Posted by พล.ท.นันทเดช , ผู้อ่าน : 2171 , 14:34:04 น.
หมวด : การเมือง 
พิมพ์หน้านี้ 
โหวต 6 คน
การใช้อาวุธสงครามในลักษณะที่รุนแรงโดยไม่เลือกเป้าหมายในการลอบสังหารบุคคล เพื่อให้เกิดความกลัว โดยการใช้ผู้บริสุทธ์เป็นเหยื่อ ทั้งใน เหตุการณ์ที่ จ.ตราด, ราชประสงค์ และที่ศาลอาญา, ศาลแพ่ง ติดต่อกันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็น “ปกติ” เพราะมันไปเข้าองค์ประกอบของการก่อการร้ายสากล ทุกประการครับ (ส่วนการใช้อาวุธสงครามของกลุ่มป็อบคอร์น จะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมถูกกระทำก่อนและยังจำกัดเป้าการยิงอีกด้วย)
องค์ประกอบ “การก่อการร้ายสากล” นี้ มีสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ทำหน้าที่คุมกติกา โดยซีไอเอให้ความหมายไว้ว่า การปฏิบัติการรุนแรงที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง (Politically Motivated Violence) และมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า หรือคิดไว้ก่อนล่วงหน้า (Premeditated) ที่จะกระทำต่อเป้าหมาย ซึ่งไม่สามารถสู้รบได้ (Noncombatant Targets) และกระทำโดยขบวนการหรือกลุ่มที่ไม่ได้เป็นของรัฐ (Sub-National Group) หรือกระทำโดยสายลับของรัฐหรือตัวแทนของรัฐบาลเอง (Clandestine State Agents)
แม้เรื่องนี้จะออกมาไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ แต่ประชาคมข่าวกรองระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า เกิดจากมวลชนฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นคุณทักษิณฯ และคุณยิ่งลักษณ์ฯ ควรจะระวังบทบาทของกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลให้ดี กลุ่มบุคคลเหล่านี้อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้ได้ง่ายๆครับ เพราะพฤติการณ์เดิมและพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น มันสอดคล้องสนับสนุนกันดังนี้
การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในช่วงเผาบ้านเผาเมืองเมื่อ ปี 53 นั้น ได้มีการนำเด็กมาร่วมชุมนุมด้วย และยังนำเด็กขึ้นมาเป็นโล่ห์กำบังอีกด้วย แต่แปลก ตลอดการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในระยะเวลา 3 เดือนกลับไม่มีเด็กตายสักคนหนึ่ง แสดงว่าการขอคืนพื้นที่ของทหารในรัฐบาลอภิสิทธ์เป็นไปตามมาตราฐานสากล และมีความรอบคอบ แต่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.คราวนี้ มีเด็กเสียชีวิตในที่ชุมนุมถึง 3 คน ดังนั้นใครเป็นคนสั่งการ เรื่องนี้ต้องระวังตัวให้ดี ระวังวิญญาญเด็กจะมาเกาะคอไว้ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ไม่สนุกแน่ครับ
การจัดทำบังเกอร์ของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ในยุคนั้น มีการจัดวางระเบิดไว้ในบังเกอร์ เพื่อป้องกันการบุกทำลายด้วย หลังการชุมนุมยุติลง การตรวจบังเกอร์บางแห่ง ทหารตรวจเจอขนาดระเบิด C4 เลย แต่ของ กปปส.อย่างแรงที่สุดที่ตำรวจพบ คือ หนังสติ๊กครับ
ตลอดเวลาที่ นปช.ทำการชุมนุมในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปรากฏ “ชายชุดดำ” ออกมายิงอาวุธสงครามใส่เป้าหมายของรัฐบาลหรือเอกชนที่ กลุ่ม นปช.ออกมาระบุว่าเป็นพวกรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา(วันเว้นวัน หรือ 2 วันเว้น 1 วันขนาดนั้นเลยครับ) โดยที่กลุ่ม นปช.ไม่เคยโดนระเบิดหรือถูกยิงเลย ซึ่งแตกต่างกับการชุมนุมของ กปปส.ในปัจจุบัน ที่โดนอาวุธสงครามถล่มใส่ตลอดเวลาโดยที่พวก นปช.ไม่เคยโดนเลย เหมือนเดิม นอกจากนั้นยังมีแกนนำ นปช.บางคนออกมาพูดในลักษณะที่ยอมรับชายชุดดำเป็นพวกอีกด้วย จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชายชุดดำกับ กลุ่ม นปช.มีระยะใกล้ชิดกันมาก (คุณธาริตฯ แห่งดีเอสไอก็เคยระบุไว้เช่นนี้)
การขอพื้นที่คืนจากกลุ่ม นปช.ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีการต่อรองกันด้วยการเจรจา ถึงขั้นออกทางโทรทัศน์ให้ประชาชนทราบข้อมูล แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยยอมให้มีการเจรจาผ่านสื่อสาธารณะเลย แต่กลับเป็ยฝ่ายยึดสื่อของรัฐออกมาโฆษณาชวนเชื่อแต่เพียงฝ่ายเดียว
ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตำรวจส่วนใหญ่ใน กทม.ไม่ยอมทำงานให้รัฐบาล และยังแอบช่วยเหลือกลุ่ม นปช.อีกด้วย จนทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องนำเอาตำรวจบ้านนอกเข้ามาช่วย แต่มาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตำรวจชุดนี้ก็ยังช่วย กลุ่ม นปช.เหมือนเดิม และรู้สึกว่าจะหนักกว่าเดิมอีก ดังนั้นการดำรงอยู่ของกลุ่มก่อความรุนแรงฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลจะทำไม่ได้เลย ถ้าตำรวจปฏิบัติ หน้าที่อย่างเที่ยงตรง
การชุมนุมของ กลุ่ม นปช.เมื่อครั้งที่ผ่านมา ก็ปรากฏกองกำลังเขมรเข้ามาทำร้ายทหารและประชาชน กรณีนี้ ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ทราบดี เคยขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ คราวนี้ เขมรก็น่าจะปรากฏตัวอีก เพราะผมเชื่อว่า “การฆ่าเด็กขนาดนี้ คนไทยด้วยกันต้องไม่กล้าทำเด็ดขาดครับ” แม้แต่มือโหดๆ ของกลุ่ม นปช.ก็ไม่กล้าครับ ดังนั้นในเรื่องทหารเขมร ผมเชื่อว่าแกนนำส่วนใหญ่ไม่น่าจะรู้ แต่คนที่รู้ ก็ควรระวังให้ดี จะถูกปิดปากเมื่อศึกสงบ
สถานการณ์ของรัฐบาลในประเทศไทยนั้นแย่มากจนแทบหมดอำนาจรัฐไปแล้ว ส่วนสถานการณ์ทางสากลของรัฐบาล ก็เริ่มหมดความถูกต้องไปทุกทีๆแล้วเช่นกัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากเรื่องการก่อการร้าย และเรื่องข้าวเป็นหลักครับ เพราะเรื่องข้าวมันส่งผลกระทบไปทั้งอาเชียนและสหรัฐฯ ดังนั้นวันนี้กุนซือรัฐบาลจึงเหลือทางออกเพียงทางเดียว คือ ต้องล้มหรือสังหารแกนนำ กปปส.ลงให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะทำได้ก็ต้องทำให้เกราะประชาชนรอบแกนนำลดน้อยลงเท่านั้นครับ ก็ได้แต่เตือนมาให้ระวังกันให้ดีครับ ทั้งการ์ด, แกนนำ และ ผู้ชุมนุม ดังนั้นขยะในที่ชุมนุมต้องจัดระบบทิ้งให้ดี, ผู้ชุมนุมต้องดูแลกันเอง ใครมาลืมกระเป๋าหรือสิ่งของวางไว้แล้วหายตัวไป ต้องรีบเรียกการ์ดมาดู ฯลฯ
ส่วนผมและผองเพื่อนก็จะไปพูด ไปขายของ และไปร่วมชุมนุมกันตามเดิมครับ เพราะกู้ชาติครั้งนี้สำเร็จ ลูกหลานก็จะสบายไปอีกหลายสิบปี และก็อยากดูว่าถ้าคุณทักษิณฯ กลับมาต่อสู้ในกติกาใหม่ จะมีผลอย่างไร
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำ
แม้ยากเย็นแค่ไหนก็ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำแต่เราก็ยังภูมิใจ
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณความดี
โลกนี้ไม่สิ้นหวังถ้ายังมั่นในความดี ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
ส่วนหนึ่งจากเนื้อเพลง "คนดีไม่มีวันตาย"
