตระเวนเดินสายขอความร่วมมือข้าราชการ-ประชาชนให้ "บอยคอต"ปฏิเสธอำนาจรัฐบาล และ "อภิสิทธิ์" เองก็พูดย้ำแล้วย้ำอีกว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมไปแล้ว
แต่กลับมา "พลิกลิ้น" ว่ายังต้องทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรดูแลทุกข์สุขประชาชนไม่จำเป็นต้องลาออกไปเพื่อร่วมต่อสู้กับประชาชน
ทั้งๆ ที่เมื่อดูบทบาทที่ "ค่ายสีฟ้า" ต่อสู้ในระบบรัฐสภานอกจากจะไร้ประโยชน์ เพราะแทบไม่สามารถระคายเคืองให้แก่รัฐบาลแม้แต่น้อยโดยเฉพาะในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ทั้งที่สองปีกว่ามานี้"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" เต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์เหวอะหวะแต่ขุนพลประชาธิปัตย์ก็ไม่เห็นขยายแผลได้เลย
ชี้ให้เห็นว่าการทู่ซี้อยู่ในระบบรัฐสภาต่อไปก็ไร้ประโยชน์
งานนี้คนที่ผิดหวังมากที่สุดก็หนีไม่พ้น "สุเทพ เทือสุบรรณ" ที่ลงทุนลงแรงถอดหัวโขนออกมาปลุกปั้นขบวนการโค่นล้มระบอบทรราชทักษิณร่วมกับภาคประชาชนจนติดลมบนกลายเป็น"พลังมวลมหาประชาชน" อย่างที่เห็นกันอยู่
สะท้อนภาพความเลือดเย็นของ "อภิสิทธิ์"ที่กล้าทิ้งแม้กระทั่งคนที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันมาอย่าง "สุเทพ"โดยใช้หลักการมาบังหน้าเช่นเคย
เป็นที่มาของบทปราศรัยที่เรียกว่าคร่ำเครียดที่สุดนับตั้งแต่ออกมานำม็อบตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือนเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาของ "กำนันสุเทพ"ซึ่งเต็มไปด้วยความอึดอัดใจและสะท้อนผิดหวังต่อทิศทางของ"อดีตต้นสังกัด"
ไม่แปลกที่สิ่งที่สะกดไว้ในใจจะพรั่งพรูออกมา โดยหวยก็ไปออกที่"กรณ์ จาติกวณิช" ซึ่งโดน "สุเทพ"สับแหลกถึงคอมเมนต์ที่ไม่เห็นด้วยเรื่องการนำม็อบยึดกระทรวงการคลังอย่างสาดเสียเทเสีย
ทั้งที่รู้กันดีว่าการตัดสินใจยกระดับการชุมนุมเยี่ยมเยือนสถานที่ราชการหลายแห่งรวมทั้งปักหลักพักค้างทั้งที่กระทรวงการคลัง หรือล่าสุดลองมาร์ชเกือบ 20 กม.ไปที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะนั้น "ฟีดแบ็ก"ที่กลับมาเป็นบวกมากกว่าลบ เพราะถือเป็นมาตรการอารยะขัดขืนตามครรลองการต่อสู้ของภาคประชาชนที่สงบอหิงสาปราศจากอาวุธ
คำพูดที่ฝากไปถึง "กรณ์"เป็นอารมณ์ที่เก็บงำในใจมาหลายวัน เพื่อถนอมน้ำใจพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ก่อนเพราะคิดว่าจะเสียสละออกมาร่วมสู้กันเต็มตัว แต่เมื่อ "ค่ายสีฟ้า"แสดงความไร้ใจให้ ก็ไม่มีเหตุผลต้องอมพะนำเอาไว้อีก
นัยคำปราศรัยเมื่อคืนจึงไม่ใช่แค่อาการไม่สบอารมณ์ของ"สุเทพ" ที่มีต่อ "กรณ์" เท่านั้นแต่ฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรค
เพราะเมื่อ "สุเทพ" อยู่ในสถานการณ์ศึกสองหน้าด้านหนึ่งต่อสู้กับระบอบทักษิณ อีกด้านก็ต้องต่อสู้กับพวกเดียวกัน ทำให้ต้องเลือก"ทิ้งบอมบ์" ใส่ "กรณ์" เพื่อดิ้นออกจาก "จุดอับ"ในศึกสองหน้า และมาโฟกัสทำศึกฟาดฟันกับ "ทรราช" เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเพียงอย่างเดียว
ซึ่งส่งให้ "สุเทพ" ไม่ใช่คนของประชาธิปัตย์อีกต่อไปแต่ได้กลายเป็นคนของประชาชนเต็มตัวไปแล้ว
จุดเปลี่ยนที่สอง ก็คือการประกาศของ"หลวงปู่พุทธอิสระ" ขอเป็นแกนนำการชุมนุมและขอรับไม้ต่อหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับ "สุเทพ"ซึ่งก็เป็นผลมาจากคำแถลงของ "อภิสิทธิ์" นั่นเอง
จับสุ้มเสียงของ "หลวงปู่ฯ" ก็พอทำให้ทราบได้ว่าสาเหตุลึกๆ ที่ประกาศตัวมาเป็นแกนนำ ก็เพราะได้ร่วมเคียงคู่ต่อสู้กับ"กำนันสุเทพ" มาโดยตลอด ทำให้เข้าใจและเห็นใจการที่ถูก"คนกันเอง" หักหลังหักอกแบบไม่คิดไม่ฝัน
สิ่งที่พอช่วยได้ก้็คือ การมาร่วมยืนเคียงคู่ในแถวหน้า
ทั้งสองจุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงเป็นการสะท้อนถึงความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ของ "ค่ายสีฟ้า" หวังรอแค่"ส้มหล่น" หากมีการโค่นระบอบทักษิณสำเร็จ ไม่คิดที่จะแสดงความเสียสละหรือแสดงความจริงใจใดๆ
อ้างแค่ครรลองระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา หรือเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่าขอทำหน้าที่ในฐานะ"พรรคการเมือง" ต่อไป ทั้งที่ตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมาการต่อสู้ในฐานะฝ่ายค้านกลับทำให้เรตติ้งของพรรคสาละวันเตี้ยลงๆด้วยพฤติกรรมที่ถ่อยเถื่อนมากขึ้นทุกขณะ
อาการเกาะเก้าอี้ไว้แน่นก็แค่อาการของคนที่จมไม่ลงเท่านั้น
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าตลอดค่ำคืนที่ผ่านมากระแสในสังคมอนนไลน์จะหันมาพุ่งเป้าโจมตีไปยัง "ค่ายสีฟ้า"ดูได้จากหน้าเฟซบุ๊กของ "กรณ์ จาติกวณิช" หรือของ"ประชาธิปัตย์" เองที่ถูกกระหน่ำถล่มตลอดทั้งคืน
ฉายา "พรรคแมลงสาบ"ที่เลือนหายไปพักใหญ่ก็กลับมาหลอกหลอนพรรคเก่าแก่อีกครั้ง
และก็ทำให้คนพวกแรกที่กลายเป็น "โมฆะ"ก่อนใครเพื่อนกลับเป็น "พรรคประชาธิปัตย์"ที่จะไม่ได้อะไรจากการต่อสู้ครั้งนี้ แทนที่จะเป็น "รัฐบาลยิ่งลักษณ์"อย่างที่ตั้งใจกันเอาไว้
ในทางกลับกันก็ส่งผลให้เรตติ้งของ "อดีตกำนันท่าชนะ"พุ่งทะยานสูงขึ้น และเชื่อว่าจะทำให้การต่อสู้ครั้งนี้จะทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อไร้ "ตัวถ่วง" ที่ชื่อ "พรรคประชาธิปัตย์"
อย่างน้อยคนที่เกลียดทักษิณ แต่ไม่ชอบประชาธิปัตย์ก็คงสะดวกใจมากขึ้นในการออกมาแสดงพลังเสริมกำลังร่วมปฏิรูปประเทศกับประชาชนเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
ด้วยพลังการต่อสู้ที่บริสุทธิ์มากขึ้นเมื่อไร้เงา"ประชาธิปัตย์" ทาบทับอยู่ ทำให้เชื่อว่าเสาร์-อาทิตย์นี้ที่เป็น"เส้นตาย" ในการโค่นล้ม "ทรราชทักษิณ"จะมีมวลชนแห่แหนออกมามากกว่าที่ผ่านๆ มา
ความเห็นแก่ตัวของคนบางพวก กลับเสริมพลานุภาพให้"ทัพกำนัน" อย่างไม่น่าเชื่อ
***********************************************************************
มาเพิ่ม #2 จิตอนาถเอาอีก
ถ้า“มาร์ค-กรณ์”ชัดเจน สุเทพ เทือกสุบรรณก็จะปิดจ็อบได้ทันที / จิตตนาถ ลิ้มทองกุล
โดย จิตตนาถ ลิ้มทองกุล 29 พฤศจิกายน 2556 16:47 น.
http://www.manager.c...D=9560000148284
***********************************************************************************
มาเพิ่ม #3
ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ 30 พ.ย. มีอีก!
OMG
http://www.manager.c...D=9560000148394
30 พฤศจิกายน 2556 06:33 น.
“เทพเทือก”บัวที่โผล่พ้นน้ำ “ปชป.” บัวที่ยังอยู่ “ใต้น้ำ”
(ตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทู้)
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ปฏิบัติการของนายสุเทพในการยึดสถานที่ราชการต่างๆ โดยเฉพาะเป้าหมายหลัก 2 แห่งคือ กระทรวงการคลังและศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะนั้น เกิดผลกระทบกระเทือนกับรัฐบาลชุดนี้มากน้อยเพียงใด และจะเป็นปฏิบัติการที่จะนำไปสู่การจัดตั้งสภาประชาชนและการสถาปนาอำนาจรัฐโดยประชาชนได้อย่างไร
เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว เส้นทางเดินของนายสุเทพในขณะนี้ก็มิได้แตกต่างจากที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยใช้ในการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตรคือรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อปี 2551 ด้วยการเคลื่อนทัพประชาชนเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลและปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิแต่ประการใด
มิหนำซ้ำน้ำหนักในการยึดกระทรวงการคลังและศูนย์ราชการของ นายสุ เทพ ดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปริวิตกแต่ประการใด เพราะพวกเขาเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ “นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว”
ดังนั้น สิ่งที่นายสุเทพประกาศว่า การชุมนุมจะปิดฉากภายใน 3 วันคือในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 จึงน่าจะไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นได้ง่ายๆ และมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะต้องสู้แบบยืดเยื้อต่อไป
........................
แต่ที่เด็ดที่สุดคือการที่นายสุเทพประกาศว่า
“ผมสุเทพ เทือกสุบรรณไม่ขอเป็นนายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้ออกมาต่อสู้เพราะความกระสันอยากเป็นนายกฯ แต่มาสู้เพื่อชาติ และไม่ได้คิดต่อสู้ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์บอกผมเองว่า เขาไม่ขอมีตำแหน่งในการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น และไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะแกนนำทั้ง 9 คนลาออกมาแล้ว”
การประกาศดังกล่าวทำให้ประชาชนมั่นใจว่า นายสุเทพไม่ได้ต้องการชุมนุมแค่เพียงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลเหมือนเช่นที่ประชาชนเคยสงสัย หากแต่ต่อสู้ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริง แต่นั่นก็ทำให้นายสุเทพเหลือทางเลือกในชีวิตเพียงแค่ 2 ทางเท่านั้นดังที่ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้คำว่า ไม่เป็น “ผู้นำการปฏิวัติโดยประชาชน” ก็เป็น “กบฏ”
หรือกล่าวง่ายๆ ก็คือ ถ้าแพ้ก็ติดคุกชนิดไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
เหมือนดังที่นายสุเทพกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าวันนี้ผมแพ้ ก็จะยอมเป็นขี้ข้ามันเพราะทำเต็มที่แล้ว”
.......................
นี่ต่างหากคือโจทย์ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนายสุเทพ ดังเช่นที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแจ้งผ่านนายปานเทพ พังพงษ์พันธ์ว่า “ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลขอร้องให้พี่น้องประชาชนที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกไปช่วยคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้มากที่สุด ไปช่วยปกป้องคุ้มครองคุณสุเทพ เทือกสุบรรณที่กระทรวงการคลัง เพื่อการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยให้สำเร็จ”
พร้อมทั้งกล่าวย้ำอีกครั้งในวันต่อมาว่า “ต้องช่วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะถ้าหากแพ้ มันหมายถึงคนไทยทุกคนแพ้ อนาคตประเทศนี้คงจะต้องล่มสลายไปจริงๆ”
แปลไทยเป็นไทยก็คือ ภาคประชาชนจะต้องพร้อมใจกันต่อสู้ด้วยความอดทนและไม่ย่อท้อเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ออกมาชุมนุมเพื่อถ่ายรูปแล้วนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก อินสตราแกรมหรือเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ เท่านั้น
แรงสนับสนุนของนายสนธิเกิดขึ้นหลังจากเห็นแล้วว่า แนวทางในการต่อสู้ของนายสุเทพมิได้ต่างจากแนวคิดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่าใดนัก
ทั้งนี้ เนื่องเพราะประสบการณ์ของนายสนธิที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณมาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับตั้งแต่ปี 2548 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เขารู้ดีว่า ชัยชนะของภาคประชาชนไม่ใช่เป็นสิ่งที่ได้มาโดยง่าย
...........................
**อภิสิทธิ์แทงกั๊ก ปชป.ลอยแพ “สุเทพ”??
อย่างไรก็ดี ก่อนถึงขั้นนั้น พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องร่วมหัวจมท้ายต่อสู้แบบไม่มีกั๊กด้วยการประกาศลาออกจากความเป็น “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)” หมดทั้งพรรคเพื่อดำเนินตามแนวทางของนายสุเทพในการตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศ
นี่คือความยาก
นี่คือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องตัดสินใจว่าจะเป็นบัวที่โผล่พ้นน้ำ หรือ เป็นบัวใต้น้ำที่ติดกับดักความเป็น ส.ส.อย่างไม่ลืมหูลืมตา
..............................
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ก็ย่อมหมายความว่า ความพยายามของนายสุเทพล้มเหลว เพราะแม้ว่าโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเปิดโอกาสมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าระบบเลือกตั้งยังเป็นแบบเดิม พรรคเพื่อไทยก็จะยังคงความได้เปรียบ
แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเลือกเดินไปในแนวทางของนายสุเทพ นั่นหมายความว่า นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์จะต้องปฏิเสธไม่เข้าร่วมรับสมัครเลือกตั้งเพื่อเข้าสู่การปฏิรูปประเทศ
ข้าราชการจะกล้าได้อย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเล่นเกมสองหน้าอย่างนี้
........................
ยิ่งเมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ประกาศท่าทีผ่านการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ทางเดินของนายสุเทพก็ยิ่งคับแคบ
ยิ่งเมื่อนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจแทงกั๊ก หนทางของนายสุเทพก็ยิ่งคับแคบหนักเข้าไปอีก
ด้วยเหตุดังกล่าว การต่อสู้นับจากนี้ไป นายสุเทพจำต้องอาศัยพลังของมวลมหาประชาชนเพื่อสร้างการปฏิรูปประเทศด้วยตนเอง
วันนี้ นายสุเทพคงรู้ซึ้งแล้วว่า พรรคการเมืองที่ตัวเองเคยสังกัดเป็นอย่างไร
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 05:05.