เคยแต่เป็นฝ่ายรุกแต่พอถูกบีบให้ต้องกลายเป็นฝ่ายตั้งรับก็เลยไปไม่เป็น
ผมว่ากุนซือของทักษิณก็พยายามเค้นสมองอย่างเต็มที่แล้วละครับแต่คงได้แค่นี้จริงๆ
มาถึงตอนนี้ผมก็อยากถามเหมือนกันว่ากุนซือของ สุเทพ. และกปปส. นี่น่าจะเป็นใครบ้าง
มันแปลกตรงที่ว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มมี ไทยรักไทย. จนมาถึงเพื่อไทยการเดินเกมที่ผ่านมา
ปชป. เป็นฝ่ายตั้งรับมาโดยตลอด. ซึ่งต้องบอกว่ากุนซือของฝ่ายทักษิณเก่งมากทำให้ได้เปรียบเป็นฝ่ายรุก
บีบให้ ปชปต้องเล่นตามเกมของทักษิณ ไม่มีโอกาสเลือกเล่นเกมที่ ปชป เคยถนัดได้เลย
แต่เหนือฟ้าย่อมมีฟ้านับตั้งแต่เริ่มมี กปปส ทักษิณกลายเป็นฝ่ายตั้งรับมาโดยตลอดทำท่าจะไม่รอดหลายต่อหลายครั้ง
ลองวิเคราะห์กันดูไหมครับว่าใครเป็นกุนซือของสุเทพ
ผมเองก็อยากรู้นะ เห็นกำนันสุเทพบอกว่าคิดกันเองและถกเถียงกับแกนนำ
แต่ข่าวลืออีกอันก็บอกว่ามีกุนซือนิรนามนะครับ
ปชป. จากที่ห่วย เป็นลูกไล่พรรคเพื่อไทยต้องตั้งรับมาตลอด จนผมสงสัยว่าพรรคนี้มันเล่นการเมืองเป็นรึป่าวว่ะ??
อยู่ๆ ก็ ลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายรุกไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีกลอุบายขั้นเทพ มีแผนการเป็นขั้นเป็นตอน ซ้อนกลกันหลากหลายชั้น
จนทำให้รัฐบาลชั่วที่ เจ้าเล่ห์ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ต้องอับจนขนาดนี้
นึกถึง เฮีย "ต๊งต๊ะ" เลย ตามนิยายดั้งเดิม อยู่ๆก็โผล่มา ไม่มีใครรู้จัก หลายๆคน มองว่าจะไหวร้อ?
แต่ก็บ้าพอ ที่จะมอบกองทัพให้ และก็จริง แผนแรกๆ ดูท่าจะไม่ไหว แต่ไปๆมาๆ พี่ " จู " มีเงิบ
ทำให้ฝ่ายตัวเองที่เคยตั้งรับมาตลอด กลับเป็นฝ่ายบุก และชนะง่ายๆ แบบ งงๆ
น่าสนใจจริงๆ ลุงกำนันไปได้มาจากไหน ใครส่งมา?
ลุงกำนันเคยเปิดเผยไว้ว่าคือเจ้าสำนักทีนิวส์ ..เสี่ยต้อย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ไปนั่งคุยด้วยมาเป็นปีก่อนออกโมเดล กปปส.
และคำว่า "มวลมหาประชาชน" ขอเดาว่ามาจากเสี่ยต้อยนี่หละเพราะรำคาญที่เสื้อแดงชอบอ้าง ประชาชนๆยันเตตามทฤษฎีแดง
http://news145.blogs...-post_9938.html
"สนธิญาณ" เป็นคนปักษ์ใต้ เคยเข้าป่ามาในยุคการปราบปรามคอมมิวนิสต์ โดยหลังออกจากป่าพร้อม "เหล่าสหาย" ก็กลับคืนสู่เส้นทางปกติ
เส้นทางการก้าวเข้าสู่ชีวิต "นักข่าว" ของสนธิญาณ เริ่มต้นจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 สมัยที่ "ประชา มาลีนนท์" เป็นผู้ควบคุมดูแลงานทางด้านข่าวของสถานี จากนั้นโลดแล่นอยู่บนถนนน้ำหมึกร่วมกับ "ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์" ทำหนังสืออาทิตย์วิเคราะห์รายวัน-รายสัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลา เดียวกับที่เขาก้าวสู่เส้นทางธุรกิจวิทยุ จัดตั้งสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น บุกเบิกการนำเสนอข่าว 24 ชั่วโมง จนได้สร้างความฮือฮา ให้กับวงการสื่อด้านวิทยุอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
จวบจนเมื่อครั้งสำนักงานทรัพย์สินฯ ก้าวเข้าสู่กิจการทางด้าน "สื่อ" ในนามของ "สยามทีวี แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น" เขาได้รับมอบหมายจาก "ดร.จิรายุ" ให้เข้ามารับงานชิ้นนี้ ซึ่งมีส่วนร่วมกับทีมของ "จุลจิตต์ บุณยเกตุ" ในการทำข้อเสนอในการยื่นประมูล จนกระทั่งสามารถคว้างานประมูลมาได้ ทำให้ ก้าวกระโดดสู่ "สยามทีวี" และเป็นสื่อประเภทเดียวที่ยังไม่มีโอกาสทำสำเร็จ เพราะมีปัญหาของผู้ถือหุ้นเสียก่อน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ไอเอ็นเอ็นไปมีสายสัมพันธ์กับมีเดียพลัส ก็เคยมีการตกลงจะผลิตข่าวป้อนให้ไทยสกายทีวีมาแล้ว แต่กลับต้องล้มไปอีกครั้ง
ไม่นาน "สนธิญาณ" จึงกลับไปปักหลักใหม่กับไอเอ็นเอ็น แม้ว่าคลื่นข่าวของ ไอเอ็นเอ็นยังสามารถจับกลุ่มผู้ฟังได้เหมือน เดิม แต่กลับต้องประสบปัญหาเรื่องเงินลงทุน เพราะสำนักงานทรัพย์สินฯ ก็บอบช้ำ เพราะขาดทุนกับธุรกิจทางด้านสื่อและโทรคมนาคมมาไม่น้อย จึงลดการลงทุนในธุรกิจสื่อลงทั้งหมด เขาจึงต้องหาพันธมิตรรายใหม่มาร่วมลงทุนในไอเอ็นเอ็นแทน
และเป็นเวลาเดียวกันที่ "กลุ่มยูคอม" กำลังขยายธุรกิจทางด้านบรอดคาสติง "ยูคอม" จึงกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในไอเอ็นเอ็น ไม่นานปัญหาก็เกิด ขึ้นมากมาย ทำให้สละเรือออกมาตั้งสถานี วิทยุ BUSINESS RADIO FM 96.5 จาก นั้นมาตั้งสำนักข่าวทีไอเอ็น เรดิโอ จนกระทั่ง มาเปิดบริษัทของตัวเองในนาม "สำนักข่าวทีนิวส์" และบริษัท กรีน โพรเท็คท์ฯ โดยเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุอีกหลายสถานี
ขณะที่การเคลื่อนไหวของ "สนธิญาณ" ในทางการเมือง ก็นับว่าไม่ธรรมดา!!!
เริ่มต้นในยุค รสช. ที่มีการตั้งพรรคสามัคคีธรรมขึ้น "พ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ" เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนประธานสภา คือ "ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์" และเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานรัฐสภา โดยมีสิทธิ์ในการเสนอชื่อทูลเกล้าฯ นายกรัฐมนตรี
ตามคิวก็ต้องเป็น "พ่อเลี้ยงณรงค์" แต่สถานการณ์กลับตาลปัตร เมื่อ "สนธิญาณ" ได้ใช้สื่อวิทยุในมือ เปิดข่าวสกัดไม่ให้ "พ่อเลี้ยงณรงค์" ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ด้วยการเสนอข่าวว่า...ค้าผงขาวตราสิงโตคู่เหยียบลูกโลก จนอเมริกาไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศ
จากนั้นก็เป็นคิวที่ "บิ๊กสุ" พล.อ. สุจินดา คราประยูร ต้องยอมเสียสัตย์เพื่อ ชาติ ด้วยการขึ้นเป็นนายกฯ นำไปสู่การประท้วงขับไล่ "สุจินดา" ให้ยอมไขก๊อก! บานปลายถึงขั้นนองเลือดในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อปี 2535 ซึ่งเขายังคงเดินอยู่แถวหน้าในปีกมวลชน
และยังคงมีข่าวร่ำลือไปอีกว่า "สนธิญาณ" ต้องตามไปแก้ไขฉากจบของเหตุการณ์แบบลึกลับ กระทั่งผลักดันให้ "อานันท์ ปันยารชุน" ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทานรอบ 2
หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ "สนธิญาณ" ได้กลับมาอีกครั้งในการเคลื่อนไหวล้มล้างระบอบทักษิณ และทำสกู๊ปข่าว "แดงล้มสถาบันฯ" ผ่านสำนักข่าวที-นิวส์ จนตกเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว...!!! ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน "สนธิญาณ" มีบทบาทอยู่ในระดับสำคัญ คอยให้คำปรึกษาผู้ใหญ่ของบ้านเมืองในการฝ่าวิกฤตการณ์ในระดับคอขาดบาดตายมากมาย แม้กระทั่งในระยะที่ประเทศไทยมีการรัฐประหารหนล่าสุด ก็ยังมีข่าวว่า "สนธิญาณ" มีบทบาทอยู่ในเบื้องลึก ทั้งที่ก่อนนี้ "สนธิญาณ" เคยย้ำจุดยืนของตัวเองว่า ยืนอยู่ข้างประชาชน ซึ่งตรงข้ามกับฝ่ายอำนาจรัฐและกองทัพ ทว่าขุนทหารน้อยใหญ่ต่างก็ชอบที่จะรับฟังความคิดความเห็นในการวิเคราะห์ปัญหา บ้านเมืองของเขา
จึงไม่แปลกที่ "สนธิญาณ" จะถูกจับตามองว่า "อยู่เบื้องหลังของฝ่ายโค่นล้มรัฐบาลด้วยหรือไม่..." เพราะถือได้ว่าเหมือนเป็นคนคนเดียวกับ "สหายช่วง" หรือ "ธงชัย สุวรรณวิหค" ที่คอยทำงานอยู่ฉากหลัง "ต้อย-สนธิญาณ" อย่างเงียบๆ ในฐานะนักยุทธศาสตร์?!!