Jump to content


Photo
- - - - -

ได้ภาพมา คนละเวลา....ช่วยบรรยายภาพแทนผมหน่อย..ผมไม่ไหวจริงๆ


  • Please log in to reply
14 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:15

รูปนี้เพิ่งได้มา

 

JvgUgZ.jpg

 

รูปนี้ได้มาก่อน และเคยโพสต์ไปแล้ว

 

cKZJ7w.jpg



#2 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:25

http://www.nationcha...tics/378394138/

 

1zOxJg.jpg



#3 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:27

ไม่รู้ว่า ภาพที่เห็นเป็นชาวนาปัจจุบันหรือครับ ถ้าใช่ ผมเคารพสิทธิ์ของชาวนาพวกนี้นะ พวกท่านเลือกมันมาโกง พวกท่า่นก็ได้รับสิ่่งที่ท่านเลือกมาแล้ว สงสารครับจากใจเลย แต่ที่ได้รับอยู่นี่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา 



#4 ctpk05

ctpk05

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:28

นึกถึงเนื้อหาในวิชาภาษาไทยตอน ม.4 บทหนึ่งครับ

 

 

ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

          ทุกข์ของชาวนาในบทกวี  เป็นบทความพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ที่แสดงให้เห็นถึงการเอาพระทัยใส่ความเข้าพระทัยในปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงมีต่อชาวนา  เนื่องด้วยชาวนาแต่ละท้องที่ล้วนมีสภาพชีวิตและความทุกข์ยากที่ไม่แตกต่างกันเลย  แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่านไปอย่างไรก็ตาม

ผู้แต่ง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  
ลักษณะคำประพันธ์
ร้อยแก้ว  ประเภทบทความ
จุดมุ่งหมายในการแต่ง
เพื่อแสดงพระราชดำริเกี่ยวกับบทกวีของไทยและบทกวีจีน
ซึ่งกล่าวถึงชีวิตและความทุกข์ของชาวนา
ความเป็นมา
ทุกข์ของชาวนาในบทกวี  มีที่มาจากหนังสือรวมบทพระราชนิพนธ์
ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  เรื่อง  มณีพลอยร้อยแสง
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533  ในวโรกาสที่พระองค์
ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ  โดยนิสิตคณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  รุ่นที่ 41
พระราชนิพนธ์นั้นแสดงให้เห็นแนวพระราชดำริเกี่ยวกับบทกวีของไทยและจีนที่กล่าวถึงชีวิต
และความทุกข์ของชาวนาที่มีสภาพชีวิตไม่ได้แตกต่างกันนัก

        ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

               เมื่อครั้งเป็นนิสิต  ข้าพเจ้าได้เคยอ่านผลงานของจิตร  ภูมิศักดิ์  อยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียด  หรือวิเคราะห์อะไร  เพียงแต่ได้ยินคำเล่าลือว่าเขาเป็นคนที่ค้นคว้าวิชาการได้กว้างขวางและลึกซึ้งถี่ถ้วน  ในสมัยที่เราเรียนหนังสือกัน  ได้มีผู้นำบทกวีของจิตรมาใส่ทำนองร้องกัน  ฟังติดหูมาจนถึงวันนี้

                                                            เปิบข้าวทุกคราวคำ                      จงสูจำเป็นอาจิณ
                                                       เหงื่อกูที่สูกิน                                      จึงก่อเกิดมาเป็นคน
                                                           ข้าวนี้น่ะมีรส                                   ให้ชนชิมทุกชั้นชน
                                                       เบื้องหลังสิทุกข์ทน                            และขมขื่นจนเขียวคาว
                                                           จากแรงมาเป็นรวง                          ระยะทางนั้นเหยียดยาว
                                                       จากกรวงเป็นเม็ดพราว                        ส่วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ
                                                           เหงื่อหยดสักกี่หยาด                       ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
                                                       ปูดโปนกี่เส้นเอ็น                                 จึงแปรรวงมาเปิบกิน
                                                           น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง                            และน้ำแรงอันหลั่งริน
                                                       สายเลือดกูท้งสิ้น                                ที่สูชดกำชาบฟัน


"ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า"


#5 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:33

สายเลือดกู ทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน


Posted Image


#6 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:38

ไม่รู้ว่า ภาพที่เห็นเป็นชาวนาปัจจุบันหรือครับ ถ้าใช่ ผมเคารพสิทธิ์ของชาวนาพวกนี้นะ พวกท่านเลือกมันมาโกง พวกท่า่นก็ได้รับสิ่่งที่ท่านเลือกมาแล้ว สงสารครับจากใจเลย แต่ที่ได้รับอยู่นี่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา 

 

เด๋วจะกลับไปลองเข้าเวปเขาดูครับ ว่าเป็นภาพของเมื่อไหร่

 

แต่ผมว่าน่าจะเป็นช่วงนี้แหละ เพราะเป็นช่วงที่ชาวนาบางครอบครัวจนสุดๆ



#7 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:42

 

นึกถึงเนื้อหาในวิชาภาษาไทยตอน ม.4 บทหนึ่งครับ

 

 

ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

          ทุกข์ของชาวนาในบทกวี  เป็นบทความพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ที่แสดงให้เห็นถึงการเอาพระทัยใส่ความเข้าพระทัยในปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงมีต่อชาวนา  เนื่องด้วยชาวนาแต่ละท้องที่ล้วนมีสภาพชีวิตและความทุกข์ยากที่ไม่แตกต่างกันเลย  แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่านไปอย่างไรก็ตาม

ผู้แต่ง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  
ลักษณะคำประพันธ์
ร้อยแก้ว  ประเภทบทความ
จุดมุ่งหมายในการแต่ง
เพื่อแสดงพระราชดำริเกี่ยวกับบทกวีของไทยและบทกวีจีน
ซึ่งกล่าวถึงชีวิตและความทุกข์ของชาวนา
ความเป็นมา
ทุกข์ของชาวนาในบทกวี  มีที่มาจากหนังสือรวมบทพระราชนิพนธ์
ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  เรื่อง  มณีพลอยร้อยแสง
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533  ในวโรกาสที่พระองค์
ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ  โดยนิสิตคณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  รุ่นที่ 41
พระราชนิพนธ์นั้นแสดงให้เห็นแนวพระราชดำริเกี่ยวกับบทกวีของไทยและจีนที่กล่าวถึงชีวิต
และความทุกข์ของชาวนาที่มีสภาพชีวิตไม่ได้แตกต่างกันนัก

        ทุกข์ของชาวนาในบทกวี

               เมื่อครั้งเป็นนิสิต  ข้าพเจ้าได้เคยอ่านผลงานของจิตร  ภูมิศักดิ์  อยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียด  หรือวิเคราะห์อะไร  เพียงแต่ได้ยินคำเล่าลือว่าเขาเป็นคนที่ค้นคว้าวิชาการได้กว้างขวางและลึกซึ้งถี่ถ้วน  ในสมัยที่เราเรียนหนังสือกัน  ได้มีผู้นำบทกวีของจิตรมาใส่ทำนองร้องกัน  ฟังติดหูมาจนถึงวันนี้

                                                            เปิบข้าวทุกคราวคำ                      จงสูจำเป็นอาจิณ
                                                       เหงื่อกูที่สูกิน                                      จึงก่อเกิดมาเป็นคน
                                                           ข้าวนี้น่ะมีรส                                   ให้ชนชิมทุกชั้นชน
                                                       เบื้องหลังสิทุกข์ทน                            และขมขื่นจนเขียวคาว
                                                           จากแรงมาเป็นรวง                          ระยะทางนั้นเหยียดยาว
                                                       จากกรวงเป็นเม็ดพราว                        ส่วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ
                                                           เหงื่อหยดสักกี่หยาด                       ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
                                                       ปูดโปนกี่เส้นเอ็น                                 จึงแปรรวงมาเปิบกิน
                                                           น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง                            และน้ำแรงอันหลั่งริน
                                                       สายเลือดกูท้งสิ้น                                ที่สูชดกำชาบฟัน

 

 

"หงา คาราวาน" ใช่ไหมครับที่มาใส่ทำนอง

 

และเป็นบทเพลงที่กินใจมากๆ



#8 อาบังคนเหนือ

อาบังคนเหนือ

    สมาชิกระดับรากหญ้า

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,535 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:54

คนรวย......................... วันนี้จะกินข้าวกับอะไร

 

 

คนจน ...........................วันนี้จะเอาอะไรกิน

 

 

อ่านหัวกระทู้แล้วคิดถึงคอลัมน์กิเลนประลองเชิงของไทยรัเรื่องนี้น่ะครับ เลยเอามาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

 

 

เพราะบางทีการมีเงินมากมายก้อไม่ได้ทำให้ชีวิตคนเรามีความสุขเสมอ อย่างเช่นครอบครัวของทักกี้มีเงินจนล้นฟ้า แต่แผ่นดินอยู่ก้อแทบไม่มี

 

 

 

ชาวนาคนหนึ่ง ขณะเพื่อนบ้านขลุกอยู่กับการทำนา เขากลับนอนผึ่งลมอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่...แน่ล่ะ เขาเป็นชาวนายากจน ในฤดูทำนา ...เพื่อนหวังดี ทนไม่ได้ เตือนว่า “แกไม่ควรใช้ชีวิตแบบนี้”

“แล้ว จะให้ใช้ชีวิตแบบไหน” ชาวนายากจนถาม

“แก ต้องขยันมากกว่านี้” เพื่อนรีบบอก “อย่าขี้เกียจในฤดูใบไม้ผลิ อย่ากลัวร้อนในฤดูร้อน นอนดึกแต่ตื่นเช้า เพื่อทำให้ที่นาของแกเต็มไปด้วยรวงข้าว”

“แล้ว หลังจากนั้น เล่า”

“พอ ถูกฤดูใบไม้ร่วง แกก็จะเก็บเกี่ยวข้าวได้มากมาย ถ้าแกกินอยู่อย่างประหยัด แกก็จะเหลือข้าวไว้ขาย พอมีเงินเหลือก็ซื้อที่นาเพิ่มขึ้น จะทำให้ปลูกข้าวได้มากขึ้น ขายข้าวได้มากขึ้น

ภายในเวลาไม่กี่ปี แกก็จะสร้างบ้านหลังใหญ่ ซื้อวัวควายมาไถนา จ้างคนมาทำนาแทน แล้วในที่สุด แกก็จะได้อยู่อย่างสุขสบาย เมื่อมีลูกจ้างทำงานแทน ทีนี้แกก็จะได้นอนสบายๆ”

เพื่อนพูดจบ ชาวนายากจนก็ถามว่า “แล้วตอนนี้ แกคิดว่า ข้ากำลังทำอะไรอยู่”

บทสรุป ความหมายชวนคิด...ของเรื่องคมๆ เรื่องนี้....เส้นทางแห่งความสุข ไม่จำกัดฐานะ

มีเรื่องประกอบคำอธิบาย...งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ ในสวนของลูกศิษย์...หลีไป่ เขียนบทกวี

โลกนี้ เป็นที่พักสรรพสิ่ง...ชีวิตสั้นดังฝันไป ยังสุขได้อีกกี่วาร...

ความ จริงมีว่า ชีวิตเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว จะมัวแต่ซึมเศร้าหรือหลงละโมบอยู่ทำไม ควรสร้างความสุขให้แก่ตัวเองในทุกย่างก้าวของชีวิตจะดีกว่า ไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน ไม่ได้เป็นสิ่งกีดกันความสุข ออกจากชีวิตเรา

ไม่แน่ว่าคนรวยจะมีความสุขอยู่เสมอ และไม่แน่ว่าคนจนจะมีความทุกข์ตลอดไป

สิ่งสำคัญอยู่ที่การค้นหา หนทางแห่งความสุข ที่เหมาะสมกับสถานภาพของตัวเอง

ชาวนายากจน ค้นพบความสุขของตัวเอง จึงไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายให้ต้องเหนื่อยยาก

ความสุข แท้จริง เป็นการรักษาความสมดุลระหว่างความต้องการทางจิตใจ กับการตอบสนองทางร่างกาย หรือศักยภาพที่คนคนนั้นมีอยู่

คนจนที่หาเงินได้ห้าร้อย มีความต้องการเพียงสองร้อย ก็ย่อมมีความสุขได้

ส่วนเศรษฐีร้อยล้าน ที่ต้องการถึงพันล้าน ก็ย่อมไม่มีความสุขอย่างแน่นอน

มนุษย์ ไม่ว่ายากดีมีจน ได้รับการศึกษาสูง หรือพออ่านออกเขียนได้ แต่ถ้าสามารถค้นพบความสุขของตนได้ ก็ถือว่าได้บรรลุความเป็นมนุษย์แล้ว

ไม่ต่างจากนักบวชผู้บรรลุธรรม แต่ประการใดเลย


"ดาบวิเศษแสนคมอยู่ในมือลิงย่อมไร้ประโยชน์_กลับกัน_ยอดฝีมือที่บรรลุแล้ว ใช้กิ่งไม้ไผ่ก็ฆ่าคนได้ "


#9 สัตยวาที

สัตยวาที

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 870 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:04

เปิบข้าว เคล้าน้ำตา โถชาวนา ไม่ได้เงิน

เกลือนั้น ยังแพงเกิน ไม่มีเงิน ซื้อกับกิน

ใบประทวน ต้มไม่ได้ เงินไม่จ่าย น้ำตาริน

ลูกเมีย ต้องอดสิ้น อีกพ่อแม่ แย่ตามกัน

 

ไฮโซ แสนโก้เก๋ แลดูเท่ งามดั่งสวรรค์

พ่อแม่ โกงกินกัน ให้ลูกมัน ใช้จ่ายเพลิน

สุขบน เลือดชาวนา โกงเขามา ไม่ขัดเขิน

ระรื่น ชื่นเหลือเกิน กับเม็ดเงิน ที่โกงมา

 

 

 

ไว้อาลัยชาวนาไทย กระดูกสันหลังของชาติ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน แต่สู้ทรราชย์โกงกินไม่ได้

แดกที แดกทั้งประเทศ ตระกูลชั่วชาติสารเลว ขอให้กรรมตามสนองมันสาสมกับความเลวที่มันทำเถิด 

ขอให้มันและเครือญาติ พวกพ้อง ต้องชดใช้บาปเวรที่ได้กระทำแก่เกษตรกรเป็นสิบเป็นร้อยเท่าทวีคูณด้วยเถิด 


  ขอสาบแช่งคนเลวร้ายทำลายชาติ ให้ไร้สุข มีแต่ทุกข์ ไร้คนรักดูแล อุดมด้วยคนเกลียดชังรังแก

เจ็บป่วย ทรมาน งานการไม่ก้าวหน้า ทำสิ่งใดให้ฉิบหาย วอดวาย อย่าได้พบความสุขใดในทุกชาติภพ


#10 แสงธูป

แสงธูป

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 753 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:05

[quote name="kokkai" post="1049210" timestamp="1391528526"][quote name="ctpk05"

"หงา คาราวาน" ใช่ไหมครับที่มาใส่ทำนอง

และเป็นบทเพลงที่กินใจมากๆ[/quote]
ชื่อเพลง"เปิปข้าว"ครับ
โดยส่วนตัวผมเป็นแฟนเพลง"คาราวาน"มีมีเทปเก็บไว้หลายชุด ที่ชอบมากที่สุดคือเพลง"โคราชขับไสไอ้กัน"ที่"พงษ์เทพ"ร้องไว้ในชุดการแสดงสด"ต้องห้าม ความสุข ทุกข์หนี"เขาทำไว้ดีมากจริงๆ

Edited by แสงธูป, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:05.


#11 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:09

คนรวย......................... วันนี้จะกินข้าวกับอะไร

 

 

คนจน ...........................วันนี้จะเอาอะไรกิน

 

 

อ่านหัวกระทู้แล้วคิดถึงคอลัมน์กิเลนประลองเชิงของไทยรัเรื่องนี้น่ะครับ เลยเอามาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

 

 

เพราะบางทีการมีเงินมากมายก้อไม่ได้ทำให้ชีวิตคนเรามีความสุขเสมอ อย่างเช่นครอบครัวของทักกี้มีเงินจนล้นฟ้า แต่แผ่นดินอยู่ก้อแทบไม่มี

 

 

 

ชาวนาคนหนึ่ง ขณะเพื่อนบ้านขลุกอยู่กับการทำนา เขากลับนอนผึ่งลมอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่...แน่ล่ะ เขาเป็นชาวนายากจน ในฤดูทำนา ...เพื่อนหวังดี ทนไม่ได้ เตือนว่า “แกไม่ควรใช้ชีวิตแบบนี้”

“แล้ว จะให้ใช้ชีวิตแบบไหน” ชาวนายากจนถาม

“แก ต้องขยันมากกว่านี้” เพื่อนรีบบอก “อย่าขี้เกียจในฤดูใบไม้ผลิ อย่ากลัวร้อนในฤดูร้อน นอนดึกแต่ตื่นเช้า เพื่อทำให้ที่นาของแกเต็มไปด้วยรวงข้าว”

“แล้ว หลังจากนั้น เล่า”

“พอ ถูกฤดูใบไม้ร่วง แกก็จะเก็บเกี่ยวข้าวได้มากมาย ถ้าแกกินอยู่อย่างประหยัด แกก็จะเหลือข้าวไว้ขาย พอมีเงินเหลือก็ซื้อที่นาเพิ่มขึ้น จะทำให้ปลูกข้าวได้มากขึ้น ขายข้าวได้มากขึ้น

ภายในเวลาไม่กี่ปี แกก็จะสร้างบ้านหลังใหญ่ ซื้อวัวควายมาไถนา จ้างคนมาทำนาแทน แล้วในที่สุด แกก็จะได้อยู่อย่างสุขสบาย เมื่อมีลูกจ้างทำงานแทน ทีนี้แกก็จะได้นอนสบายๆ”

เพื่อนพูดจบ ชาวนายากจนก็ถามว่า “แล้วตอนนี้ แกคิดว่า ข้ากำลังทำอะไรอยู่”

บทสรุป ความหมายชวนคิด...ของเรื่องคมๆ เรื่องนี้....เส้นทางแห่งความสุข ไม่จำกัดฐานะ

มีเรื่องประกอบคำอธิบาย...งานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิ ในสวนของลูกศิษย์...หลีไป่ เขียนบทกวี

โลกนี้ เป็นที่พักสรรพสิ่ง...ชีวิตสั้นดังฝันไป ยังสุขได้อีกกี่วาร...

ความ จริงมีว่า ชีวิตเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว จะมัวแต่ซึมเศร้าหรือหลงละโมบอยู่ทำไม ควรสร้างความสุขให้แก่ตัวเองในทุกย่างก้าวของชีวิตจะดีกว่า ไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน ไม่ได้เป็นสิ่งกีดกันความสุข ออกจากชีวิตเรา

ไม่แน่ว่าคนรวยจะมีความสุขอยู่เสมอ และไม่แน่ว่าคนจนจะมีความทุกข์ตลอดไป

สิ่งสำคัญอยู่ที่การค้นหา หนทางแห่งความสุข ที่เหมาะสมกับสถานภาพของตัวเอง

ชาวนายากจน ค้นพบความสุขของตัวเอง จึงไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายให้ต้องเหนื่อยยาก

ความสุข แท้จริง เป็นการรักษาความสมดุลระหว่างความต้องการทางจิตใจ กับการตอบสนองทางร่างกาย หรือศักยภาพที่คนคนนั้นมีอยู่

คนจนที่หาเงินได้ห้าร้อย มีความต้องการเพียงสองร้อย ก็ย่อมมีความสุขได้

ส่วนเศรษฐีร้อยล้าน ที่ต้องการถึงพันล้าน ก็ย่อมไม่มีความสุขอย่างแน่นอน

มนุษย์ ไม่ว่ายากดีมีจน ได้รับการศึกษาสูง หรือพออ่านออกเขียนได้ แต่ถ้าสามารถค้นพบความสุขของตนได้ ก็ถือว่าได้บรรลุความเป็นมนุษย์แล้ว

ไม่ต่างจากนักบวชผู้บรรลุธรรม แต่ประการใดเลย

 

นิทานเรื่องชาวนายากจน

 

ผมเคยอ่านครับแต่จำไม่ได้ว่าอ่านจากไหน

 

ตอนนั้นยังคิดเลยว่าคนแต่งเรื่องนี่เก่งจริงๆ



#12 kokkai

kokkai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,237 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:17

 

ไม่รู้ว่า ภาพที่เห็นเป็นชาวนาปัจจุบันหรือครับ ถ้าใช่ ผมเคารพสิทธิ์ของชาวนาพวกนี้นะ พวกท่านเลือกมันมาโกง พวกท่า่นก็ได้รับสิ่่งที่ท่านเลือกมาแล้ว สงสารครับจากใจเลย แต่ที่ได้รับอยู่นี่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา 

 

เด๋วจะกลับไปลองเข้าเวปเขาดูครับ ว่าเป็นภาพของเมื่อไหร่

 

แต่ผมว่าน่าจะเป็นช่วงนี้แหละ เพราะเป็นช่วงที่ชาวนาบางครอบครัวจนสุดๆ

 

 

ต้องขอโทษเพื่อนสมาชิกด้วย ผมตามไปที่เพจนั้นแล้ว

 

มีคนแย้งว่ารูปชาวนานั้นเป็นรูปชาวนาเวียตนาม เขาเอาภาพต้นฉบับมาโพสต์ด้วย

 

ผมดูแล้วน่าจะจริงตามที่แย้ง จึงขอโทษเพื่อนสมาชิกที่แชร์ โดยไม่ไปดูที่เพจต้นฉบับ :(

 

IVoY9D.jpg



#13 nomoreshin

nomoreshin

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 417 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:23

ตระกูลชินวัตรคงจะคิดว่าตายแล้วคือสิ้นสุด
แต่ความเป็นจริงแล้ว ชีวิตหลังความตายนั้นมีแต่ไม่เคยมีใครกลับมาบอก
ถึงจุดนั้น มีแต่บุญกุศลที่เคยทำมาเท่านั้นที่จะทำให้สุขสบายได้
พวกมันสบายก่อนลำบากทีหลังแน่นอน

Edited by nomoreshin, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:24.

สิ่งที่นักการเมืองไทยไม่เคยรู้และประชาชนไม่จำเป็นต้องบอก

หากปกครองด้วยความลุแก่อำนาจ หยิบยื่นแต่ความอิ่มหนำสำราญให้แต่กับพวกพ้องของตน สร้างความคับแค้นให้กัดกินในใจผู้คนทั่วไป วันหนึ่งคนเหล่านั้นจะลุกขึ้นมาทำอะไรก็ได้ เพราะไม่มีอะไรที่จะเสีย..

#14 ไข่ต้ม

ไข่ต้ม

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 70 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:45

เพิ่งดู  ไทยพีบีเอส  ตอบโจทย์  ตัวแทนชาวนาแต่ละท่านพูดได้โดนใจจริงๆ  ทุกคำพูดสื่อให้เห็นความเจ็บช้ำ 

คำพูดที่มาจากฐานความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้  สุดจะบรรยาย  โดยเฉพาะ  " ไหว้ล่ะครับ  ลาออกไปเถอะ  ..............."  ละอายไหมครับ ? :huh:  :huh:  :huh: 


Edited by ไข่ต้ม, 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:47.


#15 faraway

faraway

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 464 posts

ตอบ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:47

ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ชาวบ้าน ชาวเมือง ในเมืองไทย ที่กินข้าวกับพริกก็มี

 

ไม่ต่องชาวนาเวียดนามดอก

 

สมัยก่อนเราเป็นชาวป่า ชาวสวน อย่าว่าข้าวกับเกลือ กับพริกเลย

 

ข้าวเปล่ายังไม่มีจะกินเลยด้วยซ้ำ

 

บางทีเอาจานเปล่า ไปขอยืมข้าวสารข้างบ้านมาหุงกินสักมื้อ

 

ข้าวคลุกกะปี น้ำปลา แสนอร่อย

 

บางมื้อบางวัน ยังต้องไปขุดหาหัวมันมาต้มกินกันตายเลย

 

หมาที่เลี้ยงตั้งแต่เกิดจนตาย จำไม่ได้ว่ามันเคยกินข้าวสักกี่มื้อ

 

เพราะอาหารหลักคือน้ำข้าว

 

คนบางคนอาจไม่เคยเจอ เห็นภาพนี้ก็ตกใจ

 

ก็ยังไปนึกว่ามีแต่ชาวนาเวียดนามมั้ง






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน