Jump to content


Photo
- - - - -

การปฏิรูปภายนอกอาจช่วยอะไรไม่ได้นัก..ถ้าไม่ยอมปฏิรูปภายในกันเสียก่อน หมายถึง คุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล


  • Please log in to reply
6 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 galaxy2

galaxy2

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,063 posts

ตอบ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:05

ยิ่งคนในสังคม มีความโลบโมโทสัน กิเลสหนามากขึ้น  กฏหมายย่อมต้องมีมากขึ้นละเอียดมากขึ้นตาม เพราะคนโกงมักหาช่องทางมุดรูโกง ไม่ก็แก้กฏระเบียบเพื่อโกง...........ดังนั้นควรปฏิรูปภายใน คือคุณธรรม จริยธรรม สามัญสำนักผลประโยชน์ของชาติ เป็นหลัก

 

ประเทศที่เจริญแล้ว อย่างเกาหลี  เขามีความสำนึกและความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อสังคมสูง  ไม่ใช่เพราะกฏหมายเขามีมากหรือมีการปฏิรูปกันอยู่เสมอ...แต่เป็นเพราะเขาปลูกฝังอบรมเยาวชน มารุ่นๆต่อรุ่นแล้ว เมื่อโตขึ้นจึงเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง.......เป็นนายกทำผิดก็ลาออกเอง ถ้ายังด้านอยู่ถูกกดดันนิดหน่อยก็มียางอาย ต้องลาออกไม่ก็ฆ่าตัวตายเพราะทนอัปยศอดสูไม่ไหว

 

....แต่อนิจจาบ้านเรา ผู้ปกครอง และลิ่วล้อ  หน้าด้านหน้าทนฝุดๆ ...แล้วคงไม่พึงหวังความเจริญได้มากนัก


Edited by galaxy2, 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:06.


#2 ธีรเดชน้อย

ธีรเดชน้อย

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,659 posts

ตอบ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:24

บางทีคนเราต้องเรียนรู้การสูญเสียอย่างถึงที่สุดก่อน ถึงจะยอมรับการเปลี่บยแปลงได้ครับ

 

ในหลายๆประเทศที่ผ่านสงครามการสูญเสียมากมาย เรียนรู้ที่จะไม่ผิดพลาดซ้ำ ทำให้พัฒนาประเทศ

 

ได้ดีมากๆ เช่น เยอรมัน ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่มิได้หมายความว่า ทุกประเทศต้องเป็นเช่นนั้น จีน สิงคโปร์ ก็มีรูปแบบ

 

ของตัวเอง สำหรับมุมมองของผม ประเทศไทยวันนี้หากอยากเปลี่ยนประเทศแบบก้าวกระโดด ต้องเรียนรู้การสูญเสียครับ

 

แต่..... ผมคงรับมันไม่ได้  :(


" จุดเริ่มของการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด 2 ปีเศษ มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย มีการนำพรบ.นิรโทษกรรมมาอนุมัติผ่านสภาฯเพื่อช่วยเหลือ น.ช. ทักษิณ ทำให้มวลมหาประชาชนลุกขึ้นประท้วงต่อต้าน แม้จนกระทั่ง ศาลรัฐธรรมนูญและปปช. ได้ตัดสินและชี้มูลความผิดจนต้องพ้นออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศชาติต้องหยุดนิ่ง สุดท้ายเมื่อ พลเอก ประยุทธ ผบ.ทบ.ได้เรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยเพื่อหาทางออกแล้ว โดยขอให้ ครม.ที่ยังคงเหลือลาออกเพื่อตั้งนายกฯเพื่อการปฎิรูปประเทศ แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองและการเสียสละ ทำให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา จำเป็นต้องประกาศยึดอำนาจ   "

 

 


#3 sudthorn

sudthorn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 967 posts

ตอบ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:23

จริยธรรม ธรรมาภิบาล นั้น รัฐธรรมนูญปี 2550ก็เห็นความสำคัญ
ได้มีหมวดเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ดูแล แล้วบ้านเมือง
ก็ยังไม่ดีขึ้น ทั้ง ๆ ที่ประเทศเราก็เป็นเมืองพุทธ แล้วมีใครทำอะไรได้
คนทำผิด ทำเหี้หี้ย มันหน้าด้าน และคนไทยที่ยอมเป็นขี้ข้ามันก็คอย
ปกป้องคนเหี้หี้ย คนระยำ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

จริยธรรม จรรยาบรรณ นี่ต้องเอาใส่หัวตั้งแต่เกิด ดีชั่ว ต้องทำเป็น
ลายลักษณ์อักษรให้จับต้องได้ ให้เข้าใจเหมือนกัน ดูยิ่งลักษณ์ซิครับผม
ทำงานก็ไม่เป็น สมองก็กลวง คิดว่าเป็นนายกไม่ต้องทำอะไรไม่พอ ยัง
ไม่คิดว่าต้องรับผิดชอบ แล้วเอาคนโง่ ปัญญาอ่อน มาเป็นนายกฯทำไม

ประชาชนครับผม หน้าที่พวกนี้เป็นหน้าที่ของประชาชน ค้องอย่ายอม
ให้พวกเหี้หี้ยพวกจัญญไรทำร้ายประเทศไทยได้อีก และต้องเข้าใจให้
เหมือนกันว่า
- ชาติบ้านเมือง ส่วนรวมต้องมาก่อนบุคคล
- คนทำชั่วเลว ทำอัปปรีย์ต้องไม่มีที่ยืนในสังคม
- ต่อให้คิดว่าเก่งอย่างไร เมื่อทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ ออกไป
ฯลฯ
ต้องรับไม่ได้
คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี

#4 mebeam

mebeam

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 775 posts

ตอบ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:42

ผมว่าลุงกำนันสุเทพ ไม่ใช่ผู้นำแสงสว่าง และที่สำคัญเรามาผิดทางกัน

 

จากไทยรัฐครับ

 

ม็อบอหิงสาในอินเดีย คนสามัญที่ไม่ธรรมดา

 

ประเทศอินเดียจะเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2557 พรรค “คนธรรมดา” กำลังได้รับความสนใจ

เพราะเป็นทางเลือกใหม่ต่อสู้อย่างอหิงสาขนานแท้ และมีนโยบายปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

ได้ใจประชาชนอินเดียประมาณ 1,300 ล้าน ไปหลายเปอร์เซ็นต์ พรรคการเมือง “ตัวเต็ง” ในการเลือกตั้งคราวนี้

มีอยู่ด้วยกัน 3 พรรค คือ 1.พรรคคองเกรส (congress) ของนายราหุล คานธี เป็นพรรคเก่าพรรคแก่ ฐานเสียงมั่นคง

2.พรรคภารติยะ ชนะตา (BJP) ของนายหเรนทระ โมดิ แม้จะไม่เก่าแก่ แต่ก็มีประสบการณ์ทางการเมืองมาแล้วอย่างโชกโชน

และ 3.พรรคคนธรรมดา (AAP) ของนายอรวินท์ เกจริวาลเป็นพรรคการเมืองใหม่ เพราะความสด ใหม่

และอุดมการณ์ทางการเมืองเด่นชัด ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เสน่ห์ของพรรคนี้อยู่ที่หัวหน้าพรรคเป็นคนธรรมดา

แม้จะเพิ่งลาออกจากราชการมาเป็นนักการเมือง แต่ก็ชนะการเลือกตั้งมุขมนตรีกรุงเดลีอย่างหักปากกาเซียน

ปัจจุบันมีท่าทีว่าจะแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ด้วยเหตุและปัจจัยหลายประการ นายอรวินท์ เกจริวาล เดิมเป็นข้าราชการ

ถ้าเป็นบ้านเราอาจเทียบได้กับเจ้าหน้าที่สรรพากร ท่านทนสภาพอันแหลกเหลวของคอร์รัปชันไม่ไหว

เมื่ออยู่ไปให้รู้สึกแน่นอกก็เลยลาออก ประกาศตัวลงเล่นการเมือง ชูนโยบายปราบคอร์รัปชันชนิดเข้มข้นและถึงพริกถึงขิง

เส้นทางกว่าจะมาตั้งพรรคการเมือง แม้จะชื่อ พรรคคนธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดา ผศ.ดร.สมบัติ มั่งมีสุขศิริ

หัวหน้าภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เรียนจบปริญญาเอกจากประเทศอินเดีย

และเพิ่งไปอินเดียกลับมาบอกว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคคนธรรมดา เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2554

รูปแบบการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างอหิงสาอย่างแท้จริง ไม่มีอาวุธ และปราศจากความรุนแรงทุกรูปแบบ

“ท่านนำเอาวิธีการของคานธีมาใช้อย่างแท้จริง ในการประท้วงแต่ละครั้ง ไม่มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่

แม้เจ้าหน้าที่จับกุมเอาตัวผู้นำประท้วงไปคุมขังก็ตาม” ฟังอาจารย์เล่าแล้ว ไม่จำเป็นใดๆ ที่จะมองมาทางบ้านเราเมืองเรา

อย่างการประท้วงครั้งสำคัญ “ท่านนำผู้คนไปประท้วงหน้ารัฐสภากรุงเดลี คนไปร่วมหลักแสนคน อินเดียเขามีกฎหมายว่า

ถ้าใครจะประท้วงต้องขออนุญาตก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวไป ท่านยอม ให้จับแต่โดยดี เมื่อเข้าไปอยู่ในคุก

คนนับล้านมาล้อมคุกไว้เฉยๆ เพื่อให้กำลังใจ ไม่ได้คุกคามเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ทำลายสิ่งของราชการ

ยืนยันเคารพสิทธิตามกฎหมาย คนที่มาประกาศชัดเจนว่า มาเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น” ประเด็นที่เรียกร้องคราวนั้นคือ

ต้องการต้านคอร์รัปชัน กำจัดคอร์รัปชันในทุกระบบ โดยขอให้พิจารณากฎหมายชื่อว่า โลกบาล ให้มีองค์กรอิสระ (อย่างแท้จริง)

เข้ามาตรวจสอบนักการเมืองทุกคน ให้มีความโปร่งใสในการทำงาน ให้เป็นรัฐบาลที่ปราศจากการคอร์รัปชัน หลังจากนั้น

ด้วยเจตนาอันมุ่งมั่น ทำให้นายอรวินท์ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมาก เกิดเป็นกลุ่มเป็นก้อนสำคัญขึ้นมา

นอกจากประท้วงข้างถนนแล้ว ยังต่อสู้ตามครรลองประชาธิปไตย คือตั้งพรรคชื่อ พรรคคนธรรมดา (AAP) ขึ้นมา

คนร่วมแนวคิดจากไหนบ้าง คำตอบคือ เป็นสามัญชน คนชั้นรากหญ้าที่เคยเป็นเหยื่อของคอร์รัปชัน

ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่มากในอินเดีย กลุ่มที่สองคือกลุ่มนักวิชาการ ที่เริ่มมีความหวังใหม่กับการต่อต้านคอร์รัปชัน

การเติบโตของพรรคนี้ นอกจากคนหลายกลุ่มเข้ามาร่วมแล้ว ยังได้รับเงินบริจาคทีละเล็กทีละน้อย พรรคไม่มีนายทุนหลัก

และการเคลื่อนไหวทั้งหมดโปร่งใส เมื่อจัดตั้งพรรคขึ้นมา ก็ส่งคนเข้าเลือกตั้ง มุขมนตรีแห่งเดลี ตอนแรกๆ

นักวิเคราะห์คิดว่าพรรคนี้แพ้แน่ๆ ไม่อาจหาญสู้กับพรรคคองเกรสได้ ไม่น่าเชื่อที่พรรคคองเกรสที่ครองที่นั่งมาตลอดที่เดลี

จะมาสู่ยุคพ่ายพรรคคนธรรมดา สาเหตุที่พ่าย อาจารย์สมบัติบอกว่า เพราะพรรคที่ครองเสียงข้างมากมานานเกิดความประมาท

และอีกอย่างคือเป็นพรรคใหม่ เป็นความหวังใหม่ของผู้คน และเป็นธรรมดา “คนที่อยู่ในพรรคเก่ามานานย่อมมีประวัติคอร์รัปชันมาก

เมื่อคนมีความหวังใหม่ เสียงส่วนใหญ่ของผู้โหวตก็จะเป็นคนจนเป็นจำนวนมาก คนที่รวยมีน้อย พอมีความหวังใหม่เกิดขึ้นมาก็เทให้”

ประการสำคัญคือ หัวหน้าพรรคคนธรรมดา เป็นคนมีผลงานดี เขาประกาศชัดเจนว่า ไม่รับอะไรจากการต่อสู้เรียกร้อง

ประท้วงแล้วก็กลับไปอยู่บ้านนอก การทำตัวเป็นคนธรรมดาของเขาก็เป็นเรื่องสำคัญ แสดงให้เห็นว่าเขาต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้มี

การปราบปรามคอร์รัปชันอย่างแท้จริง ทำให้ชาวอินเดียที่ไปอยู่ทุกมุมโลกเห็นความจริงจังของเขา

“เขาเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็นมุขมนตรีกรุงเดลี ชนะพรรคใหญ่แต่เขาก็ยังเป็นคนธรรมดา แต่งชุดธรรมดาไปทำงาน

สมาชิกของเขาวันไปสาบานตัวรับตำแหน่ง เขาขับรถตุ๊กๆที่ได้รับบริจาคจากผู้สนับสนุน ด้วยว่าต้องการสร้างค่านิยมใหม่ในอินเดีย

ว่าจะมีประโยชน์อะไรที่ขับรถคันใหญ่ที่ได้มาจากคอร์รัปชัน” ดร.อุเทน วงษ์สถิตย์ อาจารย์ภาควิชาเดียวกัน และเพิ่งจบมาจากอินเดียเสริม

ผลจากการต่อสู้เพื่อปราบคอร์รัปชัน โดยให้มีองค์กรอิสระอย่างแท้จริง และมีอำนาจตรวจสอบนักการเมือง และข้าราชการทุกระดับชั้น

แม้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายอรวินท์ เกจริวาล จะลาออกไป เพราะกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ผ่านสภา

สาเหตุมาจากพรรคการเมืองเก่าสองพรรคร่วมกันล้มไป พลันเมื่อข่าวการลาออกแพร่ออกไป

เงินบริจาคก็หลั่งไหลเข้ามายังพรรคคนธรรมดาให้เขาต่อสู้ทางการเมือง เฉลี่ยวันละ 3–4 ล้านรูปี กลายเป็นว่า การลาออกเป็นการแสดงสปิริตทางการเมือง

และยังได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมนี้อย่างเต็มพิกัด โอกาสที่นายอรวินท์ เกจริวาล จะชนะในการเลือกตั้งคราวนี้

ดร.สมบัติวิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูง เพราะว่านายอรวินท์เป็นคนวรรณะพ่อค้า ซึ่งเป็นวรรณะกลางๆ

ทำให้วรรณะชั้นต่ำลงไปซึ่งมีเป็นจำนวนมากในอินเดียสนับสนุน เรื่องราวเหล่านี้เคยปรากฏมาแล้วกรณีของ

ดร.เอ็มเบ็ดการ์ “บิดาแห่งรัฐธรรมนูญอินเดีย” อาจารย์สมบัติบอกว่า “สังคมอินเดียต่างจากเรามาก เขามีคนรวยคนจนก็จริง

แต่เรื่องชนชั้นวรรณะสำคัญมาก คนวรรณะกลางๆ อย่างพรรคคนธรรมดาซึ่งมีจำนวนมาก ทำให้พรรคนี้มีโอกาสชนะ”

สาเหตุที่พรรคคนธรรมดาได้ใจชาวอินเดีย นอกจากเป็นคนเอาจริง เดินในเส้นการเมืองอย่างโปร่งใสแล้ว ยังเป็นคนธรรมดา

และที่สำคัญทุกครั้งที่นำประท้วงรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะนำเอาหลักอหิงสาของคานธีมาใช้อย่างเคร่งครัด อหิงสา

“ตามจุดกำเนิดแล้ว เขาไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง มาเป็นล้านก็มาอย่างสงบ อหิงสาไม่ใช่ภายนอกอย่างเดียว ต้องภายในจิตใจด้วย

แค่เขาทำเราโกรธก็ผิดแล้ว” อาจารย์สมบัติทิ้งท้าย โดยไม่ยอมเปรียบเทียบกับบ้านเราแต่อย่างใด.


Edited by mebeam, 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:47.

Fear can hold you prisoner. Hope can set you free.

#5 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 14:54

ผมว่าลุงกำนันสุเทพ ไม่ใช่ผู้นำแสงสว่าง และที่สำคัญเรามาผิดทางกัน จากไทยรัฐครับ

 

คงไม่มีใครบอกได้หรอก ว่าถูกทางหรือไม่ ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่า จะลงเอย อย่างเดิมหรือไม่ ตามคำอมตะที่ว่า "อำนาจรัฐมาจากปากกระบอกปืน"  หรือ จะเกิดสิ่งใหม่ ที่เป็นครั้งแรก ที่จะเกิดขึ้นในโลก  คำอมตะก็จะเปลี่ยนเป็น "อำนาจรัฐมาจากสองมือเปล่ากับส้นตีนของมวลมหาประชาชน"


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#6 galaxy2

galaxy2

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,063 posts

ตอบ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:12

ผมว่ามาไม่ผิดทางหรอกครับ....ไม่งั้นควายแดงจะดิ้นพล่านกันขนาดนี้หรา....เอิ๊กกกก



#7 rat_car

rat_car

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 6 posts

ตอบ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:35

หากไม่เปิดใจ ก็จะไม่รับรู้ความ จั-ญ-ไ-ร ของฝ่ายบริหารที่ตนเองบูชา


Edited by rat_car, 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:36.





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน