กระทู้ถามง่าย ตอบง่าย สบายๆ ตรงๆแมนๆครับ ไม่ต้องนอกเรื่อง นอกประเด็น
กล้ายอมรับความจริงกันไหมครับว่า
การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. มีการติดอาวุธ อาทิเช่น (ปืน)......
กลุ่มกองทัพธรรมที่โดนสลายการชุมนุมไม่มี
กองทัพธรรมกองทัพประชาชน ก็ได้ตกลงอย่างเดียวกัน และยืนยันว่าไม่มีใครมีอาวุธ
ที่เวทีแจ้งวัฒนะของหลวงปู่พุทธอิสระก็เช่นเดียวกัน ผมเป็นห่วงท่านมากเพราะอยู่ไกล เรายกกำลังไปช่วยยาก แต่ก็ได้บอกลูกศิษย์ผ่านทางการปราศรัยของผมเมื่อคืนว่าให้ช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนหลวงปู่ด้วย และผมได้ติดต่อพูดโทรศัพท์กับหลวงปู่หลายครั้ง หลวงปู่ยืนยันว่าดูแลพี่น้องมวลมหาประชาชนได้ และสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้
ส่วนเวทีที่กระทรวงพลังงาน รู้แล้วว่ากำลังน้อย ก็พยายามขอให้พี่น้องที่เฝ้าพื้นที่กระทรวงพลังงานให้เขาถอนกลับมา หรือไม่ก็ไปร่วมกับหลวงปู่ที่เวทีแจ้งวัฒนะ
แต่คุณหมอระวี มาศฉมาดล กรรมการ กปปส. บอกว่า ได้ต่อสู้อยู่ที่นั่นนานแล้ว และอย่างไรก็ยืนยันว่าจะรักษาพื้นที่นั้นไว้ จะถูกจับกุมก็ต้องยอม และจะไม่มีการใช้อาวุธในการต่อสู้แต่อย่างใด
พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเช้าเราก็ได้เคลื่อนมวลมหาประชาชนของเราไปยังจุดต่าง ๆ ที่ผมกราบเรียนเอาไว้ โดยมีคุณพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุณชุมพล จุลใส และคุณสกลธี ภัททิยะกุล ก็เป็นชุดแรกออกเดินทาง 6.00 น. รวบรวมพี่น้องขึ้นรถยนตร์ไปก่อน เพราะรู้ว่าเจ้าหน้าที่เตรียมการตั้งแต่ 4.00 น. ส่วนพี่น้องที่เหลือเดินเท้าไปพร้อมกับผมตอน 7.30 น.
เมื่อเราไปถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล เราก็ได้ตั้งเวทีบนรถกระจายเสียง และพี่น้องประชาชนก็ช่วยกันล้อมทำเนียบรัฐบาลเอาไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ก็ส่ง พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. มาเจรจาต่อรองกับพวกเราจะขอพื้นที่ถนนที่พี่น้องเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ยึดอยู่ด้านข้างของทำเนียบ คือถนนพิษณุโลก ที่ตั้งอยู่ระหว่างทำเนียบกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.)
เราก็บอกว่าเราให้ไม่ได้ เพราะว่าพี่น้องเราได้ชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญได้มีบทบัญญัติรับรองสิทธิของประชาชนเอาไว้ ที่จะต้องต่อสู้กับรัฐบาลที่ประชาชนเห็นว่าเป็นทรราช โดยวิธีสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ฉะนั้นเป็นสิทธิของประชาชนที่จะได้นั่งต่อสู้ต่อไป ไม่สามารถคืนได้
เขาก็มาต่อรองใหม่ จะขอพื้นที่ถนนราชดำเนิน ให้เปิดมีการจราจรได้ทั้งสาย โดยไม่มีพวกเรามาชุมนุม มากีดขวาง ตัวแทนของเราก็ได้บอกกับเขาตรง ๆ ว่า เรามาชุมนุมเพราะว่าเราไม่ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีอำนาจในการปกครองบ้านเมืองต่อไป และเราไม่ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาล ฉะนั้นไม่สามารถจะเปิดถนนราชดำเนินตามที่ฝ่ายตำรวจเรียกร้อง
เราจะเปิดถนนราชดำเนินให้ ก็ต่อเมื่อ ศรส. ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า ยิ่งลักษณ์จะไม่กลับเข้ามาทำงานที่ทำเนียบอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะยกกำลังออกทันที
เจรจาต่อรองกันอยู่อย่างนี้ พอสักประมาณ 11.00 น. ก็เกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืน ได้ยินเสียงระเบิด ที่บริเวณผ่านฟ้า ที่เป็นที่ชุมนุมของกองทัพธรรมกองทัพประชาชน มวลมหาประชาชนที่อยู่รอบทำเนียบรัฐบาล ก็เป็นห่วงพี่น้องที่ชุมนุมที่ผ่านฟ้าอย่างยิ่ง เพราะเราเป็นพี่น้องร่วมอุดมการณ์
ผมเรียนกับท่านทั้งหลาย ทันทีที่ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด ผมรั้งไม่ทัน มีพี่น้องประชาชนเราเกือบ 2,000 คน ก็วิ่งไปที่ผ่านฟ้าด้วยความรัก ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนด้วยกัน ไม่มีใครกลัวเสียงปืน เสียงระเบิด ผมรั้งเอาไว้ไม่ได้
ผมกับคุณชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ก็เลยตัดสินใจไปนั่งขวางทางกลางสะพานมัฆวาน แล้วชวนพี่น้องทั้งหลายนั่งลงหมด เพื่อไม่ให้พี่น้องที่เหลือวิ่งไปที่ผ่านฟ้าได้อีก ก็น่าชื่นชมพี่น้องส่วนใหญ่ก็เชื่อฟัง ทุกคนก็นั่งตากแดด มองดูไปที่บริเวณที่กองทัพธรรมกองทัพประชาชนเขาตั้งอยู่ เอาใจช่วยพี่น้องที่นั่นให้ปลอดภัย
ผมได้โทรศัพท์ถึง ร.ต.แซมดิม เลิศบุศย์ ว่า สถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไร จะให้พวกผมเคลื่อนกำลังพี่น้องไปอยู่ด้วย ร่วมต่อสู้ด้วยหรือไม่ ร.ต.แซมดิน บอกผมว่า ยังไม่ต้องมา ขออย่ามา ขออย่าไปตรงนั้น เพราะว่ากำลังชุลมุนกันมาก
ทางฝ่ายกองทัพธรรมกองทัพประชาชนพยายามควบคุมสถานการณ์อยู่ สักครู่ ร.ต.แซมดิน โทรศัพท์กลับมาบอกว่าคุมสถานการณ์ได้แล้วในฝ่ายประชาชน แต่ในฝ่ายสถานที่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังไม่ยอม
ผมก็สอบถาม ร.ต.แซมดิน ว่า มันเป็นอย่างไร เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ร.ต.แซมดิน บอกว่า ตั้งแต่ 10.00 น. ที่ตำรวจส่งตัวแทนเข้ามาเจรจานั้น ที่จริงตำรวจยกกำลังไปตั้งประชิดกลุ่มผู้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าตั้งแต่ 7.00 น. แล้ว แต่เพิ่งเริ่มเจรจาตอน 10.00 น. โดยให้นายตำรวจชื่อ พล.ต.ต ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สระแก้ว เป็นผู้มาเจรจากับพี่น้องมวลมหาประชาชนที่ผ่านฟ้า
มาเจรจาตอนแรก ขอเพียงว่าให้เปิดเลนจราจรเพื่อให้การจราจรในถนนราชดำเนินไปได้สักส่วนหนึ่ง ทางฝ่ายมวลมหาประชาชนก็ตกลง ยินดีเปิดเลนให้ เพื่อให้รถวิ่งผ่านได้ เขากลับไปสักครู่ก็มาใหม่ บอกว่า จะขอเปิดการจราจรทุกช่องจราจร จากสะพานผ่านฟ้า จนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์
มวลมหาประชาชนก็เห็นว่า ตำรวจไม่มีเหตุผล ขอเปิดการจราจรให้พอไปได้ก็เปิดให้แล้ว นี่จะเอาหมดเลย ทุกช่องจราจร ซึ่งพวกเราตั้งเวทีกันอยู่ นั่งชุมนุมกันอยู่ 3 – 4 เดือนแล้วที่อยู่ตรงนั้น วันนี้จะมาบังคับเอาให้หมดให้ได้
ผู้ชุมนุมเขาก็ไม่ยอม ได้คืบจะเอาศอก แต่ว่าขณะที่กำลังเจรจากันอยู่นี้ เมื่อยังไม่ตกลงกันได้ ก็พักการเจรจา ก็นึกว่าจะมีการเจรจากันต่อ ที่ไหนได้ ร.ต.แซมดิน บอกว่า เวลาประมาณ 11.40 น. ตำรวจก็บุกเข้ามาเลย บุกเข้ามาใช้กำลัง เข้ามารื้อเตนท์ รื้อที่ชุมนุมของมวลมหาประชาชนที่นั่น เข้ามาในขณะที่พี่น้องประชาชนนั่งสวดมนต์กันอยู่ ตกลงกันตามที่เราพูด
พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เป็นผู้นำสวดมนต์ แล้วบอกให้พี่น้องสงบ ให้สู้อย่างสันติ ให้นิ่งให้สงบ พี่น้องประชาชนก็ทำตาม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ฟังเสียงเลย ทั้ง ๆ ที่นั่งชุมนุมสวดมนต์กันอยู่ ลุยเข้ามาเลย เข้าไปถึงก็ไปทุบไปรื้อเตนท์กระจุยกระจาย ใช้กำลังโดยไม่ฟังเสียง
แล้วก็เริ่มใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนบางคนถูกเหยียบคอทั้ง ๆ ที่ชุมนุม สวดมนต์อยู่
หลังจากนั้นก็ระดมยิง ทั้งปืนยิงแก๊สน้ำตา ทั้งปืนกระสุนยาง แล้วต่อมาก็ยิงด้วยปืน M16 ปืน M79 ถล่มเข้ามาเต็มที่แล้วก็ชุลมุนกันใหญ่ แล้วก็ปรากฏว่ามีใครก็ไม่รู้ผสมโรงยิงออกมาจากวัดปรินายกวรวิหาร ก็เลยเกิดการยิงกัน ชุลมุนกันนาน จนมีเหตุให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิตบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ร.ต.แซมดิน ถึงห้ามไม่ให้พวกเราจากทำเนียบรัฐบาล เข้าไปในพื้นที่เพราะกลัวจะเป็นอันตราย
พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ พยายามจะเทศน์ธรรมะเพื่อให้พี่น้องประชาชนสงบ ก็มีคนไปทำให้เครื่องเสียงเสีย ต้องใช้โทรโข่งพูดกับประชาชน เพื่อควบคุมพี่น้องประชาชนที่ชุมนุมอยู่ ปลุกปล้ำอยู่นานจนกระทั่งติดเครื่องขยายเสียงได้ใหม่ จึงสามารถควบคุมพี่น้องประชาชนไว้ได้
ในช่วงที่เกิดเหตุผมติดต่อกับ ร.ต.แซมดิน ตลอดเวลา พอทราบข่าวด้วยความตกใจว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังรื้อเตนท์ที่ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์อยู่ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เข้าไปห้าม บอกห้ามทำอย่างนั้น แต่ตำรวจจำ อ.สมเกียรติ ได้ว่าคนนี้เป็นแกนนำ กปปส. เลยจับ อ.สมเกียรติ มัดและเอาตัวไปขังไว้ในรถห้องขัง
หลังจากนั้น 30 – 40 นาที ก็มีข่าวส่งมาว่า อ.สมเกียรติ กลับมาได้แล้ว ผมก็ขอพูดโทรศัพท์กับ อ.สมเกียรติ ซึ่ง อ.สมเกียรติ บอกกับผมทางโทรศัพท์ว่า หลุดมาจากกรงแล้ว ไม่รู้ใครเข้าไปช่วย พอมีการยิงกัน ชุลมุน ตำรวจที่เฝ้ารถขังอยู่ก็หนีหมด แล้วก็ลืมใส่กุญแจรถขัง คล้องกุญแจไว้เฉย ๆ แต่ไม่ได้ใส่กุญแจ แล้วมีผู้ชาย 3 คน เข้าไปช่วย อ.สมเกียรติ ให้ออกมา แล้วก็พามาส่งยังจุดที่กองทัพประชาชนกองทัพธรรมนั่งอยู่
ผมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะก่อนหน้านั้นมีข่าวไปแล้วว่าคุณหมอระวี ที่กระทรวงพลังงาน ถูกจับไปแล้ว และพี่น้องมวลชนที่ทำงานอยู่กับคุณหมอระวีก็ถูกจับไปเป็น 100 คน ก็ไม่สบายใจ แต่พอรู้ว่า อ.สมเกียรติ หลุดมาได้ ก็ดีใจ และในที่สุด อ.สมเกียรติ ก็ไปหาเราที่ข้างทำเนียบ และเล่าให้ฟัง
ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีผู้เสียชีวิต แต่รู้ว่ามีคนบาดเจ็บจำนวนมาก เพิ่งมารู้ในภายหลังเมื่อตอนเรากำลังจะกลับมาว่ามีผู้เสียชีวิต 4 ราย
ผมได้ข้อมูลจากเพื่อนที่เป็นตำรวจ เขาบอกว่า ตอนแรกก็เจรจากันดี ๆ แต่พอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ่านคำแถลง รัฐบาลเสร็จ ศรส. สั่งทันทีว่าไม่ต้องเจรจาต่อ ให้ลุยเลย และคนที่สั่งให้นำกำลังเข้ามาลุยเป็นผู้บังคับการตำรวจ จ.ชลบุรี ชื่อ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์
และตำรวจที่บุกเข้ามาทางด้านผ่านฟ้า เป็นตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 คือภาคตะวันออกทั้งหมด
ในที่สุดมวลชนก็รุกคืนพื้นที่ได้ ตำรวจก็วิ่งหนีกระจุยกระจาย ทั้งปืนสั้น ปืนยาว และมวลชนเราก็หอบทั้งปลอกกระสุน ทั้งกระสุนจริง ทั้งปืนสั้นเอาไปให้ผมที่ข้างทำเนียบรัฐบาล
ผมก็ได้ตัดสินใจส่งหลักฐานทั้งหมดนั้นให้สมาชิกวุฒิสภา กรรมการสิทธิมนุษยชนของวุฒิสภา เพื่อให้เขาไปสืบสวนสอบสวนไปค้นหาโดยวิธีการอื่น เพราะไม่กล้าเอาหลักฐานเหล่านี้ส่งให้ตำรวจ
สิ่งที่ผมส่งมอบไปก็มีปลอกกระสุน ทั้งปลอกกระสุนปืนลูกซอง ทั้งลูกกระสุนลูกซองที่ไม่ใช่กระสุนยาง เป็นกระสุนจริง หล่นเรี่ยราดอยู่ คนของเราก็เก็บมาได้
และมีหัวกระสุนหัวหนึ่ง มันยิงมาจากฝั่งผ่านฟ้า แล้วกระสุนก็หลุดมาไกลมาถูกมวลชนของเราที่นั่งอยู่ข้างทำเนียบ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ว่ากระสุนคงหมดแรงแล้ว เราก็เก็บหัวกระสุนนั้นได้ และส่งมอบให้กรรมาธิการไปด้วย
ผมให้คุณชุมพล ยืมถุงมือแพทย์ แล้วก็แกะออกมาดู ปืนนั้นเป็นปืน Baretta ออโตเมติก 9 มม. แล้วก็แม็กกาซีนนั้นยิงหมดแม็ก ไม่มีเหลืออยู่เลยในแม็ก หมายความว่ายิงปืนหมดแม็กจวนตัวแล้ววิ่งเลย ตอนนี้หลักฐานเหล่านี้อยู่ที่วุฒิสมาชิก คุณไพบูลย์ นิติตะวัน คุณประสาน มฤคพิทักษ์ ก็รับไป เพื่อที่จะให้สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ได้ไปพิสูจน์
นอกจากนี้ยังพบว่า มีใบประกันภัยรถยนตร์ มีเอกสารอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ทะเบียนรถด้วย และก็ป้ายโฆษณาหาเสียงของพรรคเพื่อไทย อยู่ตรงนั้นด้วย
ผมอยู่กับพี่น้องประชาชน ไม่มีโอกาสได้ดูโทรทัศน์ แต่มีเพื่อน ๆ ที่ดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน โทรมาบอกว่า หลังเกิดเหตุไม่นานทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ซึ่งเป็นช่องของรัฐบาล ได้ออกข่าวโจมตีมวลมหาประชาชนว่า พวกเราไม่ได้ชุมนุมด้วยความสงบ แต่มีอาวุธทุกอย่าง ปืนสั้นปืนยาว และยิงทำร้ายเจ้าหน้าที่
พี่น้องเห็นไหมครับว่าเราเสียเปรียบ เขามีอำนาจ เขาคุมโทรทัศน์ช่องของรัฐบาล เขาเป็นฝ่ายกระทำโหดร้าย ทารุณ เป็นคนเริ่มความรุนแรง กระทำกับประชาชน”
ทั้งหมดนี้คือเบื้องลึกเบื้องหลังอีกมุมหนึ่งจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นอีกครั้งในวันนี้ จากปากคำของ กำนัน สุเทพ
ก่อนที่จะประกาศ กำนันสุเทพ จะประกาศตามไล่ “ยิ่งลักษณ์” ไปทุกหนทุกแห่ง ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ !
ที่มา: http://www.isranews..../27372-sut.html