Jump to content


Photo
* * * - - 4 votes

ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมอภิปรายครับ

เสื้อแดง

  • Please log in to reply
317 ความเห็นในกระทู้นี้

#251 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:52

จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้
 
น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร
 
ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง


โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน
น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ

ขอ cut&paste นะครับ...
รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้
รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น
การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้
ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้
หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ
1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนhttp://www.naewna.co.../columnist/1779
ขอบคุณครับ น่าจะยังไม่ได้ใช้ใช่มั้ยครับ? แต่ก็งงเพราะเป็นที่ดินของทุกคนแต่เหมือนกับว่าแบ่งเป็นสัดส่วนให้แล้ว ซึ่งขายต่อให้"เพื่อนบ้าน"ได้
 
แล้วถ้ามีนายทุน proxy ชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้วเริ่มกว้านซื้อจนหมดทั้งชุมชนเพราะกฏหมายไม่ได้ห้าม แล้วเอาไปทำเป็น resort เพราะก็ไม่ได้ห้ามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็จะเป็นปัญหาเดิมมั้ยครับ?
คือจริงๆเเล้วทุกmodel มันก็อาจมีช่องโหว่ ให้คนทุจริตได้น่ะครับ เพียงเเต่ว่า วิธีนี้น่าจะช่วย eliminate ความเสี่ยงต่างๆไปได้พอควร...ยิ่งเรื่องที่เอา ที่ไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ยิ่งชัดเจนว่าไม่น่าผ่านการเห็นชอบจากรัฐ ที่ยังไงเสียก็ยังต้องทำกน้าที่กำกับดูเเล ชุมชนนั้นๆอยู่ เเต่อาจจะต้องปรับเพิ่มเติม ไม่ให้มีการซื้อขายที่ดินเลย เป็นได้เพียงมรดกต่อลูกหลาน หรืออาจทำได้เพียงให้คนในชุมชนเดียวกันเช่าเพื่อเพิ่มผลผลิต

เเละโดยส่วนตัว ผมเห็นว่า ยิ่งถ้า ทำเป็น turnkey โดยใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพ integrate เข้าไปเลย ยกตัวอย่าง 1ไร่1เเสน (ที่ได้พิสูจน์เเล้วว่าใช้ได้จริง) ก็จะสร้างความมั่นคงให้กับชุมชนนั้นๆ โดยมีภาครัฐ เข้าไปช่วยต่อยอดพัฒนาเเปลรูปสินค้าให้ เมื่อชาวบ้าน ทำเเล้วมีอยู่มีใช้มีรายได้ที่ดี ในที่ตนเอง ก็น่าที่จะยิ่งรักเเละห่วงเเหนที่ดินของเขา

ผมว่าพวกเราสามารถใช้เวทีปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นนี้ ในการนำเสนอไอเดีย ปรับปรุงเเก้ไขได้นะครับ

#252 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:00

จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้
น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร
ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง

โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน
น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ

ครบวงจรเเค่ไหน เริ่มจากเบสิกสุด คือเรื่องระบบชลประทาน เเหล่งน้ำ... ถ้าทำนา ก็ ควรมีโรงสีชุมชน ประมาณนี้ครับ..
โฉนดชุมชนคืออะไร?...ขอ cut&paste นะครับ...
รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้
รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น
การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้
ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้
หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ
1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนhttp://www.naewna.co.../columnist/1779
 
โฉนดชุมชนผมเห็นด้วยมานานแล้วครับ แต่มันยังไม่ตอบโจทย์ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับมหะภาค โดยข้อเท็จจริงที่เฝ้าศึกษาจับตาดูมา มันยังทำได้เป็นหย่อมๆ กระจายไปทั่วประเทศได้ยาก ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ถ้าประสานกันไม่ดีก็แป็กเหมือนเดิม แต่ก็ยังดีที่วิธีการโฉนดชมชนนี้สามารถช่วยให้เกษตรไม่สามารถเอาปัจจัยการผลิตหลัก(ที่ดิน) ไปแปลงเป็นทุน ไปซื้อปิคอัพ ไอโฟน ไอแพดฯลฯ ได้ง่ายๆ (อย่างน้อยอารมย์เกรงใจเพื่อนร่วมชุมชนมันก็ต้องมีบ้าง)
 
เอาเข้าจริงถ้าจะผลักดันให้ทั่วประเทศเป็นโฉนดชุมชนทั้งหมดคงต้องใช้เวลาหลายร้อยปี เพราะพอตรงนี้เป็นโฉนดชุมชน ตรงโน้นก็เริ่มโดนนายทุนกว้านซื้อ(เพราะไม่มีมาตรการเชิงเศรษฐศาสตร์เข้าไปควบคุม) ไม่นานไอ้คนที่ขายที่ดินตรงโน้นไป+ลูกหลาน ก็ค่อยๆคืบคลานเข้าสู่ความยากจน เข้าสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยไม่มีใครรู้ตัว

ผมมองอย่างนี้ครับน้าเช...คือโฉนดชุมชนเนี่ย มีไว้ให้ชาวบ้านที่ยังไม่มีที่ทำกินเลย...เเต่ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ในหลวงท่านทรงสร้างไว้ให้ ต้องกระจายไปสู่ คนที่ทำเกษตรอยู่เเล้วหรือเเม้เเต่พวกที่เช่าที่เขาทำกินอยู่ก็ตาม...เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงเเละยั่งยืน...

ตรง"รายได้ที่มั่นคงยั่งยืนของเกษตรกร" นี่ละครับ ที่จะไปช่วยในส่วน มหาภาคได้

#253 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:07

แนวคิ

 

สำหรับผม ลูกชาวนา ที่ตอนนี้ กู้ยืมเรียน กยศ และ ทำงาน ถือว่า ทำนาไม่เป็นแล้ว คงเป็นคนชั้นกลางที่ทำงานในบริษัทปริมณทล ขอแสดงความเห็นดังนี้

รากเหง้าปัญหาความขัดแย้ง เกิดจาก

กฏหมาย ลงโทษทุจริต คอรัปชั่น ของเรา อ่อนแอ บทลงโทษไม่น่ากลัว มันทำให้คนที่รวย และมีอำนาจทางการเมือง เห็นช่องทางในการเพิ่มพูน ความรวยตนเอง โดยการทำอะไรก็ได้ แบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย

อย่าลืมว่า คนร่างกฏหมายคือ พวกชนชั้นสูงทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ

 

 

มันก็วนกลับมาเรื่องการหาวิธีการในการสร้างกลุ่มประชากรชนชั้นกลางให้เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ครับ

 

คนรวย - นายทุน

 

คนชั้นกลาง

 

แรงงาน - คนยากคนจน

 

แล้วพอพูดเรื่องการสร้างคนชั้นกลาง มันก็วนกลับมาที่การเพิ่มโอกาศในการเข้าถึงปัจจัยการผลิตหลักของคนยากคนจน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นชนชั้นกลาง

 

 

 

 

 

 

 

จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้
 
น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร
 
ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง


โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน
น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ

ขอ cut&paste นะครับ...
รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้
รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น
การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้
ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้
หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ
1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนhttp://www.naewna.co.../columnist/1779
ขอบคุณครับ น่าจะยังไม่ได้ใช้ใช่มั้ยครับ? แต่ก็งงเพราะเป็นที่ดินของทุกคนแต่เหมือนกับว่าแบ่งเป็นสัดส่วนให้แล้ว ซึ่งขายต่อให้"เพื่อนบ้าน"ได้
 
แล้วถ้ามีนายทุน proxy ชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้วเริ่มกว้านซื้อจนหมดทั้งชุมชนเพราะกฏหมายไม่ได้ห้าม แล้วเอาไปทำเป็น resort เพราะก็ไม่ได้ห้ามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็จะเป็นปัญหาเดิมมั้ยครับ?
คือจริงๆเเล้วทุกmodel มันก็อาจมีช่องโหว่ ให้คนทุจริตได้น่ะครับ เพียงเเต่ว่า วิธีนี้น่าจะช่วย eliminate ความเสี่ยงต่างๆไปได้พอควร...ยิ่งเรื่องที่เอา ที่ไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ยิ่งชัดเจนว่าไม่น่าผ่านการเห็นชอบจากรัฐ ที่ยังไงเสียก็ยังต้องทำกน้าที่กำกับดูเเล ชุมชนนั้นๆอยู่ เเต่อาจจะต้องปรับเพิ่มเติม ไม่ให้มีการซื้อขายที่ดินเลย เป็นได้เพียงมรดกต่อลูกหลาน หรืออาจทำได้เพียงให้คนในชุมชนเดียวกันเช่าเพื่อเพิ่มผลผลิต

 

 

ไอ้ตัวแดงๆนั้น พวกเราเคยทดลองกันมาแล้ว ด้วย "นโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร" (สปก.4-01) เมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้ว ก็อย่างที่เห็นๆกันนะครับ แม้จะเขียนชัดๆใว้ในกฏหมายว่าห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ แต่ให้ตกทอดถึงทายาทเท่านั้น แต่โดยสภาพความจริงมากกว่า 90% ของที่ สปก.ในปัจจุบัน ไม่ใช่เจ้าของเดิมที่ได้สิทธิ์ สปก.เมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้ว แล้วก็เกินกว่าครึ่งหนึ่งของที่ดิน สปก.ปัจจุบัน ก็ไม่ได้ใช้เพื่อจุดประสงค์เพื่อการเกษตรด้วยซ้ำ

 

ก็เลยมาตั้งกระทู้นี้ เสนอมาตรการเชิงเศรษฐศาสตร์ เข้าไปควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม อันเป็นต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกในประเทศ ด้วยการเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติช่วยกันผลักดัน "กฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า" ครับ

 

วิธีการมันจะดูเป็นระบอบสังคมนิยมแบบอ่อนๆอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมี "ประเทศสังคมนิยมอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ประเทศไหนจะมีปัญหากับการใช้ระบอบนี้ ที่สำคัญมันจะเป็นการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขให้กับผู้คนในสังคมอย่างเป็นสำคัญ น่าจะดีกว่าการใช้วิธีการประชาธิปไตยสุดโต่ง แบบมือใครยาว สาวได้-สาวเอา ครับ 


Edited by เช never die, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:10.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#254 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:17

แล้วที่สำคัญเมื่อคนไม่เคารพกฏหมาย(เพราะมีแรงบีบคั้นมาจากปัญหาความเหลื่มล้ำ) คนที่อยู่ชายขอบสังคมก็ขายที่ สปก.นั้นไปให้นายทุน หลังจากนั้นเข้าจะไปไหนครับ

 

นั่นแหละ มันก็มีเส้นทางให้เดินสามทางอย่างที่ผมได้จารนัยให้ดูในหน้าแรกๆแล้วนั่นแหละครับ และที่สำคัญพอที่ สปก.ซื้อง่ายขายคล่อง มันก็ไปก่อให้เกิดแรงกดดันในการบุกรุกพื้นที่เข้าไปทำลายทรัพยากรณ์ป่าไม้-ต้น้ำลำธาร ลึกเข้าไปเรื่อยๆ

 

จาก สปก. ที่ซื้อง่ายชายคล่อง

 

ตอนนี้ขยับลงไปอีกขั้นด้วย ภทบ. ที่ซื้อง่ายขายคล่องขึ้นเรื่อยๆ

 

ล่าสุดนี้ลึกกว่า ภทบ. มันซื้อ-ขายกันยันใบจับจอง ไร่ละ 2 - 3 แสน เอากะมัน ....

 

ขืนปล่อยไปแบบนี้ อีกหน่อยลูกหลานจะไม่มีโอกาศรู้เลยว่าป่าไม้ในประเทศไทยหน้าตามันเป็นยังไง


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#255 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:33

แนวคิ

สำหรับผม ลูกชาวนา ที่ตอนนี้ กู้ยืมเรียน กยศ และ ทำงาน ถือว่า ทำนาไม่เป็นแล้ว คงเป็นคนชั้นกลางที่ทำงานในบริษัทปริมณทล ขอแสดงความเห็นดังนี้
รากเหง้าปัญหาความขัดแย้ง เกิดจาก
กฏหมาย ลงโทษทุจริต คอรัปชั่น ของเรา อ่อนแอ บทลงโทษไม่น่ากลัว มันทำให้คนที่รวย และมีอำนาจทางการเมือง เห็นช่องทางในการเพิ่มพูน ความรวยตนเอง โดยการทำอะไรก็ได้ แบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย
อย่าลืมว่า คนร่างกฏหมายคือ พวกชนชั้นสูงทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ



มันก็วนกลับมาเรื่องการหาวิธีการในการสร้างกลุ่มประชากรชนชั้นกลางให้เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ครับ

คนรวย - นายทุน

คนชั้นกลาง

แรงงาน - คนยากคนจน

แล้วพอพูดเรื่องการสร้างคนชั้นกลาง มันก็วนกลับมาที่การเพิ่มโอกาศในการเข้าถึงปัจจัยการผลิตหลักของคนยากคนจน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นชนชั้นกลาง


จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้

น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร

ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง

โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน
น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ
ขอ cut&paste นะครับ...
รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้
รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น
การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้
ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้
หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ
1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนhttp://www.naewna.co.../columnist/1779
ขอบคุณครับ น่าจะยังไม่ได้ใช้ใช่มั้ยครับ? แต่ก็งงเพราะเป็นที่ดินของทุกคนแต่เหมือนกับว่าแบ่งเป็นสัดส่วนให้แล้ว ซึ่งขายต่อให้"เพื่อนบ้าน"ได้

แล้วถ้ามีนายทุน proxy ชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้วเริ่มกว้านซื้อจนหมดทั้งชุมชนเพราะกฏหมายไม่ได้ห้าม แล้วเอาไปทำเป็น resort เพราะก็ไม่ได้ห้ามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็จะเป็นปัญหาเดิมมั้ยครับ?
คือจริงๆเเล้วทุกmodel มันก็อาจมีช่องโหว่ ให้คนทุจริตได้น่ะครับ เพียงเเต่ว่า วิธีนี้น่าจะช่วย eliminate ความเสี่ยงต่างๆไปได้พอควร...ยิ่งเรื่องที่เอา ที่ไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ยิ่งชัดเจนว่าไม่น่าผ่านการเห็นชอบจากรัฐ ที่ยังไงเสียก็ยังต้องทำกน้าที่กำกับดูเเล ชุมชนนั้นๆอยู่ เเต่อาจจะต้องปรับเพิ่มเติม ไม่ให้มีการซื้อขายที่ดินเลย เป็นได้เพียงมรดกต่อลูกหลาน หรืออาจทำได้เพียงให้คนในชุมชนเดียวกันเช่าเพื่อเพิ่มผลผลิต

ไอ้ตัวแดงๆนั้น พวกเราเคยทดลองกันมาแล้ว ด้วย "นโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร" (สปก.4-01) เมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้ว ก็อย่างที่เห็นๆกันนะครับ แม้จะเขียนชัดๆใว้ในกฏหมายว่าห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ แต่ให้ตกทอดถึงทายาทเท่านั้น แต่โดยสภาพความจริงมากกว่า 90% ของที่ สปก.ในปัจจุบัน ไม่ใช่เจ้าของเดิมที่ได้สิทธิ์ สปก.เมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้ว แล้วก็เกินกว่าครึ่งหนึ่งของที่ดิน สปก.ปัจจุบัน ก็ไม่ได้ใช้เพื่อจุดประสงค์เพื่อการเกษตรด้วยซ้ำ

ก็เลยมาตั้งกระทู้นี้ เสนอมาตรการเชิงเศรษฐศาสตร์ เข้าไปควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม อันเป็นต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกในประเทศ ด้วยการเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติช่วยกันผลักดัน "กฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า" ครับ

วิธีการมันจะดูเป็นระบอบสังคมนิยมแบบอ่อนๆอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมี "ประเทศสังคมนิยมอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ประเทศไหนจะมีปัญหากับการใช้ระบอบนี้ ที่สำคัญมันจะเป็นการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขให้กับผู้คนในสังคมอย่างเป็นสำคัญ น่าจะดีกว่าการใช้วิธีการประชาธิปไตยสุดโต่ง แบบมือใครยาว สาวได้-สาวเอา ครับ
ผมเข้าใจที่น้าพูดนะครับ เเต่สปก มันก็มีความต่างอยู่มากในทางปฏิบัติเเละผลที่จะได้รับเมื่อเทียบกับ โฉนดชุมชน...คือการได้ที่ดินเปล่าๆไปโดดๆ ไปพัฒนาเอง เมื่อทำนาขาดทุน ไม่มีรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน ก็ไม่มีภูมิต้านทาน...เเต่ถ้าได้ที่ดินพร้อมชุมชน พร้อมระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพประสิทธผล ก็จะก่อรายได้มั่นคง ในที่สุดภูมิต้านทานมันก็เกิดนะครับ...เเต่ย้ำว่าเรื่องโฉนดนี่เป็นเพียง มาตรการเสริมเพื่อคนที่ขาดที่ทำกินบางส่วนเท่านั้น


Edit:(เอามา paste เพิ่มเผื่อน้าเช ไม่ได้อ่านที่ผมตอบไป ก่อนหน้านี้) ผมมองอย่างนี้ครับน้าเช...คือโฉนดชุมชนเนี่ย มีไว้ให้ชาวบ้านที่ยังไม่มีที่ทำกินเลย...เเต่ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ในหลวงท่านทรงสร้างไว้ให้ ต้องกระจายไปสู่ คนที่ทำเกษตรอยู่เเล้วหรือเเม้เเต่พวกที่เช่าที่เขาทำกินอยู่ก็ตาม...เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงเเละยั่งยืน...
ตรง"รายได้ที่มั่นคงยั่งยืนของเกษตรกร" นี่ละครับ ที่จะไปช่วยในส่วน มหาภาคได้

Edited by PeaceMan, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:45.


#256 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:50

 

แนวคิ
 

สำหรับผม ลูกชาวนา ที่ตอนนี้ กู้ยืมเรียน กยศ และ ทำงาน ถือว่า ทำนาไม่เป็นแล้ว คงเป็นคนชั้นกลางที่ทำงานในบริษัทปริมณทล ขอแสดงความเห็นดังนี้
รากเหง้าปัญหาความขัดแย้ง เกิดจาก
กฏหมาย ลงโทษทุจริต คอรัปชั่น ของเรา อ่อนแอ บทลงโทษไม่น่ากลัว มันทำให้คนที่รวย และมีอำนาจทางการเมือง เห็นช่องทางในการเพิ่มพูน ความรวยตนเอง โดยการทำอะไรก็ได้ แบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย
อย่าลืมว่า คนร่างกฏหมายคือ พวกชนชั้นสูงทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ



มันก็วนกลับมาเรื่องการหาวิธีการในการสร้างกลุ่มประชากรชนชั้นกลางให้เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ครับ

คนรวย - นายทุน

คนชั้นกลาง

แรงงาน - คนยากคนจน

แล้วพอพูดเรื่องการสร้างคนชั้นกลาง มันก็วนกลับมาที่การเพิ่มโอกาศในการเข้าถึงปัจจัยการผลิตหลักของคนยากคนจน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นชนชั้นกลาง


 

 

 

 

 

จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้

น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร

ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง

โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน
น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ
ขอ cut&paste นะครับ...
รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้
รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น
การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้
ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้
หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ
1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนhttp://www.naewna.co.../columnist/1779
ขอบคุณครับ น่าจะยังไม่ได้ใช้ใช่มั้ยครับ? แต่ก็งงเพราะเป็นที่ดินของทุกคนแต่เหมือนกับว่าแบ่งเป็นสัดส่วนให้แล้ว ซึ่งขายต่อให้"เพื่อนบ้าน"ได้

แล้วถ้ามีนายทุน proxy ชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้วเริ่มกว้านซื้อจนหมดทั้งชุมชนเพราะกฏหมายไม่ได้ห้าม แล้วเอาไปทำเป็น resort เพราะก็ไม่ได้ห้ามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็จะเป็นปัญหาเดิมมั้ยครับ?
คือจริงๆเเล้วทุกmodel มันก็อาจมีช่องโหว่ ให้คนทุจริตได้น่ะครับ เพียงเเต่ว่า วิธีนี้น่าจะช่วย eliminate ความเสี่ยงต่างๆไปได้พอควร...ยิ่งเรื่องที่เอา ที่ไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ยิ่งชัดเจนว่าไม่น่าผ่านการเห็นชอบจากรัฐ ที่ยังไงเสียก็ยังต้องทำกน้าที่กำกับดูเเล ชุมชนนั้นๆอยู่ เเต่อาจจะต้องปรับเพิ่มเติม ไม่ให้มีการซื้อขายที่ดินเลย เป็นได้เพียงมรดกต่อลูกหลาน หรืออาจทำได้เพียงให้คนในชุมชนเดียวกันเช่าเพื่อเพิ่มผลผลิต

ไอ้ตัวแดงๆนั้น พวกเราเคยทดลองกันมาแล้ว ด้วย "นโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร" (สปก.4-01) เมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้ว ก็อย่างที่เห็นๆกันนะครับ แม้จะเขียนชัดๆใว้ในกฏหมายว่าห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ แต่ให้ตกทอดถึงทายาทเท่านั้น แต่โดยสภาพความจริงมากกว่า 90% ของที่ สปก.ในปัจจุบัน ไม่ใช่เจ้าของเดิมที่ได้สิทธิ์ สปก.เมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้ว แล้วก็เกินกว่าครึ่งหนึ่งของที่ดิน สปก.ปัจจุบัน ก็ไม่ได้ใช้เพื่อจุดประสงค์เพื่อการเกษตรด้วยซ้ำ

ก็เลยมาตั้งกระทู้นี้ เสนอมาตรการเชิงเศรษฐศาสตร์ เข้าไปควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม อันเป็นต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกในประเทศ ด้วยการเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติช่วยกันผลักดัน "กฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า" ครับ

วิธีการมันจะดูเป็นระบอบสังคมนิยมแบบอ่อนๆอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมี "ประเทศสังคมนิยมอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ประเทศไหนจะมีปัญหากับการใช้ระบอบนี้ ที่สำคัญมันจะเป็นการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขให้กับผู้คนในสังคมอย่างเป็นสำคัญ น่าจะดีกว่าการใช้วิธีการประชาธิปไตยสุดโต่ง แบบมือใครยาว สาวได้-สาวเอา ครับ
ผมเข้าใจที่น้าพูดนะครับ เเต่สปก มันก็มีความต่างอยู่มากในทางปฏิบัติเเละผลที่จะได้รับเมื่อเทียบกับ โฉนดชุมชน...คือการได้ที่ดินไปโดดๆ ไปพัฒนาเอง เมื่อทำนาขาดทุน ไม่มีรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน ก็ไม่มีภูมิต้านทาน...เเต่ถ้าได้ที่ดินพร้อมชุมชน พร้อมระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพประสิทธผล ก็จะก่อรายได้มั่นคง ในที่สุดภูมิต้านทานมันก็เกิดนะครับ...เเต่ย้ำว่าเรื่องโฉนดนี่เป็นเพียง มาตรการเสริมเพื่อคนที่ขาดที่ทำกินบางส่วนเท่านั้น


Edit:(เอามา paste เพิ่มเพื่อน้าเช ไม่ได้อ่านที่ผมตอบไป ก่อนหน้านี้) ผมมองอย่างนี้ครับน้าเช...คือโฉนดชุมชนเนี่ย มีไว้ให้ชาวบ้านที่ยังไม่มีที่ทำกินเลย...เเต่ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ในหลวงท่านทรงสร้างไว้ให้ ต้องกระจายไปสู่ คนที่ทำเกษตรอยู่เเล้วหรือเเม้เเต่พวกที่เช่าที่เขาทำกินอยู่ก็ตาม...เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงเเละยั่งยืน...
ตรง"รายได้ที่มั่นคงยั่งยืนของเกษตรกร" นี่ละครับ ที่จะไปช่วยในส่วน มหาภาคได้

 

 

การเอาโฉนดไปแจกตรงๆ สร้างเป็นชุมชนร่วมกันใช้ที่ดิน ผมเห็นด้วยครับ

 

แต่จะดีกว่าไหม ถ้าสร้างระบบที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงที่ดินทำกิน ในปริมาณที่จำกัด (สมมุติให้คนละไม่เกินยี่สิบไร่) แต่ได้ทั่วถึงเท่ากันทุกคน เมื่อใครๆก็สามารถเดินไปช็อบที่ดินได้ด้วยราคาไร่ละไม่กี่หมื่นบาท(ถ้าภาษีืั้ดินอัตราก้าวหน้าถูกบังคับใช้ ราคาที่ดินทั่วประเทศมันจะค่อยๆลดต่ำลงเรื่อยๆ จนใครๆก็สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ ในปริมาณที่จำกัด)

 

กับการมีโฉนดชุมชน แต่ไม่มีกฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า แบบนี้ราคาที่ดินก็มีแต่ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ(แต่ไม่มีวันขยับลง) สุดท้ายเมื่อที่ดินที่หนองหมาว้อมันราคาขยับขึ้นไปถึงไร่ละ 10 - 20 ล้าน สุดท้ายมันก็ขายที่ดินกันทั้งชุมชนนั่นแหละครับ เมื่อลัทธิบริโภคนิยมไปหลอกเขาว่า จะไม่มีปัญาหาเงินก้อนโตขนาดนี้ได้อีกแล้วในชั่วชีวิตนี้(ซึ่งไม่จริง)

 

แล้วเมื่อใครซื้อที่ดินราคาถูกๆไปแล้ว ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ทีนี้ก็เข้าสู่กระบวนการยึดที่ดินคืน ด้วยมาตรการทางภาษี โดยคิดอัตราภาษีคูนสองไปเรื่อย สุดท้ายค่าภาษีจะแพงกว่าราคาที่ดินที่ซื้อมา ก็ต้องปล่อยที่ดิน(ที่ปล่อยรกร้างไม่ได้ทำประโยชน์อะไร) คืนให้แก่รัฐไป เพื่อรัฐจะเอาไปขายทอดตลาดถูกๆเพื่อให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ได้เข้าถึงปัจจัยการผลิต ด้วยราคาที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงตนเอง สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต แล้วขยับขึ้นเป็นชนชั้นกลางครับ


Edited by เช never die, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:58.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#257 PeaceMan

PeaceMan

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 513 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:02

แนวคิ
 

สำหรับผม ลูกชาวนา ที่ตอนนี้ กู้ยืมเรียน กยศ และ ทำงาน ถือว่า ทำนาไม่เป็นแล้ว คงเป็นคนชั้นกลางที่ทำงานในบริษัทปริมณทล ขอแสดงความเห็นดังนี้
รากเหง้าปัญหาความขัดแย้ง เกิดจาก
กฏหมาย ลงโทษทุจริต คอรัปชั่น ของเรา อ่อนแอ บทลงโทษไม่น่ากลัว มันทำให้คนที่รวย และมีอำนาจทางการเมือง เห็นช่องทางในการเพิ่มพูน ความรวยตนเอง โดยการทำอะไรก็ได้ แบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย
อย่าลืมว่า คนร่างกฏหมายคือ พวกชนชั้นสูงทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ


มันก็วนกลับมาเรื่องการหาวิธีการในการสร้างกลุ่มประชากรชนชั้นกลางให้เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้ครับ
คนรวย - นายทุน
คนชั้นกลาง
แรงงาน - คนยากคนจน
แล้วพอพูดเรื่องการสร้างคนชั้นกลาง มันก็วนกลับมาที่การเพิ่มโอกาศในการเข้าถึงปัจจัยการผลิตหลักของคนยากคนจน เพื่อยกระดับขึ้นเป็นชนชั้นกลาง

จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้
น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร
ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง

โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน
น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ
ขอ cut&paste นะครับ...
รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้
รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น
การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้
ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้
หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ
1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนhttp://www.naewna.co.../columnist/1779
ขอบคุณครับ น่าจะยังไม่ได้ใช้ใช่มั้ยครับ? แต่ก็งงเพราะเป็นที่ดินของทุกคนแต่เหมือนกับว่าแบ่งเป็นสัดส่วนให้แล้ว ซึ่งขายต่อให้"เพื่อนบ้าน"ได้
แล้วถ้ามีนายทุน proxy ชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้วเริ่มกว้านซื้อจนหมดทั้งชุมชนเพราะกฏหมายไม่ได้ห้าม แล้วเอาไปทำเป็น resort เพราะก็ไม่ได้ห้ามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็จะเป็นปัญหาเดิมมั้ยครับ?
คือจริงๆเเล้วทุกmodel มันก็อาจมีช่องโหว่ ให้คนทุจริตได้น่ะครับ เพียงเเต่ว่า วิธีนี้น่าจะช่วย eliminate ความเสี่ยงต่างๆไปได้พอควร...ยิ่งเรื่องที่เอา ที่ไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร ยิ่งชัดเจนว่าไม่น่าผ่านการเห็นชอบจากรัฐ ที่ยังไงเสียก็ยังต้องทำกน้าที่กำกับดูเเล ชุมชนนั้นๆอยู่ เเต่อาจจะต้องปรับเพิ่มเติม ไม่ให้มีการซื้อขายที่ดินเลย เป็นได้เพียงมรดกต่อลูกหลาน หรืออาจทำได้เพียงให้คนในชุมชนเดียวกันเช่าเพื่อเพิ่มผลผลิต

ไอ้ตัวแดงๆนั้น พวกเราเคยทดลองกันมาแล้ว ด้วย "นโยบายปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร" (สปก.4-01) เมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้ว ก็อย่างที่เห็นๆกันนะครับ แม้จะเขียนชัดๆใว้ในกฏหมายว่าห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ แต่ให้ตกทอดถึงทายาทเท่านั้น แต่โดยสภาพความจริงมากกว่า 90% ของที่ สปก.ในปัจจุบัน ไม่ใช่เจ้าของเดิมที่ได้สิทธิ์ สปก.เมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้ว แล้วก็เกินกว่าครึ่งหนึ่งของที่ดิน สปก.ปัจจุบัน ก็ไม่ได้ใช้เพื่อจุดประสงค์เพื่อการเกษตรด้วยซ้ำ
ก็เลยมาตั้งกระทู้นี้ เสนอมาตรการเชิงเศรษฐศาสตร์ เข้าไปควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม อันเป็นต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกในประเทศ ด้วยการเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติช่วยกันผลักดัน "กฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า" ครับ
วิธีการมันจะดูเป็นระบอบสังคมนิยมแบบอ่อนๆอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมี "ประเทศสังคมนิยมอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ประเทศไหนจะมีปัญหากับการใช้ระบอบนี้ ที่สำคัญมันจะเป็นการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขให้กับผู้คนในสังคมอย่างเป็นสำคัญ น่าจะดีกว่าการใช้วิธีการประชาธิปไตยสุดโต่ง แบบมือใครยาว สาวได้-สาวเอา ครับ
ผมเข้าใจที่น้าพูดนะครับ เเต่สปก มันก็มีความต่างอยู่มากในทางปฏิบัติเเละผลที่จะได้รับเมื่อเทียบกับ โฉนดชุมชน...คือการได้ที่ดินไปโดดๆ ไปพัฒนาเอง เมื่อทำนาขาดทุน ไม่มีรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน ก็ไม่มีภูมิต้านทาน...เเต่ถ้าได้ที่ดินพร้อมชุมชน พร้อมระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพประสิทธผล ก็จะก่อรายได้มั่นคง ในที่สุดภูมิต้านทานมันก็เกิดนะครับ...เเต่ย้ำว่าเรื่องโฉนดนี่เป็นเพียง มาตรการเสริมเพื่อคนที่ขาดที่ทำกินบางส่วนเท่านั้น
Edit:(เอามา paste เพิ่มเพื่อน้าเช ไม่ได้อ่านที่ผมตอบไป ก่อนหน้านี้) ผมมองอย่างนี้ครับน้าเช...คือโฉนดชุมชนเนี่ย มีไว้ให้ชาวบ้านที่ยังไม่มีที่ทำกินเลย...เเต่ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ในหลวงท่านทรงสร้างไว้ให้ ต้องกระจายไปสู่ คนที่ทำเกษตรอยู่เเล้วหรือเเม้เเต่พวกที่เช่าที่เขาทำกินอยู่ก็ตาม...เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงเเละยั่งยืน...
ตรง"รายได้ที่มั่นคงยั่งยืนของเกษตรกร" นี่ละครับ ที่จะไปช่วยในส่วน มหาภาคได้
 
การเอาโฉนดไปแจกตรงๆ สร้างเป็นชุมชนร่วมกันใช้ที่ดิน ผมเห็นด้วยครับ
 
แต่จะดีกว่าไหม ถ้าสร้างระบบที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงที่ดินทำกิน ในปริมาณที่จำกัด (สมมุติให้คนละไม่เกินยี่สิบไร่) แต่ได้ทั่วถึงเท่ากันทุกคน เมื่อใครๆก็สามารถเดินไปช็อบที่ดินได้ด้วยราคาไร่ละไม่กี่หมื่นบาท(ถ้าภาษีืั้ดินอัตราก้าวหน้าถูกบังคับใช้ ราคาที่ดินทั่วประเทศมันจะค่อยๆลดต่ำลงเรื่อยๆ จนใครๆก็สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ ในปริมาณที่จำกัด)
 
กับการมีโฉนดชุมชน แต่ไม่มีกฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า แบบนี้ราคาที่ดินก็มีแต่ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ(แต่ไม่มีวันขยับลง) สุดท้ายเมื่อที่ดินที่หนองหมาว้อมันราคาขยับขึ้นไปถึงไร่ละ 10 - 20 ล้าน สุดท้ายมันก็ขายที่ดินกันทั้งชุมชนนั่นแหละครับ เมื่อลัทธิบริโภคนิยมไปหลอกเขาว่า จะไม่มีปัญาหาเงินก้อนโตขนาดนี้ได้อีกแล้วในชั่วชีวิตนี้(ซึ่งไม่จริง)
 
แล้วเมื่อใครซื้อที่ดินราคาถูกๆไปแล้ว ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ทีนี้ก็เข้าสู่กระบวนการยึดที่ดินคืน ด้วยมาตรการทางภาษี โดยคิดอัตราภาษีคูนสองไปเรื่อย สุดท้ายค่าภาษีจะแพงกว่าราคาที่ดินที่ซื้อมา ก็ต้องปล่อยที่ดิน(ที่ปล่อยรกร้างไม่ได้ทำประโยชน์อะไร) คืนให้แก่รัฐไป เพื่อรัฐจะเอาไปขายทอดตลาดถูกๆเพื่อให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของ ได้เข้าถึงปัจจัยการผลิต ด้วยราคาที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงตนเองครับ

ครับ...ผมเห็นด้วย กับการ ที่จะทำให้ราคาที่ดิน ไม่โดนปั่น จนเกินราคาจริง จนทำให้ชาวนาเเห่ขายที่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นขนานใหญ่ มาเเล้วในยุคน้าชาติ

พอได้เงินก้อนมา ก็บริหารไม่เป็นซื้อรถกระบะ มอร์ไซค์ ปลูกบ้านใหม่ ้จ่ายเป็นเเต่ทำให้งอกเงยไม่ได้ ที่สุดจากที่เคยจนเเต่มีที่ กลายเป็นหนี้เเล้วยังต้องเช่าที่คนอื่นทำนา...

#258 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:09

แล้วที่สำคัญ เมื่อราคาที่ดินขยับลงเรื่อยๆ มันก็จะไปลดแรงกดดันในกา่รแผ้วถางบุกรุกทำลายป่า ทำลายทรัพย์กรธรรมชาติไปในตัว เอาเข้าจริงเดี๋ยวจะได้เห็นคนทิ้งที่ สปก. ทิ้งที่ ภทบ.กันทั่วประเทศละครับ

 

แต่ส่วนที่ยกที่สุดของเรื่องภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า ก็คือการพยายามผลักดันออกมาใช้นี่แหละครับ อย่างที่รู้กันอยู่ว่าที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ทั่วประเทศกว่า 40% อยู่ในมือคนไม่ถึง0.000001% ของจำนวนประชากร แต่ไอ้คนจำนวนน้อยที่สุดของสังคมนี่แหละ ที่มีกำลังภายในเหนือกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆแบบเทียบกันไม่ติด ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทางการเมือง อำนาจทางเศรษฐกิจ และอำนาจเถื่อน

 

ยากที่จะทำให้คนพวกนี้ยอมเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุขกับเพื่อนร่วมสังคมกลุ่มอื่นๆ(ก็แหงละ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยสดโต่ง+เผด็จการทุนนิยม ตัวมันและครอบครัว สบายแล้ว) ยากที่จะทำให้คนจำนวนน้อยนิดนี้(แต่มีอิทธิพลมาก) ให้ความเห็นชอบ สนับสนุนแนวทางสังคมนิยมแบบอ่อนๆนี้


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#259 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:58

และที่สำคัญ ไม่ว่าแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงจะดีสมบูรณ์แบบแค่ไหน

 

แต่เมื่อเกษตรกรเกินกว่าครึ่ง ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง ต้องเช่าที่เค้าทำมาหาเลี้ยงชีวิต ต้องเร่งผลิตป้อนสู่ตลาดทุนนิยม เพื่อให้ได้ผลผลิตมากๆ แบบนี้แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากครับ

 

แต่ถ้าเราทำไห้ราคาที่ดินลดลงเรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งใครๆก็นำเอาแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงไปทดลองใช้ได้เลย แบบนี้มันจะดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่า


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#260 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:39

ผ่านตั้งแต่หน้าแรก ตามที่กระผมได้อภิปรายแจกแจงมาโดยระเอียดเป็นข้อๆ ถึงรากเหง้าที่มาที่ไปของปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ คงจะพอเปิดของคว่ำให้เป็นของหงายให้กับเพื่อนพี่น้องร่วมชาติทุกสีทุกฝ่ายมาพอสมควร จนมาถึงหน้านี้เรปนี้ จึงอยากจะขอถามพี่ๆเสื้อแดงทั้งแดงล้มเจ้าและแดงไม่ล้มเจ้า ที่ผ่านมา ที่บรรดาอาจารย์ฝั่งแดงหลายๆตัว พยายามใส่สีตีไข่ ก่นด่าประณามเจ้า ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าให้พวกเดียวกันฟัง-ดูอยู่นั้น เป็นธรรมกับเจ้าแล้วหรือ

 

ผมเองโดยส่วนตัวก็ไม่ใช่รอยัลลิสท์เท่าไหร่ ออกๆจะเป็นริเบอร์รัล(ขนานแท้เสียด้วย) แต่ผมไม่สามารถทนดูพวกริเบอร์รัล-ริเบอร์รั่ว(มั่วมาเป็นริเบอร์รัล โดยไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร) โจมตีใส่ร้ายป้ายสีเจ้าทั้งนอกสถานศึกษาและในสถานศึกษา (เคยสงสัยมานานแล้วว่าสัดนารกตัวไหน อนุมัติให้สัดนารกล้มเจ้าไปนั่งล้างสมองนักเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นนำของชาติเกลียดเจ้า) แล้วมาอ้างเสรีภาพทางวิชาการ ทั้งที่สถาบันกษตริย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น

 

อันที่จริงจะว่าไปผมว่าฝ่ายเจ้าก็รู้ว่าอ้ายพวกอาจานขี้กากพวกนี้รับงานมาจากเศรษฐีขี้ครอก เพื่อทำลายเจ้า แต่เมื่อเป็นเจ้า ต้องดำรงพระสถานะความเป็นกลางทางการเมือง จึงไม่อาจบอกใครได้ว่าไอ้อาจานขี้กากพวกนี้มันกำลังใส่ร้ายป้ายสีฉัน

 

โอเคละ ด้วยความเป็นมนุษย์ มันก็ต้อง nobody perfect กันบ้าง มี Human Error กันบ้าง แต่เมื่อเทียบชั่งน้ำหนักกับเรื่องเล็กๆน้อยๆของฝ่ายเจ้า เทียบกับที่ทรงงานหนักจนพระเสโทหยด มาตลอดหลายสิบปี ทั้งในฐานะองค์พระประมุขของชาติ ทั้งในการเสด็จเยี่ยมราษฏรของพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อเยียวยาความบอบช้ำของสังคมชายขอบที่มาจากความโลภของเพื่อนร่วมชาติ ที่โชคดี อยู่ใกล้ความเจริญได้ผลประโยชน์จาก "การพัฒนา" อย่างเต็มที่ โดยใช้คาถาซ้ำๆซากๆ ที่เรียกขานกันว่า "ประชาธิปไตย-เศรษฐกิจทุนนิยม" โดยกลุ่มสังคมที่เรียกขานกันว่ากลุ่มนายทุน ซึ่งเป็นประชากรเพียงน้อยนิด และมีไอ้แม้วเป็นหัวหอกแกนนำอยู่ในปัจจุบัน

 

ทีนี้ผมขอถามพี่ๆเสื้อแดงอีกครั้ง ทั้งเสื้อแดงล้มเจ้าและเสื้อแดงไม่ล้มเจ้า ช่วยพิจารณาด้วยหัวใจที่เป็นธรรมและเลือดรักชาติแท้ๆของพี่ๆ ที่ถูกแล้วเราควรล้มล้างราชวงศ์ หรือเราควรล้มล้างระบอบทักษินและบรรดาครูบาอาจารย์ขี้กากที่กำลังทำการล้างสมองเยาวชนของเราในสถานศึกษาต่างๆให้แอนตี้เจ้า มากกว่ากันครับ


Edited by เช never die, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:26.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#261 RED MORON

RED MORON

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,099 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:51

ต้องยึดหลักเหตุผลและบริบทของบ้านเมืองครับ แต่ไอ้พวกลิเบอรัลในปัจจุบันมันยังคิดจะไปถล่มคุกบาสตีย์ในมโนอยู่เลย พวกล้มเจ้าบางพวกนี่ยิ่งแปลก มันไปขอเครื่องราชซะงั้น พวกล้มบางตัวก็ยังใช้ มล อยู่หน้าชื่ออยู่เลย มันบ้าโดยแท้

#262 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:12

ต้องยึดหลักเหตุผลและบริบทของบ้านเมืองครับ แต่ไอ้พวกลิเบอรัลในปัจจุบันมันยังคิดจะไปถล่มคุกบาสตีย์ในมโนอยู่เลย พวกล้มเจ้าบางพวกนี่ยิ่งแปลก มันไปขอเครื่องราชซะงั้น พวกล้มบางตัวก็ยังใช้ มล อยู่หน้าชื่ออยู่เลย มันบ้าโดยแท้

 

 

ระวังเพื่อนๆเสื้อแดง 1.0 กับ 2.0 (ควายแดงบัตรเติมเงินสมุนรับใช้นายทุน+ควายแดงล้มเจ้า) เค้าจะจับได้ว่าปลอมตัวไปเป็น "แดงมาโซคิส" นะท่าน  ....    เดี๋ยวจะเสียแผนการใหญ่ของพวกเราหมด  ....    -_- -_- -_-

 

ปล.เสื้อแดง 1.0 หมายถึงเสื้อแดงประเภทที่ 1 และเสื้อแดง 2.0 หมายถึงเสื้อแดงประเภทที่ 2 ครับ


Edited by เช never die, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:37.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#263 RED MORON

RED MORON

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,099 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:42

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

Edited by RED MORON, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:45.


#264 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:01

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย


Edited by เช never die, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:13.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#265 RED MORON

RED MORON

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,099 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:09

ใช้วิธีเวรคืน + เก็บภาษีที่ดิน ครับ

ซื้อที่คืนตามราคาประเมิน ทำให้นายที่ดินมีเงินจำนวนมาก ต้องเอาเงินออกมาใช้หรือไปลงทุน อันนี้ทำให้เศรษฐกิจดี

ภาษีที่ดินเพื่อป้องกันไม่ให้นายที่ดินกลับไปกักตุนที่ดินอีก

แต่ต้องมีระบบตรวจสอบว่าไอ้ตอนแรกที่ได้ที่ดินมามากๆน่ะ มันทำยังไง ระบบตรวจสอบนอมินีก็ต้องเข้มแข็ง

#266 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:17

ใช้วิธีเวรคืน + เก็บภาษีที่ดิน ครับ

ซื้อที่คืนตามราคาประเมิน ทำให้นายที่ดินมีเงินจำนวนมาก ต้องเอาเงินออกมาใช้หรือไปลงทุน อันนี้ทำให้เศรษฐกิจดี

ภาษีที่ดินเพื่อป้องกันไม่ให้นายที่ดินกลับไปกักตุนที่ดินอีก

แต่ต้องมีระบบตรวจสอบว่าไอ้ตอนแรกที่ได้ที่ดินมามากๆน่ะ มันทำยังไง ระบบตรวจสอบนอมินีก็ต้องเข้มแข็ง

 

 

แล้วแต่มวลมหาประชาชนจะร่วมกันพิจารณาครับ

 

ผมแค่นำเสนองาน ด้วยภาษาชาวบ้านง่ายๆ

 

ที่เหลือ ทุกสี ทุกฝ่าย ที่มีใจรักชาติจริง จะต้องเอาไปตกลงกันเอง

 

เรื่องนี้ ผมหมดหน้าที่แค่ในเวบบอร์ดนี้ครับ


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#267 Nan

Nan

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 65 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:48

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)



#268 Nan

Nan

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 65 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:52

หายไปเกือบวัน กลับมาตามแทบไม่ทัน :wacko:



#269 Vekakav Vkkn

Vekakav Vkkn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 881 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:04

ต่อจาก

#267

 

การให้ยืม ก็ต้องเขียนกฎหมายกันไว้น่ะครับ

 

แต่กรณีที่คุณ แนน บอกนั่นคือการครอบครอง ปรปักษ์

โดยอยู่ในที่ดินคนอื่นเกินสิบปีโดยไม่มีการทักท้วงจากเจ้าของ ก็จะเป็นเจ้าของได้เลย

 

 

 

ปล อันนี้เสริม(ไม่เกี่ยวกะประเด็นคุณ  Nan)

 

บางทีเจ้าของที่ดินที่เป็นชาวนาเอง หากได้เป็นเจ้าของ

หากมีรายได้ทางอื่น บางทีเจ้าของเองนั่นแหละที่เลือกจะปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ทำอะไร และให้เช่าแทน

แน่นอนค่าเช่าก็จะกีดกันเกษตรกร ไร้ที่ทำกินอีกที


โหมด ผ่อนคลาย


#270 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:28

 

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)

 

 

หวัดดีตอนเช้าครับ ...

 

เข้าประเด็น อันนี้อยากให้มองภาพรวมๆกว้างๆ ถ้ากฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ มันจะเกิดพลวัต(หรือความโกลาหล ก็ไม่รู้)ไปทั่วทั้งสังคม ขึ้นอยู่กับการออกแบบในรายระเอียดของกฏิกาว่าจะยอมรับกันได้มากสุดแค่ไหน เราออกแบบได้ ไม่ต้องเดินตามอย่างใคร เอาจุดที่คนส่วนใหญ(ที่เป็นส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ส่วนใหญ่เทียมๆ)เห็นพ้องต้องกัน เป็นต้นว่าเขียนเพิ่มในกฏหมายว่าถือครองได้คนละไม่เกินยี่สิบไร่ไม่ต้องเสียภาษี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไปตกลงกันเอาเองว่าจะให้แค่พอทำกินเหลือขายนิดหน่อย ก็ไปกำหนดอัตราภาษีว่า ถ้าเกินยี่สิบไร่แต่ไม่เกิน 50 ไร่ 100 ไร่ 200 ไร่ ก็เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เกินกำลังจ่าย หรือไปกระทบต้นทุนมากนัก สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเกษตร

 

แต่ไปเล่นหนักๆก็ตอนที่มันเกิน 1000 ไร่ 2000 อันนี้ต้องมีกรรมการจากหลายภาคส่วนมาร่วมพิจารณาเป็นรายๆไป คุณเอาที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ไปใช้ไปทำประโยชน์อะไร มันคุ้มกับที่คุณจะเสียภาษีไหม คุณทำประโยชน์บนที่ดินจริงหรือเปล่า มีคณะกรรมการในท้องถิ่นลงไปดูทุกสามเดดือน-หกเดือน ถ้าเข้าเกณฑ์ปล่่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรงอกเงย ก็หยิบอัตราคูณ 2 มาใช้เพิ่มเข้าไปทุกปีจากฐานประเมินราคาที่ดินเป็นอัตราภาษี

 

ถึงตอนนี้คุณก็ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรซักอย่างแล้ว (จากปัจจุบันที่แย่งยึดปัจจัยการผลิตหลักมาจากเกษตรกรแล้วนอนกระดิกเท้าไม่ทำอะไร) กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาคนมาเช่าทำกินบนที่รกร้างว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อที่แปลงใหญ่ๆรกร้างว่างเปล่าทั่วประเทศถูกกระตุ้นให้ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจพร้อมๆกัน ผลที่ตามมา การจ้างงานภาคเกษตร การพัฒนาจักรกลการเกษตรแทนแรงงานคน ยังไม่พูดถึงอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่จะต้องแย่งกันหาคนมาเช่า คนเช่าก็มีหน้าที่ทำให้เกิดผลผลิต ไม่อย่างนั้นคนเช่าที่ซวย ถ้าหาตัวคนเช่าที่ไมาเจอตัวก็ไปใล่บี้กับเจ้าของที่ ที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

 

เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ในทางราบ ที่ประมวลภาพให้เห็นชัดๆเลยก็คือปัญหาการจราจรแออัดในเมืองใหญ่มันจะคลายตัวลงไปเองตามธรรมชาติ เมื่อผู้คนอพยพออกไปใช้ประโยชน์ที่ดินในมิติต่างๆ การจราจรในกรุงเทพฯจะโล่งเบย..  รับรอง


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#271 Nan

Nan

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 65 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:29

ต่อจาก

#267

 

การให้ยืม ก็ต้องเขียนกฎหมายกันไว้น่ะครับ

 

แต่กรณีที่คุณ แนน บอกนั่นคือการครอบครอง ปรปักษ์

โดยอยู่ในที่ดินคนอื่นเกินสิบปีโดยไม่มีการทักท้วงจากเจ้าของ ก็จะเป็นเจ้าของได้เลย

 

 

 

ปล อันนี้เสริม(ไม่เกี่ยวกะประเด็นคุณ  Nan)

 

บางทีเจ้าของที่ดินที่เป็นชาวนาเอง หากได้เป็นเจ้าของ

หากมีรายได้ทางอื่น บางทีเจ้าของเองนั่นแหละที่เลือกจะปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ทำอะไร และให้เช่าแทน

แน่นอนค่าเช่าก็จะกีดกันเกษตรกร ไร้ที่ทำกินอีกที

เกียวนิดนึงค่ะ คือก้อเนี่ยแหละ พิ้นที่เคยเป็นที่นา เคยให้คนเช่าทำนาแต่ตอนนี้ไม่ได้ให้เช่า เพราะกฏหมายตัวนี้ (การครอบครอง ปรปักษ์) ไม่อยากให้ที่ดินรกร้าง อยากให้มีประโยชกับคนอื่นที่ต้องการแต่ก้อกลัวว่าเค้าจะยึดถือเป็นกรรมสิทธเค้าไป อยากให้มีกฏหมายที่ชัดเจนกว่านี้ในการเช่าหรือยืม  หนะค่ะ  เพราะถึงเวลา กว่าจะสู้ในศาลเสร็จ ก็เกื่อบสิบปี

 

 

สรป คือ หนึ่งในการปฏิรูปที่ดิน ที่ มีการ แบ่ง เช่า หรือ ยืม จากเจ้าของที่ดินเพื่อการเกษตร -  ต้องเพิ่มกฏหมาย ในการ ยืมหรือ เช่า พื่นที่ให้รัดกุม ทั้งกำหนดระยะเวลา และประโยชน์การใช้งานของพื้นที่ เพื่อความโปรงใสของทั้งฝ่ายเช่า (ยืม) หรือ ให้เช่า (ยืม)



#272 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:37


ต่อจาก

#267

 

การให้ยืม ก็ต้องเขียนกฎหมายกันไว้น่ะครับ

 

แต่กรณีที่คุณ แนน บอกนั่นคือการครอบครอง ปรปักษ์

โดยอยู่ในที่ดินคนอื่นเกินสิบปีโดยไม่มีการทักท้วงจากเจ้าของ ก็จะเป็นเจ้าของได้เลย

 

 

 

ปล อันนี้เสริม(ไม่เกี่ยวกะประเด็นคุณ  Nan)

 

บางทีเจ้าของที่ดินที่เป็นชาวนาเอง หากได้เป็นเจ้าของ

หากมีรายได้ทางอื่น บางทีเจ้าของเองนั่นแหละที่เลือกจะปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ทำอะไร และให้เช่าแทน

แน่นอนค่าเช่าก็จะกีดกันเกษตรกร ไร้ที่ทำกินอีกที


 

เมื่ออุปสงค์อุปทานมันเปลี่ยนไป เมื่อทุกคนเริ่มเข้าถึงที่ดินทำกินได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของที่รายใหญ่ก็จะเริ่มหาคนมาเช่าไม่ได้ เพราะใครๆก็มีที่ดินเป็นของตนเอง สุดท้ายก็ต้องลงมาทำเอง หรือสุดท้ายก็ต้องโดนภาษีท่วมราคาที่ดิน ต้องปล่อยให้เป็นของรัฐเหมือนเดิม


Edited by เช never die, 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:38.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#273 Nan

Nan

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 65 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:37

 

 

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)

 

 

หวัดดีตอนเช้าครับ ...

 

เข้าประเด็น อันนี้อยากให้มองภาพรวมๆกว้างๆ ถ้ากฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ มันจะเกิดพลวัต(หรือความโกลาหล ก็ไม่รู้)ไปทั่วทั้งสังคม ขึ้นอยู่กับการออกแบบในรายระเอียดของกฏิกาว่าจะยอมรับกันได้มากสุดแค่ไหน เราออกแบบได้ ไม่ต้องเดินตามอย่างใคร เอาจุดที่คนส่วนใหญ(ที่เป็นส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ส่วนใหญ่เทียมๆ)เห็นพ้องต้องกัน เป็นต้นว่าเขียนเพิ่มในกฏหมายว่าถือครองได้คนละไม่เกินยี่สิบไร่ไม่ต้องเสียภาษี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไปตกลงกันเอาเองว่าจะให้แค่พอทำกินเหลือขายนิดหน่อย ก็ไปกำหนดอัตราภาษีว่า ถ้าเกินยี่สิบไร่แต่ไม่เกิน 50 ไร่ 100 ไร่ 200 ไร่ ก็เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เกินกำลังจ่าย หรือไปกระทบต้นทุนมากนัก สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเกษตร

 

แต่ไปเล่นหนักๆก็ตอนที่มันเกิน 1000 ไร่ 2000 อันนี้ต้องมีกรรมการจากหลายภาคส่วนมาร่วมพิจารณาเป็นรายๆไป คุณเอาที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ไปใช้ไปทำประโยชน์อะไร มันคุ้มกับที่คุณจะเสียภาษีไหม คุณทำประโยชน์บนที่ดินจริงหรือเปล่า มีคณะกรรมการในท้องถิ่นลงไปดูทุกสามเดดือน-หกเดือน ถ้าเข้าเกณฑ์ปล่่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรงอกเงย ก็หยิบอัตราคูณ 2 มาใช้เพิ่มเข้าไปทุกปีจากฐานประเมินราคาที่ดินเป็นอัตราภาษี

 

ถึงตอนนี้คุณก็ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรซักอย่างแล้ว (จากปัจจุบันที่แย่งยึดปัจจัยการผลิตหลักมาจากเกษตรกรแล้วนอนกระดิกเท้าไม่ทำอะไร) กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาคนมาเช่าทำกินบนที่รกร้างว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อที่แปลงใหญ่ๆรกร้างว่างเปล่าทั่วประเทศถูกกระตุ้นให้ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจพร้อมๆกัน ผลที่ตามมา การจ้างงานภาคเกษตร การพัฒนาจักรกลการเกษตรแทนแรงงานคน ยังไม่พูดถึงอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่จะต้องแย่งกันหาคนมาเช่า คนเช่าก็มีหน้าที่ทำให้เกิดผลผลิต ไม่อย่างนั้นคนเช่าที่ซวย ถ้าหาตัวคนเช่าที่ไมาเจอตัวก็ไปใล่บี้กับเจ้าของที่ ที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

 

เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ในทางราบ ที่ประมวลภาพให้เห็นชัดๆเลยก็คือปัญหาการจราจรแออัดในเมืองใหญ่มันจะคลายตัวลงไปเองตามธรรมชาติ เมื่อผู้คนอพยพออกไปใช้ประโยชน์ที่ดินในมิติต่างๆ การจราจรในกรุงเทพฯจะโล่งเบย..  รับรอง

 

สวัสดีค่ะน้าเช

 

เห็นด้วย แต่เริ่มเล่นหนักที่ 500+ ไร่ขึ้นไปก้อน่าจะได้นะค่ะ

 

อีกอย่างการปฏรูปที่ดินอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของความแออัด หรือ คนละทิ้งถิ่นฐาน นะค่ะ  อีกอย่างที่อยากให้น้าเชเปิดอีกประเด็น คือการกระจายตัวของโรงงาน อุตสาหกรรม ใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้อีกหลายๆครอบครัวที่ไม่มีความรู้ทางเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้น การกินอยู่ที่ดีขึ้น และไม่ต้องอบพยบย้ายถิ่นฐานนะคะ



#274 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:50

 

 

 

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)

 

 

หวัดดีตอนเช้าครับ ...

 

เข้าประเด็น อันนี้อยากให้มองภาพรวมๆกว้างๆ ถ้ากฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ มันจะเกิดพลวัต(หรือความโกลาหล ก็ไม่รู้)ไปทั่วทั้งสังคม ขึ้นอยู่กับการออกแบบในรายระเอียดของกฏิกาว่าจะยอมรับกันได้มากสุดแค่ไหน เราออกแบบได้ ไม่ต้องเดินตามอย่างใคร เอาจุดที่คนส่วนใหญ(ที่เป็นส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ส่วนใหญ่เทียมๆ)เห็นพ้องต้องกัน เป็นต้นว่าเขียนเพิ่มในกฏหมายว่าถือครองได้คนละไม่เกินยี่สิบไร่ไม่ต้องเสียภาษี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไปตกลงกันเอาเองว่าจะให้แค่พอทำกินเหลือขายนิดหน่อย ก็ไปกำหนดอัตราภาษีว่า ถ้าเกินยี่สิบไร่แต่ไม่เกิน 50 ไร่ 100 ไร่ 200 ไร่ ก็เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เกินกำลังจ่าย หรือไปกระทบต้นทุนมากนัก สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเกษตร

 

แต่ไปเล่นหนักๆก็ตอนที่มันเกิน 1000 ไร่ 2000 อันนี้ต้องมีกรรมการจากหลายภาคส่วนมาร่วมพิจารณาเป็นรายๆไป คุณเอาที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ไปใช้ไปทำประโยชน์อะไร มันคุ้มกับที่คุณจะเสียภาษีไหม คุณทำประโยชน์บนที่ดินจริงหรือเปล่า มีคณะกรรมการในท้องถิ่นลงไปดูทุกสามเดดือน-หกเดือน ถ้าเข้าเกณฑ์ปล่่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรงอกเงย ก็หยิบอัตราคูณ 2 มาใช้เพิ่มเข้าไปทุกปีจากฐานประเมินราคาที่ดินเป็นอัตราภาษี

 

ถึงตอนนี้คุณก็ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรซักอย่างแล้ว (จากปัจจุบันที่แย่งยึดปัจจัยการผลิตหลักมาจากเกษตรกรแล้วนอนกระดิกเท้าไม่ทำอะไร) กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาคนมาเช่าทำกินบนที่รกร้างว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อที่แปลงใหญ่ๆรกร้างว่างเปล่าทั่วประเทศถูกกระตุ้นให้ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจพร้อมๆกัน ผลที่ตามมา การจ้างงานภาคเกษตร การพัฒนาจักรกลการเกษตรแทนแรงงานคน ยังไม่พูดถึงอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่จะต้องแย่งกันหาคนมาเช่า คนเช่าก็มีหน้าที่ทำให้เกิดผลผลิต ไม่อย่างนั้นคนเช่าที่ซวย ถ้าหาตัวคนเช่าที่ไมาเจอตัวก็ไปใล่บี้กับเจ้าของที่ ที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

 

เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ในทางราบ ที่ประมวลภาพให้เห็นชัดๆเลยก็คือปัญหาการจราจรแออัดในเมืองใหญ่มันจะคลายตัวลงไปเองตามธรรมชาติ เมื่อผู้คนอพยพออกไปใช้ประโยชน์ที่ดินในมิติต่างๆ การจราจรในกรุงเทพฯจะโล่งเบย..  รับรอง

 

สวัสดีค่ะน้าเช

 

เห็นด้วย แต่เริ่มเล่นหนักที่ 500+ ไร่ขึ้นไปก้อน่าจะได้นะค่ะ

 

อีกอย่างการปฏรูปที่ดินอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของความแออัด หรือ คนละทิ้งถิ่นฐาน นะค่ะ  อีกอย่างที่อยากให้น้าเชเปิดอีกประเด็น คือการกระจายตัวของโรงงาน อุตสาหกรรม ใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้อีกหลายๆครอบครัวที่ไม่มีความรู้ทางเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้น การกินอยู่ที่ดีขึ้น และไม่ต้องอบพยบย้ายถิ่นฐานนะคะ

 

 

แล้วแต่จะไปตกลงกันครับ จะเริ่มที่กี่ไร่เพื่อเอามาปฏิรูปให้เกษตรกรที่ต้องการที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง เอาเข้าจริง ในหลวงเคยมีพระราชดำรัสว่า 5 ไร่ก็เพียงพอทำอยู่ทำกินแล้ว แต่จะให้ดีต้องประมาณ 8 ไร่ สำหรับหนึ่งครอบครัว จากที่ทรงได้ทดลองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนที่จะโดนอัตราภาษีก้าวหน้าจะไปเริ่มที่กี่ไร่

 

ผมว่าขณะที่กำลังคุยกันอยู่แล้วมีเส้นสายแลนด์ลอร์ดมาเห็น ป่านนี้พี่แกแจ้งไปยังลูกพี่ให้ไปซอยแบ่งที่ตัวเองหาซื่อคนมาใส่กันขาขวิดแล้ว รู้สึกเป็นแบบนี้มามาสอง 2 - 3 แล้วด้วย แต่ก็ทำกันไป เด๋ี๋ยวมีคนลงไปดู ใช่ว่าซอยที่ดินเหลือแปลงละยี่สิบไร่แล้วจะรอด ไม่ว่าใครถือครองใว้ตั้งแต่ 1 ตารางนิ้วขึ้นไปแล้วไม่ทำประโยชน์อะไรบนที่ดินนั้น จะโดนอัตราภาษีก้าวหน้ากันถ้วนหน้าครับ


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#275 ท้อป

ท้อป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 341 posts

ตอบ 17 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:59

พักนอนไปสองวัน กะทู้นี้ยาวดีจัง มีคำถามเรื่องภาษีอัตราเพิ่มนะครับ

1. เฉพาะที่ดินเกษตร์หรือว่าที่ดินทุกๆแปลงในประเทศ

2. ถ้าไม่ใช้ที่ดินภาษีจะเพิ่มขึ้นนี่ ถ้านายทุนจ้างคนสองคนมาทำๆเดินๆบนที่ แต่ไม่ได้มีผลผลิตอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน รัฐจะรู้หรือจะถือว่าไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์รึป่าว

3. ใช้ให้เป็นประโยชน์นี่จะต้องเป็นทางการเกษตร์อย่างเดียวรึป่าว

 

ข้อสุดท้ายนี่ถือว่าเป็นการออกความเห็นสำหรับความเท่าเทียมกันในทุกฝ่าย (คุณเชบอกว่า landlord มา ผมว่าผมคงต้องโทษข้อหานี้ด้วยแล้ว สาวกใหม่ๆที่นี่มีความสามารถสูงในเรื่องการดูคนเหมือนคนเชเลยครับ อ่านแว๊บเดียวรู้ว่าใครชอบเสื้อสีไหน ส่วนเต่าล้านปีแบบผมเนี่ยพัฒนาสมองส่วนนี้ไม่ได้สักที :D )

4. ถ้าผมเป็นคนชั้นกลางมีลูกเยอะ พอมีเงินเหลือเก็บได้ ไม่ต้องการลุงทุนต่างประเทศ ลงทุนทองหรือหุ้นหรืออื่น แต่ชอบลงทุนที่ดินหรืออยากได้ที่ดินไว้แบ่งให้ลูกหลาน แต่ขณะนี้ไม่ใช่ชาวไร่ชาวนาซื้อไปก็ยังไม่ได้ใช้ทำอะไร กฏหมายแบบนี้จะไม่เป็นการตัดหนทางหารายด้ายสำหรับคนลักษณะนี้เหรอครับ? (ตัวอย่างจริงก็แม่ผมเอง ซื้อไว้ให้ ไม่ได้เยอะ บรรพบุรุษของแฟนผมนี่เยอะมาก)

 

อันนี้นอกเรื่องภาษี

จริงหรือครับว่าชาวบ้านจะลืมตาอ้าปากได้เพราะไม่ต้องเช่าที่ทำไร่ไถนา จริงแค่ไหนเหตุผลการบุกลุกทำลายป่าไม้เป็นการเข้าไปทำไร่ ส่วนตัวแล้วผมว่าพวกตัดไม้ขายมีส่วนทำให้ป่าต้นน้ำและป่าลึกลดหายไปมาก ส่วนนี้เป็นตัวทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่และน้ำแล้งในช่วงปัจจุบัน และปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวกับการทำลายป่าตามมา โดยสรุปแล้วผมก็ไม่มีตัวเลขอะไรที่จะยีนยัน แต่รู้สึกว่ามันจะเป็นการแก้ที่กลางหรือปลายเหตุ ซึ่งน่าจะได้ผลบ้างแต่ผมว่านายทุนน่าจะหาช่องโหว่เล็ดลอดได้เหมือนเดิมครับ



#276 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:41

ขอตอบคุณท็อปเป็นข้อๆนะครับ ....

 

ข้อ 1. เฉพาะที่ดินเกษตร์หรือว่าที่ดินทุกๆแปลงในประเทศ

ตอบ. เข้าใจว่าทุกแปลงทั่วประเทศครับ

 

ข้อ  2. ถ้าไม่ใช้ที่ดินภาษีจะเพิ่มขึ้นนี่ ถ้านายทุนจ้างคนสองคนมาทำๆเดินๆบนที่ แต่ไม่ได้มีผลผลิตอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน รัฐจะรู้หรือจะถือว่าไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์รึป่าว

ตอบ. อันนี้ผมไม่รู้ว่ามีเขียนใว้ในกฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าฉบับคุณกรณ์หรือเปล่า แต่ในกระทู้นี้ได้วางแนวทางป้องกันการซิกแซ็กใว้บ้างพอประมาณแล้ว ลองพลิกกลับไปดูครับ

 

ข้อ 3. ใช้ให้เป็นประโยชน์นี่จะต้องเป็นทางการเกษตร์อย่างเดียวรึป่าว

ตอบ. ความหมายของทำประโยชน์ ก็คือซื้อไปทำประโยชน์ ทำโกดัง ทำโรงงาน ทำสวนป่าสัก ปลูกลำใย ปลูกข้าว ทำสนามฟุตบอล ทำสำนักงาน ฯลฯ ทำอะไรก็ได้ที่มันจะทำให้เกิดผลผลิตงอกเงยในระบบเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดห่วงโซ่-สายพานการผลิตที่ต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ ยกเว้นเอาไปเก็งกำไร แล้วบอกว่ากำไรนี้คือการงอกเงยจากราคาที่ดิน นี่คือการใช้ประโยชน์จากที่ดิน อันนี้จะยกเว้น ไม่ถือว่านำเอาที่ดินไปใช้ประโยชน์ เข้าข่ายต้องเสียภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า

 

ข้อ 4.นี่แหละที่ขออนุญาติตำหนิท่านผู้ถาม ที่ไม่อ่านรายระเอียดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ผมแสดงมาตั้งแต่หน้าแรกให้ระเอียด ทีละบันทัด...

 

เมื่อกฏหมายภาษีที่ดินบังคับใข้ ค่านิยมการใช้ที่ดินของสมาชิกในสังคมมันจะเปลี่ยนไป และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ที่ดินกว่า 40% ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมายและถูกทิ้งรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ที่อยู่ในมือนายทุน ก็จะค่อยๆกลับมาเป็นของสาธารณะ ที่ใครๆก็เข้าไปจับจองซื้อหาได้อย่างจำกัดจำนวน ด้วยราคาไม่เหลือบ่ากว่าแรง

 

แบบนี้ แม่ที่มีลูกหลายๆคนจะไปซื้อที่ใว้ให้ลูกทำไม ทำไมไม่รอให้ลูกโตแล้วค่อยหาเงินซื้อเอง เมื่อราคาที่ดินไม่แพงเกินใครเอื้อม

 

ส่วนคำถามที่ว่า จริงหรือครับว่าชาวบ้านจะลืมตาอ้าปากได้เพราะไม่ต้องเช่าที่ทำไร่ไถนา จริงแค่ไหนเหตุผลการบุกลุกทำลายป่าไม้เป็นการเข้าไปทำไร่

 

งั้นคุณต้องตอบคำถามให้ได้ว่าทำไมจึงมีการซื้อขายเปลี่ยนมือโฉนดที่ดินกัน แรงขับดันอะไรผลักดันนายทุนให้กว้านซื้อที่ดิน และต้องตอบให้ได้ว่าแรงขับดันอะไรผลักดันคนให้บุกรุกป่าสงวนเข้าไปจับจองที่ดินทำกินจนต้องออก สปก.มาแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้ แล้วแรงอะไรที่ผลักดันคนกลุ่มนี้ให้ขายที่ดิน สปก.ให้นายทุน แล้วบุกรุกเข้าไปจับจองที่ดิน ภทบ.  จากที่ดิน ภทบ. ตอนนี้ซื้อขายกันไปถึงใบจับจองกันแล้ว (เดินเข้าไปในป่า เอาเชือกกั้นๆ แล้วไปแจ้งกำนันว่าฉันจับจองตรงนี้ กำนันก็ออกเอกสารให้ นานๆไปพอมีแบบนี้ทั่วประเทศเป็นแสนเป็นล้านคดี สุดท้ายก็ต้องยอมให้มันเป้นสิ่งถูกกฏหมาย ซึ่งไม่ถูกต้อง)

 

ท้ายที่สุดรัฐก็ต้องยอมจำนน ยอมใช้หลักรัฐศาสตร์เข้าแก้ปัญหา ยอมให้การครอบครองที่ดินโดยผิดกฏหมายทั้งหมดนี้ กลายเป็นถูกกฏหมาย สุดท้ายถ้ามันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้เรื่อยๆ สุดท้ายประเทศนี้ก็ไม่เหลือป่าสงวนสักตารางเมตรเดียว และที่สำคัญปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งขยายถ่างกว้างออกไปเรื่อยๆ เมื่อถึงวันหนึ่งไม่มีป่าเหลือให่้คนเข้าไปถากถางจับจองแล้ว และที่ดินที่ถูกต้องตามกฏหมายทั่วประเทศก็อยู่ในมือนายทุนไม่กี่สิบคนแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่มีโอกาศแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำแล้วครับ กลายเป็นระบอบทาศ - นายทาศ ในที่สุด

 

อีดิต แก้ไขสี...


Edited by เช never die, 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:48.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#277 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:00

และส่วนที่ทำให้ผมแน่ใจในผลการวิเคราะมาทั้งหมดของผมนี้ ก็ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ที่จะชี้เป็นตัวอย่างให้ดูสักอย่าง-สองอย่างนะครับ

 

อันแรก ส่วนที่สำคัญที่สุด ผมไม่เคยเห็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสถาบันพระมหากษตริย์กับปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม (ผมไม่เคยเห็นเจ้า หรือลูกน้องเจ้า ฯลฯ ไปแย่งยึดที่ดินทำกินเอามาจากชาวบ้า่นคนไหนๆ เพื่อเอาไปเป็นของตนเอง)

 

อันที่สอง ผมเห็นจุดเชื่อมต่อชัดเจนระหว่าง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยสุดโต่ง+เผด็จการทุนนิยม ที่มีผลโดยตรงต่อปัญหาความเหลื่อมล้ำ (ไม่ใช่ฝ่ายนายทุนหรอกหรือที่ไปแย่งยึด ไล่ที่ทำกินชาวบ้าน หลังจากจ่ายเงิน - ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินจากเจ้าของที่เปลี่ยนมือกันมาหลายทอดแล้ว มาครอบครอง)

 

 

ทีนี้ บันดาอาจารย์ล้มเจ้าขี้กากเสื้อแดง ที่กำลังล้างสมองเยาวชนของชาติอยู่ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของชาติให้แอนตี้เจ้ากันอยู่ตอนนี้....

 

จะแก้ตัวกับผมว่าอย่างไร !!! ...  :angry: :angry: :angry:


Edited by เช never die, 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:44.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#278 ท้อป

ท้อป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 341 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:01

ขอตอบคุณท็อปเป็นข้อๆนะครับ ....

 

ข้อ 1. เฉพาะที่ดินเกษตร์หรือว่าที่ดินทุกๆแปลงในประเทศ

ตอบ. เข้าใจว่าทุกแปลงทั่วประเทศครับ

 

ข้อ  2. ถ้าไม่ใช้ที่ดินภาษีจะเพิ่มขึ้นนี่ ถ้านายทุนจ้างคนสองคนมาทำๆเดินๆบนที่ แต่ไม่ได้มีผลผลิตอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน รัฐจะรู้หรือจะถือว่าไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์รึป่าว

ตอบ. อันนี้ผมไม่รู้ว่ามีเขียนใว้ในกฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าฉบับคุณกรณ์หรือเปล่า แต่ในกระทู้นี้ได้วางแนวทางป้องกันการซิกแซ็กใว้บ้างพอประมาณแล้ว ลองพลิกกลับไปดูครับ

 

ข้อ 3. ใช้ให้เป็นประโยชน์นี่จะต้องเป็นทางการเกษตร์อย่างเดียวรึป่าว

ตอบ. ความหมายของทำประโยชน์ ก็คือซื้อไปทำประโยชน์ ทำโกดัง ทำโรงงาน ทำสวนป่าสัก ปลูกลำใย ปลูกข้าว ทำสนามฟุตบอล ทำสำนักงาน ฯลฯ ทำอะไรก็ได้ที่มันจะทำให้เกิดผลผลิตงอกเงยในระบบเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดห่วงโซ่-สายพานการผลิตที่ต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ ยกเว้นเอาไปเก็งกำไร แล้วบอกว่ากำไรนี้คือการงอกเงยจากราคาที่ดิน นี่คือการใช้ประโยชน์จากที่ดิน อันนี้จะยกเว้น ไม่ถือว่านำเอาที่ดินไปใช้ประโยชน์ เข้าข่ายต้องเสียภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า

 

ข้อ 4.นี่แหละที่ขออนุญาติตำหนิท่านผู้ถาม ที่ไม่อ่านรายระเอียดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ผมแสดงมาตั้งแต่หน้าแรกให้ระเอียด ทีละบันทัด...

 

เมื่อกฏหมายภาษีที่ดินบังคับใข้ ค่านิยมการใช้ที่ดินของสมาชิกในสังคมมันจะเปลี่ยนไป และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ที่ดินกว่า 40% ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมายและถูกทิ้งรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ที่อยู่ในมือนายทุน ก็จะค่อยๆกลับมาเป็นของสาธารณะ ที่ใครๆก็เข้าไปจับจองซื้อหาได้อย่างจำกัดจำนวน ด้วยราคาไม่เหลือบ่ากว่าแรง

 

แบบนี้ แม่ที่มีลูกหลายๆคนจะไปซื้อที่ใว้ให้ลูกทำไม ทำไมไม่รอให้ลูกโตแล้วค่อยหาเงินซื้อเอง เมื่อราคาที่ดินไม่แพงเกินใครเอื้อม

 

ส่วนคำถามที่ว่า จริงหรือครับว่าชาวบ้านจะลืมตาอ้าปากได้เพราะไม่ต้องเช่าที่ทำไร่ไถนา จริงแค่ไหนเหตุผลการบุกลุกทำลายป่าไม้เป็นการเข้าไปทำไร่

 

งั้นคุณต้องตอบคำถามให้ได้ว่าทำไมจึงมีการซื้อขายเปลี่ยนมือโฉนดที่ดินกัน แรงขับดันอะไรผลักดันนายทุนให้กว้านซื้อที่ดิน และต้องตอบให้ได้ว่าแรงขับดันอะไรผลักดันคนให้บุกรุกป่าสงวนเข้าไปจับจองที่ดินทำกินจนต้องออก สปก.มาแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้ แล้วแรงอะไรที่ผลักดันคนกลุ่มนี้ให้ขายที่ดิน สปก.ให้นายทุน แล้วบุกรุกเข้าไปจับจองที่ดิน ภทบ.  จากที่ดิน ภทบ. ตอนนี้ซื้อขายกันไปถึงใบจับจองกันแล้ว (เดินเข้าไปในป่า เอาเชือกกั้นๆ แล้วไปแจ้งกำนันว่าฉันจับจองตรงนี้ กำนันก็ออกเอกสารให้ นานๆไปพอมีแบบนี้ทั่วประเทศเป็นแสนเป็นล้านคดี สุดท้ายก็ต้องยอมให้มันเป้นสิ่งถูกกฏหมาย ซึ่งไม่ถูกต้อง)

 

ท้ายที่สุดรัฐก็ต้องยอมจำนน ยอมใช้หลักรัฐศาสตร์เข้าแก้ปัญหา ยอมให้การครอบครองที่ดินโดยผิดกฏหมายทั้งหมดนี้ กลายเป็นถูกกฏหมาย สุดท้ายถ้ามันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้เรื่อยๆ สุดท้ายประเทศนี้ก็ไม่เหลือป่าสงวนสักตารางเมตรเดียว

 

อีดิต แก้ไขสี...

ขอบคุณครับ

4. เรื่องค่านิยมการใช้และราคาที่ย่อมเยาหาซื้อได้เมื่อต้องการเป็นคำตอบที่ดีครับ หากว่าเป็นการมีความต้องการตามพิกัดเพื่อให้ลูกๆหลานๆอยู่ติดกันที่แหล่งที่เป็นเขตที่มีความต้องการสูง (เหตุว่าที่ดินหลังจากมีการใช้แล้ว จะไม่มีแปลงเดิมให้คนอื่นใช้ได้อีก).  คุณเชตอบได้ถูกครับผมน่าจะไม่เข้าใจความหมายตั้งแต่หน้าแรกๆ

 

ข้อสุดท้ายนี้ผมไม่ทราบคำตอบเรื่องการบุกรุกป่าสงวนถึงได้อยากฟังความคิดเห็นคุณเช ถ้าเดาก็คงเป็นแค่ uneducated guess แค่ผิวๆไม่น่ามีประโยชน์ไว้ถกเถียง



#279 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:17

 

ขอตอบคุณท็อปเป็นข้อๆนะครับ ....

 

ข้อ 1. เฉพาะที่ดินเกษตร์หรือว่าที่ดินทุกๆแปลงในประเทศ

ตอบ. เข้าใจว่าทุกแปลงทั่วประเทศครับ

 

ข้อ  2. ถ้าไม่ใช้ที่ดินภาษีจะเพิ่มขึ้นนี่ ถ้านายทุนจ้างคนสองคนมาทำๆเดินๆบนที่ แต่ไม่ได้มีผลผลิตอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน รัฐจะรู้หรือจะถือว่าไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์รึป่าว

ตอบ. อันนี้ผมไม่รู้ว่ามีเขียนใว้ในกฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าฉบับคุณกรณ์หรือเปล่า แต่ในกระทู้นี้ได้วางแนวทางป้องกันการซิกแซ็กใว้บ้างพอประมาณแล้ว ลองพลิกกลับไปดูครับ

 

ข้อ 3. ใช้ให้เป็นประโยชน์นี่จะต้องเป็นทางการเกษตร์อย่างเดียวรึป่าว

ตอบ. ความหมายของทำประโยชน์ ก็คือซื้อไปทำประโยชน์ ทำโกดัง ทำโรงงาน ทำสวนป่าสัก ปลูกลำใย ปลูกข้าว ทำสนามฟุตบอล ทำสำนักงาน ฯลฯ ทำอะไรก็ได้ที่มันจะทำให้เกิดผลผลิตงอกเงยในระบบเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดห่วงโซ่-สายพานการผลิตที่ต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ ยกเว้นเอาไปเก็งกำไร แล้วบอกว่ากำไรนี้คือการงอกเงยจากราคาที่ดิน นี่คือการใช้ประโยชน์จากที่ดิน อันนี้จะยกเว้น ไม่ถือว่านำเอาที่ดินไปใช้ประโยชน์ เข้าข่ายต้องเสียภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า

 

ข้อ 4.นี่แหละที่ขออนุญาติตำหนิท่านผู้ถาม ที่ไม่อ่านรายระเอียดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ผมแสดงมาตั้งแต่หน้าแรกให้ระเอียด ทีละบันทัด...

 

เมื่อกฏหมายภาษีที่ดินบังคับใข้ ค่านิยมการใช้ที่ดินของสมาชิกในสังคมมันจะเปลี่ยนไป และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ที่ดินกว่า 40% ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมายและถูกทิ้งรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ที่อยู่ในมือนายทุน ก็จะค่อยๆกลับมาเป็นของสาธารณะ ที่ใครๆก็เข้าไปจับจองซื้อหาได้อย่างจำกัดจำนวน ด้วยราคาไม่เหลือบ่ากว่าแรง

 

แบบนี้ แม่ที่มีลูกหลายๆคนจะไปซื้อที่ใว้ให้ลูกทำไม ทำไมไม่รอให้ลูกโตแล้วค่อยหาเงินซื้อเอง เมื่อราคาที่ดินไม่แพงเกินใครเอื้อม

 

ส่วนคำถามที่ว่า จริงหรือครับว่าชาวบ้านจะลืมตาอ้าปากได้เพราะไม่ต้องเช่าที่ทำไร่ไถนา จริงแค่ไหนเหตุผลการบุกลุกทำลายป่าไม้เป็นการเข้าไปทำไร่

 

งั้นคุณต้องตอบคำถามให้ได้ว่าทำไมจึงมีการซื้อขายเปลี่ยนมือโฉนดที่ดินกัน แรงขับดันอะไรผลักดันนายทุนให้กว้านซื้อที่ดิน และต้องตอบให้ได้ว่าแรงขับดันอะไรผลักดันคนให้บุกรุกป่าสงวนเข้าไปจับจองที่ดินทำกินจนต้องออก สปก.มาแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้ แล้วแรงอะไรที่ผลักดันคนกลุ่มนี้ให้ขายที่ดิน สปก.ให้นายทุน แล้วบุกรุกเข้าไปจับจองที่ดิน ภทบ.  จากที่ดิน ภทบ. ตอนนี้ซื้อขายกันไปถึงใบจับจองกันแล้ว (เดินเข้าไปในป่า เอาเชือกกั้นๆ แล้วไปแจ้งกำนันว่าฉันจับจองตรงนี้ กำนันก็ออกเอกสารให้ นานๆไปพอมีแบบนี้ทั่วประเทศเป็นแสนเป็นล้านคดี สุดท้ายก็ต้องยอมให้มันเป้นสิ่งถูกกฏหมาย ซึ่งไม่ถูกต้อง)

 

ท้ายที่สุดรัฐก็ต้องยอมจำนน ยอมใช้หลักรัฐศาสตร์เข้าแก้ปัญหา ยอมให้การครอบครองที่ดินโดยผิดกฏหมายทั้งหมดนี้ กลายเป็นถูกกฏหมาย สุดท้ายถ้ามันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้เรื่อยๆ สุดท้ายประเทศนี้ก็ไม่เหลือป่าสงวนสักตารางเมตรเดียว

 

อีดิต แก้ไขสี...

ขอบคุณครับ

4. เรื่องค่านิยมการใช้และราคาที่ย่อมเยาหาซื้อได้เมื่อต้องการเป็นคำตอบที่ดีครับ หากว่าเป็นการมีความต้องการตามพิกัดเพื่อให้ลูกๆหลานๆอยู่ติดกันที่แหล่งที่เป็นเขตที่มีความต้องการสูง (เหตุว่าที่ดินหลังจากมีการใช้แล้ว จะไม่มีแปลงเดิมให้คนอื่นใช้ได้อีก).  คุณเชตอบได้ถูกครับผมน่าจะไม่เข้าใจความหมายตั้งแต่หน้าแรกๆ

 

ข้อสุดท้ายนี้ผมไม่ทราบคำตอบเรื่องการบุกรุกป่าสงวนถึงได้อยากฟังความคิดเห็นคุณเช ถ้าเดาก็คงเป็นแค่ uneducated guess แค่ผิวๆไม่น่ามีประโยชน์ไว้ถกเถียง

 

 

 

อีตรงข้อสุดท้ายนี้ แล้วชอบมองข้ามปัญหากันไปหมดนี่แหละที่ปัญหาบุรุกทำลายป่ามันไม่หมดไปเสียที

 

เอาเข้าจริง อย่างที่รู้กันว่าทุกที่มันก็มีนายทุนหนุนหลังทั้งนั้น แต่ถามว่า ไอ้ตัวนายทุนมันไปนั่งถางป่าทีละแปลงด้วยตัวมันเองหรือเปล่า ก็เปล่าใช่ไหมครับ แล้วใครละครับที่ไปทำงานนี้ให้นายทุน ก็ต้องอาศัยคนที่อยู่ชายขอบของสังคมเป็นกองหน้าในการบุกรุกป่าใช่ไหมครับ แล้วถ้าทุกคนเข้าถึงที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปนั่งเสี่ยงคุกตารางรับใช้นายทุนรุกป่า แล้วใครมันจะไปทำงานรุกป่าให้นายทุนละครับ


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#280 Vekakav Vkkn

Vekakav Vkkn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 881 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:36

บางทีผมก็แอบคิดนะว่า ระบบทุนนิยม

คือระบบที่ต้อง แอบผลักคนบางกลุ่ม ไปทำงาน 3d เพื่อชนชั้นนายทุนด้วยความจำเป็น

จะได้ไม่เกิดการล่มสลายของ ระบบ เหตุเพราะไม่มีชนชั้นแรงงาน


โหมด ผ่อนคลาย


#281 RED MORON

RED MORON

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,099 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:43

บางทีผมก็แอบคิดนะว่า ระบบทุนนิยม

คือระบบที่ต้อง แอบผลักคนบางกลุ่ม ไปทำงาน 3d เพื่อชนชั้นนายทุนด้วยความจำเป็น

จะได้ไม่เกิดการล่มสลายของ ระบบ เหตุเพราะไม่มีชนชั้นแรงงาน

 

ระบบทุนนิยม ต้องมีจริยธรรม คุณธรรม มนุษยธรรม ด้วยครับ

 

ถ้าทุนนิยมเฉยๆ มันก็ต้องล่มแน่ ทุกวันนี้นายทุนหลายคน ยังเห็นคนไม่ใช่คนเลยครับ เพราะเขานั่งมองแต่ตัวเลขในบัญชี 

ถ้ามองทุกอย่างเป็นเงินหมด โลกนี้ไปไม่ได้ครับ



#282 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:14

บางทีผมก็แอบคิดนะว่า ระบบทุนนิยม

คือระบบที่ต้อง แอบผลักคนบางกลุ่ม ไปทำงาน 3d เพื่อชนชั้นนายทุนด้วยความจำเป็น

จะได้ไม่เกิดการล่มสลายของ ระบบ เหตุเพราะไม่มีชนชั้นแรงงาน

 

พวกประเทศสังคมนิยมอ่อนๆที่พัฒนาแล้วทุกประเทศจะพยายามใช้เครื่องจักรเข้ามาทดแทนแรงงานคน แล้วยกระดับแรงงานงานคนไปเป็นช่างฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญ นักประดิษฐ์ ฯลฯ

 

อนึ่ง เมื่ออุปสงค์-อุปทานเทียม (จากการเก็งกำไรราคาที่ดิน) มันหายไป เงินทุนที่อยู่ส่วนเกินในภาคอสังหาริมทรัพย์(ที่ไปติดแหง็กอยู่กับการปั่นราคาที่ดินปีละหลายแสนล้านบาท) มันก็จะไหลย้อนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภาคเรียลเซคเตอร์ที่แท้จริง (ตลาดทุน ตลาดหุ้น กองทุนฯ ทองคำ น้ำมัน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายล่วงหน้าสินค้าเกษตร มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เกิดการจ้างงานมากขึ้น) ซึ่งมันจะมีคุณูประการอย่างสำคัญในการเพิ่มความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของชาติโดยรวม (ซึ่งประเมินค่าไม่ได้) อันนี้เป็นผลทางอ้อม

 

แต่ผลประโยชน์ทางตรง นอกจากการกระจายที่ดินทำกินจะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมแล้ว เศรษฐกิจภาคชนบทมันจะเข้มแข็งขึ้นไปเองตามธรรมชาติด้วย เมื่อสามารถยกระดับเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางได้แล้ว มันจะเกิดการรวมกลุ่มกันเองโดยอัตโนมัติ คนที่เพาะปลูกพืชชนิดเดียวกัน เกิดการรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง ส่งผลให้ระบบสหกรณ์ไทย (ที่ล้มเหลวมาตลอดกว่า 50 ปี) สามารถกลับมาแข็งแกร่งได้ด้วยตัวเองโดยที่รัฐไม่ต้องเข้าแทรกแซง สุดท้ายรัฐจะสามารถปล่อยมือไม่ต้องล้วงเอาเงินภาษีของคนทั้งชาติอุดหนุนสินค้าเกษตรชนิดใดเลย หมายความว่ารัฐจะมีงบประมาณเหลือเพิ่มเติมเอาไปพัฒนาด้านสังคมด้านอื่นๆได้อีกมาก นอกเหนือจากรายได้จากภาษีที่ดินที่จะเก็บได้เพิ่มอีกมหาศาล

 

โอป่ะ ...   ;) ;)


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#283 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:20

ที่สำคัญ ตีเหล็กต้องตีตอนที่มันยังร้อนๆแดงๆ ตอนนี้หละเหมาะสุดแล้ว ไหนๆก็จะต้องปฏิรูปประเทศกันแล้ว ผมขอเสนอ ...

 

"ระบอบประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมอ่อนๆ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข" ครับ

 

ขอเอาศรีษะเป็นประกัน ถ้าทุกผ่ายเห็นด้วยกับวิธีการของผม 5 ปีประเทศหลุดพ้นปัญหาความเหลื่อมล้ำ 10 ปีก้าวขึ้นสู่ชาติพัฒนาแล้ว และถ้ายังดำรงแนวทางนี้ต่อไปได้ถึง 20 ปี ชาติของเราจะขึ้นเป็นชาติมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกแน่นอน และลูกหลานชนชาติเราจะไม่มีปัญหาความแตกแยกกันอีกเลยในอนาคต


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#284 Vekakav Vkkn

Vekakav Vkkn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 881 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:30

onion-head-emoticon-49.gifโอขอรับ แต่ดูๆ จะเหยียบเท้าใครๆหลายคนเลย


โหมด ผ่อนคลาย


#285 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:34

onion-head-emoticon-49.gifโอขอรับ แต่ดูๆ จะเหยียบเท้าใครๆหลายคนเลย

 

ถ้าหมายถึงไไปเหยีบเท้าอาจารย์ขี้กากแดงล้มเจ้า อันนั้นผมไม่ถือครับ I'm not mind โอ่เค๊ ...   ^_^ ^_^ ^_^


Edited by เช never die, 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:34.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#286 RED MORON

RED MORON

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,099 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:35

 

onion-head-emoticon-49.gifโอขอรับ แต่ดูๆ จะเหยียบเท้าใครๆหลายคนเลย

 

ถ้าหมายถึงไไปเหยีบเท้าอาจารย์ขี้กากแดงล้มเจ้า อันนั้นผมไม่ถือครับ I'm not mind โอ่เค๊ ...   ^_^ ^_^ ^_^

 

 

แต่ผมไปอ่าน fb เจียม ดูแกอ่อนไปเยอะนะ ตอนนี้ยอมให้มีสถาบันได้แล้วด้วย



#287 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:40

 

 

onion-head-emoticon-49.gifโอขอรับ แต่ดูๆ จะเหยียบเท้าใครๆหลายคนเลย

 

ถ้าหมายถึงไไปเหยีบเท้าอาจารย์ขี้กากแดงล้มเจ้า อันนั้นผมไม่ถือครับ I'm not mind โอ่เค๊ ...   ^_^ ^_^ ^_^

 

 

แต่ผมไปอ่าน fb เจียม ดูแกอ่อนไปเยอะนะ ตอนนี้ยอมให้มีสถาบันได้แล้วด้วย

 

 

ไม่อยากจะบอกว่า เพราะมู้นี้นี่แหละ ไอ้หงอกเจียมมันเถียงผมไม่ออก

 

หมดคำแก้ตัว "เสียหมา" ครับ

 

 

นักวิชาการด้วยกันเปลี่ยนจุดยืนแบบนี้ แถวบ้านผมแบบนี้เรียกว่า

 

ไอ้หงอกเจียม "เสียหมา" ครับ 

 

:lol: :lol: :lol:


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#288 RED MORON

RED MORON

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,099 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:44

 

 

 

onion-head-emoticon-49.gifโอขอรับ แต่ดูๆ จะเหยียบเท้าใครๆหลายคนเลย

 

ถ้าหมายถึงไไปเหยีบเท้าอาจารย์ขี้กากแดงล้มเจ้า อันนั้นผมไม่ถือครับ I'm not mind โอ่เค๊ ...   ^_^ ^_^ ^_^

 

 

แต่ผมไปอ่าน fb เจียม ดูแกอ่อนไปเยอะนะ ตอนนี้ยอมให้มีสถาบันได้แล้วด้วย

 

 

ไม่อยากจะบอกว่า เพราะมู้นี้นี่แหละ ไอ้หงอกเจียมมันเถียงผมไม่ออก

 

หมดคำแก้ตัว "เสียหมา" ครับ

 

 

นักวิชาการด้วยกันเปลี่ยนจุดยืนแบบนี้ แถวบ้านผมแบบนี้เรียกว่า

 

ไอ้หงอกเจียม "เสียหมา" ครับ

 

:lol: :lol: :lol:

 

 

ในบางมุมผมก็เห็นด้วยกับแกนะ เช่นเรื่องอย่ายึดติดที่ตัวบุคคล แบบว่าชินวัตรแตะไม่ได้เลย (เรื่องนี้แกโดนลูกกระโปกชินวัตรถล่มซะเละ) ผมว่าแกเริ่มตาสว่างขึ้นพอสมควร



#289 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:53

 

 

 

 

onion-head-emoticon-49.gifโอขอรับ แต่ดูๆ จะเหยียบเท้าใครๆหลายคนเลย

 

ถ้าหมายถึงไไปเหยีบเท้าอาจารย์ขี้กากแดงล้มเจ้า อันนั้นผมไม่ถือครับ I'm not mind โอ่เค๊ ...   ^_^ ^_^ ^_^

 

 

แต่ผมไปอ่าน fb เจียม ดูแกอ่อนไปเยอะนะ ตอนนี้ยอมให้มีสถาบันได้แล้วด้วย

 

 

ไม่อยากจะบอกว่า เพราะมู้นี้นี่แหละ ไอ้หงอกเจียมมันเถียงผมไม่ออก

 

หมดคำแก้ตัว "เสียหมา" ครับ

 

 

นักวิชาการด้วยกันเปลี่ยนจุดยืนแบบนี้ แถวบ้านผมแบบนี้เรียกว่า

 

ไอ้หงอกเจียม "เสียหมา" ครับ

 

:lol: :lol: :lol:

 

 

ในบางมุมผมก็เห็นด้วยกับแกนะ เช่นเรื่องอย่ายึดติดที่ตัวบุคคล แบบว่าชินวัตรแตะไม่ได้เลย (เรื่องนี้แกโดนลูกกระโปกชินวัตรถล่มซะเละ) ผมว่าแกเริ่มตาสว่างขึ้นพอสมควร

 

 

อย่าไปหลงคารมมันครับ ที่มันหยิบเอาชินวัตรมาเล่นก็เพื่อจะสะท้อนไปถึงเจ้า แดกดันพวกรอยัลลิสท์กลายๆครับ แต่บังเอิญพวกเสื้อแดง 1.0 มันโง่เป็นควาย อ่านสารของไอ้หงอกเจียมไม่ออก ไอ้หงอกเจียมเลยโดนถล่มเละไปเอง

 

มนุษย์คบกันโดยธาตุ ควายย่อมอยู่ร่วมกับควาย และตามหลักอิทธิปัจจยะตา เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงปรากฏ เพราะเป็นควายเหมือนกันก็เลยขวิดกันเองเลย เป็นการขวิดกันของเสื้อแดง 1.0 กับเสื้อแดง 2.0 ท่ามกลางความ งง งวย ของหลิ่มรอยัลลิสท์และเสื้อแดง 3.0

 

:P :P :P


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#290 Vekakav Vkkn

Vekakav Vkkn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 881 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:58

ไม่อยากจะบอกว่า เพราะมู้นี้นี่แหละ ไอ้หงอกเจียมมันเถียงผมไม่ออก

 

หมดคำแก้ตัว "เสียหมา" ครับ

 

 

นักวิชาการด้วยกันเปลี่ยนจุดยืนแบบนี้ แถวบ้านผมแบบนี้เรียกว่า

 

ไอ้หงอกเจียม "เสียหมา" ครับ

 

 

 

 

 

onion-head-emoticon-94.gif ท่านเป็นใครกันเนี่ย น้า เชสุดหล่อ

สงสัยมานานแล้ว ภาษาที่ใช้นี่ก็ระดับ สูง ศัพท์ต่างๆที่ใช้ ทำผมสงสัยมานานแล้ว

 

ใบ้ๆก็พอขอรับ ให้กะผมหายสงสัย


Edited by Vekakav Vkkn, 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:00.

โหมด ผ่อนคลาย


#291 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:18

ไม่อยากจะบอกว่า เพราะมู้นี้นี่แหละ ไอ้หงอกเจียมมันเถียงผมไม่ออก

 

หมดคำแก้ตัว "เสียหมา" ครับ

 

 

นักวิชาการด้วยกันเปลี่ยนจุดยืนแบบนี้ แถวบ้านผมแบบนี้เรียกว่า

 

ไอ้หงอกเจียม "เสียหมา" ครับ

 

 

 

 

 

onion-head-emoticon-94.gif ท่านเป็นใครกันเนี่ย น้า เชสุดหล่อ

สงสัยมานานแล้ว ภาษาที่ใช้นี่ก็ระดับ สูง ศัพท์ต่างๆที่ใช้ ทำผมสงสัยมานานแล้ว

 

ใบ้ๆก็พอขอรับ ให้กะผมหายสงสัย

 

ใบ้เหรอ.. ..  เอาหน่อยนึงก็ได้  :mellow: :mellow:

 

ผมเป็น Liberal ขนานแท้บริสุทธิ์ ไม่มีวัตถุกันเสีย ลุงแอม(amplepoor) รับประกันคุณภาพความเป็นลิเบอร์รัลลูกศิษย์อาจารย์ ส.ศิวลักษณ์ ลิเบอร์รัลขนานแท้)  :D  :D  :D 

 

แค่นี้พอนะ


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#292 Vekakav Vkkn

Vekakav Vkkn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 881 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:23

onion-head-emoticon-47.gif ขออภัยในสิ่งที่ล่วงเกินทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจด้วยขอรับ


โหมด ผ่อนคลาย


#293 กีรเต้

กีรเต้

    เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเอง

  • Validating
  • PipPipPipPipPip
  • 6,208 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:29

onion-head-emoticon-47.gif ขออภัยในสิ่งที่ล่วงเกินทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจด้วยขอรับ

 

ไม่มีอะไร

ไอ้ตัวการ์ตูน เอามาจากไหน จะเอามาเล่นมั่ง

:D


ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ "   https://www.facebook...akwarakfromyala   https://www.facebook.com/NARAPEACE

 

 


#294 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:35

onion-head-emoticon-47.gif ขออภัยในสิ่งที่ล่วงเกินทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจด้วยขอรับ

 

ไม่ได้ล่วงเกินอะไรนิ ก็สนทนาธรรมกันธรรมดาๆนี่ครับ   :blink:   งง ...


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#295 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:57

.....


Edited by เช never die, 19 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:34.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#296 Trust Prise

Trust Prise

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 2 posts

ตอบ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:17

เพิ่งสมัครเข้ามาครับ ตามมาจากในเฟสบุ๊ค ปกติสิงแค่พันทิป... บอกเลยว่าเป็น 6 หน้า ที่ยาวนานมาก มั่นใจว่าน่าจะคุยกันด้วยเหตุผลได้

...

ต้องออกตัวก่อนเลยว่าในหกหน้าที่ผ่านมา หลายๆท่านคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ คุยกันเรื่องสร้างความเท่าเทียม ในด้านเศรษฐกิจ 

ซึ่งเท่าที่ผมเคยศึกษาสิ่งที่หลายๆท่านพูดมา มันอยู่ในโมเดล สมุดปกเหลือง ของคุณปรีดีอะนะครับ ...แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันแย่หรอก ดีจะตายถ้าทำได้จริง

ผมจะไม่ท้าวความเก่าความหลังที่พวกหัวปฏิรูปอยู่ๆ revolution ผสมพันธุ์กับ Conservative กลายเป็นเผด็จการทหารแบบงงๆ ในช่วงแรกของการพัฒนาประชาธิปไตยได้ไง

....

แต่ที่ผมจะพูดคือ citizen perception in social right กล่าวคือ ในทางเศรษฐศาสตร์มองว่า มนุษย์เป็นสัตว์เศรษฐกิจ (แนวคิดของหหลายๆท่านในกระทู้นี้ก็นัยแบบนั้น) แต่ผมมองว่า มันมีสาเหตุมากกว่านั้น และเป็นสาเหตุทางสังคมที่ถูกมองข้ามไปอย่างไม่ใยดี... นั่นคือ ความต้องการที่จะ "มีอย่างเขา" "เป็นอย่างเขา" จะมากล่าวแบบหอคอยงาช้างว่า คุณมีที่ดิน มีระบบเกษตรกรรมของคุณ ผมก็มีธุรกิจ มีเมืองของผม มันไม่ใช่ครับ ในเมื่อคุณเป็นเกษตรกรคุณก็เอา "เกษตรทฤษฎีใหม่" หรือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ไปใช้สิ ....ใจร้ายมากครับที่พูดแบบนั้น เพราะเมื่อถามกลับคืนว่า คุณใช้บ้างหรือยัง? คำตอบที่เด่นชัด คือ ไม่เห็นจำเป็น ก็ผมไม่ใช่เกษตรกร...

...

ผมมองว่ารากเหง้าของปัญหาเกิดจากประชาชนขาดที่พึ่งครับ... และคนๆเดียวเป็นที่พึ่งตลอดไปไม่ได้

ด้วยกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคมและวัฒนธรรม ก่อให้เกิดแรงผลักดันในทุกย่อมหญ้าของสังคมที่ต้องการ "มีอย่างเขา" "เป็นอย่างเขา"

มันคือความต้องการทางสังคมที่จะพัฒนาตัวเองและแข่งขันกับคนอื่น คนที่เขาคิดว่าอยู่สูงกว่า...

...

แตทว่า คนที่อยู่สูงกว่า(ทางสังคม) กับปิดช่องด้วยการบอยคอตรัฐสวัสดิการ กลายเป็นประชาธิปไตยเป็น elitism (ต้องตามผู้นำตลอด เพราผู้นำไม่ได้ให้สิทธิ์เรานำบ้างเลย)  เราต้องแยกให้ออกระหว่างนโยบายประชานิยม กับนโยบายรัฐสวัสดิการ ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า พรรคการเมือง นักการเมือง ขาย "นโยบาย" ตำราไหนๆก็บอกแบบนี้ ความเป็นจริงก็บอกแบบนี้ ...แล้วนโยบายอะไรที่คนส่วนใหญ่เป็นที่ต้องการ "เขาก็เลือกพรรคการเมืองแบบที่เขาต้องการ"

...

ใครบ้างไม่เห็นแก่ตัว ใครบ้างไม่อยากได้รับโอกาส ใครบ้างไม่อยากมีความฝัน ความหวัง ... อย่าใช้วาทกรรมด้อยการศึกษาเลยครับ แต่ได้โปรดใช้วาทกรรมที่ว่า เรามองเห็นต่างกัน เรามีความต้องการต่างกัน คนบางคนข้าวยังไม่มีจะกรอกหม้อ หนี้รายวันก็มาเก็บเป็นพัลวัน ความต้องการพื้นฐานที่คือต้องการมีชีวิตรอดไปวันๆ ความต้องสูงสุด ก็ไม่ต่างจากคนทุกคนในสังคม คือ ต้องการดีกว่าที่เคยเป็น

...

รัฐไทยไม่ใช่รัฐในอุดมคติมีความหลากทางความคิด แม้มีวัฒนธรรมและความเชื่อที่ใกล้เคียงกัน และยังเป็น "รัฐด้อยพัฒนาตามสภาพ (คำนี้ผมใช้ในงานวิจัยของผม)" กล่าวคือ เมื่อเดินออกจากเมืองกรุงไป คุณเห็นที่มันต่างกันลิบลับ เห็นความหลากหลายของสภาพความเป็น ความไร้มาตรฐานในการดำเนินชีวิตและความเสี่ยงในการดำรงที่ชีวิตที่ประเทศกำลังพัฒนาควรจะเริ่มแก้ไข

...

รัฐไทยไม่อาจยืดหยัดอยู่ได้ในสังคมโลก เท่าที่ทรัพยากรมี รัฐไทยมีดีที่ติดทะเลและมีชายฝั่งที่เยอะมาก... แต่รัฐไทยความสามารถในการสร้างรายไดด้วยตนเอง

ทุกอย่างต้องมีการลงทุน การลงทุนอย่างจริงจัง ในทุกๆด้าน สิ่งที่เร่งด่วนมากที่ผมมองเห้นคือ ลดเวลาในระบบการศึกษา สร้างระบบขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดใช้งานระบบประชาธิปไตยทางตรง ใช้งานระบบตรวจสอบและติดตามภาครัฐ และใช้ระบบแยกอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน

...

และยุบๆหลายๆสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไปซะ.... รัฐไทยหนักอึ้งไปด้วยผลประโยชน์ที่ถูกสร้างมาในรุปตัวแทน คือสถาบันต่างๆในระบบ ตีกันจนวุ่นวายไปหมด เหมือนคอมเครื่องหนึ่งที่มีแอนตี้ไวรัสหลายตัว

.... 

แล้วถ้าหากถามว่า แล้วต้องการอะไรอะไร ตอนนี้รัฐไทยต้องการ "ช้างเผือกจากป่า" คนที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า กล้าวจากจุดที่รากหย้าที่สุด มาสูงจุดสูงสุดทางจิตวิญญาณ ความศรัทธา ความสามารถ ท่ามกลางความขัดแย้ง

...

ถ้าหากรากเหง้าของปัยหาคือความต้องการที่ฝั่งแน่นอยู่ในใจคนทุกคนคือ เป็นสิ่งที่ดีกว่าเก่า หากแม้การคิดว่า "การพยายามเป็นสิ่งที่ดีกว่าเก่า" เป็นสิ่งที่ไร้ศีลธรรม คนที่ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากปรักตรงนั้นคงไม่มี ในเมื่อไม่มีที่ให้เขายืน ไม่สิ..ให้พวกเขายืน สิ่งคนมีคุณธรรมและพัฒนาแล้วควรหยิบยื่นให้คือ ผ้าสะอาดและน้ำดีๆให้อาบ แแม้ไม่มีเสื้อผ้า แต่ผมเชื่อว่า ด้วยน้ำใจไมตรีแบบนั้น เหล่าผู้ออกจากป่า ย่อมหาได้ไม่ยากครับ..

 

แล้ว "ถ้าหากคนๆนั้นมีอยู่จริง" เหล่าผู้มีการศึกษา ผู้มีต้นตระกูลใหญ่นับย้อนไปหลายร้อยปี จะให้โอกาสเด็กบ้านนอกขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของประเทศไหม? ให้โอกาสให้เขาได้ดีกว่าที่เป็นไหม

...

ผมเชื่อว่ารากเหง้าของปัญหาคงเห็นได้ชัดแล้วนะครับ

 

ฝากถามเรื่องความเห็นแก่ตัวและวาทกรรมโอกาส? ด้วยนะครับ..

ด้วยความเคารพ

 

....



#297 SKV24

SKV24

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 143 posts

ตอบ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 - 12:02

รากเหง้าของปัญหามาจากการจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัวเท่านั้นเอง...

 

การเมืองสมัยก่อน มันเป็นการแบ่งๆ กันกิน สลับการเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาล แบ่งกันเป็นรัฐมนตรี...นักการเมืองเถียงกันคอเป็นเอ็นในสภา พอปิดการถ่ายทอดทีวีก็ไปนั่งกินข้าวกินเหล้ากันไปเที่ยวอาบอบนวดกัน...

 

พอทักษิณมา ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เพราะทักษิณทุนหนากว่า มีเงินเยอะมีบารมีเยอะ ก็จัดโครงสร้างใหม่เหมือนการรวบซื้อกิจการบริษัท เทคโอเวอร์พรรคเล็ก รวมเป็นพรรคใหญ่ มุ่งเก็บคะแนนเสียง เหนือกับอิสาน เมื่อรวมคะแนนเสียงกลุ่มนี้ได้ นักการเมืองภาคกลางพรรคปลาไหล ก็ตามแห่มาเอง...ถ้าทักษิณไม่โลภจนเกินไป คงอยู่ได้หลายสิบปี...มีอะไรก็แบ่งๆ ฝั่งตรงข้ามบ้าง...กระแสต่อต้านคงไม่รุนแรง....

 

เพราะความโลภแท้ๆ อำนาจก็อยากรวบ เงินก็อยากได้...นโยบายประชานิยม กลายเป็นนโยบายภาคนิยม อะไรๆก็ เหนือกับอิสานมาก่อน ภาคใต้ได้สุดท้ายเพราะไม่ได้เลือกเพื่อไทย...ฝรั่งใช้นโยบายเหยียดผิว เพื่อไทยใช้นโยบายเหยียดภาค...มันเลยเละตุ้มเปะ จนจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองแยกประเทศเหมือนทุกวันนี้ไง...

 

ทางออก ก็น่าจะเป็นการกระจายอำนาจหรือกระจายงบประมาณ ไปทุกภาคเท่าเทียมกัน แบ่งๆกันกิน แบ่งๆกันใช้ แล้วแถมด้วยยานโยบายปราบคอร์รัปชั่น เพื่อกันไม่ให้นักการเมืองกินมูมมามเกินไป...สร้างความยุติธรรมก่อน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องพัฒนา...ความจริงแล้วเอกชนไทยสร้างความเจริญให้ประเทศ มากกว่านักการเมือง...นักการเมืองไม่ต้องทำเป็นเก่งหรอก...เพราะส่วนใหญ่เก่งไม่จริง...มีแต่นโยบาย ประชานิยม แจกยายาเบื่อเคลือบน้ำตาล ให้ประชาชน... 



#298 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 - 13:08

เพิ่งสมัครเข้ามาครับ ตามมาจากในเฟสบุ๊ค ปกติสิงแค่พันทิป... บอกเลยว่าเป็น 6 หน้า ที่ยาวนานมาก มั่นใจว่าน่าจะคุยกันด้วยเหตุผลได้

...

ต้องออกตัวก่อนเลยว่าในหกหน้าที่ผ่านมา หลายๆท่านคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ คุยกันเรื่องสร้างความเท่าเทียม ในด้านเศรษฐกิจ 

ซึ่งเท่าที่ผมเคยศึกษาสิ่งที่หลายๆท่านพูดมา มันอยู่ในโมเดล สมุดปกเหลือง ของคุณปรีดีอะนะครับ ...แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันแย่หรอก ดีจะตายถ้าทำได้จริง

ผมจะไม่ท้าวความเก่าความหลังที่พวกหัวปฏิรูปอยู่ๆ revolution ผสมพันธุ์กับ Conservative กลายเป็นเผด็จการทหารแบบงงๆ ในช่วงแรกของการพัฒนาประชาธิปไตยได้ไง

....

แต่ที่ผมจะพูดคือ citizen perception in social right กล่าวคือ ในทางเศรษฐศาสตร์มองว่า มนุษย์เป็นสัตว์เศรษฐกิจ (แนวคิดของหหลายๆท่านในกระทู้นี้ก็นัยแบบนั้น) แต่ผมมองว่า มันมีสาเหตุมากกว่านั้น และเป็นสาเหตุทางสังคมที่ถูกมองข้ามไปอย่างไม่ใยดี... นั่นคือ ความต้องการที่จะ "มีอย่างเขา" "เป็นอย่างเขา" จะมากล่าวแบบหอคอยงาช้างว่า คุณมีที่ดิน มีระบบเกษตรกรรมของคุณ ผมก็มีธุรกิจ มีเมืองของผม มันไม่ใช่ครับ ในเมื่อคุณเป็นเกษตรกรคุณก็เอา "เกษตรทฤษฎีใหม่" หรือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ไปใช้สิ ....ใจร้ายมากครับที่พูดแบบนั้น เพราะเมื่อถามกลับคืนว่า คุณใช้บ้างหรือยัง? คำตอบที่เด่นชัด คือ ไม่เห็นจำเป็น ก็ผมไม่ใช่เกษตรกร...

...

ผมมองว่ารากเหง้าของปัญหาเกิดจากประชาชนขาดที่พึ่งครับ... และคนๆเดียวเป็นที่พึ่งตลอดไปไม่ได้

ด้วยกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคมและวัฒนธรรม ก่อให้เกิดแรงผลักดันในทุกย่อมหญ้าของสังคมที่ต้องการ "มีอย่างเขา" "เป็นอย่างเขา"

มันคือความต้องการทางสังคมที่จะพัฒนาตัวเองและแข่งขันกับคนอื่น คนที่เขาคิดว่าอยู่สูงกว่า...

...

แตทว่า คนที่อยู่สูงกว่า(ทางสังคม) กับปิดช่องด้วยการบอยคอตรัฐสวัสดิการ กลายเป็นประชาธิปไตยเป็น elitism (ต้องตามผู้นำตลอด เพราผู้นำไม่ได้ให้สิทธิ์เรานำบ้างเลย)  เราต้องแยกให้ออกระหว่างนโยบายประชานิยม กับนโยบายรัฐสวัสดิการ ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า พรรคการเมือง นักการเมือง ขาย "นโยบาย" ตำราไหนๆก็บอกแบบนี้ ความเป็นจริงก็บอกแบบนี้ ...แล้วนโยบายอะไรที่คนส่วนใหญ่เป็นที่ต้องการ "เขาก็เลือกพรรคการเมืองแบบที่เขาต้องการ"

...

ใครบ้างไม่เห็นแก่ตัว ใครบ้างไม่อยากได้รับโอกาส ใครบ้างไม่อยากมีความฝัน ความหวัง ... อย่าใช้วาทกรรมด้อยการศึกษาเลยครับ แต่ได้โปรดใช้วาทกรรมที่ว่า เรามองเห็นต่างกัน เรามีความต้องการต่างกัน คนบางคนข้าวยังไม่มีจะกรอกหม้อ หนี้รายวันก็มาเก็บเป็นพัลวัน ความต้องการพื้นฐานที่คือต้องการมีชีวิตรอดไปวันๆ ความต้องสูงสุด ก็ไม่ต่างจากคนทุกคนในสังคม คือ ต้องการดีกว่าที่เคยเป็น

...

รัฐไทยไม่ใช่รัฐในอุดมคติมีความหลากทางความคิด แม้มีวัฒนธรรมและความเชื่อที่ใกล้เคียงกัน และยังเป็น "รัฐด้อยพัฒนาตามสภาพ (คำนี้ผมใช้ในงานวิจัยของผม)" กล่าวคือ เมื่อเดินออกจากเมืองกรุงไป คุณเห็นที่มันต่างกันลิบลับ เห็นความหลากหลายของสภาพความเป็น ความไร้มาตรฐานในการดำเนินชีวิตและความเสี่ยงในการดำรงที่ชีวิตที่ประเทศกำลังพัฒนาควรจะเริ่มแก้ไข

...

รัฐไทยไม่อาจยืดหยัดอยู่ได้ในสังคมโลก เท่าที่ทรัพยากรมี รัฐไทยมีดีที่ติดทะเลและมีชายฝั่งที่เยอะมาก... แต่รัฐไทยความสามารถในการสร้างรายไดด้วยตนเอง

ทุกอย่างต้องมีการลงทุน การลงทุนอย่างจริงจัง ในทุกๆด้าน สิ่งที่เร่งด่วนมากที่ผมมองเห้นคือ ลดเวลาในระบบการศึกษา สร้างระบบขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดใช้งานระบบประชาธิปไตยทางตรง ใช้งานระบบตรวจสอบและติดตามภาครัฐ และใช้ระบบแยกอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน

...

และยุบๆหลายๆสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไปซะ.... รัฐไทยหนักอึ้งไปด้วยผลประโยชน์ที่ถูกสร้างมาในรุปตัวแทน คือสถาบันต่างๆในระบบ ตีกันจนวุ่นวายไปหมด เหมือนคอมเครื่องหนึ่งที่มีแอนตี้ไวรัสหลายตัว

.... 

แล้วถ้าหากถามว่า แล้วต้องการอะไรอะไร ตอนนี้รัฐไทยต้องการ "ช้างเผือกจากป่า" คนที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า กล้าวจากจุดที่รากหย้าที่สุด มาสูงจุดสูงสุดทางจิตวิญญาณ ความศรัทธา ความสามารถ ท่ามกลางความขัดแย้ง

...

ถ้าหากรากเหง้าของปัยหาคือความต้องการที่ฝั่งแน่นอยู่ในใจคนทุกคนคือ เป็นสิ่งที่ดีกว่าเก่า หากแม้การคิดว่า "การพยายามเป็นสิ่งที่ดีกว่าเก่า" เป็นสิ่งที่ไร้ศีลธรรม คนที่ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากปรักตรงนั้นคงไม่มี ในเมื่อไม่มีที่ให้เขายืน ไม่สิ..ให้พวกเขายืน สิ่งคนมีคุณธรรมและพัฒนาแล้วควรหยิบยื่นให้คือ ผ้าสะอาดและน้ำดีๆให้อาบ แแม้ไม่มีเสื้อผ้า แต่ผมเชื่อว่า ด้วยน้ำใจไมตรีแบบนั้น เหล่าผู้ออกจากป่า ย่อมหาได้ไม่ยากครับ..

 

แล้ว "ถ้าหากคนๆนั้นมีอยู่จริง" เหล่าผู้มีการศึกษา ผู้มีต้นตระกูลใหญ่นับย้อนไปหลายร้อยปี จะให้โอกาสเด็กบ้านนอกขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของประเทศไหม? ให้โอกาสให้เขาได้ดีกว่าที่เป็นไหม

...

ผมเชื่อว่ารากเหง้าของปัญหาคงเห็นได้ชัดแล้วนะครับ

 

ฝากถามเรื่องความเห็นแก่ตัวและวาทกรรมโอกาส? ด้วยนะครับ..

ด้วยความเคารพ

 

....

 

เสื้อแดง 2.0 (ควายแดงล้มเจ้า) ตัวจริง หน้าตาเป็นยังไง ดูใว้นะครับเพื่อนๆ

 

งั้นผมถามกลับไปสั้นๆ คำถามเดียว ...

 

หลังจากพวกคุณล้มเจ้ากันสำเร็จแล้ว ฉลองชัยชนะ เฮฮาปาร์ตี้เฉลิมฉลองชัยชนะที่มีเหนือเจ้าได้แล้ว หลังจากงานเลี้ยงจบแล้ว ไอ้ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องกว่า 40% ที่ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าและอยู่ในมือนายทุนนั้น  มันจะไหลกลับเข้ามาสู่มือเกษตรกรที่ต้องการมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเองได้อย่างไร ด้วยวิธีการใด วานควายแดงล้มเจ้าช่วยตอบข้อสงสัยของผมให้กระจ่างด้วยครับ

 

อ้อ..  อย่าตอบแบบชักแม่น้ำทั้งห้า หรือน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ผมอยากได้คำตอบสั้นๆ 1 - 2 - 3 ประมาณนี้ครับ


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#299 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 - 13:11

รากเหง้าของปัญหามาจากการจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัวเท่านั้นเอง...

 

การเมืองสมัยก่อน มันเป็นการแบ่งๆ กันกิน สลับการเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาล แบ่งกันเป็นรัฐมนตรี...นักการเมืองเถียงกันคอเป็นเอ็นในสภา พอปิดการถ่ายทอดทีวีก็ไปนั่งกินข้าวกินเหล้ากันไปเที่ยวอาบอบนวดกัน...

 

พอทักษิณมา ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เพราะทักษิณทุนหนากว่า มีเงินเยอะมีบารมีเยอะ ก็จัดโครงสร้างใหม่เหมือนการรวบซื้อกิจการบริษัท เทคโอเวอร์พรรคเล็ก รวมเป็นพรรคใหญ่ มุ่งเก็บคะแนนเสียง เหนือกับอิสาน เมื่อรวมคะแนนเสียงกลุ่มนี้ได้ นักการเมืองภาคกลางพรรคปลาไหล ก็ตามแห่มาเอง...ถ้าทักษิณไม่โลภจนเกินไป คงอยู่ได้หลายสิบปี...มีอะไรก็แบ่งๆ ฝั่งตรงข้ามบ้าง...กระแสต่อต้านคงไม่รุนแรง....

 

เพราะความโลภแท้ๆ อำนาจก็อยากรวบ เงินก็อยากได้...นโยบายประชานิยม กลายเป็นนโยบายภาคนิยม อะไรๆก็ เหนือกับอิสานมาก่อน ภาคใต้ได้สุดท้ายเพราะไม่ได้เลือกเพื่อไทย...ฝรั่งใช้นโยบายเหยียดผิว เพื่อไทยใช้นโยบายเหยียดภาค...มันเลยเละตุ้มเปะ จนจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองแยกประเทศเหมือนทุกวันนี้ไง...

 

ทางออก ก็น่าจะเป็นการกระจายอำนาจหรือกระจายงบประมาณ ไปทุกภาคเท่าเทียมกัน แบ่งๆกันกิน แบ่งๆกันใช้ แล้วแถมด้วยยานโยบายปราบคอร์รัปชั่น เพื่อกันไม่ให้นักการเมืองกินมูมมามเกินไป...สร้างความยุติธรรมก่อน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องพัฒนา...ความจริงแล้วเอกชนไทยสร้างความเจริญให้ประเทศ มากกว่านักการเมือง...นักการเมืองไม่ต้องทำเป็นเก่งหรอก...เพราะส่วนใหญ่เก่งไม่จริง...มีแต่นโยบาย ประชานิยม แจกยายาเบื่อเคลือบน้ำตาล ให้ประชาชน... 

 

รากเหง้าของปัญหามาจากการจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัวเท่านั้นเอง...

 

ถูกต้องครับ ...

 

เมื่อรู้โจทย์แล้ว ทำไมไม่หาวิธีตอบโจทย์หาวิธีการจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัวละครับ แล้วเมื่อล้มเจ้าได้แล้ว มันจะทำให้การจัดสรรผลประโยชน์ลงตัวได้อย่่างไร ขอคำตอบ 1 - 2 - 3  สั้นๆ ครับ


มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#300 pyopyo

pyopyo

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 6 posts

ตอบ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:42

ผมมองว่าปัญหาความขัดแย้งคนไทยขาดศีลธรรมขาดหิริโอตัปปะทั้งที่เป็นเมืองพุทธแท้ๆ ความลุ่มหลงในอำนาจเงินตรา จนทำให้หน้ามืดตามัว เห็นผิดเป็นถูก

เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ (ติดตามดูหลายความเห็น เดี๋ยวมาแจมอีกที...)


ปฏิรูปประเทศไทย ภารกิจระดับชาติของคนไทย





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน