สอบถามหน่อยฮะ ดุสิตบุรีนี่เป็นบ้านจัดสรรโครงการใหม่ใช่ไหมครับ แล้วสร้างโดยบริษัทไหนครับ
คือหลังจากได้ฟังคำสั่งสอนของธัมมี่คุง แห่งวัดจานบินนิเวศวรารามแล้ว ผมก็เกิดความสัตว์ทามาก อยากจะทำบุญกับทางวัด
และสนใจจะซื้อที่อยู่ในดุสิตบุรีเตรียมไว้
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
สรุปแล้วดุสิตบุรีนี่เป็นโครงการใหม่ใช่ไหมครับ
ไม่ทราบว่ามีบ้านกี่แบบให้เลือก มีคอนโดไหม
แล้วผ่อนกี่ปีครับดอกเบี้ยเท่าไร
แล้วนี่เป็นโครงการของบริษัทไหนครับ land & house หรือเปล่า
รบกวนฝ่ายขายหรือธัมมี่จังมาตอบหน่อยครับ สนใจมากๆ
สอบถามหน่อยฮะ ดุสิตบุรีนี่เป็นบ้านจัดสรรโครงการใหม่ใช่ไหมครับ แล้วสร้างโดยบริษัทไหนครับ
#1
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:56
- NightMare and Bot V Mask like this
รักเสื้อแดง แช่งอำมาตย์ อาฆาตม๊ากนาซี ขอเชิญมาร่วมกันที่นี่เลย!!!!!!
#2
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:53
ซื้อตอนนี้ เอาไว้อยู่อาศัยตอนที่ตายไปแล้ว
มีใบจัดสรร ออกโฉนดได้รึเปล่า แบบบ้านเป็นอย่างไร
ต้องติดต่อทางเจ้าของโครงการเจ้าประจำ
ที่เขียนมานั้นน่าจะใช่ครับ
เพราะเค้าทะยอยส่งทีมงานไปดูแลโครงการอย่างต่อเนื่อง
อ้อ
ต้องทำบุญกับทางวัดเยอะๆนะจ๊ะ
ถึงจะมีโอกาสได้อยู่จริง
ม่ายงั้นเสียเงินดาวน์ฟรี
- อาบังคนเหนือ likes this
#4
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 16:43
POPULAR
ดุสิตบุรี นี่ เป็น โครงการเก่า ครับ น้าเย็น ครับ
แต่ เจ้าของ โครงการ ได้ ขยาย โครงการ นี้ ออกไป ครับ...ฟังว่า มี นักการเมืองชั่ว แห่ เข้าไป จับจอง กันเยอะครับ
ไหน นะ ครับ? อ้อ...โครงการนี้ ชื่อ เดิม คือ "นรกนิเวศน์" อย่างไรล่ะครับ น้าเย็น ครับ จำได้ไหมครับ?
ตะนิ่นตาญี
วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
เวลา ๑๖.๔๓ นาฬิกา
#6
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 17:57
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
ขอขยายความนิดเดียว ไม่อยากให้ ก้าวล่วง พระศาสนา ส่วนเรื่องวัด ก็เป็นเรื่องของท่าน
กระทู้นี้ ก็เห็นแล้ว ใน Pantip ห้องศาสนา เหมือนกัน
ถ้าเรียน บาลีเปรียญธรรม ตั้งแต่ ประโยค 1 - 2 แปลธรรมบท (คือ แปล มคธ เป็น ไทย) คำว่า ดุสิตบุรี เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ตรัส สอน โดยยกเหตุการณ์ ที่ พระสารีบุตร สอนชายคนหนึ่ง ให้ยังจิต ตามคำสอน จนบรรลุ โสดาปัตติมรรค แต่ชายคนนี้ เมื่อตามส่ง พระสารีบุตร ก็โดนแม่โค ขวิดตาย แต่ อานิสงส์ก็ทำให้ได้เกิด ใน ..... " ดุสิตบุรี "
จริงๆ ภาษาบาลี จะใช้ " ป ปลา " คือ ดุสิตปุรี
อย่า บาป โดย ไม่จำเป็น เลย ....... ไม่คุ้ม
- galaxy2 likes this
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#7
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 17:59
ดุสิตบุรี นี่ เป็น โครงการเก่า ครับ น้าเย็น ครับ
แต่ เจ้าของ โครงการ ได้ ขยาย โครงการ นี้ ออกไป ครับ...ฟังว่า มี นักการเมืองชั่ว แห่ เข้าไป จับจอง กันเยอะครับ
ไหน นะ ครับ? อ้อ...โครงการนี้ ชื่อ เดิม คือ "นรกนิเวศน์" อย่างไรล่ะครับ น้าเย็น ครับ จำได้ไหมครับ?
ตะนิ่นตาญี
วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
เวลา ๑๖.๔๓ นาฬิกา
หลายๆครั้ง ท่านก็ตอบ อิงหลัก อิงธรรม นี่
ทำไม?
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#8
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:19
คือมันไม่ใช่ว่า วัดพระธรรมกาย make คำนี้ มั่วๆ ขึ้นมาเอง
จริงๆแล้ว เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ใช้คำนี้ จริงๆ ในหลายๆ ตอน ของ ธรรมบท ซึ่ง พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องใช้เป็น ตำราเรียน ตามกิจที่พระพุทธเจ้า มอบหมาย ซึ่งก็คือ คันถธุระ โดยพระพุทธองค์ ทรง กล่าว ถึง อานิสงส์ ของกรรมดี เมื่อกระทำซึ่ง กาละ (แปลว่า ตาย) ผลแห่งกรรมดี ก็จะให้ไปเกิด ในสวรรค์ ชั้นต่างๆ ซึ่งในที่นี้ หมายถึง สวรรค์ชั้น ดุสิต
แต่คำที่พระพุทธองค์ใช้ตรัสสอน เป็น คำที่ ไพเราะ เกินกว่า ที่ คนธรรมดา จะ คิดได้
จึงต้องมีวิชาแปล มคธเป็นไทย เพื่อให้เข้าใจทั้งเนื้อความและ ไวยากรณ์
วัดพระธรรมกาย ก็ แค่ เอาคำที่มีอยู่จริงๆ มาใช้ แค่นั้นเอง
อย่าลากไปให้ไกล จนเกิดบาป เพราะ ความไม่รู้ เพราะความคะนอง เลย
ขอ สักครั้ง
อย่าโกรธกันนะ ก็ตามอ่าน ทั้ง 2 ท่านมาโดยตลอด
Edited by Kenta, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:20.
- taze and หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม like this
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#9
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:22
เอ เครือ แสน.....สิ.......หริ......หรือเปล่า ???
#10
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:27
แบบนี้ ธอส. ให้กู้ป่ะ ???
#11
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:35
ถ้าสนใจคอนโด แนะนำ Away G. Condo Town ดีกว่าครับ อบอุ่น เพื่อนบ้านเยอะ คนดังทั้งนั้น เสธแดง สมัคร ฯลฯ
- chaidan, the doctor and Bot V Mask like this
Invoke ExitWindowsEx, EWX_SHUTDOWN | EWX_POWEROFF | EWX_FORCEIFHUNG, SHTDN_REASON_MAJOR_SYSTEM
#12
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 19:05
เท่่าที่ทราบ
เจ้าสำนักบอกว่า เป็นครึ่่งทางนิพพาน แบบว่าชีวิตหวังนิพพานมันยากนะจ๊ะ
เพราะฉะนั้น หวังแบบกลางๆ ไปแค่ครึ่งทางก็พอ
คุณสมบัติของผู้ัที่อยู่ดุสิตบุรีต้องทำทาน บริจาคมากกกกกกกก
แบบถอนเงินหมดปิดบัญชีนี่ดีมากนะจ๊ะๆ
เพราะอดอยากในวันนี้เพื่อปรับผังรวย แก้ผังจน
"เราทุกคนต้องเร่งสร้างบารมีเพื่อเป็นมหาเศรษฐีกันทุกคน"(มีเสียงดนตรีประกอบด้วยนะ)
Edited by ถ้าเขาไม่รู้ก็สอนให้เขารู้, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 19:07.
- mr_satan and the doctor like this
#13
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 19:11
POPULAR
คือมันไม่ใช่ว่า วัดพระธรรมกาย make คำนี้ มั่วๆ ขึ้นมาเอง
จริงๆแล้ว เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ใช้คำนี้ จริงๆ ในหลายๆ ตอน ของ ธรรมบท ซึ่ง พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องใช้เป็น ตำราเรียน ตามกิจที่พระพุทธเจ้า มอบหมาย ซึ่งก็คือ คันถธุระ โดยพระพุทธองค์ ทรง กล่าว ถึง อานิสงส์ ของกรรมดี เมื่อกระทำซึ่ง กาละ (แปลว่า ตาย) ผลแห่งกรรมดี ก็จะให้ไปเกิด ในสวรรค์ ชั้นต่างๆ ซึ่งในที่นี้ หมายถึง สวรรค์ชั้น ดุสิต
แต่คำที่พระพุทธองค์ใช้ตรัสสอน เป็น คำที่ ไพเราะ เกินกว่า ที่ คนธรรมดา จะ คิดได้
จึงต้องมีวิชาแปล มคธเป็นไทย เพื่อให้เข้าใจทั้งเนื้อความและ ไวยากรณ์
วัดพระธรรมกาย ก็ แค่ เอาคำที่มีอยู่จริงๆ มาใช้ แค่นั้นเอง
อย่าลากไปให้ไกล จนเกิดบาป เพราะ ความไม่รู้ เพราะความคะนอง เลย
ขอ สักครั้ง
อย่าโกรธกันนะ ก็ตามอ่าน ทั้ง 2 ท่านมาโดยตลอด
คิดอยู่นานเหมือนกันว่าควรจะตอบหรือไม่ อาจเป็นเพราะ ไม่อยากเถียงกับใครใคร ใน เรื่อง ที่ เป็น ปัจเจก
เอาเป็นว่า ขออนุญาต อธิบาย ก็ แล้วกันว่า ที่ เขียนไปนั้น ไม่ใช่เรื่อง ของ ความคะนอง เป็นแน่แท้
แต่เป็นเรื่อง ของ การประชด-ประชัน ล้วนล้วน ถามต่อไปว่า ทำไม ตรงนี้ตอบได้ไม่ยากหรอกครับ
เพราะ ความเชื่อ ใน ศาสนาพุทธ ของ ตะนิ่นตาญี คือ การปล่อยวาง ไม่ใช่ ยึดติด...ไอ้นั่น ก็ ของ กู-ไอ้นี่ ก็ ของ กู
แสวงหา-สรรหา ใน วัตถุ มา ยึดไว้ไม่ยอมปล่อย...แสวงหา กันเข้าไปไม่มีหยุด และ ที่ ธรรมกาย บอกให้ ประพฤติ-ปฏิบัติ นั้น คือ
หามาได้แล้วเอามา ซื้อ สรวงสวรรค์ ไป จาก ฉัน...ไม่เข้าใจครับ จะให้ยึดอยู่กับ ตัณหา -อุปทาน ทำไม?
เอาเถอะครับ จะว่า เป็น กุศโลบาย อะไรอย่างไร ก็ได้ ตามสบาย เถอะครับ
แต่ คง ต้องขออนุญาต พูดตรงตรงนะครับ หากเป็นเพียงแค่นี้ ตะนิ่นตาญี คงเฉยเฉย ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
หากแต่นี่ คนสั่ง-คนสอน นุ่งเหลือง-ห่มเหลือง อัน เป็น เครื่องแบบ ที่ ตะนิ่นตาญี กราบไหว้ อยู่ เสมอเสมอ
บางครั้งจึงมีความรู้สึกหงุดหงิดเป็น ธรรมดา ของ คน ทั่วทั่วไป ที่ ยัง ติด อยู่ ใน โลกียสุข ไม่ได้ แสวง หา ความสุข อันเกิดจากการหลุดพ้น
ไม่เป็นไรหรอกครับ หาก ธรรมกาย นั้น คือ สวรรค์ชั้นฟ้า ตะนิ่นตาญี ก็ ขอ อยู่ ใน โลก ของ สุข-ทุกข์ ต่อไป ไม่ดิ้น-ไม่รน แสวงหา สวรรค์ ชั้นไหนไหน ของ ธรรมกาย เด็ดขาด
ขออยู่ในโลกที่มี สุข และ ทุกข์ อยู่ คู่กันนี้ต่อไป แหละครับ...ที่เขียนมาเสียตั้งเยอะนี่ไม่ได้ คิดจะชวนใครใคร ให้ ประพฤติ หรือ ปฏิบัติตาม หรอกนะครับ
ใครมีความเชื่ออย่างไร ไม่คัดค้าน-ไม่ veto ตามสบายเลยครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว...
ตะนิ่นตาญี
วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
เวลา ๑๙.๑๑ นาฬิกา
#14
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 21:34
คือมันไม่ใช่ว่า วัดพระธรรมกาย make คำนี้ มั่วๆ ขึ้นมาเอง
จริงๆแล้ว เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ใช้คำนี้ จริงๆ ในหลายๆ ตอน ของ ธรรมบท ซึ่ง พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องใช้เป็น ตำราเรียน ตามกิจที่พระพุทธเจ้า มอบหมาย ซึ่งก็คือ คันถธุระ โดยพระพุทธองค์ ทรง กล่าว ถึง อานิสงส์ ของกรรมดี เมื่อกระทำซึ่ง กาละ (แปลว่า ตาย) ผลแห่งกรรมดี ก็จะให้ไปเกิด ในสวรรค์ ชั้นต่างๆ ซึ่งในที่นี้ หมายถึง สวรรค์ชั้น ดุสิต
แต่คำที่พระพุทธองค์ใช้ตรัสสอน เป็น คำที่ ไพเราะ เกินกว่า ที่ คนธรรมดา จะ คิดได้
จึงต้องมีวิชาแปล มคธเป็นไทย เพื่อให้เข้าใจทั้งเนื้อความและ ไวยากรณ์
วัดพระธรรมกาย ก็ แค่ เอาคำที่มีอยู่จริงๆ มาใช้ แค่นั้นเอง
อย่าลากไปให้ไกล จนเกิดบาป เพราะ ความไม่รู้ เพราะความคะนอง เลย
ขอ สักครั้ง
อย่าโกรธกันนะ ก็ตามอ่าน ทั้ง 2 ท่านมาโดยตลอด
คิดอยู่นานเหมือนกันว่าควรจะตอบหรือไม่ อาจเป็นเพราะ ไม่อยากเถียงกับใครใคร ใน เรื่อง ที่ เป็น ปัจเจก
เอาเป็นว่า ขออนุญาต อธิบาย ก็ แล้วกันว่า ที่ เขียนไปนั้น ไม่ใช่เรื่อง ของ ความคะนอง เป็นแน่แท้
แต่เป็นเรื่อง ของ การประชด-ประชัน ล้วนล้วน ถามต่อไปว่า ทำไม ตรงนี้ตอบได้ไม่ยากหรอกครับ
เพราะ ความเชื่อ ใน ศาสนาพุทธ ของ ตะนิ่นตาญี คือ การปล่อยวาง ไม่ใช่ ยึดติด...ไอ้นั่น ก็ ของ กู-ไอ้นี่ ก็ ของ กู
แสวงหา-สรรหา ใน วัตถุ มา ยึดไว้ไม่ยอมปล่อย...แสวงหา กันเข้าไปไม่มีหยุด และ ที่ ธรรมกาย บอกให้ ประพฤติ-ปฏิบัติ นั้น คือ
หามาได้แล้วเอามา ซื้อ สรวงสวรรค์ ไป จาก ฉัน...ไม่เข้าใจครับ จะให้ยึดอยู่กับ ตัณหา -อุปทาน ทำไม?
เอาเถอะครับ จะว่า เป็น กุศโลบาย อะไรอย่างไร ก็ได้ ตามสบาย เถอะครับ
แต่ คง ต้องขออนุญาต พูดตรงตรงนะครับ หากเป็นเพียงแค่นี้ ตะนิ่นตาญี คงเฉยเฉย ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
หากแต่นี่ คนสั่ง-คนสอน นุ่งเหลือง-ห่มเหลือง อัน เป็น เครื่องแบบ ที่ ตะนิ่นตาญี กราบไหว้ อยู่ เสมอเสมอ
บางครั้งจึงมีความรู้สึกหงุดหงิดเป็น ธรรมดา ของ คน ทั่วทั่วไป ที่ ยัง ติด อยู่ ใน โลกียสุข ไม่ได้ แสวง หา ความสุข อันเกิดจากการหลุดพ้น
ไม่เป็นไรหรอกครับ หาก ธรรมกาย นั้น คือ สวรรค์ชั้นฟ้า ตะนิ่นตาญี ก็ ขอ อยู่ ใน โลก ของ สุข-ทุกข์ ต่อไป ไม่ดิ้น-ไม่รน แสวงหา สวรรค์ ชั้นไหนไหน ของ ธรรมกาย เด็ดขาด
ขออยู่ในโลกที่มี สุข และ ทุกข์ อยู่ คู่กันนี้ต่อไป แหละครับ...ที่เขียนมาเสียตั้งเยอะนี่ไม่ได้ คิดจะชวนใครใคร ให้ ประพฤติ หรือ ปฏิบัติตาม หรอกนะครับ
ใครมีความเชื่ออย่างไร ไม่คัดค้าน-ไม่ veto ตามสบายเลยครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว...
ตะนิ่นตาญี
วันอังคารที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
เวลา ๑๙.๑๑ นาฬิกา
คือไม่ได้สนใจมุมมองของท่านหรือของใครๆ ที่มีต่อวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องของแต่ละท่าน
แต่ที่จะสื่อคือ คำว่า ดุสิตบุรี เป็นคำที่ พระพุทธเจ้า ตรัสสอน
เพราะต้นเรื่อง คือ เจ้าของกระทู้ ว่า ดุสิตบุรี ไม่มีใน พระพุทธศาสนา ก็พยายามบอกว่า คำนี้เป็นคำของพระพุทธเจ้าที่ตรัสสอน
แต่ถ้าท่านพยายามเข้าใจว่า เป็น คำของวัดพระธรรมกาย ก็คงแล้วแต่ท่าน
บางที เรา คงคุยกัน คนละเรื่องกระมัง
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#15
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 21:52
ปล.ในรูป จขกท.นั่น วัดเสี้ยวลิ้มยี่2 รึเปล่ามี18มนุษย์ทองคำด้วย
Edited by Bot V Mask, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 21:55.
- ลาดพร้าว 101 likes this
#17
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 00:12
ผมคนห่างวัดแต่ไม่ห่างธรรม แต่ก็ชอบใจน้าเย็นเอา cosplay แก๊งค์นี้มาลงบ่อยๆ
"Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely."
#18
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 03:11
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
ขอขยายความนิดเดียว ไม่อยากให้ ก้าวล่วง พระศาสนา ส่วนเรื่องวัด ก็เป็นเรื่องของท่าน
กระทู้นี้ ก็เห็นแล้ว ใน Pantip ห้องศาสนา เหมือนกัน
ถ้าเรียน บาลีเปรียญธรรม ตั้งแต่ ประโยค 1 - 2 แปลธรรมบท (คือ แปล มคธ เป็น ไทย) คำว่า ดุสิตบุรี เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ตรัส สอน โดยยกเหตุการณ์ ที่ พระสารีบุตร สอนชายคนหนึ่ง ให้ยังจิต ตามคำสอน จนบรรลุ โสดาปัตติมรรค แต่ชายคนนี้ เมื่อตามส่ง พระสารีบุตร ก็โดนแม่โค ขวิดตาย แต่ อานิสงส์ก็ทำให้ได้เกิด ใน ..... " ดุสิตบุรี "
จริงๆ ภาษาบาลี จะใช้ " ป ปลา " คือ ดุสิตปุรี
อย่า บาป โดย ไม่จำเป็น เลย ....... ไม่คุ้ม
เหรอครับ... ช่วยอ้างอิงหน่อยได้มั้ยว่า มาจากพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าใด ผมลองค้นหาข้อมูลแล้วไม่พบแม้แต่คำเดียว
http://84000.org/tip...book=1&bookZ=45
ปล. จริงๆ คำว่า บาลี เป็นเพียงแค่คำอ่าน "ปาฬิ" เป็นสำเนียงไทย ทั่วโลกไม่มีใครอ่านแบบนี้ิ มีแต่คนไทยเท่านั้นที่อ่านแบบนี้ และ ดุสิตบุรี หรือ ดุสิตฺปุร ก็ไม่มีอยู่จริง
Edited by ทัชชี่, 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 03:20.
- mr_satan likes this
ประชาธิปไตยแบบแดง: 1. ไม่ใช่แดง เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ 2. เสียงส่วนใหญ่ คือเสียงถูกต้อง 3. กฎพวกพ้องต้องเหนือกฎหมาย 4. เบื้องสูงมีไว้เหยียบย่ำ 5. ใครทำก็ผิด แต่แดงต้องไม่ผิด 6. คิดร้ายต่อทักษิณย่อมชั่ว 7. มั่วบิดเบือนหลอกพวกเดียวกัน 8. ปั้นน้ำเป็นตัวแล้วแถ
#19
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 04:22
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
ขอขยายความนิดเดียว ไม่อยากให้ ก้าวล่วง พระศาสนา ส่วนเรื่องวัด ก็เป็นเรื่องของท่าน
กระทู้นี้ ก็เห็นแล้ว ใน Pantip ห้องศาสนา เหมือนกัน
ถ้าเรียน บาลีเปรียญธรรม ตั้งแต่ ประโยค 1 - 2 แปลธรรมบท (คือ แปล มคธ เป็น ไทย) คำว่า ดุสิตบุรี เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ตรัส สอน โดยยกเหตุการณ์ ที่ พระสารีบุตร สอนชายคนหนึ่ง ให้ยังจิต ตามคำสอน จนบรรลุ โสดาปัตติมรรค แต่ชายคนนี้ เมื่อตามส่ง พระสารีบุตร ก็โดนแม่โค ขวิดตาย แต่ อานิสงส์ก็ทำให้ได้เกิด ใน ..... " ดุสิตบุรี "
จริงๆ ภาษาบาลี จะใช้ " ป ปลา " คือ ดุสิตปุรี
อย่า บาป โดย ไม่จำเป็น เลย ....... ไม่คุ้ม
คุณ Kenta
ไหนครับ
บาลีข้อไหนตอนไหนครับ
ยกมาให้เห็นเป็นธรรมทานหน่อยครับ
อันไหนเป็นคำสอน อันไหนเป็นเรื่องเล่า อันไหนเป็นอะไรคงไม่ต้องแจกแจงนะครับ
อ้างพระพุทธเจ้าเนี่ย...อ้างบาปกรรม อ้างนรก-สวรรค์เนี่ย
ช่วยยกมาหน่อยครับ
อยากรู้ความเห็นท่านจริงๆเลยครับ
ขอบคุณครับ
- mr_satan likes this
#20
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 06:59
ซื้อด้วยแบงค์กงเต็กได้ป่าวเนี่ย
ยามกูจนมรึ-งย่ำยี ยามกูมีมรึ-งอิจฉา
#21
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:56
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
ขอขยายความนิดเดียว ไม่อยากให้ ก้าวล่วง พระศาสนา ส่วนเรื่องวัด ก็เป็นเรื่องของท่าน
กระทู้นี้ ก็เห็นแล้ว ใน Pantip ห้องศาสนา เหมือนกัน
ถ้าเรียน บาลีเปรียญธรรม ตั้งแต่ ประโยค 1 - 2 แปลธรรมบท (คือ แปล มคธ เป็น ไทย) คำว่า ดุสิตบุรี เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ตรัส สอน โดยยกเหตุการณ์ ที่ พระสารีบุตร สอนชายคนหนึ่ง ให้ยังจิต ตามคำสอน จนบรรลุ โสดาปัตติมรรค แต่ชายคนนี้ เมื่อตามส่ง พระสารีบุตร ก็โดนแม่โค ขวิดตาย แต่ อานิสงส์ก็ทำให้ได้เกิด ใน ..... " ดุสิตบุรี "
จริงๆ ภาษาบาลี จะใช้ " ป ปลา " คือ ดุสิตปุรี
อย่า บาป โดย ไม่จำเป็น เลย ....... ไม่คุ้ม
ดุสิตบุรี หรือ ดุสิตฺปุร ก็ไม่มีอยู่จริง
ท่านไปซื้อหนังสือ ธมฺมปทฎฺฐกถา (จตุตฺโถ ภาโค) มาอ่านเสียบ้าง ซึ่งเป็น ตำราเรียน ภาษาบาลี ซึ่งแม่กองบาลีสนามหลวง เอาเนื้อหาในตำรา มาใช้สอบความรู้ ราคาเล่มละ 65 บาทเอง
มันเป็นภาษาบาลี ท่านจะอ่านรู้เรื่องไหม
อยู่หน้า 90 บรรทัดที่ 4 นับจากล่าง
อ้อ ท่านต้องรู้เรื่อง วิภัตติ ด้วย เพราะ แจกเป็น สัตตมีวิภัตติ แปลได้ว่า ( ใน ดุสิตบุรี )
- mr_satan likes this
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#22
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:15
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
ขอขยายความนิดเดียว ไม่อยากให้ ก้าวล่วง พระศาสนา ส่วนเรื่องวัด ก็เป็นเรื่องของท่าน
กระทู้นี้ ก็เห็นแล้ว ใน Pantip ห้องศาสนา เหมือนกัน
ถ้าเรียน บาลีเปรียญธรรม ตั้งแต่ ประโยค 1 - 2 แปลธรรมบท (คือ แปล มคธ เป็น ไทย) คำว่า ดุสิตบุรี เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ตรัส สอน โดยยกเหตุการณ์ ที่ พระสารีบุตร สอนชายคนหนึ่ง ให้ยังจิต ตามคำสอน จนบรรลุ โสดาปัตติมรรค แต่ชายคนนี้ เมื่อตามส่ง พระสารีบุตร ก็โดนแม่โค ขวิดตาย แต่ อานิสงส์ก็ทำให้ได้เกิด ใน ..... " ดุสิตบุรี "
จริงๆ ภาษาบาลี จะใช้ " ป ปลา " คือ ดุสิตปุรี
อย่า บาป โดย ไม่จำเป็น เลย ....... ไม่คุ้ม
คุณ Kenta
ไหนครับ
บาลีข้อไหนตอนไหนครับ
ยกมาให้เห็นเป็นธรรมทานหน่อยครับ
อันไหนเป็นคำสอน อันไหนเป็นเรื่องเล่า อันไหนเป็นอะไรคงไม่ต้องแจกแจงนะครับ
อ้างพระพุทธเจ้าเนี่ย...อ้างบาปกรรม อ้างนรก-สวรรค์เนี่ย
ช่วยยกมาหน่อยครับ
อยากรู้ความเห็นท่านจริงๆเลยครับ
ขอบคุณครับ
สงเคราะห์ท่าน เป็น ธรรมทาน นะครับ
ท่านใช้ Search Engine เป็นนะครับ
ท่านพิมพ์เป็นนะครับ ..... พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิยาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่ ๔๒๒
เป็นเรื่องของ บุรุษผู้ฆ่าซึ่งโจร กับ พระสารีบุตร
ครั้น พระศาสดา ทรงประทับที่ วัดเวฬุวัน .... เป็นที่มาของพระคาถา ( แปล เป็น ไทย ) ว่า
หากวาจาแม้ตั้งพัน ไม่ประกอบด้วยบทที่เป็นประโยชน์ไซร้
บทที่เป็นประโยชน์บทเดียว ซึ่งบุคคลฟังแล้วสงบระงับได้ประเสริฐกว่า
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#23
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:51
ผมคิดเอาเองนะครับ
ชั้นดุสิตนี่ ต้องพุทธบิดา พุทธมารดา พระโพธิสัตว์บารมีเต็ม
ถ้าอาศัยทานบารมีอย่างเดียวไปไม่ถึง ยังไงก็ต้องปฏิบัติให้เกิดปัญญาในระดับชั้นนั้น ทาน ศีล ภาวนา ให้เกิดปัญญา ต้องมาครบ
บางครั้งคนเราทำทานถ้าไม่พิจารณาก็อาจได้บุญไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย บางคนทำแล้วได้บาปก็มี
บางคนทำไปแบบงมงาย ใหม่ๆคือไม่ได้บุญ พอปฏิบัติไปควรจะได้ปัญญามาพิจารณา ถ้าเห็นพระเอาปัจจัยไปทำสิ่งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์
เอาไปทำธุระกิจ เอาไปลงทุนต่างๆ เอาไปส่งส่วยผู้มีตำแหน่งสูงกว่าเพื่อยศก็ดี คุ้มครองก็ดี ฯลฯ หากรู้แล้วยังทำทานต่อ ก็จะได้บาปแทน
บางคนประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าเดิมเพราะบุญเก่ามาให้ผล แต่ไม่รู้เท่าทันก็คิดว่าเป็นเพราะทำบุญกับที่นั่นที่นี่
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจสี่ สอนให้คนปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย ไม่ได้สอนให้ศิษย์ไปแวะอยู่ไหนวิมานไหน
เพียงแต่ใครทำได้ถึงไหน ก็จะได้ไปอยู่ในชั้นนั้นๆตามบุญบารมี
การอธิษฐานขอเป็นพระพุทธเจ้า เป็นการสร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่เลยต้องใช้เวลานานกว่าจะมีบารมีเต็มแล้วถึงไปรอคิว เป็นการสร้างบารมีเฉพาะตัว ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะไปโน้มน้าวให้ใครทำตามหรือต้องทำเหมือนกันจึงจะเข้ากลุ่มได้ หากมีที่นั่นไม่ใช่ที่ปฏิบัติธรรมแล้ว
ส่วนผู้ที่ต้องการใช้เวลาสั้นกว่าก็หลุดพ้นได้ ก็มาแนวสาวกภูมิ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย ระดับคนธรรมดาถ้าตั้งใจทำจริงก็หลุดพ้นกันได้ในชาติเดียว หากยังไม่ถึงแต่ดีพอ ก็หลุดจากภพมนุษย์ไปทำต่อข้างบน เลื่อนขั้นอยู่ข้างบน ไม่ต้องมามีสังขารบนโลกมนุษย์อีกจนสำเร็จ
ไม่ว่าจะต้องการแบบไหนก็ไม่จำเป็นต้องทำบุญหมดตัว ต้องพิจารณาว่าทำแบบนั้นแล้วครอบครัวมีความสุขไหม ค่าเทอมลูกพอไหม ต้องถึงกับกู้เงินมาทำ
บุญไหม ถ้าครอบครัวเดือดร้อนเพราะการทำบุญนั้น แสดงว่าที่ทำไปไม่ได้บุญอ่ะ ไม่มีปัญญาในการจัดสรรปันส่วนในการสร้างบารมี แสดงว่าที่ทำมายัง
ไม่ได้มรรค ผล พอที่จะพิจารณา
ถ้าครูบาอาจารย์ท่านให้ทำหมดตัวก็ขอให้ท่านอาจารย์เอาเงินที่รับมานั้นบริจาคออกไปให้หมดเป็นตัวอย่าง ถ้าอาจารย์ยังทำไม่ได้แล้วมาให้ศิษย์ทำก่อน
แล้วท่านจะไปเป็นหัวหน้าอยู่ข้างบนอย่างไรได้ครับ (ขอโทษเหน็บนิดหน่อย จริงๆแล้วผู้ทำบุญอธิษฐานเงินให้ไปทำสิ่งใดพระท่านก็ต้องเอาไปทำสิ่งนั้น
ถ้าเอาไปทำอย่างอื่นที่เขาไม่ได้อนุญาตไว้พระก็ทำบาปอ่ะครับ ตกนรกอย่างเดียว) อีกอย่างการทำบุญกับอลัชชีก็ไม่เป็นบุญอยู่แล้ว
สรุปคำถามของ จขกท เป็นแดนสวรรค์ หรือที่บางคนทึกทักเอาว่าเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในชั้นดุสิต ที่พระพุทธบิดา พระพุทธมารดา และพระโพธิสัตว์ที่มี
บารมีสูงมากๆ ถึงจะไปอยู่ได้ คนทั่วไปทานบารมีอย่างเดียวให้ทำให้หมดตัวก็ไปไม่ได้ ต้องครบ ทาน ศีล ภาวนา จนเกิดปัญญาในระดับของที่นั่นเขา
ครับและได้อธิษฐานจะช่วยมนุษย์และสัตว์ เขามีคุณสมบัติกำหนดไว้โดยโลกทิพย์ ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์หน้าไหนจะจับจองให้ใครได้
====ที่ผมเขียนมาอาจจะไม่จริงก็ได้ เพราะผมคิดเอาเอง ไปพิจารณากันเอาครับ====
- KundeT and บางสิบหมื่น like this
#24
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:16
แต่เอ๊ะ ผมไม่เคยได้ยินชื่อดุสิตบุรีมาก่อน เท่าที่ทราบ ในคำสอนพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมีบัญญัติไว้
ขอขยายความนิดเดียว ไม่อยากให้ ก้าวล่วง พระศาสนา ส่วนเรื่องวัด ก็เป็นเรื่องของท่าน
กระทู้นี้ ก็เห็นแล้ว ใน Pantip ห้องศาสนา เหมือนกัน
ถ้าเรียน บาลีเปรียญธรรม ตั้งแต่ ประโยค 1 - 2 แปลธรรมบท (คือ แปล มคธ เป็น ไทย) คำว่า ดุสิตบุรี เป็น คำที่ พระพุทธเจ้า ตรัส สอน โดยยกเหตุการณ์ ที่ พระสารีบุตร สอนชายคนหนึ่ง ให้ยังจิต ตามคำสอน จนบรรลุ โสดาปัตติมรรค แต่ชายคนนี้ เมื่อตามส่ง พระสารีบุตร ก็โดนแม่โค ขวิดตาย แต่ อานิสงส์ก็ทำให้ได้เกิด ใน ..... " ดุสิตบุรี "
จริงๆ ภาษาบาลี จะใช้ " ป ปลา " คือ ดุสิตปุรี
อย่า บาป โดย ไม่จำเป็น เลย ....... ไม่คุ้ม
คุณ Kenta
ไหนครับ
บาลีข้อไหนตอนไหนครับ
ยกมาให้เห็นเป็นธรรมทานหน่อยครับ
อันไหนเป็นคำสอน อันไหนเป็นเรื่องเล่า อันไหนเป็นอะไรคงไม่ต้องแจกแจงนะครับ
อ้างพระพุทธเจ้าเนี่ย...อ้างบาปกรรม อ้างนรก-สวรรค์เนี่ย
ช่วยยกมาหน่อยครับ
อยากรู้ความเห็นท่านจริงๆเลยครับ
ขอบคุณครับ
สงเคราะห์ท่าน เป็น ธรรมทาน นะครับ
ท่านใช้ Search Engine เป็นนะครับ
ท่านพิมพ์เป็นนะครับ ..... พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิยาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่ ๔๒๒
เป็นเรื่องของ บุรุษผู้ฆ่าซึ่งโจร กับ พระสารีบุตร
ครั้น พระศาสดา ทรงประทับที่ วัดเวฬุวัน .... เป็นที่มาของพระคาถา ( แปล เป็น ไทย ) ว่า
หากวาจาแม้ตั้งพัน ไม่ประกอบด้วยบทที่เป็นประโยชน์ไซร้
บทที่เป็นประโยชน์บทเดียว ซึ่งบุคคลฟังแล้วสงบระงับได้ประเสริฐกว่า
ขอบคุณครับท่าน
มีบันทึกไว้ในคำแปล
ก็ถูกต้องตามท่านว่า มีแปลว่า ดุสิตบุรี
ดู "พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิยาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่ ๔๒๒"
นายตัมพทาฐิกะตายไปเกิดในดุสิตบุรี
อุบาสกเป็นคนธาตุทึบ ถูกพระเถระกล่าวอย่างนั้น มีความสำคัญว่า
"อกุศลไม่มีแก่เรา" จึงกล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ถ้ากระนั้น ขอท่าน
จงกล่าวธรรมเถิด." อุบาสกนั้น เมื่อพระเถระทำอนุโมทนาอยู่ล มีจิต
มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ฟังธรรมอยู่ ยังขันติเป็นไปโดยอนุโลม ( แก่อริยสัจ )
ภายในแห่งโสดาปัตติมรรค ให้บังเกิดแล้ว . แม้พระเถระ กระทำ
อนุโมทนาแล้วก็หลีกไป.
นางยักษิณีตนหนึ่งมาแล้วด้วยเพศแห่งแม่โคนม ขวิดที่อกอุบาสก
ผู้ตามส่งพระเถระหน่อยหนึ่งแล้วกลับอยู่ให้ตายแล้ว. อุบาสกนั้นกระทำ
กาละแล้วก็บังเกิดในดุสิตบุรี.
http://www.tripitaka...k41/401_450.htm
ถามท่านต่อละกัน
เรื่องดุสิตบุรีหน่ะครับ
ดุสิตบุรี แปลไทยว่าอะไรครับ
มีประโยชน์ด้านไหนครับ
ทำอะไรถึงไปได้ครับ
การกล่าวว่าไม่มี ในพระพุทธศาสนาเป็นบาปด้านใดครับ
หากวาจาแม้ตั้งพัน ไม่ประกอบด้วยบทที่เป็นประโยชน์ไซร้
บทที่เป็นประโยชน์บทเดียว ซึ่งบุคคลฟังแล้วสงบระงับได้ประเสริฐกว่า
อยากรู้ความเห็นท่านจริงๆเลย
ขอบคุณครับ
- mr_satan and namtanbood like this
#25
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:48
ท่าน dek-harte
ดุสิตบุรี แปลไทยว่าอะไรครับ ===> ปัญหาที่มันอยู่นี่ เพราะ แปลไทยเป็นไทยนี่แหละ ความรู้ไม่เสมอกัน ก็ขัดแย้งกัน หรือ สงสัยไปหมด ป่วยการ
มีประโยชน์ด้านไหนครับ ====> ถ้าในทางการเรียน บาลีไวยากรณ์ เพื่อ เป็นแบบ สำหรับ ความสละสลวย ในการแต่งฉันทลักษณ์
ทำอะไรถึงไปได้ครับ ======> Google
คงพอได้แล้วมั๊ง
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#26
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:05
รัตนวิมาน คือวิมานแก้ว สุวรรณวิมานคือวิมานทอง และรชตวิมานคือวิมานเงิน
- namtanbood and สัตยวาที like this
#27
ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:19
ซื้อที่ไปไม่กลัวซ้ำรอยดอกรึ ญาติโยม
- mr_satan, อาวุโสโอเค and ตะขบ like this
#28
ตอบ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 02:01
ใช่ที่อยู่หน้ารัฐสภารึเปล่าฮะ เห็นชื่อคล้ายๆกัน 555
ปล.ในรูป จขกท.นั่น วัดเสี้ยวลิ้มยี่2 รึเปล่ามี18มนุษย์ทองคำด้วย
ผมนับได้ 13 เองนะท่านมดแดงไรเดอร์
- Bot V Mask likes this
#29
ตอบ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:59
ธรรมะไม่ควรถูกบิดเบือน....คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อความละคลาย เพื่อความหลุดพ้น....การกล่าวคำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นล้วนเป็นธรรมะ เป็นแก่นแท้ ไม่ว่าจะแปลอย่างไรก็ตาม(แต่ควรรักษารากฐานของภาษาเดิมสืบต่อไป) ............ส่วนคำสอนใดที่ไม่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น แต่เป็นไปเพื่อกามสุข ...อันนั้นยังไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องนรกสวรรค์ เพื่อชี้ทางกุศลกรรม เพื่อสั่งสอนเรื่องวัฏฏะอันน่าเบื่อหน่ายคือการเวียนว่ายไม่รู้จบสิ้น เพื่อให้จิตสงบเป็นกุศล และสำหรับผู้ที่จิตสงบระงับแล้ว พร้อมฟังธรรมะที่สูงขึ้น ในลำดับต่อไป เพื่อรู้แจ้งสู่ความหลุดพ้นจากกามสุข สู่นิพพาน พ้นวัฎฎะ และดับสูญทั้งปวง....นั่นแหละสุขอย่างยิ่งไม่มีสิ่งใดเจือปน..........
ดังนั้นแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา...มิใช่อยู่ที่ดุสิตบุรี...แต่อยู่ทีนิพพานดับสูญ..ขาดสิ้นจากความมีตัวตน..........เพียงแต่บางวัดเอาคำในพระศาสนามาเป็นจุดขาย ก็เท่านั้นเอง มนุษย์ผู้มีปัญญาพึงศึกษาเอาอย่างกว้างขวาง...ว่าอยากได้แบบไหน
- mr_satan and ช่วยเตือน สติ พวกผมหน่อย like this
#30
ตอบ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:38
ธรรมะไม่ควรถูกบิดเบือน....คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อความละคลาย เพื่อความหลุดพ้น....การกล่าวคำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นล้วนเป็นธรรมะ เป็นแก่นแท้ ไม่ว่าจะแปลอย่างไรก็ตาม(แต่ควรรักษารากฐานของภาษาเดิมสืบต่อไป) ............ส่วนคำสอนใดที่ไม่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น แต่เป็นไปเพื่อกามสุข ...อันนั้นยังไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องนรกสวรรค์ เพื่อชี้ทางกุศลกรรม เพื่อสั่งสอนเรื่องวัฏฏะอันน่าเบื่อหน่ายคือการเวียนว่ายไม่รู้จบสิ้น เพื่อให้จิตสงบเป็นกุศล และสำหรับผู้ที่จิตสงบระงับแล้ว พร้อมฟังธรรมะที่สูงขึ้น ในลำดับต่อไป เพื่อรู้แจ้งสู่ความหลุดพ้นจากกามสุข สู่นิพพาน พ้นวัฎฎะ และดับสูญทั้งปวง....นั่นแหละสุขอย่างยิ่งไม่มีสิ่งใดเจือปน..........
ดังนั้นแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา...มิใช่อยู่ที่ดุสิตบุรี...แต่อยู่ทีนิพพานดับสูญ..ขาดสิ้นจากความมีตัวตน..........เพียงแต่บางวัดเอาคำในพระศาสนามาเป็นจุดขาย ก็เท่านั้นเอง มนุษย์ผู้มีปัญญาพึงศึกษาเอาอย่างกว้างขวาง...ว่าอยากได้แบบไหน
เยี่ยม
แยกแยะได้ดี
นี่สิ น่าคุยด้วย
- galaxy2 likes this
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#31
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 00:38
มาแล้ว ๆ มีคนไปตาม หาว่าตั้งมู้แล้วเปิดตูดหนี
ผมไม่ได้หนีนะ แต่กระทู้มันไม่น่าจะมีไรให้เถียงกันเพราะโดยมากก็มาด่าจานบินกันแทบทุกคน เลยไม่ได้ตาม แล้ว2วันมานี่ต้องไปศิริราช ออกจากบ้านที่บางนา 6.00 ตรวจเสร็จถึงบ้าน 17.00 เพลียมากๆครับ กลับมาก็หลับเลย เพราะโดนหมอตรวจแสกนหัวใจทั้งวัน โดนฉีดยาสารพัด
ดังนั้นใครที่คิดว่าผมตั้งทู้แล้วหนี ผมต้องขอชี้แจงว่า login yenmanovic ไม่เคยตั้งทู้แล้วหนีนะครับ ถ้าอยู่หน้าจอมาตอบแน่นอน
ไหน มีไรกัน คุยไรกันอยู่ครับ ใครสรุปทีได้ไหม ตื่นมาเข้าห้องน้ำ เด๋วอีกสักพักจะไปนอนต่อละ
รักเสื้อแดง แช่งอำมาตย์ อาฆาตม๊ากนาซี ขอเชิญมาร่วมกันที่นี่เลย!!!!!!
#32
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:59
ดีแล้ว..เอวัง..คริๆ
#33
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:47
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป้าหมายมีสิ่งเดียว
คือการหลุดพ้นและพระนิพพาน การไม่เกิดอีกแล้ว
ถ้าบิดพริ้วจากสิ่งนี้ ไม่ถือว่าเป็น ศาสนาพุทธ ครับ
การให้คนรู้สึกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เพื่อหวังให้เงินที่ตัวเองได้มาในชาตินี้ สามารถนำไปใช้ในชาติหน้า
ได้ ยอมรับว่าแนวคิดฉลาดมาก อย่างนี้คนจนตกนรกอย่างเดียวเลย คนรวยแม้จะโกงชาติบ้านเมืองเท่าไร
ก็ทำบุญพากันจองพิ้นที่บนสวรรค์จนเต็มหมดแล้ว แย่จังนะครับ เกิดเป็นคนจนเนี่ย
มีแฟนธรรมกายมาพูดกับผมหลายท่าน บอกว่า การทำบุญแบบหมดทั้งเนื้อทั้งตัวนั้นได้บุญสูงสุด
ต่างกันนะครับ
แยกให้ออกระหว่าง
สละทรัพย์สินของตัวเองทั้งหมด เพื่อหวังทางหลุดพ้น
กับ การสละทรัพย์สินของตัวเองทั้งหมด เพื่อเอาไปใช้ชาติหน้า
- namtanbood and galaxy2 like this
อย่ามาเห่าว่ากรูมาจากการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งไม่ใช่ทุกอย่างของประชาธิปไตย
การตรวจสอบบ้านเมืองอย่างเข้มข้น ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ จำเป็นสำหรับประเทศไทย
สิ่งที่บ่งบอกว่าประเทศไหนพัฒนาแล้วไม่ได้ดูที่ มีตึกสูงมากเท่าไร มีห้างเยอะไหม มีจีดีพีสูงแค่ไหน
แต่ดูที่การศึกษา และ คุณภาพของบุคลากรภายในประเทศ
#34
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:11
คำถาม ? ท่านทำบุญทำทานเพื่อมุ่งหวังสิ่งใด
ก.ทำเพื่อหวังร่ำรวยขึ้น ตายไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้า
ข.ทำเพื่อมุ่งหวัง แดนนิพพานอันสุขสบาย มีทุกสิ่งที่ปราถนา(ตามความคิดของท่าน)
ค.ทำเพื่อสละสิ่งที่มีเพื่อประโยชน์ต่อผู้รับ และเพื่อฝึกลดกิเลส ลดความยึดติดในทรัพย์สินของตน และความยึดติดอื่นๆ (ทำเป็นอาจิณจนจิตละคลายกิเลสลงไปตามลำดับ)
คำตอบ....จะตอบอย่างไรก็ไม่ผิด เป็นไปตามความปราถนาของท่าน แต่ถ้าตอบเฉพาะข้อ ค. หมายถึงท่านเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงมีปัญญาปฏิบัติลึกซึ้งถึงแก่นธรรม
Edited by galaxy2, 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:14.
- ช่วยเตือน สติ พวกผมหน่อย likes this
#35
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:25
ความบิดเบือนของธรรมกายผมมองอยู่ประเด็นเดียวครับ ที่บอกว่าทำมากได้มาก แต่ในเชิงพุทธแล้วจะทำได้มากมันอยู่ที่เจตนาครับ ไม่ได้วัดกันที่ตัวเลข
ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนยากจนข้นแค้น กินข้าวได้วันละมื้อ วันหนึ่งขณะที่กำลังจะกินข้าว ก็เห็นพระรูปหนึ่งเดินบิณฑบาตร
ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในกิริยาของพระรูปนั้น ก็เลยถวาย แล้วตัวเองก็ต้องอดกินข้าวไปหนึ่งวัน
กับอีกคนเป็นมหาเศรษฐี หาเงินได้วันละสิบล้านบาท เกิดความศรัทธา อยากไปบริจาควัด ก็เลยบริจาคไปแสนบาท
สิ่งที่อยากจะถามคือ คุณบอกได้ไหมว่าคนไหนได้บุญมากกว่ากัน ผมก็ตอบไม่ได้ครับ เพราะไม่ได้เป็นผู้หยั่งรู้ขนาดนั้น
เรื่องนี้มันซับซ้อนครับ มันต้องดูเจตนาคนให้ด้วย บางทีให้เพราะอยากมันก็ได้น้อย บางอย่างให้ยาก แต่ถ้าให้ได้ก็เป็นผลใหญ่
โดยคำว่าทานจุดประสงค์มันคือสละความโลภ ความเห็นแก่ตัวออกครับ แต่ถ้าให้เพราะอยาก ให้เพราะโลภอยากได้ปราสาท ได้วิมาน
มันจะเหลือเป็นบุญได้ซักเท่าไหร่เชียว
Edited by kairyuramon, 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:42.
- galaxy2 likes this
#36
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:41
กรรม กดผิด ขออภัยครับ จะแก้ไขกลายเป็นโควตซะงั้น
Edited by kairyuramon, 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:42.
#37
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 16:48
คำถาม ? ท่านทำบุญทำทานเพื่อมุ่งหวังสิ่งใด
ก.ทำเพื่อหวังร่ำรวยขึ้น ตายไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้า
ข.ทำเพื่อมุ่งหวัง แดนนิพพานอันสุขสบาย มีทุกสิ่งที่ปราถนา(ตามความคิดของท่าน)
ค.ทำเพื่อสละสิ่งที่มีเพื่อประโยชน์ต่อผู้รับ และเพื่อฝึกลดกิเลส ลดความยึดติดในทรัพย์สินของตน และความยึดติดอื่นๆ (ทำเป็นอาจิณจนจิตละคลายกิเลสลงไปตามลำดับ)
คำตอบ....จะตอบอย่างไรก็ไม่ผิด เป็นไปตามความปราถนาของท่าน แต่ถ้าตอบเฉพาะข้อ ค. หมายถึงท่านเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงมีปัญญาปฏิบัติลึกซึ้งถึงแก่นธรรม
เห็นว่าท่านยัง Post ต่อ ก็เลย ขอ (หากท่านไม่ว่าอะไร) เข้ามาเสริมว่า
การตอบ ข้อ ค นั่นแหละ เป็น กุศล แปลเป็นไทย ว่า = ฉลาด
นอกจากนี้ ผู้มีปัญญา ทั้งหลาย ที่กระทำ อันเหตุด้วย ข้อ ค ยังได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้าถึง ปัจฉิมโอวาท ของพระพุทธองค์ คือ ท่านทั้งหลาย จงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ (ใช้คำว่า ถึงพร้อม ก็ได้) ด้วยความไม่ประมาทเถิด ( มีคำว่า 1. ประโยชน์ ตน 2. ประโยชน์ ผู้อื่น 3. บริบูรณ์ 4 . ด้วยความไม่ประมาท )
จริงๆแล้ว การเลือกข้ออื่นๆ ยังเป็นแค่ บุญ ปน บาป กล่าวคือ ยังมีความ อยาก เจืออยู่ ซึ่งเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ 1. พระไม่มีความรู้ หรือ มีก็ไม่สอน ( ไม่ใช่ ขี้เกียจนะ แต่มี หลายๆ เหตุ ) หรือ สอนผิดๆถูกๆ และ/หรือ 2. ตัวเองไม่มีความรู้และไม่ศึกษา
เลยเป็นที่มาของ ...................... บุญสำเร็จรูป หรือ การซื้อบุญ นั่นเอง
ชอบเข้ามาอ่าน
เพราะความเห็นของบางคน
ช่างโง่และทุเรศสิ้นดี
#38
ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 17:47
เอ้า ผมก็มาแล้ว คนmuj pm ไปตามผมมาน่ะ มีไรก็ถามมาครับ เด๋วจะหาว่าผมโพสแล้วสะบัดตูดหนีอีก มีไรก็ว่ามาครับ
ไหนมันมีเรื่องอะไรที่ต้องให้ผมชี้แจงถึงขนาดด่าผมว่าโพสแล้วหนีเนี่ยครับ รออยู่นะครับ
อ่อ แต่ถ้าเรื่องพระธรรมผมขอไม่เถียงด้วยนะเพราะรู้แค่งูๆปลาๆ
รักเสื้อแดง แช่งอำมาตย์ อาฆาตม๊ากนาซี ขอเชิญมาร่วมกันที่นี่เลย!!!!!!
#39
ตอบ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 05:51
เชย เขาทำบุญ Online กันแล้ว ไม่มีเงินก้อรูด ทำบุญล่วงหน้าได้ นะจ๊ะ
#40
ตอบ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 05:54
เมื่อครั้งที่ อยู่ นิวซีแลนด์ ก็มีคนไทยที่เป็นนายหน้าพาพระมาเดินสายสวดมนต์ ทำพิธี ตามเมืองต่างๆ ไม่เคยเชื่อ ไม่เคยเสียเงินทำบุญ แม้จะมีคนบอกว่า ทำบุญกับผ้าเหลือง // ก็ ไม่..ไม่มีทาง เพราะเราสอบถาม นายหน้าที่พามา บอกว่าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมา จากเมืองไทยชุดละ 3 เดือน คนพวกนี้ แค่ท่องจำบทสวดแล้วออกเดินสาย หากิน
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย สาขาแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โอ้ มายก็อด ^^
Supaowwalax Thongskul
พึ่งพูดเรื่องพระธรรมกายกับลูกน้องเมื่อเช้านี้เอง...พี่ตุ๊ก..ใจตรงกันจริง..555
Tukta Pearce
ให้ข้าวกินกับพวกหัวโล้นนี่ ให้หมากินยังได้บุญกว่าเลย
Supaowwalax Thongskul
แต่ให้ไปหลายครั้งแล้วพี่ ถือว่าทำบุญกับผ้าเหลืองของพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน เฮ้อ..ประเทศเราเสื่อมลงทุกวันทุกวันเลย...เน้อ
Ichigo Kung
พระที่นี้ เขาบวชพรรษานึง มีสึกพักร้อน 10วัน 555
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน