หากคุณสงสัยว่า ทำไมเสียงส่วนน้อยทำผิดกฎหมาย ยึดสถานที่ราชการ
ทำไมไม่รอเลือกตั้ง?
อันดับแรก คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ที่มาของประชาธิปไตยไทย พ.ศ.2475
ไม่ได้มาจากมติของคนส่วนใหญ่
คนไทยสมัยนั้นไม่มีทีวี ไม่มีวิทยุ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีการทำประชามติใดๆทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงการปกครองในครั้งนั้นมาจาก "นักเรียนนอกกลุ่มหนึ่ง" ที่อยากนำระบบของประเทศที่พัฒนาแล้ว เข้ามาใช้ในประเทศไทย เป็นระบบที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าดี ว่าทำให้เกิดการพัฒนา พวกเขาทำสำเร็จ และคนไทยได้ลองใช้ระบบนี้มาตลอด 81 ปี ทั้งๆที่ระบบนี้ใช้ได้กับสถานการณ์หนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
เพราะ ระบอบประชาธิปไตย มีช่องโหว่ และไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% ที่ว่า 1 คน 1 เสียงเท่าเทียมกันนั้น ในความเป็นจริง ระบบนี้สามารถซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันได้ สามารถใช้ "การตลาด" นำการเมือง โดยใช้นโยบายประชานิยม "แจกเงินภาษี" ทำให้ประชาชนหลงงมงายได้ เพื่อให้ได้รัฐมนตรีของตนเข้าไปอยู่ในสภากลายเป็น "สภาทาสของนายทุน" จนสามารถแก้กฎหมายแล้วขายสมบัติชาติให้ต่างประเทศได้ กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทได้ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีคอรัปชั่นก็ยังได้
ประชาธิปไตยของคนไทยในวันนี้จึงกลายเป็น ประชาธิปไตยจอมปลอม เพราะเนื้อแท้ของมันคือ เผด็จการรัฐสภา มีฝ่ายค้านไปก็เหมือนไม่มี เพราะ ส.ส.ของนายทุนไม่สามารถฝ่าฝืนมติพรรคได้ ต้องยกมือให้นายของตัวเอง ทั้งเรื่องถูก เรื่องผิด
คนไทยสมัยนี้โชคดีที่มีข้อมูลข่าวสาร ในขณะที่คนหลายสิบล้านยังหลับไหล คนที่ตื่นรู้จำนวนหนึ่ง ประกาศลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลนอมินี ในหลากหลายวิธีการ แต่ไม่ใช่วิธีนอนอยู่บ้านรอคอยการเลือกตั้ง เพราะเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่สามารถสู้อำนาจเงินของนายทุนได้ เขาจึงต้อง "ฝ่าฝืนกฎหมาย" แต่ไม่ได้ฝ่าฝืนหลัก "จริยธรรม"(ผิด ถูก ดี ชั่ว)
การยึดสถานที่ราชการ "ชั่วคราว" อย่างสงบ และสันติ เพื่อให้รัฐบาลนายทุน หยุดทำงานในทันที เรียกกันว่า "การปฏิวัติยึดอำนาจโดยประชาชน" ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่เปลี่ยนระบอบการปกครองไปเป็น "สมบูรณาญาสิทธิราชย์" และไม่ใช่ "คอมมิวนิสต์"
การเปลี่ยนแปลงในที่นี้ คือ การปฏิรูปประเทศ
ที่ต้องอาศัยพลังจากทุกสาขาอาชีพช่วยกันหาทางออก เช่น บัญญัติข้อกฎหมายใหม่ๆ สรรหาวิธีการเลือกตั้งแบบใหม่ๆ เพื่อจะทำให้เราได้นักการเมืองที่เสียสละจริงๆ ไม่ใช่ซื้อเสียงเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งก็คิดกันได้มากมาย เช่น
1) เพิ่มข้อกฎหมายที่เข้มงวด
- คดีทุจริตคอรัปชั่นไม่มีอายุความ
- ไม่ให้สิทธิ์คนที่มีนามสกุลเดียวกับนักการเมืองทุจริต รับราชการ และตำแหน่งใดๆทางการเมืองตลอด 20 ปี
- นักการเมืองต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ทั้งตระกูล รวมลุงป้าน้าอา คนใช้ คนขับรถ
- ผู้สมัคร ส.ส. ต้องมีหลักฐานการทำประโยชน์ต่อสังคม ไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ฯลฯ
2) สร้างระบบเทคโนโลยีไอทีระดับชาติ
- ระบบแจ้งข้อมูลการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ที่มีรางวัลนำจับ
- ระบบแจ้งปิดเว็บหมิ่น เว็บโป๊ เว็บการพนัน ที่มีรางวัลนำจับ
- ระบบร้องเรียนข้าราชการฉ้อฉล ที่เปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ (ประจาน)
- ระบบเชื่อมโยงข้อมูลญาติพี่น้องนักการเมือง เพื่อไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อน
- ระบบติดตามนักการเมืองด้วย GPS จะได้รู้ว่า ไปไหน ทำอะไร กับใคร
ฯลฯ
3) เพิ่มกรรมวิธีเลือกตั้ง ให้ปราศจากเสียงที่ใช้เงิน
เช่น ก่อนกาบัตรเลือกตั้ง จะมีคำถามวัดความรู้พื้นฐานให้ตอบ 5 ข้อ ผลการเลือกตั้ง คือ ประชาชน 1 สิทธิ์ x คะแนนที่ทำได้ = คุณภาพของตัวแทน
และยังคิดได้อีกเยอะ!
"คนกลุ่มหนึ่ง" ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เพื่อลูกหลานจริงๆ เขาจึงไม่รอเสียงส่วนใหญ่ เพราะยิ่งรอ ประเทศชาติยิ่งเสียหาย (นิรโทษกรรม 4.3 หมื่นล้าน, จำนำข้าวเจ๊ง 3-4 แสนล้าน, กู้เงิน 2.2 ล้านล้านใช้หนี้ 50 ปี ฯลฯ) ผู้ชุมนุมบางส่วนถึงขนาดคิดกันว่า จะขับไล่คนบางตระกูล ให้ออกไปจากแผ่นดินไทยเสียก่อน ซึ่งการขับไล่ในที่นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ ที่คนบางตระกูลไม่สามารถอาศัยอยู่ในแผ่นดินเกิดได้ เพราะอาจโดนรุมประชาทัณฑ์ หรือ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนก่นด่า สาปแช่ง ซึ่งเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เป็นบทเรียนให้ลูกหลานได้รู้ว่า ผลของการโกงชาติบ้านเมืองเป็นอย่างไร
เมื่อบ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่ "ไม่ปรกติ" เงินภาษีประชาชนนับแสนล้านบาทถูกปล้นไปโดยโจรใส่สูท เราจึงเห็นคนนับล้านก่อการปฏิวัติยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร หากภารกิจนี้สำเร็จ เราจะช่วยกัน "สรรหา" คนที่มีความรู้ความสามารถ คนมีชื่อเสียง นักคิด นักวิชาการ รวมทั้งผู้มีบารมีในบ้านเมืองทั้ง อาสา และ แต่งตั้ง เพื่อออกกฎหมายปฏิรูปในประเด็นต่างๆ และบริหารประเทศของเราแบบ ชั่วคราว
อาจใช้เวลาเป็นปีๆ เพื่อให้การปฎิรูปสำเร็จ เพื่อให้ประชาชนตื่นรู้มากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น เราควรจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่ง ประชาธิปไตยโดยประชาชน เพื่อประชาชน และจะไม่มีการชุมนุมเพื่อ "เปลี่ยนขั้ว" เกิดขึ้นอีกต่อไป
ทำไมเสียงส่วนน้อย ไม่ฟังเสียงคนส่วนใหญ่?
..... ถ้าวันหนึ่ง โลกของเราเกิดภัยพิบัติ เกิดสภาวะขาดแคลนอาหาร ถ้าหลายประเทศทั่วโลกทำสงครามแย่งชิงน้ำ คุณก็จะให้ประเทศไทยเข้าร่วมสงคราม เพราะ "เป็นวิธีที่คนทั่วโลกยอมรับ" เช่นเดียวกับที่คิดว่า "ประชาธิปไตยเป็นระบบที่ทั่วโลกยอมรับ"
และถ้ามนุษย์ยึดหลักกฎหมาย โดยไม่อ้างอิงจริยธรรม (ผิด ถูก ดี ชั่ว) เราก็จะเป็นสัตว์ตระกูลหนึ่ง ที่สามารถกินพวกเดียวกันได้เมื่อ "เสียงส่วนใหญ่ต้องการ"
ที่มา : http://www.safelive....iland-Minority/
Edited by จิตบำบัด, 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 22:00.