บอกตรงๆ ไม่ชอบเลยที่หลวงปู่พุทธอิสระมานำม็อบ
หลายๆคนคงรู้อยู่แล้วว่าผมสีไหนข้างไหน เพราะผมเลือกข้างมานานแล้ว ผมไม่เคยเป็นกลาง
แต่ผมบอกตรงๆ ผมไม่ค่อยชอบที่หลวงปู่ท่านมายุ่งกับม็อบ
คือผมเข้าใจนะว่าท่านก็ทำไปเพราะท่านห่วงประเทศ ท่านรักชาติ
แต่มันไม่ใช่กิจของสงฆ์อะ มันไม่งาม
ไม่รู้ดิ ผมคิดไปเองมั้ง
บอกตรงๆ ไม่ชอบเลยที่หลวงปู่พุทธอิสระมานำม็อบ
#1
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:58
POPULAR
- spectator, นายตัวเกร็ง, อู๋ ฮานามิ and 17 others like this
รักเสื้อแดง แช่งอำมาตย์ อาฆาตม๊ากนาซี ขอเชิญมาร่วมกันที่นี่เลย!!!!!!
#2
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:17
POPULAR
ส่วนตัวผมนับถือพระรูปนี้ก่อนที่ท่านจะมาร่วมกับกปปส.เสียอีก พอท่านมาร่วมกับกปปส.ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าท่านน่าเลื่อมใสมากขึ้น หรือน้อยลง เพราะผมก็แยกแยะได้อยู่ครับ ถ้าท่านจะประพฤติตนไม่เหมาะผมก็คงไม่เห็นด้วยนะครับ แต่กรณีนี้ผมเฉยๆจริงๆ
(เอาจริงๆค่านิยมที่ว่าพระต้องวางมาดเท่แบบพระๆ อยู่เฉยๆไม่ยุ่งอะไร มันเป็นค่านิยมครับ คือชาวบ้านคิดแบบนี้ แต่จริงๆมันไม่ใช่ หลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าปล่อยวางคือไม่ยุ่ง ไม่ใส่ใจอะไร)
ผมว่าเป็นการดีซะอีก ที่ท่านมานำม็อบให้ เพราะท่านก็ชี้ทางที่สันติอหิงสาให้ ที่เสียๆกันก็เป็นพวกที่ไม่ยอมเชื่อท่านทั้งนั้น ก็ทีไปฮาร์ดคอร์รื้อป้าย หรือเอาปืนเอาอาวุธมาสู้ ดันเย้วๆกันบอกว่าดี แต่ทีมีพระมามานำแบบสันติอหิงสา ดันทำเป็นรับไม่ได้กัน
#3
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:20
แล้วแดงล่ะครับ
If you try hard enough, you can be whatever you want to be.
#4
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:22
#5
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:24
ความจริงแล้วท่านไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างงั้น ถอยมาเป็นที่ปรึกษาก็ดี แต่ดูจากที่ผ่่านมาท่านเป็นคนใจร้อน เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรแล้วอยู่เฉยๆไม่ได้
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and silence like this
#6
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:29
แล้วแดงล่ะครับ
พวกนี้มันเป็นไอ้สมีห่มเหลืองครับ บวชหาแดรกเสียข้าวสุกของญาติโยม ตัวมันจังไร แล้วจะเทศน์สอนใครได้
ใครนิมนต์ไอ้โล้นนรกพวกนี้ไปที่ไหน ก็อัปมงคลในสถานที่นั่น
- ซีมั่น โลช่า likes this
ขอสาปแช่งคนที่คิดร้ายต่อประเทศ ขอให้ มัน คนที่มันรัก ญาติพี่น้องวงศ์ตระกูลของมัน จงเสื่อม ย่อยยับ วิบัติ และพบกับความฉิบหาย ตายแล้วขอให้มันเผาไหม้ในนรกอย่าได้ผุดได้เกิดอีก
#7
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:31
พระไม่สมควรยุ่งเกี่ยวกับทางโลกครับ
- NightMare, ผู้น้อย and A Better Tomorrow like this
#8
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:32
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับลุงเย็นนะ...
ถ้าจะอยู่กับญาติโยมเป็นกำลังใจญาติโยมไม่เป็นไรหรอก
แต่ถึงกับเป็นแกนนำเนี่ยดูจะมากเกินไป
- ตะนิ่นตาญี, NightMare, เมรีสีน้ำเงิน and 4 others like this
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
#9
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:33
ผมเห็นด้วยกับจขกท.ครับ นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์
ถ้าท่านลดบทบาทลงเป็นผู้ให้นำแนะนำที่ถูกที่ควรกับผู้ชุมนุม
ปล่อยให้คนการเมืองเป็นฝ่ายนำ
จะงดงามกว่านี้ครับ
- Bayonet, spectator, V.Junior for Vendetta and 4 others like this
#10
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:36
พระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์จัดการประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่สอง เรียกร้องให้ทางการพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง และยุติการทำสงครามปราบปรามชนกลุ่มน้อย พร้อมจัดการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นเสนอต่อประธานาธิบดีพม่า โดยที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่เข้าห้ามปรามการชุมนุม มีเพียงพระผู้ใหญ่ที่พยายามห้ามเท่านั้น พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงเมื่อ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่เมืองมัณฑะเลย์ ที่มา: Irrawaddy/Mandalay Breeze หนังสือพิมพ์อิระวดี รายงานว่า พระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ได้ประท้วงรัฐบาลตั้งแต่วันอังคาร (15 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยการประท้วงดำเนินต่อกันมาจนถึงวันนี้ (16 พ.ย.) ขณะที่พระชั้นผู้ใหญ่พยยามห้ามปรามพระสงฆ์ไม่ให้ประท้วงภายในวัด ทั้งนี้การประท้วงเกิดขึ้นในอาคารบริเวณวัดมหาเมียตมุนี ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมือง โดยพระสงฆ์ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัย และเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยุติการใช้ทหารปราบปรามชนกลุ่มน้อย และเพิ่มขยายเสรีภาพในการแสดงออกในพม่า มากกว่านั้นพระสงฆ์ยังได้แขวนโปสเตอร์ที่กำแพงเป็นคำขวัญทางการเมืองเป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า ขณะเดียวกันพระสงฆ์อาวุโสในวัดได้อ้างคำสั่งของทางการ และเรียกร้องให้พระสงฆ์หนุ่มยอมลงมาจากอาคาร ขณะที่ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันอังคารพระสงฆ์หนุ่มที่จัดการประท้วงยอมทำตามข้อเรียกร้อง โดยย้ายการชุมนุมไปที่วัดแห่งอื่นและอยู่หน้าวัดด้งกล่าวเพื่อปักหลักประท้วง พระอูมากา หนึ่งในห้าพระสงฆ์ที่จัดการประท้วงบอกผู้สื่อข่าว \อิระวดี\" ว่า เมื่อเวลา 13.00 - 14.00 น. วันนี้ พวกเขาได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศข้อเสนอทางการเมืองอีกครั้ง เขากล่าวว่าพวกเขาจะประท้วงต่อไปจนกว่าจะมีการทำตามข้อเรียกร้อง ทั้งนี้มีประชาชนราว 500 คนยืนฟังการประท้วง มีคนจำนวนมากที่ลงชื่อท้ายข้อเรียกร้องของพระสงฆ์ซึ่งข้อเรียกร้องนี้จะยื่นต่อประธานาธิบดีเต็งเส่ง พระอูมากาบอกด้วยว่า พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของวัดที่พวกเขาย้ายมาประท้วง ได้แจ้งว่าสิ่งที่พวกเขากระทำไม่อยู่ในวินัยสงฆ์ และเรียกร้องให้พวกเขาย้ายไปประท้วงที่อื่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลในเมืองมัณฑะเลย์ยังไม่ได้กระทำการแทรกแซงใดๆ ต่อการประท้วง มีเพียงพระสงฆ์ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงมาจัดการเรื่องนี้ ทั้งนี้อาจเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยการประท้วงของพระสงฆ์เมื่อปี 2550 การประท้วงลุกลามหลังจากพระสงฆ์ที่เมืองป่าโคะกู่ในภาคกลางของพม่าเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเสมือน \"รัฐบาลพลเรือน\" ของพม่าดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็ทำสงครามกับชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่นและยังคงมีการควบคุมตัวนักโทษการเมือง"
เป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาต้องทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำประชาชน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หัวหน้าบาทหลวง ออสการ์ ครูซ ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาคนสำคัญของฟิลิปปินส์ แถลงข่าวว่า สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกฟิลิปปินส์ (CBCP: Catholic Bishop Conference of the Philippines) ขอร่วมภาวนาให้ประชาชนผู้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบสันติ และขอให้ประชาชนออกมาแสดงพลัง เพื่อทวงถาม ‘สัจจะ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ’ ต่อไป
ชาว คาทอลิกจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมตามโบสถ์เพื่อสวดภาวนาให้รัฐบาลแสดงความรับ ผิดชอบเรื่องคดีทุจริตซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ตอนนี้
ขณะเดียวกัน โบสถ์คาทอลิกหลายแห่งซึ่งเป็นเึครือข่ายของสภาประมุขฯ ได้ก่อตั้ง ‘ศูนย์แห่งสัจจะ’ หรือ Truth Center ขึ้น เพื่อรับเรื่องจากประชาชนที่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในคดีทุจริตใน โครงการสื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารรัฐบาลของ ปธน.อาร์โรโยด้วย
การประกาศจุดยืนว่า ‘ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล’ ของสภาประมุขฯ ทำให้โฆษกรัฐบาลกล่าวเตือนว่า ขอบเขตของผู้นำศาสนาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องการเมือง และไม่ควร ‘บ่มเพาะความเกลียดชัง’ ลงไปในจิตใจประชาชน ซึ่งการออกโรงเตือนครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าพลังประชาชนทั้ง 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองฟิลิปปินส์ที่ผ่านมา บาทหลวงโรมันคาทอลิกมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้ผู้ประชาชนออกมารวมตัว กันจนสามารถล้มรัฐบาลได้
สำหรับครั้งนี้ หัวหน้าบาทหลวงระดับอาวุโส เอนเจิล ลักดาเมโอ ได้ออกแถลงการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังประชาชนครั้งใหม่ เพื่อ ‘ชำระ’ ความทุจริตและอยุติธรรมในสังคม และประกาศยอมรับว่า การที่บาทหลวงคาทอลิก ‘โน้มน้าว’ ให้ประชาชนออกมาแสดงพลังในปี 2544 เพื่อขับไล่โจเซฟ เอสตราดา ลงจากตำแหน่ง เป็นผลให้ประธานาธิบดีคนใหม่ก้าวเข้าสู่รัฐบาล และกลับกลายเป็นว่า ประธานาธิบดีผู้นั้นเป็น ‘ผู้นำที่ฉ้อฉลที่สุด’ สภาประมุขฯ จึงขอให้ “ประชาชนเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มาสู่ฟิลิปปินส์” อีกครั้ง
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอไม่ได้จำเพาะเจาะจงเพียงแค่ ปธน.กลอเรีย แมคคาปากัล อาร์โรโย หรือ GMA เพียงลำพัง แต่รวมถึงกระบวนการทุจริตที่เชื่อมโยงไปถึง โฮเซ่ มิเกล อาร์โรโย สามีของเธอด้วย เขาจึงเรียกร้องให้ชาวฟิิลิปปินส์สนับสนุน โรดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตข้าราชการฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเรียกร้องสินบน และนายโลซาดา หรือ ‘จุน’ ได้ให้การเพิ่มเติมด้วยว่า สามีของ ปธน.อาร์โรโยก็เกี่ยวข้องกับการติดสินก้อนมหึมานี้
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอกล่าวว่า ‘โลซาดาคือผู้กล้าหาญ’ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อเปิดโปงความชั่วร้าย คำกล่าวเช่นนี้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ชาวคาทอลิกจำนวนมากออกมาเป็นแนวร่วม บนท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งสะสางคดีนี้โดยเร็วที่สุด
โดย เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
บิ ชอปแห่งคริสตจักรโรมัน คาทอลิก ผู้ทรงอิทธิพลในฟิลิปปินส์ ประกาศสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสองคน ซึ่งเปิดโปงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การทุจริตอย่างมโหฬารในรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย พร้อมกันนั้น ยังเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามในการเปิดเผยข้อเท็จจริง
ทั้ง นี้ ในที่ประชุมของบิชอป คาทอลิกแห่งฟิลิปปินส์ ยกย่องนายโฮเซ เดอ เวเนเซีย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายรูดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตที่ปรึกษารัฐบาล ที่นำเรื่องราวการทุจริตในรัฐบาล มาเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งเกี่ยวโยงถึงนายไมค์ อาร์โรโย สามีของประธานาธิบดีอาร์โรโย
ด้านอาร์คบิชอปแองเจล แลคดาเมโอ ผู้นำกลุ่มบิชอปฟิลิปปินส์ กล่าวถึงนายเดอ เวเนเซีย กับนายโลซาดาว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญ ในการเปิดโปงการทุจริตและรับสินบนในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และว่า ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาวะการถูกครอบงำด้วยการทุจริตของผู้คนในรัฐบาลมาอย่าง ยาวนาน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามของคาทอลิก ในการเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทุจริต
อนึ่ง คริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในฟิลิปปินส์ และมีส่วนสำคัญในการโค่นล้มอดีตผู้นำมาแล้วสองคนคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส กับโจเซฟ เอสตราดา.
*อยากให้ จข กท อ่านและพิจารณาให้ดีๆ ตราบใดที่ประชาชนในประเทศเดือดร้อน ทุกข์ยากจากรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
- โลกสวยงาม, TypeYourMind, sorrow and 4 others like this
อย่าให้ความชั่วร้ายครอบงำเรา จนไม่รู้จักผิดชอบดีชั่ว
#11
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:37
ถ้าไม่ได้ไปทำสิ่งเลวร้าย ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนครับ
ชีวิตใครก็ชีวิตคนนั้น
ถ้าตระหนักถึงผลที่อาจตามมาแล้ว ทำสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าถูกต้อง ก็ทำไป
หลังจากนั้นมหาเถรสมาคมจะทำยังไง ก็ทำตามกฎระเบียบกันไป
- nhum, ชาวสวน, เชียร์คนดี and 4 others like this
ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง
#12
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:39
บอกตรงๆ ไม่ชอบเลยที่หลวงปู่พุทธอิสระมานำม็อบ
ไม่ลองไปนอนค้างคืน แบบรองปลัดก.ยุติธรรมดูล่ะ ลองซักคืนก็ได้ ไม่ต้องถึง 2 คืนหรอก
Edited by Stargate-1, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 19:14.
- 134340 and ซีมั่น โลช่า like this
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#13
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:40
POPULAR
ต้องลองตั้งคำถามกับตัวเองดูก่อนว่า
1. ดาไลลามะ ใช่พุทธหรือไม่? ถ้าใช่..ไป 2 // ถ้าไม่ใช่..ไป 2
2. องค์ศาสดาแห่งศากยวงศ์ใช่พุทธหรือไม่? ถ้าใช่..ไป 3 // ถ้าไม่ใช่..ไป 6
3. การที่องค์ตถาคตแห่งศากยวงศ์ทรงลงแรง ห้ามพระญาติไม่ให้เปิดศึกชิงแหล่งน้ำ นั่นใช่การเมืองหรือไม่? ถ้าใช่..ไป 4 // ถ้าไม่ใช่..ไป 6
4. รัฐบาล-คนชั่ว-ฆาตกรเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเอง ทั้งทางการเมือง-การปกครอง-และหมายมั่นผลาญชีวิต เป็นความชั่ว? รู้เห็นว่าชั่วแล้วนิ่งเฉย ใช่ตัวเองเป็นคนชั่วด้วยหรือไม่ ถ้าใช่..ไป 6 // ถ้าไม่ใช่..ไป 5
5. การที่สงฆ์หรือตัวแทนสัญลักษณ์แห่งความดี มาปราม มาสั่งสอน คนชั่วให้กลับตัว คนร้ายให้กลับใจ หรือแม้กระทั้งขับไล่อริราชศัตรู หาใช่การทำความชั่วหรือเกินเลยกิจของสงฆ์ดอก การทนนิ่งเฉยต่อความชั่วตรงหน้า ย่อมไม่ต่างจากการที่ตัวเองลงมือทำชั่วเสียเอง และก็เช่นกัน การที่มีอริราชศัตรูมารุกราน ผลาญถิ่น หากถึงขั้นทหารนายสุดท้ายแดดิ้นลงไปแล้ว ให้สงฆ์เพิกเฉยก็คงมิใช่ ย่อมต้องออกไปร่วมต่อสู้ด้วยวิถีปัจเจก แม้รู้ว่าต้องทุศีลบางข้อแต่ยังรักษาธรรมอยู่ ก็ไม่ถึงขั้นอาบัติปาราชิกดอก ...ผู้เจริญ
6. ตถาคตก็สึกไปเถอะ เพราะการยับยั้งความชั่วตรงหน้า มิใช่ความชอบธรรมที่จะครองสมณสารูปแล้ว ไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่ศาสนิกเข้าใจ ถือครอง ถือคติ หรือที่เรียกว่า หลงในรูป นั่นแล ...เอวัง
#14
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:42
ผมก็เห็นด้วยนะครับ ว่าไม่น่าจะมานำ เพราะม๊อบมันมีปัญหามากมายทางโลก
ท่านน่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือ อยู่ในม็อบได้แต่ไม่ต้องนำขบวนไปใหน
- เมรีสีน้ำเงิน and ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ like this
#16
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:44
เห็นด้วยกับหลวงปู่ ท่านไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เราฝ่ายดี
- ซีมั่น โลช่า and joonkung like this
#17
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:45
POPULAR
ผมเคยคิดแบบนี้ ตอนที่เห็นท่านหลวงปู่ออกมาครั้งแรกครับ
แต่ตอนนี้ผมมีหลายเหตุผล ที่มาสนับสนุนตัวเอง ไม่ให้ไปตำหนิท่าน (ขอไม่เอ่ยตรงนี้ครับ)
- ชาวสวน, คุณฉงน, itsorachai and 7 others like this
#18
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:47
"Imagination is more important than knowledge"
"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
#19
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:48
ยิ่งมีพระมานำยิ่งมีแต่จะสันติอหิงสา แต่อาจจะต้องสู้นานหลายปี เหมือนของคานธี (ส่วนพระแดงถือไม้หน้าสาม อันนั้นคือพระที่ไม่ดี มันคนละอย่างกัน ต้องแยกอยะให้ดีครับ)
#20
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:54
ผมเคยคิดแบบนี้ ตอนที่เห็นท่านหลวงปู่ออกมาครั้งแรกครับ
แต่ตอนนี้ผมมีหลายเหตุผล ที่มาสนับสนุนตัวเอง ไม่ให้ไปตำหนิท่าน (ขอไม่เอ่ยตรงนี้ครับ)
เห็นตรงกันกับผมครับท่าน ผมเคยสัมผัสอยู่ในนั้นนานพอควร และรู้ดีว่าในนั้นมันมีอะไรเกินกว่าหลายคนจะเข้าใจ ผมจึงเข้าใจ หลวงปู่ท่าน ...เท่านี้ครับ ละไว้ในที่เข้วใจ
- เสือยิ้มยาก, ตะนิ่นตาญี, รักษ์ธรรม and 3 others like this
#21
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:03
POPULAR
ดิฉันก็เคยตั้งกระทู้เหมือนกับ จขกท เลย เรื่องท่านพุทธอิสระคือไม่เห้นด้วยมาแล้วเช่นกันค่ะ
แต่ ณ เวลา นี้ ความรู้สึกของดิฉันแปรเป็นสงสารและเห็นใจท่านเป็นอย่างมาก
เวที แจ้งวัฒนะดูโดดเดี่ยวและแยกออกไปต่างหากจาก ม็อบอื่นเลย
ท่านยังปักหลักเป็นแกนนำมวลชนอยุ่อย่างไม่ย่อท้อ แม้เหตุการณ์รุนแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ก็เกิดบริเวณนั้น
ดิฉันอยากให้มีแกนนำคนอื่นที่มีพาวเวอร์ไปช่วยท่านด้วยเถอะค่ะ ..เห้นใจท่านมากเลย
ปล ในใจลึกๆๆก็ยังไม่อยากให้ท่านออกหน้าขนาดนี้อยู่ดีค่ะ
- b..., เสือยิ้มยาก, spectator and 11 others like this
#22
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:08
POPULAR
คงงดออกความเห็นในเรื่องนี้ ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร
แต่ให้ข้อคิดไว้ว่า
ในช่วงเวลานี้ ณ จุดที่อยู่นั้น จะหาใครมีบุญ - บารมี ที่จะนำคนได้เท่ากับหลวงพ่อ
ใครที่จะพูด คำเดียว แล้วทุกๆ คน ในที่นั้นรับฟังแล้วทำตาม
ในครั้งอดีต พระคุณเจ้าหลายๆ รูป ก็ได้เคยช่วยชาติบ้านเมืองกันมาแล้วทั้งนั้น
พระที่ช่วยบ้านเมือง ทำนุบำรุงศาสนาไปพร้อมกัน
กับพระที่นั่งงอมืองอเท้ามองดูความเสื่อมไปของศาสนา
วันๆ รอแต่จะให้ญาติโยมและพระที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเอาลาภสักการะมาถวาย
ใครมีค่ามากกว่ากัน
อยากให้ท่านถอนตัวออกมา ก็ต้องหาคนที่มีค่าเท่ากัน ไปนำตรงนั้นแทน แล้วใครจะนำ
- โลกสวยงาม, istyle, เสือยิ้มยาก and 33 others like this
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#23
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:12
POPULAR
...ศาสนา...กับ...การเมือง...เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก...ตั้งแต่โบราณ...ทั่วโลก...
...อย่าคิดว่าไม่เกี่ยว...ประวัติศาสตร์ไทย...พระดังๆ...หลายรูป...ล้วนเกี่ยวข้องกับ...สงคราม...เพื่อรักษาบ้านเมือง...
...ถ้า...พุทธอิสระ...ยังคงปฏิบัตดี...ปฏิบัติชอบ...อยู่ในวินัยที่ดีของสงฆ์...ที่ทำทั้งหมด...มาจาก...ความรักชาติ...ศาสนา...ด้วยใจที่บริสุทธิ์...
...ไม่มีอะไรที่น่าตำหนิ...เราควรให้กำลังใจ...ดีกว่า...พระ...หลายๆรูป...ที่มัวเมากับการ...พาณิชย์...
#24
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:14
#25
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:16
บอกตรงๆ ไม่ชอบเลยที่หลวงปู่พุทธอิสระมานำม็อบ
หลายๆคนคงรู้อยู่แล้วว่าผมสีไหนข้างไหน เพราะผมเลือกข้างมานานแล้ว ผมไม่เคยเป็นกลาง
แต่ผมบอกตรงๆ ผมไม่ค่อยชอบที่หลวงปู่ท่านมายุ่งกับม็อบ
คือผมเข้าใจนะว่าท่านก็ทำไปเพราะท่านห่วงประเทศ ท่านรักชาติ
แต่มันไม่ใช่กิจของสงฆ์อะ มันไม่งาม
ไม่รู้ดิ ผมคิดไปเองมั้ง
ถูกต้องทุกประการขอรับ เรื่องการศึก การชุมนุมพระตถาคตตรัสเป็นวินัยชัดเจน... ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยว... แต่ไม่ใช่อาบัติถึงขั้นปาราชิก ถ้าท่านไม่ได้ไปชี้นำให้ใครตาย หรือสั่งใครให้ไปตาย...
ผิดตามธรรมวินัย แต่ไม่ใช่อาบัติหนัก และยิ่งถ้าเทียบกับพวกคนห่มเหลืองอีกหลายตัว หลายสำนักที่ยังเชิดหน้าชูคออยู่ในสังคมสังคังนี่... ก็นับว่าท่านยังดีกว่าในระดับหนึ่งขอรับ...
Edited by wat, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:21.
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, วันศุกร์, พระฤๅษี and 2 others like this
#27
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:35
ในฐานะ พุทธศาสนิกชน ผมก็ไม่สบายใจกับภาพ พระภิกษุ นำมวลชนนะ
ผมก็อยากให้มีแกนนำที่เป็นฆราวาส มานำมวลชน แล้วหลวงปู่ก็ถอยไปอยู่ด้านข้างเป็นผู้นำทางจิตใจด้านศาสนาแทน
อย่าง สันติอโศก แห่งกองทัพธรรม ที่กำหนดบทบาทสถานะตัวเองในฐานะผู้สนับสนุนด้านข้างแค่นั้น
แต่เมื่อมองสถานการณ์ของเวทีแจ้งวัฒนะ ที่ถือเป็นพื้นที่อันตราย เพราะถูกขนาบด้วย แดงนนท์ แดงปทุม และแดงดอนเมือง
ถ้าไม่มีแกนนำที่เป็น "ผู้นำทางจิตวิญญาณที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูง" เวทีแจ้งวัฒนะคงได้ม้วนเสื่อยุบไปนานแล้วล่ะครับ
- TypeYourMind, ชาวสวน, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and 4 others like this
#28
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:41
ในฐานะ พุทธศาสนิกชน
หากนับถือศาสนาพุทธแล้ว ก็ลองดูเรื่องโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ด้วยว่า มีลักษณะอย่างไร ต้องทำตัวอย่างไร
ท่านทำอหิงสาให้ดู อย่าไปเทียบกับอีกฝั่งหนึ่งเลย ไม่ถึงขนาดนี้แน่นอน ไอ้โกตี๋ยังแพ้ภัยตัวเอง ไม่มีที่อยู่บนแผ่นดินไทยเลย
Edited by Stargate-1, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:59.
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#29
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:48
ขอปรบมือชื่นชม จขกท.ครับ ลองถามคนทั่วประเทศเค้าก็คงมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับคุณ
#30
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:51
..... ทุรพจน์..หรือ พุทธวจนะ..?? อโคจร หรือไม่.? อย่างนี้ล่ะ,?
- wat and อาบังคนเหนือ like this
#31
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:51
ในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็มีอยุ๋หลายครั้งที่พระสงฆ์เข้าไปมีบทบาทในการปกป้องบ้านเมือง
เช่นพระครูธรรมโชติในเหตุการณ์บ้านบางระจัน หรือกรณีหลวงพ่อแช่ม (วัดฉลอง) จังหวัดภูเก็ต
ท่านพุทธอิสระ เข้ามานำม็อบเรียกร้องความถูกต้อง ท่านไม่น่าจะผิดนะ
- TypeYourMind, namtanbood, กีรเต้ and 1 other like this
ต่อไปเสียงข้างมากฆ่าคนตายก็ไม่ผิด ตามสบายเลย ยุบได้ทุกศาล ต่อไปให้มีศาลประชาชนไปเลย ถ้าจำเลยฆ่าคนตายก็เอาเสียงข้างมากโหวตกันว่า คนนี้ไม่ต้องรับโทษเพราะเป็นพวกเสียงข้างมากสุดแล้วแต่..วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์
#32
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:01
หลวงปู่พุทธอิสระแสดงตัวชัดเจนในการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ฝ่ายเสื้อดำคิดหนักปวดหัวยิ่งกว่าอภิสิทธิ์เป็นผู้นำม็อบเสียอีก บอกตรงๆ เพราะทุกคนล้วนมี "กรรม" จะดีจะชั่วกรรมนั้นย่อมคือนสนอง ที่สำคัญกรรมไม่กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์
- พิฆาตอสูร, เชียร์คนดี, sorrow and 5 others like this
#33
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:05
ท่านปรารถนาพุทธภูมิ แนวของท่านคือช่วยสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ไม่ว่าจะด้วยวิธียังไง อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับสาวกภูมิครับ แล้วท่านเคยบอกเสมอว่าท่านทนเห็นคนชั่วมันทำชั่วไม่ได้ ท่านต้องจัดการคนชั่วเพื่อช่วยบำรุงคนดี
แนะนำน้าเย็นให้ไปหาหนังสือท่านมาอ่านครับ มีทั้งหนังสือที่ท่านเขียนเองในเรื่องของธรรมะ และหนังสือประสบการณ์ทางวิญญาณที่ลูกหลานเขียนไว้ แล้วจะรู้แนวทาง ปฏิธานของท่านครับ
- ตะนิ่นตาญี, คุณฉงน, กีรเต้ and 2 others like this
#34
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:15
ในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็มีอยุ๋หลายครั้งที่พระสงฆ์เข้าไปมีบทบาทในการปกป้องบ้านเมือง
เช่นพระครูธรรมโชติในเหตุการณ์บ้านบางระจัน หรือกรณีหลวงพ่อแช่ม (วัดฉลอง) จังหวัดภูเก็ต
ท่านพุทธอิสระ เข้ามานำม็อบเรียกร้องความถูกต้อง ท่านไม่น่าจะผิดนะ
...ถ้าจะให้ที่สุด...ของที่สุด...ต้อง...ท่านมหาเถรคันฉ่อง(สมเด็จพระนพรัต)...ฝั่งพม่า..กล่าวหาว่า..กบฎ...แต่ฝั่งไทย...คือท่านสมเด็จ..ที่ทำประโยชน์ให้แก่ชาติ...มากมาย...
Edited by konba555, 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:06.
#35
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:16
เคยไม่ชอบตอนที่ยึดศูนย์ราชการรอบแรก
ท่านนั่งแกว่งพัด ขอไมค์ พูดแทรกกำนันสุเทพบ่อย น่าเกลียดมากตอนนั้น
เคยเล่นทางตรงไปยัง กปปส.บอกให้ระวังทัศนคติอันตรายของหลวงปู่
ตามท่านทุกอย่าง ระวังจะออกเล
พักหลังท่านไม่ค่อยได้ออกทีวี เพียงแต่เรียกร้องนั่นนี่ให้เป็นข่าวบ่อย
แต่ผมยอมท่านแล้ว
ให้ท่านทำเถอะครับ ท่านมาไกลแล้ว
สำนักงานพุทธแห่งเถรวาทอันอ่อนแอก็กำลังจะเล่นงานท่านแล้ว
อีกอย่าง พระในม็อบของ กปปส. ไม่มีเหมือนของเสื้อแดง
ทั้งที่พระแถวใต้ก็หนุน กปปส.สุดตัว
แต่ไม่ได้ออกมาทำอุจาด
เอาเลยหลวงปู่ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว
Edited by Cemeterys, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:17.
- คุณฉงน, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, กีรเต้ and 2 others like this
#36
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:18
ขอปรบมือชื่นชม จขกท.ครับ ลองถามคนทั่วประเทศเค้าก็คงมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับคุณ
ผมถามมึงดีกว่า โต๊ะครูที่ออกมาสนับสนุนการเลือกตั้งใน 3 จชต มันควรทำหรือไม่ควรทำ
ทีหน้าทีหลังจะพูอะไรออกมา อย่าโชว์โง่แบบนี้ คนอย่างมึ-งเป็นได้แค่สมุนแมงดาคุมซ่อง
หรือไม่ก็พวกควายแดงไร้จิตสำนึกตัวหนึ่งเท่านั้น
- เสือยิ้มยาก, sorrow, itsorachai and 2 others like this
อย่าให้ความชั่วร้ายครอบงำเรา จนไม่รู้จักผิดชอบดีชั่ว
#37
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:19
คงงดออกความเห็นในเรื่องนี้ ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร
แต่ให้ข้อคิดไว้ว่า
ในช่วงเวลานี้ ณ จุดที่อยู่นั้น จะหาใครมีบุญ - บารมี ที่จะนำคนได้เท่ากับหลวงพ่อ
ใครที่จะพูด คำเดียว แล้วทุกๆ คน ในที่นั้นรับฟังแล้วทำตาม
ในครั้งอดีต พระคุณเจ้าหลายๆ รูป ก็ได้เคยช่วยชาติบ้านเมืองกันมาแล้วทั้งนั้น
พระที่ช่วยบ้านเมือง ทำนุบำรุงศาสนาไปพร้อมกัน
กับพระที่นั่งงอมืองอเท้ามองดูความเสื่อมไปของศาสนา
วันๆ รอแต่จะให้ญาติโยมและพระที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเอาลาภสักการะมาถวาย
ใครมีค่ามากกว่ากัน
อยากให้ท่านถอนตัวออกมา ก็ต้องหาคนที่มีค่าเท่ากัน ไปนำตรงนั้นแทน แล้วใครจะนำ
กินใจมากเจ้าค่ะ หลวงอา. สนับสนุนโพสท์นี้อย่างที่สุดเจ้าค่ะ
- namtanbood, กีรเต้, ซีมั่น โลช่า and 1 other like this
#38
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:20
ในฐานะแกนนำผมบอกเลยว่าท่านเป็นแกนนำที่อิงธรรมะที่สุดแล้ว มีการสวดมนต์ตอนเย็นทุกวัน เวทีที่ท่านดูแลท่านก็ไม่อนุญาตให้นักการเมืองขึ้นมาพูด
ทั้งการปราศรัยบนเวทีท่านก็กำชับหนักหนาว่าอย่าพูดข้อความอะไรที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง อีกทั้งประเด็นการปฏิรูปท่านก็เน้นแบบชัดเจน
การกำกับควบคุมดูแลผู้ชุมนุมท่านก็ดูแลอย่างเต็มที่ตลอด ท่านเน้นความปลอดภัยของลูกหลานเป็นหลัก ทำให้จนบัดนี้ที่เวทีแจ้งวัฒนะก็ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเลย
ถ้าในเชิงความรู้ความสามารถผมบอกเลยว่าท่านไม่ธรรมดา ประวัติการศึกษาทางโลกท่านจบไม่ถึงป.สี่ แต่มีความรู้มากมายกว้างขวาง ถ้าใครเคยฟังท่านตอบคำถาม
รวมทั้งประวัติของท่าน ว่าท่านเคยทำอะไรมาบ้าง หรือว่าลองไปสัมผัสท่านด้วยตัวเองที่ม็อบซักคืนสองคืน ท่านจะเข้าใจเจตนารมณ์ของท่านมากขึ้นครับ
- โลกสวยงาม, คุณฉงน, ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ and 6 others like this
#39
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:34
POPULAR
พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงรัฐบาล-เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองพระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์จัดการประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่สอง เรียกร้องให้ทางการพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง และยุติการทำสงครามปราบปรามชนกลุ่มน้อย พร้อมจัดการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นเสนอต่อประธานาธิบดีพม่า โดยที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่เข้าห้ามปรามการชุมนุม มีเพียงพระผู้ใหญ่ที่พยายามห้ามเท่านั้น พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงเมื่อ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่เมืองมัณฑะเลย์ ที่มา: Irrawaddy/Mandalay Breeze หนังสือพิมพ์อิระวดี รายงานว่า พระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ได้ประท้วงรัฐบาลตั้งแต่วันอังคาร (15 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยการประท้วงดำเนินต่อกันมาจนถึงวันนี้ (16 พ.ย.) ขณะที่พระชั้นผู้ใหญ่พยยามห้ามปรามพระสงฆ์ไม่ให้ประท้วงภายในวัด ทั้งนี้การประท้วงเกิดขึ้นในอาคารบริเวณวัดมหาเมียตมุนี ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมือง โดยพระสงฆ์ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัย และเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยุติการใช้ทหารปราบปรามชนกลุ่มน้อย และเพิ่มขยายเสรีภาพในการแสดงออกในพม่า มากกว่านั้นพระสงฆ์ยังได้แขวนโปสเตอร์ที่กำแพงเป็นคำขวัญทางการเมืองเป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า ขณะเดียวกันพระสงฆ์อาวุโสในวัดได้อ้างคำสั่งของทางการ และเรียกร้องให้พระสงฆ์หนุ่มยอมลงมาจากอาคาร ขณะที่ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันอังคารพระสงฆ์หนุ่มที่จัดการประท้วงยอมทำตามข้อเรียกร้อง โดยย้ายการชุมนุมไปที่วัดแห่งอื่นและอยู่หน้าวัดด้งกล่าวเพื่อปักหลักประท้วง พระอูมากา หนึ่งในห้าพระสงฆ์ที่จัดการประท้วงบอกผู้สื่อข่าว \อิระวดี\" ว่า เมื่อเวลา 13.00 - 14.00 น. วันนี้ พวกเขาได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศข้อเสนอทางการเมืองอีกครั้ง เขากล่าวว่าพวกเขาจะประท้วงต่อไปจนกว่าจะมีการทำตามข้อเรียกร้อง ทั้งนี้มีประชาชนราว 500 คนยืนฟังการประท้วง มีคนจำนวนมากที่ลงชื่อท้ายข้อเรียกร้องของพระสงฆ์ซึ่งข้อเรียกร้องนี้จะยื่นต่อประธานาธิบดีเต็งเส่ง พระอูมากาบอกด้วยว่า พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของวัดที่พวกเขาย้ายมาประท้วง ได้แจ้งว่าสิ่งที่พวกเขากระทำไม่อยู่ในวินัยสงฆ์ และเรียกร้องให้พวกเขาย้ายไปประท้วงที่อื่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลในเมืองมัณฑะเลย์ยังไม่ได้กระทำการแทรกแซงใดๆ ต่อการประท้วง มีเพียงพระสงฆ์ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงมาจัดการเรื่องนี้ ทั้งนี้อาจเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยการประท้วงของพระสงฆ์เมื่อปี 2550 การประท้วงลุกลามหลังจากพระสงฆ์ที่เมืองป่าโคะกู่ในภาคกลางของพม่าเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเสมือน \"รัฐบาลพลเรือน\" ของพม่าดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็ทำสงครามกับชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่นและยังคงมีการควบคุมตัวนักโทษการเมือง"
คริสตจักรคาทอลิกกับการต่อต้านรัฐบาลของ "อาโรโย่"เป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาต้องทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำประชาชน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หัวหน้าบาทหลวง ออสการ์ ครูซ ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาคนสำคัญของฟิลิปปินส์ แถลงข่าวว่า สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกฟิลิปปินส์ (CBCP: Catholic Bishop Conference of the Philippines) ขอร่วมภาวนาให้ประชาชนผู้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบสันติ และขอให้ประชาชนออกมาแสดงพลัง เพื่อทวงถาม ‘สัจจะ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ’ ต่อไป
ชาว คาทอลิกจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมตามโบสถ์เพื่อสวดภาวนาให้รัฐบาลแสดงความรับ ผิดชอบเรื่องคดีทุจริตซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ตอนนี้
ขณะเดียวกัน โบสถ์คาทอลิกหลายแห่งซึ่งเป็นเึครือข่ายของสภาประมุขฯ ได้ก่อตั้ง ‘ศูนย์แห่งสัจจะ’ หรือ Truth Center ขึ้น เพื่อรับเรื่องจากประชาชนที่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในคดีทุจริตใน โครงการสื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารรัฐบาลของ ปธน.อาร์โรโยด้วย
การประกาศจุดยืนว่า ‘ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล’ ของสภาประมุขฯ ทำให้โฆษกรัฐบาลกล่าวเตือนว่า ขอบเขตของผู้นำศาสนาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องการเมือง และไม่ควร ‘บ่มเพาะความเกลียดชัง’ ลงไปในจิตใจประชาชน ซึ่งการออกโรงเตือนครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าพลังประชาชนทั้ง 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองฟิลิปปินส์ที่ผ่านมา บาทหลวงโรมันคาทอลิกมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้ผู้ประชาชนออกมารวมตัว กันจนสามารถล้มรัฐบาลได้
สำหรับครั้งนี้ หัวหน้าบาทหลวงระดับอาวุโส เอนเจิล ลักดาเมโอ ได้ออกแถลงการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังประชาชนครั้งใหม่ เพื่อ ‘ชำระ’ ความทุจริตและอยุติธรรมในสังคม และประกาศยอมรับว่า การที่บาทหลวงคาทอลิก ‘โน้มน้าว’ ให้ประชาชนออกมาแสดงพลังในปี 2544 เพื่อขับไล่โจเซฟ เอสตราดา ลงจากตำแหน่ง เป็นผลให้ประธานาธิบดีคนใหม่ก้าวเข้าสู่รัฐบาล และกลับกลายเป็นว่า ประธานาธิบดีผู้นั้นเป็น ‘ผู้นำที่ฉ้อฉลที่สุด’ สภาประมุขฯ จึงขอให้ “ประชาชนเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มาสู่ฟิลิปปินส์” อีกครั้ง
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอไม่ได้จำเพาะเจาะจงเพียงแค่ ปธน.กลอเรีย แมคคาปากัล อาร์โรโย หรือ GMA เพียงลำพัง แต่รวมถึงกระบวนการทุจริตที่เชื่อมโยงไปถึง โฮเซ่ มิเกล อาร์โรโย สามีของเธอด้วย เขาจึงเรียกร้องให้ชาวฟิิลิปปินส์สนับสนุน โรดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตข้าราชการฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเรียกร้องสินบน และนายโลซาดา หรือ ‘จุน’ ได้ให้การเพิ่มเติมด้วยว่า สามีของ ปธน.อาร์โรโยก็เกี่ยวข้องกับการติดสินก้อนมหึมานี้
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอกล่าวว่า ‘โลซาดาคือผู้กล้าหาญ’ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อเปิดโปงความชั่วร้าย คำกล่าวเช่นนี้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ชาวคาทอลิกจำนวนมากออกมาเป็นแนวร่วม บนท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งสะสางคดีนี้โดยเร็วที่สุด
คาทอลิกฟิลิปปินส์หนุนประชาชนให้ช่วยกันเปิดโปงรัฐบาลทุจริต
โดย เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551บิ ชอปแห่งคริสตจักรโรมัน คาทอลิก ผู้ทรงอิทธิพลในฟิลิปปินส์ ประกาศสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสองคน ซึ่งเปิดโปงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การทุจริตอย่างมโหฬารในรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย พร้อมกันนั้น ยังเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามในการเปิดเผยข้อเท็จจริง
ทั้ง นี้ ในที่ประชุมของบิชอป คาทอลิกแห่งฟิลิปปินส์ ยกย่องนายโฮเซ เดอ เวเนเซีย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายรูดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตที่ปรึกษารัฐบาล ที่นำเรื่องราวการทุจริตในรัฐบาล มาเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งเกี่ยวโยงถึงนายไมค์ อาร์โรโย สามีของประธานาธิบดีอาร์โรโย
ด้านอาร์คบิชอปแองเจล แลคดาเมโอ ผู้นำกลุ่มบิชอปฟิลิปปินส์ กล่าวถึงนายเดอ เวเนเซีย กับนายโลซาดาว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญ ในการเปิดโปงการทุจริตและรับสินบนในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และว่า ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาวะการถูกครอบงำด้วยการทุจริตของผู้คนในรัฐบาลมาอย่าง ยาวนาน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามของคาทอลิก ในการเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทุจริต
อนึ่ง คริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในฟิลิปปินส์ และมีส่วนสำคัญในการโค่นล้มอดีตผู้นำมาแล้วสองคนคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส กับโจเซฟ เอสตราดา.*อยากให้ จข กท อ่านและพิจารณาให้ดีๆ ตราบใดที่ประชาชนในประเทศเดือดร้อน ทุกข์ยากจากรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ลืมกดไล้ค์
Edited by กีรเต้, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:34.
- ตะนิ่นตาญี, juemmy, itsorachai and 7 others like this
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#40
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:47
พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงรัฐบาล-เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองพระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์จัดการประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่สอง เรียกร้องให้ทางการพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง และยุติการทำสงครามปราบปรามชนกลุ่มน้อย พร้อมจัดการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นเสนอต่อประธานาธิบดีพม่า โดยที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่เข้าห้ามปรามการชุมนุม มีเพียงพระผู้ใหญ่ที่พยายามห้ามเท่านั้น พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงเมื่อ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่เมืองมัณฑะเลย์ ที่มา: Irrawaddy/Mandalay Breeze หนังสือพิมพ์อิระวดี รายงานว่า พระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ได้ประท้วงรัฐบาลตั้งแต่วันอังคาร (15 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยการประท้วงดำเนินต่อกันมาจนถึงวันนี้ (16 พ.ย.) ขณะที่พระชั้นผู้ใหญ่พยยามห้ามปรามพระสงฆ์ไม่ให้ประท้วงภายในวัด ทั้งนี้การประท้วงเกิดขึ้นในอาคารบริเวณวัดมหาเมียตมุนี ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมือง โดยพระสงฆ์ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัย และเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยุติการใช้ทหารปราบปรามชนกลุ่มน้อย และเพิ่มขยายเสรีภาพในการแสดงออกในพม่า มากกว่านั้นพระสงฆ์ยังได้แขวนโปสเตอร์ที่กำแพงเป็นคำขวัญทางการเมืองเป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า ขณะเดียวกันพระสงฆ์อาวุโสในวัดได้อ้างคำสั่งของทางการ และเรียกร้องให้พระสงฆ์หนุ่มยอมลงมาจากอาคาร ขณะที่ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันอังคารพระสงฆ์หนุ่มที่จัดการประท้วงยอมทำตามข้อเรียกร้อง โดยย้ายการชุมนุมไปที่วัดแห่งอื่นและอยู่หน้าวัดด้งกล่าวเพื่อปักหลักประท้วง พระอูมากา หนึ่งในห้าพระสงฆ์ที่จัดการประท้วงบอกผู้สื่อข่าว \อิระวดี\" ว่า เมื่อเวลา 13.00 - 14.00 น. วันนี้ พวกเขาได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศข้อเสนอทางการเมืองอีกครั้ง เขากล่าวว่าพวกเขาจะประท้วงต่อไปจนกว่าจะมีการทำตามข้อเรียกร้อง ทั้งนี้มีประชาชนราว 500 คนยืนฟังการประท้วง มีคนจำนวนมากที่ลงชื่อท้ายข้อเรียกร้องของพระสงฆ์ซึ่งข้อเรียกร้องนี้จะยื่นต่อประธานาธิบดีเต็งเส่ง พระอูมากาบอกด้วยว่า พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของวัดที่พวกเขาย้ายมาประท้วง ได้แจ้งว่าสิ่งที่พวกเขากระทำไม่อยู่ในวินัยสงฆ์ และเรียกร้องให้พวกเขาย้ายไปประท้วงที่อื่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลในเมืองมัณฑะเลย์ยังไม่ได้กระทำการแทรกแซงใดๆ ต่อการประท้วง มีเพียงพระสงฆ์ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงมาจัดการเรื่องนี้ ทั้งนี้อาจเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยการประท้วงของพระสงฆ์เมื่อปี 2550 การประท้วงลุกลามหลังจากพระสงฆ์ที่เมืองป่าโคะกู่ในภาคกลางของพม่าเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเสมือน \"รัฐบาลพลเรือน\" ของพม่าดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็ทำสงครามกับชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่นและยังคงมีการควบคุมตัวนักโทษการเมือง"
คริสตจักรคาทอลิกกับการต่อต้านรัฐบาลของ "อาโรโย่"เป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาต้องทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำประชาชน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หัวหน้าบาทหลวง ออสการ์ ครูซ ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาคนสำคัญของฟิลิปปินส์ แถลงข่าวว่า สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกฟิลิปปินส์ (CBCP: Catholic Bishop Conference of the Philippines) ขอร่วมภาวนาให้ประชาชนผู้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบสันติ และขอให้ประชาชนออกมาแสดงพลัง เพื่อทวงถาม ‘สัจจะ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ’ ต่อไป
ชาว คาทอลิกจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมตามโบสถ์เพื่อสวดภาวนาให้รัฐบาลแสดงความรับ ผิดชอบเรื่องคดีทุจริตซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ตอนนี้
ขณะเดียวกัน โบสถ์คาทอลิกหลายแห่งซึ่งเป็นเึครือข่ายของสภาประมุขฯ ได้ก่อตั้ง ‘ศูนย์แห่งสัจจะ’ หรือ Truth Center ขึ้น เพื่อรับเรื่องจากประชาชนที่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในคดีทุจริตใน โครงการสื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารรัฐบาลของ ปธน.อาร์โรโยด้วย
การประกาศจุดยืนว่า ‘ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล’ ของสภาประมุขฯ ทำให้โฆษกรัฐบาลกล่าวเตือนว่า ขอบเขตของผู้นำศาสนาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องการเมือง และไม่ควร ‘บ่มเพาะความเกลียดชัง’ ลงไปในจิตใจประชาชน ซึ่งการออกโรงเตือนครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าพลังประชาชนทั้ง 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองฟิลิปปินส์ที่ผ่านมา บาทหลวงโรมันคาทอลิกมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้ผู้ประชาชนออกมารวมตัว กันจนสามารถล้มรัฐบาลได้
สำหรับครั้งนี้ หัวหน้าบาทหลวงระดับอาวุโส เอนเจิล ลักดาเมโอ ได้ออกแถลงการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังประชาชนครั้งใหม่ เพื่อ ‘ชำระ’ ความทุจริตและอยุติธรรมในสังคม และประกาศยอมรับว่า การที่บาทหลวงคาทอลิก ‘โน้มน้าว’ ให้ประชาชนออกมาแสดงพลังในปี 2544 เพื่อขับไล่โจเซฟ เอสตราดา ลงจากตำแหน่ง เป็นผลให้ประธานาธิบดีคนใหม่ก้าวเข้าสู่รัฐบาล และกลับกลายเป็นว่า ประธานาธิบดีผู้นั้นเป็น ‘ผู้นำที่ฉ้อฉลที่สุด’ สภาประมุขฯ จึงขอให้ “ประชาชนเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มาสู่ฟิลิปปินส์” อีกครั้ง
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอไม่ได้จำเพาะเจาะจงเพียงแค่ ปธน.กลอเรีย แมคคาปากัล อาร์โรโย หรือ GMA เพียงลำพัง แต่รวมถึงกระบวนการทุจริตที่เชื่อมโยงไปถึง โฮเซ่ มิเกล อาร์โรโย สามีของเธอด้วย เขาจึงเรียกร้องให้ชาวฟิิลิปปินส์สนับสนุน โรดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตข้าราชการฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเรียกร้องสินบน และนายโลซาดา หรือ ‘จุน’ ได้ให้การเพิ่มเติมด้วยว่า สามีของ ปธน.อาร์โรโยก็เกี่ยวข้องกับการติดสินก้อนมหึมานี้
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอกล่าวว่า ‘โลซาดาคือผู้กล้าหาญ’ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อเปิดโปงความชั่วร้าย คำกล่าวเช่นนี้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ชาวคาทอลิกจำนวนมากออกมาเป็นแนวร่วม บนท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งสะสางคดีนี้โดยเร็วที่สุด
คาทอลิกฟิลิปปินส์หนุนประชาชนให้ช่วยกันเปิดโปงรัฐบาลทุจริต
โดย เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551บิ ชอปแห่งคริสตจักรโรมัน คาทอลิก ผู้ทรงอิทธิพลในฟิลิปปินส์ ประกาศสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสองคน ซึ่งเปิดโปงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การทุจริตอย่างมโหฬารในรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย พร้อมกันนั้น ยังเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามในการเปิดเผยข้อเท็จจริง
ทั้ง นี้ ในที่ประชุมของบิชอป คาทอลิกแห่งฟิลิปปินส์ ยกย่องนายโฮเซ เดอ เวเนเซีย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายรูดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตที่ปรึกษารัฐบาล ที่นำเรื่องราวการทุจริตในรัฐบาล มาเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งเกี่ยวโยงถึงนายไมค์ อาร์โรโย สามีของประธานาธิบดีอาร์โรโย
ด้านอาร์คบิชอปแองเจล แลคดาเมโอ ผู้นำกลุ่มบิชอปฟิลิปปินส์ กล่าวถึงนายเดอ เวเนเซีย กับนายโลซาดาว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญ ในการเปิดโปงการทุจริตและรับสินบนในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และว่า ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาวะการถูกครอบงำด้วยการทุจริตของผู้คนในรัฐบาลมาอย่าง ยาวนาน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามของคาทอลิก ในการเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทุจริต
อนึ่ง คริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในฟิลิปปินส์ และมีส่วนสำคัญในการโค่นล้มอดีตผู้นำมาแล้วสองคนคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส กับโจเซฟ เอสตราดา.*อยากให้ จข กท อ่านและพิจารณาให้ดีๆ ตราบใดที่ประชาชนในประเทศเดือดร้อน ทุกข์ยากจากรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ลืมกดไล้ค์
เข้าทำนองว่า บ้านกับวัด ขัดกันก็บรรลัย หรือเปล่าครับ หลวงอา
- ตะนิ่นตาญี and กีรเต้ like this
#41
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:01
พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงรัฐบาล-เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองพระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์จัดการประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่สอง เรียกร้องให้ทางการพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง และยุติการทำสงครามปราบปรามชนกลุ่มน้อย พร้อมจัดการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นเสนอต่อประธานาธิบดีพม่า โดยที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่เข้าห้ามปรามการชุมนุม มีเพียงพระผู้ใหญ่ที่พยายามห้ามเท่านั้น พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงเมื่อ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่เมืองมัณฑะเลย์ ที่มา: Irrawaddy/Mandalay Breeze หนังสือพิมพ์อิระวดี รายงานว่า พระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ได้ประท้วงรัฐบาลตั้งแต่วันอังคาร (15 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยการประท้วงดำเนินต่อกันมาจนถึงวันนี้ (16 พ.ย.) ขณะที่พระชั้นผู้ใหญ่พยยามห้ามปรามพระสงฆ์ไม่ให้ประท้วงภายในวัด ทั้งนี้การประท้วงเกิดขึ้นในอาคารบริเวณวัดมหาเมียตมุนี ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมือง โดยพระสงฆ์ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัย และเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยุติการใช้ทหารปราบปรามชนกลุ่มน้อย และเพิ่มขยายเสรีภาพในการแสดงออกในพม่า มากกว่านั้นพระสงฆ์ยังได้แขวนโปสเตอร์ที่กำแพงเป็นคำขวัญทางการเมืองเป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า ขณะเดียวกันพระสงฆ์อาวุโสในวัดได้อ้างคำสั่งของทางการ และเรียกร้องให้พระสงฆ์หนุ่มยอมลงมาจากอาคาร ขณะที่ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันอังคารพระสงฆ์หนุ่มที่จัดการประท้วงยอมทำตามข้อเรียกร้อง โดยย้ายการชุมนุมไปที่วัดแห่งอื่นและอยู่หน้าวัดด้งกล่าวเพื่อปักหลักประท้วง พระอูมากา หนึ่งในห้าพระสงฆ์ที่จัดการประท้วงบอกผู้สื่อข่าว \อิระวดี\" ว่า เมื่อเวลา 13.00 - 14.00 น. วันนี้ พวกเขาได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศข้อเสนอทางการเมืองอีกครั้ง เขากล่าวว่าพวกเขาจะประท้วงต่อไปจนกว่าจะมีการทำตามข้อเรียกร้อง ทั้งนี้มีประชาชนราว 500 คนยืนฟังการประท้วง มีคนจำนวนมากที่ลงชื่อท้ายข้อเรียกร้องของพระสงฆ์ซึ่งข้อเรียกร้องนี้จะยื่นต่อประธานาธิบดีเต็งเส่ง พระอูมากาบอกด้วยว่า พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของวัดที่พวกเขาย้ายมาประท้วง ได้แจ้งว่าสิ่งที่พวกเขากระทำไม่อยู่ในวินัยสงฆ์ และเรียกร้องให้พวกเขาย้ายไปประท้วงที่อื่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลในเมืองมัณฑะเลย์ยังไม่ได้กระทำการแทรกแซงใดๆ ต่อการประท้วง มีเพียงพระสงฆ์ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงมาจัดการเรื่องนี้ ทั้งนี้อาจเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยการประท้วงของพระสงฆ์เมื่อปี 2550 การประท้วงลุกลามหลังจากพระสงฆ์ที่เมืองป่าโคะกู่ในภาคกลางของพม่าเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเสมือน \"รัฐบาลพลเรือน\" ของพม่าดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็ทำสงครามกับชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่นและยังคงมีการควบคุมตัวนักโทษการเมือง"
คริสตจักรคาทอลิกกับการต่อต้านรัฐบาลของ "อาโรโย่"เป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาต้องทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำประชาชน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หัวหน้าบาทหลวง ออสการ์ ครูซ ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาคนสำคัญของฟิลิปปินส์ แถลงข่าวว่า สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกฟิลิปปินส์ (CBCP: Catholic Bishop Conference of the Philippines) ขอร่วมภาวนาให้ประชาชนผู้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบสันติ และขอให้ประชาชนออกมาแสดงพลัง เพื่อทวงถาม ‘สัจจะ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ’ ต่อไป
ชาว คาทอลิกจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมตามโบสถ์เพื่อสวดภาวนาให้รัฐบาลแสดงความรับ ผิดชอบเรื่องคดีทุจริตซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ตอนนี้
ขณะเดียวกัน โบสถ์คาทอลิกหลายแห่งซึ่งเป็นเึครือข่ายของสภาประมุขฯ ได้ก่อตั้ง ‘ศูนย์แห่งสัจจะ’ หรือ Truth Center ขึ้น เพื่อรับเรื่องจากประชาชนที่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในคดีทุจริตใน โครงการสื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารรัฐบาลของ ปธน.อาร์โรโยด้วย
การประกาศจุดยืนว่า ‘ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล’ ของสภาประมุขฯ ทำให้โฆษกรัฐบาลกล่าวเตือนว่า ขอบเขตของผู้นำศาสนาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องการเมือง และไม่ควร ‘บ่มเพาะความเกลียดชัง’ ลงไปในจิตใจประชาชน ซึ่งการออกโรงเตือนครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าพลังประชาชนทั้ง 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองฟิลิปปินส์ที่ผ่านมา บาทหลวงโรมันคาทอลิกมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้ผู้ประชาชนออกมารวมตัว กันจนสามารถล้มรัฐบาลได้
สำหรับครั้งนี้ หัวหน้าบาทหลวงระดับอาวุโส เอนเจิล ลักดาเมโอ ได้ออกแถลงการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังประชาชนครั้งใหม่ เพื่อ ‘ชำระ’ ความทุจริตและอยุติธรรมในสังคม และประกาศยอมรับว่า การที่บาทหลวงคาทอลิก ‘โน้มน้าว’ ให้ประชาชนออกมาแสดงพลังในปี 2544 เพื่อขับไล่โจเซฟ เอสตราดา ลงจากตำแหน่ง เป็นผลให้ประธานาธิบดีคนใหม่ก้าวเข้าสู่รัฐบาล และกลับกลายเป็นว่า ประธานาธิบดีผู้นั้นเป็น ‘ผู้นำที่ฉ้อฉลที่สุด’ สภาประมุขฯ จึงขอให้ “ประชาชนเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มาสู่ฟิลิปปินส์” อีกครั้ง
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอไม่ได้จำเพาะเจาะจงเพียงแค่ ปธน.กลอเรีย แมคคาปากัล อาร์โรโย หรือ GMA เพียงลำพัง แต่รวมถึงกระบวนการทุจริตที่เชื่อมโยงไปถึง โฮเซ่ มิเกล อาร์โรโย สามีของเธอด้วย เขาจึงเรียกร้องให้ชาวฟิิลิปปินส์สนับสนุน โรดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตข้าราชการฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเรียกร้องสินบน และนายโลซาดา หรือ ‘จุน’ ได้ให้การเพิ่มเติมด้วยว่า สามีของ ปธน.อาร์โรโยก็เกี่ยวข้องกับการติดสินก้อนมหึมานี้
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอกล่าวว่า ‘โลซาดาคือผู้กล้าหาญ’ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อเปิดโปงความชั่วร้าย คำกล่าวเช่นนี้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ชาวคาทอลิกจำนวนมากออกมาเป็นแนวร่วม บนท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งสะสางคดีนี้โดยเร็วที่สุด
คาทอลิกฟิลิปปินส์หนุนประชาชนให้ช่วยกันเปิดโปงรัฐบาลทุจริต
โดย เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551บิ ชอปแห่งคริสตจักรโรมัน คาทอลิก ผู้ทรงอิทธิพลในฟิลิปปินส์ ประกาศสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสองคน ซึ่งเปิดโปงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การทุจริตอย่างมโหฬารในรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย พร้อมกันนั้น ยังเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามในการเปิดเผยข้อเท็จจริง
ทั้ง นี้ ในที่ประชุมของบิชอป คาทอลิกแห่งฟิลิปปินส์ ยกย่องนายโฮเซ เดอ เวเนเซีย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายรูดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตที่ปรึกษารัฐบาล ที่นำเรื่องราวการทุจริตในรัฐบาล มาเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งเกี่ยวโยงถึงนายไมค์ อาร์โรโย สามีของประธานาธิบดีอาร์โรโย
ด้านอาร์คบิชอปแองเจล แลคดาเมโอ ผู้นำกลุ่มบิชอปฟิลิปปินส์ กล่าวถึงนายเดอ เวเนเซีย กับนายโลซาดาว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญ ในการเปิดโปงการทุจริตและรับสินบนในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และว่า ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาวะการถูกครอบงำด้วยการทุจริตของผู้คนในรัฐบาลมาอย่าง ยาวนาน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามของคาทอลิก ในการเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทุจริต
อนึ่ง คริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในฟิลิปปินส์ และมีส่วนสำคัญในการโค่นล้มอดีตผู้นำมาแล้วสองคนคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส กับโจเซฟ เอสตราดา.*อยากให้ จข กท อ่านและพิจารณาให้ดีๆ ตราบใดที่ประชาชนในประเทศเดือดร้อน ทุกข์ยากจากรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ลืมกดไล้ค์
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
เพิ่งเห็นว่า หลวงพี่ เข้ามาขอรับ
- ตะนิ่นตาญี and กีรเต้ like this
#42
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:04
พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงรัฐบาล-เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษการเมืองพระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์จัดการประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่สอง เรียกร้องให้ทางการพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง และยุติการทำสงครามปราบปรามชนกลุ่มน้อย พร้อมจัดการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยื่นเสนอต่อประธานาธิบดีพม่า โดยที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่เข้าห้ามปรามการชุมนุม มีเพียงพระผู้ใหญ่ที่พยายามห้ามเท่านั้น พระสงฆ์พม่าจัดการประท้วงเมื่อ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่เมืองมัณฑะเลย์ ที่มา: Irrawaddy/Mandalay Breeze หนังสือพิมพ์อิระวดี รายงานว่า พระสงฆ์หนุ่ม 5 รูปที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ได้ประท้วงรัฐบาลตั้งแต่วันอังคาร (15 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยการประท้วงดำเนินต่อกันมาจนถึงวันนี้ (16 พ.ย.) ขณะที่พระชั้นผู้ใหญ่พยยามห้ามปรามพระสงฆ์ไม่ให้ประท้วงภายในวัด ทั้งนี้การประท้วงเกิดขึ้นในอาคารบริเวณวัดมหาเมียตมุนี ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมือง โดยพระสงฆ์ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวปราศรัย และเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยุติการใช้ทหารปราบปรามชนกลุ่มน้อย และเพิ่มขยายเสรีภาพในการแสดงออกในพม่า มากกว่านั้นพระสงฆ์ยังได้แขวนโปสเตอร์ที่กำแพงเป็นคำขวัญทางการเมืองเป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า ขณะเดียวกันพระสงฆ์อาวุโสในวัดได้อ้างคำสั่งของทางการ และเรียกร้องให้พระสงฆ์หนุ่มยอมลงมาจากอาคาร ขณะที่ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันอังคารพระสงฆ์หนุ่มที่จัดการประท้วงยอมทำตามข้อเรียกร้อง โดยย้ายการชุมนุมไปที่วัดแห่งอื่นและอยู่หน้าวัดด้งกล่าวเพื่อปักหลักประท้วง พระอูมากา หนึ่งในห้าพระสงฆ์ที่จัดการประท้วงบอกผู้สื่อข่าว \อิระวดี\" ว่า เมื่อเวลา 13.00 - 14.00 น. วันนี้ พวกเขาได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศข้อเสนอทางการเมืองอีกครั้ง เขากล่าวว่าพวกเขาจะประท้วงต่อไปจนกว่าจะมีการทำตามข้อเรียกร้อง ทั้งนี้มีประชาชนราว 500 คนยืนฟังการประท้วง มีคนจำนวนมากที่ลงชื่อท้ายข้อเรียกร้องของพระสงฆ์ซึ่งข้อเรียกร้องนี้จะยื่นต่อประธานาธิบดีเต็งเส่ง พระอูมากาบอกด้วยว่า พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของวัดที่พวกเขาย้ายมาประท้วง ได้แจ้งว่าสิ่งที่พวกเขากระทำไม่อยู่ในวินัยสงฆ์ และเรียกร้องให้พวกเขาย้ายไปประท้วงที่อื่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลในเมืองมัณฑะเลย์ยังไม่ได้กระทำการแทรกแซงใดๆ ต่อการประท้วง มีเพียงพระสงฆ์ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงมาจัดการเรื่องนี้ ทั้งนี้อาจเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยการประท้วงของพระสงฆ์เมื่อปี 2550 การประท้วงลุกลามหลังจากพระสงฆ์ที่เมืองป่าโคะกู่ในภาคกลางของพม่าเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเสมือน \"รัฐบาลพลเรือน\" ของพม่าดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็ทำสงครามกับชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่นและยังคงมีการควบคุมตัวนักโทษการเมือง"
คริสตจักรคาทอลิกกับการต่อต้านรัฐบาลของ "อาโรโย่"เป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาต้องทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำประชาชน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หัวหน้าบาทหลวง ออสการ์ ครูซ ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาคนสำคัญของฟิลิปปินส์ แถลงข่าวว่า สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกฟิลิปปินส์ (CBCP: Catholic Bishop Conference of the Philippines) ขอร่วมภาวนาให้ประชาชนผู้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเป็นไปอย่างสงบสันติ และขอให้ประชาชนออกมาแสดงพลัง เพื่อทวงถาม ‘สัจจะ ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ’ ต่อไป
ชาว คาทอลิกจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมตามโบสถ์เพื่อสวดภาวนาให้รัฐบาลแสดงความรับ ผิดชอบเรื่องคดีทุจริตซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ตอนนี้
ขณะเดียวกัน โบสถ์คาทอลิกหลายแห่งซึ่งเป็นเึครือข่ายของสภาประมุขฯ ได้ก่อตั้ง ‘ศูนย์แห่งสัจจะ’ หรือ Truth Center ขึ้น เพื่อรับเรื่องจากประชาชนที่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในคดีทุจริตใน โครงการสื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารรัฐบาลของ ปธน.อาร์โรโยด้วย
การประกาศจุดยืนว่า ‘ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล’ ของสภาประมุขฯ ทำให้โฆษกรัฐบาลกล่าวเตือนว่า ขอบเขตของผู้นำศาสนาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องการเมือง และไม่ควร ‘บ่มเพาะความเกลียดชัง’ ลงไปในจิตใจประชาชน ซึ่งการออกโรงเตือนครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าพลังประชาชนทั้ง 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองฟิลิปปินส์ที่ผ่านมา บาทหลวงโรมันคาทอลิกมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้ผู้ประชาชนออกมารวมตัว กันจนสามารถล้มรัฐบาลได้
สำหรับครั้งนี้ หัวหน้าบาทหลวงระดับอาวุโส เอนเจิล ลักดาเมโอ ได้ออกแถลงการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังประชาชนครั้งใหม่ เพื่อ ‘ชำระ’ ความทุจริตและอยุติธรรมในสังคม และประกาศยอมรับว่า การที่บาทหลวงคาทอลิก ‘โน้มน้าว’ ให้ประชาชนออกมาแสดงพลังในปี 2544 เพื่อขับไล่โจเซฟ เอสตราดา ลงจากตำแหน่ง เป็นผลให้ประธานาธิบดีคนใหม่ก้าวเข้าสู่รัฐบาล และกลับกลายเป็นว่า ประธานาธิบดีผู้นั้นเป็น ‘ผู้นำที่ฉ้อฉลที่สุด’ สภาประมุขฯ จึงขอให้ “ประชาชนเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่มาสู่ฟิลิปปินส์” อีกครั้ง
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอไม่ได้จำเพาะเจาะจงเพียงแค่ ปธน.กลอเรีย แมคคาปากัล อาร์โรโย หรือ GMA เพียงลำพัง แต่รวมถึงกระบวนการทุจริตที่เชื่อมโยงไปถึง โฮเซ่ มิเกล อาร์โรโย สามีของเธอด้วย เขาจึงเรียกร้องให้ชาวฟิิลิปปินส์สนับสนุน โรดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตข้าราชการฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเรียกร้องสินบน และนายโลซาดา หรือ ‘จุน’ ได้ให้การเพิ่มเติมด้วยว่า สามีของ ปธน.อาร์โรโยก็เกี่ยวข้องกับการติดสินก้อนมหึมานี้
หัวหน้าบาทหลวงลักดาเมโอกล่าวว่า ‘โลซาดาคือผู้กล้าหาญ’ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อเปิดโปงความชั่วร้าย คำกล่าวเช่นนี้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ชาวคาทอลิกจำนวนมากออกมาเป็นแนวร่วม บนท้องถนนเพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งสะสางคดีนี้โดยเร็วที่สุด
คาทอลิกฟิลิปปินส์หนุนประชาชนให้ช่วยกันเปิดโปงรัฐบาลทุจริต
โดย เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551บิ ชอปแห่งคริสตจักรโรมัน คาทอลิก ผู้ทรงอิทธิพลในฟิลิปปินส์ ประกาศสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสองคน ซึ่งเปิดโปงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การทุจริตอย่างมโหฬารในรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย พร้อมกันนั้น ยังเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามในการเปิดเผยข้อเท็จจริง
ทั้ง นี้ ในที่ประชุมของบิชอป คาทอลิกแห่งฟิลิปปินส์ ยกย่องนายโฮเซ เดอ เวเนเซีย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายรูดอลโฟ โลซาดา จูเนียร์ อดีตที่ปรึกษารัฐบาล ที่นำเรื่องราวการทุจริตในรัฐบาล มาเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งเกี่ยวโยงถึงนายไมค์ อาร์โรโย สามีของประธานาธิบดีอาร์โรโย
ด้านอาร์คบิชอปแองเจล แลคดาเมโอ ผู้นำกลุ่มบิชอปฟิลิปปินส์ กล่าวถึงนายเดอ เวเนเซีย กับนายโลซาดาว่าเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญ ในการเปิดโปงการทุจริตและรับสินบนในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และว่า ฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาวะการถูกครอบงำด้วยการทุจริตของผู้คนในรัฐบาลมาอย่าง ยาวนาน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนความพยายามของคาทอลิก ในการเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทุจริต
อนึ่ง คริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในฟิลิปปินส์ และมีส่วนสำคัญในการโค่นล้มอดีตผู้นำมาแล้วสองคนคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส กับโจเซฟ เอสตราดา.*อยากให้ จข กท อ่านและพิจารณาให้ดีๆ ตราบใดที่ประชาชนในประเทศเดือดร้อน ทุกข์ยากจากรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ลืมกดไล้ค์
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
เพิ่งเห็นว่า หลวงพี่ เข้ามาขอรับ
จ้ะ
ไหว้พระเถอะ
- ตะนิ่นตาญี and ซีมั่น โลช่า like this
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#43
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:09
แถวๆ นี้ คนที่มีคนนับถือศรัทธาเท่าหลวงปู่ยังไม่มี ประธาน กปปส นนทบุรี นั่นก็ยังไม่มีพลังสนับสนุนพอ และเราคิดว่า จบงานนี้ เขาคงเล่นการเมือง แต่จบงานนี้หลวงปู่กลับวัด ฐานันดรไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยส่วนตัวรู้สึกบริจาคได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ และแนวทางหลวงปู่ก็มีแต่ให้มาตลอด แจกพระ แจกอาหาร สวดมนต์ ห้ามปราศรัยก่นด่า ใจถึงพึ่งได้ ภาพลักษณ์ดูบริสุทธิ์กว่าลุงกำนันอีก เพียงแต่พุทธศาสนิกชนยึดติดว่าบทบาทนี้ไม่เหมาะสมกับท่าน แต่ถ้าไม่มีชาติ ศาสนาก็อยู่ไม่รอด ปล่อยเหลี่ยมครองเมือง นะจ๊ะก็ครองโลก ศาสนาพุทธคงจะแย่แน่นวลถ้าสายมันได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช
#44
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:11
ในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง...หลวงปู่มีมากกว่า คำว่า"แกนนำ"..ค๊าป
จากประสบการที่ได้เข้าวัดหลวงปู่มา...
ทำไหม...ลุงกำนันถึงยอมให้หลวงปู่อยู่แจ้งวัฒนะ..และหลายๆครั่งเวลาประชุมกันต้องถามหลวงปู่เสมอ...
- เสือยิ้มยาก, ตะนิ่นตาญี, คุณฉงน and 3 others like this
#45
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:16
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ลืมกดไล้ค์
ลักษณะของผู้มีศรัทธา (สทฺธา)
สุภูติสูตร
[๒๒๑] ครั้งนั้นแล ท่านพระสุภูติกับสัทธภิกษุ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระสุภูติว่า ดูกรสุภูติ ภิกษุนี้ชื่อไรท่านพระสุภูติกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้ชื่อว่าสัทธะ เป็นบุตรอุบาสกผู้มีศรัทธา ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา พระเจ้าข้าฯ
พ. ดูกรสุภูติ ก็สัทธภิกษุนี้เป็นบุตรของอุบาสกผู้มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา ย่อมเห็นพร้อมในลักษณะของผู้มีศรัทธาทั้งหลายแลหรือฯ
สุ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค บัดนี้เป็นกาลสมควรทรงแสดงลักษณะของผู้มีศรัทธานั้น ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลสมควรทรงแสดงลักษณะของผู้มีศรัทธานั้น ขอพระผู้มีพระภาคพึงตรัสลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาเถิดข้าพระองค์จักทราบบัดนี้ว่า ภิกษุนี้จะเห็นพร้อมในลักษณะของผู้มีศรัทธาทั้งหลายหรือไม่ฯ
พ. ดูกรสุภูติ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระสุภูติทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า...
... ดูกรสุภูติ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษทั้งหลายมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีสุตะมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีสุตะมาก ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ แม้นี้ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน เป็นผู้รับอนุศาสนีย์โดยเคารพ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทนเป็นผู้รับอนุศาสนีย์โดยเคารพแม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในกรณียกิจทั้งสูงและต่ำของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาอันเป็นอุบายในกรณียกิจนั้น อาจทำ อาจจัดได้ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ฯลฯ อาจทำ อาจจัดได้ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ใคร่ธรรม กล่าวคำเป็นที่รัก เป็นผู้มีความปราโมทย์อย่างยิ่ง ในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ใคร่ธรรม เป็นผู้กล่าวคำอันเป็นที่รัก มีความปราโมทย์อย่างยิ่งในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุปรารภความเพียร ฯลฯ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ดูกรสุภูติข้อที่ภิกษุเป็นผู้ได้ตามปรารถนาได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔อันมีในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบันแม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้างยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้างว่า ในภพโน้น เราได้มีชื่ออย่างนั้นมีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น เสวยสุขมีอาหารอย่างนั้น เสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ แม้นี้ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีตมีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฐิ เมื่อตายไป จึงต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วย กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้าเป็นสัมมาทิฐิ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เธอย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมด้วยประการฉะนี้ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลวประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ ท่านพระสุภูติ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า...
... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธา ที่พระผู้มีพระภาคตรัสนี้นั้น มีพร้อมอยู่แก่ภิกษุนี้ และภิกษุนี้ย่อมเห็นพร้อมในลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธาเหล่านี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้เป็นเป็นผู้มีศีล ... สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ภิกษุนี้เป็นผู้มีสุตะมาก ... ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ภิกษุนี้เป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ภิกษุนี้เป็นผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน เป็นผู้รับเอาอนุศาสนีย์โดยเคารพ ภิกษุนี้เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้านในกรณียกิจทั้งหลายทั้งสูงและต่ำ ของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาอันเป็นอุบายในกรณียกิจนั้น อาจทำ อาจจัดได้ ภิกษุนี้เป็นผู้ใคร่ในธรรม กล่าวคำอันเป็นที่รัก เป็นผู้มีความปราโมทย์ยิ่งในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง ภิกษุนี้เป็นผู้ปรารภความเพียร มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ภิกษุนี้เป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ภิกษุนี้ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้างสองชาติบ้าง ฯลฯ เธอระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ ภิกษุนี้พิจารณาเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติกำลังอุปบัติเลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ฯลฯ เธอย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ ภิกษุนี้ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธาที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วนี้ มีพร้อมอยู่แก่ภิกษุนี้ อนึ่ง ภิกษุนี้จักปรากฏในลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธาเหล่านี้พระเจ้าข้าฯ
พ. ดีละๆ สุภูติ ดูกรสุภูติ ถ้าเช่นนั้นเธอพึงอยู่กับสัทธภิกษุนี้เถิดดูกรสุภูติ อนึ่ง เธอพึงหวังจะมาเยี่ยมเยือนตถาคตในกาลใด ในกาลนั้น เธอกับสัทธภิกษุนี้พึงเข้ามาเยี่ยมเยือนตถาคตเถิดฯ
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๔
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ข้อที่ ๒๒๑ หน้าที่ ๓๑๒-๓๑๖
"ศรัทธา" นั้น พระศาสดากล่าวไว้เช่นนี้ขอรับ...
Edited by wat, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:17.
- 10Mz, กีรเต้ and ซีมั่น โลช่า like this
#46
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:19
ถ้างั้นการกระทำของพระในอดีตอย่างสมเด็จพระพนรัต พระสังฆราชอรัญวาสี (มหาเถรคันฉ่อง) พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
หรือพระอาจารย์ของบุเรงนองอย่างมหาเถรวัดกุโสดอก็ผิดวินัยสงฆ์น่ะสิ
- joonkung likes this
#47
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:21
ฝ่ายศาสนจักรจะนิ่งดูดายได้อย่างไร เพราะศาสนจักร(ทุกศาสนา)จะดำรงคงอยู่ได้ต้องอาศัยศรัทธาประชาชนเป็นหลัก*
ลืมกดไล้ค์
ลักษณะของผู้มีศรัทธา (สทฺธา)
สุภูติสูตร
[๒๒๑] ครั้งนั้นแล ท่านพระสุภูติกับสัทธภิกษุ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระสุภูติว่า ดูกรสุภูติ ภิกษุนี้ชื่อไรท่านพระสุภูติกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้ชื่อว่าสัทธะ เป็นบุตรอุบาสกผู้มีศรัทธา ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา พระเจ้าข้าฯ
พ. ดูกรสุภูติ ก็สัทธภิกษุนี้เป็นบุตรของอุบาสกผู้มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา ย่อมเห็นพร้อมในลักษณะของผู้มีศรัทธาทั้งหลายแลหรือฯ
สุ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค บัดนี้เป็นกาลสมควรทรงแสดงลักษณะของผู้มีศรัทธานั้น ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลสมควรทรงแสดงลักษณะของผู้มีศรัทธานั้น ขอพระผู้มีพระภาคพึงตรัสลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาเถิดข้าพระองค์จักทราบบัดนี้ว่า ภิกษุนี้จะเห็นพร้อมในลักษณะของผู้มีศรัทธาทั้งหลายหรือไม่ฯ
พ. ดูกรสุภูติ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระสุภูติทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า...
... ดูกรสุภูติ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษทั้งหลายมีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีสุตะมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีสุตะมาก ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ แม้นี้ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯอีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน เป็นผู้รับอนุศาสนีย์โดยเคารพ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทนเป็นผู้รับอนุศาสนีย์โดยเคารพแม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในกรณียกิจทั้งสูงและต่ำของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาอันเป็นอุบายในกรณียกิจนั้น อาจทำ อาจจัดได้ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ฯลฯ อาจทำ อาจจัดได้ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ใคร่ธรรม กล่าวคำเป็นที่รัก เป็นผู้มีความปราโมทย์อย่างยิ่ง ในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเป็นผู้ใคร่ธรรม เป็นผู้กล่าวคำอันเป็นที่รัก มีความปราโมทย์อย่างยิ่งในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุปรารภความเพียร ฯลฯ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ดูกรสุภูติข้อที่ภิกษุเป็นผู้ได้ตามปรารถนาได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔อันมีในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบันแม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้างยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้างว่า ในภพโน้น เราได้มีชื่ออย่างนั้นมีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น เสวยสุขมีอาหารอย่างนั้น เสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ แม้นี้ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีตมีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฐิ เมื่อตายไป จึงต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วย กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้าเป็นสัมมาทิฐิ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เธอย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมด้วยประการฉะนี้ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลวประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯอีกประการหนึ่ง ภิกษุทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูกรสุภูติ ข้อที่ภิกษุทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ แม้นี้ ก็เป็นลักษณะแห่งศรัทธาของผู้มีศรัทธาฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ ท่านพระสุภูติ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า...
... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธา ที่พระผู้มีพระภาคตรัสนี้นั้น มีพร้อมอยู่แก่ภิกษุนี้ และภิกษุนี้ย่อมเห็นพร้อมในลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธาเหล่านี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้เป็นเป็นผู้มีศีล ... สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ภิกษุนี้เป็นผู้มีสุตะมาก ... ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ภิกษุนี้เป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ภิกษุนี้เป็นผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน เป็นผู้รับเอาอนุศาสนีย์โดยเคารพ ภิกษุนี้เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้านในกรณียกิจทั้งหลายทั้งสูงและต่ำ ของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาอันเป็นอุบายในกรณียกิจนั้น อาจทำ อาจจัดได้ ภิกษุนี้เป็นผู้ใคร่ในธรรม กล่าวคำอันเป็นที่รัก เป็นผู้มีความปราโมทย์ยิ่งในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง ภิกษุนี้เป็นผู้ปรารภความเพียร มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม ภิกษุนี้เป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ภิกษุนี้ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้างสองชาติบ้าง ฯลฯ เธอระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ ภิกษุนี้พิจารณาเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติกำลังอุปบัติเลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ฯลฯ เธอย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ ภิกษุนี้ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธาที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วนี้ มีพร้อมอยู่แก่ภิกษุนี้ อนึ่ง ภิกษุนี้จักปรากฏในลักษณะศรัทธาของผู้มีศรัทธาเหล่านี้พระเจ้าข้าฯ
พ. ดีละๆ สุภูติ ดูกรสุภูติ ถ้าเช่นนั้นเธอพึงอยู่กับสัทธภิกษุนี้เถิดดูกรสุภูติ อนึ่ง เธอพึงหวังจะมาเยี่ยมเยือนตถาคตในกาลใด ในกาลนั้น เธอกับสัทธภิกษุนี้พึงเข้ามาเยี่ยมเยือนตถาคตเถิดฯ
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๔
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาตข้อที่ ๒๒๑ หน้าที่ ๓๑๒-๓๑๖
"ศรัทธา" นั้น พระศาสดากล่าวไว้เช่นนี้ขอรับ...
เข้าใจนะ มหา
แต่เราหมายเอา ศรัทธา (ทางโลก)
ซึ่งมวลชนมีให้คนๆหนึ่ง และ ยินยอมที่จะเดินตามคนนั้น
Edited by กีรเต้, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:22.
- ตะนิ่นตาญี, wat, itsorachai and 2 others like this
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ " https://www.facebook...akwarakfromyala https://www.facebook.com/NARAPEACE
#48
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:26
เข้าใจนะ มหา
แต่เราหมายเอา ศรัทธา (ทางโลก)
ซึ่งมวลชนมีให้คนๆหนึ่ง และ ยินยอมที่จะเดินตามคนนั้น
ก็นี่แหละขอรับ หนทางปฏิปทาที่ถูกทางของ "ศรัทธา" ของพระศาสดาเราขอรับ ถามว่าหลวงพ่อทำผิดวินัยมั้ย... สำหรับกระพ๊มว่าผิดตามธรรมวินัยพระศาสดาขอรับ เพราะนั่นไม่ใช่กิจของท่านตามแนวทางสาวกพระศาสดา ซึ่งไม่ใช่ความผิดร้ายแรงทางวินัย... แต่ทางโลกนั่น... อีกเรื่องขอรับ...
#49
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:29
ผมเคยคิดแบบนี้ ตอนที่เห็นท่านหลวงปู่ออกมาครั้งแรกครับ
แต่ตอนนี้ผมมีหลายเหตุผล ที่มาสนับสนุนตัวเอง ไม่ให้ไปตำหนิท่าน (ขอไม่เอ่ยตรงนี้ครับ)
รู้สึกเช่นเดียวกับท่านเสือยิ้มยาก หลังๆ มานี้ยอมหลวงปู่แล้ว ไม่กล้าตำหนิหลวงปู่อีกแล้ว..
- silence likes this
#50
ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:29
คงงดออกความเห็นในเรื่องนี้ ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร
แต่ให้ข้อคิดไว้ว่า
ในช่วงเวลานี้ ณ จุดที่อยู่นั้น จะหาใครมีบุญ - บารมี ที่จะนำคนได้เท่ากับหลวงพ่อ
ใครที่จะพูด คำเดียว แล้วทุกๆ คน ในที่นั้นรับฟังแล้วทำตาม
ในครั้งอดีต พระคุณเจ้าหลายๆ รูป ก็ได้เคยช่วยชาติบ้านเมืองกันมาแล้วทั้งนั้น
พระที่ช่วยบ้านเมือง ทำนุบำรุงศาสนาไปพร้อมกัน
กับพระที่นั่งงอมืองอเท้ามองดูความเสื่อมไปของศาสนา
วันๆ รอแต่จะให้ญาติโยมและพระที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเอาลาภสักการะมาถวาย
ใครมีค่ามากกว่ากัน
อยากให้ท่านถอนตัวออกมา ก็ต้องหาคนที่มีค่าเท่ากัน ไปนำตรงนั้นแทน แล้วใครจะนำ
ผมนึกถึง หลวงตามหาบัว
ถ้าท่านไม่ทำใครจะมีบารมีมาทำ
คนที่ว่าร้ายท่านนี่สุดๆ แล้ว ไม่อยากด่า
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน