ต้นเหตุของปัญหาคือจำนวนคนมันเพิ่มจากเมื่อก่อนแบบไม่มีการคุมครับ คนมันเยอะขึ้นมาก แต่ทรัพยากรมันเท่าเดิม นี่คือรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง ซึ่งเป็นกันหมดทุกประเทศครับ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย
ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมอภิปรายครับ
#102
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 13:54
ต้นเหตุของปัญหาคือจำนวนคนมันเพิ่มจากเมื่อก่อนแบบไม่มีการคุมครับ คนมันเยอะขึ้นมาก แต่ทรัพยากรมันเท่าเดิม นี่คือรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง ซึ่งเป็นกันหมดทุกประเทศครับ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย
ผมขอยกคำกล่าวของท่านมหาตมะคานธีมานะครับ ...
ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้น มีเพียงพอต่อความจำเป็นของมนุษย์ทุกคน แต่จะไม่เพียงพอต่อความโลภของคนเพียงหนึ่งคน ...
คงจะพออธิบายปรากฏการณ์ความแตกแยกในสังคมไทยที่เกิดขึ้นอยู่นี้ได้บางส่วน ...
- อู๋ ฮานามิ and temp like this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#103
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:02
อันที่จริงจะชี้นิ้วป้ายความผิดไปที่พวกแลนด์ลอร์ด เจ้าที่ดิน เก็งกำไรที่ดิน ฯลฯ ว่าเป็นคนผิด ที่กอบโกยแก่งแย่งปัจจัยการผลิตไปจากเกษตรกรแต่เพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ค่อยจะถูกนัก ด้วยสถานะการมีอีชีพอยู่ในวงจรเก็งกำไรที่ดิน ที่ไหนที่สามารถซื้อได้ถูกแล้วคิดว่าจะขายได้แพงมีมาจิ้นสูง ก็กว้านซื้อใว้ ต้องมารับรู้ด้วยเหรอว่าอันนี้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตร อันนั้นเป็นที่ดินเพื่อทำที่พักอาศัย
อันที่จริง เป็นความผิดของคนทั้งสังคม ทุกชนชั้น ที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น โดยไม่นำพาเอาใจใส่ปัญหาของเพื่อนร่วมชาติที่ถูกผลักออกไปอยู่ชายขอบของสังคม ก่อปัญหาความเหลื่อมล้ำ ขาดการเข้าถึงโอกาศทางการศึกษา ก่อปัญหาเด็กกำพร้า-เด็กเร่ร่อนตามมา ความรู้สึกผมเหมือนทุกคนมองปัญหาเหล่านี้ด้วยหางตาแล้วก็เบือนหน้าหนีไป ไม่นำพา ไม่ใช่ธุระของตัว ประมาณนั้น
- Gop likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#104
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:04
5 ปี ปัญหาความเหลื่มล้ำหมดไปจากประเทศนี้
10 ปี ก้าวขึ้นสู่การเป็นชาติพัฒนาแล้ว
ถ้าทำตามแนวทางที่ผมบอกโดยระเอียดทุกขั้นตอน
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#105
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:58
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
#106
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:23
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
Edited by เช never die, 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:29.
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#107
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:02
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
แล้วทำไมชาวนาจะไม่เลือกโครงการรับจำนำหละครับ ในเมื่อเค้าชอบ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่เสนอ นโยบายโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร อาจจะจำกัดปริมาณ แต่จะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากขึ้น
Edited by สมชัย พิชัย, 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:10.
#108
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:18
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
แล้วทำไมชาวนาจะไม่เลือกโครงการรับจำนำหละครับ ในเมื่อเค้าชอบ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่เสนอ นโยบายโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร อาจจะจำกัดปริมาณ แต่จะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากขึ้น
ตอนเลือก ชาวนาก็ไม่รู้นี่ครับว่าต้องมานั่งกอดใบประทวน 4 - 6 เดือน กว่าจะได้เงิน
แต่โคงการประกันรายได้ ข้าวถึงโรงสี ก็ไปรับเงินที่ ธกส.ได้เลย
ที่สำคัญ ชาวนาเค้าต้องไมรู้แน่ๆว่า "ภาระการคลัง" คืออะไร
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#109
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:22
ไอเรื่องนั่งกอดใบประทวนนานๆนี่ ปชป.ก็อ่อน ปชส.เหมือนเดิม
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#110
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:27
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
แล้วทำไมชาวนาจะไม่เลือกโครงการรับจำนำหละครับ ในเมื่อเค้าชอบ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่เสนอ นโยบายโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร อาจจะจำกัดปริมาณ แต่จะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากขึ้น
ตอนเลือก ชาวนาก็ไม่รู้นี่ครับว่าต้องมานั่งกอดใบประทวน 4 - 6 เดือน กว่าจะได้เงิน
แต่โคงการประกันรายได้ ข้าวถึงโรงสี ก็ไปรับเงินที่ ธกส.ได้เลย
ที่สำคัญ ชาวนาเค้าต้องไมรู้แน่ๆว่า "ภาระการคลัง" คืออะไร
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
#111
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:26
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
แล้วทำไมชาวนาจะไม่เลือกโครงการรับจำนำหละครับ ในเมื่อเค้าชอบ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่เสนอ นโยบายโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร อาจจะจำกัดปริมาณ แต่จะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากขึ้น
ตอนเลือก ชาวนาก็ไม่รู้นี่ครับว่าต้องมานั่งกอดใบประทวน 4 - 6 เดือน กว่าจะได้เงิน
แต่โคงการประกันรายได้ ข้าวถึงโรงสี ก็ไปรับเงินที่ ธกส.ได้เลย
ที่สำคัญ ชาวนาเค้าต้องไมรู้แน่ๆว่า "ภาระการคลัง" คืออะไร
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
ตอบแทยชาวนาไม่ได้ครับ มันมีหลายเหตุหลายปัจจัย
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#112
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:30
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
แล้วทำไมชาวนาจะไม่เลือกโครงการรับจำนำหละครับ ในเมื่อเค้าชอบ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่เสนอ นโยบายโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร อาจจะจำกัดปริมาณ แต่จะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากขึ้น
ตอนเลือก ชาวนาก็ไม่รู้นี่ครับว่าต้องมานั่งกอดใบประทวน 4 - 6 เดือน กว่าจะได้เงิน
แต่โคงการประกันรายได้ ข้าวถึงโรงสี ก็ไปรับเงินที่ ธกส.ได้เลย
ที่สำคัญ ชาวนาเค้าต้องไมรู้แน่ๆว่า "ภาระการคลัง" คืออะไร
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
ตอบแทยชาวนาไม่ได้ครับ มันมีหลายเหตุหลายปัจจัย
ผมว่าวิธีการดังกล่าว ไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากประชานิยมได้ครับ เพราะไม่ได้ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในระบอบประชาธิปไตย เน้นไปทางสังคมนิยมมากกว่า
#113
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:07
ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ
อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ
ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง ....
ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง
มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด
แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ
ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ
แล้วทำไมชาวนาจะไม่เลือกโครงการรับจำนำหละครับ ในเมื่อเค้าชอบ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่เสนอ นโยบายโครงการจำนำผลผลิตการเกษตร อาจจะจำกัดปริมาณ แต่จะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมากขึ้น
ตอนเลือก ชาวนาก็ไม่รู้นี่ครับว่าต้องมานั่งกอดใบประทวน 4 - 6 เดือน กว่าจะได้เงิน
แต่โคงการประกันรายได้ ข้าวถึงโรงสี ก็ไปรับเงินที่ ธกส.ได้เลย
ที่สำคัญ ชาวนาเค้าต้องไมรู้แน่ๆว่า "ภาระการคลัง" คืออะไร
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
ตอบแทยชาวนาไม่ได้ครับ มันมีหลายเหตุหลายปัจจัย
ผมว่าวิธีการดังกล่าว ไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากประชานิยมได้ครับ เพราะไม่ได้ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในระบอบประชาธิปไตย เน้นไปทางสังคมนิยมมากกว่า
งั้นเดี๋ยวก่อน เรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนเรื่องประชานิยม ในความคิดคุณ ประชานิยมดีหรือไม่ดีครับ
- แสงธูป likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#114
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:42
ประชานิยม ต้องให้คนทั้งประเทศได้ประโยชน์ ไม่เฉพาะฐานเสียงพรรคตัวเอง
พรรคการเมืองจะต้องไม่แข่งประชานิยมมากเกินไป และประชาชนต้องนึกถึง ประโยชน์ของชาติและส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ
และไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ โดยรวม
#115
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:31
ประชานิยม ต้องให้คนทั้งประเทศได้ประโยชน์ ไม่เฉพาะฐานเสียงพรรคตัวเอง
พรรคการเมืองจะต้องไม่แข่งประชานิยมมากเกินไป และประชาชนต้องนึกถึง ประโยชน์ของชาติและส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ
และไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ โดยรวม
ถูกต้องที่ซู้ดดด....
เราเข้าใจตรงกันแล้ว
ทีนี้เราจะควบคุมบันดาพรรคการเมืองไม่ให้แข่งกันเกทับบลัฟแหลกโครงการประชานิยมจนเศรษฐกิจชาติพังพินาศได้อย่างไร ...
เรื่องนี้ต้องบันจุลงในพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ หัวข้อการเลือกตั้ง - พรรคการเมือง - การควบคุมนโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมือง
ที่จริงเรื่องนี้ผมเคยวิเคราะห์ใว้นานแล้ว มีทางออกให้หลายทาง แต่ใว้เดี๋ยวมาต่อครับ ....
- สมชัย พิชัย and Vekakav Vkkn like this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#116
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:23
ปัญหาความเหลื่อมล้ำ พุดไม่ยาก แต่คนที่คิดว่าตนเลื่อมล้ำยากที่จะเข้าใจ เช่น
1. ครอบครับเพื่อนผม โคตรจนเลย ข้ามน้ำข้ามทะเล มาจากจีนแท้ๆ เงินทองไม่ต้องพูดถึง การศึกษาไม่จบหรอกเพราะคนจีนจะเอาไรโอกาสไหนมาเรียน หนีเรือมาก็กินข้าวต้ม อมก้อนหินคลุกเกลือ แต่สุดท้ายเก็บหอมริบ สร้างตัวเป็นเจ้าของบริษัท มีเงินเลี้ยงลูกสบาย แต่ตัวเขาเองก็อดออม การที่ลูกเขาสบาย มัีโอกาศสูง มันเหลือล้ำจริงหรือไม่ คนที่เลื่อมล้ำคงคิดแต่เพียงว่า ก็เพราะเขารวยหนิ โทษฟ้า วาสนา สุดท้ายลงเอยด้วยการบูชาคนคนมีเงิน
2. ครอบครัวตัวเอง พ่อและพี่สาวก็เดินเท้าจากภาคอีสาน มาต่อรถเพื่อนั่งเข้ามาหางานในกรุงเทพ (นี่ไม่ได้โม้) เพราะสมัยก่อนเหมือนในหนังแหละ เดินตามทางเกวียนค้าขาย กว่าจะมีรถราเข้ามาได้ก็ต้องใช้โคราชเป็นจุดต่อ มีเงินไม่กี่บาท ก็มาเริ่มทำงานโรงงาน รับจ้างแม่บ้านคนใช้ สุดท้ายคนเรามันพัฒนากันได้ ก็เป็นหัวงานในโรงงานไป ส่วนป้าๆ ก็เก็บหอมรอมริบเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง จากที่ต้องเช่าบ้าน ก็มีบ้านตัวเอง ที่นามรดกตกทอดก้ไม่เคยขาย เพราะยังมี 2 ตีน สมัยนี้ที่บ้านๆ ว่างๆ ก็ยังกลับไปทำงาน รอข้าวโตก็กลับไปเกี่ยวมากินกันเอง แล้วคนที่บอกอยู่ชนบท รัรทดค้นแค้นใจ คิดอะไรกันอยู่ ในเมือง โอกาสมีทุกคนเท่ากันหมดบนโลกนี้แหละ ทำไมไม่ตั้งคำถามละว่า คนบางคนจนชิพหาย ยังอดทนส่งลูกได้จบเป็นหมอมีเงินทองร่ำรวย
3. ข้างบ้านผมรวย แต่ก็มาจากชนบท เป็นเด็กบ้านนอกจริงๆ เชื่อได้เลย แต่อดทนขยันมาก มีรถราบ้านช่อง 2 หลังติดกัน ลูกเรียนสบาย แต่เป็นเสื้อแดง แล้วก็บอกว่า เพราะสังคมไม่เข้าใจคนจน เอาใจคนรวย อะไรก็เหลื่อมล้ำ ต้องทักษิรเท่านั้นชาติเจริญ แต่ผมก็งงกว่า ในช่วงที่เขารวยมาได้ ทักษิณยังเป็นวุ้น แล้วเจารวยมาเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ตัวเอง? ประเภทนี่ก็โคตรงง....
บาง ครั้งคนเรามันก็คิดไปเอง ขาดทั้งไอเดีย ทั้งความกล้าหาญ ความมั่นใจ โอกาสทางการศึกษา และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางครั้งมันก็ตีโจทย์ถึงการสร้างเนื้อตัวไม่ได้หมด แต่ก็สร้างขึ้นในรุ่นหลานได้ บางคนโทษฟ้าดินยังไงก็แบบนั้น แทนที่จะส่งเสียให้เรียนดี คิดดี ก็สนับสนุนมันให้ขี่แมงกะไซต์ไปตีตามงานวัด ถูกจับแล้วจับอีก หรือเกณฑ์ทหารติดเป็นลมยังกะจะพาลูกไปตาย จนสุดท้ายมันก็เป็นวงกลมที่หมุนเวียนแค่นั้น
อันนี้ผมพูดในมุมมองของ ผมนะครับ ว่า วันหนึง คุณรู้จักสร้างตัวเองได้ ดันตัวเองให้ดีขึ้นมาได้ ประชานิยมอะไรวันนั้นมันเป็นแค่ผลพลอยได้ในชีวิตและอาจจะเป็นคำตอแหลของพวก นักการเมือง ผมคิดเองเออเอง บนปัจจัยเท็จจริงว่า คนไทยบางส่วน (มาก) ขาดความกล้าหาญและความทะเยอทะยานในการถีบตัวเองจริงๆ มันเลยไม่เหมือนฝรั่งมั่งค่าที่แบบว่า วันนึงขอทานจะกลายมาเป็นคนรวย กูจะจนก็อย่ามาเรียกว่าจน เพราะเขายังมีอีโก้ นิทานแบบนี้ไทยมีเล่าไม่รู้จบจากสังคมส่วนใหญ่ และก็เป็นจริงไม่รู้กี่ราย แต่ทำไมบางคนชอบจังที่จะนั่งถอนหายใจ แล้วบ่น... ใช่สิ เรามันคนเขามัน "เกิดมารวย" มันก็ไม่ใช่ทุกคนจะเกิดมารวยหมดนี่หว่า คิดกันไปเอง....
สรุป คนว่าเราต้องปฏิรูปตัวเองก่อน จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร...ทุกวันนี้เราๆ ยังเห็นตายายเดินขายขนม ไม้กวาด มากมาย ถามว่าแม้จะได้ไม่กี่บาท แต่เขาเลือกที่จะทำหากินมากกว่านั่งขอและคิดเอาเองว่าจะมีนักการเมืองมาช่วยหรือเปล่า...มันขาดการสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเองจริงๆ การศึกษาก็ดี ถ้าทุกคนที่ได้เรียนดีทั้งหมด แต่เรียนไปแล้วไม่รู้จักการประยุกต์และเรียนรู้ ก็เหมือนเรียนแล้ว จบมาก็นอนขี้เกียจอยู่บ้านแล้วบ่นว่าตกงาน 555
- เช never die and บางสิบหมื่น like this
Savoir…
Savoir parler…
Savoir parler pour ne rien dire…
#117
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:41
ประชานิยม ต้องให้คนทั้งประเทศได้ประโยชน์ ไม่เฉพาะฐานเสียงพรรคตัวเอง
พรรคการเมืองจะต้องไม่แข่งประชานิยมมากเกินไป และประชาชนต้องนึกถึง ประโยชน์ของชาติและส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ
และไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ โดยรวม
ถูกต้องที่ซู้ดดด....
เราเข้าใจตรงกันแล้ว
ทีนี้เราจะควบคุมบันดาพรรคการเมืองไม่ให้แข่งกันเกทับบลัฟแหลกโครงการประชานิยมจนเศรษฐกิจชาติพังพินาศได้อย่างไร ...
เรื่องนี้ต้องบันจุลงในพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ หัวข้อการเลือกตั้ง - พรรคการเมือง - การควบคุมนโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมือง
ที่จริงเรื่องนี้ผมเคยวิเคราะห์ใว้นานแล้ว มีทางออกให้หลายทาง แต่ใว้เดี๋ยวมาต่อครับ ....
ผมว่าเป็นคำถามที่มีคำตอบเดียวกันกับ จะทำอย่างไรให้ประชาชนไม่ขายเสียง
ผมเชื่อว่าวิธีที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ ที่ประชาชนไม่ขายเสียง (ต่อให้มีคนมาซื้อ ถ้าไม่ขายก็ไม่มีผล เพราะเราห้ามคนซื้อไม่ได้ ตราบใดที่มีคนขาย คนมันจะขาย ยังไงก็มีคนซื้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง)
และไม่เสพประชานิยมจนหน้ามืดตามัว คือ การผลักดันการมีส่วนร่วมในการบริหารท้องถิ่น ผ่านสภาประชาชนในระดับท้องถิ่น (สภาประชาชนที่แท้จริง ต้องเกิดในระดับท้องถิ่น หรือระดับล่างก่อน)
โดยสภาประชาชนสามารถกำหนดนโยบาย และจัดการทรัพยากรของท้องถิ่นได้เอง ดังนั้นทุกๆการเลือกของประชาชน จะมีผลกระทบใกล้ตัวเองมาก ทำให้ตระหนักถึงอำนาจของการเลือก คนดี คนเลว นโยบายประชานิยม หรือนโยบายยั่งยืน ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจอยู่ในการปฏิรูปประเทศอยู่แล้ว
หากทุกคนในท้องถิ่นมีสำนึก ก็จะไม่ต้องออกกฏระเบียบอะไรมากมายให้เป็นที่ขัดแย้ง หรือถ่วงการพัฒนาของฝ่ายบริหารได้ (ผมฝันว่าซักวันหนึ่ง กฏหมายการซื้อเสียงจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะนักการเมืองที่ซื้อเสียงจะถูกลงโทษโดยประชาชนเอง)
- เช never die likes this
#118
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:02
ประชานิยม ต้องให้คนทั้งประเทศได้ประโยชน์ ไม่เฉพาะฐานเสียงพรรคตัวเอง
พรรคการเมืองจะต้องไม่แข่งประชานิยมมากเกินไป และประชาชนต้องนึกถึง ประโยชน์ของชาติและส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ
และไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ โดยรวม
ถูกต้องที่ซู้ดดด....
เราเข้าใจตรงกันแล้ว
ทีนี้เราจะควบคุมบันดาพรรคการเมืองไม่ให้แข่งกันเกทับบลัฟแหลกโครงการประชานิยมจนเศรษฐกิจชาติพังพินาศได้อย่างไร ...
เรื่องนี้ต้องบันจุลงในพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ หัวข้อการเลือกตั้ง - พรรคการเมือง - การควบคุมนโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมือง
ที่จริงเรื่องนี้ผมเคยวิเคราะห์ใว้นานแล้ว มีทางออกให้หลายทาง แต่ใว้เดี๋ยวมาต่อครับ ....
ผมว่าเป็นคำถามที่มีคำตอบเดียวกันกับ จะทำอย่างไรให้ประชาชนไม่ขายเสียง
ผมเชื่อว่าวิธีที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ ที่ประชาชนไม่ขายเสียง (ต่อให้มีคนมาซื้อ ถ้าไม่ขายก็ไม่มีผล เพราะเราห้ามคนซื้อไม่ได้ ตราบใดที่มีคนขาย คนมันจะขาย ยังไงก็มีคนซื้อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง)
และไม่เสพประชานิยมจนหน้ามืดตามัว คือ การผลักดันการมีส่วนร่วมในการบริหารท้องถิ่น ผ่านสภาประชาชนในระดับท้องถิ่น (สภาประชาชนที่แท้จริง ต้องเกิดในระดับท้องถิ่น หรือระดับล่างก่อน)
โดยสภาประชาชนสามารถกำหนดนโยบาย และจัดการทรัพยากรของท้องถิ่นได้เอง ดังนั้นทุกๆการเลือกของประชาชน จะมีผลกระทบใกล้ตัวเองมาก ทำให้ตระหนักถึงอำนาจของการเลือก คนดี คนเลว นโยบายประชานิยม หรือนโยบายยั่งยืน ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจอยู่ในการปฏิรูปประเทศอยู่แล้ว
หากทุกคนในท้องถิ่นมีสำนึก ก็จะไม่ต้องออกกฏระเบียบอะไรมากมายให้เป็นที่ขัดแย้ง หรือถ่วงการพัฒนาของฝ่ายบริหารได้ (ผมฝันว่าซักวันหนึ่ง กฏหมายการซื้อเสียงจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะนักการเมืองที่ซื้อเสียงจะถูกลงโทษโดยประชาชนเอง)
ที่กล่าวมาแล้ว ดีครับ แต่เรื่องนี้รอการสร้างจิตสำนึกของคนในชาติไม่ได้ เศรษฐกิจชาติจะพังพินาศเสียก่อน
ผมเสนออีกวิธีหนึ่ง ไม่ต้องรอสร้างค่านิยม เพราะมันใช้เวลานาน ผมเสนอให้ออกกฏหมายใหัพรรคการเมืองแต่ละพรรคการเมืองนำเสนอนโยบายที่เกี่ยวกับประชานิยมได้เพียง 1 - 2 โครงการ ในงบประมาณที่จำกัดเช่น 2 - 3 หมื่นล้านบาท เท่าๆกัน โครงการจะเหมือนหรือต่างกันก็ได้ และพรรคที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะเป็นผู้พิจารณานำโครงการที่พรรคหรือพรรคร่วมหาเสียงใว้มาปฏิบัติจริง ไม่เกิน 1 - 2 หรือแล้วแต่ที่ประชุมสมัชชาปฏิรูปจะเห็นพ้องต้องกัน
แบบนี้จะทำให้นโยบายหาเสียงประชานิยมของแต่ละพรรค ไม่เป็นภาระกับงบประมาณชองประเทศมากนัก ผมเคยคิดจะเสนอให้ตั้งงบประมาณประชานิยมตามสัดส่วนของจีดีพี แต่วิธีนี้มันจะวนกลับมาที่เก่าคือ พรรคหนึ่งหาเงิน พอเศรษฐกิจดี อีกพรรคก็เข้ามาใช้เงินจนเศรษฐกิจแย่ วนเวียนแบบที่ผ่านๆมา ก็เลยเสนอทางเลือกให้ตั้งงบประมาณตายตัวให้แต่ละพรรคเอาไปเล่นเท่าๆกัน
แถมวิธีนี้มันจะช่วยป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองล้วงเอาเงินคงคลังของชาติไปซื้อเสียงล่วงหน้าด้วยนโยบายประชานิยม ซึ่งมันจะก่อหายนะต่อระบบเศรษฐกิจชาติทั้งระบบในระยะยาวครับ
น่าสนใจป่ะ
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#119
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:08
ปัญหาความเหลื่อมล้ำ พุดไม่ยาก แต่คนที่คิดว่าตนเลื่อมล้ำยากที่จะเข้าใจ เช่น
1. ครอบครับเพื่อนผม โคตรจนเลย ข้ามน้ำข้ามทะเล มาจากจีนแท้ๆ เงินทองไม่ต้องพูดถึง การศึกษาไม่จบหรอกเพราะคนจีนจะเอาไรโอกาสไหนมาเรียน หนีเรือมาก็กินข้าวต้ม อมก้อนหินคลุกเกลือ แต่สุดท้ายเก็บหอมริบ สร้างตัวเป็นเจ้าของบริษัท มีเงินเลี้ยงลูกสบาย แต่ตัวเขาเองก็อดออม การที่ลูกเขาสบาย มัีโอกาศสูง มันเหลือล้ำจริงหรือไม่ คนที่เลื่อมล้ำคงคิดแต่เพียงว่า ก็เพราะเขารวยหนิ โทษฟ้า วาสนา สุดท้ายลงเอยด้วยการบูชาคนคนมีเงิน
2. ครอบครัวตัวเอง พ่อและพี่สาวก็เดินเท้าจากภาคอีสาน มาต่อรถเพื่อนั่งเข้ามาหางานในกรุงเทพ (นี่ไม่ได้โม้) เพราะสมัยก่อนเหมือนในหนังแหละ เดินตามทางเกวียนค้าขาย กว่าจะมีรถราเข้ามาได้ก็ต้องใช้โคราชเป็นจุดต่อ มีเงินไม่กี่บาท ก็มาเริ่มทำงานโรงงาน รับจ้างแม่บ้านคนใช้ สุดท้ายคนเรามันพัฒนากันได้ ก็เป็นหัวงานในโรงงานไป ส่วนป้าๆ ก็เก็บหอมรอมริบเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง จากที่ต้องเช่าบ้าน ก็มีบ้านตัวเอง ที่นามรดกตกทอดก้ไม่เคยขาย เพราะยังมี 2 ตีน สมัยนี้ที่บ้านๆ ว่างๆ ก็ยังกลับไปทำงาน รอข้าวโตก็กลับไปเกี่ยวมากินกันเอง แล้วคนที่บอกอยู่ชนบท รัรทดค้นแค้นใจ คิดอะไรกันอยู่ ในเมือง โอกาสมีทุกคนเท่ากันหมดบนโลกนี้แหละ ทำไมไม่ตั้งคำถามละว่า คนบางคนจนชิพหาย ยังอดทนส่งลูกได้จบเป็นหมอมีเงินทองร่ำรวย
3. ข้างบ้านผมรวย แต่ก็มาจากชนบท เป็นเด็กบ้านนอกจริงๆ เชื่อได้เลย แต่อดทนขยันมาก มีรถราบ้านช่อง 2 หลังติดกัน ลูกเรียนสบาย แต่เป็นเสื้อแดง แล้วก็บอกว่า เพราะสังคมไม่เข้าใจคนจน เอาใจคนรวย อะไรก็เหลื่อมล้ำ ต้องทักษิรเท่านั้นชาติเจริญ แต่ผมก็งงกว่า ในช่วงที่เขารวยมาได้ ทักษิณยังเป็นวุ้น แล้วเจารวยมาเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ตัวเอง? ประเภทนี่ก็โคตรงง....
บาง ครั้งคนเรามันก็คิดไปเอง ขาดทั้งไอเดีย ทั้งความกล้าหาญ ความมั่นใจ โอกาสทางการศึกษา และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางครั้งมันก็ตีโจทย์ถึงการสร้างเนื้อตัวไม่ได้หมด แต่ก็สร้างขึ้นในรุ่นหลานได้ บางคนโทษฟ้าดินยังไงก็แบบนั้น แทนที่จะส่งเสียให้เรียนดี คิดดี ก็สนับสนุนมันให้ขี่แมงกะไซต์ไปตีตามงานวัด ถูกจับแล้วจับอีก หรือเกณฑ์ทหารติดเป็นลมยังกะจะพาลูกไปตาย จนสุดท้ายมันก็เป็นวงกลมที่หมุนเวียนแค่นั้น
อันนี้ผมพูดในมุมมองของ ผมนะครับ ว่า วันหนึง คุณรู้จักสร้างตัวเองได้ ดันตัวเองให้ดีขึ้นมาได้ ประชานิยมอะไรวันนั้นมันเป็นแค่ผลพลอยได้ในชีวิตและอาจจะเป็นคำตอแหลของพวก นักการเมือง ผมคิดเองเออเอง บนปัจจัยเท็จจริงว่า คนไทยบางส่วน (มาก) ขาดความกล้าหาญและความทะเยอทะยานในการถีบตัวเองจริงๆ มันเลยไม่เหมือนฝรั่งมั่งค่าที่แบบว่า วันนึงขอทานจะกลายมาเป็นคนรวย กูจะจนก็อย่ามาเรียกว่าจน เพราะเขายังมีอีโก้ นิทานแบบนี้ไทยมีเล่าไม่รู้จบจากสังคมส่วนใหญ่ และก็เป็นจริงไม่รู้กี่ราย แต่ทำไมบางคนชอบจังที่จะนั่งถอนหายใจ แล้วบ่น... ใช่สิ เรามันคนเขามัน "เกิดมารวย" มันก็ไม่ใช่ทุกคนจะเกิดมารวยหมดนี่หว่า คิดกันไปเอง....
สรุป คนว่าเราต้องปฏิรูปตัวเองก่อน จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร...ทุกวันนี้เราๆ ยังเห็นตายายเดินขายขนม ไม้กวาด มากมาย ถามว่าแม้จะได้ไม่กี่บาท แต่เขาเลือกที่จะทำหากินมากกว่านั่งขอและคิดเอาเองว่าจะมีนักการเมืองมาช่วยหรือเปล่า...มันขาดการสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเองจริงๆ การศึกษาก็ดี ถ้าทุกคนที่ได้เรียนดีทั้งหมด แต่เรียนไปแล้วไม่รู้จักการประยุกต์และเรียนรู้ ก็เหมือนเรียนแล้ว จบมาก็นอนขี้เกียจอยู่บ้านแล้วบ่นว่าตกงาน 555
ต้องทำใจให้เป็นกลาง ถอยออกมาให้ห่างๆ แล้วมองกลับเข้าไปใหม่อย่างเป็นระบบครับ ที่คุณบรรยายมาผมไม่เถียงซักคำเลยครับ แต่ทั้งหมดนี้ขออภัยสำหรับผมถ้าจะบอกว่า มันเป็นประเด็นปลีกย่อยที่พวกเราเห็นกันทุกวันจนคุ้นขินตา แล้วทำให้มองภาพรวมไม่ออก
ที่จริงผมอธิบายปรากฏการณ์ที่คุณบันยายมาได้หมด แต่ที่ผมได้แสดงความเห็นมาได้อธิบายไปหมดแล้วครับ ลองอ่่านไล่ตั้งแต่หน้าแรกมาทีละบันทัดครับ
- Vekakav Vkkn likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#120
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:32
จำกัดนโยบายประชานิยม แล้วก็ต้องมานั่งตีความอีกว่า อะไรคือนโยบายประชานิยม เดือดร้อนไปยันศาลอีกครับงานนี้
เรื่องการสร้างจิตสำนึกของคนในชาติ แบบเศรษฐกิจชาติไม่พังพินาศเสียก่อนก็ได้ครับ เพียงแต่จำกัดวงเป็นจังหวัดจัดการตนเองได้ ใช้ทรัพยากรภาษีของจังหวัด ส่งคืนส่วนกลางเป็นค่าบริหารจัดการ 30 หรือ 40%
โดยรัฐบาลกลางดำเนินการเรื่องการป้องกันประเทศ ด้านนโยบายต่างประเทศ การรถไฟ การบิน และการคมนาคมอื่นๆ ด้านการเงิน ด้านกฎหมายอาญา ฯลฯ (อุดหนุนในบางจังหวัดที่มีความจำเป็นในการพัฒนา)
ส่วนบริหารท้องถิ่นมีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษากฎหมาย การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัด
ดังนั้นหากจังหวัดใดนิยมประชานิยม ก็สามารถเลือกรัฐบาลท้องถิ่นมาหว่านเงินได้เต็มที่เลย โดยไม่กระทบต่อจังหวัดอื่นๆ ที่เลือกนโยบายระยะยาวในการพัฒนา
- Gop, เช never die, annykun and 1 other like this
#121
ตอบ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:51
จำกัดนโยบายประชานิยม แล้วก็ต้องมานั่งตีความอีกว่า อะไรคือนโยบายประชานิยม เดือดร้อนไปยันศาลอีกครับงานนี้
เรื่องการสร้างจิตสำนึกของคนในชาติ แบบเศรษฐกิจชาติไม่พังพินาศเสียก่อนก็ได้ครับ เพียงแต่จำกัดวงเป็นจังหวัดจัดการตนเองได้ ใช้ทรัพยากรภาษีของจังหวัด ส่งคืนส่วนกลางเป็นค่าบริหารจัดการ 30 หรือ 40%
โดยรัฐบาลกลางดำเนินการเรื่องการป้องกันประเทศ ด้านนโยบายต่างประเทศ การรถไฟ การบิน และการคมนาคมอื่นๆ ด้านการเงิน ด้านกฎหมายอาญา ฯลฯ (อุดหนุนในบางจังหวัดที่มีความจำเป็นในการพัฒนา)
ส่วนบริหารท้องถิ่นมีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษากฎหมาย การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัด
ดังนั้นหากจังหวัดใดนิยมประชานิยม ก็สามารถเลือกรัฐบาลท้องถิ่นมาหว่านเงินได้เต็มที่เลย โดยไม่กระทบต่อจังหวัดอื่นๆ ที่เลือกนโยบายระยะยาวในการพัฒนา
กกต.มีหน้าที่พิจารณา อันไหนเป็นนโยบายประชานิยม อันไหนเป็นนโยบายตามแผนพันาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ส่วนการปฏรูปท้องถิ่นที่คุณกล่าวถึง ผมเสนอให้มีการเลือกตั้งคานอำนาจกันตั้งแต่ระดับจังหวัดใน 4 ตำแหน่งครับ นั่นก็คือ....
1.เลือกตั้งผู้ว่าโดยตรง เอารูปแบบของกรุงเทพไปใช้ได้เลย
2.เลือกตั้งหัวหน้าตำรวจประจำจังหวัด ทำหน้าที่บังคับใช้กฏหมายภายในจังหวัด
3.เลือกตั้ง สส.ทำหน้าที่เป็นปากเสียงของคนในจังหวัดนั้นในการกำหนดทิศทางของประเทศ
4.เลือกตั้ง สว.ทำหน้าที่แทนคนในจังหวัดนั้นในการไปออกเสียงเลือกองค์กรณ์กลางคณะต่างๆ
คร่าวๆประมาณนี้ครับ รายระเอียดมีอีกเยอะเช่นวาระการดำรงตำแหน่ง การยื่นถอดถอน ฯลฯ ไปคุยกันในรายระเอียดอีกที
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#122
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:05
ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ตรงกันทั้งประเทศเลยดีกว่า ว่าท่านทักษิณผิดหรือไม่
ซึ่งผมเชื่อว่าท่านทักษิณ ไม่ผิดอยู่แล้ว
มันก้าวข้ามอะไรไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่กระจ่างซักที มีแต่ไอ้เรื่องแพนด้าคลอดลูกนี่ล่ะ
ไอ้ยุทธทำไมมันไม่พูดว่าท่านทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นต่างอะไรทั้งนั้น
#123
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:13
ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ตรงกันทั้งประเทศเลยดีกว่า ว่าท่านทักษิณผิดหรือไม่
ซึ่งผมเชื่อว่าท่านทักษิณ ไม่ผิดอยู่แล้ว
มันก้าวข้ามอะไรไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่กระจ่างซักที มีแต่ไอ้เรื่องแพนด้าคลอดลูกนี่ล่ะ
ไอ้ยุทธทำไมมันไม่พูดว่าท่านทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นต่างอะไรทั้งนั้น
เอาเนื้อๆเลยนะ ไม่เล่นนะ ท่านทักษินคือเทพเจ้า เอ้ย ....
ถูกครับคุณทักษินไม่ผิด คนผิดคือพวกเราทุกคนที่ปล่อยให้ยาชื่อพัฒนา เข้าไปสร้างผลกระทบต่อเพื่อนสมาชิกร่วมสังคม สังเกตนะครับ ถ้าผมใช้คำว่าเป็นความผิดของชันชั้นั้นชนชั้นนี้ ภาพต่อมาก็คือทุกคนชี้นิ้วโทษกันไปมาว่า แกนั่นแหละ แกนั่นแหละ และมันจะไม่เกิดการร่วมใจกันแก้ปัญหา
แต่ถ้าใช้คำว่าเพื่อนสมาชิกร่วมสังคมที่ถูกหลงลืมดึงขึ้นสู่กระบวนการพัฒนาของประเทศ ทีนี้ความรู้สึกมันจะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข
- บางสิบหมื่น, Vekakav Vkkn, แสงธูป and 1 other like this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#124
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:17
รับมือได้สวยงามดีครับ น้า เช never die
- เช never die likes this
โหมด ผ่อนคลาย
#125
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:23
ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ตรงกันทั้งประเทศเลยดีกว่า ว่าท่านทักษิณผิดหรือไม่
ซึ่งผมเชื่อว่าท่านทักษิณ ไม่ผิดอยู่แล้ว
มันก้าวข้ามอะไรไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่กระจ่างซักที มีแต่ไอ้เรื่องแพนด้าคลอดลูกนี่ล่ะ
ไอ้ยุทธทำไมมันไม่พูดว่าท่านทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นต่างอะไรทั้งนั้น
เอาเนื้อๆเลยนะ ไม่เล่นนะ
ท่านทักษินคือเทพเจ้าเอ้ย ....
ถูกครับคุณทักษินไม่ผิด คนผิดคือพวกเราทุกคนที่ปล่อยให้ยาชื่อพัฒนา เข้าไปสร้างผลกระทบต่อเพื่อนสมาชิกร่วมสังคม สังเกตนะครับ ถ้าผมใช้คำว่าเป็นความผิดของชันชั้นั้นชนชั้นนี้ ภาพต่อมาก็คือทุกคนชี้นิ้วโทษกันไปมาว่า แกนั่นแหละ แกนั่นแหละ และมันจะไม่เกิดการร่วมใจกันแก้ปัญหา
แต่ถ้าใช้คำว่าเพื่อนสมาชิกร่วมสังคมที่ถูกหลงลืมดึงขึ้นสู่กระบวนการพัฒนาของประเทศ ทีนี้ความรู้สึกมันจะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข
เสร็จแล้วทักษินก็ฉวยโอกาศที่เพื่อนร่วมชาติบางส่วนตกขบวนพัฒนา แล้วใช้อำนาจเงินที่มีเหลือเฟือเป็นปัจจัยสำคัญในการหว่านล้อม ดึงคนพวกนี้มาต่อแขนต่อขาของทักษิน จนทักษินมีอำนาจ(เถื่อน)มากล้นผิดมนุษย์มะนา ....
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#126
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:23
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
พูดถึงชาวนา ผมคุยกับน้าคนขับรถที่อ๊อฟฟิศผม แกคนอุตรดิตถ์ แกบอกบ้านแกยังไม่ได้เงินเลย ปีใหม่ที่ผ่านมากร่อยเลย แล้วแกบอก ถ้าได้ก็แค่หมืนสองกว่าๆเอง
ผมให้แกเปรียบเทียบระหว่างจำนำข้าวกับประกันราคา แกบอกตอนนี้แกว่าประกันราคาดีกว่าเยอะ ขายข้าวปุ๊บได้เงินเลย เอาเงินไปลงทุนได้ต่อ หลังจากหว่านข้าวไปแล้ว รอรับเงินส่วนต่างจากรัฐต่ออีก แกบอกเหมือนเป็นโบนัสให้ชาวนา
ดูๆแล้ว ชาวนาเค้ารู้แล้วนะว่าอะไรดีไม่ดี แต่อย่างว่า ถึงเวลาจริงๆ กลัวจะเสร็จไปกับระบบหัวคะแนนที่ชี้นำอีก
- เช never die likes this
#127
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:25
ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ตรงกันทั้งประเทศเลยดีกว่า ว่าท่านทักษิณผิดหรือไม่
ซึ่งผมเชื่อว่าท่านทักษิณ ไม่ผิดอยู่แล้ว
มันก้าวข้ามอะไรไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่กระจ่างซักที มีแต่ไอ้เรื่องแพนด้าคลอดลูกนี่ล่ะ
ไอ้ยุทธทำไมมันไม่พูดว่าท่านทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นต่างอะไรทั้งนั้น
เอาเนื้อๆเลยนะ ไม่เล่นนะ
ท่านทักษินคือเทพเจ้าเอ้ย ....
ถูกครับคุณทักษินไม่ผิด คนผิดคือพวกเราทุกคนที่ปล่อยให้ยาชื่อพัฒนา เข้าไปสร้างผลกระทบต่อเพื่อนสมาชิกร่วมสังคม สังเกตนะครับ ถ้าผมใช้คำว่าเป็นความผิดของชันชั้นั้นชนชั้นนี้ ภาพต่อมาก็คือทุกคนชี้นิ้วโทษกันไปมาว่า แกนั่นแหละ แกนั่นแหละ และมันจะไม่เกิดการร่วมใจกันแก้ปัญหา
แต่ถ้าใช้คำว่าเพื่อนสมาชิกร่วมสังคมที่ถูกหลงลืมดึงขึ้นสู่กระบวนการพัฒนาของประเทศ ทีนี้ความรู้สึกมันจะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข
แล้วเราจะเอาปฏิรูปไปยัดใส่มือพวกเขาอีกไหมครับ จะทำยังไงให้เขาเห็นว่า สส.มันเป็นตัวแทนของประชาชน ทำยังไงให้เขาไม่ถูกทอดทิ้ง
ผมว่าควรจะส่งเสริมนิคมสร้างตนเอง ให้คนที่รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบในตัวเมืองกลับบ้านไปทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้ มีที่ดินทำกิน
ส่งเสริมสถานฝึกอาชีพเพื่อเพิ่มฝีมือและความรู้อย่างจริงจัง
จนในที่สุด แม้ว่าใช้เงิน 10,000 บาทก็ซื้อเสียงไม่ได้
แต่มันมีนักการเมืองคนไหนอยากทำบ้างครับ? จะมีกี่คนที่อยากมาเป็นขี้ข้าของประชาชนอย่างแท้จริง? ทุกวันนี้ระบบประชาธิปไตยมันแพงมากนะครับ จะเป็นผู้แทนได้ต้องทุนหนา แค่พิมพ์ป้ายบ้าๆบอๆ ก็ไม่รู้กี่แสนแล้ว (แม่งพิมพ์อยู่อย่างเดียว 'ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน/ตาดูดาว เท้าติดดิน/พูดจริง ทำจริง' ไอ้ห่านเอ้ย คุณสมบัติพื้นฐานของความเป็นคนมรึงจะโฆษณาไปทำไม)
ทำยังไงให้ประชาธิปไตยเราเป็นของถูก แต่มีมูลค่าสูงครับ?
- Gop likes this
#128
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:36
จำกัดนโยบายประชานิยม แล้วก็ต้องมานั่งตีความอีกว่า อะไรคือนโยบายประชานิยม เดือดร้อนไปยันศาลอีกครับงานนี้
เรื่องการสร้างจิตสำนึกของคนในชาติ แบบเศรษฐกิจชาติไม่พังพินาศเสียก่อนก็ได้ครับ เพียงแต่จำกัดวงเป็นจังหวัดจัดการตนเองได้ ใช้ทรัพยากรภาษีของจังหวัด ส่งคืนส่วนกลางเป็นค่าบริหารจัดการ 30 หรือ 40%
โดยรัฐบาลกลางดำเนินการเรื่องการป้องกันประเทศ ด้านนโยบายต่างประเทศ การรถไฟ การบิน และการคมนาคมอื่นๆ ด้านการเงิน ด้านกฎหมายอาญา ฯลฯ (อุดหนุนในบางจังหวัดที่มีความจำเป็นในการพัฒนา)
ส่วนบริหารท้องถิ่นมีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษากฎหมาย การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัด
ดังนั้นหากจังหวัดใดนิยมประชานิยม ก็สามารถเลือกรัฐบาลท้องถิ่นมาหว่านเงินได้เต็มที่เลย โดยไม่กระทบต่อจังหวัดอื่นๆ ที่เลือกนโยบายระยะยาวในการพัฒนา
กกต.มีหน้าที่พิจารณา อันไหนเป็นนโยบายประชานิยม อันไหนเป็นนโยบายตามแผนพันาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ส่วนการปฏรูปท้องถิ่นที่คุณกล่าวถึง ผมเสนอให้มีการเลือกตั้งคานอำนาจกันตั้งแต่ระดับจังหวัดใน 4 ตำแหน่งครับ นั่นก็คือ....
1.เลือกตั้งผู้ว่าโดยตรง เอารูปแบบของกรุงเทพไปใช้ได้เลย
2.เลือกตั้งหัวหน้าตำรวจประจำจังหวัด ทำหน้าที่บังคับใช้กฏหมายภายในจังหวัด
3.เลือกตั้ง สส.ทำหน้าที่เป็นปากเสียงของคนในจังหวัดนั้นในการกำหนดทิศทางของประเทศ
4.เลือกตั้ง สว.ทำหน้าที่แทนคนในจังหวัดนั้นในการไปออกเสียงเลือกองค์กรณ์กลางคณะต่างๆ
คร่าวๆประมาณนี้ครับ รายระเอียดมีอีกเยอะเช่นวาระการดำรงตำแหน่ง การยื่นถอดถอน ฯลฯ ไปคุยกันในรายระเอียดอีกที
สบายเลย. กกต. มีหน้าที่แค่ตอนเลือกตั้ง. แต่พอเลือกไปแล้ว จะไปทำนโยบายอะไรก็ไม่ใช่หน้าที่ของกกต แล้ว
อย่างจำนำข้าว ตอนแรกก็บอกว่าจะขาดทุนน้อยกว่ารับประกัน. ตอนนี้ก็ทะลุไปแล้ว ก็ยังมีชาวนาชอบอยู่ดีฐานเสียงแน่นเหมือนเดิมเพราะเป็นภาสีของทั้งประเทศ
#129
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:57
ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ตรงกันทั้งประเทศเลยดีกว่า ว่าท่านทักษิณผิดหรือไม่
ซึ่งผมเชื่อว่าท่านทักษิณ ไม่ผิดอยู่แล้ว
มันก้าวข้ามอะไรไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่กระจ่างซักที มีแต่ไอ้เรื่องแพนด้าคลอดลูกนี่ล่ะ
ไอ้ยุทธทำไมมันไม่พูดว่าท่านทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นต่างอะไรทั้งนั้น
เอาเนื้อๆเลยนะ ไม่เล่นนะ
ท่านทักษินคือเทพเจ้าเอ้ย ....
ถูกครับคุณทักษินไม่ผิด คนผิดคือพวกเราทุกคนที่ปล่อยให้ยาชื่อพัฒนา เข้าไปสร้างผลกระทบต่อเพื่อนสมาชิกร่วมสังคม สังเกตนะครับ ถ้าผมใช้คำว่าเป็นความผิดของชันชั้นั้นชนชั้นนี้ ภาพต่อมาก็คือทุกคนชี้นิ้วโทษกันไปมาว่า แกนั่นแหละ แกนั่นแหละ และมันจะไม่เกิดการร่วมใจกันแก้ปัญหา
แต่ถ้าใช้คำว่าเพื่อนสมาชิกร่วมสังคมที่ถูกหลงลืมดึงขึ้นสู่กระบวนการพัฒนาของประเทศ ทีนี้ความรู้สึกมันจะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข
แล้วเราจะเอาปฏิรูปไปยัดใส่มือพวกเขาอีกไหมครับ จะทำยังไงให้เขาเห็นว่า สส.มันเป็นตัวแทนของประชาชน ทำยังไงให้เขาไม่ถูกทอดทิ้ง
ผมว่าควรจะส่งเสริมนิคมสร้างตนเอง ให้คนที่รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบในตัวเมืองกลับบ้านไปทำมาหาเลี้ยงตัวเองได้ มีที่ดินทำกิน
ส่งเสริมสถานฝึกอาชีพเพื่อเพิ่มฝีมือและความรู้อย่างจริงจัง
จนในที่สุด แม้ว่าใช้เงิน 10,000 บาทก็ซื้อเสียงไม่ได้
แต่มันมีนักการเมืองคนไหนอยากทำบ้างครับ? จะมีกี่คนที่อยากมาเป็นขี้ข้าของประชาชนอย่างแท้จริง? ทุกวันนี้ระบบประชาธิปไตยมันแพงมากนะครับ จะเป็นผู้แทนได้ต้องทุนหนา แค่พิมพ์ป้ายบ้าๆบอๆ ก็ไม่รู้กี่แสนแล้ว (แม่งพิมพ์อยู่อย่างเดียว 'ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน/ตาดูดาว เท้าติดดิน/พูดจริง ทำจริง' ไอ้ห่านเอ้ย คุณสมบัติพื้นฐานของความเป็นคนมรึงจะโฆษณาไปทำไม)
ทำยังไงให้ประชาธิปไตยเราเป็นของถูก แต่มีมูลค่าสูงครับ?
โอเค ... เอาเยอะๆเลยะนะ (ระวังสีลอกด้วยล่ะ เดี๋ยวพวกแดงมาโซคิสด้วยกันมันจะจับได้)
อันนี้ ปชป.ริเริ่มปฏิรูปมาตั้งแต่หลายสิบปีแล้วครับ แต่มันสู้กระบอกเสียงของพวกนายทุนที่เป่าหูล้างสมองเพื่อนร่วมชาติกันอย่างเมามันและบ้าคลั่ง ไม่ได้ ยกตัวอย่าง โครงการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก) พอจะเริ่มใช้มันก็โดนนัการเมืองขั่ว(ที่ค้านกฏหมายฉบับนี้น่แหละ จนรัฐบาลเค้าล้มไป)พากันรุมทึ้งกลายไปเป็นรีสอร์ต สนามกอล์ฟ ของคนไม่ถึง 1% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ประชากรที่ถูกผลักไปอยู่ชายขอบของสังคมก็เสร็จมัน
เอาใหม่ทีนี้ไอ้แม้วไปผูกขาดกิจการโทรคมนาคมของประเทศหลายสิบปี ลุงชวนกับกำนันสุเทพก็ออกมาบอกว่าเฮ้ย.. ผูกขาดอย่างนี้มันไม่เป็นธรรมกับคนทั้งประเทศ แถมยังบั่นทอนผลิตภาพของประเทศอีกด้วย บั่นทอนผลิตภาพของประเทศยังไง ผมขอขยายความเพิ่มเติมนิดหนึ่ง
ผมเปรียบเทียบไทย-เกาหลี ณ.จุดนั้นก่อนมีมือถือแพร่หลาย ระดับการพัฒนาของไทย-เกาหลีใกล้เคียงกัน พอเริ่มให้มีมือถือใช้ ของเกาหลีใช้ระบบหลายเจ้าแข่งขันกันให้บริการ ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับผู้บริโภค
ของไทย ใช้ระบบใครจ่ายให้ผู้มีอำนาจอนุมัติสัมปทานเป็นตัวเลขสูงสุด เอาสัมปทานไปผูกขาดเจ้าเดียวเลย
คราวนี้นาย ยอง ยอง กุ้ก ที่กรุงโซล อายุ 24 - 25 เพิ่งจบมหาวิทยาลัย แต่ไม่อยากเข้าทำงานโรงงาน อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง ตอนนั้นเศรษฐกิจเกาหลีก็เริ่มพุ่งแรง อย่ากระนั้นเลย นาย ยอง ยอง กุ้ก รวบรวมข้อมูลอยู่สองสามวัน เปิดกิจการร้านขายดอกไม้ดีกว่า
ก็ไปเปิดบริษัท แล้วก็ต้องหาเครื่องมือสื่สารซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ จึงเดินไปที่บริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์ไร้สาย 1 ใน 3 บริษัท บริษัทที่ให้บริการก็เอาเครื่องโทรศัพท์ให้เครื่องหนึงพร้อมเบอร์โทร เนื่องจากโทรศพท์เกาหลีเป็นะรกิจที่มีการแข่งขัน นายยอง ยอง กุ้ก จึงจ่ายเงินไปทั้งสิ้นสองพันกว่าบาท(เหมือนทุกวันนี้นี่แหละ)ก็ได้โทรศัพท์มือถือมาใช้ทำธุรกิจ แบบไม่มีค่าบริการรายเดือน จนถึงปัจจุบันนี้ผ่านไปยี่สิบปี นายยอง ยอง กุ้ก มีกิจการร้านส่งดอกไม้ทั่วกรุงโซล 20 กว่าสาขา รายได้ต่อปีหลายล้านดอลล่า
มาถึงนายสามารถที่กรุงเทพ เหมือนนาย ยอง ยอง กุ้ก เกือบทุกอย่าง ต่างกันที่นายสามารถเดินไปที่ เอไอเอส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการมือถือผูกขาดเพียงรายเดียวในประเทศไทย นายสามารถโดนค่าเปิดเครื่อง 4 - 5 พันบาท ค่าเครื่องสี่หมื่น เสียค่ารายเดือนอีกเดือนละห้าร้อยบาท กว่านายสามารถจะได้ทำธุรกิจดอกไม้เหมือนนาย ยอง ยอง กุ้ก นายสามารถที่กรุงเทพโดนกดไปเกือบแสน
นายสามารถคำนวนต้นทุนแล้วคงตะกายทำธุรกิจนี้ไม่ไหวแน่ ที่สุดแม้ไม่ชอบงานโรงงาน ก็ต้องเข้าไปทำงานโรงงานแบบไม่มีทางเลือก ผ่นไปยี่สิบปี ปัจจุบันนายสามารถมีรายได้ปีละไม่กี่หมื่นดอลล่า
และมีกรณีแบบนายสามารถนี้เป้นแสนเป็นล้านกรณี
พอจะมองเห็นหรือยังครับว่ามันทำลายผลิตภาพของประเทศอย่างไร เดี๋ยวมาต่อ
Edited by เช never die, 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:58.
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#130
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 01:07
พอลุงชวนกับลุงกำนันเห็นว่ามันไม่เป็นธรรมกับคนทั้งประเทศ แถมยังบั่นทอนทำลายผลิตภาพของประเทศ ลดประสิทธิภาพในการแข่งขันของประเทศ อย่ากระนั้นเลย ลุงชวนกับกำนันสุเทพก็เลยร่วมกันผลักดันกฏหมายเปิดเสรีโทรคมนาคม ให้มีผู้ให้บริการเจ้าอืนเข้ามาแข่งขันในตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ยุติการผูกขาดดทรศัพท์มือถือของไอ้แม้ว
แค่นั้นแหละ ไอแม้วมันโกรธตัดเป็นตัดตายกับ ปชป.ตั้งแต่นั้น เพราะไปทุบหม้อข้าวมันเข้า จากนั้นมันก็ใช้เงินทุนมหาศาลของมันไล่ต้อนซื้อบริษัทหน้าใหม่ที่เข้ามาแข่งขันให้บริการ จนสามารถเทคอม กลายเป็น gsm 1800 ของทักษิน ดีแทคของบุญชัยก็กำลังจะไม่รอดโดนไอ้แม้วฮุบกิจการ ต้องไปดึงเทเลนอร์ของนอร์เวย์มาร่วมทุน จึงรอดมือไอ้แม้วมาได้
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#131
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 06:44
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
พูดถึงชาวนา ผมคุยกับน้าคนขับรถที่อ๊อฟฟิศผม แกคนอุตรดิตถ์ แกบอกบ้านแกยังไม่ได้เงินเลย ปีใหม่ที่ผ่านมากร่อยเลย แล้วแกบอก ถ้าได้ก็แค่หมืนสองกว่าๆเอง
ผมให้แกเปรียบเทียบระหว่างจำนำข้าวกับประกันราคา แกบอกตอนนี้แกว่าประกันราคาดีกว่าเยอะ ขายข้าวปุ๊บได้เงินเลย เอาเงินไปลงทุนได้ต่อ หลังจากหว่านข้าวไปแล้ว รอรับเงินส่วนต่างจากรัฐต่ออีก แกบอกเหมือนเป็นโบนัสให้ชาวนา
ดูๆแล้ว ชาวนาเค้ารู้แล้วนะว่าอะไรดีไม่ดี แต่อย่างว่า ถึงเวลาจริงๆ กลัวจะเสร็จไปกับระบบหัวคะแนนที่ชี้นำอีก
จริงๆ ถ้าจะว่าไป จำนำข้าวเนี่ย มันดีกว่า ประกันราคา นะ เอามาเปรียบกันแค่ระบบเท่านั้นนะคะ ใครทำไม่เกี่ยว
เพราะ การจำนำข้าว รัฐมีโอกาสที่ได้เงินคืนหลังจากที่ขายข้าวออกไป แล้วชาวนาได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยที่ไม่ต้องไปแบ่งโรงสี หรือ เจ้าของที่นา แต่รัฐบาลนี้ ทำผิดพลาดซะระบบดีๆมันเละไปหมด ซึ่งจริงถ้าทำให้ดีกว่านี้ มีช่องโหว่ให้ทุจริต (มันคงต้องมีไม่มากก้อน้อย) น้อยหรือแทบไม่มีเลย และ ราคาจำนำสมดุลกับราคาตลาด มันจะเป็นระบบที่ดีกว่า ประกันรายได้แน่นอน เพราะประกันรายได้ รัฐบาลจ่ายออกอย่างเดียว และ เงินก้อไม่ได้ตกที่ชาวนาคนเดียว
#132
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:26
เพราะคนจน มีความเชื่อว่า คนชั้นกลางปล้นความกินดีอยู่ดีพวกเขาไป จากสื่อของรัฐบาล
ทำยังไงให้คนจนรู้ว่า คนที่ปล้นเงินจากพวกเขา ไม่ใช่คนชั้นกลางแต่เป็นนายทุน
เมื่อคนจนรู้แล้วว่าใครเอาความกินดีอยู่ดีของพวกเขาไป ทั้งคนชั้นกลางและคนจน จะร่วมกันกระทืบนายทุน
- Gop likes this
อย่ามาเห่าว่ากรูมาจากการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งไม่ใช่ทุกอย่างของประชาธิปไตย
การตรวจสอบบ้านเมืองอย่างเข้มข้น ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ จำเป็นสำหรับประเทศไทย
สิ่งที่บ่งบอกว่าประเทศไหนพัฒนาแล้วไม่ได้ดูที่ มีตึกสูงมากเท่าไร มีห้างเยอะไหม มีจีดีพีสูงแค่ไหน
แต่ดูที่การศึกษา และ คุณภาพของบุคลากรภายในประเทศ
#133
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:49
ผมคิดว่าถ้าเราจะปฏิรูปเริ่มที่ระดับหมู่บ้านเริ่มที่การเลือกผู้ใหญ่ก่อนเลย
#134
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:20
ผมมีข้อสงสัยน่ะครับ น่าจะนอกเรื่อง
ว่าทำไม สามสิบบาท สมัยนายกชวน จึงถูกปัดตกไปน่ะครับ
(ขอฟังมุมมองท่าน นะขอรับ)
จากที่อ่านกระทู้นี้มา ชักจะระแวงว่าที่ ฟังๆมาน่าจะไม่ถูกทั้งหมดเแล้ว
Edited by Vekakav Vkkn, 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:21.
โหมด ผ่อนคลาย
#135
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:34
ใครที่ยังหมกมุ่นอยู่กับพรรคการเมือง นักการเมือง ผมว่าน่าจะออกมาได้แล้ว และหาวิธีปฏิรูปเดินหน้าในภาคประชาชนต่อไป
#136
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:44
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
พูดถึงชาวนา ผมคุยกับน้าคนขับรถที่อ๊อฟฟิศผม แกคนอุตรดิตถ์ แกบอกบ้านแกยังไม่ได้เงินเลย ปีใหม่ที่ผ่านมากร่อยเลย แล้วแกบอก ถ้าได้ก็แค่หมืนสองกว่าๆเอง
ผมให้แกเปรียบเทียบระหว่างจำนำข้าวกับประกันราคา แกบอกตอนนี้แกว่าประกันราคาดีกว่าเยอะ ขายข้าวปุ๊บได้เงินเลย เอาเงินไปลงทุนได้ต่อ หลังจากหว่านข้าวไปแล้ว รอรับเงินส่วนต่างจากรัฐต่ออีก แกบอกเหมือนเป็นโบนัสให้ชาวนา
ดูๆแล้ว ชาวนาเค้ารู้แล้วนะว่าอะไรดีไม่ดี แต่อย่างว่า ถึงเวลาจริงๆ กลัวจะเสร็จไปกับระบบหัวคะแนนที่ชี้นำอีก
จริงๆ ถ้าจะว่าไป จำนำข้าวเนี่ย มันดีกว่า ประกันราคา นะ เอามาเปรียบกันแค่ระบบเท่านั้นนะคะ ใครทำไม่เกี่ยว
เพราะ การจำนำข้าว รัฐมีโอกาสที่ได้เงินคืนหลังจากที่ขายข้าวออกไป แล้วชาวนาได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยที่ไม่ต้องไปแบ่งโรงสี หรือ เจ้าของที่นา แต่รัฐบาลนี้ ทำผิดพลาดซะระบบดีๆมันเละไปหมด ซึ่งจริงถ้าทำให้ดีกว่านี้ มีช่องโหว่ให้ทุจริต (มันคงต้องมีไม่มากก้อน้อย) น้อยหรือแทบไม่มีเลย และ ราคาจำนำสมดุลกับราคาตลาด มันจะเป็นระบบที่ดีกว่า ประกันรายได้แน่นอน เพราะประกันรายได้ รัฐบาลจ่ายออกอย่างเดียว และ เงินก้อไม่ได้ตกที่ชาวนาคนเดียว
อัันนี้ต้องหาคำจำกัดความให้เจอครับว่า "จำนำ" มีความหมายอย่างไร "รับซื้อทุกเมล็ดด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาด" (เพื่อสนองตอบนโยบายประชานิยมหรือมันก็คือการซื้อเสียงเชิงนโยบายนั่นแหละ) คืออะไร
ผมถึงบอกว่าให้จำกัดวงเงินตามนโยบายประชานิยม ให้ทุกพรรคการเมืองเอาไปเล่นด้วยวงเงินเท่าๆกัน แฟร์ๆ แล้วผลที่ได้มันจะเป็นตัวสรุปเองว่านโยบายประชานิยมของใคร มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า
ที่สำคัญ มันจะป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองทุกพรรคมาล้วงเอาเงินคงคลัง-ทรัพยากรณ์ของชาติ ไปใช้ซื้อเสียงล่วงหน้าเชิงนโยบายได้อีก
แล้วก็ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออาจจะเป็นวุฒิสภา(ครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้ง ครึ่งหนึ่งมาจากแต่งตั้ง)หรือทั้งสององกรณ์ มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง(ที่ต้องยื่นเสนอนโยบายประชานิยมพร้อมกันในวันสมัครรับเลือกตั้ง) ส่วนการพิจารณานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมืองก็บังคับว่าต้องให้เสร็จภายในก่อนวันลงคะแนนเสียง ด้วยการลงมติเสียงข้างมากของวุฒิสภา อะไรประมาณนี้ครับ
- Nan likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#137
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:52
"ผมถึงบอกว่าให้จำกัดวงเงินตามนโยบายประชานิยม ให้ทุกพรรคการเมืองเอาไปเล่นด้วยวงเงินเท่าๆกัน แฟร์ๆ แล้วผลที่ได้มันจะเป็นตัวสรุปเองว่านโยบายประชานิยมของใคร มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า"
ผมขอคำจำกัดความ นโยบายประชานิยมหน่อยครับ ที่ตัดสินว่านโยบายไหนประชานิยมหรือไม่ประชานิยม
- Gop likes this
#138
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:55
"แล้วก็ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออาจจะเป็นวุฒิสภา(ครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้ง ครึ่งหนึ่งมาจากแต่งตั้ง)หรือทั้งสององกรณ์ มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนการพิจารณานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมืองก็บังคับว่าต้องให้เสร็จภายในก่อนวันลงคะแนนเสียง ด้วยการลงมติเสียงข้างมากของวุฒิสภา"
แล้วจะมีผลผูกพันอะไรกับพรรคการเมืองหลังการเลือกได้ เมื่อได้อำนาจเข้าไปแล้ว อาจจะมีนโยบายประชานิยมใหม่ๆ ที่ไม่ได้หาเสียงไว้ ทำเพิ่มหลังจากได้อำนาจรัฐก็เป็นได้
#139
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:56
ผมมีข้อสงสัยน่ะครับ น่าจะนอกเรื่อง
ว่าทำไม สามสิบบาท สมัยนายกชวน จึงถูกปัดตกไปน่ะครับ
(ขอฟังมุมมองท่าน นะขอรับ)
จากที่อ่านกระทู้นี้มา ชักจะระแวงว่าที่ ฟังๆมาน่าจะไม่ถูกทั้งหมดเแล้ว
อันนี้ผมไม่ทราบนะครับ ไม่มีรายระเอียดเลยว่ามีการริเริ่มเสนอโครงการ 30 ในสมัยนายกชวนด้วย
เพราะเท่าที่รู้ โครงการ 30 บาท ถูกริเริ่มเสนอโดยคุณหมอสงวน วิทยารัมพงษ์ ซึ่งริเริ่มรณรงค์ให้มีขึ้นหลังรัฐบาลของคุณชวน ถ้าจำไม่ผิดเป็นยุคของบันหาร-จิ๋ว แล้วทักษินก็จับมาปัดฝุ่นโขมยไปเป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ดังนั้นไทม์ไลน์มันดูจะยังลักลั่นย้อนแย้งไปหน่อยนครับ เรื่องนี้มีอีกยาว เดี๋ยวว่ากันต่อ ...
- Vekakav Vkkn likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#140
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:59
ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ
พูดถึงชาวนา ผมคุยกับน้าคนขับรถที่อ๊อฟฟิศผม แกคนอุตรดิตถ์ แกบอกบ้านแกยังไม่ได้เงินเลย ปีใหม่ที่ผ่านมากร่อยเลย แล้วแกบอก ถ้าได้ก็แค่หมืนสองกว่าๆเอง
ผมให้แกเปรียบเทียบระหว่างจำนำข้าวกับประกันราคา แกบอกตอนนี้แกว่าประกันราคาดีกว่าเยอะ ขายข้าวปุ๊บได้เงินเลย เอาเงินไปลงทุนได้ต่อ หลังจากหว่านข้าวไปแล้ว รอรับเงินส่วนต่างจากรัฐต่ออีก แกบอกเหมือนเป็นโบนัสให้ชาวนา
ดูๆแล้ว ชาวนาเค้ารู้แล้วนะว่าอะไรดีไม่ดี แต่อย่างว่า ถึงเวลาจริงๆ กลัวจะเสร็จไปกับระบบหัวคะแนนที่ชี้นำอีก
จริงๆ ถ้าจะว่าไป จำนำข้าวเนี่ย มันดีกว่า ประกันราคา นะ เอามาเปรียบกันแค่ระบบเท่านั้นนะคะ ใครทำไม่เกี่ยว
เพราะ การจำนำข้าว รัฐมีโอกาสที่ได้เงินคืนหลังจากที่ขายข้าวออกไป แล้วชาวนาได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยที่ไม่ต้องไปแบ่งโรงสี หรือ เจ้าของที่นา แต่รัฐบาลนี้ ทำผิดพลาดซะระบบดีๆมันเละไปหมด ซึ่งจริงถ้าทำให้ดีกว่านี้ มีช่องโหว่ให้ทุจริต (มันคงต้องมีไม่มากก้อน้อย) น้อยหรือแทบไม่มีเลย และ ราคาจำนำสมดุลกับราคาตลาด มันจะเป็นระบบที่ดีกว่า ประกันรายได้แน่นอน เพราะประกันรายได้ รัฐบาลจ่ายออกอย่างเดียว และ เงินก้อไม่ได้ตกที่ชาวนาคนเดียว
เจ๊งตั้งแต่นิยามคำว่าจำนำแล้วครับ
ควายตัวนี้สีขาว
#141
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:05
"แล้วก็ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออาจจะเป็นวุฒิสภา(ครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้ง ครึ่งหนึ่งมาจากแต่งตั้ง)หรือทั้งสององกรณ์ มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนการพิจารณานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมืองก็บังคับว่าต้องให้เสร็จภายในก่อนวันลงคะแนนเสียง ด้วยการลงมติเสียงข้างมากของวุฒิสภา"
แล้วจะมีผลผูกพันอะไรกับพรรคการเมืองหลังการเลือกได้ เมื่อได้อำนาจเข้าไปแล้ว อาจจะมีนโยบายประชานิยมใหม่ๆ ที่ไม่ได้หาเสียงไว้ ทำเพิ่มหลังจากได้อำนาจรัฐก็เป็นได้
ตรงนี้ก็เขียนเพิ่มไปในกฏหมายให้ทำไม่ได้สิครับ ให้อำนาจพรรคการเมืองฝ่ายค้านยื่นตรวจสอบอภิปราย แล้วยังมีอำนาจขององค์กรณ์อิสระอื่นๆ ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายแล้วแพ้เสียงในสภาก็ส่งเรื่อง ปปช. ปปช.พิจาณาแล้วมีมูล ก็ส่งเรื่องศาลปกครอง-ศาลรัฐนูญแล้วแต่กรณี ถ้ามีมูลก็ตัดสินว่ารัฐบาลทำผิดกฏหมาย ทีนี้เอาเงินภาษีของชาติไปใช้ซื้อเสียงละติดคุกันหัวโตแน่ละครับ แต่ไม่ต้องยุบพรรค
ถ้ามีบทบัญญัตินี้ออกมา อย่างน้อยมันก็จะทำให้พรรคการเมืองระมัดระวังตัวในการให้สัญญากับประชาชนมากขึ้น อย่างน้อยก็ไปสัญญาประชานิยมอะไรที่ไม่ได้เสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้
ทีนี้ไอ้นโยบายหาเสียงเล่นคำแบบโก้หรูดูดี แล้วไปเห่าเอาทีหลังว่า มันเป็นแค่เทคนิคการหาเสียง ก็จะทำไม่ได้อีก
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#142
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:09
"แล้วก็ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออาจจะเป็นวุฒิสภา(ครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้ง ครึ่งหนึ่งมาจากแต่งตั้ง)หรือทั้งสององกรณ์ มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนการพิจารณานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมืองก็บังคับว่าต้องให้เสร็จภายในก่อนวันลงคะแนนเสียง ด้วยการลงมติเสียงข้างมากของวุฒิสภา"
แล้วจะมีผลผูกพันอะไรกับพรรคการเมืองหลังการเลือกได้ เมื่อได้อำนาจเข้าไปแล้ว อาจจะมีนโยบายประชานิยมใหม่ๆ ที่ไม่ได้หาเสียงไว้ ทำเพิ่มหลังจากได้อำนาจรัฐก็เป็นได้
ตรงนี้ก็เขียนเพิ่มไปในกฏหมายให้ทำไม่ได้สิครับ ให้อำนาจพรรคการเมืองฝ่ายค้านยื่นตรวจสอบอภิปราย แล้วยังมีอำนาจขององค์กรณ์อิสระอื่นๆ ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายแล้วแพ้เสียงในสภาก็ส่งเรื่อง ปปช. ปปช.พิจาณาแล้วมีมูล ก็ส่งเรื่องศาลปกครอง-ศาลรัฐนูญแล้วแต่กรณี ถ้ามีมูลก็ตัดสินว่ารัฐบาลทำผิดกฏหมาย ทีนี้เอาเงินภาษีของชาติไปใช้ซื้อเสียงละติดคุกันหัวโตแน่ละครับ แต่ไม่ต้องยุบพรรค
ถ้ามีบทบัญญัตินี้ออกมา อย่างน้อยมันก็จะทำให้พรรคการเมืองระมัดระวังตัวในการให้สัญญากับประชาชนมากขึ้น อย่างน้อยก็ไปสัญญาประชานิยมอะไรที่ไม่ได้เสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้
ทีนี้ไอ้นโยบายหาเสียงเล่นคำแบบโก้หรูดูดี แล้วไปเห่าเอาทีหลังว่า มันเป็นแค่เทคนิคการหาเสียง ก็จะทำไม่ได้อีก
โอเค ครับ งั้นขอคำจำกัดความของนโยบายประชานิยมเลย เพื่อรัฐบาลจะได้ไม่โดนกลั่นแกล้ง หากทำโครงการใดๆแล้ว โดนฟ้องร้องว่าเป็นประชานิยม แล้วทำให้ไม่สามารถบริหารงานได้
#143
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:18
"แล้วก็ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออาจจะเป็นวุฒิสภา(ครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้ง ครึ่งหนึ่งมาจากแต่งตั้ง)หรือทั้งสององกรณ์ มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนการพิจารณานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมืองก็บังคับว่าต้องให้เสร็จภายในก่อนวันลงคะแนนเสียง ด้วยการลงมติเสียงข้างมากของวุฒิสภา"
แล้วจะมีผลผูกพันอะไรกับพรรคการเมืองหลังการเลือกได้ เมื่อได้อำนาจเข้าไปแล้ว อาจจะมีนโยบายประชานิยมใหม่ๆ ที่ไม่ได้หาเสียงไว้ ทำเพิ่มหลังจากได้อำนาจรัฐก็เป็นได้
ตรงนี้ก็เขียนเพิ่มไปในกฏหมายให้ทำไม่ได้สิครับ ให้อำนาจพรรคการเมืองฝ่ายค้านยื่นตรวจสอบอภิปราย แล้วยังมีอำนาจขององค์กรณ์อิสระอื่นๆ ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายแล้วแพ้เสียงในสภาก็ส่งเรื่อง ปปช. ปปช.พิจาณาแล้วมีมูล ก็ส่งเรื่องศาลปกครอง-ศาลรัฐนูญแล้วแต่กรณี ถ้ามีมูลก็ตัดสินว่ารัฐบาลทำผิดกฏหมาย ทีนี้เอาเงินภาษีของชาติไปใช้ซื้อเสียงละติดคุกันหัวโตแน่ละครับ แต่ไม่ต้องยุบพรรค
ถ้ามีบทบัญญัตินี้ออกมา อย่างน้อยมันก็จะทำให้พรรคการเมืองระมัดระวังตัวในการให้สัญญากับประชาชนมากขึ้น อย่างน้อยก็ไปสัญญาประชานิยมอะไรที่ไม่ได้เสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้
ทีนี้ไอ้นโยบายหาเสียงเล่นคำแบบโก้หรูดูดี แล้วไปเห่าเอาทีหลังว่า มันเป็นแค่เทคนิคการหาเสียง ก็จะทำไม่ได้อีก
โอเค ครับ งั้นขอคำจำกัดความของนโยบายประชานิยมเลย เพื่อรัฐบาลจะได้ไม่โดนกลั่นแกล้ง หากทำโครงการใดๆแล้ว โดนฟ้องร้องว่าเป็นประชานิยม แล้วทำให้ไม่สามารถบริหารงานได้
ถามผมตอนนี้ผมก็คงตอบไม่ได้ ว่าอันไหนเป็นโครงการประชานิยม อันไหนไม่ใช่ บอกตรงๆว่าเรื่องนี้สติปัญญาของผมน้อยนิดจริงๆ แต่ไหนๆถึงผมจะไม่มีปัญญาไปตัดสินว่านโยบายไหนเป็นโครงการประชานิยม นโยบายไหนเป็นโครงการตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(ที่มีอยู่แล้ว) แต่ผมก็หาวิธีที่จะให้ได้มาซึ่งคนที่จะมาทำหน้าที่ตัดสินใจแทนผมใว้แล้ว
กกต.มีหน้าที่พิจารณา อันไหนเป็นนโยบายประชานิยม อันไหนเป็นนโยบายตามแผนพันาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ส่วนการปฏรูปท้องถิ่นที่คุณกล่าวถึง ผมเสนอให้มีการเลือกตั้งคานอำนาจกันตั้งแต่ระดับจังหวัดใน 4 ตำแหน่งครับ นั่นก็คือ....
1.เลือกตั้งผู้ว่าโดยตรง เอารูปแบบของกรุงเทพไปใช้ได้เลย
2.เลือกตั้งหัวหน้าตำรวจประจำจังหวัด ทำหน้าที่บังคับใช้กฏหมายภายในจังหวัด
3.เลือกตั้ง สส.ทำหน้าที่เป็นปากเสียงของคนในจังหวัดนั้นในการกำหนดทิศทางของประเทศ
4.เลือกตั้ง สว.ทำหน้าที่แทนคนในจังหวัดนั้นในการไปออกเสียงเลือกองค์กรณ์กลางคณะต่างๆ
คร่าวๆประมาณนี้ครับ รายระเอียดมีอีกเยอะเช่นวาระการดำรงตำแหน่ง การยื่นถอดถอน ฯลฯ ไปคุยกันในรายระเอียดอีกที
โดยการให้ สว.ที่มาจากจังหวัดละ 2 คน(สมมุติ) ทำงานร่วมกับ สว.ที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิอีกครึ่งหนึ่ง ทำหน้าที่พิจารณาและออกเสียงตัดสินว่าอันไหนเป็นโครงการประชานิม อันไหนไม่ใช่
เมื่อพรรคการเมืองได้เป็นรัฐบาล ก็มีหน้าที่ต้องดำเนินโครงการประชานิยมตามที่เสนอด้วยงบประมาณตามที่กฏหมายบัญญัติ
ประมาณนี้ครับ
Edited by เช never die, 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:04.
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#144
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:19
ผมมีข้อสงสัยน่ะครับ น่าจะนอกเรื่อง
ว่าทำไม สามสิบบาท สมัยนายกชวน จึงถูกปัดตกไปน่ะครับ
(ขอฟังมุมมองท่าน นะขอรับ)
จากที่อ่านกระทู้นี้มา ชักจะระแวงว่าที่ ฟังๆมาน่าจะไม่ถูกทั้งหมดเแล้ว
สมัยคุณชวนไม่มีแน่ครับนโยบาย 30 บาท
เรื่องนี้เริ่มสมัยทักษิณครับ
แต่สมัยชวนก็มีโครงการณ์ประกันสุขภาพ
คือจ่ายปีละ 500 บาท รักษาฟรี หรือใครอยากเข้าระบบประกันสังคมก็ไปจ่ายเบี้ยประกันตน
30 บาทเป็นนโยบายที่ดีของทักษิณนะครับ
ตอนเป็นนโยบายหาเสียง ปชป.ตั้งหลักไม่ทันเจอนโยบายประชานิยมเข้าไปถึงกับหัวทิ่ม
คุณชวนแกก็ไม่ปรับตัว ออกแนวตั้งแง่ด้วย
พอนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ ปชป.เลยดูไม่มีวิสัยทัศน์
ออกแนวทำการเมืองคอนเซอร์เวตีฟไปโน่นเลย
อันที่จริง 30 บาทมันก็มีข้อบกพร่องอยู่มากนะครับ
(คือมันหาเสียงมากไป แล้วก็ฐานกว้างไป
ขณะที่บีบเงินชดเชยรายหัวให้ต่ำ หมอเหนื่อยมาก รักษากันแบบไม่มีคุณภาพก็เยอะ
แต่ทั้งหมดนี้มันก็พอแก้ไขได้)
นอกเรื่องไปหน่อยครับน้าเช
ขอติดตามอ่านเหมือนเดิมครับ
- เช never die, Vekakav Vkkn and temp like this
วิธีการยุติระบอบทักษิณ
ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"
#145
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:24
ผมมีข้อสงสัยน่ะครับ น่าจะนอกเรื่อง
ว่าทำไม สามสิบบาท สมัยนายกชวน จึงถูกปัดตกไปน่ะครับ
(ขอฟังมุมมองท่าน นะขอรับ)
จากที่อ่านกระทู้นี้มา ชักจะระแวงว่าที่ ฟังๆมาน่าจะไม่ถูกทั้งหมดเแล้ว
สมัยคุณชวนไม่มีแน่ครับนโยบาย 30 บาท
เรื่องนี้เริ่มสมัยทักษิณครับ
แต่สมัยชวนก็มีโครงการณ์ประกันสุขภาพ
คือจ่ายปีละ 500 บาท รักษาฟรี หรือใครอยากเข้าระบบประกันสังคมก็ไปจ่ายเบี้ยประกันตน
30 บาทเป็นนโยบายที่ดีของทักษิณนะครับ
ตอนเป็นนโยบายหาเสียง ปชป.ตั้งหลักไม่ทันเจอนโยบายประชานิยมเข้าไปถึงกับหัวทิ่ม
คุณชวนแกก็ไม่ปรับตัว ออกแนวตั้งแง่ด้วย
พอนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ ปชป.เลยดูไม่มีวิสัยทัศน์
ออกแนวทำการเมืองคอนเซอร์เวตีฟไปโน่นเลย
อันที่จริง 30 บาทมันก็มีข้อบกพร่องอยู่มากนะครับ
(คือมันหาเสียงมากไป แล้วก็ฐานกว้างไป
ขณะที่บีบเงินชดเชยรายหัวให้ต่ำ หมอเหนื่อยมาก รักษากันแบบไม่มีคุณภาพก็เยอะ
แต่ทั้งหมดนี้มันก็พอแก้ไขได้)
นอกเรื่องไปหน่อยครับน้าเช
ขอติดตามอ่านเหมือนเดิมครับ
ตามนั้นครับ
- Vekakav Vkkn likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#146
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:04
โดยส่วนตัวผม มุมมองเรื่องความเหลื่อมล้ำ
หลักๆจะเกิดจากเนื่องด้วยระบบทุนนิยม
ซึ่งเป็นระบบที่ ชนชั้นนายทุนต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากชนชั้นแรงงาน
(ชนชั้นนายทุนถูกคัดเลือกจากการครอบปัจจัยการผลิต)
ซึ่งแน่นอนชนชั้นนายทุนย่อมมากกว่าชนชั้นแรงงาน
และ ชนชั้นนายทุน 1 คน จำเป็นต้องได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่า ชนชั้นแรงงาน 1 คน
เพื่อที่ชนชั้นนายทุน จะได้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากพอที่จะ จ้างชนชั้นแรงงานที่มีจำนวนมากกว่าชนชั้นนายทุนได้
พูดง่ายๆ ระบบทุนนิยมอยู่ได้เพราะความเหลื่อมล้ำ
หากคนชนชั้นนายทุน 1 คน ได้รับ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เท่ากับชนชั้นแรงงาน 1 คน ซึ่งเรียกว่าความเท่าเทียม
นายทุนก็จะไม่ สามารถจ้างชนชั้นแรงงานที่มีถึง 2 คนได้เลย และจะทำให้เกิดการล่มสลายของระบบทุนนิยม เนื่องด้วยไม่สามารถเริ่มต้นการผลิตได้
(ไม่มีใครยอมตามใคร เนื่องมาจากคิดว่าเท่าเทียมใยต้องก้มหัวทำงานให้)
และหากชนชั้นนายทุนล่มสลาย ระบบเศรษฐกิจก็จะล่มสลาย (ไม่มีใครนำการผลิต)
หรือ ชนชั้นแรงงานล่มสลาย ระบบเศรษฐกิจก็จะล่มสลายเช่นกัน (ไม่มีใครทำหน้าที่ผลิต)
ดังนั้นในเมื่อความเท่าเทียมกันในระบบทุนนิยมนี้ เป็นสิ่งต้องห้าม
จึงเหลือเพียงแค่ว่า ลดความเหลื่อมล้ำลง เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ชนชั้นแรงงาน
พออยู่ได้เพื่อไม่ให้เกิดความล่มสลายของชนชั้นแรงงาน
อาทิเช่น
เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
หลักประกันสุขภาพ
เพิ่มสวัสดิการ
ซึ่งนโบายการลดความเหลื่อมล้ำจึง จำเป็นเพื่อป้องกันความล่มสลายของชนชั้นแรงงาน
โดยดึงเอาส่วนเกินทางเศรษฐกิจของชนชั้นนายทุนมาจ่ายดำเนินนโยบาย
ซึ่งมีบุคคลทำให้เป็นรูปธรรมเข้าถึงได้รู้สึกได้ โดยเฉพาะ 30 บาท
ฯลฯ
ซึ่งก่อนมี 30 บาท เมื่อมีคนชนชั้นแรงงานป่วยเป็นโรคคนรวย
หน่วยครอบครัวของชนชั้นแรงงานก็ได้ ล่มสลายไปหลายหน่วย
ซึ่งชนชั้นนายทุนบ้างไม่เข้าใจ ว่าการเอาเงินส่วนเกิน(ภาษี) มาเยียวยาชนชั้นแรงงาน เป็นการไม่เสมอภาพ (หนึ่งในต้นต่อความขัดแย้งระหว่างชนชั้น)
ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นการปกป้อง ความล่มสลายของชนชั้นนายทุน ที่เริ่มมาจากความล่มสลายของชนชั้นแรงงานนั่นเอง
ตรงสิ่งที่ยกตัวอย่างเพื่อไห้เข้าไจง่าย ขออย่าเพิ่งเพ่งไปว่า มันไม่คุ้มค่า ทักกี้โกง(บอกเผื่อๆ ไว้ ข้าพเจ้ากลัวรับมือไม่ไหว)
ยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจขอรับ ในความเห็นนี้
ปล ความจิงจะไล่เน้นสีเพื่อความเข้าใจง่ายแต่ง่วงแล้วครับ
เพิ่มเติมกราฟความเหลื่อมล้ำ ดูยากหน่อยนะครับ ไอ้ที่ดูง่ายกว่านี้หาไม่เจอ
http://news.voicetv....ness/9180.html <<<<<<<<รายละเอียดกราฟ
อันนี้ขอเสริมเข้าไปอีกนิดครับ ....
ในโลกยุคต่อไปมันล้าสมัยไปแล้วครับที่จะพูดถึงแค่สองชนชั้น เพราะถ้าเราแบ่งประเภทคนออกเป็นแค่ 2 ชนชั้นแค่นายทุน-กับแรงงาน ปัญหาความเหลื่อมล้ำจะยิ่งแก้ยากขึ้นไปอีก การกดขี่เบียดบังก็จะขยายตัวอย่างเงียบๆต่อไป จนในที่สุดเราจะเหลือเกษตรกรจำนวนน้อยที่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
ที่ถูกเราต้องไม่หลงลืมการแสวงหาขั้นตอน วิธีการ ที่จะนำมาซ่งการเพิ่มปริมาณคนชั้นกลางให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คนชั้นกลางในความหมายของผมก็ครอบคลุมประเภทเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ทำคนเดียวหรือมีลูกน้องสิบกว่าคน หรือเจ้าของแปลงเกษตรขนาดกลางแต่ใช้ระบบการผลิตที่ทันสมัยไม่ใช้แรงงานมาก 2 - 3 คน เข้าถึงข่าวสารข้อมูลการตลาด มีการศึกษาดี (จึงเสนอให้มีศูนย์ฝึก-ศูนย์การเรียนรู้ฯ ดังที่ได้กล่าวมา)
ที่สำคัญ ปัจจัยชี้ขาดว่าประเทศเราจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เป็นประเทศเกษตรกรรมที่พัฒนาแล้ว หรือจะย่ำอยู่กับที่กลายเป็นประเทศด้อยพัฒนาสกปรก ตัวชี้ขาดก็คือปริมาณคนชั้นกลางในสังคมครับ ถ้าเราสามารถสร้างกลไกให้เกิดคนชั้นกลางกลายเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ ปัญหาการซังกะบ๊วยกล้วยปิ้งตั้งแต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาการค้ามนุษยื ฯลฯ มันจะค่อยๆลดลงไปเองด้วยพลังของคนชั้นกลาง
จริงๆแล้ว นโยบายประชานิยม ของทักษิณ ในมุมมองของนักบริหาร นักเศรษฐศาสตร์หัวเสรีนิยมที่ชื่นชอบระบอบทุนนิยม มันก็เป็นการเยียวยาคนจนเพื่อรักษาชนชั้นนายทุน ได้เหมือนอย่างที่คุณ Vekakav Vkkn ว่าไว้ล่ะครับ แถมยังเป็นนโยบายเพิ่มชนชั้นกลางไปในตัวด้วย ผมเลยไม่ค่อยแปลกใจซักเท่าไหร่ที่บุคคลาการทางด้านการเงิน จะหลงไปชอบ ทักษิณกันเยอะแยะ
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงผมจะมองว่าแนวคิดของทักษิณจะไม่ได้ผิดอะไรนัก แต่วิธีการที่ทำอยู่ในปัจจุบันนั้นผิดมหันต์ เพราะมันสุดโต่งมากเกินไปหน่อย
การเยียวยาชนชั้นล่างมากเกินไป มันไปก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคขึ้นมาแทน มันไม่ใช่เขาไม่ยอมเข้าใจ แต่เพราะ เค้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ จึงไม่เข้าใจไง ยิ่งตอนหลัง มาปั่นกระแสไพร่-อำมาต ชนชั้น ยิ่งเละเข้าไปใหญ่ ยิ่งตอกย้ำเรื่องความไม่เสมอภาค ยิ่งโครงการล้มเหลว คอรัปชั่นและส่งผลลบต่อประเทศชาติมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเร่งเร้าปัญหา มากขึ้น
แล้วความไม่เสมอภาค มันไม่เกิดกับแค่ชนชั้นกลางกับชนชั้นแรงงานเท่านั้น แต่มันลามไปยังชนชั้นล่างด้้วยกันอีกด้วย อย่างเช่น กรณี ชาวนา- ชาวสวนยาง ชาวนาในเขตพื้นที่ต่างกัน ได้เงินช้า-เร็ว ต่างกัน บางที่ได้เงิน บางที่ได้แค่ใบประทวน ฯลฯ แล้วมันก็ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบที่น้องปูเจออยู่แบบนี้นี่แหละ
ชนชั้นกลางที่ถูกสร้างมาโดยประชานิยม ก็ไม่ใช่ชนชั้นกลางที่แท้จริง แต่เป็นชนชั้นกลางปลอมๆ ที่ได้รับแจกเงินเพื่อยกระดับฐานะเท่านั้น จิตใจ สติปัญญา ของพวกเค้ายังเป็นรากหญ้าไม่เปลี่ยนแปลง และแทบไม่ได้ทำหน้าที่ชนชั้นกลางที่ดีเลย กลายเป็นคอยแบมือขอเงินรัฐกันอย่างเดียว ไม่คิดสร้างสรรค์อะไรให้ชาติ หรือมีปากมีเสียงเพื่อพัฒนาชาติให้เป็นไปอย่างถูกต้องเลย คอยแต่ปกป้องรัฐบาลไปแทน
แต่จริงๆแล้ว แนวคิดของทักษิณหากจัดการดีๆ ไม่สุดโต่ง ไม่ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคมากนัก ไม่ส่งผลเสียแก่ประเทศชาติในวงกว้างเกินรับได้ รวมทั้งมีการพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่ไปด้วย ผมว่า มันก็จะเป็นนโยบายที่ดี ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอันนึง
Edited by annykun, 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 17:32.
- คลำปม, เช never die, บางสิบหมื่น and 2 others like this
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#147
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:11
โดยส่วนตัวผม มุมมองเรื่องความเหลื่อมล้ำ
หลักๆจะเกิดจากเนื่องด้วยระบบทุนนิยม
ซึ่งเป็นระบบที่ ชนชั้นนายทุนต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากชนชั้นแรงงาน
(ชนชั้นนายทุนถูกคัดเลือกจากการครอบปัจจัยการผลิต)
ซึ่งแน่นอนชนชั้นนายทุนย่อมมากกว่าชนชั้นแรงงาน
และ ชนชั้นนายทุน 1 คน จำเป็นต้องได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่า ชนชั้นแรงงาน 1 คน
เพื่อที่ชนชั้นนายทุน จะได้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากพอที่จะ จ้างชนชั้นแรงงานที่มีจำนวนมากกว่าชนชั้นนายทุนได้
พูดง่ายๆ ระบบทุนนิยมอยู่ได้เพราะความเหลื่อมล้ำ
หากคนชนชั้นนายทุน 1 คน ได้รับ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เท่ากับชนชั้นแรงงาน 1 คน ซึ่งเรียกว่าความเท่าเทียม
นายทุนก็จะไม่ สามารถจ้างชนชั้นแรงงานที่มีถึง 2 คนได้เลย และจะทำให้เกิดการล่มสลายของระบบทุนนิยม เนื่องด้วยไม่สามารถเริ่มต้นการผลิตได้
(ไม่มีใครยอมตามใคร เนื่องมาจากคิดว่าเท่าเทียมใยต้องก้มหัวทำงานให้)
และหากชนชั้นนายทุนล่มสลาย ระบบเศรษฐกิจก็จะล่มสลาย (ไม่มีใครนำการผลิต)
หรือ ชนชั้นแรงงานล่มสลาย ระบบเศรษฐกิจก็จะล่มสลายเช่นกัน (ไม่มีใครทำหน้าที่ผลิต)
ดังนั้นในเมื่อความเท่าเทียมกันในระบบทุนนิยมนี้ เป็นสิ่งต้องห้าม
จึงเหลือเพียงแค่ว่า ลดความเหลื่อมล้ำลง เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ชนชั้นแรงงาน
พออยู่ได้เพื่อไม่ให้เกิดความล่มสลายของชนชั้นแรงงาน
อาทิเช่น
เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
หลักประกันสุขภาพ
เพิ่มสวัสดิการ
ซึ่งนโบายการลดความเหลื่อมล้ำจึง จำเป็นเพื่อป้องกันความล่มสลายของชนชั้นแรงงาน
โดยดึงเอาส่วนเกินทางเศรษฐกิจของชนชั้นนายทุนมาจ่ายดำเนินนโยบาย
ซึ่งมีบุคคลทำให้เป็นรูปธรรมเข้าถึงได้รู้สึกได้ โดยเฉพาะ 30 บาท
ฯลฯ
ซึ่งก่อนมี 30 บาท เมื่อมีคนชนชั้นแรงงานป่วยเป็นโรคคนรวย
หน่วยครอบครัวของชนชั้นแรงงานก็ได้ ล่มสลายไปหลายหน่วย
ซึ่งชนชั้นนายทุนบ้างไม่เข้าใจ ว่าการเอาเงินส่วนเกิน(ภาษี) มาเยียวยาชนชั้นแรงงาน เป็นการไม่เสมอภาพ (หนึ่งในต้นต่อความขัดแย้งระหว่างชนชั้น)
ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นการปกป้อง ความล่มสลายของชนชั้นนายทุน ที่เริ่มมาจากความล่มสลายของชนชั้นแรงงานนั่นเอง
ตรงสิ่งที่ยกตัวอย่างเพื่อไห้เข้าไจง่าย ขออย่าเพิ่งเพ่งไปว่า มันไม่คุ้มค่า ทักกี้โกง(บอกเผื่อๆ ไว้ ข้าพเจ้ากลัวรับมือไม่ไหว)
ยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจขอรับ ในความเห็นนี้
ปล ความจิงจะไล่เน้นสีเพื่อความเข้าใจง่ายแต่ง่วงแล้วครับ
เพิ่มเติมกราฟความเหลื่อมล้ำ ดูยากหน่อยนะครับ ไอ้ที่ดูง่ายกว่านี้หาไม่เจอ
http://news.voicetv....ness/9180.html <<<<<<<<รายละเอียดกราฟ
อันนี้ขอเสริมเข้าไปอีกนิดครับ ....
ในโลกยุคต่อไปมันล้าสมัยไปแล้วครับที่จะพูดถึงแค่สองชนชั้น เพราะถ้าเราแบ่งประเภทคนออกเป็นแค่ 2 ชนชั้นแค่นายทุน-กับแรงงาน ปัญหาความเหลื่อมล้ำจะยิ่งแก้ยากขึ้นไปอีก การกดขี่เบียดบังก็จะขยายตัวอย่างเงียบๆต่อไป จนในที่สุดเราจะเหลือเกษตรกรจำนวนน้อยที่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
ที่ถูกเราต้องไม่หลงลืมการแสวงหาขั้นตอน วิธีการ ที่จะนำมาซ่งการเพิ่มปริมาณคนชั้นกลางให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คนชั้นกลางในความหมายของผมก็ครอบคลุมประเภทเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ทำคนเดียวหรือมีลูกน้องสิบกว่าคน หรือเจ้าของแปลงเกษตรขนาดกลางแต่ใช้ระบบการผลิตที่ทันสมัยไม่ใช้แรงงานมาก 2 - 3 คน เข้าถึงข่าวสารข้อมูลการตลาด มีการศึกษาดี (จึงเสนอให้มีศูนย์ฝึก-ศูนย์การเรียนรู้ฯ ดังที่ได้กล่าวมา)
ที่สำคัญ ปัจจัยชี้ขาดว่าประเทศเราจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เป็นประเทศเกษตรกรรมที่พัฒนาแล้ว หรือจะย่ำอยู่กับที่กลายเป็นประเทศด้อยพัฒนาสกปรก ตัวชี้ขาดก็คือปริมาณคนชั้นกลางในสังคมครับ ถ้าเราสามารถสร้างกลไกให้เกิดคนชั้นกลางกลายเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ ปัญหาการซังกะบ๊วยกล้วยปิ้งตั้งแต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาการค้ามนุษยื ฯลฯ มันจะค่อยๆลดลงไปเองด้วยพลังของคนชั้นกลาง
จริงๆแล้ว นโยบายประชานิยม ของทักษิณ ในมุมมองของนักบริหาร นักเศรษฐศาสตร์หัวเสรีนิยมที่ชื่นชอบระบอบทุนนิยม มันก็เป็นการเยียวยาคนจนเพื่อรักษาชนชั้นนายทุน ได้เหมือนอย่างที่คุณ Vekakav Vkkn ว่าไว้ล่ะครับ แถมยังเป็นนโยบายเพิ่มชนชั้นกลางไปในตัวด้วย ผมเลยไม่ค่อยแปลกใจซักเท่าไหร่ที่บุคคลาการทางด้านการเงิน จะหลงไปชอบ ทักษิณกันเยอะแยะ
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงผมจะมองว่าแนวคิดของทักษิณจะไม่ได้ผิดอะไรนัก แต่วิธีการที่ทำอยู่ในปัจจุบันนั้นผิดมหันต์ เพาะมันสุดโต่งมากเกินไปหน่อย
การเยียงยาชนชั้นล่างมากเกินไป มันไปก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคขึ้นมาแทน มันไม่ใช่เขาไม่ยอมเข้าใจ แต่เพราะ เค้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ จึงไม่เข้าใจไง ยิ่งตอนหลัง มาปั่นกระแสไพร่-อำมาต ชนชั้น ยิ่งเละเข้าไปใหญ่ ยิ่งตอกย้ำเรื่องความไม่เสมอภาค ยิ่งโครงการล้มเหลว คอรัปชั่นและส่งผลลบต่อประเทศชาติมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเร่งเร้าปัญหา มากขึ้น
แล้วความไม่เสมอภาค มันไม่เกิดกับแค่ชนชั้นกลางกับชนชั้นแรงงานเท่านั้น แต่มันลามไปยังชนชั้นล่างด้้วยกันอีกด้วย อย่างเช่น กรณี ชาวนา- ชาวสวนยาง ชาวนาในเขตพื้นที่ต่างกัน ได้เงินช้า-เร็ว ต่างกัน บางที่ได้เงิน บางที่ได้แค่ใบประทวน ฯลฯ แล้วมันก็ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบที่น้องปูเจออยู่แบบนี้นี่แหละ
ชนชั้นกลางที่ถูกสร้างมาโดยประชานิยม ก็ไม่ใช่ชนชั้นกลางที่แท้จริง แต่เป็นชนชั้นกลางปลอมๆ ที่ได้รับแจกเงินเพื่อยกระดับฐานะเท่านั้น จิตใจ สติปัญญา ของพวกเค้ายังเป็นรากหญ้าไม่เปลี่ยนแปลง และแทบไม่ได้ทำหน้าที่ชนชั้นกลางที่ดีเลย กลายเป็นคอยแบมือขอเงินรัฐกันอย่างเดียว ไม่คิดสร้างสรรค์อะไรให้ชาติ หรือมีปากมีเสียงเพื่อพัฒนาชาติให้เป็นไปอย่างถูกต้องเลย คอยแต่ปกป้องรัฐบาลไปแทน
แต่จริงๆแล้ว แนวคิดของทักษิณหากจัดการดีๆ ไม่สุดโต่ง ไม่ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคมากนัก ไม่ส่งผลเสียแก่ประเทศชาติในวงกว้างเกินรับได้ รวมทั้งมีการพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่ไปด้วย ผมว่า มันก็จะเป็นนโยบายที่ดี ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอันนึง
ครบถ้วนในประเด็นปลีกย่อยเรื่องประชานิยมครับ
- Vekakav Vkkn likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#148
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:47
ขอบคุณทุกท่านที่เพิ่มเติมความรู้ให้ครับ เพิ่มทั้งมุมมองด้านต่างๆ
- คลำปม and เช never die like this
โหมด ผ่อนคลาย
#149
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:26
ผมคิดว่ารากเหง้าของปัญหา อยู่ที่การศึกษาครับ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
ประเทศเรามีการพัฒนามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ปัจจุบันกลับด้อยกว่าหลายประเทศรอบตัวเรา
ซึ่งบ้างก็เริ่มต้นช้ากว่า บ้างสงคราม หรือความขัดแย้งทางการปกครอง
สิ่งที่ควรปฏิรูปเป็นอย่างยิ่งคือการศึกษา
แม้จะไม่เห็นผลในทันที และส่งผลต่อคะแนนนิยม แต่ไม่ควรมองข้าม
ขอให้เน้นในระดับประถม และมัธยมเป็นหลัก ก่อนที่จะมองยาวไปถึงปริญญาตรีครับ
เอาแบบมีคุณภาพ และทั่วถึง เท่าเทียมทั้งระบบ
จะได้ลดการแก่งแย่งกันเข้าโรงเรียนดัง ในเมื่่อมีโรงเรียนดีๆให้เลือกเสมอกัน
ลดการคอรัปชั่นของบุคคลากรไปด้วยในตัว ประเภทฝากเข้าต้องบริจาคควรลดลงจนไม่มีในที่สุด
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดที่ปลูกฝังเข้าไปในหัวเด็ก
ว่าเงินสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้ตลอด แม้มาตามระบบไม่ได้ก็สามารถซิกแซ็กได้
หลักตรรกะที่คนในสังคมปัจจุบันสั่งสอนเด็กในวันนี้ ผู้ใหญ่ในวันหน้ายากจะปฏิเสธมัน
- เช never die and Ape like this
#150
ตอบ 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:32
ผมคิดว่ารากเหง้าของปัญหา อยู่ที่การศึกษาครับ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
ประเทศเรามีการพัฒนามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ปัจจุบันกลับด้อยกว่าหลายประเทศรอบตัวเรา
ซึ่งบ้างก็เริ่มต้นช้ากว่า บ้างสงคราม หรือความขัดแย้งทางการปกครอง
สิ่งที่ควรปฏิรูปเป็นอย่างยิ่งคือการศึกษา
แม้จะไม่เห็นผลในทันที และส่งผลต่อคะแนนนิยม แต่ไม่ควรมองข้าม
ขอให้เน้นในระดับประถม และมัธยมเป็นหลัก ก่อนที่จะมองยาวไปถึงปริญญาตรีครับ
เอาแบบมีคุณภาพ และทั่วถึง เท่าเทียมทั้งระบบ
จะได้ลดการแก่งแย่งกันเข้าโรงเรียนดัง ในเมื่่อมีโรงเรียนดีๆให้เลือกเสมอกัน
ลดการคอรัปชั่นของบุคคลากรไปด้วยในตัว ประเภทฝากเข้าต้องบริจาคควรลดลงจนไม่มีในที่สุด
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดที่ปลูกฝังเข้าไปในหัวเด็ก
ว่าเงินสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้ตลอด แม้มาตามระบบไม่ได้ก็สามารถซิกแซ็กได้
หลักตรรกะที่คนในสังคมปัจจุบันสั่งสอนเด็กในวันนี้ ผู้ใหญ่ในวันหน้ายากจะปฏิเสธมัน
เพื่อนสมาชิกหลายท่าน เข้ามาโพสท์แรกๆที่คอมเมต์ก็เรื่องการศึกษาก่อนเลย ผมขออนุญาตถามว่า ....
คนจะกินยังไม่มี จะเอาที่ไหนไปส่งลูกเรียนครับ
เมื่อระบอบการค้าเสรี ทุนนิยม ลัทธิบริโภคนิยมบอกผมว่า มือใครยาวสาวได้สาวเอา
เอ่อ.. คือว่า ผมแขนด้วนครับ ไอ้ที่บอกว่าระบอบเสรีใครสาวได้ก็สาวสาวเอา แล้วจะมีที่ยืนให้ผมสาวแข่งกับเขาไหมครับ
อปมาอุปไมก็ประมาณนี้ครับ
Edited by เช never die, 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:52.
- temp likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน