Jump to content


Photo
- - - - -

สรยุทธ(สรพิษ) ฉลาดมากๆ หลังสลิ่มด่า ไม่ค่อยเสนอข่าวม็อบ กปปส


  • Please log in to reply
40 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 googee

googee

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 133 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:53

จนเกิดกระแสดราม่า ในห้องเฉลิมไทย หลายกระทู้แต่ตัดมาบางกระทู้  >> http://pantip.com/topic/31539997

 

ข้อสังเกตุหลังๆคือ สรยุทธ เลยเสนอข่าวม็อบกปปส ช่วงเช้า 06.00-09.00 ใน 3 ชั่วโมง จะเสนอข่าวม็อบเกือบ2ชม.ไม่พอครับ จะถ่ายทอดตอนม็อบมีคนน้อยคือช่วงเช้า

ยังไม่พอครับ แล้วจะแทรกข่าวม็อบ ไปทุกช่วงด้วย เช่นข่าวต่างประเทศ ก็แทรกข่าวม็อบ ข่าวกีฬา ก็แทรกข่าวม็อบ ข่าวบันเทิงก็แทรกข่าวม็อบ ไม่แค่นั้นครับ แต่จะเสนอข่าวม็อบแบบข่าวเนื้อหาซ้ำๆไปเรื่อยๆ

 

ปรากฎว่า คนที่ดูข่าวสรยุทธ กลายเป็นคนเบื่อ คนเอียนข่าวม็อบไปเลย แถมเริ่มรำคานกับข่าวม็อบเพิ่มขึ้นด้วย เหมือนพยามยัดเยียนให้ 

 

นี่ไง เจ้ายุทธจักร พิษสงรอบตัว ชอบให้เสนอข่าวม็อบนักใช่ไหม เลยจัดให้ เอาให้คนกลางๆเอียนข่าวม็อบไปเลย  :P


Edited by googee, 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:56.


#2 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:54

*
POPULAR

1524988_402714833197859_707002934_n.jpg



#3 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:00

*
POPULAR

ประกันตนตามมาตรา 40

ผู้ประกันตนมาตรา 40” สำหรับการประกันตนตามมาตรา 40 นั้น เป็นผลมาจากการประกันตนมาตรา 39 โดยมีการเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ เพื่อต้องการให้ผู้คนหันมาเข้าร่วมกับการประกันสังคม โดยมีความหมายถึง บุคคลที่มิใช่ลูกจ้างตามมาตรา 33 หรือเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เรียกว่าเป็น ผู้ประกันตนโดยอิสระ

 

แต่เดิมนั้นก็มีคนเข้าร่วมการประกันสังคมมากอยู่แล้ว และเมื่อมาตรา 40 ได้ออกมาก็ยิ่งทำให้ผู้คนอีกไม่น้อยที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับการประกันสังคม ซึ่งการที่จะเข้าร่วมเป็นผู้ประกันตนได้นั้นก็ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด โดยคุณสมบัติก็คล้ายๆ กับการเข้าร่วมเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 โดยระบุไว้ดังนี้

- เป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์

- ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือผู้ประกันตนตามมาตรา 39

 

หากว่าเรามีคุณสมบัติตามนี้ก็สามารถสมัครได้เลย เพียงแต่ยื่นใบสมัคร พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนและชำระเงินสมทบงวดแรกที่สำนักงานประกันสังคมในท้องที่ ซึ่งในการชำระเงินนั้นมีทางเลือกให้ 2 ทาง คือ ชุดสิทธิประโยชน์ 1 โดยต้องจ่ายเงินสมทบ 100 บาทต่อเดือน ใน 100 บาทจะแบ่งเป็นส่วนที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเอง 70 บาท ที่เหลืออีก 30 บาทรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายให้

 

โดยสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้รับเมื่อเลือกประกันตนในชุดสิทธิประโยชน์ที่ 1 โดยจะได้รับการคุ้มครองขั้นพื้นฐาน 3 กรณี คือ เงินทดแทนรายได้กรณีเจ็บป่วย เงินทดแทนรายได้กรณีทุพพลภาพ เงินค่าทำศพ

 

ส่วนทางเลือกที่สองนั้นเรียกว่า ชุดสิทธิประโยชน์ 2 โดยต้องจ่ายเงินสมทบ 150 บาทต่อเดือน โดยใน 150 บาทนั้น ทางผู้ประกันตนต้องจ่ายเอง 100 บาท ส่วนอีก 50 บาทนั้นทางรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายให้ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกกรณีไหน หากว่าจ่ายเงินสมทบงวดแรกก็เป็นผู้ประกันตนทันที

 

ในการเลือกเข้าร่วมประกันตนตามมาตรา 40 แบบชุดสิทธิประโยชน์ 2 นี้ เราผู้มีสถานะเป็นผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานคอยคุ้มครองอยู่ 4 กรณี คือ เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ เงินค่าทำศพและเงินบำเหน็จชราภาพ

 

หากว่าเราเลือกใช้บริการกรณีใด กรณีหนึ่งแล้วเกิดความไม่พอใจ ต้องการเปลี่ยนมาใช้อีกกรณีหนึ่งก็สามารถทำได้ โดยในหลักเกณฑ์ระบุไว้ว่า ทั้ง 2 กรณีนั้นสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงไปใช้อีกกรณีหนึ่งได้ หากว่ามีความไม่พอใจหรือไม่สะดวก โดยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ปีละ 1 ครั้ง ก่อนวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีและจะมีผลเปลี่ยนแปลงในวันที่ 1 มกราคมของปีถัดไป นอกจากนั้นหากว่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวอย่าง ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หรือลาออกจากสถานะผู้ประกันตนสามารถทำได้ทันที เพื่อความถูกต้อง

 

การเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 นั้นไม่ได้มีสิทธิประโยชน์ทางด้านสุขภาพและความมั่นคงในชีวิตเท่านั้น ยังมีสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย เงินสมทบในแต่ละปีที่เราจ่ายไป สามารถนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ เพียงใช้ใบเสร็จรับเงินที่ได้รับจากการจ่ายเงินสมทบ มาใช้เป็นหลักฐาน

 

จากข้อมูลข้างต้นเราจะเห็นได้ว่าสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตามมาตรา 40 พึงได้นั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบการเลือกประกันตนอีกที โดยมีดังนี้

 

เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วย หากว่าต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 2 วันขึ้นไปจะได้รับเงินทดแทน 200 บาทต่อวัน แต่ต้องไม่เกิน 20 วัน แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขการจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 3 เดือนจากระยะเวลา 4 เดือน

 

เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพได้รับเงินทดแทนจำนวน 500- 1,000 บาทต่อเดือนนานถึง 15 ปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือนขึ้นไปและคำวินิจฉัยของแพทย์ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

ชำระเงินสมทบอย่างน้อย 6 เดือนภายในเวลา 10 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ได้รับ 500 บาทต่อเดือน

ชำระเงินสมทบอย่างน้อย 12 เดือนภายในเวลา 20 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ได้รับ 650 บาทต่อเดือน

ชำระเงินสมทบอย่างน้อย 24 เดือนภายในเวลา 40 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ได้รับ 800 บาทต่อเดือน

ชำระเงินสมทบอย่างน้อย 36 เดือนภายในเวลา 60 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน

 

เงินทำศพจะได้รับ 20,000 บาทต่อราย แต่ต้องจ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือนภายในเวลา 12 เดือน ก่อนถึงวันที่เสียชีวิต เงินค่าทำศพนั้นจะตกเป็นสิทธิประโยชน์ของผู้มีสิทธิ ซึ่งบุคคลที่เป็นผู้มีสิทธิมีดังนี้

- บุคคลที่ผู้ประกันตนได้ทำหนังสือระบุให้เป็นผู้จัดการศพก่อนจะเสียชีวิต

- บิดามารดา สามีภรรยาหรือบุตร ตามกฎหมาย

- บุคคลที่มีหลักฐานแสดงตนว่าได้รับเป็นจัดการศพ

 

เงินบำเหน็จชราภาพ ในกรณีของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แบบชุดสิทธิประโยชน์ 2 จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ เมื่ออายุได้ 60 ปีบริบูรณ์เท่านั้น ในบางกรณีที่ผู้ประกันตนเสียชีวิตไม่สามารถมารับเงินบำเหน็จชราภาพได้ สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะตกเป็นของผู้มีสิทธิ เช่น บิดามารดา สามีภรรยา บุตร หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่ผู้ประกันตนได้ทำหนังสือระบุเอาไว้ว่าเป็นผู้มีสิทธิก่อนที่จะเสียชีวิต

 

หากว่ารู้สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเหล่านี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากที่จะมีสถานะเป็นผู้ประกันตน ซึ่งการที่จะสมัครเป็นผู้ประกันตนนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานประกันสังคมท้องที่ของตนเอง หรือสมัครผ่านตัวแทนเจ้าหน้าที่ประกันสังคมหรือสมัครที่หน่วยเคลื่อนที่ พร้อมด้วยเอกสารดังต่อไปนี้

- แบบการขึ้นทะเบียนการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 หรือ สปส.1-40

- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ พร้อมสำเนา

 

วิธีการนำส่งเงินสมทบ

การนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ก็มีลักษณะคล้ายๆ กับกรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 39 โดยจะมีการชำระเงินสมทบด้วยกัน 2 ทาง คือหักจากบัญชีธนาคารและการชำระด้วยเงินสด

 

การหักผ่านบัญชีจะทำผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวจะมีค่าธรรมเนียม 5 บาทต่อครั้ง โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวต้องอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกัน

 

การชำระด้วยเงินสด ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 หากต้องการชำระเป็นเงินสดก็สามารถไปชำระได้ที่สำนักงานประกันสังคมในท้องที่ หรือไม่ก็ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-ELEVEN หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิสอื่นๆ ที่ให้บริการ โดยจะมีค่าธรรมเนียม 10 บาทต่อครั้ง โดยค่าธรรมเนียม ดังกล่าวต้องอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกันตน

 

ในกรณีของการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เมื่อชำระเงินเสร็จผู้ประกันจะได้รับใบเสร็จแสดงการชำระเงินในทันที ซึ่งผู้ประกันตนต้องนำใบเสร็จรับเงินและสมุดนำส่งเงินไปให้เจาหน้าที่ประทับตราที่สำนักงานประกันสังคมในท้องที่ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นเรื่องรับสิทธิประโยชน์ เมื่อเกิดเหตุจำเป็น

 

ขั้นตอนการรับสิทธิประโยชน์ทดแทน

อย่างที่เราพอทราบเบื้องต้นแล้วว่าสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตามมาตรา 40 นั้นมีอยู่หลากหลายแบบ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกันตนด้วยกันทั้งนั้น แต่การที่จะเข้าถึงสิทธิประโยชน์เหล่านั้น เราต้องรู้ถึงขั้นตอนและเอกสารสำคัญที่ใช้ยื่นเรื่องขอรับประโยชน์ทดแทนอย่างแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ หรือ สปส. 2-01/ม.40 พร้อมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่จำเป็น นอกจากนั้นการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนต้องทำภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่มีสิทธิ หากว่าไม่มาตามกำหนดดังกล่าวถือว่าสละสิทธิประโยชน์นั้น จะตกเป็นของกองทุน ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนในกรณีต่างๆใช้เอกสารอะไรกันบ้าง

 

กรณีขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย

- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ หรือสปส. 2-01/ม.40

- ใบรับรองแพทย์

- สำเนาเวชระเบียน ในกรณีที่มี

 

กรณีขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพ

- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ หรือสปส. 2-01/ม.40

- ใบรับรองแพทย์

- สำเนาเวชระเบียน ในกรณีที่มี

 

กรณีเงินค่าทำศพ หากเสียชีวิต

- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ หรือสปส. 2-01/ม.40

- สำเนามรณบัตร

- หลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ

- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ผู้ประกันตนและผู้จัดการศพ

- สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้ประกันตนและผู้จัดการศพ

 

กรณีเงินบำเหน็จชราภาพ ในกรณีนี้ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 แบบ คือกรณีชราภาพและกรณีเสียชีวิต โดยแต่ละแบบใช้เอกสารต่างกันดังนี้

กรณีชราภาพ เกิดขึ้นเมื่อผู้ประกันตนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และไม่ต้องการเป็นผู้ประกันตนต่อจึงได้ลาออก เอกสารที่ต้องใช้ยื่นรับเงินบำเหน็จชราภาพคือ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ (สปส.2-01/ม.40) และ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

กรณีเสียชีวิต หากว่าผู้ประกันตนเสียชีวิต สิทธิประโยชน์ที่ได้รับนั้น จะตกเป็นของผู้มีสิทธิทันที ผู้มีสิทธิว่าได้แก่ พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยาหรือบุตร ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากว่ามีบุคคลที่ได้รับสิทธิจากผู้ประกันตนให้เป็นผู้จัดการศพก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นั้นทันที ผู้มีสิทธิจะทการยื่นเอกสารดังนี้  

- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ (สปส. 2-01/ม.40)

- สำเนามรณบัตร

- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพ

- สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตนและของบิดา มารดา ในกรณีถ้ามี

- สำเนาสูติบัตรของบุตรหรือสำเนาทะเบียนบ้านของบุตรกรณีไม่มีสูติบัตร

 

เอกสารเหล่านี้จะถูกยื่นที่สำนักงานประกันสังคม เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาต่อไป จะเห็นได้ว่าไม่ว่าผู้ประกันตนตามมาตรา 39 หรือ 40 ต่างก็ได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่าง นั่นเป็นเพราะว่าสำนักงานประกันสังคมต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพที่ประชาชนต้องแบกรับ อีกทั้งยังมีเงินบำเหน็จสร้างหลักประกันชีวิตไว้ในวัยชราอีกด้วย ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ขึ้นทุกช่วงขณะ

 

ดังนั้นหากว่าคุณเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 อยู่ก็อย่าลืมตรวจทานสิทธิของตนเอง หมั่นตรวจสอบข่าวคราวการเพิ่มเติมสิทธิของการประกันสังคมตลอดเวลา เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้จริงจะสามารถใช้ได้ถูกต้องและเหมาะสม


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#4 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:03

*
POPULAR

โรตี

 

วิธีทำ โรตี
ตวงน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ 1 ถ้วย
ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมข้นหวาน เกลือ คนให้ไข่กระจาย และส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี พักไว้
ใส่แป้งลงในชามผสม ทำบ่อตรงกลาง เทส่วนผสม ลงไป เคล้าให้เข้ากันเบา ๆ
ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนชา นวดประมาณ 10 นาที ใส่น้ำโซดา นวดต่ออีก 10 นาที
ใส่น้ำมันอีก 1 ช้อนชา นวดต่ออีก 10 นาที หลังจากนั้น ให้หมักแป้งไว้ 30 นาที แล้วจึงนำมาตัดเป็นก้อนเท่าๆ กัน ประมาณ 20 ก้อน คลึงให้เป็นลูกกลมๆ แล้วแช่ไว้ในน้ำมัน ประมาณ 30 นาที จึงนำมาทอด ( ถ้ายังไม่รับประทานให้เก็บใส่ตู้เย็นไว้ ) เมื่อจะทอด ให้กดแป้งบนโต๊ะให้แบน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว ใช้มือทั้งสอง จับมุมแป้งและฟาดให้แป้งยืดออก จนแป้งบาง แล้วจับปลายแป้งขมวดเป็นก้นหอย พักไว้ ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย นำแป้งก้อนแรกมาบี้ให้แบนออกเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว นำลงทอด จนเหลืองทั้ง 2 ด้านตักขึ้น


นี่อีกสูตรของจังหวัดระนองตำบลบ้านหงาว
วิธีการทำโรตี ส่วนผสมประกอบด้วย
แป้งสาลี 1 กิโลกรัม
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
นมข้น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 6 ขีด
วิธีการทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันและนำไปเข้าเครื่องปั่น จนแป้งมีความเหนียวพอประมาณ นำแป้งออกจากเครื่องปั่นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้แป้งคลายตัว
แบ่งแป้งออกเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอทำโรตีได้ 1 แผ่น ด้วยเนยเทียม จากนั้นทำแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที สำหรับการตีแป้ง ควรที่จะตีให้เกิดความบางเต็มที่ เพราะจะมีข้อดีเมื่อนำไปทอดแล้วกรอบอร่อย นั่นคือถ้าแป้งหนาเกินไป เมื่อทอดแล้วจะไม่กรอบ การทอดโรตี
เมื่อตีแป้งจนได้ที่แล้วนำไปทอดในน้ำมัน โดยใช้น้ำมันพืช ไฟใช้ขนาดปานกลาง ทอดนาน ๆ แป้งนุ่มไม่เหนียว นี่คือ หนึ่งอาชีพที่เกิดขึ้นที่จังหวัดระนอง และสามารถสร้างรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว มีคนไปชิมมาแล้วให้ร้อยคะแนนเลยอร่อยมาก ๆ

สูตรโรตี
วัถุตดิบนะ
1.เเป้งตราวาฬ 1 กิโล
2.ไข่ไก่ 2 ลูก
3.เนย(สีเหลืองนะ)
2 ช้อนโต๊ะ
4.นมสด 1 ก.ป
5.นมข้น 1 ช้อนโต๊ะ
6.เกลือ 2ช้อนชา
7.น้ำตาล
วิธีทำ
1.ก็เอาทุกอย่างมารวมกันเเล้วก็นวดเเป้งนานๆๆเเต่เราต้องดูความหนืดของเเป้งด้วยนะบอกไม่ถูกอ่ะ กะดูอ่ะเเต่ยิ่งนวดนานยิ่งดีนะ
2.พักเเป้งไว 2 ชม.
3.ปั้นเป็นลูกกลมๆๆ
4.พักเเป้งไว 2 ชม.
5.ตีให้เเบนๆๆ
6.ทอดกิน โรยนมข้น น้ำตาล หรืออื่นๆ


Edited by ctpk05, 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:04.

"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#5 ken2557

ken2557

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 337 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:47

รู้เขารู้เรานะเนื่ย 555555

#6 134340

134340

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 387 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:51

ครับ



#7 คลำปม

คลำปม

    สลิ่มเต็มขั้นจ้า

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,657 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:51

สติปัญญา (Intelligence)
 
ความหมายของสติปัญญา
 

แมคเนมาร์ ได้สรุปความหมายของสติปัญญา ที่นักวิจัยกลุ่มต่างๆ ได้กล่าวไว้ว่าแบ่งเป็น 4 กลุ่มดังนี้

 

 

 

กลุ่มที่1 ให้ความหมายของสติปัญญา ในแง่ของความสามารถใน การปรับตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ผู้มีสติปัญญาสูงจะปรับต้วเข้ากับสิ่งแวดล้อม ได้ดีกว่า ผู้มีสติปัญญาต่ำ

 

กลุ่มที่2 ให้ความหมายของสติปัญญาว่า เป็นความสามารถในการแก้ปัญหา ผู้มีสติปัญญาสูงจะแก้ใขได้ดีกว่าผู้มีสติปัญญาต่ำ

 

กลุ่มที่3 ให้ความหมายของสติปัญญาว่า เป็นเรื่องของความสามารถ ในการคิดแบบ นามธรรม ผู้มีสติปัญญาสูงจะคิดแบบนามธรรมได้ดีกว่าผู้มีสติปัญญาต่ำ

 

กลุ่มที่4 ให้ความหมายของสติปัญญาว่า เป็นความสามารถในการเรียนรู้ ผู้ที่มีสติปัญญาสูงจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ที่มีสติปัญญาต่ำ

 

 

 

จากข้อความที่กล่าวข้างต้นทั้งหมด อาจสรุปเกี่ยวกับสติปัญญาได้ว่า

 

สติปัญญาเป็นความสามารถในตัวบุคคล ที่จะทราบได้จากพฤติกรรมที่บุคคลแสดงออก

 

ระดับของสติปัญญาสังเกตได้จากการแสดงออกที่มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว ความถูกต้อง

 

ความสามารถในการคิด การแก้ปัญหาและการปรับตัว การใช้แบบทดสอบวัดสติปัญญาจะทำให้ทราบระดับสติปัญญาชัดเจนขึ้น


วิธีการยุติระบอบทักษิณ

ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"


#8 Bot V Mask

Bot V Mask

    ตัว V อยู่กลางหน้าผาก

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,185 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:30

กลายเป็นกระทู้สาระไปเลย ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนๆทุกท่านนะครับ

#9 เสือยิ้มยาก

เสือยิ้มยาก

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,695 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:31

*
POPULAR

154801_672887346088146_499096431_n.jpg

ชัดเจน!!

คนนึงนักธุรกิจ เห็นแก่ตัวธรรมดา

คนนึง สื่อสารมวลชน


        shotgun.gif       d444.gif        cheesy.gif

 


#10 Sand

Sand

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 447 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:37

โรตี

 
วิธีทำ โรตีตวงน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ 1 ถ้วยใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมข้นหวาน เกลือ คนให้ไข่กระจาย และส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี พักไว้ใส่แป้งลงในชามผสม ทำบ่อตรงกลาง เทส่วนผสม ลงไป เคล้าให้เข้ากันเบา ๆใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนชา นวดประมาณ 10 นาที ใส่น้ำโซดา นวดต่ออีก 10 นาทีใส่น้ำมันอีก 1 ช้อนชา นวดต่ออีก 10 นาที หลังจากนั้น ให้หมักแป้งไว้ 30 นาที แล้วจึงนำมาตัดเป็นก้อนเท่าๆ กัน ประมาณ 20 ก้อน คลึงให้เป็นลูกกลมๆ แล้วแช่ไว้ในน้ำมัน ประมาณ 30 นาที จึงนำมาทอด ( ถ้ายังไม่รับประทานให้เก็บใส่ตู้เย็นไว้ ) เมื่อจะทอด ให้กดแป้งบนโต๊ะให้แบน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว ใช้มือทั้งสอง จับมุมแป้งและฟาดให้แป้งยืดออก จนแป้งบาง แล้วจับปลายแป้งขมวดเป็นก้นหอย พักไว้ ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย นำแป้งก้อนแรกมาบี้ให้แบนออกเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว นำลงทอด จนเหลืองทั้ง 2 ด้านตักขึ้นนี่อีกสูตรของจังหวัดระนองตำบลบ้านหงาววิธีการทำโรตี ส่วนผสมประกอบด้วยแป้งสาลี 1 กิโลกรัมน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะเกลือ 1 ช้อนโต๊ะนมข้น 2 ช้อนโต๊ะน้ำสะอาด 6 ขีดวิธีการทำนำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันและนำไปเข้าเครื่องปั่น จนแป้งมีความเหนียวพอประมาณ นำแป้งออกจากเครื่องปั่นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้แป้งคลายตัวแบ่งแป้งออกเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอทำโรตีได้ 1 แผ่น ด้วยเนยเทียม จากนั้นทำแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที สำหรับการตีแป้ง ควรที่จะตีให้เกิดความบางเต็มที่ เพราะจะมีข้อดีเมื่อนำไปทอดแล้วกรอบอร่อย นั่นคือถ้าแป้งหนาเกินไป เมื่อทอดแล้วจะไม่กรอบ การทอดโรตีเมื่อตีแป้งจนได้ที่แล้วนำไปทอดในน้ำมัน โดยใช้น้ำมันพืช ไฟใช้ขนาดปานกลาง ทอดนาน ๆ แป้งนุ่มไม่เหนียว นี่คือ หนึ่งอาชีพที่เกิดขึ้นที่จังหวัดระนอง และสามารถสร้างรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว มีคนไปชิมมาแล้วให้ร้อยคะแนนเลยอร่อยมาก ๆสูตรโรตีวัถุตดิบนะ1.เเป้งตราวาฬ 1 กิโล2.ไข่ไก่ 2 ลูก3.เนย(สีเหลืองนะ)2 ช้อนโต๊ะ4.นมสด 1 ก.ป5.นมข้น 1 ช้อนโต๊ะ6.เกลือ 2ช้อนชา7.น้ำตาลวิธีทำ1.ก็เอาทุกอย่างมารวมกันเเล้วก็นวดเเป้งนานๆๆเเต่เราต้องดูความหนืดของเเป้งด้วยนะบอกไม่ถูกอ่ะ กะดูอ่ะเเต่ยิ่งนวดนานยิ่งดีนะ2.พักเเป้งไว 2 ชม.3.ปั้นเป็นลูกกลมๆๆ4.พักเเป้งไว 2 ชม.5.ตีให้เเบนๆๆ6.ทอดกิน โรยนมข้น น้ำตาล หรืออื่นๆ


วิธีนี้เข้าท่าดีเพราะช่วยให้กระทู้นี้จะมีประโยชน์มากขึ้น

#11 เสือยิ้มยาก

เสือยิ้มยาก

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,695 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:57

BebksGcCAAAGvS8.jpg

ภาพมาแบบนี้

ถ้าเป็นไอ้ยุด ก็คงนำเสนอแบบไร้ปัญญา :lol:


        shotgun.gif       d444.gif        cheesy.gif

 


#12 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:00

BebksGcCAAAGvS8.jpg

ภาพมาแบบนี้

ถ้าเป็นไอ้ยุด ก็คงนำเสนอแบบไร้ปัญญา :lol:

เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆครับ ระหว่างคนดีอยู่่ข้างไหน และคนชั่ว เลว ระยัม อยู่ข้างไหน 



#13 spartacus

spartacus

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 810 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:02

BebksGcCAAAGvS8.jpg
ภาพมาแบบนี้
ถ้าเป็นไอ้ยุด ก็คงนำเสนอแบบไร้ปัญญา :lol:


เลวครับ ระยำมาก เล่นกันด้วยการบิดเบือนข้อมูลแบบนี้
เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว ขอร้องละ

#14 nomoreshin

nomoreshin

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 417 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:03

ก้อนไขมันใต้ผิวหนัง หรือที่เรียกว่า Lipoma เป็นความผิดปกติที่มีการโตของเซลล์ไขมันที่มีแคปซูลหุ้มล้อมรอบ พบที่ใต้ผิวหนัง พบได้บ่อยตามลำตัว คอ ต้นขา ต้นแขน ข้อพับ แต่ก็สามารถพบได้ทั่วตัว บางคนจะพบว่ามีก้อนไขมันหลาย ๆ ก้อนทั่วตัว แต่ไม่ต้องกังวลเพราะก้อนไขมันพวกนี้จะไม่เปลี่ยนเป็นเนื้อร้าย
ก้อนไขมันนี้พบได้ประมาณ 1% ของประชากร ก้อนพวกนี้ไม่อันตราย และมักจะตัดออกด้วยเหตุผลด้านความสวยงาม
ก้อนไขมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากพันธุกรรม โดยมีการตรวจพบ ยีน บนโครโมโซมที่ 12 ชื่อว่า HMGA2-LPP fusion gene การเกิดการบาดเจ็บเช่นการกระแทก อาจจะกระตุ้นให้มีการโตของเซลล์ไขมันขึ้นมาก แต่ความอ้วนไม่ใช่สาเหตุในการทำให้เกิดก้อนไขมัน
ลักษณะที่ตรวจพบได้ บ่อย ๆ

- พบก้อนเล็ก ๆ ขนาด 1-3 เซนติเมตรที่ใต้ผิวหนัง แต่ก็อาจจะใหญ่มากกว่า 10 เซนติเมตรก็ได้
- ก้อนจะขยับ กลิ้งไปมาได้ ค่อนข้างนุ่มเหมือนยางลบ
- ไม่มีอาการเจ็บปวด
- ก้อนจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงขนาด หรือโตขึ้นเพียงช้า ๆ ในเวลาเป็นปี ๆ
ถ้าก้อนโตขึ้นอาจจะทำให้สังเกตเห็นได้ง่าย และอาจจะมีคนทักอยู่เรื่อย ๆ บางครั้งก้อนไขมันไม่ได้อยู่ที่ใต้ผิวหนัง แต่ไปอยู่ที่ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร หรือรอบ ๆ หัวใจ อาจจะทำให้มีอาการผิดปกติจากการไปกดเบียดอวัยวะเหล่านั้นได้
การวินิจฉัย

ก้อนไขมันที่ผิวหนังสามารถทำการวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติม แต่หากแพทย์ต้องการยืนยันให้แน่ใจว่าไม่ใช่เนื้อร้าย จะทำการตรวจโดยการผ่าตัดส่งตรวจชิ้นเนื้อ
การรักษา
ก้อนไขมัน ไม่จำเป็นต้องรับการรักษา เพราะว่า จะไม่กลายไปเป็นเนื้อร้าย แต่ยังไม่มีวิธีการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดก้อนไขมันหรือป้องกันไม่ให้ก้อนโตขึ้น
ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด
- ที่พบบ่อยที่สุดคือ เหตุผลด้านความสวยงาม
- บางกรณีหากแพทย์ไม่มั่นใจว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ จะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อตรวจชิ้นเนื้อ
- ก้อนที่โตขึ้นเร็ว และมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร
- มีอาการเจ็บหรืออาการปวด
- มีการติดเชื้อเป็น ๆ หาย ๆ
- ทำให้การขยับการเคลื่อนไหวไม่สะดวก
การผ่าตัดก้อนไขมันเป็นการผ่าตัดเล็ก โดยใช้เวลาไม่นาน และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล และเพียงฉีดยาเข้าไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณก้อนไขมัน แต่ถ้าก้อนใหญ่มาก หรือใกล้อวัยวะหรือเส้นเลือดใหญ่ ก็อาจจะต้องทำในห้องผ่าตัด
สิ่งที่นักการเมืองไทยไม่เคยรู้และประชาชนไม่จำเป็นต้องบอก

หากปกครองด้วยความลุแก่อำนาจ หยิบยื่นแต่ความอิ่มหนำสำราญให้แต่กับพวกพ้องของตน สร้างความคับแค้นให้กัดกินในใจผู้คนทั่วไป วันหนึ่งคนเหล่านั้นจะลุกขึ้นมาทำอะไรก็ได้ เพราะไม่มีอะไรที่จะเสีย..

#15 เสือยิ้มยาก

เสือยิ้มยาก

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,695 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:05

ขอแถมอีกรูปนะ

BebnXerCEAA7WI9.jpg


        shotgun.gif       d444.gif        cheesy.gif

 


#16 Moo3storey

Moo3storey

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,284 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:05

da65.jpg

#17 ตุ๊ ต่องแต่ง

ตุ๊ ต่องแต่ง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 731 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:28

เห็นวิธีทำโรตีทำเอาผมอยากกินขึ้นมาเลยฮะ



#18 กบฏแนท

กบฏแนท

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 7 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:37

จขกท. ดราม่าทำไมอะ ไม่ชอบก็เปลี่ยนช่องแค่นั้น จบ.

#19 ไทยไม่ทน

ไทยไม่ทน

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,381 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:15

%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%New580x250.gifl25-195a.jpgall-5.jpg


llllllllllllllllllllllllllllll

llllllllllllllllllllllllllllll

llllllllllllllllllllllllllllll

 


#20 อู๋ ฮานามิ

อู๋ ฮานามิ

    สมาชิกหน้าเก่า

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 12,018 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:22


ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด

 

เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ


#21 แสงธูป

แสงธูป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 753 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:26

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับพวกสมุนไพรพื้นบ้านบ้างครับ ขอบคุณ

#22 TIK Tik tik

TIK Tik tik

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 453 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:29

เมื่อวานทำคุกกี้กุ้งแห้งกินเอง พอเสร็จเอาขนมที่ทำได้ไปให้ป้าที่ขายคุกกี้ชิม เค้าบอกว่าก้งแห้งป่นไม่ต้องละเอียดมาก เอาพอหยาบๆ จะได้รู้ว่ามีกุ้งแห้งอยู่ ป้าจะรู้มั๊ยน้า กุ้งแห้งที่ใส่ไปน่ะ ใส่เยอะอยู่นา

#23 ไทยไม่ทน

ไทยไม่ทน

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,381 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:41

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับพวกสมุนไพรพื้นบ้านบ้างครับ ขอบคุณ

 
ฟ้าทะลายโจร fatalaijone01.jpg
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.) Wall. ex Nees
วงศ์ : Acanthaceae
ชื่ออื่น : คีปังฮี (จีน) ฟ้าทะลายโจร หญ้ากันงู น้ำลายพังพอน
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง30-60 ซม.ทั้งต้นมีรสขม ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม แตกกิ่งออกเป็นพุ่มเล็ก ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว4-8 ซม. สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อยขนาดเล็กกลีบดอกสีขาว โคนกลีบดอกติดกัน ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ มีเส้นสีแดงเข้มพาดตามยาว ปากล่างมี 2 กลีบ ผลเป็นฝักสีเขียวอมน้ำตาล ปลายแหลม เมื่อผลแก่จะแตกเป็นสองซีก ดีดเมล็ดออกมา
ประโยชน์ทางสมุนไพร : ชาวจีนใช้ฟ้าทะลายเป็นยามาแต่โบราณ และมาเป็นที่นิยมใช้ในปะเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ โดยใช้เฉพาะใบหรือทั้งต้นบนดินซึ่งเก็บก่อนที่จะมีดอกเป็นยาแก้เจ็บคอ แก้ท้องเสีย แก้ไข้ เป็นยาขมเจริญอาหาร การศึกษาฤทธิ์ลดไข้ในสัตว์ทดลองพบว่าสารสกัดแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดไข้ได้ รายงานการใช้รักษาโรคอุจจาระร่วงและบิดไม่มีตัว แสดงว่าฟ้าทะลายมีประสิทธิภาพในการรักษาเท่ากับเตตราซัยคลินแต่ในการรักษาอาการเจ็บคอนั้นมีรายงานทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผลขนาดที่ใช้คือพืชสด 1-3 กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือใช้พืชแห้งบดเป็นผงละเอียดปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.8 ซม. กินครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน สำหรับผงฟ้าทะลายที่บรรจุแคปซูล ๆ ละ 500 มิลลิกรัม ให้กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น อาการข้างเคียงที่อาจพบคือ คลื่นไส้

llllllllllllllllllllllllllllll

llllllllllllllllllllllllllllll

llllllllllllllllllllllllllllll

 


#24 แสงธูป

แสงธูป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 753 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:45

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับพวกสมุนไพรพื้นบ้านบ้างครับ ขอบคุณ

 



ฟ้าทะลายโจร fatalaijone01.jpg
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.) Wall. ex Nees
วงศ์ : Acanthaceae
ชื่ออื่น : คีปังฮี (จีน) ฟ้าทะลายโจร หญ้ากันงู น้ำลายพังพอน
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง30-60 ซม.ทั้งต้นมีรสขม ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม แตกกิ่งออกเป็นพุ่มเล็ก ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว4-8 ซม. สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อยขนาดเล็กกลีบดอกสีขาว โคนกลีบดอกติดกัน ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ มีเส้นสีแดงเข้มพาดตามยาว ปากล่างมี 2 กลีบ ผลเป็นฝักสีเขียวอมน้ำตาล ปลายแหลม เมื่อผลแก่จะแตกเป็นสองซีก ดีดเมล็ดออกมา
ประโยชน์ทางสมุนไพร : ชาวจีนใช้ฟ้าทะลายเป็นยามาแต่โบราณ และมาเป็นที่นิยมใช้ในปะเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ โดยใช้เฉพาะใบหรือทั้งต้นบนดินซึ่งเก็บก่อนที่จะมีดอกเป็นยาแก้เจ็บคอ แก้ท้องเสีย แก้ไข้ เป็นยาขมเจริญอาหาร การศึกษาฤทธิ์ลดไข้ในสัตว์ทดลองพบว่าสารสกัดแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดไข้ได้ รายงานการใช้รักษาโรคอุจจาระร่วงและบิดไม่มีตัว แสดงว่าฟ้าทะลายมีประสิทธิภาพในการรักษาเท่ากับเตตราซัยคลินแต่ในการรักษาอาการเจ็บคอนั้นมีรายงานทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผลขนาดที่ใช้คือพืชสด 1-3 กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือใช้พืชแห้งบดเป็นผงละเอียดปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.8 ซม. กินครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน สำหรับผงฟ้าทะลายที่บรรจุแคปซูล ๆ ละ 500 มิลลิกรัม ให้กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น อาการข้างเคียงที่อาจพบคือ คลื่นไส้
ขอบคุณครับ คุณไทยไม่ทนสำหรับข้อมูล

#25 ไทยไม่ทน

ไทยไม่ทน

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,381 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:50

ขอบคุณ คุณสตาร์เกต-1 ที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการครับ

 

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:


llllllllllllllllllllllllllllll

llllllllllllllllllllllllllllll

llllllllllllllllllllllllllllll

 


#26 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 20 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:53

ประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราช ที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์ โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเข้ามาในภายหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชน และญาติที่ล่วงลับ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากนรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้ เคยทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากนรกในทุกวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้นก็จะกลับไปยังนรก ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10

ช่วงระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบจะมีขึ้นในวันแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำเดือนสิบของทุกปีแต่สำหรับวันที่ชาวใต้มักจะ นิยมทำบุญกันมากคือวันแรม 13-15 ค่ำ ประเพณีวันสารทเดือนสิบโดยในส่วนใหญ่แล้วจะตรงกับเดือนกันยายน
 

ขนมเดือนสิบ

ขนมพอง   เป็นสัญลักษณ์แทนเรือ  แพ  ที่บรรพบุรุษใช้ข้ามห้วงมหรรณพ เหตุเพราะขนมพองนั้นแผ่ดังแพมีน้ำหนักเบาย่อมลอยน้ำ  และขี่ข้ามได้

ขนมลา      เป็นสัญลักษณ์แทนแพรพรรณ  เครื่องนุ่งห่ม เหตุเพราะขนมลามีรูปทรงดังผ้าถักทอ  พับ  แผ่ เป็นผืนได้

ขนมบ้า     เป็นสัญลักษณ์แทนลูกสะบ้า  สำหรับใช้เล่นต้อนรับสงกรานต์  เหตุเพราะขนมบ้ามีรูปทรงคล้ายลูกสะบ้า  การละเล่นที่นิยมในสมัยก่อน

ขนมดีซำ   เป็นสัญลักษณ์แทนเงิน เบี้ย สำหรับใชัสอย  เหตุเพราะรูปทรงของขนมคล้ายเบี้ยหอย

ขนมกง(ไข่ปลา)  เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องปรัดับ  เหตุเพราะรูปทรงมีลักษณะคล้ายกำไล  แหวน

ลาลอยมัน    เป็นสัญลักษณ์แทนฟูก  และหมอน ซึ่งมีในบางท้องถิ่น


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#27 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:29

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับพวกสมุนไพรพื้นบ้านบ้างครับ ขอบคุณ

 

 

 

โด่ไม่รู้ล้ม

 

โด่ไม่รู้ล้ม ภาษาอังกฤษ Prickly-leaved elephant’s foot ชื่อวิทยาศาสตร์ Elephantopus Scaber L. จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (Asteraceae) สามารถพบได้ทั่วไปตามป่าโปร่งที่มีดินค่อนข้างเป็นทราย ในป่าเต็งรัง ป่าดิบ และในป่าสนเขาทั่วทุกภาคของประเทศไทย และประเทศในเขตร้อนทั่วโลก

 

สมุนไพรโด่ไม่รู้ล้ม ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกเช่น ขี้ไฟนกคุ่ม (เลย), คิงไฟนกคุ่ม (ชัยภูมิ), หนาดมีแคลน (สุราษฎร์ธานี), ตะชีโกวะ ติ๊ซิเควาะด๊ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), โน๊ะกะชอย่อตะ กาว่ะ เนาะดากวอะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), เคยโป้ หนาดผา หญ้าปราบ หญ้าไก่นกคุ่ม หญ้าไฟนกคุ้ม หญ้าสามสิบสองหาบ (ภาคเหนือ), ก้อมทะ เกดสะดุด ยาอัดลม (ลั้วะ), จ่อเก๋ (ม้ง) เป็นต้น

ลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน ต้นแข็ง ตั้งตรง รากที่มีอายุมากจะมีลัษณะคล้ายเหง้า รากแขนงกลมยาว ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับที่โคนใกล้ผิวดิน ขอบใบหยัก มีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ใบมีขนสีขาวตรงละเอียด ตรง ห่าง สาก ทอดขนานกับผิวใบ ทั้งสองด้าน ท้องใบมีขนมากกว่าหลังใบ ใบรูปหอกกลับ หรือรูปไข่แกมใบหอกกลับ ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบ ผายกว้าง แล้วสอบแหลมทู่ๆ ส่วนโคนใบสอบแคบจนถึงก้านใบ ขอบใบหยักมน หรือจักฟันเลื่อยห่างๆ เนื้อใบหนาสาก ดอกช่อ แบบช่อกระจุกแน่น ก้านช่อดอกยาว ดอกสีม่วงหรือขาว การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

 

สรรพคุณโด่ไม่รู้ล้ม

  1. ว่านโด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ด้วยการใช้รากต้มเป็นน้ำดื่ม หรือใช้ดองเหล้าดื่มผสมเข้ากับสมุนไพรกำลังเสือโคร่งและม้ากระทืบโรง หรือจะใช้ใบต้มกับน้ำดื่มก็ได้ และนอกจากนี้ยังใช้ทั้งต้นของโด่ไม่รู้ล้ม นำมาตากแห้งแล้วหั่นเป็นฝอยใช้ผสมเข้ายาร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ คือ ต้นนางพญาเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรง ลำต้นฮ่อสะพายควาย จะค่าน ตานเหลือง มะตันขอ เปลือกลำ หัวยาข้าวเย็น แก่นฝาง ไม้มะดูก และข้าวหลามดง นำมาต้มเป็นน้ำดื่มเป็นยาบำรุงก็ได้เหมือนกัน (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  2. ช่วยบำรุงหัวใจ (ทั้งต้น)
  3. ลำต้นและใบ ใช้เป็นยาบำรุงเลือด เหมาะสำหรับสตรีที่มีประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ (ต้นและใบ)
  4. ช่วยทำให้อยากอาหาร (ต้นและใบ)
  5. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ใบ)
  6. ช่วยแก้กษัย (ทั้งต้น)
  7. ทั้งต้นมีรสกร่อนจืดและขื่นเล็กน้อย ใช้รับประทานช่วยทำให้เกิดกษัยแต่มีกำลัง (ทั้งต้น)
  8. ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก)
  9. ช่วยขับเหงื่อ (ทั้งต้น)
  10. ทั้งต้นใช้ต้มกับน้ำรับประทาน ช่วยแก้ไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรียได้ (ทั้งต้น)
  11. ช่วยแก้ไข้ ด้วยการใช้รากโด่ไม่รู้ล้มนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้ราก ลำต้น ใบและผล ต้มเป็นน้ำดื่มก็ได้เช่นกัน (ราก,ลำต้น,ใบ,ผล,ทั้งต้น)
  12. ใช้เป็นยาแก้ไอ ด้วยการใช้ต้นหรือรากต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไอ (ราก,ต้น,ใบ,ทั้งต้น)
  13. รากโด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณช่วยแก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้หวัด มีอาการไอเรื้อรัง (ราก)
  14. รากใช้ต้มดื่มแก้อาเจียนได้ (ราก)
  15. ทั้งต้น ใช้ต้มเป็นน้ำดื่มช่วยแก้อาการข้าวตืดคอ หรือกลืนอาหารฝืดคอได้ (ทั้งต้น)
  16. สมุนไพรต้นโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้วัณโรค (ทั้งต้น)
  17. ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  18. สรรพคุณโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้อาการตาแดง (ทั้งต้น)
  19. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ ด้วยการใช้ต้นแห้งประมาณ 6 กรัม นำมาแช่ในน้ำร้อนขนาด 300 cc. (เท่าขวดแม่โขง) ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วรินเอาน้ำมาดื่มจะช่วยบรรเทาอาการได้ หรือจะใช้ต้นแห้งนำมาบดให้เป็นผงแล้วปั้นเป็นเม็ดไว้รับประทานก็ได้เช่นกัน (ต้นแห้ง,ทั้งต้น)
  20. ช่วยรักษาแผลในช่องปาก ด้วยการใช้ต้นแห้งประมาณ 30 กรัม นำมาต้มดื่มวันละครั้ง (ต้นแห้ง,ทั้งต้น)
  21. รากใช้ต้มกับน้ำนำมาอมช่วยแก้อาการปวดฟันได้ หรือใช้รากนำมาตำผสมกับกับพริกไทย (ราก)
  22. ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล เลือดกำเดาไหลง่าย ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30-60 กรัม (ถ้าแห้งใช้ 10-15 กรัม) นำมาต้มกับเนื้อหมูแดงพอประมาณแล้วใช้รับประทานติดต่อกัน 3-4 วัน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  23. รากและใบใช้ต้มเป็นยาดื่มช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก (รากและใบ)
  24. โด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสีย (ราก,ทั้งต้น)
  25. รากและใบสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องร่วง (รากและใบ)
  26. สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้บิด (ราก,รากและใบ,ทั้งต้น)
  27. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (รากและใบ,ทั้งต้น)
  28. ช่วยแก้ท้องมาน หรือภาวะที่มีสารน้ำในช่องท้องมากเกินปกติ ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 60 กรัม นำมาต้มกับดื่มเช้าเย็น หรือใช้ตุ๋นกับเนื้อแล้วนำมารับประทานก็ได้ (ต้นสด)
  29. ช่วยขับไส้เดือน พยาธิตัวกลม (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  30. ช่วยขับระดูขาวของสตรี (ราก,ทั้งต้น)
  31. รากมีสรรพคุณเป็นยาบีบมดลูก (ราก)
  32. รากใช้เป็นยาคุมกำเนิดสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรใหม่ๆ (ราก,ใบ)
  33. รากและใบใช้ต้มอาบหลังคลอดของสตรี (รากและใบ)
  34. ช่วยแก้นิ่ว ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 90 กรัม ต้มรวมเนื้อหมู 120 กรัม พร้อมใส่เกลือเล็กน้อย ต้มแล้วเคี่ยวกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม เอากากออก แบ่งรับประทานเป็น 4 ครั้ง หรือจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มแก้อาการก็ได้เช่นกัน (ราก,ต้น,ทั้งต้น)
  35. ทั้งต้นมีรสกร่อยและขื่น ใช้เป็นยาช่วยขับปัสสาวะ (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  36. ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ (ทั้งต้น)
  37. ช่วยแก้อาการขัดเบา (อาการเริ่มต้นของทางเดินปัสสาวะอักเสบ) ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 15-30 กรัม ใช้ต้มกับน้ำดื่ม (ต้นสด)
  38. ช่วยรักษาตับและไตอักเสบ (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  39. ช่วยแก้กามโรค รักษาโรคบุรุษ (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  40. รากและใบ ช่วยแก้กามโรคในสตรี โดยใช้สดหรือแห้งประมาณ 2 กำมือนำมาต้มเป็นน้ำดื่มแก้อาการ (รากและใบ)
  41. ช่วยบำรุงกำหนัด บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ด้วยการใช้รากต้มกับน้ำดื่ม (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  42. ช่วยขับน้ำเหลืองเสียออกจากร่างกาย (ทั้งต้น)
  43. ช่วยแก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30 กรัม ใช้ต้มเป็นน้ำดื่ม (ต้นสด)
  44. ช่วยแก้ดีซ่าน ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 120-240 กรัม นำมาต้มกับเนื้อหมูแล้วใช้รับประทานติดต่อกัน 4-5 วัน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  45. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ทั้งต้น)
  46. ช่วยแก้อาการอักเสบต่างๆ เช่น หลอดลมอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ลำไส้อักเสบ ฯลฯ (ราก,ทั้งต้น)
  47. ช่วยรักษาฝีบวม ฝีมีหนอง ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำผสมกับเกลือเล็กน้อย และละลายน้ำส้มสายชูพอข้นๆ แล้วนำมาใช้พอกบริเวณที่เป็นฝี (ราก,ต้นสด,ทั้งต้น)
  48. ช่วยรักษาฝีฝักบัว ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 25 กรัม ใส่เหล้า 1 ขวด และน้ำ 1 ขวด แล้วนำมาต้มดื่ม และใช้ต้นสดต้มกับน้ำเอาน้ำมาชะล้างบริเวณหัวฝีที่แตก (ต้นสด)
  49. ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แผลงูกัด (ทั้งต้น)
  50. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 2 กำมือ นำมาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่มีอาการ (ใบสด)
  51. ช่วยรักษาบาดแผล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 2 กำมือ นำมาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาทาแผล (ใบ)
  52. ช่วยแก้อาการเหน็บชา ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30-60 กรัม และเต้าหูประมาณ 60-120 กรัม แล้วเติมน้ำพอประมาณ ใช้ตุ๋นรับประทาน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  53. ช่วยแก้อาการปวดบวม (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  54. ช่วยคลายเส้น ด้วยการใช้รากนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ราก)
  55. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้อาการปวดหลังปวดเอวได้ หรือจะใช้รากต้มร่วมกับลุบลิบก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ใบต้มกับน้ำดื่มร่วมกับเหงือกปลาหมอก็ได้เช่นกัน (ราก,ใบ)
  56. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายกาย ด้วยการใช้รากต้มเป็นน้ำดื่ม หรือใช้ดองเหล้าดื่มผสมเข้ากับสมุนไพรกำลังเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรงก็ได้เช่นกัน (ราก)
  57. รากใช้เป็นส่วนประกอบในยาสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยเอดส์ โดยประกอบด้วย โด่ไม่รู้ล้ม ม้ากระทืบโรง หงอนไก่อู และหงอนไก่แจ้ นำมาต้มเป็นน้ำดื่ม แต่ถ้าเป็นคนปกติดื่มแล้วจะช่วยบำรุงกำลัง (ราก)

Edited by ctpk05, 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:30.

"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#28 กีรเต้

กีรเต้

    เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเอง

  • Validating
  • PipPipPipPipPip
  • 6,208 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:37

 

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับพวกสมุนไพรพื้นบ้านบ้างครับ ขอบคุณ

 

 

 

โด่ไม่รู้ล้ม

 

โด่ไม่รู้ล้ม ภาษาอังกฤษ Prickly-leaved elephant’s foot ชื่อวิทยาศาสตร์ Elephantopus Scaber L. จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (Asteraceae) สามารถพบได้ทั่วไปตามป่าโปร่งที่มีดินค่อนข้างเป็นทราย ในป่าเต็งรัง ป่าดิบ และในป่าสนเขาทั่วทุกภาคของประเทศไทย และประเทศในเขตร้อนทั่วโลก

 

สมุนไพรโด่ไม่รู้ล้ม ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกเช่น ขี้ไฟนกคุ่ม (เลย), คิงไฟนกคุ่ม (ชัยภูมิ), หนาดมีแคลน (สุราษฎร์ธานี), ตะชีโกวะ ติ๊ซิเควาะด๊ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), โน๊ะกะชอย่อตะ กาว่ะ เนาะดากวอะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), เคยโป้ หนาดผา หญ้าปราบ หญ้าไก่นกคุ่ม หญ้าไฟนกคุ้ม หญ้าสามสิบสองหาบ (ภาคเหนือ), ก้อมทะ เกดสะดุด ยาอัดลม (ลั้วะ), จ่อเก๋ (ม้ง) เป็นต้น

ลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน ต้นแข็ง ตั้งตรง รากที่มีอายุมากจะมีลัษณะคล้ายเหง้า รากแขนงกลมยาว ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับที่โคนใกล้ผิวดิน ขอบใบหยัก มีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ใบมีขนสีขาวตรงละเอียด ตรง ห่าง สาก ทอดขนานกับผิวใบ ทั้งสองด้าน ท้องใบมีขนมากกว่าหลังใบ ใบรูปหอกกลับ หรือรูปไข่แกมใบหอกกลับ ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบ ผายกว้าง แล้วสอบแหลมทู่ๆ ส่วนโคนใบสอบแคบจนถึงก้านใบ ขอบใบหยักมน หรือจักฟันเลื่อยห่างๆ เนื้อใบหนาสาก ดอกช่อ แบบช่อกระจุกแน่น ก้านช่อดอกยาว ดอกสีม่วงหรือขาว การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

 

สรรพคุณโด่ไม่รู้ล้ม

  1. ว่านโด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ด้วยการใช้รากต้มเป็นน้ำดื่ม หรือใช้ดองเหล้าดื่มผสมเข้ากับสมุนไพรกำลังเสือโคร่งและม้ากระทืบโรง หรือจะใช้ใบต้มกับน้ำดื่มก็ได้ และนอกจากนี้ยังใช้ทั้งต้นของโด่ไม่รู้ล้ม นำมาตากแห้งแล้วหั่นเป็นฝอยใช้ผสมเข้ายาร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ คือ ต้นนางพญาเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรง ลำต้นฮ่อสะพายควาย จะค่าน ตานเหลือง มะตันขอ เปลือกลำ หัวยาข้าวเย็น แก่นฝาง ไม้มะดูก และข้าวหลามดง นำมาต้มเป็นน้ำดื่มเป็นยาบำรุงก็ได้เหมือนกัน (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  2. ช่วยบำรุงหัวใจ (ทั้งต้น)
  3. ลำต้นและใบ ใช้เป็นยาบำรุงเลือด เหมาะสำหรับสตรีที่มีประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ (ต้นและใบ)
  4. ช่วยทำให้อยากอาหาร (ต้นและใบ)
  5. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ใบ)
  6. ช่วยแก้กษัย (ทั้งต้น)
  7. ทั้งต้นมีรสกร่อนจืดและขื่นเล็กน้อย ใช้รับประทานช่วยทำให้เกิดกษัยแต่มีกำลัง (ทั้งต้น)
  8. ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก)
  9. ช่วยขับเหงื่อ (ทั้งต้น)
  10. ทั้งต้นใช้ต้มกับน้ำรับประทาน ช่วยแก้ไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรียได้ (ทั้งต้น)
  11. ช่วยแก้ไข้ ด้วยการใช้รากโด่ไม่รู้ล้มนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้ราก ลำต้น ใบและผล ต้มเป็นน้ำดื่มก็ได้เช่นกัน (ราก,ลำต้น,ใบ,ผล,ทั้งต้น)
  12. ใช้เป็นยาแก้ไอ ด้วยการใช้ต้นหรือรากต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไอ (ราก,ต้น,ใบ,ทั้งต้น)
  13. รากโด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณช่วยแก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้หวัด มีอาการไอเรื้อรัง (ราก)
  14. รากใช้ต้มดื่มแก้อาเจียนได้ (ราก)
  15. ทั้งต้น ใช้ต้มเป็นน้ำดื่มช่วยแก้อาการข้าวตืดคอ หรือกลืนอาหารฝืดคอได้ (ทั้งต้น)
  16. สมุนไพรต้นโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้วัณโรค (ทั้งต้น)
  17. ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  18. สรรพคุณโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้อาการตาแดง (ทั้งต้น)
  19. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ ด้วยการใช้ต้นแห้งประมาณ 6 กรัม นำมาแช่ในน้ำร้อนขนาด 300 cc. (เท่าขวดแม่โขง) ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วรินเอาน้ำมาดื่มจะช่วยบรรเทาอาการได้ หรือจะใช้ต้นแห้งนำมาบดให้เป็นผงแล้วปั้นเป็นเม็ดไว้รับประทานก็ได้เช่นกัน (ต้นแห้ง,ทั้งต้น)
  20. ช่วยรักษาแผลในช่องปาก ด้วยการใช้ต้นแห้งประมาณ 30 กรัม นำมาต้มดื่มวันละครั้ง (ต้นแห้ง,ทั้งต้น)
  21. รากใช้ต้มกับน้ำนำมาอมช่วยแก้อาการปวดฟันได้ หรือใช้รากนำมาตำผสมกับกับพริกไทย (ราก)
  22. ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล เลือดกำเดาไหลง่าย ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30-60 กรัม (ถ้าแห้งใช้ 10-15 กรัม) นำมาต้มกับเนื้อหมูแดงพอประมาณแล้วใช้รับประทานติดต่อกัน 3-4 วัน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  23. รากและใบใช้ต้มเป็นยาดื่มช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก (รากและใบ)
  24. โด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสีย (ราก,ทั้งต้น)
  25. รากและใบสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องร่วง (รากและใบ)
  26. สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้บิด (ราก,รากและใบ,ทั้งต้น)
  27. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (รากและใบ,ทั้งต้น)
  28. ช่วยแก้ท้องมาน หรือภาวะที่มีสารน้ำในช่องท้องมากเกินปกติ ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 60 กรัม นำมาต้มกับดื่มเช้าเย็น หรือใช้ตุ๋นกับเนื้อแล้วนำมารับประทานก็ได้ (ต้นสด)
  29. ช่วยขับไส้เดือน พยาธิตัวกลม (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  30. ช่วยขับระดูขาวของสตรี (ราก,ทั้งต้น)
  31. รากมีสรรพคุณเป็นยาบีบมดลูก (ราก)
  32. รากใช้เป็นยาคุมกำเนิดสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรใหม่ๆ (ราก,ใบ)
  33. รากและใบใช้ต้มอาบหลังคลอดของสตรี (รากและใบ)
  34. ช่วยแก้นิ่ว ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 90 กรัม ต้มรวมเนื้อหมู 120 กรัม พร้อมใส่เกลือเล็กน้อย ต้มแล้วเคี่ยวกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม เอากากออก แบ่งรับประทานเป็น 4 ครั้ง หรือจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มแก้อาการก็ได้เช่นกัน (ราก,ต้น,ทั้งต้น)
  35. ทั้งต้นมีรสกร่อยและขื่น ใช้เป็นยาช่วยขับปัสสาวะ (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  36. ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ (ทั้งต้น)
  37. ช่วยแก้อาการขัดเบา (อาการเริ่มต้นของทางเดินปัสสาวะอักเสบ) ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 15-30 กรัม ใช้ต้มกับน้ำดื่ม (ต้นสด)
  38. ช่วยรักษาตับและไตอักเสบ (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  39. ช่วยแก้กามโรค รักษาโรคบุรุษ (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  40. รากและใบ ช่วยแก้กามโรคในสตรี โดยใช้สดหรือแห้งประมาณ 2 กำมือนำมาต้มเป็นน้ำดื่มแก้อาการ (รากและใบ)
  41. ช่วยบำรุงกำหนัด บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ด้วยการใช้รากต้มกับน้ำดื่ม (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  42. ช่วยขับน้ำเหลืองเสียออกจากร่างกาย (ทั้งต้น)
  43. ช่วยแก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30 กรัม ใช้ต้มเป็นน้ำดื่ม (ต้นสด)
  44. ช่วยแก้ดีซ่าน ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 120-240 กรัม นำมาต้มกับเนื้อหมูแล้วใช้รับประทานติดต่อกัน 4-5 วัน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  45. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ทั้งต้น)
  46. ช่วยแก้อาการอักเสบต่างๆ เช่น หลอดลมอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ลำไส้อักเสบ ฯลฯ (ราก,ทั้งต้น)
  47. ช่วยรักษาฝีบวม ฝีมีหนอง ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำผสมกับเกลือเล็กน้อย และละลายน้ำส้มสายชูพอข้นๆ แล้วนำมาใช้พอกบริเวณที่เป็นฝี (ราก,ต้นสด,ทั้งต้น)
  48. ช่วยรักษาฝีฝักบัว ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 25 กรัม ใส่เหล้า 1 ขวด และน้ำ 1 ขวด แล้วนำมาต้มดื่ม และใช้ต้นสดต้มกับน้ำเอาน้ำมาชะล้างบริเวณหัวฝีที่แตก (ต้นสด)
  49. ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แผลงูกัด (ทั้งต้น)
  50. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 2 กำมือ นำมาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่มีอาการ (ใบสด)
  51. ช่วยรักษาบาดแผล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 2 กำมือ นำมาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาทาแผล (ใบ)
  52. ช่วยแก้อาการเหน็บชา ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30-60 กรัม และเต้าหูประมาณ 60-120 กรัม แล้วเติมน้ำพอประมาณ ใช้ตุ๋นรับประทาน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  53. ช่วยแก้อาการปวดบวม (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  54. ช่วยคลายเส้น ด้วยการใช้รากนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ราก)
  55. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้อาการปวดหลังปวดเอวได้ หรือจะใช้รากต้มร่วมกับลุบลิบก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ใบต้มกับน้ำดื่มร่วมกับเหงือกปลาหมอก็ได้เช่นกัน (ราก,ใบ)
  56. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายกาย ด้วยการใช้รากต้มเป็นน้ำดื่ม หรือใช้ดองเหล้าดื่มผสมเข้ากับสมุนไพรกำลังเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรงก็ได้เช่นกัน (ราก)
  57. รากใช้เป็นส่วนประกอบในยาสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยเอดส์ โดยประกอบด้วย โด่ไม่รู้ล้ม ม้ากระทืบโรง หงอนไก่อู และหงอนไก่แจ้ นำมาต้มเป็นน้ำดื่ม แต่ถ้าเป็นคนปกติดื่มแล้วจะช่วยบำรุงกำลัง (ราก)

 

 

แล้วมีสมุนไพร

 

ล้มไม่รู้โด่ มะ

 

-_-

 

จะฝากไปให้ คนต่างประเทศ


Edited by กีรเต้, 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:40.

ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ "   https://www.facebook...akwarakfromyala   https://www.facebook.com/NARAPEACE

 

 


#29 Gohell

Gohell

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,027 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:38

อย่างที่กำนันพูดว่า รู้งี้ ปี53 ปล่อยให้เสื้อเผาตึกให้วอดตายยกตึกไปเลย.... ไม่ต้องไปช่วยมัน



#30 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:39

 

 

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับพวกสมุนไพรพื้นบ้านบ้างครับ ขอบคุณ

 

 

 

โด่ไม่รู้ล้ม

 

โด่ไม่รู้ล้ม ภาษาอังกฤษ Prickly-leaved elephant’s foot ชื่อวิทยาศาสตร์ Elephantopus Scaber L. จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (Asteraceae) สามารถพบได้ทั่วไปตามป่าโปร่งที่มีดินค่อนข้างเป็นทราย ในป่าเต็งรัง ป่าดิบ และในป่าสนเขาทั่วทุกภาคของประเทศไทย และประเทศในเขตร้อนทั่วโลก

 

สมุนไพรโด่ไม่รู้ล้ม ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกเช่น ขี้ไฟนกคุ่ม (เลย), คิงไฟนกคุ่ม (ชัยภูมิ), หนาดมีแคลน (สุราษฎร์ธานี), ตะชีโกวะ ติ๊ซิเควาะด๊ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), โน๊ะกะชอย่อตะ กาว่ะ เนาะดากวอะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), เคยโป้ หนาดผา หญ้าปราบ หญ้าไก่นกคุ่ม หญ้าไฟนกคุ้ม หญ้าสามสิบสองหาบ (ภาคเหนือ), ก้อมทะ เกดสะดุด ยาอัดลม (ลั้วะ), จ่อเก๋ (ม้ง) เป็นต้น

ลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน ต้นแข็ง ตั้งตรง รากที่มีอายุมากจะมีลัษณะคล้ายเหง้า รากแขนงกลมยาว ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับที่โคนใกล้ผิวดิน ขอบใบหยัก มีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ใบมีขนสีขาวตรงละเอียด ตรง ห่าง สาก ทอดขนานกับผิวใบ ทั้งสองด้าน ท้องใบมีขนมากกว่าหลังใบ ใบรูปหอกกลับ หรือรูปไข่แกมใบหอกกลับ ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบ ผายกว้าง แล้วสอบแหลมทู่ๆ ส่วนโคนใบสอบแคบจนถึงก้านใบ ขอบใบหยักมน หรือจักฟันเลื่อยห่างๆ เนื้อใบหนาสาก ดอกช่อ แบบช่อกระจุกแน่น ก้านช่อดอกยาว ดอกสีม่วงหรือขาว การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

 

สรรพคุณโด่ไม่รู้ล้ม

  1. ว่านโด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ด้วยการใช้รากต้มเป็นน้ำดื่ม หรือใช้ดองเหล้าดื่มผสมเข้ากับสมุนไพรกำลังเสือโคร่งและม้ากระทืบโรง หรือจะใช้ใบต้มกับน้ำดื่มก็ได้ และนอกจากนี้ยังใช้ทั้งต้นของโด่ไม่รู้ล้ม นำมาตากแห้งแล้วหั่นเป็นฝอยใช้ผสมเข้ายาร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ คือ ต้นนางพญาเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรง ลำต้นฮ่อสะพายควาย จะค่าน ตานเหลือง มะตันขอ เปลือกลำ หัวยาข้าวเย็น แก่นฝาง ไม้มะดูก และข้าวหลามดง นำมาต้มเป็นน้ำดื่มเป็นยาบำรุงก็ได้เหมือนกัน (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  2. ช่วยบำรุงหัวใจ (ทั้งต้น)
  3. ลำต้นและใบ ใช้เป็นยาบำรุงเลือด เหมาะสำหรับสตรีที่มีประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ (ต้นและใบ)
  4. ช่วยทำให้อยากอาหาร (ต้นและใบ)
  5. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ใบ)
  6. ช่วยแก้กษัย (ทั้งต้น)
  7. ทั้งต้นมีรสกร่อนจืดและขื่นเล็กน้อย ใช้รับประทานช่วยทำให้เกิดกษัยแต่มีกำลัง (ทั้งต้น)
  8. ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก)
  9. ช่วยขับเหงื่อ (ทั้งต้น)
  10. ทั้งต้นใช้ต้มกับน้ำรับประทาน ช่วยแก้ไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรียได้ (ทั้งต้น)
  11. ช่วยแก้ไข้ ด้วยการใช้รากโด่ไม่รู้ล้มนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้ราก ลำต้น ใบและผล ต้มเป็นน้ำดื่มก็ได้เช่นกัน (ราก,ลำต้น,ใบ,ผล,ทั้งต้น)
  12. ใช้เป็นยาแก้ไอ ด้วยการใช้ต้นหรือรากต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไอ (ราก,ต้น,ใบ,ทั้งต้น)
  13. รากโด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณช่วยแก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้หวัด มีอาการไอเรื้อรัง (ราก)
  14. รากใช้ต้มดื่มแก้อาเจียนได้ (ราก)
  15. ทั้งต้น ใช้ต้มเป็นน้ำดื่มช่วยแก้อาการข้าวตืดคอ หรือกลืนอาหารฝืดคอได้ (ทั้งต้น)
  16. สมุนไพรต้นโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้วัณโรค (ทั้งต้น)
  17. ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  18. สรรพคุณโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้อาการตาแดง (ทั้งต้น)
  19. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ ด้วยการใช้ต้นแห้งประมาณ 6 กรัม นำมาแช่ในน้ำร้อนขนาด 300 cc. (เท่าขวดแม่โขง) ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วรินเอาน้ำมาดื่มจะช่วยบรรเทาอาการได้ หรือจะใช้ต้นแห้งนำมาบดให้เป็นผงแล้วปั้นเป็นเม็ดไว้รับประทานก็ได้เช่นกัน (ต้นแห้ง,ทั้งต้น)
  20. ช่วยรักษาแผลในช่องปาก ด้วยการใช้ต้นแห้งประมาณ 30 กรัม นำมาต้มดื่มวันละครั้ง (ต้นแห้ง,ทั้งต้น)
  21. รากใช้ต้มกับน้ำนำมาอมช่วยแก้อาการปวดฟันได้ หรือใช้รากนำมาตำผสมกับกับพริกไทย (ราก)
  22. ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล เลือดกำเดาไหลง่าย ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30-60 กรัม (ถ้าแห้งใช้ 10-15 กรัม) นำมาต้มกับเนื้อหมูแดงพอประมาณแล้วใช้รับประทานติดต่อกัน 3-4 วัน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  23. รากและใบใช้ต้มเป็นยาดื่มช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก (รากและใบ)
  24. โด่ไม่รู้ล้ม สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสีย (ราก,ทั้งต้น)
  25. รากและใบสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องร่วง (รากและใบ)
  26. สรรพคุณของโด่ไม่รู้ล้ม ช่วยแก้บิด (ราก,รากและใบ,ทั้งต้น)
  27. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (รากและใบ,ทั้งต้น)
  28. ช่วยแก้ท้องมาน หรือภาวะที่มีสารน้ำในช่องท้องมากเกินปกติ ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 60 กรัม นำมาต้มกับดื่มเช้าเย็น หรือใช้ตุ๋นกับเนื้อแล้วนำมารับประทานก็ได้ (ต้นสด)
  29. ช่วยขับไส้เดือน พยาธิตัวกลม (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  30. ช่วยขับระดูขาวของสตรี (ราก,ทั้งต้น)
  31. รากมีสรรพคุณเป็นยาบีบมดลูก (ราก)
  32. รากใช้เป็นยาคุมกำเนิดสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรใหม่ๆ (ราก,ใบ)
  33. รากและใบใช้ต้มอาบหลังคลอดของสตรี (รากและใบ)
  34. ช่วยแก้นิ่ว ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 90 กรัม ต้มรวมเนื้อหมู 120 กรัม พร้อมใส่เกลือเล็กน้อย ต้มแล้วเคี่ยวกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม เอากากออก แบ่งรับประทานเป็น 4 ครั้ง หรือจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มแก้อาการก็ได้เช่นกัน (ราก,ต้น,ทั้งต้น)
  35. ทั้งต้นมีรสกร่อยและขื่น ใช้เป็นยาช่วยขับปัสสาวะ (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  36. ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ (ทั้งต้น)
  37. ช่วยแก้อาการขัดเบา (อาการเริ่มต้นของทางเดินปัสสาวะอักเสบ) ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 15-30 กรัม ใช้ต้มกับน้ำดื่ม (ต้นสด)
  38. ช่วยรักษาตับและไตอักเสบ (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  39. ช่วยแก้กามโรค รักษาโรคบุรุษ (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  40. รากและใบ ช่วยแก้กามโรคในสตรี โดยใช้สดหรือแห้งประมาณ 2 กำมือนำมาต้มเป็นน้ำดื่มแก้อาการ (รากและใบ)
  41. ช่วยบำรุงกำหนัด บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ด้วยการใช้รากต้มกับน้ำดื่ม (ราก,ใบ,ทั้งต้น)
  42. ช่วยขับน้ำเหลืองเสียออกจากร่างกาย (ทั้งต้น)
  43. ช่วยแก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30 กรัม ใช้ต้มเป็นน้ำดื่ม (ต้นสด)
  44. ช่วยแก้ดีซ่าน ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 120-240 กรัม นำมาต้มกับเนื้อหมูแล้วใช้รับประทานติดต่อกัน 4-5 วัน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  45. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ทั้งต้น)
  46. ช่วยแก้อาการอักเสบต่างๆ เช่น หลอดลมอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ลำไส้อักเสบ ฯลฯ (ราก,ทั้งต้น)
  47. ช่วยรักษาฝีบวม ฝีมีหนอง ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำผสมกับเกลือเล็กน้อย และละลายน้ำส้มสายชูพอข้นๆ แล้วนำมาใช้พอกบริเวณที่เป็นฝี (ราก,ต้นสด,ทั้งต้น)
  48. ช่วยรักษาฝีฝักบัว ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 25 กรัม ใส่เหล้า 1 ขวด และน้ำ 1 ขวด แล้วนำมาต้มดื่ม และใช้ต้นสดต้มกับน้ำเอาน้ำมาชะล้างบริเวณหัวฝีที่แตก (ต้นสด)
  49. ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แผลงูกัด (ทั้งต้น)
  50. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 2 กำมือ นำมาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่มีอาการ (ใบสด)
  51. ช่วยรักษาบาดแผล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 2 กำมือ นำมาเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาทาแผล (ใบ)
  52. ช่วยแก้อาการเหน็บชา ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 30-60 กรัม และเต้าหูประมาณ 60-120 กรัม แล้วเติมน้ำพอประมาณ ใช้ตุ๋นรับประทาน (ต้นสด,ทั้งต้น)
  53. ช่วยแก้อาการปวดบวม (ไม่ระบุสวนที่ใช้)
  54. ช่วยคลายเส้น ด้วยการใช้รากนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ราก)
  55. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้อาการปวดหลังปวดเอวได้ หรือจะใช้รากต้มร่วมกับลุบลิบก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ใบต้มกับน้ำดื่มร่วมกับเหงือกปลาหมอก็ได้เช่นกัน (ราก,ใบ)
  56. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายกาย ด้วยการใช้รากต้มเป็นน้ำดื่ม หรือใช้ดองเหล้าดื่มผสมเข้ากับสมุนไพรกำลังเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรงก็ได้เช่นกัน (ราก)
  57. รากใช้เป็นส่วนประกอบในยาสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยเอดส์ โดยประกอบด้วย โด่ไม่รู้ล้ม ม้ากระทืบโรง หงอนไก่อู และหงอนไก่แจ้ นำมาต้มเป็นน้ำดื่ม แต่ถ้าเป็นคนปกติดื่มแล้วจะช่วยบำรุงกำลัง (ราก)

 

 

แล้วมีสมุนไพร

 

ล้มไม่รู้โด่ มะ

 

-_-

 

 

แหม่ หลวงพี่ก็..  :lol:  :lol:  :lol: 


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#31 BeastGuy

BeastGuy

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,364 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:27

โฆษณาเยอะจัง



#32 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 17:59

     ตัดสินใจไม่ถูก เพิ่งคิดปลูกมันสำปะหลัง ครั้งแรก ...คนเก่าขุดไปเมื่อต้นเดือน

     พวกแรก บอกให้ปลูกตอนนี้เลย ในดินยังมีความชื้นอยู่ รับรองว่าถึงหน้าฝนก็ไม่ตาย ตัดท่อนพันธ์ยาวสักครึ่งเมตร ช่วงปีใหม่หน้าอายุก็ขุดได้ หรือขุดเกือบหน้าฝน ก็เกินปี ผลผลิตจะดี

 

     อีกพวกบอก พอฝนแรกเปียกหน้าดิน ให้ยกร่องปลูกเลย รับรองไม่ตายสักต้น ดีกว่าปลูกตอนนี้ตายเกิน30% ...ต้นพันธ์ ก็ให้ตั้งทิ้งไว้กลางแปลงน่ะแหละ


ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#33 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:36

มาดูภาพยนตร์น่าติดตาม ปี 2557 กันดีกว่า

http://www.pantown.c...880&action=view


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#34 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:38

 1545941_464803653641832_416183048_n.jpg

 

หนังขายยา ต้องเล่นแบบนี้ครับ จัดหนัก

 

 https://www.facebook...304996276289238


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#35 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:47

1963-20140121014843.jpg

 

โอ๊ย ฟินนนนนน อยากได้สักเครื่องอ่ะ


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#36 DarkSwan

DarkSwan

    Reporter Activated

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,689 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:57

มาดูภาพยนตร์น่าติดตาม ปี 2557 กันดีกว่า

http://www.pantown.c...880&action=view

 

1880-20140105103130.jpg

 

อันนี้ท่าจะมันส์ ในเทรลเลอร์ รู้สึกว่ามันเจ๋งมากซ์  ชอบแนวแฟนตาซี เวทย์มนต์อยู่แล้ว

:lol:

 

ส่วนเรื่อง เฮอร์คิวลิส หรือ เฮราเคลส นี่ ผมสงสัยมากว่า

หนังแนวตำนานกรีกนี่ พวกพี่ยังจะยำตำนานให้มันมั่วซั่วไม่พอกันอีกหรือครับ

:wacko:


ถ้าอยากได้ความเท่าเทียม

ก็ปีนป่ายขึ้นไปให้อยู่เทียบเท่ากับคนอื่นเค้า

อย่าได้กระชากฉุดให้คนอื่นเขาลงมาตกต่ำเท่ากับตน


#37 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:59

ตั้งแต่มีลูก ไม่ได้ดูหนังโรงเลย

เรื่องสุดท้ายคือ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ๒  เกือบ ๗ ปีแล้วครับ


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#38 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:36

4 ขั้นตอน “ขมิบ” เสริมพลังอึด “น้องชาย”

 

  พูดถึงเรื่อง “ขมิบ” คือการฝึกให้กล้ามเนื้อหดรัดตัวเป็นระยะๆ ผู้ชายส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ต้องทำ เพื่อให้ช่องสวรรค์กระชับ แต่จริงๆแล้ว ผู้ชายก็ต้อง “ขมิบ” เช่นกัน เพื่อช่วยให้เซ็กซ์ดีขึ้น เพราะการขมิบจะช่วยควบคุมการหลั่งได้ดี ทำให้นกเขาชูคอขันได้นาน เพื่อยืดเวลาแห่งความสุขให้ยาวนานขึ้น 
       
       แต่จะ “ขมิบ” อย่างไรนั้น คำตอบคือ ต้องบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือที่เรียกย่อๆว่ากล้ามเนื้อ PC (Pubococcygeus Muscles) เพราะเป็นจุดสำคัญที่ควบคุมการหลั่งน้ำอสุจิและปัสสาวะ หากหมั่นบริหารให้แข็งแรงอยู่เสมอ จะช่วยให้องคชาติแข็งตัวดีขึ้น สามารถควบคุมไคลแมกซ์ หรือชะลอการหลั่ง และปฏิบัติกามกิจได้นานขึ้น รวมถึงทำให้มีน้ำเชื้ออสุจิเพิ่มขึ้นและพุ่งแรงขึ้น (ชนิดที่ยาไวอากร้าต้องชิดซ้ายไปเลย)
       
       ว่าแต่เจ้ากล้ามเนื้อ PC นี้อยู่ตรงไหน? วิธีง่ายที่สุดในการค้นหาคือ ยามที่คุณปวดฉี่และสามารถกลั้นได้ นั่นคือคุณกำลังเกร็งกล้ามเนื้อ PC หรือหากคุณกลั้นผายลมได้ ก็แสดงว่าคุณใช้กล้ามเนื้อดังกล่าว หรืออีกวิธีหนึ่งคือสอดนิ้วเข้าทางทวารหนัก เมื่อไปโดนกล้ามเนื้อ PC ทวารหนักจะหดตัวจนคุณรู้สึกได้
       
       ต่อไปนี้ เป็นวิธีบริหารกล้ามเนื้อ PC ด้วยการขมิบเป็นประจำทุกวัน โดยไม่ต้องใช้มือช่วย
       
       ขั้นตอนที่ 1 ทำทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ A : ทำ 3 ครั้ง ขมิบและคลายกล้ามเนื้อเร็วๆ ทำซ้ำๆ 10 วินาที หยุดพัก 10 วินาที จึงเริ่มทำใหม่จนครบ 3 ครั้ง
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ B : ทำ 10 ครั้ง ขมิบและคลายกล้ามเนื้อซ้ำๆ 5 วินาที หยุดพัก 5 วินาที จึงเริ่มทำใหม่จนครบ 10 ครั้ง
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ C : ทำ 3 ครั้ง ขมิบกล้ามเนื้อ 30 วินาที แล้วคลาย หยุดพัก 30 วินาที จึงเริ่มทำใหม่จนครบ 3 ครั้ง
       
       ขั้นตอนที่ 2 
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ A : ทำ 10 ครั้ง ขมิบกล้ามเนื้อ 5 วินาที แล้วคลาย ทำซ้ำใหม่จนครบ 10 ครั้ง
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ B : ทำ 3 ครั้ง ขมิบและคลายกล้ามเนื้อเร็วๆ 10 ครั้ง
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ C : ทำ 3 ครั้ง ขมิบและคลายกล้ามเนื้อ เป็นจังหวะช้าและเร็ว 10 ครั้ง
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ D : ทำ 1 ครั้ง ขมิบกล้ามเนื้อให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ถึง 2 นาที แล้วคลาย
       
       ลองทำขั้นตอนที่ 2 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากรู้สึกว่าแข็งแรงพอ อาจเพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้น จำไว้ว่า นี่เป็นการออกกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น จึงต้องเริ่มอย่างช้าๆ และค่อยๆเพิ่มขึ้น เหมือนกับการบริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ
       
       ขั้นตอนที่ 3
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ A : ทำ 30 ครั้ง และค่อยๆเพิ่มให้มากกว่า 100 ครั้ง ขมิบและคลายกล้ามเนื้อ ทำซ้ำๆไปเรื่อยๆ
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ B : ทำ 5 ครั้ง ขมิบให้แน่นเท่าที่จะทำได้นาน 20 วินาที แล้วคลาย หยุดพัก 30 วินาที จึงเริ่มทำใหม่ให้ครบ 5 ครั้ง (สิ่งที่พึงระวังคือ ให้เกร็งเฉพาะกล้ามเนื้อ PC ไม่รวมส่วนท้องหรือต้นขา)
       
       ขั้นตอนที่ 4
       
       เอ็กเซอร์ไซส์ A : ทำมากครั้งเท่าที่คุณต้องการ ขมิบและคลายกล้ามเนื้อ PC นาน 2 นาทีในแต่ละครั้ง ทำทุกวัน
       
       ขมิบไปเรื่อยๆให้นาน 20 นาที 3 ครั้งต่อวัน ในที่สุด คุณจะขมิบได้ถึง 200 ครั้งในแต่ละขั้นตอน
       
       คุณสามารถขมิบได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ไม่ควรทำขณะที่คุณกำลังใจจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่าง เพราะอาจทำให้ใจวอกแวก ไม่มีสมาธิ และสถานที่ที่เหมาะกับการขมิบคือ ทำตอนนั่งดูทีวี หรือขณะรถติด
       
       เมื่อทำไปสักระยะ คุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง และสาวคู่นอนก็จะรับรู้ได้เช่นกัน เพราะเจ้าโลกที่ทรงพลังจะผงาดสู้อย่างไม่ถอย
       
       ข้อควรระวัง!!
       
       อย่าหักโหมขมิบจนเกินไป เพราะกล้ามเนื้อ PC ก็เหมือนกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆที่ต้องการพักเป็นระยะๆ นั่นคือ ระหว่างออกกำลัง ต้องมีช่วงหยุดพัก และไม่หักโหม
       
       อย่าใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นระหว่างขมิบ เพราะอาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะเมื่อเป็นกล้ามเนื้อที่อ่อนแอ ต้องระวัง หากคุณรู้สึกว่า กำลังเกร็งกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆด้วย (โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้องและต้นขา) ต้องหยุดพักให้ผ่อนคลาย แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่
       
       และอย่าใจร้อน เพราะต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ จึงจะทำให้กล้ามเนื้อ PC แข็งแรงได้

 

 

KEEP TWITCHING ^_^ 


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#39 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:43

ผัดไทย

 

ดาวน์โหลด.jpg

 

 

* กุ้งสด 12 ตัว (ทำความสะอาด, ปอกเปลือก)

* เส้นจันท์ (หรือเส้นเล็ก) 90 กรัม

* ถั่วงอก 50 กรัม

* ใบกุ้ยช่าย 2 ช้อนโต๊ะ (หั่นให้มีความยาวประมาณ 1 นิ้ว)

* น้ำปลา 6 ช้อนโต๊ะ

* น้ำมันหอย 6 ช้อนโต๊ะ

* น้ำมะขาม 3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำส้มสายชู)

* น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ

* หัวไชโป้ว 2 ช้อนโต๊ะ

* ถั่วลิสงบด 2 ช้อนโต๊ะ

* ไข่ 2 ฟอง

* พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบรสจัด)

* มะนาว 1/2 ลูก

 

 

วิธีทำทีละขั้นตอน

1. กรณีใช้เส้นชนิดแห้ง ให้นำเส้นไปแช่น้ำธรรมดา (อุณหภูมิห้อง) ประมาณ 30 นาที

2. ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง ใส่กุ้งลงไปผัดจนเริ่มสุก ตอกใส่ไข่ลงไปในกระทะ ใช้ตะหลิวเขี่ยให้ไข่แดงแตก พอไข่เริ่มสุก ใส่เส้น, น้ำตาล, ถั่วลิสงและ หัวไชโป้ว ผัดจนเส้นเริ่มนุ่มและเครื่องปรุงทั้งหมดผสมกันทั่ว

3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมันหอย และน้ำมะขาม (หรือน้ำส้มสายชู) ใส่ถั่วงอก, หัวไชโป้วและพริกป่น (ถ้าชอบรสจัด) ผัดอย่างรวดเร็วให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว ตักใส่จาน จัดแต่งด้วยถั่วงอกสด, พริกป่น, และมะนาว ข้างจาน ควรเสิรฟขณะยังร้อน

 


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#40 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:13

ประกันตนตามมาตรา 40

 

ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ไปหารือกับ นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เพื่อให้เสนอเรื่องขอกู้เงินกองทุนประกันสังคม 1 แสนล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าวให้แก่เกษตรกรต่อบอร์ด สปส.ซึ่ง คสรท.และเครือข่ายแรงงานทั่วประเทศในฐานะผู้ประกันตนจะรวมตัวกัน และจะร่วมมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.เคลื่อนไหวคัดค้านอย่างถึงที่สุด หากมีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าบอร์ด สปส.เนื่องจากเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินของรัฐบาล แต่เป็นเงินออมของลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ และหากรัฐบาลกู้เงินไปแล้วไม่จ่ายคืน จะสร้างความเสียหายและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมในอนาคตได้

http://www.manager.c...D=9570000007940

 

มันจะออกเป็นเช็ค อีกหรือเปล่าฮิ


Edited by Stargate-1, 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:15.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#41 layman p.

layman p.

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 133 posts

ตอบ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:57

                   พวก  ขี้ข้า  ไอ้   ทักษิณ    

 

     ค  อย   ดู    ว่าพวกมรึง    ต้อง

          อด  วาย   ย่อยยับ   อย่าง

       ย  าว    นาน   แน่นอน

 

       ว่ะ






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน