Jump to content


Photo
- - - - -

ข้อมูลที่ถูกต้องของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์


  • Please log in to reply
1 reply to this topic

#1 wincha

wincha

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 459 posts

Posted 17 December 2013 - 23:52

 

ข้อมูลตามนี้นะครับ...อย่าเข้าใจกันผิดอีกหล่ะ....เห็นด้วยช่วยแชร์ครับ

ท่านทราบไหมว่า วังที่ในหลวงพระทับที่สวนจิตรนั้น เป็นบ้านที่เล็กกว่าบ้านของเศรษฐีไทยหลายพันคน และเล็กกว่าแม้กระทั่งบ้านของอดีต รมต.หลายร้อยคน วังสวนจิตรลดาถึงแม้จะมีบริเวณใหญ่แต่ส่วนที่เป็นที่ประทับมีบริเวณเล็กมาก ที่ดินส่วนใหญ่เป็น โรงเรียน โรงงานทดลองทำปุ๋ย เลี้ยงวัว ทดลองปลูกข้าว

บุคคลทั่วไปก็เข้าไป รร.จิตรลดา ได้โดยขอแลกบัตร ได้ทุกคน จากบริเวณโรงเรียน ก็มองเห็นอาคารที่ประทับได้ห่างออกไปไม่ถึง 100 เมตร

ใครอยากจะเห็นด้วยตาตนเอง ก็เข้าไปดูได้สะดวก ง่ายๆ ผมเห็นว่าพระองค์ท่านกิน อยู่ แบบคนไทยชั้นกลางทั่วไป ไม่ใช่แบบเศรษฐีไทย อย่างแน่นอน

คนซ่อมรองพระบาท (รองเท้า) ของพระองค์ท่าน ได้เล่าให้พวกเราได้รับทราบว่า ท่านจะส่งรองเท้าเก่าท่านมาซ่อมตลอด จนซ่อมไม่ไหว รองพระบาทเก่าคู่นั้น ช่างยังเก็บไว้ให้เราไปดูได้

สมาคมทันตแพทย์ไทย ไปขอพระราชทานหลอดยาสีฟันเก่า ที่ทรงใช้ได้จนหยดสุดท้าย โดยรีดจนหลอดแบนเป็นกระดาษ ไปขอดูที่สมาคมได้

เกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามาก ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตรย์ ที่ฝรั่งไปเอามูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ มารวมว่าเป็นทรัพย์สินของในหลวงด้วยนั้น ไม่ใช่ครับ

ที่เป็นของพระองค์ท่านส่วนพระองค์ มีครับแต่ไม่มาก เรียกว่า "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" และจะต้องเสียภาษีอากรภายใต้กฏหมายเหมือนประชาชนทั่วไป

ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์เดิม ส่วนที่ถูกยึดมาเป็นของรัฐ หลังปฎิวัติ 2475 นั้น ตกเป็นของรัฐทั้งหมด เห็นได้ว่าทรัพย์สินส่วนนี้จึงไม่ต้องเสียภาษี เหมือนส่วนที่เรียกว่า "ทรัพย์สินส่วนพระองค์"

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ให้ รมต.คลังของรัฐบาลเป็นประธานควบคุมดูแล ที่จริงก็คือทรัพย์สมบัติของราชวงค์จักรีเดิม ถูกยึดมาเป็นของกลาง เป็นของรัฐฯ หมดแล้ว หลังจากได้ยึดอำนาจจากระบบปกครองโดยกษัตริย์ โดยรัฐบาลใดๆ ที่ชนะการเลือกตั้งก็จะได้สมบัติที่ยึดมาทั้งหมดนี้ไปดูแล ที่ดินของราชวงค์จำนวนมากก็ถูกยึดมาเรียกว่า ที่ดินราชพัสดุ กระทรวงการคลังดูแล

ธนาคารออมสิน ธนาคารที่ ร.6 ตั้งด้วยเงินส่วนพระองค์เริ่มต้นเอง ปัจจุบันมีเงินเพิ่มพูนเป็นแสนล้าน ก็กลายเป็นธนาคารของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้ระเบียบที่ ร. 6 ท่านวางไว้ เดิมให้เสนาบดีพระคลังเป็นคนดูแล ปัจจุบัน รมต.คลังเป็นคนดูแลเอง ตั้งกรรมการได้เองทั้งคณะ รัฐบาลจึงเอาเงินไปใช้ได้สะดวกมาก พระราชวงค์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในธนาคารเลย

ผมเป็นคนไทยธรรมดา มิได้เกี่ยวข้องเป็นราชนิกูลแต่อย่างใด มีเชื้อสายบรรพบุรุษ เป็นมอญ ลาว จีน มีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น แต่ก็ได้เกิดมาในประเทศไทยที่มีความสุขและมีกษัตริย์ที่ดี ผมจึงรักในหลวงมาก การใส่ร้ายพระองค์ท่านต่างๆในขณะนี้ ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพระองค์ท่านเลย และเริ่มมีคนหลงไหล และเชื่อคำให้ร้ายต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

จึงต้องออกมาชี้แจง ข้อเท็จจริงมีอยู่ พิสูจน์ได้ ใครยังไม่เห็นจริงก็ออกมาโต้ได้ อย่าเชื่อโดยไม่พิสูจน์ก่อน

ขอแสดงความนับถือ
รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อตระกูล ยมนาค

..............................................................
คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมแล้วครับเพราะว่า รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ท่านอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้ว
#กองทัพพระราชา
 
 
 
1484153_755642527782863_1804915994_n.jpg

ขืนเป็นแบบนี้ต่ิอไป.. http://webboard.seri...็นแบบนี้ต่ิอไป/ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ รัฐประหารหรือความเห็นชอบของประชาชน? http://webboard.seri...อเผด็จการ-รัฐป/

#2 Manners

Manners

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 623 posts

Posted 18 December 2013 - 00:53

2475 นั้นก็คือการปล้นพระราชอำนาจ ไม่ว่าจะพูดให้ดูดีอย่างไร ตามแต่ผู้ชนะจะเขียนและบันทึก

หากจะเปรียบเทียบกับเหตุการณ์อื่นๆ ผู้ถูกล้มหรือถูกยึดอำนาจ มักต้องย้ายไปต่างแดน

การทำไม่ให้กลับมามีอำนาจใหม่ การยึดทรัพย์ก็เป็นมาตรการหนึ่ง อันนี้ร่วมไปถึงของพระบรมสานุวงค์ต่างๆด้วย เหมือนเช่นที่รสช.อายัดทรัพย์นักการเมือง 

ดังจะเห็นได้จากวังต่างๆแปรเปลี่ยนไปเป็นสถานที่ราชการ เหลือเพียงแต่บ้างที่ ที่ยอมสยบให้ หรือถูกคณะราษฯใช้เป็นเครื่องมือ ก็พอรอดมาบ้าง

ใครเคยคิดว่า สถาบันฯนั้นล้มไม่ได้ เพราะคนไทยจำนวนมากยังมีความจงรักและภักดี ขอให้ดูเป็นตัวอย่าง อย่านิ่งดูดาย อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ 

ทั้งๆที่ในสมัยนั้น คนที่กล้าต่อต้านมีเปอร์เซนน้อยกว่ามากและผู้คนยังมีความยำเกรงมากกว่าปัจจุบันเสียอีก

 

แต่สิ่งที่เห็นว่าเวรกรรมมีจริงก็พอดูได้จาก การจากไปของคณะราษฯแต่ละคน

แต่การให้เวรกรรมตามทันนั้นประเทศและสถาบันฯก็จะเสียหายไปแล้ว ดังนั้นสู้เราทำให้ไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่2น่าจะประเสริฐสุด


Edited by Manners, 18 December 2013 - 08:40.





1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users