Jump to content


Photo
- - - - -

ให้ตายเหอะ! ผมเพิ่งสนใจและทราบความหมายของคำว่า "ตรีทูต" ก็เมื่อได้อ่านบทความนี้...


  • Please log in to reply
ยังไม่มีผู้แสดงความเห็นในกระทู้นี้

#1 Suraphan07

Suraphan07

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,016 posts

ตอบ 28 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:43

โดยเฉพาะที่ผู้เขียน คือท่านที่ทำให้ผม(เคย)ติด มติชน...

อาจารย์วสิษฐ์  เดชกุญชร... _/i\_ 

 

ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน : อาการเข้าตรีทูตของทักษิณ

โดย วสิษฐ เดชกุญชร

ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพ ฯ และจังหวัดใกล้เคียงบาง จังหวัด เป็นสัญญาณแสดงว่าอาการของระบอบทักษิณเข้าตรีทูตแล้ว

ประกาศฉบับที่กล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นผู้ลงนามในฐานะที่เป็น “นายกรัฐมนตรี” (แม้ ตนจะเป็นแต่เพียงผู้รักษาการในตำแหน่งนั้น) เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านไปนี้ โดยอาศัยอำนาจตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

คำว่า “ตรีทูต” นั้น คุณหมอสังคม วรรณิสสร ให้ความหมายไว้ว่าคือลักษณะบอกความตาย 3 ประการ คือ (1) มีอาการตามืดมัวมองไม่เห็น (2) หูไม่ได้ยิน หมดความรู้สึกและอารมณ์คิดนึก และ (3) การหายใจและชีพจรแผ่วเบามาก มีลักษณะคล้ายนอนหลับผล็อยไป

 

การออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงฉบับนั้น เป็นการยกระดับมาตรการของ รัฐบาลในการดำเนินการกับประชาชนผู้ชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการชุมนุมคัดค้านและเรียกร้องนั้นมีคณะกรรมการ ประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข (กปปส.) เป็นผู้นำ ที่ว่าเป็นการยกระดับก็เพราะว่าเดิมรัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภาย ในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 อยู่แล้ว และตามพระราชบัญญัตินี้ คณะรัฐมนตรีมีอำนาจและได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะที่รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ โดยมี พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเป็นรอง ผอ.รมน.

ตามกฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลสามารถจะดำเนินการอย่างเพียงพอกับ กปปส.และผู้ชุมนุมคัดค้าน และเรียกร้องได้อยู่แล้ว และเมื่อต้นเดือนมกราคมนี้เอง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติก็เพิ่งจะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไปว่า จะไม่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่แล้ว ผู้รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงออกมา

 

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น เป็นการเพิ่มอำนาจของรัฐบาลในการดำเนินการกับ กปปส. และผู้ชุมนุม หลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับแรกแล้ว รัฐบาลได้ออกประกาศตามมาอีกรวม 5 ฉบับ แต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้อำนวยการ ศูนย์รักษาความ สงบ (ศรส.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นรอง ผอ.ศรส. แต่งตั้งกรรมการ อีกรวมเป็นจำนวนมากถึง 25 คน รวมทั้งผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งสามด้วย แต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิมเป็น ผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ พนักงานเจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แต่งตั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบ และแต่งตั้งที่ปรึกษา 8 คน มีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน

ถ้าหากว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการยกระดับมาตรการของรัฐบาล ก็เป็นการยก ระดับที่เปลืองเปล่าและช้าเกินไป เพราะก่อนที่รัฐบาลจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น กปปส.ซึ่งเป็น ผู้นำประชาชนผู้ชุมนุมคัดค้านและเรียกร้องได้ยกระดับและขยายการคัดค้านและเรียกร้องออกไปแล้วทั่วกรุงเทพ ฯ และยังจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศด้วย ผู้ร่วมชุมนุมประท้วงและเรียกร้องนั้นมีทุกเพศ ทุกวัย และทุกอาชีพ รวมทั้งข้าราชการบำนาญและข้าราชการรประจำหลายกระทรวง และแม้บางพฤติการณ์ ของผู้ชุมนุมประท้วงจะเป็นไปดังที่ปรากฏในประกาศ เช่น ปิดการ จราจรในถนนสำคัญ บุกรุกและยึด สถานที่ราชการ และห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปในสถานที่ราชการ แต่ผู้ชุมนุมประท้วงและเรียกร้องก็ ไปมือเปล่า ปราศจากอาวุธ มีแต่นกหวีดเท่านั้น

 

ที่สำคัญก็คือ ประชาชนส่วนใหญ่นอกจากจะไม่เดือดร้อน เสียหาย หรือเกรงกลัวอันตรายที่ จะเกิดต่อชีวิตและทรัพย์สินดังที่รัฐบาลอ้างในประกาศแล้ว ยังออกมาร่วมชุมนุมและสนับสนุน กปปส. อย่างอุ่นหนาฝาคั่งด้วยเงินและวัตถุสิ่งของเป็นจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา ส่วนการก่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้น แล้วหลายครั้งดังที่รัฐบาลอ้างนั้น ก็มิได้เกิดจากการกระทำของผู้ชุมนุมคัดค้านและเรียกร้อง แต่เป็นฝีมือ ของคนร้ายที่กระทำต่อผู้ชุมนุม จนหลายคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงของรัฐบาลจึงเป็นการกระทำที่เกิดเพราะอคติหรือความไม่รู้ไม่เห็นข้อเท็จจริง เหมือนตามืดมัวมองไม่เห็น อันเป็นอาการของตรีทูตข้อแรก และเหมือนกับหูไม่ ได้ยินเสียงคัดค้านและเรียกร้องของประชาชน อันเป็นอาการของตรีทูตข้อที่สอง

และหากรัฐบาลให้ตำรวจใช้วิธีปราบปรามอย่างเด็ดขาดอย่างที่ขู่แล้วขู่อีก ในที่สุดอาการของรัฐบาลก็จะเข้าตรีทูตข้อสาม คือลมหายใจและชีพจรจะแผ่วเบาลงมากเรื่อย ๆ จน มีลักษณะเหมือนนอน หลับผล็อยไป

 

อยู่ใกล้วัดไหนก็ควรไปจองศาลาบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานเสียแต่เนิ่น ๆ นะครับ.

 

https://www.facebook...181318038626087

 

 

สาธุ… _/i\_


Edited by Suraphan07, 28 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:44.





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน